วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559

สมาคมต้านโลกร้อนค้านคำสั่ง คสช.ที่ 9/2559 ชี้ คืนความสุขให้กลุ่มทุน

วันที่ 9 มีนาคม นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านโลกร้อน ได้ออกแถลงการณ์ ในนามสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ว่า ตามที่หัวหน้า คสช. ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 โดยการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อให้การดำเนินโครงการหรือกิจการของรัฐในการจัดให้มีสาธารณูปโภคอันจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะสามารถดำเนินการได้โดยรวดเร็ว อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศในด้านเศรษฐกิจและสังคม อาทิ โครงการหรือกิจการด้านการคมนาคมขนส่ง การชลประทาน การป้องกันสาธารณภัย โรงพยาบาล หรือที่อยู่อาศัย โดยในระหว่างที่รอผลการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA/EHIA) ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการหรือกิจการ อาจเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อพิจารณาอนุมัติให้ดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งเอกชนผู้รับดำเนินการตามโครงการหรือกิจการไปพลางก่อนได้นั้น สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนขอคัดการการใช้อำนาจที่เกินความจำเป็น อันขัดต่อเจตนารมณ์ของมาตรา 4 และ 5 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ประกอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 2535 โดยชัดแจ้ง เนื่องจากคำสั่งดังกล่าว ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ แต่อย่างใด อีกทั้งเป็นการส่งเสริมความขัดแย้งและแตกความสามัคคีของประชาชนในชาติ เพราะจะทำให้ภาคประชาชนและภาคประชาสังคมทั่วประเทศออกมาคัดค้านกันอย่างมากมาย รวมทั้งเป็นการทำลาย “หลักการ” ของกฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างสิ้นเชิง ที่มุ่งเน้น “หลักการป้องกันไว้ล่วงหน้า” หรือ Precautionary Principle โดยการกำหนดให้โครงการหรือกิจกรรมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (36+11 ประเภท) จะต้องจัดทำ EIA/EHIA เพื่อให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) พิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบเสียก่อนเท่านั้น

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า คำสั่ง คสช.ที่บัญญัติว่า “ระหว่างที่รอผลการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการหรือกิจการ อาจเสนอครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติให้ดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งเอกชนผู้รับดำเนินการตามโครงการหรือกิจการไปพลางก่อนได้นั้น” เป็นการทำลายหลักการหรือเจตนารมณ์ที่สำคัญของกฎหมายแห่งชาติ เป็นการใช้อำนาจเพื่อเอื้อประโยชน์หรือคืนความสุขให้กลุ่มทุนเท่านั้น และจะเป็นการบีบบังคับการทำหน้าที่ของ คชก. ให้จำต้องให้ความเห็นชอบรายงาน EIA/EHIA ตามที่ครม.อนุมัติไปก่อนล่วงหน้าแล้วเท่านั้น สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จึง ขอเรียกร้องมายังหัวหน้า คสช. ได้โปรดทบทวนการออกคำสั่งที่เกินความจำเป็นดังกล่าวเสีย และหาก คสช.ยังเดินหน้าต่อคำสั่งนี้สมาคมฯและเครือข่ายจะนำความนี้ขึ้นร้องเรียนต่อศาลปกครองสูงสุดและหรือศาลรัฐธรรมนูญตามความในมาตรา 5 ประกอบมาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ต่อไป

ช่อง 3 ปัดกระแสข่าวปลดพนักงานฝ่ายข่าว เพราะรายได้วูบ 25%

ช่อง 3 ปัดกระแสข่าวปลดพนักงานฝ่ายข่าว เพราะรายได้วูบ 25% ไม่เป็นความจริง

1 of 1

คลิกภาพเพื่อขยาย

updated: 09 มี.ค. 2559 เวลา 20:40:50 น.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีมีกระแสข่าวเกิดขึ้นภายในสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ว่ากำลังจะมีการปลดพนักงานในสถานีเนื่องจากรายได้หายไป 25% โดยถูกเชื่อมโยงไปยังกรณีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดังรายการข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ที่ขอยุติบทบาทในการทำหน้าที่พิธีกรลง โดยมีกระแสข่าวอ้างว่าเกี่ยวโยงกับสถานะผลประกอบการของช่อง 3 ในภาพรวม

จากการสอบถามแหล่งข่าวในช่อง 3 รายหนึ่ง กล่าวว่า ช่อง 3 มีพนักงานราย 2,000-3,000 คน โดยเป็นพนักงานสังกัดฝ่ายข่าวประมาณ 500-600 คน โดยจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นมาเป็นผลจากการทำทีวีดิจิตอลเพิ่มอีก 2 ช่อง คือช่อง 13 และช่อง 28

ก่อนหน้านี้ ทางผู้บริหารได้มีการแจ้งกับที่ประชุมระดับผู้บังคับบัญชาว่า จำเป็นจะต้องมีมาตรการปรับประสิทธิภาพ อาทิ ลดเวลาออกอากาศช่วงข่าวลง 1 ชั่วโมง เดิมเริ่ม 11.00-13.30 น. เหลือออกอากาศ 12.00-13.30 น. เป็นต้น โดยเป็นการลดช่วงเวลาของฝ่ายข่าวช่อง 3 ไม่เกี่ยวกับช่วงออกอากาศของบริษัทไร่ส้ม และรายการข่าว 3 มิติ

ทั้งนี้ มีการแจ้งด้วยว่า หากประสิทธิภาพยังไม่เป็นไปตามต้องการ อาจต้องลดจำนวนบุคลากรลง 10% โดยให้มีเวลาช่วงทดลองแผนปรับประสิทธิภาพ 3 เดือน เริ่มตั้งแต่ 1 มีนาคม 2559 เป็นต้นไป

ไล่เลี่ยกันคือมีการปรับลดรายได้พิเศษสำหรับบางตำแหน่ง ทำให้มองได้ว่าเป็นการลดค่าใช้จ่าย

เรื่องเดียวกันนี้ นายสำราญ ฉัตรโท รองกรรมการผุ้จัดการ ช่อง 3 กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ช่องไม่มีนโยบายปลดพนักงานแน่นอน ที่ผ่านมามีนโยบายปรับปรุงประสิทธิภาพจริง เป็นไปตามกลไกการแข่งขันเนื่องจากมีทีวีดิจิตอลเกิดใหม่จำนวนมาก ทุกรายถูกบีบให้ต้องปรับปรุงประสิทธิภาพเหมือนๆ กัน

"ไม่มีครับ ยัง ไม่ได้ปลดใครเลยสักคน ซึ่งในการประชุมระดับผู้บริหารเราก็ให้นโยบายไปหลายรอบ อยู่นิ่งไม่ได้ ทุกช่องตอนนี้ก็เหมือนกันแหละ ต่างคนต่างแข่งขัน อยู่ในภาวะหนีตาย ซึ่งภาวะการแข่งขันทุกคนก็ต้องปรับประสิทธิภาพคนเท่านั้นเอง ก็เหมือนกับทุกองค์กร" นายสำราญกล่าว

อภิสิทธิ์ หนุนอำนาจส.ว.สรรหาแค่ให้กระตุ้นเตือนรบ. อย่าอยู่เหนือ รบ.

“อภิสิทธิ์” ไม่มีปัญหา กรธ. ให้อำนาจศาลรธน. ประชุมร่วม 5 ประธานชี้ขาด แต่ต้องอยู่ในขอบเขตกม. จี้ “มีชัย” เร่งแจงสังคมให้ชัด เชื่อ “บิ๊กตู่” เบรก ส.ว.สรรหาเลือกนายกฯ ช่วยลดแรงเสียดทาน ยัน องค์กรขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ต้องไม่มีอำนาจเหนือ “รบ.-สภาฯ”

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)พิจารณาปรับเนื้อหาในส่วนอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญโดยให้อำนาจประธานศาลรัฐธรรมนูญ จัดประชุมร่วมกับประธานสภาผู้แทนฯ ประธานวุฒิสภา นายกรัฐมนตรี ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานองค์กรอิสระเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด หลักการที่ไม่มีบทบัญญัติโดยใช้เสียงข้างมาก ว่า ไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ต้องวินิจฉัยให้อยู่ภายใต้ขอบเขตกฎหมาย โดยยึดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนไม่อยากให้การเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบนี้มีสามารถวินิจฉัยเรื่องการเมืองได้ด้วย เพราะจะทำให้เกิดปัญหาและนำไปสู่ความขัดแย้ง ซึ่งหากการวินิจฉัยอยู่ในขอบเขต หรือเพื่ออุดช่องว่างทางกฎหมาย ก็ไม่มีปัญหา เพราะที่ผ่านมามีปัญหาว่า เมื่อไม่มีบทบัญญัติชัดเจนว่าจะใช้ช่องทางไหน แต่ตอนนี้ช่องทางชัดเจนแล้ว ก็จะช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้ว จะสามารถบังคับใช้และยอมรับได้ทุกฝ่ายหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ยังไม่มีใครตอบได้ เพราะสิ่งที่เหนือกว่ากฎหมาย คือ การหาทางออกโดยฝ่ายการเมือง หากฝ่ายการเมืองพยายามหาทางออกทุกมิติ รัฐธรรมนูญจะกลายเป็นเรื่องรอง และการคลี่คลายความขัดแย้งในประเทศประชาธิปไตยสามารถทำได้โดยกระบวนการทางการเมืองมากกว่า ผมไม่ได้คัดค้านที่ร่างรัฐธรรมนูญแบบนี้ แต่เตือนว่าอย่าหวังพึ่งกลไกนี้เป็นหลัก

