PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ย้อนรอยความมั่งคั่ง 5 อภิมหาเศรษฐีไทย ในรอบสิบปีหลัง

ย้อนรอยความมั่งคั่ง 5 อภิมหาเศรษฐีไทย ในรอบสิบปีหลัง
.
มหาเศรษฐีไทยประจำปี 2561 ที่จัดอันดับโดยนิตยสาร Forbes ไม่มีอะไรพลิกโผ เพราะเจ้าสัวลำดับต้นๆ ของประเทศ ล้วนเป็นชื่อที่คนไทยคุ้นหูกันดี อาทิ พี่น้อง ‘เจียรวนนท์’ จากเครือซีพี ตระกูล ‘จิราธิวัฒน์’ จากเครือเซ็นทรัล ตระกูล ‘อยู่วิทยา’ เจ้าของกระทิงแดง ‘เจริญ สิริวัฒนภักดี’ แห่งเบียร์ช้าง ฯลฯ ที่ครองตำแหน่งอภิมหาเศรษฐีไว้อย่างเหนียวแน่น เพียงแต่สลับตำแหน่งแชมป์กันบ้างเท่านั้น
.
ลองมาย้อนรอยการจัดอันดับเศรษฐีไทยของนิตยสาร Forbes กันสิว่า ในรอบสิบปีที่ผ่านมา (ระหว่างปี 2552 – 2561) มหาเศรษฐีเหล่านี้สะสมความมั่นคั่งเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ที่น่าสนใจคือ พี่น้องตระกูลเจียรวนนท์ ที่ครองแชมป์ 8 สมัย (อีก 2 สมัยได้แก่ ตระกูลจิราธิวัฒน์ และเฉลิม อยู่วิทยา อย่างละสมัย) มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นถึง 9 เท่า ทำให้มูลค่าทรัพย์สินเข้าใกล้ระดับล้านล้านบาทเข้าไปทุกที
.
ส่วนคนที่น่าสนใจ คืออันดับที่ 5 วิชัย ศรีวัฒนประภา แห่งคิงเพาเวอร์ ก็มีมูลค่าทรัพย์สินเติบโตถึง 27 เท่า ทำให้พุ่งจากอันดับยี่สิบห้า ในปี 2552 ขึ้นมาติดท็อปไฟว์ตั้งแต่ปี 2560 และในปีล่าสุด
.
.
พี่น้องเจียรวนนท์ จากเครือซีพี (ธุรกิจหลัก: อาหาร)
ปี 2552 มีทรัพย์สิน 99,000 ล้านบาท
ปี 2553 มีทรัพย์สิน 217,000 ล้านบาท
ปี 2554 มีทรัพย์สิน 222,000 ล้านบาท
ปี 2555 มีทรัพย์สิน 282,000 ล้านบาท
ปี 2556 มีทรัพย์สิน 393,000 ล้านบาท
ปี 2557 มีทรัพย์สิน 368,000 ล้านบาท
ปี 2558 มีทรัพย์สิน 483,000 ล้านบาท
ปี 2559 มีทรัพย์สิน 666,000 ล้านบาท
ปี 2560 มีทรัพย์สิน 741,700 ล้านบาท
ปี 2561 มีทรัพย์สิน 937,000 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 9 เท่าจากสิบปีก่อน)
.
.
ตระกูลจิราธิวัฒน์ จากเครือเซ็นทรัล (ธุรกิจหลัก: ค้าปลีก)
ปี 2552 มีทรัพย์สิน 95,700 ล้านบาท
ปี 2553 มีทรัพย์สิน 89,900 ล้านบาท
ปี 2554 มีทรัพย์สิน 129,000 ล้านบาท
ปี 2555 มีทรัพย์สิน 217,000 ล้านบาท
ปี 2556 มีทรัพย์สิน 383,000 ล้านบาท
ปี 2557 มีทรัพย์สิน 406,000 ล้านบาท
ปี 2558 มีทรัพย์สิน 412,000 ล้านบาท
ปี 2559 มีทรัพย์สิน 468,000 ล้านบาท
ปี 2560 มีทรัพย์สิน 528,000 ล้านบาท
ปี 2561 มีทรัพย์สิน 662,000 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 7 เท่าจากสิบปีก่อน)
.
.
ตระกูลอยู่วิทยา จากกระทิงแดง (ธุรกิจหลัก: เครื่องดื่มชูกำลัง)
ปี 2552 มีทรัพย์สิน 132,000 ล้านบาท
ปี 2553 มีทรัพย์สิน 130,000 ล้านบาท
ปี 2554 มีทรัพย์สิน 150,000 ล้านบาท
ปี 2555 มีทรัพย์สิน 162,000 ล้านบาท
ปี 2556 มีทรัพย์สิน 243,000 ล้านบาท
ปี 2557 มีทรัพย์สิน 316,000 ล้านบาท
ปี 2558 มีทรัพย์สิน 322,000 ล้านบาท
ปี 2559 มีทรัพย์สิน 349,000 ล้านบาท
ปี 2560 มีทรัพย์สิน 431,000 ล้านบาท
ปี 2561 มีทรัพย์สิน 656,000 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5 เท่าจากสิบปีก่อน)
.
.
เจริญ สิริวัฒนภักดี จากเบียร์ช้าง (ธุรกิจหลัก: เครื่องดื่ม อสังหาริมทรัพย์)
ปี 2552 มีทรัพย์สิน 92,400 ล้านบาท
ปี 2553 มีทรัพย์สิน 128,000 ล้านบาท
ปี 2554 มีทรัพย์สิน 144,000 ล้านบาท
ปี 2555 มีทรัพย์สิน 195,000 ล้านบาท
ปี 2556 มีทรัพย์สิน 330,000 ล้านบาท
ปี 2557 มีทรัพย์สิน 361,000 ล้านบาท
ปี 2558 มีทรัพย์สิน 436,000 ล้านบาท
ปี 2559 มีทรัพย์สิน 493,000 ล้านบาท
ปี 2560 มีทรัพย์สิน 531,300 ล้านบาท
ปี 2561 มีทรัพย์สิน 543,000 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 6 เท่าจากสิบปีก่อน)
.
.
วิชัย ศรีวัฒนประภา จากคิงเพาเวอร์ (ธุรกิจหลัก: สินค้าปลอดภาษี)
ปี 2552 มีทรัพย์สิน 5,940 ล้านบาท
ปี 2553 มีทรัพย์สิน 5,580 ล้านบาท
ปี 2554 มีทรัพย์สิน 6,300 ล้านบาท
ปี 2555 มีทรัพย์สิน 7,536 ล้านบาท
ปี 2556 มีทรัพย์สิน 49,900 ล้านบาท
ปี 2557 มีทรัพย์สิน 51,200 ล้านบาท
ปี 2558 มีทรัพย์สิน 83,900 ล้านบาท
ปี 2559 มีทรัพย์สิน 117,000 ล้านบาท
ปี 2560 มีทรัพย์สิน 162,000 ล้านบาท
ปี 2561 มีทรัพย์สิน 162,000 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 27 เท่าจากสิบปีก่อน)
.
.
อ้างอิงจาก

