PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

กองทัพ แถลงประณาม ใช้คำว่า"โจรชั่ว" บิดเบือนหลักศาสนา ก่อเหตุช่วงรอมฎอน จนวันสุดท้าย

กองทัพ แถลงประณาม ใช้คำว่า"โจรชั่ว" บิดเบือนหลักศาสนา ก่อเหตุช่วงรอมฎอน จนวันสุดท้าย เผย ยึดปืน ที่ถูกปล้น มาได้อีก รวม12ปี ได้124 กระบอก จาก413 กระบอก ยัน IS ยังไม่เข้าชายแดนใต้ ประสานมาเลเซียตลอด
พันเอก ยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษก กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า แถลงประณามโจรชั่ว ก่อเหตุรุนแรงในช่วงโค้งสุดท้าย เดือนรอมฎอน บิดเบือนหลักศาสนา ขอเรียก"โจรชั่ว" ก่อเหตุต่อเนื่อง หลายวัน จนถึง เมื่อคืน
โดยมีการใช้ ระเบิดM79 ยิงใส่ฐานทหาร แต่โดนสายไฟ เลยพลาดลงมัสยิด ทำพี่น้องมุสลิมเสียชีวิต
และเช้านี้ 5กค. ก่อเหตุคาร์บอม ด่านตรวจตำรวจ เกาะหม้อแกง อ.หนองจิก ปัตตานี ส่งท้ายรอมฎอน
นอกจากนี้ ผ่านไป12ปี ยึดคืนปืน ที่ถูกปล้นไปจากกองพันทหารพัฒนาที่4 เจาะไอร้อง นราธิวาส 4 มค.47 รวม 124 กระบอก จากที่ถูกปล้นไป 413 กระบอก ล่าสุด ยึดได้อีก1 กระบอก เมื่อคืนนี้ ในมัสยิดที่ ระแงะ นราธิวาส แต่เชื่อ ผู้นำศาสนา หรืออิหม่าม ไม่รู้เห็น
ทั้งนี้ ปืนที่ถูกปล้นไปจาก พันพัฒนา4 จำนวน413 กระบอก นั้น เป็นปืน M16 จำนวน320 กระบอก. ปืนพกสั้น 24 กระบอก เครื่องยิง RPG 7 กระบอก และ ปืนกล M60 อีก2 กระบอก
โดยในปี 2546-2549 ยึด M16 คืนได้22 กระบอก ปืนพกสั้น 1 กระบอก
ปี2550-2553 ยึดคืน ปืนเอ็ม16 ได้40กระบอก และปืนพกสั้น 8กระบอก
ปี2554-2556 ยึดคืนปืน เอ็ม16 ได้ 34 กระบอก ปืนพกสั้น 2 กระบอก
ปี 2559 ยึดคืนปืน เอ็ม16 ได้รวม 17กระบอก
รวมยึดคืน ปืนเอ็ม16 ได้ 113 กระบอก. และปืนพกสั้น 11 กระบอก
นอกจากนี้ โครงการ "พาคนกลับบ้าน" ตามมาตรา21 ของ พรบ.ความมั่นคง ต่มนโยบายของ พลโท วิวรรธน์ ปฐมภาคย์. แม่ทัพภาค4 ตั้งแต่ 1 เมย.-25มิย.2559 มีผู้เห็นต่างจากรัฐ ออกมารายงานตัว 285 ราย
เฉพาะในปี 2559 มีมารายงานตัว 2,093 ราย โดยในภาพรวม ตั้งแต่ ปี 2555 มีผู้มารายงานตัว 4,089 ราย
พันเอก ยุทธนาม ยืนยัน ว่า ยังไม่มี สมาชิกกลุ่มสุดโต่ง IS เข้ามาเคลื่อนไหวในชายแดนภาคใต้ของไทย เผยประสานกับมาเลเซียตลอด มีความร่วมมือด้านการข่าว ดังนั้น เข้ามาต้องรู้ เน้นด้านการข่าว และการเฝ้าตรวจตามชายแดน
พันเอกพีรวัชฌ์ แสงทอง โฆษก กอ.รมน. ยืนยันว่า กลุ่ม IS ไม่น่าจะมีเป้าหมายมาที่ชายแดนใต้ เพราะด้วย อัตลักษณ์ของ พี่น้อง มุสลิม3 จ.ชายแดนใต้ แตกต่างจากมุสลิม ของ IS

เน้นมาก...คำว่า"โจรชั่ว"...

เน้นมาก...คำว่า"โจรชั่ว"...
ฟัง...เสธ.ไมค์ พันเอกยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษกกอ.รมน.ภาค4ส่วนหน้า แถลงประณาม ก่อเหตุช่วงรอมฎอน ..หลายเหตุต่อเนื่อง ทำชาวบ้านผู้บริสุทธ์ เจ็บตาย
สงสัย จะได้ไฟเขียวใช้คำว่า"โจรชั่ว"แล้ว ย้ำหลายครั้ง เลยเชียว
กองทัพ แถลงประณาม ใช้คำว่า "โจรชั่ว" บิดเบือนหลักศาสนา ก่อเหตุช่วงรอมฎอน จนวันสุดท้าย เผย ยึดปืน ที่ถูกปล้น มาได้อีก รวม12ปี ได้124 กระบอก จาก413 กระบอก ยัน IS ยังไม่เข้าชายแดนใต้ ประสานมาเลเซียตลอด
พันเอก ยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษก กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า แถลงประณามโจรชั่ว ก่อเหตุรุนแรงในช่วงโค้งสุดท้าย เดือนรอมฎอน บิดเบือนหลักศาสนา ขอเรียก"โจรชั่ว" ก่อเหตุต่อเนื่อง หลายวัน จนถึง เมื่อคืน
และเช้านี้ 5กค. ก่อเหตุคาร์บอม ด่านตรวจตำรวจ เกาะหม้อแกง อ.หนองจิก ปัตตานี ส่งท้ายรอมฎอน
นอกจากนี้ ผ่านไป12ปี ยึดคืนปืน ที่ถูกปล้นไปจากกองพันทหารพัฒนาที่4 เจาะไอร้อง นราธิวาส 4 มค.47 รวม 124 กระบอก จากที่ถูกปล้นไป 413 กระบอก ล่าสุด ยึดได้อีก1 กระบอก เมื่อคืนนี้ ในมัสยิดที่ ระแงะ นราธิวาส แต่เชื่อ ผู้นำศาสนา หรืออิหม่าม ไม่รู้เห็น
ทั้งนี้ ปืนที่ถูกปล้นไปจาก พันพัฒนา4 จำนวน413 กระบอก นั้น เป็นปืน M16 จำนวน320 กระบอก. ปืนพกสั้น 24 กระบอก เครื่องยิง RPG 7 กระบอก และ ปืนกล M60 อีก2 กระบอก
โดยในปี 2546-2549 ยึด M16 คืนได้22 กระบอก ปืนพกสั้น 1 กระบอก
ปี2550-2553 ยึดคืน ปืนเอ็ม16 ได้40กระบอก และปืนพกสั้น 8กระบอก
ปี2554-2556 ยึดคืนปืน เอ็ม16 ได้ 34 กระบอก ปืนพกสั้น 2 กระบอก
ปี 2559 ยึดคืนปืน เอ็ม16 ได้รวม 17กระบอก
รวมยึดคืน ปืนเอ็ม16 ได้ 113 กระบอก. และปืนพกสั้น 11 กระบอก
นอกจากนี้ โครงการ "พาคนกลับบ้าน" ตามมาตรา21 ของ พรบ.ความมั่นคง ต่มนโยบายของ พลโท วิวรรธน์ ปฐมภาคย์. แม่ทัพภาค4 ตั้งแต่ 1 เมย.-25มิย.2559 มีผู้เห็นต่างจากรัฐ ออกมารายงานตัว 285 ราย
เฉพาะในปี 2559 มีมารายงานตัว 2,093 ราย โดยในภาพรวม ตั้งแต่ ปี 2555 มีผู้มารายงานตัว 4,089 ราย
พันเอก ยุทธนาม ยืนยัน ว่า ยังไม่มี สมาชิกกลุ่มสุดโต่ง IS เข้ามาเคลื่อนไหวในชายแดนภาคใต้ของไทย เผยประสานกับมาเลเซียตลอด มีความร่วมมือด้านการข่าว ดังนั้น เข้ามาต้องรู้ เน้นด้านการข่าว และการเฝ้าตรวจตามชายแดน
พันเอกพีรวัชฌ์ แสงทอง โฆษก กอ.รมน. ยืนยันว่า กลุ่ม IS ไม่น่าจะมีเป้าหมายมาที่ชายแดนใต้ เพราะด้วย อัตลักษณ์ของ พี่น้อง มุสลิม3 จ.ชายแดนใต้ แตกต่างจากมุสลิม ของ IS