เมื่อถามถึงกรณีที่ กรธ.แก้ไขขั้นตอนการอุทธรณ์คดีต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยให้ที่ประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกาตั้งองค์คณะใหม่มาพิจารณา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าควรกลับไปใช้ตามดีกว่า คือ ให้อุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกา เพราะการยื่นอุทธรณ์ควรชัดเจนว่า ผู้พิจารณาอยู่ในระดับที่สูงกว่าองค์คณะ ซึ่งการกำหนดให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเหมาะสมแล้ว เพราะชัดเจนว่าสูงกว่าการพิจารณาขององค์คณะ การตั้งองค์คณะใหม่จะไม่ชัดเจนว่า จะมีระดับที่สูงกว่าองค์คณะเก่าที่มาจากศาลฎีกาหรือไม่ และหากจะให้มีการอุทธรณ์ต้องมีการจำกัดขอบเขตให้ชัดเจน เช่น มีพยานหลักฐาน หรือข้อเท็จจริง โดยไม่ใช่ว่า เมื่อแพ้คดีจากศาลหนึ่งก็ไปลุ้นคดีอีกศาลหนึ่งโดยการขอเปลี่ยนองค์คณะผู้พิพากษา

เมื่อถามว่า การเปลี่ยนกติกานี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่าเพื่อให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯได้รับอานิสงฆ์จากกรณีนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับบทเฉพาะกาลที่ต้องเขียนให้ชัดเจน เพราะเมื่อมีการเปลี่ยนโครงสร้าง ต้องระบุว่า สิ่งที่ค้างอยู่ตามกติกาเดิมจะให้ไปต่ออย่างไร จึงต้องถาม กรธ.ว่าคิดอย่างไร ขอให้นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.อธิบายเหตุผลและชี้แจงสังคมในการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาส่วนนี้ด้วย เพราะหากไม่ต้องการให้มีผลผูกพันกับคดีที่ค้างอยู่ต้องกำหนดให้ชัดเจนในบทเฉพาะกาล

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีความเห็นของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ต้องการให้มีส.ว.สรรหาในช่วงเปลี่ยนผ่านนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การที่นายกฯยืนยันว่าจะไม่ให้ส.ว.มีอำนาจในการโหวตนายกรัฐมนตรี อาจทำให้แรงเสียดทานลดลง แต่ต้องรวมอำนาจหน้าที่ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะส่วนตัวเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นการสรรหา หรือเลือกไขว้ ประชาชนไม่มีส่วนร่วมอยู่แล้ว และที่บอกว่าต้องการให้ส.ว.มีอำนาจในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศนั้น หากเป็นการขับเคลื่อนเหมือนสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ก็ไม่มีปัญหาอะไร หรือต้องการให้มีองค์กรที่เตือนรัฐบาลเพื่อไม่ให้การปฏิรูปชะงัก ก็ไม่เป็นปัญหา แต่ต้องไม่ไปไกลถึงขั้นจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เพราะจะกลายเป็นเรื่องการเมือง จึงต้องดูว่าจะมีการวางกลไกนี้อย่างไรในช่วงเปลี่ยนผ่าน

“ส่วนตัวเห็นว่าควรจะมีบทบาทในการกระตุ้นเตือนรัฐบาล แต่ไม่ใช่มีอำนาจเหนือรัฐบาล หรือ สภาผู้แทนฯ ไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหา เพราะขณะนี้ยังไม่ชัดเจนเรื่องทิศทาง ซึ่งในระยะยาวเรามีในแนวนโยบายแห่งรัฐอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องทำแผนหรือออกกฎหมาย เพราะจะเป็นการเพิ่มความซับซ้อน สร้างความยุ่งยากในระบบราชการ เกรงว่าแทนที่จะเดินหน้าได้จะกลายเป็นการดึงกันไปมามากกว่า เพราะกลไกที่กำลังจะสร้างขึ้น อาจกลายเป็นเงื่อนไขที่เกิดปัญหาในช่วงเปลี่ยนผ่านมากกว่าจะแก้ปัญหาที่คาดหวังไว้ส่วนจะเป็นรัฐซ้อนรัฐหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอำนาจของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ถ้ามีอำนาจเหนือรัฐบาลก็ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว ซึ่งสิ่งที่จะเป็นหลักประกันในการปฏิรูปประเทศ ไม่ใช่การเขียนกฎหมายหรือเขียนแผนบนแผ่นกระดาษ ต้องให้สังคมสนับสนุน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

"องอาจ" เตือน สนช. อย่าหลงทาง

"องอาจ" เตือน สนช. อย่าหลงทาง
.
วันนี้ 9 มีนาคม 2559 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความเห็นของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ท่านหนึ่งที่ระบุว่า สนช. เห็นตรงกันว่า ควรมี ส.ว. สรรหาทั้งหมดในช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อประคับประคองสถานการณ์บ้านเมือง เพราะเห็นว่าไม่ว่าพรรคเพื่อไทย หรือพรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งจะเกิดการไม่ยอมรับจากอีกฝ่าย จึงควรมี ส.ว. สรรหามาช่วยประคับประคองสถานการณ์ประเทศช่วงหลังเลือกตั้งนั้น
.
นายองอาจ กล่าวว่า ความเห็นของ สนช.

ไม่น่าจะถูกต้องเมื่อย้อนกลับไปดูการเลือกตั้งที่ผ่านมาหลายครั้งจะพบว่าพรรคประชาธิปัตย์ยอมรับผลการเลือกตั้งทุกครั้ง พรรคที่มีเสียงข้างมากก็จัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ได้เสียงน้อยกว่าก็ไปทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลโดยเฉพาะการทุจริตคอรัปชั่น
.
นายองอาจ กล่าวต่อว่า จะเห็นได้ว่าถ้ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรนอกลู่นอกทาง รัฐบาลก็อยู่ได้ตามปกติ แต่สถานการณ์บ้านเมืองมีปัญหาจนนำไปสู่วิกฤตมักเกิดจากผู้มีอำนาจใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ ใช้เสียงข้างมากลากไป โดยไม่ฟังเหตุผลที่แท้จริงของฝ่ายค้านและฝ่ายอื่นๆในสังคม
.
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ถ้า สนช. พิจารณาอย่างรอบด้านก็จะพบว่าต้นตอวิกฤตของบ้านเมืองคืออะไร แต่ยืนยันว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะมีปัญหาหรือไม่ก็ตาม ไม่ได้เกิดขึ้นจากการที่พรรคการเมืองไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง
.
“ ขอฝากไปยัง สนช. ว่าถ้าพวกท่านอยากเป็น ส.ว.สรรหาต่อไปอีก 5 ปี ก็พยายามหาข้ออ้างอื่นๆมาอ้างน่าจะดีกว่า อย่าหลงทางสร้างความเข้าใจผิดกล่าวหาพรรคการเมืองโดยไม่ถูกต้องอีกต่อไป ไม่แน่ใจท่านอยากมี ส.ว.สรรหาเพื่อประคับประคองสถานการณ์บ้านเมืองหรือเพื่อประคับประคองอำนาจของพวกท่านให้ยืนยาวต่อไปมากกว่า” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
‪#‎DemocratTH‬#ประชาธิปัตย์

วิปรัฐชี้ขั้นตอนEIAที่ทำให้โครงการลงทุนล่าช้า

9 มี.ค.59 นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีรายงานการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ว่า คณะกรรมการประสานงานรวม 3 ฝ่าย หรือวิป 3 ฝ่าย ได้ประชุมพิจารณาข้อเสนอเรื่องการปฏิรูประบบประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยได้เชิญผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาชี้แจง และได้พิจารณาความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่มีต่อข้อเสนอของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) รวมทั้งรับฟังความเห็นของสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งทั้งหมดเห็นด้วยกับผลการศึกษาและข้อเสนอของ สปช.เพื่อแก้ไขปัญหาความล่าช้า การปรับปรุงกระบวนการศึกษาและจัดทำรายงาน การบริหารจัดการระบบการประเมินผลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