"บิ๊กป้อม"ไม่ห้าม นักการเมือง"เพื่อไทย"แห่บินสิงคโปร์ พบ"ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์"

เปล่าห้าม!!
"บิ๊กป้อม"ไม่ห้าม นักการเมือง"เพื่อไทย"แห่บินสิงคโปร์ พบ"ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์"ชี้คำสั่ง คสช.ยกเลิกไปแล้ว ปัดตอบ"2อดีตนายกฯพี่ต้อง" โผล่ โยง "คนเลือกตั้ง"เคลื่อนไหวมั้ย
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่แกนนำพรรคเพื่อไทย เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร และนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศสิงคโปร์ ว่า เขามีระเบียบห้ามหรือเปล่าล่ะ เพราะคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 21/2557 เรื่องห้ามบุคคลเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ก็ยกเลิกไปแล้ว
แต่ พลเอกประวิตร ไม่ตอบ ว่า ได้ประเมินสถานการณ์ ว่า การปรากฎตัวของทั้ง2 อดีตนายกรัฐมนตรี จะมีความเชื่อมโยงกับการชุมนุมของ"กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง"5 พ.ค.นี้หรือไม่

"ทูตมาเลเซีย" เยือนกลาโหม คุย "บิ๊กป้อม

Fake News
"ทูตมาเลเซีย" เยือนกลาโหม คุย "บิ๊กป้อม" ถกร่วมแก้ปัญหาค้ามนุษย์-ยาเสพติด - การหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย-บุคคลสองสัญชาติ -การค้าชายแดน/ถกเลือกตั้งมาเลเซีย ชี้ ข่าวเท็จเยอะ ทำปชช.สับสน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กห. ตัอนรับและหารือ กับ ดาโต๊ะ โจจี แซมูแอล เอกอัครราชทูต(ออท.)มาเลเซีย ประจำประเทศไทย ที่ ศาลาว่าการกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กลาโหม เปิดเผยว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกัน ถึงแนวทางขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงที่สำคัญระหว่างกัน ในการพัฒนาเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจชายแดน บริเวณ ด่านศุลกากรสะเดา จว.สงขลา - ด่านศุลกากร บูกิตกายูฮิตัม รัฐเกดาห์
ซึ่งเป็นด่านการค้าที่สำคัญมาก มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 1 เพื่อเร่งรัดปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและกฎระเบียบในการใช้ประโยชน์ร่วมกัน 24 ชม.อย่างเต็มศักยภาพ รวมทั้งความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว
รวมทั้ง ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนในการแก้ปัญหาที่สำคัญ ได้แก่ ปัญหาการค้ามนุษย์และยาเสพติด ซึ่งถือเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลทั้งสองประเทศ การหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและการแก้ปัญหาบุคคลสองสัญชาติ ซึ่งจำเป็นต้องให้ความสำคัญและร่วมมือกันทำงานใกล้ชิดมากขึ้น
โดย เอกอัครราชทูต(ออท.)มาเลเซีย กล่าวว่า มาเลเซียกำลังให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาการให้ข่าวเท็จ ( Fake News ) ซึ่งเป็นปัญหาที่สร้างความเสียหายและสร้างความสับสนให้กับประชาชน ในห้วงใกล้เวลาเลือกตั้งที่จะมีขึ้น พร้อมย้ำว่า จะสนับสนุนทำงานร่วมกัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แนบแน่นขึ้น