นายกฯท้า ใคร "อยากลองของ" ก็เอา

นายกฯท้า ใคร "อยากลองของ" ก็เอา
ขู่พวกจ้องป่วนประชามติ ลั่นใช้กม.เข้ม ยันไม่ใช้นอกระบบ ไม่มั่นใจพวกจ้องล้มประชามติ ยันยังไม่ ผ่อนปรนคำสั่งคสช. ยัน ยังไม่ปลดล็อคกิจกรรมการเมือง ขอดูพฤติกรรมก่อน เผยมีบางพรรคที่มำตัวดีขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เสนอให้ปลดล็อคพรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมได้หลังจากมีการลงประชามติในวันที่ 7 ส.ค. 2559 ว่า "เดี๋ยวค่อยว่ากัน ทุกอย่างผมบอกแล้วว่าจะรับไว้ทั้งหมดทุกเรื่อง
ส่วนจะทำเมื่อไรเดี๋ยวผมจะตัดสินใจอยู่ อย่างไรก็ตามฝ่ายที่เสนอขอผมมาเช่นนี้ก็ต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจให้ผมบ้าง"
เมื่อถามย้ำว่า แต่ข้อเสนอดังกล่าวเป็นในส่วนของสปท. เอง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วสปท. คือใคร จัดตั้งมาจากไหน ผมจัดเองทุกพวกหรือ ไม่ว่าจะพวกใครก็อยู่ในนั้นทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของนักการเมืองที่จะมีการหารือกันก็มีการยกเลิกแล้วทั้งหมด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในเมื่อเขายกเลิกไปแล้วสื่อจะมาถามอีกทำไม จะให้เขาทำใหม่หรืออย่างไร วันนี้คสช. ก็ยังไม่ให้หารือ ไม่ให้มีการประชุมพรรคอะไรทั้งสิ้น
เมื่อถามย้ำว่า หลังวันที่ 7 ส.ค. เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีการผ่อนปรน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าความประพฤติดีก็ต้องดูก่อน วันนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างหรือยัง ที่ดีก็มีมาก ที่ไม่เปลี่ยนก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนเดิม วันนี้อย่าให้ผมแก้ปัญหาเพียงคนเดียว ขอให้แก้ที่ตัวเองกันด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้แผนการสร้างความปรองดองของรัฐบาล และคสช. ยังคงมีอยู่หรือไม่ เพราะช่วงปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่าจะถูกเบรคไว้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "เราเคยไปเปิดเวทีเรียกมาก็ยังไม่ฟังกันเลย ทุกคนก็ยังยืนยันอยู่ที่เดิมหมด มันก็ยาก
ไม่ใช่ผมเป็นคนไม่ปรองดอง
แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องทำกันต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้"
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่ายังไม่มีแผนชัดเจนใช้หรือไม่ จะปรองดองกันอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ผมขอถามพวกคุณว่า รักกฎหมาย รักกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ และขอถามว่า ทุกคนมีความเชื่อมั่นกับกฎหมายที่มีอยู่หรือไม่ ไม่เชื่อกันเพราะผมบังคับใช้กฎหมายไม่ยุติธรรมหรืออย่างไร พวกคุณไม่เชื่อผมก็เป็นเรื่องของคุณ"
เมื่อถามว่า ฝั่งที่ต้านคสช. มองว่าการดำเนินงานของคสช. นั้น 2 มาตรฐาน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปฏิเสธทันทีว่า "ไม่เอาแล้ว ขี้เกียจตอบ"
เมื่อถามว่า ที่นายกรัฐมนตรี ระบุบางคนดีขึ้น แต่บางคนยังเหมือนเดิม นั้นหมายถึงใคร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "มันคนละพรรค ถามกันจนได้ ผมไม่ได้รังเกียจใครเลย เพียงแต่ก็เห็นอยู่ว่าใครทำบ้างก็รู้อยู่ แล้วก็พัวพันถึงเหตุการณ์ปี 2551 2553 แล้วก็ยังปล่อยให้เขาทำอยู่ได้
เรื่องแบบนี้ถ้าคิดว่าอยู่แล้วมีความสุขแบบนั้นก็เอา มีข่าวเขียนทุกวัน 51 53 ระเบิดกันโครม ๆ ทุกคนเป็นคนกำหนดชะตากรรมของบ้านเมืองเอง มีสิทธิ์คนละ 1 เสียง
ผมก็มี 1 เสียงเช่นกัน ผมก็ไปเลือกของผม ลงประชามติผมก็ต้องไปลง ผมไม่เคยบิดพริ้ว ถือเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน แต่มันเป็นเรื่องของผมว่าผมจะเลือกใคร เป็นเรื่องของผมที่จะลงมติรับหรือไม่รับ เขาไม่ได้ให้ไปดูในคูหาเดี๋ยวผิดกฎหมาย
เมื่อถามย้ำว่าพรรคไหนที่มีพฤติกรรมที่ดีขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า "ไม่รู้หรืออย่างไรไปหาเอาเอง ไม่ต้องมาถามให้เป็นเรื่องเลย ให้ไปถามเรื่องความก้าวหน้าของบ้านเมืองบ้าง
เพราะที่มาถามกับผมมันเป็นเรื่องความขัดแย้งทั้งสิ้น"
นายกฯแจง ศูนย์รส.ประชามติ เป็นของเดิมตั้งแต่ 22 พ.ค. ขู่ พวกจ้องป่วน อย่าลองของ ลั่น ใช้กม.เข้ม ยันไม่ใช้นอกระบบ ย้ำ วันนี้กดดันนักการเมือง พวกอยากเลือกตั้งที่สร้างความเสียหาย แต่ไม่รับผิดชอบ บอก ไม่มั่นใจพวกจ้องล้มประชามติ
พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงถึงการตั้งศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยทั่วประเทศ เพื่อดูแลการลงประชามติ ว่า ไม่ได้เป็นการตั้งใหม่ แต่ทางคสช.มีศูนย์ในการรักษาความสงบอยู่แล้ว เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชนทุกจังหวัด กอ.รมน.จังหวัดก็มี โดยกองทัพแต่ละพื้นที่รับผิดชอบ หากมีการกระทำผิดกฎหมายก็นำสู่กระบวนการยุติธรรม
ขณะเดียวกันกระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่ดูแลการเลือกตั้ง และการทำประชามติอยู่แล้ว โดยมีศูนย์ติดตามทำมาตลอด แต่ทั้งหมดนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง3ส่วนด้วยกันคือ คสช. มหาดไทย และกกต.