"วิป 3 ฝ่าย จึงมีมติให้เร่งรัดการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่ สปช.เสนอ และให้รับข้อสังเกตของวิป 3 ฝ่าย ไปพิจารณาประกอบ และจะเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบและเร่งรัดการขับเคลื่อนต่อไป นอกจากนี้ จะติดตามความคืบหน้าในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้สบายใจว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับประเด็นสิ่งแวดล้อมและการปฏิรูปที่เกี่ยวข้อง" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

ทั้งนี้ นายสุวพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ในวันนี้วิป 3 ฝ่าย ยังได้มีมติให้ขับเคลื่อนการปฏิรูประบบการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการปฏิรูปการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งไปพร้อมกันด้วย ซึ่งจะเสนอนายกฯ เพื่อขอความเห็นชอบเช่นเดียวกัน

“เพื่อไทย” ร่อนแถลงการณ์ติงกรณีเอาปฏิบัติการทางทหารมาใช้กับพระสงฆ์

“เพื่อไทย” ร่อนแถลงการณ์ติงกรณีเอาปฏิบัติการทางทหารมาใช้กับพระสงฆ์ ชี้ไม่ถูกต้อง

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง การปฏิบัติของรัฐบาล และ คสช. ต่อพระสงฆ์ ว่า ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนของบุคคลจากการใช้อำนาจของ คสช.และรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ที่ คสช.ได้เข้ายึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยอาศัยประกาศและคำสั่งของ คสช.เป็นเครื่องมือในการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของบุคคล หลายคนต้องถูกทหารควบคุมตัวเข้าค่ายโดยอ้างว่าเพื่อปรับทัศนคติ หลายคนต้องถูกดำเนินคดีเพียงแค่การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร หรือเพื่อตรวจสอบการทุจริตของรัฐบาล ทั้งที่กรณีดังกล่าวเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน

แถลงการณ์ระบุอีกว่า การละเมิดสิทธิมนุษยชนนับวันจะรุนแรงขึ้น ไม่เฉพาะแค่เพียงกับประชาชนทั่วไปเท่านั้น แต่ยังก้าวล่วงไปดำเนินการกับพระสงฆ์ ซึ่งเป็นตัวแทนในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 ที่พระสงฆ์จำนวนหนึ่งจะเดินทางเข้าไปยังพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เพื่อทำกิจกรรมของสงฆ์แต่ถูกทหารเข้าขัดขวาง นำรถฮัมวี่ซึ่งใช้ในราชการทหารมาขวางกั้นปิดไม่ให้พระสงฆ์ได้เข้าในเขตพื้นที่ทั้งที่เป็นพื้นที่ของสงฆ์ จนเกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันระหว่างทหารกับพระสงฆ์ และเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ที่มีพระสงฆ์และประชาชนในนามเครือข่ายองค์กรชาวพุทธ ได้นัดประชุมเพื่อแถลงท่าทีของเครือข่ายต่อความเห็นของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่เห็นว่ามติของมหาเถรสมาคม (มส.) ทำผิดขั้นตอนการเสนอการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช โดยสถานที่ประชุมก็เป็นศูนย์ประชุมของวัดไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใด แต่กลับปรากฏว่าทั้งทหารและตำรวจได้เข้าขัดขวางการดำเนินการดังกล่าวจนการประชุมไม่อาจดำเนินการได้ตามวัตถุประสงค์ ทั้งที่ประเด็นความเห็นของผู้ตรวจการแผ่นดินยังมีความเคลือบแคลงสงสัยถึงอำนาจหน้าที่และความถูกต้องในข้อกฎหมาย ซึ่งพระสงฆ์ และประชาชนสมควรที่จะได้รับสิทธิในการแสดงออกซึ่งข้อท้วงติงได้

“พรรค พท. เห็นว่าการนำปฏิบัติการทางทหารมาใช้กับพระสงฆ์ดังกล่าวนอกจากเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนแล้ว ยังถือเป็นการไม่ให้ความเคารพในกิจกรรมของพระสงฆ์ในบวรพระพุทธศาสนาที่ต้องการแสดงออกในเรื่องที่อยู่ในกิจของสงฆ์ ซึ่งไม่ได้เคลื่อนไหวในทางการเมืองแต่อย่างใด ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติของคนไทย และสถาบันทางศาสนาเป็นที่เคารพรักและศรัทธาของประชาชนไทยทุกส่วน ซึ่งนอกจากจะต้องให้การอุปถัมภ์และคุ้มครองแล้ว รัฐบาลและ คสช. ไม่ควรเข้าไปแทรกแซงการดำเนินกิจกรรมใดๆของพระสงฆ์ตราบใดที่การแสดงออกดังกล่าวไม่ได้เป็นการผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง สิ่งใดที่รัฐบาลมีหน้าที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ก็ควรรีบดำเนินการ เช่น การเสนอสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ไม่ควรปล่อยให้เกิดความขัดแย้งในสังคมต่อไป พรรค พท.ตระหนักว่า ในสังคมเผด็จการดังที่เป็นอยู่ในประเทศไทยขณะนี้นั้น แม้ผู้มีอำนาจจะมีอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่การใช้อำนาจก็ควรคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนด้วย การปฏิเสธไม่ยอมรับสิทธิเสรีภาพของฆราวาส ซึ่งได้เกิดขึ้นหลายครั้งหลายหน และปัจจุบันได้มีการใช้อำนาจดังกล่าวก้าวล่วงไปถึงพระสงฆ์อันเป็นตัวแทนความเคารพนับถือและความศรัทธาของพี่น้องประชาชน นับได้ว่าประเทศนี้กำลังตกอยู่ในความเสื่อมถอยอย่างถึงที่สุด” แถลงการณ์ระบุ

ปปง.สั่งอายัดทรัพย์นายพานทองกับพวกติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตออกโฉนดที่ดินภูเก็ต4,000 ล้าน

ปปง.สั่งอายัดทรัพย์นายพานทองกับพวกติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตออกโฉนดที่ดินหาดฟรีดอมภูเก็ต2แปลงมูลค่ากว่า 4,000 ล้าน

วันนี้(9 มี.ค.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวถึงกรณีตำรวจกองปราบปรามนำหมายศาลเข้าจับกุมนายพานทอง ณ ระนอง ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา หลังคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทุจริตที่ดิน จ.ภูเก็ต ตรวจสอบแล้วมีหลักฐานชัดเจนว่านายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าหน้าที่ที่ดินจังหวัดภูเก็ต กับพวกใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตออกเอกสารสิทธิ

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก ปปง. ได้รับเรื่องและให้ตรวจสอบ นายพานทอง ณ ระนอง กับพวก ว่ามีการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและการออกใบอนุญาตก่อสร้างโดยมิชอบด้วยกฎหมายในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และพังงา ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ที่ดินใน จ.ภูเก็ตร่วมกระทำความผิดดังกล่าว จึงขอให้ ปปง. ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

จากการตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานพบนายพานทอง กับพวก มีพฤติการณ์ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินบริเวณต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต อยู่ที่บริเวณหาดฟรีดอม 2 แปลง แต่การขอออกโฉนดที่ดินในที่ดินที่มิได้มีการแจ้งการครอบครองตามกฎหมายที่ดิน โฉนดที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขานาคเกิด และยังไม่ปรากฏว่ามีการกันพื้นที่ดังกล่าวออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติ รวมทั้งบริเวณที่ออกโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงมีสภาพเป็นภูเขา มีความลาดชันเกินร้อยละ 35 จึงเป็นการออกโฉนดที่ดินไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

อีกทั้ง การออกโฉนดที่ดินยังมีการจ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์การออกที่ดินดังกล่าวด้วย จึงเป็นการกระทำความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 พ.ร.บ.ฟอกเงิน พ.ศ. 2542 (15) ความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม

"ผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 4/2559 เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 4/2559 จึงมีมติให้อายัดทรัพย์สินนายพานทอง กับพวก ไว้ชั่วคราว รวม 2 รายการ มูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท ได้แก่ 1.โฉนดที่ดิน ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต เนื้อที่ 45 ไร่ 1 รายการ 2.โฉนดที่ดิน ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต เนื้อที่ 19 ไร่ 1 รายการ" พ.ต.อสีหนาท ระบุ.