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวแสดงความขอบคุณ เอกอัครราชทูต(ออท.)มาเลเซีย ถึงความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศที่มีพัฒนาการร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง
และกล่าวย้ำถึงความมุ่งมั่นและจริงใจของไทย ในการเร่งรัดร่วมมือกันแก้ปัญหาบุคคลสองสัญชาติและการเพิ่มศักยภาพของด่านศุลกากร.สะเดา - บูกิตกายูฮิตัม เพื่อร่วมกันดูแลความมั่นคงและปลอดภัยของประชาชน ควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนทั้งสองประเทศ
พร้อมทั้งได้แสดงความปรารถนาดีให้การเลือกตั้งทั่วไปของมาเลเซียที่จะมีขึ้น ประสบความสำเร็จด้วยดี

อุ่นเครื่อง!!

อุ่นเครื่อง!!
"บิ๊กเจี๊ยบ"ชี้ "คนอยากเลือกตั้ง" ชุมนุม5 พค. แค่อุ่นเครื่อง เล็งชุมนุมใหญ่ 19-22พค./วอน ชาวบ้านตจว.อย่ามาร่วม P-Move ทำปชช.เดือดร้อน ทหารสกัด แต่เชื่อ เจตนารมณ์ต่าง ไม่ไปร่วม"คนอยากเลือกตั้ง" เผย เรามุ่งสู่ ปชต.แล้ว/ คู่มือม็อบ แค่ปรับให้ทันสมัย
พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.และเลขาฯคสช. กล่าวถึง การชุมนุมของ"คนอยากเลือกตั้ง" 5พค.นี้ ว่า จนท. มีแผนปฏิบัติในการดูแล ที่ไม่แตกต่าง และได้ มีการพูดคุย ขอความร่วมมือ ที่จะไม่ให้กระทบต่อปชช. และขอให้ยืนในจุดที่เหมาะสม
"เชื่อว่า 5พค.นึ้เป็นแค่การเตรียมการ ชุมนุม เพื่อรวมตัวใหญ่ กลาง พค. จึงเชื่อว่า ไม่มีอะไรและไม่มี เหตุรุนแรง อะไร"
ส่วนการชุมนุมของ "คนอยากเลือกตั้ง" ที่อาจจะมีการเคลื่อนออกมาในท้องถนน นั้ พลเอกเฉลิมชัย กล่าวว่า จนท.ห่วงว่า จะทำให้ประชาชนเดือดร้อน เราก็ไป อำนวยความสะดวก และ ขอความร่วมมือในบางเรื่อง เช่น การจราจร ก็ได้รับความร่วมมือดี
ส่วนการชุมนุมของ P-Move จะไปรวมกับ"คนอยากเลือกตั้ง"หรือไมา นั้น พลเอกเฉลิมชัย กล่าวว่า "เมื่อแสดงออกแล้ว ควรเดินทางกลับโดยเร็ว เพราะการค้างคืน ริมถนน จุดอ่อน เพราะอาจมีใครมาสร้างสถานการณ์ ได้"
ทั้งนี้ มองว่า กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง และ P-Move มี ความตัองการที่แตกต่างกัน จึงไม่มีอะไรเชื่อมโยง จึงเชื่อว่าจะรักษาเจตนารมณ์ ในการชุมนุม
ส่วนการชุมนุมใหญ่4ปี คสช.จะยกระดับ หริอไม่นั้น พลเอกเฉลิมชัย เชื่อว่า จะทำในกรอบ ที่เหมาะสม. เพราะกำลังก้าวไปสู่ ปชต มีขั้นตอน ที่ชัดเจน
ส่วนที่ทหารใน ตจว.ไปสกัดกั้น ชาวบ้าน นั้น ผบ.ทบ. กล่าวว่า เราให้กรอบ ไว้แล้ว ไม่อยากให้เข้ามา ในกทม.เพราะมีผลกระทบจราจร แต่การปฏิบัติก็ให้เป็นการ ตัดสินใจ ในพื้นที่ที่แตกต่างไป ตาม ความเหมาะสม โดยให้ ผบ.หน่วยพิจารณา และเชื่อว่าจะไม่มีการขนคนจาก ต่างจังหวัด
ส่วนการที่ พลเอกประวิตร ให้ทำคู่มือ ควบคุมม็อบนั้น พลเอกเฉลิมชัย กล่าวว่า
เป็น คู่มือเดืมที่เราเคยใชัในการดูแลการขุมนุม อยู่แล้ว แต่มันผ่านไปนาน เลยเอามาปรับปรุง
เพราะมี เริ่องใหม่ เช่น พรบ.ชุมนุมและ คำสั่ง คสช. หลายคำสั่ง ที่เกี่ยวข้อง กับการดูแลการชุมนุม อีกทั้ง มีการหมุนเวียนกำลังพล ในหน่วยใหม่ จะได้รับทราบด้วย ทั้ง รูปแบบ รูปแถว ในการปฏิบัติ ภาพรวม เจตนารมณ์ จนท. ระดับไหน ใครต้องทำอย่างไร แต่ระดับ ผบ.หน่วยต้องทราบ ทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ อยู่ระหว่าง การดำเนินการ
แต่ยืนยันว่า ที่มีการปรับปรุงเพิ่มเติม คู่มือนี้นั้น ไม่เกี่ยวกับการชุมนุม ของคนอยากเลือกตั้ง