โดยกกต.มีหน้าที่อำนวยการในคูหาเลือกตั้ง ส่วนมหาดไทยจะอยู่ใกล้คูหา เพราะใกล้ชิดประชาชน ก็จะจัดเจ้าหน้าที่ไปช่วยในการลงประชามติ ส่วนทหาร ตำรวจ พลเรือน จะอยู่รอบนอก ในคูหาไม่เกี่ยว ไม่ใช่เขตทหาร หรือเขตใครทั้งสิ้น กกต.จะเป็นผู้รับผิดชอบ และตนก็ไปเกี่ยวข้องไม่ได้ ถ้าใครไปทำให้เกิดความวุ่นวาย ก็มีกฎหมายอยู่แล้ว หากทำผิดกฎหมายประชามติ ก็นำแจ้งกกต. เพื่อพิสูจน์ว่าผิดหรือถูก ถ้าเกิดความวุ่นวายตีกันคสช.จะดู
“ศูนย์ฯนี้มีมาตั้งแต่ 22 พ.ค.2557 ตั้งโดยคำสั่งคสช. คำสั่งกฎอัยการศึกมีมานาแล้ว ดูแลทุกเรื่องที่เป็นเรื่องความสงบปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สินของประชาชน และทำหน้าที่มาทุกอัน ไม่ได้แยกว่าส่วนนี้ทำเลือกตั้ง ส่วนนี้ทำประชามติ แต่ดูทุกเรื่องทุกวัน หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมก็นำส่งไป ก็จบแค่นั้น คสช.จะไปเกี่ยวอะไรได้ ขณะที่สว่นของกอ.รมน.ก็มีมาก่อนหน้านี้
ส่วนฝ่ายทหารมีกอ.รมน.จังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผอ.รมน.จังหวัด ดูแลความสงบเรียบร้อยในจังหวัดของเขา
จากนั้นก็ขึ้นกับกอ.รมน.ภาค โดยมีแม่ทัพภาคดูแลอยู่ จากนั้นก็เข้าสู่กอ.รมน.ใหญ่ มีนายกฯ เป็นผอ.รมน.ใหญ่ ซึ่งมันมีอยู่แล้วจะไปตั้งอะไรเยอะแยะ ไม่ว่าจะโกง ทะเลาะกัน หรืออะไรต่างๆ หน่วยงานพวกนี้มีหน้าที่ดูแลอยู่แล้ว ถ้าใครเห็นว่าจะมีการโกงก็หาพยานหลักฐานไปแจ้งศูนย์ที่มีอยู่เพื่อส่งไปสู่กระบวนการยุติธรรม” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่าศูนย์ฯที่มีอยู่จะสร้างความกดดันต่อประชาชนในช่วงทำประชามติหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จะกดดันเรื่องอะไร ก็ไปสร้างความเข้าใจผิดๆ ตนบอกเหรอว่าต้องรับหรือไม่รับ คุณจะรับหรือไม่รับก็เรื่องของคุณ ไม่ใช่เรื่องของตน รัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างโดยคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ตนไม่ได้เป็นคนร่างเอง แต่มีหน้าที่ดูแลให้เกิดความปลอดภัยต่อทุกคน
เมื่อถามว่าเวลานี้มีทั้งคสช. มหาดไทย กกต. ร่วมดูแลสถานการณ์ มั่นใจหรือไม่จะไม่มีใครล้มการทำประชามติได้ นายกฯ กล่าวว่า ต้องไปถามคนล้ม อย่ามาถามตน เพราะไม่ต้องการให้ล้มอยู่แล้ว
"แต่ผมไม่มั่นใจคนเหล่านั้นที่จะล้ม ก็อย่าลองของ แค่นั้นเอง กฎหมายมีอยู่ ผมจะบังคับใช้กฎหมาย ทำไมจะต้องกังวลไม่กังวล แล้วถามว่าเขากลัวกันไหม ก็เห็นมีคนเดือดร้อนอยู่ไม่กี่คน ก็ไปเชื่อไปตามบิดเบือนเขาอยู่ได้
“ผมกดดันคุณหรือเปล่า ผมสั่งคุณว่าให้ไปผ่านหรือไม่ผ่านให้ผมหรือเปล่า คุณก็ไปเขียนวิเคราะห์ ถ้าไม่ผ่านแสดงว่าอยากอยู่ต่อ ปั๊ดโธ่ เขียนกันอยู่นั่นแหล่ะ ต้องมองประเทศชาติว่าจะทำยังไงกันต่อ ผมพร้อมทุกอย่างอยู่แล้ว โรดแมปก็มีของผมอยู่ แล้วใครหล่ะจะล้มโรดแมป ผมเองไม่รู้จะตอบยังไง” นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ผลโพลล์ชี้ว่าประชาชนจำนวนมากยังไม่ทราบวันประชามติที่แน่นอน นายกฯ กล่าวว่า พูดมาตลอด ผมพูดทุกวันว่าหน้าที่ของประชาชนคือการลงประชามติ แต่ประชาชนจำนวนมาก 60-70% เขาสนใจแต่ปากท้องเขา เขาหาเงินอยู่ เศรษฐกิจก็ยังแย่อยู่ เขาก็ต้องหาเลี้ยงปากท้องเขา เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน ก็แล้วแต่เขา ความผิดของผมหรือ ที่เขาไม่สนใจ จะทำอย่างไรเมื่อเขาไม่สนใจ ผมก็พูด ครูก. ข. ค. ก็มีพูด แต่เขาไม่เข้าใจอีกจะให้อย่างไร เป็นหน้าที่สื่อมวลชนที่จะต้องทำความเข้าใจกับเขา ไม่ใช่อะไรก็โยมาผมหมดทุกเรื่อง
เมื่อถามว่าตรงนี้เป็นเพราะว่าฝ่ายที่รับกับไม่รับ ไม่สามารถออกมารณรงค์ได้อย่างเต็มที่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็กฎหมายว่าอย่างไร ก็มีการอธิบายแล้วว่าตรงไหนดีไม่ดี ถ้าเห็นว่าไม่น่าเชื่อ ก็ไม่ต้องไปรับ ก็มีอยู่สิ่งเดียวที่นักการเมืองทุจริตเข้ามาไม่ได้ มีเรื่องเดียวเท่านั้นเอง นั่นคือประเด็น ถ้าอยากให้คนที่ทำความผิด ศาลตัดสินแล้วยังเข้ามาได้อีก ก็ตามใจ ก็ไปว่าเอารัฐธรรมนูญฉบับต่อไป ถ้าต้องทำใหม่
เมื่อถามว่าที่ผ่านมีการดำเนินการบางกรณีที่ไม่ผิดกฎหมายประชามติแต่ไปผิดคำสั่งคสช. จะมีผ่อนปรนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ไปดูว่าวัตถุประสงค์การรณรงค์คืออะไร ล้มกับไม่ล้ม แล้วมันผิดกฎหมายประชามติหรือเปล่า ถ้ากกต.บอกไม่ผิด ก็ไปรับผิดชอบกันเอาเอง ถ้าเกิดวุ่นวายกกต.ก็ต้องรับไปแล้วกัน ผมจะค่อยดูอยู่ข้างนอก เป็นเรื่องของกกต. ที่จะบอกว่าไม่ผิดประกาศกกต. แต่ผิดคำสั่งคสช. ทำไมถึงทำเงียบกันไม่ได้หรือ กลัวอะไรนักหนา ไม่ลงประชามติก็จบแล้ว จะลงอะไรก็เรื่องของแต่ละคนไป
“มากลัวอะไรผม ผมกดดันอะไร กดดันนักการเมืองใช่หรือไม่ เขาต้องการการเลือกปีนี้ เดี๋ยวนี้ ผมถามว่าแล้วที่เขาทำความเสียหายมา เขารับผิดชอบหรือยัง”
เมื่อถามว่ามีโอกาสจะผ่อนคลายคำสั่งคสช.หรือไม่ นายกฯ ตอบสวนทันทีว่า “ไม่มี ยังไม่มี เขามีใครเปลี่ยนแปลงให้ผมหรือไม่ ชื่อเดิมๆมีใครเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือไม่ มีมั้ย ตอบมาสักคน