ย้อนรอยใครล้มเลือกตั้ง

ย้อนรอย(ใคร?)ล้มเลือกตั้ง

BY SARA BAD ON MARCH 9, 2016การเมือง

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และกลุ่ม กปปส. จากเหตุการณ์การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 เป็นโมฆะทำให้งบประมาณรัฐสูญเปล่า โดยให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินกว่า 2,400 ล้านบาท นั้น เหตุการณ์เลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ผ่านพ้นไปแล้วเป็นเวลากว่า 2 ปี หลายฝ่ายมีความสงสัยว่าเหตุใดวันนี้ กกต.จึงมีมติฟ้องเรียกค่าเสียหาย เหตุเพราะมติดังกล่าวออกมาภายหลังข่าวที่ กกต.ขาดเงินสะสมจนถึงขั้นถังแตกเพียงไม่กี่วัน ทำให้บางคนเดาไปว่าเพราะ “กกต.ถังแตก” ไม่มีงบจะบริหารแล้วจึงต้องหาทางเอาตัวรอดเช่นนี้ หรือทำไมล่ะ ทำไมกกต.ถึงตัดสินใจที่จะฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ ร่วมกับ กปปส.ในเวลานี้
เหตุการณ์การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 ถึงวันนี้ได้ผ่านมาเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว หลายคนอาจลืมไปแล้วว่าเมื่อสองปีที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นหลังจากยุบสภา จนนำไปสู่การเลือกตั้งเป็นโมฆะเพื่อย้อนรอยความจำ ลำดับเหตุการณ์ต่อไปนี้เป็นการรวบรวมเหตุการทางการเมืองที่สำคัญๆนับแต่วันก่อนการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 ถึง ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ในวันที่ 21 มีนาคม 2557
———————————
– 9 ธ.ค. 2556 : ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา ย้ำไม่ต้องการให้สูญเสียอีก ตัดสินใจคืนอำนาจให้กับประชาชน เลือกตั้งใหม่
– 15 ธ.ค. 2556 : สุเทพขู่รัฐบาลไม่มีทางได้เลือกตั้ง และถึงแม้เลือกตั้ง ไม่มีทางราบรื่น ไม่มีทางได้ ส.ส. ครบทุกเขต เตือนยิ่งลักษณ์หากเดินหน้าเลือกตั้งเตรียมย้ายไปอยู่ดูไบได้เลย
– 20 ธ.ค. 2556 : พรรคประชาธิปัตย์ส่งหนังสือชวนทุกพรรคเลื่อนเลือกตั้ง
– 21 ธ.ค. 2556 : อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถลงประชาธิปัตย์ไม่ส่งผู้สมัครเลือกตั้ง ท้าพรรคอื่นลงเลือกตั้งให้ประกาศด้วยว่ามาต่ออายุระบอบทักษิณ
– 23 ธ.ค. 2556 : แกนนำ กปปส.นำโดย นายอิสสระ สมชัย นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นายสมศักดิ์ โกสัยสุข พร้อมด้วยกลุ่มมวลชน นำรถบรรทุกพร้อมเครื่องขยายเสียงปิดล้อมทางเข้าสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดง สถานที่ในการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ
– 25 ธ.ค. 2556 : นิติธร ล้ำเหลือ พา คปท.บุกเข้าอาคารสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดงใช้แผงเหล็กกักตำรวจ เรียกร้อง กกต. หยุดจัดเลือกตั้ง ย้ำต้องไม่มีการจับหมายเลขพรรคการเมืองเด็ดขาด
– 26 ธ.ค. 2556 : กกต. ออกแถลงการณ์ ถอดใจ เสนอรัฐบาล เลื่อนเลือกตั้ง
– 29 ธ.ค. 2556 : กปปส.สงขลา เข้ายึดสถานที่รับสมัคร จนต้องยุติการรับสมัครชั่วคราว มีการรื้อสถานที่รับสมัคร รวมทั้งเต้นท์ โต๊ะ เก้าอี้ออกจากสถานที่รับสมัครทั้งหมด
– 16 ม.ค. 2557 : กกต.สมชัย ส่งหนังสือเชิญยิ่งลักษณ์คุยเลื่อนการเลือกตั้ง ชี้สถานการณ์ไม่ปกติถ้าดึงดันให้มีเลือกตั้งจะเห็นนรกอยู่ตรงหน้า อ้างแม้จะเห็นการขัดขวางต่อหน้าแต่กฎหมายเป็นเรื่องรองงมากกว่าความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ยันไม่ย้ายสถานที่รับสมัคร แนะผู้สมัครที่ถูกขัดขวางก็ให้ไปแจ้งความดำเนินคดี ชม กปปส.คือคนจำนวนมากในสังคมที่มีความปารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงสภาพสังคมไปในทางที่ดีขึ้น
– 18 ม.ค. 2557 : กปปส. นายสุชาติ ศรีสังข์ และนายทินกร อ่อนประทุมเดินทางไปปิดล้อม ตัดน้ำตัดไฟโรงพิมพ์คุรุสภา สถานที่พิมพ์บัตรเลือกตั้ง
– 20 ม.ค. 2557 : สุเทพตั้งเป้าปิดสถานที่ราชการใน กทม. ทุกแห่ง ปิด ธ.ออมสินป้องกันรัฐบาลนำเงินไปจำนำข้าว และเตือน ธ.กรุงไทย เป้าหมายต่อไป พร้อมสั่ง กปปส. 14 จังหวัดภาคใต้ปิดสถานที่ราชการให้หมด
– 23 ม.ค. 2557 : ศาล รธน. รับคำร้อง กกต. เรื่องอำนาจเลือนการเลือกตั้ง
(ไม่แน่ใจว่าจะเอาเรื่องนี้ไหม) – 24 ม.ค. 2557 : ศาล รธน. มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าสามารถเลื่อนเลือกตั้งได้ ส่วนอำนาจหน้าที่ในการเลื่อนเลือกตั้ง ให้ครม.และ กกต. รับผิดชอบร่วมกันในการหารือ
– 26 ม.ค. 2557 : สุเทพ กปปส. ทั่วประเทศคัดค้านเลือกตั้งล่วงหน้า ถาวร ไปเขตบางกะปิ พุทธะอิสระปักหลักเขตหลักสี่ หลายจังหวัดจัดการเลือกตั้งไม่ได้
– 27 ม.ค. 2557 : กกต. เตรียมเสนอเลือกตั้งใหม่ และให้เลือกตั้งล่วงหน้าเป็นโมฆะ
– 28 ม.ค. 2557 : สุเทพสั่ง กปปส. ทุกจังหวัด เตรียมล้มการเลือกตั้ง 2 ก.พ. สุเทพสั่ง กปปส.ทุกจังหวัดล้มการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ และยกระดับการต่อสู้ยึดกรุงเทพ กันข้าราชการไม่ให้ทำงานได้
– 1 ก.พ. 2557 : กปปส. ยึดเขตเลือกตั้งหลักสี่ เกิดเหตุปะทะกัน กกต. ประกาศยกเลิกเลือกตั้งทั้งเขตหลักสี่กว่า 158 หน่วย
– 2 ก.พ. 2557 : กปปส.สงขลาปิดล้อมไปรษณีย์หาดใหญ่มาตั้งแต่ 28 ม.ค. บัตรเลือกตั้งไม่สามารถเคลื่อนย้ายจากไปรษณีย์ 5 จังหวัดภาคใต้ ไม่สามารถเลือกตั้งได้
– 3 ก.พ. 2557 : อภิสิทธิ์เตรียมให้ ปชป. ฟ้องศาล รธน. ม.68 รัฐบาลจัดเลือกตั้งมิชอบ เชื่ออาจมีช่องให้ศาล รธน.ยับยั่งให้เลือกตั้งเป็นดมฆะ
– 6 มี.ค. 2557 : ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติ ส่งคำสั่งให้ศาล รธน. ชี้ขาด เลือกตั้ง 2 ก.พ. เป็นโมฆะหรือไม่
– 21 มี.ค. 2557 : หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญแถลงมติ ศาล รธน. 6 ต่อ 3 ตัดสินให้การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 เป็นโมฆะ ให้รัฐบาลกับกกต. หารือออกพ.ร.ฎ.ใหม่ ปัดพิจารณาใครต้องรับผิดชอบ

เมื่อเรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ จนถึงมติศาลรัฐธรรมนูญให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ หากกกต.จะหาผู้มารับผิด เช่นนี้แล้ว ใครกันที่จะต้องรับผิดชอบค่าความเสียหายจากการเลือกตั้งที่เป็นโมฆะ ใครกันที่ต้องรับผิดชอบกับการขัดขวางไม่ให้มีการเลือกตั้ง ใครกันที่ล้มเลือกตั้งจนทำให้ประเทศที่กำลังสะดุดไม่สามารถขึ้นจากหลุมแล้วเดินหน้าต่อได้… รัฐบาลที่ยันยืนให้มีการเลือกตั้ง ? กปปส.ที่ขวางการเลือกตั้งทุกวิถีทาง ? หรือ กกต.เองที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างถึงที่สุด ……..ใครกัน ที่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายทั้งหมดนี้

ที่มา : http://prachatai.org/journal/2014/12/57146

ประชุม ผบ.หน่วยใต้ สั่งพร้อมรับ การสับเปลี่ยนกำลัง เดือนเม.ย.