สัญญาณ?!

สัญญาณ?!
“ผบ.ทบ.” ชี้ กลุ่มป่วน แขวนป้ายผ้า อาจไม่พอใจ การพูดคุยสันติสุข ปัดเป็น การส่งสัญญาณก่อเหตุ เชื่อ แม่ทัพภาค 4 ดูแล ได้
พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงสถานการณ์ผู้ก่อความไม่สงบ ก่อเหตุเผายาง และ นำป้ายผ้ามาติดป่วนโจมตีรัฐไทย ว่า ในสถานการณ์พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เป็นการดำเนินการในกรอบของเจ้าหน้าที่อยู่แล้วในทุกเรื่อง ในแต่ละสถานการณ์ที่พูดโดยรวม สถานการณ์ความรุนแรงด้านความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนก็ดีขึ้น ในส่วนขอสายงานการพัฒนาพื้นที่ในภาคใต้มีความคืบหน้าไปมาก
ส่วนเรื่องของการพูดคุยเพื่อสันติสุขก็คืบหน้าไปตามลำดับมีการกำหนดพื้นที่ปลอดภัย อาจมีบางส่วนที่แสดงความไม่เห็นด้วย ออกมาแสดงปฎิกิริยาในหลายๆเรื่อง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สามารถที่จะควบคุมให้อยู่ภายในกรอบที่สามารถควบคุมสถานการณ์
พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณอะไร ซึ่งได้กำชับแม่ทัพภาคที่ 4 ในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเป็นอันดับแรก และต้องควบคุมสถานการณ์ให้ได้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ทำอย่างนี้มาตลอด เราต้องกวดขันเข้มงวดในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของทางแม่ทัพภาคที่ 4 ที่จะต้องดำเนินการ

ห้ามได้หรือ?!

ห้ามได้หรือ?!
"บิ๊กตู่"ออกตัว ลงพื้นที่"เนวิน" ไม่มี"สัญญาพิเศษ" ชี้ไปบุรีรัมย์ เหมือนไปจังหวัดอื่นๆ ยัน ต้องไปได้ทุกจังหวัด / ถามห้ามได้หรือ ถ้า"นักการเมือง" จะมาต้อนรับ โยนนักข่าว ไปห้ามสิ!! ยัน ยังไม่ตัดสินใจ อนาคตทางการเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.กล่าวถึงการลงพื้นที่ประชุมครม.สัญจร ที่.สุรินทร์ และบุรีรัมย์ 7-8 พ.ค.นี้ว่า ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ไปเหมือนกับจังหวัดอื่นๆ ไม่มีอะไรพิเศษ
"ไม่มีไปสัญญาอะไรกับใคร ไม่ได้ต้องการพบนักการเมือง ทั้งหมดคือ ประชาชนของประเทศไทย เป็นรัฐบาล ต้องไปทุกจังหวัด "
ส่วนที่นักการเมืองจะมาให้การต้อนรับนั้น ผมเห็นว่า เราจะไปห้ามเขาได้มั้ย สื่อก็ห้ามเขาสิ จะให้ผมห้ามไม่ให้มารับ หรือยังไง มันทำได้หรือไม่ อย่าเขียนให้เป็นเรื่องเป็นราวเลย พอแล้ว
"เรื่องการเมืองรู้ว่าหลายคน อยากถามผม ก็ยังไม่มีคำตอบ เพราะผมก็ยังไม่มีการตัดสินใจอะไรเลย ตรงนั้น"