“บิ๊กป้อม" ไม่รับลูก ข้อเสนอสปท.แก้คำสั่งคสช.ให้ทำกิจกรรมการเมือง ถามมีหน้าที่อะไร ไล่ให้ไปปฏิรูป อย่ามาสั่ง ทำอย่างอื่น



“บิ๊กป้อม" ไม่รับลูก ข้อเสนอสปท.แก้คำสั่งคสช.ให้ทำกิจกรรมการเมือง ถามมีหน้าที่อะไร ไล่ให้ไปปฏิรูป อย่ามาสั่ง ทำอย่างอื่น
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม. กล่าวถึง กรณีที่สภาขัดเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เสนอให้แก้ไขคำสั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ ว่า “ให้มาแก้เอง มาซิ มาแก้เลย มาสั่งแบบนั้นได้อย่างไร มันต้องมีหลักมีฐาน อยู่ดีๆอยากจะเอาอย่างโน้นอย่างนี้ มันจะได้ซะที่ไหน ผู้บริหารต้องมองหลายแง่มุม ไม่ต้องห่วง”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังคุมการทำงานของสปท.ได้อยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ถามกลับว่า “คุมเรื่องอะไร ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าทำเรื่องปฏิรูปจะมาคุมอะไร เรื่องนอกปฏิรูปจึงไม่ต้องถาม เวลานี้ทุกหน่วยงานเขาปฏิรูปการทำงานแล้วให้สปท.มาร่วมด้วย”
เมื่อถามถึงเหตุที่ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. ถึงกับร้องให้ ระหว่างการให้สัมภาษณ์รับผิดชอบการเดินสายพบนักการเมืองของ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท. คนที่ 1 พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เขาคงแสบตาถึงได้ร้องไห้ เรื่องของสปท. เขาต้องดูแลกัน แต่อะไรที่ทำให้เกิดความขัดแย้งก็อย่าไปทำ. ผมคิดแค่นี้

พลเอกประวิตร ยัน บึ้มใต้ ส่งท้ายรอมฎอน ไม่เกี่ยวIS ลั่น บ้านเราไม่มีIS



พลเอกประวิตร ยัน บึ้มใต้ ส่งท้ายรอมฎอน ไม่เกี่ยวIS ลั่น บ้านเราไม่มีIS
เผยสั่งแม่ทัพ4คุมสถานการณ์ใต้เข้มอีก หลังคาร์บอมบ์ปัตตานี วันนี้ ตร.ตาย1 เจ็บ2ส่งท้ายรอมฎอน ชี้ทำในเมืองไม่ได้ เลยออกมาทำข้างนอก เพราะเราดูแลเข้มงวด เผย เหตุรุนแรงใต้รอมฎอนปีที่แล้ว47ครั้ง ส่วนปีนี้30กว่าครั้ง สถิติลดลง ไม่มาก แต่ก็ไม่ควรเกิด. สั่งแม่ทัพภาค4 ดูแล ป้องกัน ชี้ช่วงใกล้จบเดือนรอมฎอน ก็จะก่อเหตุแบบนี้ แต่ไม่ควรเกิด บิ๊กป้อมยันเหตุคาร์บอมบ์ ปัตตานี ไม่เกี่ยวIS ยันบ้านเราไม่มีIS เผยบูรณาการการข่าวดูแลอยู่ทุกหน่วย ทหาร-ตร. และ ประสานมาเลเซีย
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กห.เผยว่า ได้สั่งการ พลโท วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพ4คุมสถานการณ์ใต้เข้มอีก หลังคาร์บอมบ์ปัตตานี วันนี้ ตร.ตาย1 เจ็บ2ส่งท้ายรอมฎอน
พลเอกประวิตร กล่าวว่า จะเก็นได้ว่า เมื่อก่อเหตุในเมืองไม่ได้ เลยออกมาทำข้างนอก เพราะเราดูแลเข้มงวด
ทั้งนี้ เหตุรุนแรงใต้รอมฎอนปีที่แล้ว47ครั้ง ส่วนปีนี้30กว่าครั้ง สถิติลดลง ไม่มาก แต่ก็ไม่ควรเกิด. สั่งแม่ทัพภาค4 ดูแล ป้องกัน ชี้ช่วงใกล้จบเดือนรอมฎอน ก็จะก่อเหตุแบบนี้ แต่ไม่ควรเกิด
เมื่อถามว่า เหตุคาร์บอมบ์ ปัตตานี และเหตุรุนแรงช่วงนี้ ไม่เกี่ยวกับIS ใช่หรือไม่ เพราะมาเลเซีย จับได้ตลอด พลเอกประวิตร ยืนยันง่า บ้านเราไม่มีIS และเหตุที่เกิดขึ้น ไม่เกี่ยวกับ IS
ทั้งนี้ เราได้บูรณาการทการข่าวดูแลอยู่ทุกหน่วย ทั้งของทหาร-ตร. และ ประสานมาเลเซีย

ศาลไม่อนุมัติขังผัด 2 นักกิจกรรรมรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เตรียมปล่อยตัวพรุ่งนี้เช้า

ศาลไม่อนุมัติขังผัด 2 นักกิจกรรรมรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เตรียมปล่อยตัวพรุ่งนี้เช้า
เวลา 15.40 น. วันนี้ ศาลทหารมีคำสั่งไม่อนุมัติฝากขังนักกิจกรรมทั้ง 7 ราย ขณะนี้เเจ้าหน้าที่นำตัวทั้งหมดขึ้นรถกลับเรือนจำเพื่อขังให้ครบผัดแรก 12 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในเวลาเที่ยงคืนวันนี้ และเตรียมปล่อยตัววันพรุ่งนี้เช้า
นักกิจกรรม 7 รายถูกนำตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ถึงศาลทหาร เวลา 8.33 น. เพื่อรอขออนุมัติฝากขังผัดที่ 2 ขณะที่องค์การแอมเนสตี้สำนักเลขาธิการใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ออกปฏิบัติการด่วน เชิญชวนผู้สนับสนุนที่มีอยู่มากกว่าเจ็ดล้านคนทั่วโลก ร่วมกันเขียนจดหมายเรียกร้องทางการไทยให้ปล่อยตัวและยกเลิกข้อกล่าวหาต่อ 13 นักศึกษาและนักกิจกรรมที่โดนจับกุมและตั้งข้อหาจากการรณรงค์เกี่ยวกับการลงประชามติเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา
นักกิจกรรมทั้ง 7 รายที่ถูกนำตัวมาขึ้นศาลทหารวันนี้ประกอบด้วย นายรังสิมันต์ โรม นายยุทธนา ดาศรี นายธีรยุทธ นาขนานรำ นายอนันต์ โลเกตุ นายสมสกุล ทองสุกใส นายกรกช แสงเย็นพันธ์ และนายนันทพงศ์ ปานมาศ โดยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้ง 4 ข้อหาได้แก่ กระทำการผิด มาตรา 61 วรรค 2 และ 3 ของ พ.ร.บ. ลงประชามติ ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ผิดคำสั่งคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือคมช. เนื่องจากไม่ยอมพิมพ์ลายมือ ไม่แสดงบัตรประชาชน และผิดคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558 เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน
นักกิจกรรมทั้ง 7 ถูกเจ้าหน้าที่ทหารเข้าควบคุมตัวพร้อมคนอื่นๆ อีกรวม 13 ขณะรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในย่านอุตสาหกรรมบางพลี จ.สมุทรปราการเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ทั้ง 7 คนยืนยันขอไม่ประกันตัวโดยเชื่อว่าไม่ได้กระทำความผิด ขณะที่อีก 6 คนขอประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 50,000 บาท
การจับกุมนักกิจกรรมทำให้เกิดกิจกรรมรณรงค์ให้มีการณรงค์รับหรือไม่รับได้อย่างเสรี เช่น การปล่อยลูกโป่งเขียนข้อความ “รณรงค์ ไม่ผิด” ในหลายจังหวัด การถ่ายภาพตุ๊กตาและขึ้นเฟซบุ๊กพร้อมข้อความเรียกร้องเสรีภาพในการรณรงค์และให้ปล่อยตัวนักกิจกรรม รวมถึงนำไปตุ๊กตาไปวางในสถานที่ต่างๆ เช่นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และหน้าเรือนจำ
ภาพ ผู้ต้องขังทั้ง 7 ราย และบรรยากาศหน้าศาลทหาร มีนักศึกษา นักกิจกรรมและประชาชนมารอให้กำลังใจตั้งแต่เช้า