"พลเอกธีรชัย" ประชุม ผบ.หน่วยใต้ สั่งพร้อมรับ การสับเปลี่ยนกำลัง เดือนเม.ย. และลดกำลังทหาร 2กองพัน กลับที่ตั้งปกติ ให้สานต่อ ข้อมูล-ความรับผิดชอบ/ สั่งเพิ่ม ถนนสายปลอดภัย ดูแลปชช. มากขึ้น เร่งรัด ติดตั้ง ทีวี.วงจรปิด ให้ครบตามแผน/ สั่งรับมือ ผกร. เล็ง เป้าหมายปชช.มากขึ้น

พลเอกธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ในฐานะ รอง ผอ.รมน. เป็นประธานการประชุม ผบ.หน่วย ถึงระดับ ผบ.ฉก.หมายเลข และส่วนราชการในพื้นที่ จชต. ที่ ห้องประชุม กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร จ.ปัตตานี

พลตรี บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยว่า พลเอกธีรชัย สั่งการให้ทุกหน่วยต้องให้ความสำคัญกับมาตรการ รปภ. ในเขตชุมชนเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยให้มีการประสานงานและซักซ้อมการปฏิบัติตามแผนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างในการปฏิบัติ
ในห้วงเวลาที่ผ่านมา พบว่า ผู้ก่อเหตุรุนแรง (ผกร.) มีความพยายามในการก่อเหตุต่อเป้าหมายกำลังประชาชนและราษฎรโดยทั่วไป จึงให้ ฉก.หมายเลข และ ฉก.ทหารพราน จัดเจ้าหน้าที่ไปให้คำแนะนำวิธีปฏิบัติในการหลีกเลี่ยงและลดการเกิดเหตุ เพื่อเป็นการป้องกันและลดการสูญเสียจากกรณีดังกล่าว

สำหรับการดูแลเส้นทางปลอดภัย ให้แต่ละหน่วยดำเนินการอย่างต่อเนื่อง พร้อมประเมินผลความเป็นไปได้ในการขยายเส้นทางเพิ่มเติมให้เป็นโครงข่ายเส้นทาง เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกประชาชนให้สามารถเดินทางไปในพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย

ในห้วงเมษายน 2559 มีการสับเปลี่ยนกำลังตามวงรอบ และจะมีกำลังทหารต่างพื้นที่ กองทัพภาค จบภารกิจ 2 กองพัน ดังนั้น จึงให้วางแผนและเตรียมการปฏิบัติอย่างชัดเจน ทั้งในส่วนของการรับส่งข้อมูลระหว่างหน่วยสับเปลี่ยนกำลัง การปรับและแบ่งมอบพื้นที่รับผิดชอบใหม่ เพื่อให้การปฏิบัติงานเกิดความต่อเนื่อง และยังคงสามารถควบคุมพื้นที่ได้

ในส่วนของ กกล.ตร.จชต. ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและเร่งรัดดำเนินคดีความมั่นคงที่สำคัญ ให้มีความคืบหน้าในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยให้ดำเนินการด้วยความรอบคอบ โปร่งใส และยุติธรรม เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

ในเรื่องกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ขอให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการบูรณาการระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในพื้นที่ จชต. ให้เป็นไปตามแผนงาน และกรอบเวลาที่กำหนด

ด้านการพัฒนาขอให้ ศอ.บต.เร่งรัดการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การส่งเสริมการลงทุน และประชาสัมพันธ์เสริมสร้างภาพลักษณ์อย่างต่อเนื่อง

พร้อมกันนี้. พลเอกธีรชัย ได้ขอบคุณทุกหน่วยงานทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่ได้ร่วมมือกันดูแลสถานการณ์ในพื้นที่ด้วยความเข้มแข็งจนเป็นที่น่าพอใจ

บิ๊กป้อม เผยเตรียมสรุปรายงานค้ามนุษย์ เสนอ อเมริกา มีค.นี้

บิ๊กป้อม เผยเตรียมสรุปรายงานค้ามนุษย์ เสนอ อเมริกา มีค.นี้ นัดประชุมอีกครั้ง14มึค. สรุปTIP Report รู้ผล มิย.นี้ ยันรัฐบาลนี้ทำเต็มที่ ทุกด้าน ไม่มีรัฐบาลไหนเคยทำ เผยนายกฯชื่นชม

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
พล.อ.ประวิตร กล่าวในที่ประชุมว่า การดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์รอบแรก ประจำปี 2558 รัฐบาลไทยได้รายงานผลการปราบปรามปัญหานี้ให้ประเทศสหรัฐอเมริการรับทราบแล้ว เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. ได้ชื่นชมว่าการดำเนินการมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และมีการพัฒนามากขึ้น จึงขอให้พัฒนาแบบนี้อย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะดำเนินการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนทั้งระบบ
"ผมจึงขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันทุ่มเทและตั้งใจทำงาน"
อย่างไรก็ตาม เราจะต้องส่งรายงานผลการปราบปรามการค้ามนุษย์รอบที่ 2 ให้สหรัฐฯ รับทราบอีกครั้ง ในปลายเดือน มี.ค.นี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการทำงานให้มีผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ฉะนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการให้เห็นอย่างชัดเจน เพราะหากเราไม่ทำอย่างจริงจัง ผลตอบแทนที่ได้รับก็เป็นศูนย์ ซึ่งการจับกุมแล้วปล่อย หรือให้ประกันตัวถือเป็นสิ่งที่เสียหาย
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อยากฝากให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และขอยืนยันว่าต้องเลิกขบวนการค้ามนุษย์ให้หมด เพราะมีผลเสียหายกับประเทศมหาศาล รวมถึงการคุ้มครองแรงงานที่ห้ามถูกเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งจะต้องแก้ไขข้อขัดข้อง และปรับปรุงมาตรการ เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทุกคนตามหลักสิทธิมนุษยชน
ยืนยันว่าทุกอย่างต้องทำตามกฎหมาย และเรื่องหลักสิทธิมนุษยชนก็มีความสำคัญ เพราะประเทศที่เป็นอารยชนเขาดูแลเรื่องนี้อย่างมากและให้ความสำคัญ
พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมด้วยว่า จะมีการประชุมทุกหน่วยในการปราบปรามการค้ามนุษย์อีกครั้ง ในวันที่ 14 มี.ค.นี้ เพื่อจัดทำรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์รอบที่ 2 จัดส่งให้สหรัฐฯ ซึ่งจะเน้นทุกเรื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้ามนุษย์ การจับกุมเรือประมงผิดกฎหมาย การจับแรงงานเด็ก และเรื่องอื่นๆ ซึ่งเรากำลังเร่งรัดการทำคดีดังกล่าวเพื่อทันส่งไปยังสหรัฐฯ
ยืนยันว่าทุกคดีมีความก้าวหน้าขึ้น และรัฐบาลทำเต็มที่ ทั้งนี้การดำเนินการต่อไปในอนาคตจะเป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และอัยการ ร่วมมือกันในการดำเนินงาน ซึ่งเราต้องเร่งทำคดีการค้ามนุษย์ให้จบภายใน 1 ปี เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำมาเลย มีรัฐบาลนี้ทำ. โดยสหรัฐจะประกาศผล ราว มิย.

นายกฯให้"อ.วิษณุ"นำทีมโฆษกคุยนักข่าว

นายกฯบิ๊กตู่ ส่ง ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกฯและ บิ๊กอ้อ พลเอกวิลาส อรุณศรี เลขาฯนายกฯ พร้อมทีมโฆษกฯ มาทานข้าวกลางวัน กับนักข่าวทำเนียบรัฐบาล .....พวกเราเลย มานั่งหลบมุม ทาน ก๊วยเตี๋ยว ส้มตำ ไก่ย่าง กับ เสธ.กวาง พลตรี หม่อมหลวง กุลขาติ ดิศกุล ทีมงานเลขาฯนายกฯ มุมนี้ เย็นสบายกว่าเยอะ...

ด้าน อ.วิษณุ เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ ทำเนียบรัฐบาลให้ฟัง เชิงสถิติ ว่า
การประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ยาวนานที่สุดนั้น คือสมัยพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ประชุมตั้งแต่ 08.00น.ถึงเที่ยงคืน ในช่วงเวลา 21.00 น. ได้ให้เจ้าหน้าที่ข้าวมันไก่มิดไนท์ไก่ตอนประตูน้ำ มารับประทาน

ส่วนการประชุมครม. ที่สั้นที่สุดคือสมัยรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร เนื่องจากไม่ให้คนที่เห็นด้วยพูด และคนไม่เห็นด้วยให้ไปหารือกันภายหลัง

สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีที่เปิดโอกาสมาที่สุดคือสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย เนื่องจากเป็นรัฐบาลผสม และเปิดโอกาสให้พูดทุกพรรคและทุกคน เพื่อไม่ให้ไปพูดคุยในภายหลัง
ส่วนสมัยรัฐบาล บิ๊กจิ๋ว พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ไม่ได้เปิดโอกาสให้พู

ส่วนรัฐบาลที่สั้นที่สุด คือสมัยรัฐบาลพลเอกสุจินดา คราประยูร ในช่วงการปฏิวัติรัฐประหารของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ( รสช.)