ถ้ายิ่งทำแบบนี้ ก็ยิ่งไม่ได้เลือก

ถ้ายิ่งทำแบบนี้ ก็ยิ่งไม่ได้เลือก
"บิ๊กตู่" เตือนอย่าทำผิดกม. ลั่น จะได้เลือกตั้งมั้ย? ไม่ได้อยู่ที่ผม อยู่ที่"คนอยากเลือกตั้ง" ย้ำ เลือกตั้ง ต้นปี 62 จบ บ่น เลิกพูด พอแล้วเหนื่อย ..."ซาโยนาระ"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว การชุมนุม ของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง 5 พ.ค.นี้ว่า อย่าทำผิด แล้วกัน กฎหมายฝ่ายความมั่นคงดูแลอยู่
ส่วนที่หวั่นว่าจะเกิดความบานปลายนั้น สื่อก็อย่าให้เขาออกมา ต้องบอกเขาว่าขอให้บ้านสงบเรียบเรียบร้อย หากอยากจะเลือกตั้ง แต่ถ้ายิ่งทำแบบนี้ ก็ไม่ได้เลือก
"ฉะนั้น การที่จะได้เลือกตั้งหรือไม่ได้เลือก ไม่ได้อยู่ที่ผม อยู่ที่คนเหล่านี้นั่นแหล่ะ ซึ่งการเลือกตั้งตนก็วางไว้แล้ว ต้นปี 62 จบ เลิกพูดเรื่องเหล่านี้ พอแล้วเหนื่อย บ๊ายบาย ซาโยนาระ ลาก่อน" นายกฯ กล่าว

อย่า ฉวย หาเสียง!!

อย่า ฉวย หาเสียง!!
"บิ๊กตู่" สั่ง "คสช." จับตา "เพื่อไทย" บินพบ "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" สิงคโปร์ ชี้ ความจริงทำไม่ได้ เผย เบื่อ งัดคำสั่งห้าม ฮึ่ม! พวกฉวยโอกาสหาเสียง ผิดกติกา สั่ง ฝ่ายกม.ดู
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. กล่าว ถึงกรณีที่อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย จะเดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่สิงคโปร์ว่า เท่าที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดูอยู่ จริงๆ แล้วมันไม่ได้ และจะไปหาเสียงอะไรก็ไม่ได้ทั้งสิ้น
"ตอนนี้กำลังให้ติดตามดูอยู่ว่าใครทำผิดกติกาเหล่านี้บ้าง หลายคนก็ฉวยโอกาสเหมือนกัน แม้กระทั่งช่วงสงกรานต์ก็ไปเดินที่โน้นที่นี่ คุยกับคนนั้นคนนี้ เป็นการหาเสียงหรือไม่ กำลังให้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่"
เมื่อถามว่า คสช.จำเป็นต้องออกคำสั่งใหม่ที่ห้ามนักการเมืองเดินทางออกนอกประเทศ หรือต้องแจ้งก่อนเดินทาง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่มีทุกคนต้องรู้มันจะสั่งอะไรกันบ่อยนัก
เมื่อคำสั่งออกมา ถ้าทุกคนปฏิบัติตามคำสั่งมันก็จบ และคำสั่งที่ออกมา ผมไม่ได้ให้เอื้อประโยชน์ใคร เพียงแค่ให้ทุกอย่างสงบเรียบร้อย เพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง หากมีความขัดแย้งกันตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง แล้วจะไปเลือกตั้งกันได้อย่างไร นั่นคือวัตถุประสงค์ของตน
"จะออกคำสั่งอะไรกันบ่อยๆ พอออกมาก็มีโต้กันอีก. แล้วจะให้ออกกันถึงเมื่อไหร่ ทำไมไม่รู้จักทำงาน เพื่อความสงบสุข สันติของสังคมโดยรวมกันบ้าง ทุกคนพยายามจะสร้างเรื่องสร้างเหตุการณ์กันตลอด แล้วก็ให้รัฐบาลใช้อำนาจออกคำสั่ง เสร็จแล้วก็มีการโต้กลับมาที่รัฐบาล หาว่ารัฐบาลต้องการจะสืบทอดอำนาจ มันก็วนกันอยู่อย่างนี้ สื่อก็รู้ดีอยู่" นายกฯ กล่าว