เกิดเหตุระเบิดด่านตรวจยานพาหนะระหว่าง จ.ปัตตานี-สงขลา, ยิงผู้หญิงเสียชีวิตที่นราธิวาส

เกิดเหตุระเบิดด่านตรวจยานพาหนะระหว่าง จ.ปัตตานี-สงขลา, ยิงผู้หญิงเสียชีวิตที่นราธิวาส
เกิดเหตุระเบิดในพื้นที่ อ.หนองจิก จ. ปัตตานี บนถนนสายปัตตานี-หาดใหญ่ บริเวณด่านตรวจยานพาหนะ เบื้องต้นคาดเป็นคาร์บอม ขณะที่ จ.นราธิวาสมีเหตุคนร้ายยิงผู้หญิงเสียชีวิต ด้าน กอรมน. ภาค 4 ส่วนหน้า ชี้ผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงใช้ความพยายามในการสร้างสถานการณ์ความรุนแรง และถือเป็นพวกนอกศาสนาเพราะขัดขวางการปฏิบัติศาสนกิจของประชาชน
เฟซบุ๊กเพจอาสาสมัครกู้ชีพสันติปัตตานีรายงานว่าเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. จุดเกิดเหตุคือด่านตรวจเกาะหม้อแกง ซึ่งเป็นเป็นจุดตรวจยานพาหนะสัญจรระหว่าง จ.ปัตตานี-สงขลา ด้านสำนักข่าวไทยรายงานว่าเหตุดังกล่าวเป็นคาร์บอม โดยคนร้ายขับรถยนต์ประกอบวัตถุระเบิดมาจอดไว้บริเวณข้างฐานปฏิบัติการแล้ววิ่งหลบหนีไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ 1 ราย
อีกด้านหนึ่ง เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์รายงานว่าเกิดเหตุคนร้ายยิงนางแววตา ชาญแท้ อายุ 35 ปี เสียชีวิตที่ริมถนนตรงข้ามโรงเรียนบ้านปูโป๊ะ ม.4 ต.มูโน๊ะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นางแววตาถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นเข้าที่แผ่นหลัง แขนขวา ศรีษะ จำนวน 3 นัด
คณะทำงานฐานข้อมูลจังหวัดชายแดนภาคใต้เผยข้อมูลจากการบันทึกเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ช่วงเดือนรอมฎอน พบว่า 26 วันที่ผ่านมา มีประชาชนซึ่งถือว่าเป็นเป้าหมายอ่อนแอ เสียชีวิต 18 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐและคนร้ายเสียชีวิต 4 ราย
ด้านกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอรมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ระบุว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงใช้ความพยายามในการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดขึ้น ในพื้นที่ด้วยการลอบยิง ลอบวางระเบิดต่อเจ้าหน้าที่รัฐ และพี่น้องประชาชนซึ่งอยู่ในห้วงถือศีลอด ถือเป็นพฤติกรรมสุดโต่งที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนยากจน เป็นการทำลายและขัดขวางการดำเนินกิจกรรมทางศาสนาของพี่น้องมุสลิมจึงถือเป็นพวกนอกศาสนา
ทั้งนี้ พลโทวิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการ กอรมน. ภาค 4 ได้แสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับญาติพี่น้องและครอบครัวของเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทุกราย และเน้นย้ำให้หน่วยปฏิบัติในพื้นที่ เร่งทำความเข้าใจกับผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ พี่น้องประชาชนและเครือญาติ ให้เข้าใจในเหตุผล และความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมาย ตามแนวทางสันติวิธี พร้อมทั้งให้ทำการช่วยเหลือเยียวยาด้านมนุษยธรรม ตามความเหมาะสม
ภาพ เหตุการณ์ระเบิดที่ด่านตรวจ ในอ.หนองจิก จากเฟซบุ๊กเพจ อาสาสมัครกู้ชีพสันติปัตตานี

ศาลยกคำร้องขอฝากขัง 7 นักโทษประชามติผัด 2 แต่ยังต้องนอนเรือนจำคืนนี้อีกหนึ่งคืน

ศาลยกคำร้องขอฝากขัง 7 นักโทษประชามติผัด 2 แต่ยังต้องนอนเรือนจำคืนนี้อีกหนึ่งคืน จึงจะครบ 12 วัน ปล่อยตัวพรุ่งนี้ที่เรือนจำ 8 โมงเช้า
**************************************************************
‪#‎NEWSROOM‬ ‪#‎TV24‬ ที่ศาลทหาร ตุลาการศาลทหารได้นั่งบัลลังก์พิจารณาสอบสวนคดี เพื่อรับคำร้องฝากขังผัดที่ 2 ของพนักงานสอบสวน สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ที่ผู้ต้องหาขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 3/2558 ห้ามมั่วสุมเกินกว่า 5 คน และทำกิจกรรมยั่วยุปลุกปั่นทางการเมือง ในกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ประชามติ ที่ตลาดเคหะบางพลี อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา
โดยในห้องพิจารณาคดีได้มีญาติของผู้ต้องหา, สื่อมวลชน, ศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัฐ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมด้วยเจ้าที่ตัวแทนสถานทูต เข้าร่วมสังเกตการณ์ ประกอบไปด้วย สหรัฐอเมริกา แคนาดา เยอรมันนี ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร ฟินแลนด์ เดนมาร์ค สวีเดน เนเธอร์แลนด์ และสหภาพอียู เข้าร่วมสังเกตการณ์
ล่าสุด ศาลทหารยกคำร้องตำรวจ ไม่อนุญาตให้ฝากขัง 7 นักกิจกรรมรณรงค์ประชามติต่อ แต่ยังต้องนอนเรือนจำคืนนี้อีกหนึ่งคืน จึงจะครบ 12 วัน และปล่อยตัวพรุ่งนี้ที่เรือนจำ เวลา 08.00 น.

เมื่อจอมพลสฤษดิ์ รู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่อีกไม่ถึง 5 ปี...