ผิดตรงไหน ?....อำนาจ คืออะไร?...

พลเอกประวิตร เผย คสช. อาจไปเป็น สว.สรรหา ได้ เพราะก็รู้เรื่องดี มาช่วยทำงานเรื่องปฏิรูป ถามผืดตรงไหน หากคสช.เป็นสว. ไม่เห็นผิดเลย อย่าไปคิดว่า สืบทอดอำนาจ ถาม "อำนาจ"คืออะไร...คือ ตำแหน่งหน้าที่ผู้บริหาร ถ้าคสช.เป็นสว.ไม่ใช่สืบทอดอำนาจ เพราะไม่ใช่รัฐบาล ไม่ได้ใช้อำนาจแต่ใช้ความคิด ไม่ได้ใช่อำนาจ. แล้วจะสืบทอดอำนาจได้ยังไง. สว.ไม่มีอำนาจในการเลือก หรือโหวตนายกฯ ด้วย....ยันไม่เป็นไรหาก กรธ.ไม่เห็นด้วย ไม่รับข้อเสนอ"สว.สรรหา"ช่วงเปลี่ยนผ่าน5ปี เพราะเป็นแนวคิดผม ไม่ใช่ของคสช.หรือ ครม. เพราะตนเองอยากให้สว.ทำงานร่วมกับสส.อีกหน่อย อาจเป็นสว.สรรหาไปตลอดก็ได้ แต่ถ่าไม่เห็นด้วย ท่านก็ร่างของท่านไป

ผู้มีอิทธิพล โปรดทราบ.....

บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร เตือน ผู้มีอิทธิพล ให้วางมือ เผยเรียกทหารเดินตามเจ้าพ่อกลับหน่วยหมด ยอมรับ อาจไม่ง่าย ที่ทหารจะไปตาม "นาย" เพราะผูกพันอยู่ด้วยกันมา แต่ต้อง ไม่ไปทำในเรื่องอิทธิพล ผิดกม. ยันปราบ2เดือน ถ้าไม่พอ เพิ่มอีกเป็น6เดือนเพราะ 6พันกว่าคน มีทั้ง ขรก.ทหาร ตร. นักการเมือง. ยันไม่ได้เล็งไปที่หัวคะแนน ฐานเสียงของพรรคการเมืองใด แต่หากทำผิด ตาม 16 ข้อ ก็ถือว่า เป็นผู้มีอิทธิพล ความจริง คำว่า ผู้มีอิทธพลเนี่ยมันยังไง ผมยังไม่รู้เลย เอาเป็นว่า คือพวกทำผิดกม.16ข้อ ตามนั้นถือว่าผิด ทำประชาชนเดือดร้อน บอกช่วยไม่ได้. หาก คสช.ไปแล้ว. ผู้มีอิทธิพล จะกลับมาเหมือนเดิม ประชาชน ก็ต้องช่วยกัน

ผบทบ. ลั่น ปราบผู้มีอิทธิพล "ให้หมดประเทศ

อ้าว!!! ถุงกล้วยแขก???

"พลเอกธีรชัย" ผบทบ. ลั่น ปราบผู้มีอิทธิพล "ให้หมดประเทศ แต่เข้มข้น 6เดือน ปัดลากยาวถึงเลือกตั้ง หวังผลการเมืองยีนไม่แบ่งฝ่ายการเมือง ปราบหมด พวกนอกกฎหมาย /ปัดไม่มี ชื่อ'เสธ.ไอซ์-เก่ง การุณ'เป็นมาเฟีย ถามสื่อรู้มาจากไหน ถุงกล้วยแขก หรือ ยันปราบเด็ดขาด ทหาร ที่โยงผู้มีอิทธิพล โดนแรงด้วย เพราะเตือนมานานแล้ว ขอประชาชนแจ้งข้อมูลได้ สื่อช่วยตรวจสอบ

พลเอก ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก และเลขาธิการ คสช. และรองผอ.รมน. ได้เดินทางลงใต้ ติดตามการปฏิบัติในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ปัตตานี ประชุม ผบ .หน่วย กองทัพภาคที่4 ที่ค่ายสิรินธร

พลเอกธีรชัย กล่าวถึงนโยบายการปราบปรามผู้มีอิทธิพลของคสช.และรัฐบาล ว่า เราทำมานานแล้วและทำอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลที่วิเคราะห์มาแล้วว่ายังทำอยู่ว่าทำหรือไม่ทำก็แล้วแต่ ก็เข้าไปตรวจสอบร่วมกัน3ฝ่าย ทำอย่างเข้มขึ้นขึ้น ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

โดยยืนยันว่า ไม่มีกรอบเวลา ในการปราบปราม แต่จะทำต่อเนื่องจนกว่าผู้มีอิทธิพลจะหมดไป โดย เน้นห่วงระยะเวลา 6เดือนนี้ก่อน

ผบทบ. กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการลากยาวถึงเลือกตั้ง แต่เพื่อให้หมดไปจากประเทศนี้ ผู้ที่เอาเปรียบประชาชนคนบริสุทธิ์ คนที่ทำมาหากิน จะได้ ทำงานได้ปกติ

ส่วนการเข้าจับกุมตรวจค้นบ้านผู้มีอิทธิพลในจ.นครปฐม เมื่อวานนี้(8มี.ค.) พอใจหรือไม่ นั่น ผบทบ. กล่าวว่า จะถามพอใจหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ทำตามหน้าที่ เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่ามีอาวุธสงคราม ถ้ามีข่าวออกมาก็ต้องไปตรวจสอบ

ส่วนกรณีที่ฝ่ายการเมืองออกมาโจมตีนโยบายนี้เป็นการปราบปรามฝ่ายการเมืองอย่างเดียว นั้น พลเอกธีรชัย กล่าวว่า "ทุกที่ ทุกส่วน ทุกหน่วย ไม่มีฝ่ายไหนทั้งนั้น ทำไมต้องเป็นการเมืองด้วย หรือว่าพวกนี้อยู่กับการเมือง ผมว่าไม่ใช่นะ พวกนี้ทำงานนอกกฎหมาย เราปราบพวกนอกกฎหมาย คนบริสุทธิ์ คนปกติที่ทำงานปกติจะได้มีความสุขในการดำเนินชีวิตประจำวัน"

ส่วนรายชื่อผู้มีอิทธิพล ที่มีชื่อพล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต หรือเสธ.ไอซ์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก และนายการุณ โหสกุล อดีตส.ส.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทยนั้น. ผบทบ. กล่าวว่า"ไม่มี มีมาจากไหน ใครรู้ ไปหาจากไหน มีไปเรื่อยๆเอกสารเยอะแยะไป ใครไปเจอที่ถุงกล้วยแขกหรือเปล่า"

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ธีรชัย กล่าวว่า หากเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นทหารเกี่ยวข้อง ไม่มีการเตือน จะดำเนินการทันทีและรุนแรงด้วย เพราะสั่งไปหลายครั้งแล้ว

ในส่วนของเจ้าหน้าที่หน่วยงานได้ส่งไปต้นสังกัดเรียบร้อยแล้ว และขอให้สื่อช่วยดูด้วยว่าในพื้นที่ใดมีผู้มีอิทธิพลหรือทำผิดกฎหมายหรือไม่ จะเข้าไปจัดการทันที

สุหฤท สยามวาลา สุดทน ซัด บิ๊กตู่ งัด ม.44 ลัดขั้นตอนอีไอเอ ชี้เป็นคำสั่งที่แย่ที่สุด

สุหฤท สยามวาลา สุดทน ซัด บิ๊กตู่ งัด ม.44 ลัดขั้นตอนอีไอเอ ชี้เป็นคำสั่งที่แย่ที่สุด
Cr:kapook
สุหฤท สยามวาลา เฉ่งประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกคำสั่ง คสช. แก้กฎหมายสิ่งแวดล้อม ลัดขั้นตอนอีไอเอ ซัดใครเป็นรัฐบาลก็ไม่ควรออกกฎหมายแบบนี้ ชี้มีอีกเป็นล้านวิธีในการเร่งรัดโครงการไม่ใช่ไม่ต้องตรวจสอบอะไรเลย

วันนี้ (9 มีนาคม 2559) นายสุหฤท สยามวาลา ดีเจคนดัง และผู้บริหารบริษัท ดีเอชเอ สยามวาลา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว DJ Suharit Siamwalla ระบุถึงกรณีที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ให้รัฐบาลสามารถจ้างเอกชนเพื่อรอก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ โดยไม่ต้องรอการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ Environmental Impact Assessment (EIA) ว่า ทนมาหลายอย่างแล้ว แต่อันนี้ตนว่า แย่ที่สุดเพราะถึงขั้นให้เอกชนมาเตรียมงานก่อนที่จะสรุปผลการศึกษาเรื่องสิ่งแวดล้อม ถึงแม้ว่าห้ามมีผลผูกพันกับการคัดเลือกเอกชน