เฉลิม-อดีตส.ส.เพื่อไทย บินพบ ‘แม้ว-ปู’ ที่สิงคโปร์ คาดถกเลือกตั้ง-จัดสรรผู้สมัคร

เฉลิม-อดีตส.ส.เพื่อไทย บินพบ ‘แม้ว-ปู’ ที่สิงคโปร์ คาดถกเลือกตั้ง-จัดสรรผู้สมัคร


แกนนำเพื่อไทย-อดีตส.ส.บินพบ “แม้ว-ปู” ที่สิงคโปร์ คาดถกเรื่องการลต.-พื้นที่มีการสับเปลี่ยนใหม่
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่จะเดินทางมาประเทศสิงคโปร์ว่า อดีตนายกฯทั้งสองจะพักอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์สักพักหนึ่ง โดยช่วงระหว่างวันที่ 3-5 พฤษภาคม จะมีพี่น้อง ครอบครัว รวมถึงแกนนำและสมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) ทยอยบินไปพบปะเยี่ยมเยียน โดยแกนนำและสมาชิกพรรคที่จะบินไปพบปะ อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อดีตส.ส.กทม. และอดีตส.ส.ภาคเหนือ ซึ่งจำนวนผู้ที่บินไปพบอาจจะไม่มากเท่าเมื่อครั้งนายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์บินมาพักที่สาธารณรัฐประชาชนจีนครั้งที่ผ่านมา เพราะครั้งนี้อดีตส.ส.ไม่มีเวลาเตรียมตัวมากนักเนื่องจากทราบข่าวล่วงหน้าก่อนที่ 2 อดีตนายกฯจะบินมาเพียงไม่นาน

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่จะต้องบินไปพบนายทักษิณถึงประเทศสิงคโปร์นั้น เหตุเพราะขณะนี้การเลือกตั้งเริ่มมีความชัดเจนขึ้นแล้ว และมีการจัดแบ่งพื้นที่ในการส่งตัวผู้สมัครใหม่ จึงทำให้บางพื้นที่เกิดความทับซ้อน ส่วนนี้จึงทำให้มีปัญหาในการส่งตัวผู้สมัคร นอกจากนี้ หลายคนยังไปเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าตนเองจะได้ลงสมัครในพื้นที่ที่มีความเปลี่ยนแปลงด้วย

‘สนธยา’นำอดีตส.ส.ร่วมทำบุญครบ 7 ปีพรรคพลังชล ยังอุบไต๋หนุนใครนั่งนายกฯ

‘สนธยา’นำอดีตส.ส.ร่วมทำบุญครบ 7 ปีพรรคพลังชล ยังอุบไต๋หนุนใครนั่งนายกฯ


เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ที่ทำการพรรคพลังชล(พช.) ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี นายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล พร้อมด้วยอดีตส.ส. คณะกรรมการบริหารพรรค ผู้บริหารท้องถิ่น อาทิ นางสติล คุณปลื้ม นางสุกุมล คุณปลื้ม นายสุชาติ ชมกลิ่น นายประเมศร์ งามพิเชษฐ์ นายวิทยา คุณปลื้ม เดินทางมาร่วมงานเนื่องในวันก่อตั้งพรรคครบรอบ 7 ปี ทั้งนี้นายสนธยา พร้อมแกนนำพรรค ร่วมสักการะและบวงสรวงพระภูมิเจ้าที่ ซึ่งเป็นประเพณีปฏิบัติของพรรค ที่ดำเนินการมาในวันครบรอบการก่อตั้งพรรค จากนั้นได้ร่วมรับประทานอาหาร พูดคุยกับแกนนำพรรคและอดีตส.ส.ที่เดินทางมาร่วมงาน

นายสุระ เตชะทัต โฆษกพรรคพลังชล กล่าวว่า วันก่อตั้งพรรคครบ 7 ปี ที่มีการจัดงาน นายสนธยา เน้นแบบเรียบง่าย ไม่ได้เชิญแกนนำพรรคจากต่างพรรคมาร่วมงาน เพราะไม่อยากให้ถูกนำไปเชื่อมโยงเป็นประเด็นการเมือง ทำให้หลายฝ่ายไม่สบายใจ พรรคพลังชลจะทำงานทางการเมืองในนามพรรคต่อไป ไม่ไปรวมหรือควบรวมกับพรรคใดพรรคหนึ่ง ส่วนที่มีการวิเคราะห์ไปต่างๆ พรรคจะไปรวมกับคนโน้นคนนี้ กลุ่มนั้นกลุ่มนี้ ขอยืนยันว่า นายสนธยา ยังเป็นหัวหน้าและผู้นำพรรค ในอนาคตจะไปสนับสนุนใครจัดตั้งรัฐบาล สนับสนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ยังไม่ทราบ รู้เพียงแต่เราจะทำงานภายใต้กรอบกติกาตามรัฐธรรมนูญ จะร่วมกับใครจัดตั้งรัฐบาลยังตอบไม่ได้ ต้องรอให้ถึงในวันนั้นก่อน แต่วันนี้อดีตส.ส.ของพรรคอยู่กันครบไม่ได้ไปไหนและได้มายืนยันความเป็นสมาชิกพรรคเรียบร้อยแล้ว