เมื่อจอมพลสฤษดิ์ รู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่อีกไม่ถึง 5 ปี...

https://www.facebook.com/715431241835960/photos/a.715461781832906.1073741827.715431241835960/1087997064579374/?type=3&theater
ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์

ทำไมจอมพลสฤษดิ์จึงโกงคอรัปชั่นอย่างมากมายในช่วงเป็นนายกฯเผด็จการ 5 ปี?
ทำไมจอมพลสฤษดิ์จึงมีเมียน้อยอย่างมากมายในวิมานสีชมพู?
ทำไมจอมพลสฤษดิ์จึงชอบเพลง “ฟ้า... หัวเราะ... เยาะข้า.... ชะตาหรือ”?
ทำไมใครๆ จึงซุบซิบลือกันว่า อย่าทำให้จอมพลสฤษดิ์โกรธหรือเข้าใจผิด ท่านอาจเอาถึงตาย?
ทำไมจอมพลสฤษดิ์จึงออกแบบรัฐธรรมนูญชั่วคราวให้มีมาตรา 17 ที่คำสั่งและการกระทำของนายกฯ คือกฎหมาย?
เมื่อจอมพลสฤษดิ์รู้ว่าตนเองจะมีชีวิตได้อีกราว 5 ปี คุณคิดว่าจอมพลสฤษดิ์ในตำแหน่งผู้นำประเทศผู้นำทหารจะทำอย่างไรบ้าง?

ทำไมเมื่อจอมพลสฤษดิ์ยึดอำนาจเมื่อ 16 กันยายน 2500 ล้มรัฐบาลจอมพล ป. หัวหน้าพรรคเสรีมนังคศิลา พรรคทหารที่มาจากการเลือกตั้ง จอมพลสฤษดิ์จึงยังไม่ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ให้ลูกน้อง
คือ พลเอกถนอม กิตติขจร ขึ้นเป็น “นายกฯหุ่น” แทน

คำอธิบายในพื้นที่สาธารณะคือ จอมพลสฤษดิ์ทำรัฐประหารไม่ใช่เพื่ออำนาจราชศักดิ์ผลประโยชน์ส่วนตน แต่ทำเพื่อชาติ แต่ในทาง “ลับ” กลุ่มผู้นำทหารรู้กันว่า จอมพลสฤษดิ์เจ็บป่วยหนัก... อาจ

ถึงตายในเร็ววัน

เมื่อพลเอกถนอมเป็นนายกฯ เพียง 4 วันแรก ได้ประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นวาระพิเศษในวันเสาร์ที่ 4 มกราคม 2501 มีมติ ครม. อนุมัติให้จอมพลสฤษดิ์และคณะไปสังเกตการณ์ด้านทหารในสหรัฐ

และยุโรปเป็นเวลา 1 ปี หรือ “ดูงานเพื่อชาติ” ด้วยงบป้องกันราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอโดยเบิกค่าใช้จ่ายเบื้องต้น 1 ล้านบาท (ทองคำบาทละ 400)

จอมพลสฤษดิ์และคณะอีกราว 14 คน เดินทางด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำจากดอนเมือง ปลายทางที่โรงพยาบาลวอลเตอร์รีด (Walter Reed) วอชิงตัน ดี. ซี. สหรัฐ โดยทหารไทยเชื่อว่า นี้คือโรง

พยาบาลที่ดีที่สุดที่เคยรักษาประธานาธิบดีไอเซนฮาวมาแล้ว

คณะแพทย์วินิจฉัยว่า จอมพลสฤษดิ์ “ตับพิการ” วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2501 ได้มี “ผ่าตัดที่ม้าม และเชื่อมโยงเส้นโลหิตจากม้ามไปยังไต เพื่อเปลี่ยนระบบทางเดินของโลหิต”

หลังการผ่าตัดจอมพลสฤษดิ์ที่โรงพยาบาลวอลเตอร์รีด สหรัฐฯ นายแพทย์ไทยก็ได้แจ้งตามรายงานที่ได้รับแก่นายทหารผู้ช่วยจอมพลสฤษดิ์ ว่าจอมพลสฤษดิ์ “ไม่น่าจะมีชีวิตเกินห้าปี”(1)

และคณะแพทย์ฝ่ายสหรัฐฯก็ได้หวังว่า จอมพลสฤษดิ์ต้องปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัดในอนาคต เช่นเรื่องการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การทานอาหาร และการออกกำลังกาย การควบคุม

น้ำหนัก

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐเป็นฝ่ายดูแลรับผิดชอบด้านค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับโรงพยาบาลและการรักษาด้านต่างๆ ของจอมพลสฤษดิ์ในครั้งนี้(2)

ในช่วงจอมพลสฤษดิ์พักฟื้น ฝ่ายสหรัฐประเมินว่ายังสามารถสนับสนุนให้จอมพลสฤษดิ์เป็นผู้นำทหารการเมืองของประเทศไทยต่อไปได้

จอมพลสฤษดิ์จึงนำทีมบินเหมาลำกลับสู่ประเทศไทย ทำการยึดอำนาจในเวลา 21.00 น. วันที่ 20 ตุลาคม 2501 โดยพลเอกถนอมได้ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ในช่วงเช้า ทั้งนี้ ประกาศการลาออก

ทางวิทยุเวลา 20.30 น.

นับแต่นั้นมา ประเทศไทยจึงได้มีนายกรัฐมนตรีทหาร จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่รู้ว่าตนจะต้องตายภายใน 5 ปี...

จอมพลสฤษดิ์อสัญกรรมในวันที่ 8 ธันวาคม 2506 เวลา 17.00 น. จากวันรักษาตัวมาถึงวันสิ้นก็มีชีวิตอยู่ได้ตามที่คณะแพทย์โรงพยาบาลวอลเตอร์รีด สหรัฐ คาดหมายไว้อย่างใกล้เคียง รวมมีอายุ 55

ปี

ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ ได้ประชุมพิเศษเริ่มเวลา 18.30 น. ยืนไว้อาลัยให้จอมพลสฤษดิ์ 1 นาที แล้วเสนอตั้งจอมพลถนอมเป็นนายกรัฐมนตรี จบการประชุมเวลา 19.00 น.

รัฐบาลใหม่ของอดีตลูกน้องที่ใกล้ชิด จอมพลถนอม ได้มีกระบวนการยึดทรัพย์นายกรัฐมนตรีจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่โกงกินคอรัปชั่นที่สุดในแผ่นดิน อย่างทันทีทันใด

Believe it or not?
บันทึกไว้ Tue.อัง. 5 Julyกรกฎา 2016/2559
อ้างอิง
1. “Telegram From the Department of State to the Embassy in Thailand, February 17,1958,” Foreign Relations of the United States, 1958-1960, Volume XV, South and Southeast Asia, p. 985. “Sarit

unlikely live longer than five years.”

2. “Memorandum From the Director of the Office of Southeast Asian Affairs (Kocher) to the Assistant Secretary of State for Far Eastern Affairs (Robertson), January 27,1958,” Foreign Relations of

the United States, 1958-1960, Volume XV, South and Southeast Asia, pp. 984-985.

3. “Instruction From the Department of State to the Embassy in Thailand, March 26,1958,” Foreign Relations of the United States, 1958-1960, Volume XV, South and Southeast Asia, p. 985. “Given

these precaution, there appears at this time to be no reason to assume that Sarit cannot serve as an active political and military leader upon his return to Thailand.”

ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์. “บทบาททางการเมืองของจอมพลถนอม กิตติขจร พ.ศ.2506-2516.” วิทยานิพนธ์อักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์

มหาวิทยาลัย, 2550. หน้า 95-103, 126-131

‘โครงการจำใจจาก’ ย้ายฐานการผลิต บริษัทพานาโซนิคเปิดสมัครใจออกเกือบ 400 คน

คนงานพานาโซนิคเข้าโครงการจำใจจากเกือบ 400 คน รับค่าเชยบวกเงินพิเศษ หลังบริษัทปิดการผลิต 2 แผนก แจงย้ายฐานการผลิตไปมาเลเซียกับอินเดีย
20150110140005.jpg

รายงานโดย: นักสื่อสารแรงงาน 
ที่มา: voicelabour.org

30 ก.ย. 2558 บริษัทพานาโซนิค แอ็พไลแอ็นซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดจ่ายเงินค่าชดเชยและเงินพิเศษให้คนงานพานาโซนิคกว่า 400 คนที่ได้เข้าโครงการสมัครใจลาออก ตามที่บริษัทพานาโซนิค แอ็พไลแอ็นซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเปิดให้คนงานเข้าโครงการโดยมีข้อเสนอจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย เงินพิเศษตามอายุงาน ค่าตกใจ 2 เดือน และโบนัส 9-10 เดือน ซึ่งทางบริษัทฯ ได้มีการประกาศล่วงหน้าตั้งแต่เดือนเมษายนให้เข้าโครงการให้วันที่ 1 พฤษภาคม-มิถุนายน 2558 ซึ่งมีคนงานที่เข้าโครงการสมัครใจลาออกเกือบ 400 คน
นายเฉลย สุขหิรัญ ประธานสหภาพแรงงานพานาโซนิคแห่งประเทศไทยกล่าวถึงสถานการณ์การเปิดโครงการสมัครใจลาออกของบริษัทฯ ว่า บริษัทฯ ได้ชี้แจงต่อคนงานว่า ต้องการปิดแผนกการผลิต 2 แผนกคือ แผนกผลิตหม้อหุงข้าวกับแผนกผลิตกระติกน้ำร้อนโดยใช้หลักการเปิดสมัครใจลาออกแทนการเลิกจ้าง โดยจะจ่ายค่าชดเชยให้ตามกฎหมายพร้อมเงินพิเศษ 
การปิดแผนกงานครั้งนี้นายจ้างอ้างว่า ต้องการปิดการผลิตเพราะต้องการปรับโครงสร้างใหม่ จึงต้องยุบบางแผนกลง และสหภาพแรงงานเพิ่งทราบจากผู้บริหารบริษัทอีกว่า ได้มีการย้ายฐานการผลิตแผนกกระติกน้ำร้อนไปยังนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ส่วนหม้อหุงข้าวได้ย้ายฐานไปประเทศมาเลเซียกับอินเดีย
ในส่วนของโรงงานในนิคมอมตะนครได้เปิดให้มีคนงานส่วนหนึ่งย้ายตามไปด้วย แต่ส่วนใหญ่ต้องให้เข้าโครงการสมัครใจลาออก ด้วยทั้ง 2 แผนกการผลิตนั้นคนงานส่วนใหญ่ทำงานมานาน อายุงานเฉลี่ยก็เป็น 10 ปี และอายุคนงานก็เฉลี่ยที่ 37-54 ปีแล้ว ได้ค่าชดเชยอยู่ที่ประมาณ 15-20 เดือน บวกเงินขอบคุณและเงินพิเศษอื่นๆ อีก
“ในฐานประธานสหภาพแรงงานรู้สึกเสียดายเพราะคนที่ออกเป็นกลุ่มสมาชิกรุ่นเก่าและกรรมการส่วนหนึ่งที่ต้องจำใจสมัครใจลาออกไป ซึ่งในส่วนของแผนกหม้อหุงข้าวถือว่าเป็นสมาชิกที่ร่วมกันทำงานมานานให้กับบริษัทและเป็นรุ่นก่อตั้งสหภาพแรงงานด้วย ซึ่งตอนนี้ก็คงต้องมาปรับกระบวนการในสหภาพแรงงาน และปรึกษาหารือกับกรรมการสหภาพแรงงานใหม่ที่จะเข้ามาช่วยกันทำงานองค์กร” นายเฉลยกล่าว
ทั้งนี้ บริษัท พานาโซนิค แอ็พไลแอ็นซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (PAPTH) ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ ถนนบางนา-ตราด กม.36 ต.บางสมัคร อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

20150110140014.jpg

เปิด ‘ร่วมใจจาก’ ให้สมัครใจออก บริษัทชิ้นส่วนรถยนต์ค่ายยักษ์อ้าง ศก.โลกตกต่ำ - จับตาเลิกจ้าง ‘คนงานเหมาค่าแรง’

เผยข้อมูลบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ใน จ.สมุทรสาคร ประกาศเปิดโครงการ “ร่วมใจจาก” ให้ลูกจ้างสมัครใจลาออกจำนวน 100 คน อ้างสภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำกระทบต่อเศรษฐกิจไทย รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ชะลอตัว จำเป็นต้องลดต้นทุนการผลิตให้บริษัทยังอยู่ได้ ด้านผู้นำแรงงานยานยนต์จับตากระแสเลิกจ้างในเครือผลิตรถยนต์ เตือนสมัครใจลาออกเสียสิทธิว่างงาน
20160207224301.jpg
2 ก.ค. 2559 นักสื่อสารแรงงาน รายงานผ่าน voicelabour.org ว่า เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2559 แหล่งข่าวแจ้งว่าบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร ได้ประกาศเปิดโครงการ “ร่วมใจจาก” ให้กับลูกจ้างในฝ่ายผลิตที่สมัครใจลาออกจำนวน 100 คน โดยอ้างหลักการเหตุผล เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศไทย รวมถึงขณะนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ชะลอตัว ทำให้มีความจำเป็นต้องลดต้นทุนการผลิต เพื่อการแข่งขันให้บริษัทคงอยู่ต่อไป
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า บริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทผลิตชิ้นยานยนต์ประเภท (ยาง) ส่งขายให้กับผู้ประกอบกิจการประกอบรถยนต์ ซึ่งบริษัทอ้างถึงความจำเป็นที่ต้องการปรับนโยบายการดำเนินงานใหม่ เพื่อให้องค์กรเกิดประสิทธิภาพการทำงานสูงยิ่งขึ้นกว่าที่ผ่านมา มีมาตรการในการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง ลดชั่วโมงการทำงานล่วงเวลา ลดของเสียในกระบวนการผลิต ลดกำลังคนด้วยการเปิดโครงการร่วมใจจากให้ลาออกด้วยความสมัคร และยุบเลิกสายพานการผลิตที่มีต้นทุนสูงเป็นต้น
แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า ทางบริษัทมีข้อเสนอในการจ่ายเงินให้กับลูกจ้างเทียบเท่าอายุงานที่ทำมา และบวกเพิ่มให้อีก 2 เดือน เพื่อเป็นน้ำใจให้กับลูกจ้างที่สมัครใจเข้าโครงการ ซึ่งขณะนี้มีข่าวลือในบริษัทถึงสถานะของบริษัทว่าอาจมีการย้ายฐานการผลิตหรือปิดกิจการ ส่งผลให้ลูกจ้างเกิดความระส่ำระสาย ในส่วนของตัวแทนลูกจ้างจึงมีการนำข้อมูลการส่งออกให้เป็นความรู้กับทางสมาชิกเพื่อการตัดสินใจ
ด้านวิสุทธิ์ เรืองฤทธิ์ รองประธานสหพันธ์แรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทย (สยท.) กล่าวว่า ยังมีบริษัทผลิตยานยนต์ยักษ์ใหญ่ที่เตรียมการเลิกจ้างลูกจ้างเหมาค่าแรงอีกจำนวนมาก โดยได้เข้ามาขอคำปรึกษาเพื่อการเฝ้าระวังอยู่ขณะนี้ กรณีที่บริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์กับบริษัทผลิตรถยนต์ที่มีการเปิดสมัครใจให้คนงานลาออกและเลิกจ้างนั้น หากมองในแง่ของข้อมูลการเติบโตของเศรษฐกิจรถยนต์มีการปรับตัวเรื่องของการใช้แรงงานฝีมือทักษะเพิ่มขึ้น และมีการผลิตรถรุ่นใหม่ 
แม้ว่าแรงงานที่ทำงานมานานมีทักษะฝีมือ และปรับตัวได้เมื่อมีเครื่องจักรใหม่มาก็ตาม แต่การที่เลิกจ้างหรือให้คนเก่าที่เงินเดือนสูงออก และมีการจ้างเด็กรุ่นใหม่เข้ามาทำงานแทนและยังสามารถที่จะฝึกงานได้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ได้ นายจ้างเห็นว่าให้คนที่เงินเดือนสูงและอายุก็มากแล้วออกไปหนึ่งคนสามารถจ้างเด็กใหม่ได้ตั้งคนครึ่งทีเดียว ซึ่งตรงนี้ในส่วนของบริษัทผลิตชิ้นส่วนที่สมุทรสาครก็มีการเตรียมที่จะเปลี่ยนคนและเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ด้วยพร้อมกัน 
ส่วนผลิตภัณฑ์เดิมเครื่องจักรเดิมที่ต้องผลิตเพื่อส่งสินค้าให้กับตลาดก็มีหลายบริษัทหันไปใช้บริษัทรับเหมาช่วง หรือย้ายฐานไปยังประเทศใน CLMV คือกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพดี เช่น ประเทศกัมพูชา ลาว พม่า เวียดนามที่ค่าจ้างยังต่ำอยู่ เป็นต้น ส่วนประเทศไทยจะใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้นกว่าเดิมและต้องการลดต้นทุนเรื่องค่าจ้างคนเก่าซึ่งมีค่าจ้างและสวัสดิการที่สูงออก 
ตรงนี้เองมองว่านายจ้างยังคงมองลูกจ้างเป็นสินค้าพอหมดค่าก็ทิ้ง ไม่ได้ดูว่าสังคมต้องแบกรับภาระคนเหล่านี้อย่างไรหลังจากต้องตกงาน
วิสุทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า การที่นายจ้างใช้วิธีการให้ลูกจ้างสมัครใจลาออกนั้น อยากฝากให้ลูกจ้างหรือผู้ใช้แรงงานดูเรื่องข้อมูลให้ดี เพราะการที่สมัครใจลาออกนั้นกระทบต่อสิทธิประกันสังคมกรณีว่างงานที่หากนายจ้างเลิกจ้างจ่ายค่าชดเชยให้ตามกฎหมาย ตามอายุงานแล้ว ลูกจ้างต้องไปแจ้งประกันสังคมเพื่อรับสิทธิกรณีว่างงานร้อยละ 50 ของเงินเดือนเป็นระยะเวลา 6 เดือน หรือ 180 วัน แต่หากลูกจ้างสมัครใจลาออกสิทธิกรณีว่างงานจะเหลือเพียงร้อยละ 30 ของเงินเดือน ในระยะเวลา 3 เดือน หรือ 90 วัน 
ทั้งนี้ คงต้องจับตาดูการเลิกจ้างลูกจ้างเหมาค่าแรงของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์ว่าในวันที่ 4 ก.ค.นี้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ที่ อ.สำโรง จ.สมุทรปราการ