หากอยากให้เกิดความรวดเร็วและความเจริญ ตนว่าก็ควรจะปรับบรุงให้ EIA เร็วขึ้นโปร่งใส และความเห็นจาก EIA ต้องได้รับการเคารพจากรัฐบาล จะสร้างความเจริญอย่างรวดเร็วมันมีทางที่ดีกว่าการทำงานง่าย ๆ แบบนี้ไม่ต้องตรวจสอบอะไรมันแย่มาก ๆ ให้ใครเป็นรัฐบาลก็ไม่ควรออกกฎหมายอะไรแบบนี้ แต่นี่คือคำสั่ง ให้ทุกคนผงกหัวโอเคอย่างเดียว

ภาพและข้อมูลจาก DJ Suharit Siamwalla

"ประยุทธ์"ตั้งสังฆราชต้องเคลียร์คดีก่อน

ยังไม่ตั้ง 'สมเด็จช่วง' นั่ง สังฆราช 'ประยุทธ์' ลั่น คดีต้องเคลียร์ก่อน

8 มี.ค. 59 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งคำวินิจฉัยมติของมหาเถรสมาคม(มส.) เรื่องเสนอชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เป็นสังฆราชผิดขั้นตอน มาที่นายกฯว่า ก็ส่งความเห็นเข้ามา ผิดถูกอย่างไรตนไม่ทราบ เรื่องดังกล่าวเป็นการตีความด้านกฎหมาย จึงจะต้องศึกษาดูก่อน ทั้งนี้ตนยังไม่เห็นหนังสือจากผู้ตรวจฯ รวมทั้งยังไม่เห็นหนังสือเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่จากมหาเถรสมาคม(มส.) หรือสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เพราะขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งต้องคำนึงถึงกฎหมายของประเทศ ไม่ใช่นำกฎหมายฉบับต่างๆมาตีกันไปมา คนในประเทศไม่จะเป็นประชาชนหรือพระสงฆ์ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย วันนี้ความขัดแย้งค่อนข้างสูง ซึ่งเมื่อใครส่งความเห็นมา เราก็พิจารณาแล้วส่งฝ่ายกฎหมายเข้าไปตรวจสอบ ทุกอย่างไม่อยากให้มองว่าเป็นธรรมหรือไม่ แต่ต้องมองว่าทำถูกกฎหมายหรือไม่ ในเมื่อมีคนร้องเรียนก็ต้องมีการตรวจสอบ ซึ่งต้องดูเป็นคดีๆไป อย่ากล่าวอ้างว่าทำคดีหนึ่งเพื่อให้คดีหนึ่งถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง เพราะถือเป็นคนละเรื่อง

เมื่อถามว่าหมายความว่าการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่การต้องรอให้คดีความต่างๆเรียบร้อยก่อนใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ควรจะเป็นอย่างนั้นไหมละ ก็เหมือนกับการตั้งทหาร ตำรวจ ถ้าตั้งคนที่ไม่ได้รับความเห็นชอบร่วมกัน มีคดีความก็ตั้งไม่ได้ ยังไงก็ตั้งไม่ได้ ไม่ใช่ว่าคนนี้จะถูกปลดอยู่แล้วเลยต้องตั้งตามนั้น ไม่ใช่ เพราะต้องตรวจสอบว่ามันใช่หรือไม่ใช่ วันนี้ทุกกระทรวงเสนอคนเข้ามาผมยังตรวจสอบเลย ถ้าผมเช็คแล้วคนนี้เป็นอย่างนี้ก็ส่งกลับไป มันตั้งให้ไม่ได้ เขาต้องไปเคลียร์ตัวเขามาสิ ผมยังไม่ได้ว่าใครผิดใครถูกทั้งสิ้น เป็นเรื่องของกฎหมาย กฎหมายเป็นกลไกการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ไม่ใช่ใช้ความรู้สึกตัดสินกันเอง ชอบบ้างไม่ชอบบ้าง ฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ไปกันใหญ่ ก็ไม่จบสักเรื่อง หลายคนบอกว่าบ้านเมืองสงบแล้ว แล้วสงบหรือยัง คิดว่าจะแก้กันเมื่อไหร่ รัฐบาลหน้าทำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะทุกวันนี้ทุกคนเอามาตีกันหมดทั้งการเมือง ประชามติ รัฐธรรมนูญ อนาคต ปฏิรูป การศึกษา มันได้ไหมเล่า มันเกิดมากี่ปีแล้ว ปัญหาหลายปัญหา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า “เห็นมีข่าวเผยแพร่ว่าผมเป็นอิสลามไปแล้ว ซึ่งวันนั้นชาวมุสลิมได้เอาหมวกแต่งงานมาให้ผมใส่ ผมก็ใส่ แล้วมีคนบอกว่าผมเป็นอิสลามไปแล้ว ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับผมหน่อย นอกจากนี้ภรรยาผมไปเปิดการประชุมอาเซียนที่มาเลเซีย มีคนเอาภาพในห้องประชุมใหญ่ไปโพต์ส ซึ่งถ่ายรูปติดกับมุมอิสลาม เลยหาว่าภรรยาเป็นมุสลิมไปด้วย นี่ผมไว้พระอยู่ทุกวัน แล้วมาบอกว่าลูกผมแต่งกันกับอะไรก็ไม่รู้ แต่สรูปแล้ว ทั้งผม ภรรยา ลูก เป็นมุสลิมไปหมด ก็คิดแบบนี้ แล้วจะเชื่อเขาหรือ ท่านต้องแก้ให้ผม ผมห้อยพระเต็มคออยู่นี่”

http://www.naewna.com/local/205959

คนไทยปฏิบัติการไล่ล่าทักษิณที่นิวยอร์ก

คนไทยปฏิบัติการไล่ล่าทักษิณที่นิวยอร์ก-นสพ.แย้มทักษิณจะพูดถึงในหลวง- WPJ นัดสัมภาษณ์ฆ่าตัดตอนและยิ่งลักษณ์ทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

คนไทยในนิวยอร์กรวมตัวกันไล่ล่าทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2559

Last updated: 9 March 2016 | 09:59

คนไทยหลายรัฐรวมตัวกันที่นิวยอร์กปฏิบัติการไล่ล่าทักษิณถึง WPI เผยสุนัย จุลพงศธรและอดีตส.ส.ไทยรักไทยไปปรากฎตัวต้อนรับเจ้านาย หนังสือ World Policy Journal แย้มทักษิณจะพูดถึงในหลวง นัดสัมภาษณ์ทักษิณให้พูดเรื่องฆ่าตัดตอน-น้องสาวทุจริตโครงการรับจำนำข้าวตามข้อสงสัยของเครือข่ายคนไทยในต่างประเทศ (ชมภาพ)

ผู้สื่อข่าวรายงานจากนิวยอร์กว่า เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2559 กลุ่มคนไทยในหลายรัฐเดินทางไปรวมตัวกันที่นิวยอร์กจากนั้นตรงไปยังสถาบันนโยบายโลก ตั้งอยู่เลขที่ 108 West 39th Street, Suite 1000 , New York, NY 10018สหรัฐอเมริกา

หลังจากมีรายงานว่าสถาบันนโยบายโลก (World Policy Institute)จะจัด“สนทนาเป็นการส่วนตัวกับทักษิณ ชินวัตร” (Thaksin Shinawatra in Private Discussion) ขึ้นในวันพุธที่ 9 มีนาคม 2016 เริ่มเวลา 17.00 น. แต่ไม่ได้กำหนดสถานที่แน่ชัดว่านายทักษิณ ชินวัตร จะถูกให้จัพูดที่ใด

ผู้สื่อข่าวรายงงานจากไลน์ของกลุ่มคนไทยที่ระบุว่า “กิจกรรมวันนี้น่าประทับใจครับ นำโดยพี่ไพลิน (คำศิริ) หลังจากรวมตัวกันเรียบร้อยแล้วก็เดินทางไปที่สำนักงาน WPI พอที่นั่นทราบข่าวก็ปิดออฟฟิตหนีไปเลย เหลือแต่ผู้กล้าทั้งหลาย และได้ขึ้นไปที่บริเวณออฟฟิตว่าปิดจริงหรือไม่ เพราะว่าทางเราเตรียมหนังสือแฉความชั่วของไอ้เหลี่ยมไว้แล้ว ผลปรากฏว่าปิดจริง แต่ทางนั้นได้มีกล้องวงจรติดอยู่ ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (ยาม) เห็นพวกเราอยู่ด้านหน้าสำนักงานจึงมาไล่ให้พวกเราลงไป แต่ว่าจะให้ลงในช่องของลิฟขนขยะ ทางเราก็ไม่ยอมลงทางนั้น แต่จะลงอีกทางซึ่งเป็นลิฟท์ที่ให้คนขึ้นลง แต่ทางยามก็ไม่ยอม ฝ่ายยามจึงเรียกตำรวจมา และได้พูดคุยกันโดยทางเราบอกว่าเราไม่ได้มาขนขยะ แต่เราจะมายื่นจดหมายประท้วงการเชิญไอ้เหลี่ยมจัดเข้าประเทศ และทางเราก็บอกว่า เราได้ขออนุญาตเอาไว้แล้ว”

รายงานของกลุ่มคนไทยในไลน์มีเพิ่มเติมว่า “สุดท้ายก็ตกลงกันได้จึงให้เราลงมาข้างล่างโดยใช้ลิฟท์ธรรมดา และเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าเราไม่ควรขึ้ไป แต่ทางเราก็ตอบไปอีกว่าตึกนี้ใครจะขึ้นไปก็ได้ เพราะว่าเป็นตึกสำนักงานให้เช่าทั่วไป สุดท้ายวันนี้สรุปว่าพวกสำนักงาน WPI ปิดสำนักงานหนีไปกันหมด แต่การจัดให้ไอ้เหลี่ยมมาพูดนั้นได้ถูกลบออกจากเว็ปไซด์ไปแล้วตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน แต่ว่าการพูดจะมีหรือไม่ต้องคอยติดตามต่อไป พรุ่งนี้ได้ข่าวว่าจะมีคนมามากกว่านี้อีก โปรดติดตาม ตามล่าไอ้หน้าเหลี่ยม ตอน 2”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าคนไทยที่ไปรวมตัวกันครั้งนี้เป็นคนไทยในนิวยอร์กและเมืองใกล้เคียง ส่วนคนไทยในแอล.เอ.ทราบว่ามีการระดมทุนซื้อตั๋วเครื่องบินให้เดินทางเป็นตัวแทนของแอล.เอ.ไปร่วม เพราะการเดินทางจากแอล.เอ.ไปนิวยอร์กใช้เวลาบินประมาณ 5 ชั่วโมงเพราะอยู่คนละฟากของประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่านายสุนัย จุลพงศธร อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยและพรรคพวกจากพรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่งเดินทางไปสมทบที่นิวยอร์กเพื่อที่จะพบกับนายทักษิณ ชินวัตร โดยทราบว่าการจัดให้นายทักษิณพูดครั้งนี้จะจัดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก คาดว่าอาจจะจัดขึ้นที่โรงแรมที่นายทักษิณพักอยู่ก็เป็นได้ ขณะนี้กำลังติดตามข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทั้งนายสุนัย จุลพงศธรและนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ปัจจุบันพักอยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย เดินทางไปมาระหว่างแอล.เอ.-ซานฟรานฯ มีรายงานว่าทั้ง 2 กำลังรอเรื่องที่ขอลี้ภัยการเมืองในสหรัฐ ไม่คิดที่จะกลับมาอยู่เมืองไทยอีกต่อไปเพราะมีคดีติดตัวหลายคดี

WPJ ตอบคำร้องต่อต้านทักษิณ

หนังสือพิมพ์ World Policy Journal ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของสถาบันนโยบายโลกโดยบรรณาธิการได้ออกคำชี้แจงเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2016 กรณีที่กลุ่มคนไทยได้ทำคำร้องต่อต้านนายทักษิณ ชินวัตร ดังนี้

“พรุ่งนี้ ( 9 มีนาคม) สถาบันนโยบายโลกจะเป็นเจ้าภาพให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีพูด ได้มีผู้ลงนามเกือบ 10,000 คนในนามของเครือข่ายคนไทยในต่างประเทศ ( the Network of Thais Overseas) ต้องการให้สถาบันนโยบายโลกอันเป็นองค์กรแม่ของหนังสือพิมพ์ World Policy Journal ระงับการจัดงานครั้งนี้โดยระบุว่าการจัดงานดังกล่าวทำให้เรากลายเป็นเวทีของนักการเมืองขี้โกง ( a corrupt politician )

ทักษิณ,เป็นมหาเศรษฐีเทเลคอม ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการเนรเทศตัวเอง นับตั้งแต่พ้นจากตำแหน่งเมื่อทศวรรษมาแล้ว ทักษิณประกาศว่าจะกลับเข้ามาสู่กระแสข่าวอีกหลังจากทำตัวเงียบไป 2 ปี เมื่อสัก 2-3 เดือนที่ผ่านมาเขาได้จัดทำปฏิทินและหนังสือภาพเกี่ยวกับตัวเอง (coffee-table book)จากนั้นก็นำออกแจกจ่ายหลายพันฉบับแก่ผู้สนับสนุนในประเทศไทย เมื่อเร็วนี้เขาก็มีการวิพากษ์ทหารผู้ปกครองประเทศที่อยู่ในระหว่างการร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบทที่เข้มงวดกับการใช้อำนาจของพรรคการเมือง

แม้ว่า (หรืออาจโดยเฉพาะ) ฝ่ายตรงข้ามที่เลวร้ายต่อเขาได้รับรู้บทบาทของทักษิณนอกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ , ย่อมรู้ว่าพรรคการเมืองที่สนับสนุนทักษิณชนะการเลือกตั้งตลอดมาตั้งแต่ปี 2001 และในปี 2014 ทหารได้ทำการรัฐประหารและถอดถอนน้องสาวของเขา,ยิ่งลักษณ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่ง

ในช่วงปี 2006, 2008, 2010, 2013, และ 2014 ผู้คนนับหมื่นออกประท้วงตามถนนในกรุงเทพฯ บางครั้งก็ให้การสนับสนุนทักษิณ บางครั้งก็ต่อต้านทักษิณ แต่ภาพของทักษิณมักจะถูกนำมาเป็นศูนย์กลางของการเดินขบวน บางครั้งภาพของเขาติดอยู่ในเสื้อยืดสีแดงที่ผู้สวมใส่มีความภาคภูมิใจ แต่บางครั้งหุ่นของทักษิณก็จะถูกเผาในระหว่างการประท้วง

ในส่วนของทักษิณที่จะกลับมามีบทบาททางสาธารณะ เขาตกลงที่จะพูดกับสถาบันนโยบายโลก ขณะเดียวกันหนังสือพิมพ์นโยบายโลกก็จะไปร่วมงานครั้งนี้ด้วย ในการพูดครั้งนี้ทักษิณจะพูดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทยด้วย การพูดของเขามีคุณค่าของข่าวและอาจมีข้อมูลเชิงลึกของบุคคลผู้มีอิทธิพลมากที่สุดของสังคมไทยในประวัติศาสตร์ยุคปัจจุบัน

การพูดของทักษิณจะมีการบันทึกไว้ ดังนั้นเราเองก็สามารถที่จะรายงานกลับไปว่าเขาพูดอะไรบ้าง เรื่องนี้ไม่ได้ถือเป็นการประชุมลับของผู้นำเงา แต่เป็นโอกาสที่จะได้รับฟังจากเขาที่ถือว่ามีภาพของความเป็นผู้นำสำคัญของโลกคนหนึ่งด้วย

หนังสือพิมพ์นโยบายโลกยังนัดสัมภาษณ์อดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้ ในการสนทนาเราจะมีการพูดถึงข้อมูลที่ได้มาจาก(เครือข่ายคนไทย)คำร้องด้วย อาทิเช่นทักษิณมีการฆ่าตัดตอนในระหว่างทำนโยบายปราบปรามยาเสพติดหรือไม่อย่างไร,การฉ้อโกงในโครงการรับจำนำข้าวที่น้องสาวเขาดำเนินการ,การมีผลประโยชน์ขัดกันระหว่างธุรกิจของเขากับรัฐว่าดำเนินไปอย่างยุติธรรมหรือไม่

ในฐานะที่เราเป็นคนหนังสือพิมพ์ เราในนามของ WPJ ถือว่าเป็นอิสระและจะนั่งอยู่ตรงข้ามกับอดีตนายกรัฐมนตรี ดังเช่นที่เราเคยสัมภาษณ์ผู้นำประเทศต่างๆอาทิเช่นประธานาธิบดี Paul Kagame แห่งประเทศรวันด้า,นายบัน คิมูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติและจัสติน ยิฟู ลิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารโลก เป็นต้น

รายละเอียดเพิ่มเติมอ่านได้ที่

http://www.worldpolicy.org/blog/2016/03/08/wpj-responds-anti-thaksin-petition

คนไทยในนิวยอร์กบุกขึ้นไปถึงที่ตั้งสำนักงานสถาบัน World Policy ในนิวยอร์กและมีการถกเถียงกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจนสามารถลงในลิฟท์ปกติได้ไม่มช่ลิฟท์ขนขยะ (3 ภาพล่าง)ขอบคุณภาพจากไลน์ของกลุ่มรวมพลคนรักชาติ

ที่มา : http://www.thaitribune.org/contents/detail/302?content_id=18271&rand=1457498961

ข่าวที่ไม่เป็นข่าว

PR