นายสุระ กล่าวว่า เมื่อมีการอนุญาติให้พรรคการเมืองทำกิจกรรม พรรคจะปรับปรุงพรรค ปรับปรุงโครงสร้างคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อให้ได้มาตรฐานสอดคล้องกับกฎระเบียบทางรัฐธรรมนูญ โดยจะร่วมกันปรับปรุง พัฒนาพรรคไปสู่อนาคตเพื่อให้เกิดการทำงานได้อย่างคล่องตัว สร้างพรรคให้มีภาพลักษณ์เป็นของประชาชนและคนทั้งประเทศ สำหรับการยืนยันสมาชิกจนถึง 30 เมษายนที่ผ่านมา มีสมาชิกทั่วประเทศมายืนยัน และผ่านตรวจสอบรายละเอียด ความถูกต้องเกินกว่า 2,700 คน จากเดิม 1.08 หมื่นคน จากนั้นเตรียมทำเป็นเอกสารยื่นให้กกต.ตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง

​​​ความจริง ในพฤติกรรม การดูด ​​​ทำเนียบรัฐบาล – ประชาธิปัตย์


 ​​​ความจริง ในพฤติกรรม การดูด ​​​ทำเนียบรัฐบาล – ประชาธิปัตย์



ประเด็นเรื่อง”การดูด”ยังมีความร้อนแรง ไม่ว่าจะออกมาจากปากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
​ไม่ว่าจะออกมาจากปาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
​”ทำไมคนอยากจะย้ายบ้านเพราะบ้านอยู่แล้วไม่มีความสุขหรือไม่”
​เป็นบทสรุปจาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
​”ผมไม่ได้พูดการดูดในมุมมองที่ว่ากระทบกับพรรค ผมพูดในมุมมองว่าพฤติกรรมแบบนี้สมควรหรือไม่”
​เป็นบทสรุปจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
​คนหนึ่งเป็นนักเรียนอเมริกา คนหนึ่งเป็นนักเรียนอังกฤษ ทั้ง 2 ล้วนผ่านร้อนหนาวทางการเมืองมาพอตัว
​จำเป็นต้องล้างหูน้อมรับฟังด้วยความเคารพ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไม่ได้ปฏิเสธในเรื่องการย้ายตำแหน่งแหล่งที่ของ “นักการเมือง”
​เพียงแต่ “เตือน” นุ่มๆว่า
​”อย่าไปคิดว่ามุ้งนั้นมุ้งนี้ดูดไปดูดมาจะได้มามีอำนาจ คิดอย่างนั้นเป็นความคิดที่เก่ามาก จะไม่เจริญ”
​ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เล่ารายละเอียดว่า
​”นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ มาปรารภกับผมว่า เคยพูดคุยกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ชักชวนให้ไปทำงานด้วย”
​นั่นเป็นรายละเอียดเดียวกันกับกรณี นายสกลธี ภัททิยกุล
​นั่นเป็นรายละเอียดของสถานการณ์อันเกิดขึ้นในทำเนียบรัฐ บาลเมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา
​เมื่อนำเอา 2 รายละเอียดของการพูดระหว่างของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กับของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาวางเรียงกันก็จะประจักษ์ในความเป็นจริง
​1 ความเป็นจริงของการดูด และ 1 ความเป็นจริงว่าใครแสดงบทบาทในการดูด

ต้องขอบคุณความจริงใจของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ต้องขอบคุณความจริงใจของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
​คนหนึ่ง จริงใจมาจาก”ทำเนียบรัฐบาล”
​คนหนึ่ง จริงใจมาจากที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรค
​เด่นชัดว่า “ความจริงใจ”สามารถเป็น”อาวุธ”อันคมกริบได้