จากกันด้วยใจ? รถยนต์ญี่ปุ่นค่ายยักษ์ ให้ลูกจ้างเหมาค่าแรงลาออกเกือบพัน

Tue, 2016-07-05 15:31

 
4 ก.ค.2559  นักสื่อสารแรงงาน voicelabour.org รายงานว่า หลังกระแสการเปิดโครงการสมัครใจลาออกของบริษัทผลิตรถยนต์ค่ายยักษ์จากประเทศญี่ปุ่น โดยใช้ชื่อโครงการ “จากกันด้วยใจ”
 
โดย แหล่งข่าว กล่าวว่า การเปิดโครงการดังกล่าวเพื่อที่จะให้ลูกจ้างเหมาค่าแรงซึ่งมีอยู่ในกระบวนการผลิตประมาณร้อยละ 40 ของลูกจ้างทั้งหมดในการสมัครใจลาออกโดยทางบริษัทต้องการคนที่สมัครใจลาออกจำนวน 800-900 คน โดยกำหนดจำนวนแต่ละไลน์การผลิต ได้เปิดรับสมัครเข้าโครงการเป็นเวลา 1 อาทิตย์ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยผู้บริหารลงชี้แจงลูกจ้างเหมาค่าแรงทั้งสำโรง เกตเวย์ บางชอน พร้อมทั้งสัญญากับลูกจ้างเหมาค่าแรงหากผลประกอบการดีขึ้นจะรับลูกจ้างเหมาค่าแรงกลับเข้ามาทำงานในอัตราค่าจ้างเดิมสวัสดิการเดิมและนับอายุงานต่อเนื่องด้วย
 
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ในการเปิดโครงการ “จากกันด้วยใจ” สำหรับลูกจ้างเหมาค่าแรงนั้นเป็นการเปิดโอกาสให้ลาออกโดยทางบริษัทจะจ่ายเงินพิเศษและค่าชดเชยให้ตามอายุงาน พร้อมค่าจ้าง และค่าบอกกล่าวล่วงหน้า การที่ไม่บอกคืนลูกจ้างเหมาค่าแรงเหมือนกับบริษัทอื่นๆนั้นเพราะเห็นว่า ลูกจ้างเหมาค่าแรงอยู่ด้วยกันมานาน และมีเรื่องของการทำงานดีจะมีการบรรจุให้เป็นลูกจ้างประจำด้วย ซึ่งมีการบรรจุเกือบทุกปี ซึ่งปีละหลายร้อยคน ซึ่งขณะนี้คนที่มาสมัครใจลาออกจำนวนมากโดยบริษัทเปิดรับสมัครใจลาออกในส่วนของลูกจ้างเหมาค่าแรงที่มีอายุงานต่ำกว่า 10 ปี ซึ่งหลังจากครบกำหนดตามที่บริษัทเปิดโครงการฯทางบริษัทก็จะมีการใช้การประเมินดูเรื่องประสิทธิภาพการทำงานเพื่อเลิกจ้าง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นขั้นตอนสุดท้ายอย่างไรบริษัทต้องการที่จะใช้การลาออกโดยสมัครใจก่อน
 
ทั้งนี้ล่าสุดแหล่งข่าวรายงานว่า ทางผู้บริหารบริษัทได้มีการจัดประชุมเพื่อชี้แจงกับลูกจ้างเหมาค่าแรง และได้มีการร่วมส่งลูกจ้างเหมาค่าแรงขึ้นรถกลับบ้านด้วย
 
ด้าน วิสุทธิ์ เรืองฤทธิ์ รองประธานสหพันธ์แรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทยกล่าวว่า ในฐานะการทำงานในประเภทกิจการยานยนต์คงต้องคอยจับตาดูเรื่องการปฏิบัติการของนายจ้างในประเภทกิจการรถยนต์ ซึ่งขณะนี้มีปรากฏการการเปิดโครงการสมัครใจลาออกทั้งส่วนของลูกจ้างประจำและพนักงานเหมาค่าแรง โดยจะดูเรื่องสิทธิของลูกจ้างเรื่องสิทธิแรงงาน และความเป็นธรรมซึ่งกรณีดังกล่าวมีการจ่ายค่าจ้างและค่าชดเชย ค่าบอกกล่าวล่วงหน้าที่เรียกว่าเงินพิเศษให้ด้วย แทนการที่จะส่งลูกจ้างเหมาค่าแรงให้กับทางบริษัทต้นสังกัด
 
ทั้งนี้ได้มีลูกจ้างเหมาค่าแรงของบริษัทดังกล่าวออกมาโพสต์เรื่องราวชีวิตการทำงานในบริษัทดังกล่าวด้วยความผูกพัน เพื่อเป็นการบอกลาในโซเซียลมีเดียอีกด้วย