PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2560

ญี่ปุ่นเตือนภัยสงครามขีปนาวุธ

รายละเอียด)

งานเข้าแล้วไง!!! รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศการเตือนภัยครั้งยิ่งใหญ่ ให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ใครมีญาติพี่น้องอยู่ญี่ปุ่นรีบแจ้งด่วน!!!(รายละเอียด)

หมวดหมู่ : ข่าววันนี้ 26 เมษายน 2017

รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมพร้อมประชาชนรับมือกรณีหากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธเข้าใส่ ยอมรับมีเวลาไม่ถึง 10 นาที สำหรับเตรียมการรับมือ

26 เม.ย.60 รายงานข่าวต่างประเทศเผยว่า ประชาชนชาวญี่ปุ่นมีเวลาไม่ถึง 10 นาที เตรียมพร้อมสำหรับหลบภัย หากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธลงญี่ปุ่น ซึ่งประกาศเตือนใหม่ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลี

 

โดยในเอกสารคู่มือที่ถูกเผยแพร่ลงบนเว็บไซต์การป้องกันความมั่นคงของประเทศ แนะนำว่าหากมีสัญญาณเตือนให้มองหาที่กำบังที่แข็งแรง หรือที่หลบภัยใต้ดิน หากกำลังขับรถอยู่ ควรออกจากรถเพื่อความปลอดภัย และหากขีปนาวุธตกในรัศมีใกล้เคียง ควรปิดปากจมูกด้วยผ้าเช็ดหน้าและหนีไปให้เร็วที่สุด

Advertisement

ขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือจะใช้เวลาในการเดินทางเพียง 10 นาที ผ่านระยะทาง 1,600 กิโลเมตรไปยังโอกินาวาเกาะตอนใต้สุดของญี่ปุ่น ข้อมูลดังกล่าวได้มาจากการตรวจสอบการทดสอบอาวุธครั้งก่อน ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เมื่อปีที่ผ่านมา

รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศวิธีรับภัยหากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามเข้ามาอย่างเป็นทางการแล้วครับ !!

เป็นอีกหนึ่งข่าวที่น่าสนใจอย่างยิ่งครับ ถึงกับต้องรีบแปลตอนนี้เลย ทางโฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นเรียกประชุมเตรียมรับมือหากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามเข้ามา โดยมีจัดทำเอกสารบอกกล่าวเพื่อแจ้งให้กับประชาชนได้รู้ว่าต้องทำยังไงเมื่อภัยสงครามมาเยือนลงเว็บไซต์เป็นทางการแล้วครับ
เว็บไซต์รัฐบาลญี่ปุ่น

http://www.kantei.go.jp/jp/tyoukanpress/201704/21_a.html

เว็บไซต์คุ้มครองพลเรือนญี่ปุ่น (ด้านบนเว็บกดปรับเป็นภาษาอังกฤษได้)

http://www.kokuminhogo.go.jp/pc-index.html

ผมสรุปมาให้นะครับ เพราะ เท่าที่ดูยังไม่มีประกาศเป็นภาษาอังกฤษนะ

1.หากมีภัยอันตรายจริงๆ รัฐบาลญี่ปุ่นจะรีบแจ้งไปอย่างหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อให้ส่งสัญญาณเตือนภัย ( เรียกว่า J alert ให้เดาคงดังเหมือนหนังโกโบริตอนมีระเบิดหรือไม่ก็เหมือนตอนเตือนสึนามิอะครับเป็นเสียงหว๋อดังๆ) หรือ ประกาศแจ้งเตือนเป็นทางการผ่านสื่อของรัฐบาล
ตัวอย่างเสียงเตือน

2.ประชาชนที่อยู่ข้างนอกหากได้ยินสัญญาณหรือคำเตือนที่ตรวจสอบแล้วเป็นจริงนี้ ให้วิ่งหาอาคารหรือตึกรามบ้านช่องที่แข็งแรง หรือ ให้วิ่งลงใต้ดิน(เช่นพวกแหล่งช๊อปปิ้ง หรือ ทางเดินที่ทำไว้ใต้ดิน)

3.ประชาชนที่อยู่ในที่ ที่ไม่มีที่หลบแบบข้อ 2 ให้หาที่กำบังหลบ และ หมอบลงกับพื้นป้องหัวตัวเองไว้

4.หากอยู่ในห้อง หรือ ในตึกอยู่แล้ว ให้หลบห่างจากหน้าต่าง หรือ ไปหลบในห้องที่ไม่มีหน้าต่างเลยได้ยิ่งดี
หากขีปนาวุธตกใกล้ๆที่คุณอยู่ แล้ว
ตัวคุณอยู่ในตึกให้ทำแบบนี้
ปิดเครื่องดูดควัน ปิดหน้าต่าง ปิดช่องลอดๆต่างในบ้าน และ ปิดตัวอาคารให้มิดชิด
ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในตึกให้ทำแบบนี้
ให้นำผ้าเช็ดหน้าปิดปากกับจมูกและวิ่งหนีออกจากพื้นที่ประสบภัยให้เร็วที่สุด จากนั้น ให้หนีหลบเข้าไปในอาคารที่ปิดมิดชิด หรือ ให้หนีไปต้นลมให้เร็วที่สุด
ถ้ามีคืบหน้าเด๋วจะแจ้งมาเรื่อยๆนะครับ
ใครที่อ่านภาษาญี่ปุ่นออกให้ฟอลโลว์ทวิตแจ้งเหตุของรัฐบาลญี่ปุ่นไว้นะครับ

@Kantei_Saigai

เอกสารคู่มือปฏิบัติเวลาขีปนาวุธลง

http://www.kokuminhogo.go.jp/pdf/290421koudou2.pdf

ใครอยู่ประเทศญีปุ่นหรือมีญาติให้รีบแจ้งโดยด่วนนะครับ

ขอบคุณข้อมูล JapanPlanning วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น

การเมือง ร้อน แต่การปกครอง แช่แข็ง ‘ทางเลือกของทักษิณ-เพื่อไทย’ ปี2560

การเมือง ร้อน แต่การปกครอง แช่แข็ง ‘ทางเลือกของทักษิณ-เพื่อไทย’ ปี2560

มุกดา สุวรรณชาติ
บางคนในทีมวิเคราะห์คลุกคลีอยู่กับการต่อสู้ทางการเมืองก่อน 14 ตุลาคม 2516 จนถึงบัดนี้นับเป็นเวลาเกินกว่า 45 ปีแล้ว ได้ให้ความเห็นร่วมกันว่าการต่อสู้ทางการเมืองใน 10 ปีหลังซับซ้อนวุ่นวายและกระจายออกไปยังกลุ่มคนต่างๆ ในสังคมมากที่สุด
มีการดึงเอาสถาบันองค์กรและบุคคลที่มีชื่อเสียงเข้ามาร่วมมากที่สุด
สามารถดึงคนชั้นกลางและชั้นล่างเข้าร่วมมากที่สุด
สร้างความแตกแยกทางความคิดให้กับสังคมไทยมากที่สุด
ผลของการต่อสู้หลายหลายครั้งตลอด 10 ปีทำให้เปิดเผยธาตุแท้ ผลประโยชน์ที่ซ่อนเร้น ความต้องการทางการเมืองของคนและกลุ่มคนออกมาได้มากที่สุดเช่นกัน
10 ปีแห่งความยุ่งยากและวุ่นวายได้สะท้อนว่า
ที่จริงแล้วมีคนจำนวนมากมิได้ต้องการประชาธิปไตยแบบที่เผยแพร่มาจากต่างประเทศทั้งแบบอเมริกาหรือยุโรป
เวลาผ่านไปตั้งนานหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองเกินกว่า 80 ปี แต่ความคิดที่ว่าคนไม่เท่าเทียมยังคงดำรงอยู่ในสังคม ระบบที่มองคนชั้นล่างเป็นข้าเป็นไพร่ยังดำรงอยู่จริง
สถานการณ์ร้อน เพราะมีไฟสุม…
1. การปกครองยังคงมีความมุ่งหมายที่จะให้อยู่ในมือของคนกลุ่มหนึ่งที่มีฐานะดี มีการศึกษาที่สูงกว่า การแต่งตั้งเลื่อนชั้นทางสังคมของคนบ้านนอกที่ผ่านสนามการเมืองยังไม่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป
ในโลกนี้แม้คนส่วนใหญ่ต้องการระบอบประชาธิปไตย แต่ก็มีคนบางกลุ่มต้องการใช้สิทธิ์มากกว่า ต้องการความเสมอภาคที่เหนือกว่า ต้องการความยุติธรรมที่ได้เปรียบ
คนกลุ่มนี้จึงต้องโฆษณาว่า พวกเขาดีกว่า เก่งกว่า ซื่อสัตย์กว่า เป็นสายเลือดผู้ดี ที่ไม่มีวันทำชั่ว เหมาะจะเป็นผู้ปกครองตลอดไป นอกจากการโฆษณา ก็ยังจะต้องมีกำลังและกฎหมายมาเสริม
2. แม้ปัจจุบันระบบการศึกษาขยายไปทั่ว คนนอกเมือง ในเมือง รุ่นใหม่ได้เรียนหนังสือ การจบปริญญาตรีเป็นเรื่องทั่วไปของคนยุคปัจจุบัน คนจบปริญญาโทก็มีหลายแสนคนแล้ว แต่การศึกษาตามระบบที่เรียนกันมาไม่ได้สร้างคนให้ฉลาด ต่อสู้เสียสละเพื่อสังคม
คนส่วนใหญ่ยังถูกหลอกได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเรียนแค่ ป.6 ม.3 หรือจบปริญญาเอก
พลังฝ่ายก้าวหน้าพัฒนาตามการเปลี่ยนแปลงของโลก ที่การสื่อสารพัฒนาเร็วมาก แต่พลังฝ่ายล้าหลัง ก็ยังมุ่งที่จะรักษาอำนาจและผลประโยชน์ของตนโดยไม่สนใจผลกระทบต่อส่วนรวม
ผู้มีอำนาจของกลุ่มนี้ตัดสินใจผิดพลาดหลายครั้งซ้อน ยิ่งแก้ยิ่งผิด ความขัดแย้งยิ่งขยาย จากบางคนไปสู่บางกลุ่ม และสุดท้ายขยายไปทั่วประเทศ
3. ตั้งแต่ปี 2549-2560 สรุปว่าคนที่ยึดอำนาจคุมได้เกือบหมด ยกเว้นประชาชน เพราะประชาชนดื้อตาใส นิ่งแต่ดื้อ เพียงรอจังหวะพอมีเลือกตั้งใหม่ก็สนับสนุนพรรคเดิม
แต่ผู้อยู่เบื้องหลังและกลุ่มอำนาจเก่าก็ไม่ยอมแพ้ ทั้งดื้อและด้าน จึงใช้ทุกอำนาจเท่าที่มีอยู่ออกมาชิงอำนาจกลับ ปี 2553 และ 2557 แต่ไม่เข้าใจชีวิตประชาชน และไม่ได้ใจประชาชน
ตัวอย่างชัดเจน กรณีการใช้รถกระบะ…สงกรานต์ปีนี้ไม่มีเรื่องขันสีแดง แต่มีเรื่องรถกระบะ เรื่องนี้เหมือนสงครามชนชั้นกลุ่มคนชั้นล่าง ไม่ว่าคนเสื้อแดง หรือเหลือง รู้สึกได้ว่าคนที่ออกกฎหมายคือคนรวยที่จะซื้อรถใดๆ สักกี่สิบคันก็ได้
แต่พวกเขาทั้งหมู่บ้านสามารถซื้อรถกระบะได้เพียง 1 คันหรือ 2 คันเท่านั้น และจะต้องใช้ร่วมกันต้องพึ่งพาอาศัยกัน
ความปลอดภัย การบาดเจ็บเสียชีวิตพอเข้าใจ แต่คนที่ออกกฎหมายไม่เข้าใจชีวิตพวกเขา ถ้าเขาทำตามกฎหมายที่ออกมา พวกเขาจะเสียชีวิตก่อนที่มีอุบัติเหตุ เพราะจะไม่สามารถขนคนป่วยมาโรงพยาบาลได้ จะทำมาหากินไม่ได้ จะเดินทางไม่ได้
โลกทุกวันนี้พวกเขาไม่สามารถอยู่ในหมู่บ้านปลูกผักกินแบบเก่าได้แล้ว มองอย่างนี้พวกเขายิ่งเข้าใจว่าคนที่ออกกฎหมายไม่ใช่ตัวแทนและไม่มีวันทำอะไรให้พวกเขาได้
กรณีรถกระบะปลุกพวกไทยเฉยไม่ว่าใส่เสื้อสีใดให้ลุกขึ้นมาต่อสู้พิทักษ์สิทธิตนเอง คำว่ากฎหมายไม่อาจมาใช้บังคับพวกเขาได้เพราะพวกเขามองว่ากฎหมายนั้นไม่ถูกต้อง และนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนมองเห็นความหมายของกฎหมายในแง่ของความเป็นจริง
4. เรื่องการปกครอง…ทุกครั้งจะมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยหวังว่าจะได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ แต่ไม่มีทางเป็นจริงได้ ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ได้เป็นของประชาชน และไม่ได้ร่างโดยประชาชน ที่ออกมาจึงไม่ใช่เพื่อประชาชน ที่หวังว่าจะได้ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ยังต้องรอไปก่อน
แต่ที่ชาวบ้านอยากได้ด่วน แล้วไปแช่แข็งไว้ คือการเลือกตั้งท้องถิ่น
5. แรงกดดันจากอำนาจตามรัฐธรรมนูญและนอกรัฐธรรมนูญจะทำให้กลุ่มนิยมประชาธิปไตยแตกออก ทั้งการจัดตั้ง และแนวทางการต่อสู้ พวกที่แตกไปจะไปตั้งกลุ่ม ตั้งพรรค หรือไปอยู่พรรคอื่น เป็นเรื่องปกติ เพราะหลายคนก็อยากอยู่ฝ่ายรัฐบาล จะมีคนแยกไปเดินแนวทางการต่อสู้ที่รุนแรง แต่คง ยังมีจำนวนน้อย

พรรคเพื่อไทย

พรรคดั้งเดิมคือพรรคไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองที่เดินแนวทางรัฐสภา จึงไม่ได้ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ไม่ได้คิดต่อสู้ด้วยกำลัง นักการเมืองยอมสงบนิ่ง ยอมถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ยอมให้ยุบพรรค ยอมใช้รัฐธรรมนูญใหม่ ผ่านจนมาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ในนามเพื่อไทย ก็ยังยืนหลักการเดิม ดังนั้น พวกเขาต้องยอมใช้ รธน. 2560 และก็ต้องเลือกตั้ง
ภายในพรรคเพื่อไทยก็ยังมีคนประเมินกันไว้ว่า แม้เลือกแบบใหม่ ก็จะได้ ส.ส. เกินครึ่ง แต่คนนอกก็บอกนั่นเป็นความเพ้อฝัน
ส่วนฝ่ายตรงข้ามประเมินออกมาแล้วก็พบว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะเป็นที่หนึ่ง แต่พวกเขาก็มั่นใจว่าเพื่อไทยได้ไม่ถึงครึ่ง และตามโครงสร้างรัฐธรรมนูญซึ่งต้องพึ่งพาเสียง ส.ว. 250 คน พรรคเพื่อไทยจึงแทบหมดโอกาสที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล
โรดแม็ปของ คสช. จึงเดินหน้าต่อไปเรื่อย
สภาพภายในพรรคเพื่อไทยคิดว่าไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรไปมาก การเปลี่ยนหัวหน้าพรรคไม่ว่าจะเป็นใคร ชายหรือหญิงก็เพียงปรับให้เข้ากับสถานการณ์และพร้อมจะเข้าร่วมแสดงทุกรูปแบบในละครเรื่องใหม่ ชื่อว่าประชาธิปไตย 70/30 ส.ส.เก่าที่หวังจะได้เป็น ส.ส. อีกครั้ง เตรียมการหาเสียงไว้แล้ว
สิ่งที่เพื่อไทยต้องระวังคือ ท่าทีต่อการเข้าร่วมแสดงการปรองดอง เพราะเมื่อชาวบ้านก็มองออกว่ามันปรองดองกันไม่ได้ ในเมื่อมีคนขยายความขัดแย้งไปเรื่อยๆ การยอมมากไปก็เสื่อม
ทักษิณและเพื่อไทย น่าจะมีข้อสรุปดังนี้
1. กลุ่มอำนาจเก่า จะเปลี่ยนถ่ายอำนาจตามระบบ 2560 โดยกันเพื่อไทยออกจากวงจรอำนาจ
2. กระบวนการยุติธรรมเปลี่ยนไปแล้ว ไม่สามารถกำหนดมาตรฐานได้ พวกเขาต้องตั้งรับแรงกดดันทางกฎหมาย
3. ฝ่ายตรงข้ามเหนือกว่าทั้งกำลังและกฎหมาย ตาม รธน. 2560
4. ยุทธศาสตร์ของฝ่ายตรงข้ามคือ ลดบทบาททักษิณ จึงไม่ยอมหยุดโจมตี
แต่สิ่งที่ทักษิณและเพื่อไทยจะทำ คือ
1. ต้องมีพรรคการเมืองเพื่อการต่อสู้ในสภา ใช้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย
2. การต่อสู้นอกสภา ยังต้องใช้ นปช.คนเสื้อแดงกับพลังมวลชนที่ต้องการความยุติธรรมสู้กับอำนาจนอกระบบ
3. การต่อสู้ทางสื่อ ใช้ทุกรูปแบบของสื่อทุกชนิด
4. ถึงวันนี้ อย่าฝันว่าทักษิณจะกลับมาเป็นเหยื่อง่ายๆ การต่อสู้ในเวทีต่างประเทศ ใช้ตัวของทักษิณ, แนวร่วมคนไทยและคนต่างประเทศ
ภายใต้รัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ คือ 2540…2550…2560..มหาเศรษฐีและอดีตนายกฯ อย่างทักษิณจะต้องมาร่วมชะตากรรมและต่อสู้ร่วมกับนักการเมือง และพวกไพร่เสื้อแดง จำเป็นต้องสู้จนได้ประชาธิปไตย เพราะถ้าทำไม่สำเร็จทุกคนจะต้องรับผลของการพ่ายแพ้ร่วมกัน
แต่ในทุกเส้นทางมีทางแยก เมื่อมาถึงทางแยกก็มีคนที่ตัดสินใจแยกทางกันนั้นจริงๆ แล้วมีแต่ส่วนหัวขบวน มวลชนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นคนเสื้อแดงหรือ นปช. ก็ยังใช้ชีวิตตามแบบปกติ
หัวขบวนเสื้อแดงที่เป็นฮาร์ดคอร์มีทั้งคนที่ขับรถกระบะธรรมดาและมีแบบที่ขับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็สามารถแยกออกจากทางหลวงลาดยาง ลงข้างทางลุยไปตามทางลูกรังและเรียกร้องให้คนเสื้อแดงตามเข้าไป
แต่คนส่วนใหญ่คงจะวิ่งไปตามทางเรียบแบบที่อดีตนายกฯ ทักษิณและพรรคเพื่อไทยซึ่งขับรถเก๋งไป
นปช. หัวกระบวนนั้นไม่ต้องพูดถึง พวกเขาขับรถทางเรียบตามพรรคเพื่อไทยไปอยู่แล้ว ดังนั้น เวลานี้จึงจะมีกลุ่มคนเล็กๆ ที่แยกตัวออกไปคนเสื้อแดงที่นิยมก็จะส่งเสียงเชียร์ส่งกำลังใจ แต่ยังไม่ขับรถตามไปตามทางที่ขรุขระนั้น พวกเขาคิดว่ารอสถานการณ์ไปก่อน แต่ถ้าสถานการณ์ครั้งหน้าเส้นทางที่ราบเรียบเกิดมีปัญหา เช่น สะพานขาด เชื่อว่ารถจำนวนมากก็ต้องเลี้ยวลงข้างทางหาทางลัดทางอ้อมไปตามธรรมชาติ
ย่างก้าวของทักษิณจากนี้ไปจึงมีความหมายทุกก้าว แม้ยังมีเวลาเดินหมากอีกหลายตา มีเวลาทำงานการเมืองถึงอีก 10 ปี ยังมีทรัพย์สินมากมาย ดูเหมือนเขาอยากจะพักตามวัย
เมื่อศัตรูพยายามลากลงสนามการต่อสู้ ตอนนี้ที่ต้องปกป้อง คือศักดิ์ศรีความเป็นคนของตนเอง

เปิดโครงการซื้ออาวุธยุค คสช. ที่หลายคนอาจไม่รู้

เปิดโครงการซื้ออาวุธยุค คสช. ที่หลายคนอาจไม่รู้

ประยุทธ์ จันทร์โอชาImage copyrightLILLIAN SUWANRUMPHA/AFP/GETTY IMAGES
บีบีซีไทย ตรวจสอบโครงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ตลอด 3 ปีของ คสช. ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ เพราะเป็น "เรื่องลับ" ตามคำอธิบายของ พล.อ.ประวิตร
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม อ้างว่า การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เป็นเรื่องทางยุทธวิธี ที่ใช้เอกสารลับในการพิจารณา ซึ่งไม่มีรัฐบาลไหนเปิดเผยกัน
ทั้งที่กว่า 3 ปีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยึดอำนาจเข้ามาบริหารประเทศ มีหนึ่งในข้ออ้างสำคัญ นั่นคือการสร้างความโปร่งใสแก้ไขปัญหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยมีการออกมาตรการมากมายเพื่อสร้างความโปร่งใส ให้หน่วยงานราชการต่าง ๆ เปิดเผยข้อมูลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลงคุณธรรม หรือ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฉบับใหม่
แต่พอเป็นการจัดซื้อของกองทัพ กลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ โดยมักระบุว่าเป็น "เรื่องลับ" เพราะเกี่ยวข้องกับ "ความมั่นคง"
เรือดำน้ำจีนImage copyrightGUANG NIU/POOL/GETTY IMAGES
การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ในยุค คสช. ที่ผ่านมา สาธารณชนก็มักจะได้รับข้อมูลผ่านการตรวจสอบของสื่อมวลชน
บีบีซีไทย ตรวจสอบมติ ครม. ย้อนหลังนับตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 - ปัจจุบัน พบว่าได้อนุมัติวาระที่กระทรวงกลาโหมเสนอรวมทั้งสิ้น 127 วาระ แต่ไม่มีวาระใดที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์
ประวิตร วงษ์สุวรรณImage copyrightMADAREE TOHLALA/AFP/GETTY IMAGES
อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบย้อนไปถึงหน่วยงานต้นสังกัดในเหล่าทัพต่าง ๆ ซึ่งถูกบังคับตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 103/7 ให้ต้องเปิดเผย "ราคากลาง" โครงการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดที่ใช้งบประมาณของแผ่นดิน ก็พบว่า มีการตั้งโครงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้งบประมาณสูงและน่าสนใจ อย่างน้อย 9 โครงการ ประกอบด้วย

กองทัพบก

  • ปี 2558 โครงการจัดซื้อรถถังหลัก VT-4 จากจีน ไม่ระบุจำนวน รวมมูลค่า 4,985 ล้านบาท
  • ปี 2559 โครงการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ Mi7VS จากรัสเซีย จำนวน 2 ลำ รวมมูลค่า 1,698 ล้านบาท
  • ปี 2559 โครงการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์จากรัสเซีย ไม่ระบุรุ่น จำนวน 4 ลำ รวมมูลค่า 3,385 ล้านบาท
  • ปี 2560 โครงการจัดซื้อรถถังหลัก VT-4 จากจีน ไม่ระบุจำนวน รวมมูลค่า 2,017 ล้านบาท
เครื่องบินรบImage copyrightPORNCHAI KITTIWONGSAKUL/AFP/GETTY IMAGES

กองทัพเรือ

  • ปี 2558 โครงการจัดซื้อเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ไม่ระบุรุ่นและจำนวน มูลค่า 2,850 ล้านบาท
  • ปี 2558 โครงการจัดซื้อเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง ไม่ระบุรุ่น จำนวน 4 ลำ รวมมูลค่า 490 ล้านบาท
  • ปี 2559 โครงการจัดซื้อเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง ไม่ระบุรุ่น จำนวน 5 ลำ รวมมูลค่า 627 ล้านบาท
  • ปี 2560 โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ S26T จากจีน จำนวน 1 ลำ มูลค่า 13,500 ล้านบาท

กองทัพอากาศ

  • ปี 2560 โครงการจัดซื้อเครื่องบินฝึกนักบินขับไล่เบื้องต้นจากเกาหลีใต้ จำนวน 8 ลำ รวมมูลค่า 8,997 ล้านบาท
เหล่านี้คือข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโครงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ในยุครัฐบาล คสช. ซึ่งบางโครงการจำเป็นจะต้องให้ที่ประชุม ครม. อนุมัติ แต่ก็ยากที่ตรวจสอบได้ว่ามีการอนุมัติไปแล้วหรือไม่ เนื่องจากใช้ "เอกสารลับ"
สรรเสริญ แก้วกำเนิดImage copyrightROYAL THAI GOVERNMENT
ยกเว้นแต่บางโครงการที่สื่อมวลชนตรวจสอบพบ จนผู้เกี่ยวข้องต้องออกมายอมรับ อย่างโครงการจัดซื้อรถถัง VT-4 จากจีนทั้งสองล็อต หรือโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ S26T จากจีน ล่าสุด
ทั้งนี้ ยังมีอีกสิ่งที่น่าสนใจก็คือ รัฐบาลนี้หันไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากจีนและรัสเซียหลายโครงการ ภายหลัง "มหามิตร" เก่าอย่างสหรัฐอเมริกาหรือหลายประเทศในยุโรปต่างลดระดับความสัมพันธ์ ภายหลังการรัฐประหารโดย คสช. เมื่อปี 2557

สหรัฐฯ ทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีป

สหรัฐฯ ทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปที่ไม่มีการติดตั้งหัวรบ 'ไมนิวท์แมน 3' เพื่อประกาศแสนยานุภาพของมหาอำนาจทางนิวเคลียร์ ท่ามกลางความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลีที่ร้อนระอุ
​เมื่อเวลา 12.03 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น สหรัฐฯ ทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีปที่ไม่มีการติดตั้งหัวรบ 'ไมนิวท์แมน 3' จากฐานทัพอากาศแวนเดนเบิร์ก ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อประกาศศักดา ประสิทธิภาพ ความพร้อม และความแม่นยำของกองทัพสหรัฐฯ ในฐานะที่เป็นมหาอำนาจทางนิวเคลียร์

ขีปนาวุธข้ามทวีป 'ไมนิวท์แมน 3' มีพิสัยการยิงอย่างน้อย 5,500 กิโลเมตร และมีความเร็วกว่า 23,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือสามารถเดินทางจากกรุงมอสโกของรัสเซียถึงสหรัฐฯ ในเวลาน้อยกว่า 30 นาที นอกจากนี้ เรือดำน้ำและรถบรรทุกขนาดใหญ่ต่างก็สามารถยิงขีปนาวุธข้ามทวีป 'ไมนิวท์แมน 3' ได้

ขีปนาวุธข้ามทวีปถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี 1958 โดยสหภาพโซเวียต จากนั้นสหรัฐฯ ก็สามารถพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีปสำเร็จในปี 1959 ส่วนจีนใช้เวลาในการพัฒนาถึง 20 ปีหลังจากนั้น


การทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปที่ไม่มีการติดตั้งหัวรบของสหรัฐฯ ครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีที่คุกรุ่น หลังจากที่ฝูงเรือรบของสหรัฐฯ ที่นำโดยเรือบรรทุกอากาศยานยูเอสเอส คาร์ล วินสัน เดินทางถึงน่านน้ำของเกาหลีเหนือได้ไม่นาน

ด้านโฆษกกองบัญชาการเพื่อการโจมตีทั่วโลกของกองทัพอากาศสหรัฐฯได้ออกมาเปิดเผยว่า การทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปครั้งนี้ เป็นไปตามกำหนดการที่ได้ถูกวางไว้ล่วงหน้า และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี พร้อมย้ำว่า กองทัพสหรัฐฯ ทดสอบขีปนาวุธเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ

อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายได้ตั้งข้อสังเกตว่า การทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ เกิดขึ้นขณะที่กองทัพสหรัฐฯ และเกาหลีใต้กำลังอยู่ระหว่างการซ้อมรบร่วมกันเป็นเวลา 11 วัน

ปธ.ศาลปกครองฯ ออกประกาศพิจารณาคำขอให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปค.ชั้นต้น ไม่ต้องรอคดีถึงที่สุด

เมื่อวันที่ 26 เมษายน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การพิจารณาคำขอให้มีการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น
โดยไม่ต้องรอจนกว่าคดีจะถึงที่สุด มีเนื้อหาระบุว่า
โดยที่มาตรา 70 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง(ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2559 และระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยการกำหนดคดี
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น พ.ศ. 2560กำหนดให้คู่กรณีฝ่ายชนะคดีในคดีที่กำหนดโดยระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดอาจยื่นคำขอให้มีการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นได้โดยไม่ต้องรอจนกว่าคดีจะถึงที่สุดและให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาคำขอและมีคำสั่งตามที่เห็นสมควรอาศัยอำนาจตามความในข้อ 6 ของระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยการกำหนดคดี หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้นพ.ศ. 2560 ประธานศาลปกครองสูงสุดจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ในการพิจารณาคำขอให้มีการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น
โดยไม่ต้องรอจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ให้ศาลปกครองสูงสุดคำนึงถึงเหตุดังต่อไปนี้ประกอบด้วย
(1) ปัญหาอุปสรรคที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไข
ในภายหลังหากให้มีการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นไปก่อนที่คดีจะถึงที่สุด
(2) ปัญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นแก่การบริหารงานของรัฐหรือแก่บริการสาธารณะ
ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2560 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2560
ปิยะ ปะตังทา
ประธานศาลปกครองสูงสุด