ขั้วใหญ่ลำบากไม่แพ้กัน

ขั้วใหญ่ลำบากไม่แพ้กัน



ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากด้วยกันทั้งคู่
สภาพฐานเสียงร่อยหรอ 2 ขั้วใหญ่ “เพื่อไทย–ประชาธิปัตย์” หลังหมดเดดไลน์ยืนยันการเป็นสมาชิกพรรค
ฝั่งพรรคเพื่อไทยเหลือยอดสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการประมาณ 10,000 คน จากที่เคยมี 1.3 แสนคน แต่ยังไม่เสียหายหนักเท่าพรรคประชาธิปัตย์ที่สมาชิกพรรคลดฮวบอย่างน่าใจหาย เหลือ 1 แสนคน จากสูงสุดที่เคยมี 2.5 ล้านคน
แต่นั่นยังไม่น่าห่วงเท่าปริมาณอดีต ส.ส.ในสังกัด ที่นับวันยิ่งหดหาย มีแววถูกฉกตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ขุมกำลัง 2 ค่ายการเมืองใหญ่ไม่แน่นปึ้กเหมือนเก่า ตามผลพวงการรีเซ็ตพรรคการเมือง
ตัวอย่างที่เห็นๆในโซน กทม. และภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องเสียดุลตัวผู้เล่น
เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทยที่แว่วๆยังมีอดีต ส.ส.บางก๊วนไม่มารายงานตัวตามเส้นตายที่กำหนด ไม่ได้มีแค่เฉพาะตระกูล “สะสมทรัพย์” จ.นครปฐม หรือกลุ่มวังน้ำยม จ.สุโขทัย ของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
เครดิตการเป็นพรรคใหญ่ไม่ได้ช่วยมัดใจอดีตผู้แทนไม่ให้ตีจาก ภายใต้สถานการณ์ที่ฝ่ายการเมืองมีแนวโน้มต้องตกเป็นเบี้ยล่างท็อปบูตไปอีกพักใหญ่
มิหนำซ้ำอาจยิ่งแย่ลงกว่าเดิม ตามรูปการณ์กลยุทธ์สกัดนายทุนจ่ายท่อน้ำเลี้ยงสนับสนุนพรรค การเมืองที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาตีโพยตีพาย
บล็อกแหล่งน้ำเลี้ยง มิให้ส่งกำลังบำรุงได้ถนัด ชิงความได้เปรียบทุกวิถีทาง ก็เป็นธรรมดาที่นักเลือกตั้งต้องไขว่คว้าหาที่เกาะ ไม่ให้ตกขบวน
โยกไปอยู่กับฝ่ายกุมอำนาจตัวจริง ดีกว่าเสี่ยงล่มหัวจมท้ายอยู่ที่เก่า โดยไม่มีอะไรดีขึ้น
เกมคุมกำเนิดพรรคการเมืองทำงานได้ตามเป้า เล่นงาน “เพื่อไทย–ประชาธิปัตย์” ขาสั่น อยู่ไม่เป็นสุข
ระดับหัวแถวแต่ละพรรค ทั้ง “เดอะมาร์ค” และ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ต้องออกโรงเล่นเองต่อเนื่อง
แท็กทีมกันออกแอ็กชั่นหนักๆตอบโต้ปฏิบัติการพลังดูดของรัฐบาล คสช.
ไม่สนคำพูด “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.
ที่ปฏิเสธไม่เคยปูพรมดูด ส.ส.เข้าสังกัด แต่เป็นการยินยอมของนักการเมืองที่อยากมาร่วมทำงานกับรัฐบาลเอง
แนวโน้มไม่ใช่สะเทือนหนักแค่ประชาธิปัตย์พรรคเดียว
ทีมงาน “นายใหญ่” ก็ต้องสะดุ้ง เร่งปรับกระบวนทัพยกใหญ่ ตามกระแสข่าวที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมบินมาที่ประเทศสิงคโปร์
แก้เกมพลังดูดที่มีการใช้เงื่อนไขทางคดีความและธุรกิจมาล่อใจ ส.ส.อีสานในสังกัดให้ย้ายค่าย
เบอร์ 1 ที่เคยผูกขาดอำนาจอย่างพรรคเพื่อไทยก็เริ่มหวั่นไหวกับความแรงของ “บิ๊กตู่” ที่ไล่หายใจรดต้นคอ ทำแต้มเบียดขึ้นมาเรื่อยๆ
ในสถานการณ์ปัจจุบันที่รัฐบาล คสช.ครองแต้มต่อ กุมสภาพความได้เปรียบ ถือกลไกควบคุมอำนาจรัฐไว้ในมือได้อย่างเบ็ดเสร็จ
ดึงอดีต ส.ส.เข้าสังกัดได้เป็นกอบเป็นกำ ล่าสุดยังไปทาบกลุ่มบ้านริมน้ำของ นายสุชาติ ตันเจริญ มาเติมแต้มไว้เป็นฐานกำลังสู้กับพวกขาใหญ่ทางการเมือง ช่วงชิงการจัดตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้ง
เหลือแค่รอจังหวะให้ “บิ๊กตู่” ประกาศลงสนามเลือกตั้ง มาขายความต่อเนื่อง สานต่อโครงการประชารัฐและไทยนิยม ตลอดจนขยายเมกะโปรเจกต์ที่ตั้งแท่นรอไว้มากมาย
โชว์จุดขายล่อใจ รับประกันความเสี่ยง สงครามความขัดแย้งรอบใหม่จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน ภายหลังการเลือกตั้ง หาก “ลุงตู่” ได้ต่อตั๋วอำนาจอยู่ต่อ
วัดกำลังกันในยามนี้ อำนาจพิเศษสามารถกุมสภาพครบเครื่องทุกขุมกำลัง กระแส–กระสุนมีเต็มหน้าตัก ยืนระยะวัดกับนักการเมืองได้สบายๆ
จึงไม่มีเหตุผลที่ต้องยื้อการเลือกตั้งออกไป ตามท่าที “บิ๊กตู่” และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล้าการันตีหนักแน่นไม่เลื่อนการเลือกตั้งออกจากโปรแกรมเดิม เดือน ก.พ.2562
ความมั่นใจ “บิ๊กตู่” มาถึงขีดสุด เตรียมแต่งตัวรอกลับมาเบิ้ลอำนาจอีกรอบ
2 ขั้วยักษ์ใหญ่ “เพื่อไทย–ประชาธิปัตย์” ดูยังไงก็เหนื่อยหนักแน่นอน.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน