PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2558

ว่าด้วย รธน.วันโหวตคว่ำ

07092558 การกระทำของใคร ที่ทำให้ใครได้เสียอะไรบ้าง ต้องอ่านเรื่องนี้
แต่อ่านเสร็จ ต้องไปอ่านบทความพิเศษที่ผมเขียน ดักไว้ล่วงหน้าแล้ว สำหรับนักอุดมการณ์ของบ้านนี้เมืองนี้ จะต้องคิดอย่างไร
6กย2558 โน้ตจากพลเดช "ว่าด้วยโหวตรธน.วันนี้"
รายงาน:
- วันนี้สปช.สายคัดค้านฯสามารถโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญได้สำเร็จแบบหวุดหวิด คือ รับ 105:ไม่รับ135:งดออกเสียง7
- ผลการลงคะแนนเป็นไปตามโผที่ปล่อยออกมาผ่านสื่อมติชน147คนก่อนหน้านี้โดยส่วนใหญ่
- นับเป็นการพิสูจน์อิทธิฤทธิ์ของสัญญาณอันแรงเข้ม ที่ส่งจากกลุ่มทหารที่มีอำนาจ ผนวกกับขนมหวาน200ตำแหน่งที่ออกแบบไว้ และผลของการล็อบบี้อย่างเป็นขบวนการได้เป็นอย่างดี
- ผลโหวตคราวนี้ ทำเอาขบวนปฏิรูปภาคประชาสังคมและสปช.ส่วนผู้ทรงคุณวุฒิต่างรู้สึกเซ็งไปตามๆกัน
วิเคราะห์:
- ในเรื่องการปฏิรูปนั้น นับตั้งแต่การยึดอำนาจ22พค2557 ผ่านมาแล้ว16เดือน. ถึงวันนี้นับว่ายังไม่มีการปฏิรูปเรื่องใดที่ได้ขับเคลื่อนจริงแม้แต่อย่างเดียว สิ่งที่สปช.ได้ทำไว้ให้แก่ประเทศ คือ แค่ได้ออกแบบพิมพ์เขียวการปฏิรูปด้านต่างๆ(37วาระปฏิรูป 9วาระการพัฒนา 6ประเด็นปฏิรูปเร็ว 50ร่างพรบ.ที่เกี่ยวข้อง) มอบไว้ให้แก่สังคมเท่านั้น
- ผลการโหวตวันนี้ ทำให้หลักประกันในการขับเคลื่อนการปฏิรูประดับโครงสร้างข้างบนที่ออกแบบไว้ในร่างรธน.และร่างพรบ.ประกอบรธน.ทั้งหมดเกือบจะตกลงมาเหลือ 0 เลยทีเดียว สิ่งที่เป็นบลูพริ้นท์ของสปช.ทั้งหมดเกือบไม่มีความหมายแล้วสำหรับรัฐบาล นี้ เว้นเสียแต่ภาคประชาสังคมจะรู้จักนำสิ่งที่มีคุณค่าเหล่านี้ออกไปใช้ขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงวิธีคิด พฤติกรรมและความสัมพันธ์ในสังคมด้วยตัวเราเอง
มองอนาคต:
- สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปที่รัฐบาลจะตั้งขึ้นใหม่นั้น จะเป็นเพียงเครื่องมือของรัฐบาลเท่านั้น มิใช่เครื่องมือของสังคมอีกต่อไป
- แท้ที่จริง รัฐบาลคสช.มิได้มีความเข้าใจ หรือ มีใจให้กับการปฏิรูปมาตั้งแต่ต้น เขาเชื่อกลไกราชการมากกว่า ในขณะเดียวกันก็หวาดระแวงภาคประชาสังคมและมีท่าทีต่อต้านการปฏิรูปอยู่ในส่วนลึกตลอดเวลา ในเกือบทุกเรื่องที่สปช.คิดกัน
- กลไกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปทจะขึ้นเกิดใหม่ จะได้รับความร่วมมือจากขบวนปฏิรูปภาคประชาชนน้อยลงไปอีก เพราะส่วนประกอบจะเต็มไปด้วยข้าราชการ ทหารตำรวจและกลุ่มแนวคิดอนุรักษ์หรือปฏิปักษ์ปฏิรูปทั้งสภา
- ส่วนกลุ่มสปช.ที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางสังคมเดิม อาจจะถอยออกห่าง วางเฉยหรือไม่ก็สงวนท่าที ด้วยไม่อยากเป็นเครื่องมือให้รัฐบาลใช้
- จากนี้ไป คสช.และรัฐบาลคงจะอยู่ในภาวะขาลงและโดดเดี่ยวขึ้นเรื่อยๆในอัตราที่เร่ง นปช.พรรคการเมือง เอ็นจีโอและกลุ่มสิทธิมนุษยชนที่เคยไม่ชอบคสช.และรัฐบาลอย่างไรก็คงไม่ชอบอยู่เหมือนเดิม
อย่าไปหวังว่าจะได้คะแนนนิยมกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มมวลมหาประชาชนและภาคประชาสังคมที่เคยสนับสนุนคสช.และรัฐบาลก็จะพากันผิดหวังและถอยต้วออกห่าง
- อัศวินสมคิด(รองนายก)จะช่วยคุณประยุทธ์ได้แค่ไหน
- มาตรการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทสมคิดกำลังทำอยู่ ถ้าหากไม่มีเครือข่ายประชาสังคมเข้าหนุนเสริม จะมีอะไรที่แตกต่างไปจากนโยบายประชานิยมที่นักการเมืองทุกพรรคเขาทำกันมาก่อนหน้านี้
- เม็ดเงินงบประมาณและเงินทุนของประเทศที่ทุ่มลงไปรากหญ้า โดยผ่านกลไกระบบราชการ จะสามารถเปลี่ยนมันให้เป็นทุนทางสังคม ทุนทางสิ่งแวดล้อมหรือทุนทางโครงสร้างเศรษฐกิจฐานล่างในระยะยาว ได้จริงแค่ไหน เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม
- แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือการลดความคาดหวังการเปลี่ยนแปลงจากข้างบน และหันกลับมาสู่ขบวนปฏิรูปภาคปฏิบัติจากฐานล่าง เปลี่ยนสำนึก วิธีคิดและระบบความสัมพันธ์ในหมู่ประชาชนพลเมืองและสังคมไทยเป็นด้านหลัก.

ข่าววิเคราะห์ ทำไมคว่ำรัฐธรรมนูญ ใครบ้าง


07092558 ข่าววิเคราะห์ ทำไมคว่ำรัฐธรรมนูญ ใครบ้าง
แล้วโปรดกลับไปอ่าน บทความพิเศษของผมเมื่อเช้าวันนี้
'ขุนศึก'ผนึก'นักเลือกตั้ง' คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 07 กันยายน 2558, 10:50
เป็นไปตามความคาดหวังของ “สปช.” สายทหารสังกัด “บ้านพี่ใหญ่” เมื่อสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จำนวน 135 คน โหวต “ไม่เป็นชอบ” ร่างรัฐธรรมนูญ ชุดที่มีคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ นำโดย บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ทำให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ตกไป ในขณะที่ สปช.ก็สิ้นสุดสถานภาพทันที
สัญญาณ “คว่ำรัฐธรรมนูญ” มีความชัดเจนขึ้น หลังจาก “นายทหาร” 2 คน สังกัด “บ้านพี่ใหญ่” ร่วมกับ “อดีตนายทหาร” ที่เป็น สนช. เดินสายขอเสียง “คว่ำ” จากสมาชิก สปช. กลุ่มจังหวัด โดยมีรายงานข่าวว่า ได้มีการนัดสังสรรค์กันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านซอยรางน้ำ
ที่น่าสนใจ ไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้โพสต์ความเห็นในเฟซบุ๊คส่วนตัว Paisal Puechmongkol ก่อนวันลงมติ 1 วันดังนี้
“ด่วนมาก เสียงส่วนใหญ่ของ สปช. เวลานี้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญแล้วครับ”
โดย “ไพศาล” ได้ร่ายถึงเหตุผลว่า “
1.เป็นไปตามโรดแมป
2.ตามความปรารถนาของประชาชนและพรรคการเมืองที่มีเสียงทางเดียวกัน แม้สำเนียงต่างกัน
3.หลีกเลี่ยงความขัดแย้งรอบใหม่และเคลียร์ระเบิดให้หมดก่อน
4.ไม่เสี่ยงเรื่องร่างไม่สมบูรณ์
5.ห่วงกระทบเศรษฐกิจช่วงพีคการท่องเที่ยว
6.ไม่ต้องเสียเงินงบประมาณลงประชามติ3,300ล้าน ภาคประชาชนคงสมใจ
นายกตู่จะได้ช่วยชาติปฎิรูปไปอีกระยะ”
ทันทีที่การลงมติของ สปช.จบลง “ไพศาล” ได้ข้อความว่า “ประชาชนไชโยโห่ฮิ้วกันลั่นบ้านสนั่นเมืองที่ สปช.คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ พากันไปฉลองตามร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าเต็มไปหมด เป็นการประกาศชัยของประชาชนที่ต้องการให้นายกตู่ปฏิรูปบ้านเมืองไปนานๆ”
ไม่ต้องแปลความ นั่นหมายถึงการคว่ำเพื่อต่ออายุ คสช.ให้ปฏิรูปบ้านเมือง ตามคำเรียกร้องของกลุ่มคนที่เคยเคลื่อนไหวต่อต้านระบอบทักษิณ เมื่อสองปีที่แล้ว
3 กลุ่มโหวตคว่ำรัฐธรรมนูญ
เมื่อคลี่คะแนนโหวต 135 เสียงออกมา ก็จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม สำหรับ สปช.สายที่ไม่เห็นชอบในร่างรัฐธรรมนูญ
กลุ่มแรก คือ สมาชิก สปช.ที่เป็นนายทหารและนายตำรวจ นำโดย พล.ท.ฐิติวัจน์ กำลังเอก ,พล.อ.พอพล มณีรินทร์ สองนายทหารที่เป็นน้องรัก “บิ๊กป้อม” และ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร เพื่อนรักของ “บิ๊กตู่” และแกนนำพรรคชาติพัฒนา
จะว่าไปแล้ว สปช.สายทหาร-ตำรวจ มีไม่เกิน 20 คน ฉะนั้น แกนหลักในการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ จึงพุ่งเป้าไปที่ “กลุ่ม สปช.จังหวัด” ซึ่งเป็นกลุ่มก้อนมากที่สุด
เหนืออื่นใด สปช.จังหวัดในภาคอีสาน และภาคใต้ จำนวนหนึ่งมีความใกล้ชิด “นักเลือกตั้ง” ที่มีความสนิทสนมกับ “บิ๊ก คสช.”
กลุ่มที่สอง เป็นสายนักวิชาการ ที่อยู่ในคณะกรรมาธิการการปฏิรูปการเมือง และคณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ที่เห็นว่าหลายมาตราในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มีความไม่เป็นประชาธิปไตย
กลุ่มที่สาม ถือว่าเป็น “เสียงชี้ขาด” คือ “กลุ่ม สปช.จังหวัด” ที่มีถึง 60 เสียง โหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ
สมาชิก สปช.อีสาน 2 คน อย่าง เอกราช ช่างเหลา สปช.ขอนแก่น กับ ทิวา การกระสัง สปช.บุรีรัมย์ ได้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการเลี้ยงสังสรรค์ขอบคุณ สปช.ภาคอีสาน ณ โรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพฯ
“เอกราช-ทิวา” ประกาศตัวชัดเจนว่า อยู่ในฝ่ายคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมกับให้ข่าวผ่านสื่อก่อนถึงวันลงมติว่า กลุ่มไม่รับร่างรัฐธรรมนูญมีเสียงอยู่ 140 เสียง และ สปช.สายจังหวัด โหวตไม่รับร่างด้วยจำนวนมาก
ผ่า 60 เสียงไม่รับร่างฯ
เมื่อส่องเข้าไปในจำนวนเสียงโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ปรากฏว่า สปช.จังหวัดเกือบทุกภาค แสดงตัวไม่เห็นชอบ โดยเฉพาะในภาคอีสาน และภาคเหนือ
อย่าง วีระศักดิ์ ภูครองหิน กาฬสินธุ์ เอกราช ช่างเหลา ขอนแก่น จิรวัฒน์ เวียงด้าน นครพนม กษิดิ์เดชธนทัต เสกขุนทด นครราชสีมา ทิวา การกระสัง บุรีรัมย์ กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ มหาสารคาม พรชัย มุ่งเจริญพร สุรินทร์ ชัยพร ทองประเสริฐ อำนาจเจริญ ฯลฯ
ปฏิเสธไม่ว่า สปช.สายอีสาน หลายคนมีสายสัมพันธ์กับ “พรรคการเมืองขนาดกลาง” ที่อยู่คนละขั้วกับพรรคเพื่อไทย บางคนเคยเป็น “แนวร่วมคนเสื้อแดง” แต่ภายหลังได้พลิกขั้วมาอยู่กับนักการเมืองใหญ่ที่ใกล้ชิดทหาร
ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ “กลุ่ม สปช.จังหวัด” สายอีสาน จะเป็นแกนหลักในการระดม สปช.จากภาคเหนือ และภาคกลาง ให้มาร่วมสังสรรค์กันมากกว่า 40 คน ก่อนหน้าวันโหวตร่างรัฐธรรมนูญ
สปช.สายใต้ “คว่ำยกภาค”
แม้ว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ จะเปิดโรงแรมแถลงข่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ “บวรศักดิ์” ดีพอที่จะผ่านไปให้ประชาชนลงประชามติ แต่ ถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา กลับเห็นต่าง และเชื่อว่า ร่างรัฐธรรมนูญจะถูกคว่ำใน สปช.
มินับ ท่าทีของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เรียกร้องให้ สปช.คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ เพราะหากปล่อยผ่านไป จะก่อให้ความขัดแย้งอย่างรุนแรง
ว่ากันว่า พรรคประชาธิปัตย์ กับ กปปส. เห็นต่างกัน แต่มิได้แตกแยก ซึ่งลึกๆแล้ว “สุเทพ” ยังต้องการเห็น “การปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”
เมื่อพิจารณารายนาม สปช. 14 จังหวัดภาคใต้ ปรากฏว่า ส่วนใหญ่โหวตคว่ำ และมีเพียงคนเดียวที่งดออกเสียง อาทิ โกวิท ศรีไพโรจน์ สุราษฎร์ธานี, พล.อ.จริพันธ์ เกษมศานติ์สุข กระบี่ ไพฑูรย์ หลิมวัฒนา ชุมพร สมศักดิ์ โล่สถาพรพิพิธ ตรัง ชาลี เอียดสกุล พัทลุง ประเสริฐ ชิตพงศ์ สงขลา ฯลฯ
นับจากนี้ ก็ต้องจับตาดูว่า สปช. 135 คนที่โหวตคว่ำรัฐธรรมนูญ จะได้รับโบนัสเป็น “สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ” ตามที่มีแหล่งข่าวใน สปช.เคยนำมาแฉเรื่องเค้ก 200 ก้อน
เหนืออื่นใด โฉมหน้า “21 อรหันต์” ที่จะมาร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะเป็นใคร? ซึ่งชื่อชั้นคนเหล่านี้ก็จะให้คำตอบได้ว่า หนทางข้างหน้าของ คสช.และการร่างรัฐธรรรมนูญใหม่จะเป็นเช่นใด

ตารางเวลาการเมือง และความเห็นของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ตารางเวลาการเมือง และความเห็นของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
1. พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงหลังการประชุม ครม.กรณี สปช.มีมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญว่า
รัฐบาลจะมีเวลาทำงานมากขึ้น แต่ไม่ได้ดีใจ เพราะเวลาที่ขยายไปต้องใช้อย่างคุ้มค่า
ในการขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ให้เป็นรูปธรรม ให้มีผลงานปรากฏให้เห็นชัดเจนเร็วขึ้นและมากขึ้น
โดยนายกฯ กำชับให้ทุกฝ่ายทำงานตามยุทธศาสตร์ใช้เวลา 6 เดือนในระหว่างยกร่างฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ไม่ควรใช้เวลาในการร่างรัฐธรรมนูญ ลงประชามติ ทำกฎหมายลูก และหาเสียงยาวนานจนเกินไป
พล.ต.วีรชนยังกล่าวว่า นายวิษณุยังชี้แจงถึงลำดับขั้นตอนและปฏิทินของการร่างรัฐธรรมนูญว่า
๑. เริ่มต้นในเดือน ก.ย.-ต.ค.2558 จะตั้งกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)
๒. จากนั้นเดือน ต.ค.2559-เม.ย.2559 อยู่ในช่วงการยกร่างรัฐธรรมนูญภายใน 6 เดือน
๓. เม.ย.-ส.ค.2559 เป็นขั้นตอนจัดทำประชามติ
และประกาศใช้รัฐธรรมนูญในเดือน ก.ย.2559 และ
๔. ในเดือน ก.ย.-ต.ค.2559 เป็นช่วงของการยกร่างกฎหมายลูกภายใน 2 เดือน
จากนั้นเมื่อส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผ่านร่างกฎหมายลูกภายใน 3 เดือน และ
๕. ในเดือน ก.พ.2560 ส่งกฎหมายลูกให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบภายใน 1 เดือน และ
๖. ต่อมาในเดือน มี.ค.2560 จึงเริ่มประกาศใช้กฎหมายลูกและเริ่มรณรงค์หาเสียงได้
๗. จากนั้น มี.ค.-มิ.ย.2560 มีการเลือกตั้ง
๘. จากนั้นจะตั้งรัฐบาลใหม่ภายในระยะเวลา 1 เดือนคือ ก.ค.2560
2. นายวิษณุกล่าวถึงคุณสมบัติของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญว่า
กมธ.ยกร่างฯ ชุดเก่าก็เป็นได้ ไม่มีอะไรห้าม เพียงแต่สุดท้ายเขาจะได้เป็นหรือเปล่าไม่รู้ และเขาจะมาหรือไม่ก็ไม่รู้
ส่วนจะมีฝ่ายการเมืองเข้ามาร่วมหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ คสช.
แต่คุณสมบัติของ กมธ.ยกร่างฯ ชุดที่แล้ว ระบุว่าต้องไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองย้อนหลัง 3 ปี จึงต้องพิจารณาในส่วนนี้ก่อน
ส่วนบุคคลในองค์กรอิสระจะมาเป็นในขณะเดียวกันไม่ได้ ยกเว้นลาออกแล้ว
“คนที่จะเข้ามาต้องคิดว่าหากทำแล้วต้องทำให้ดีและต้องไม่ล้ม ถือเป็นความรู้สึกกดดันอยู่ จึงทำให้หาคนมาร่วมยาก แต่เชื่อว่าสามารถหาได้ อาจมีบางคนที่ได้ปฏิเสธจากคราวที่แล้วอาจรับในคราวนี้ก็ได้ เพราะข้อขัดข้องที่เคยมีอาจหมดไปแล้ว”
3. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เฟซไทม์สายตรงร่วมพูดคุยในรายการต้องถามทางสถานีโทรทัศน์ฟ้าวันใหม่
ในกรณี สปช.มีมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญว่า
ถือว่ามีโอกาสดีในการทำให้ประเด็นเรื่องของการปฏิรูป หรือการแก้ไขปัญหาของการเมืองนั้นรอบคอบ
และมีเวลาเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายมามีส่วนร่วม แล้วทำให้เกิดการยอมรับ
โดยขอให้ใช้เวลา 6 เดือนที่เพิ่มขึ้นเป็นโอกาสทองขับเคลื่อนไปสู่การปฏิรูปที่แท้จริง พร้อมกับอยากเชิญชวนทุกฝ่ายพักเรื่องการวิพากษ์ วิเคราะห์กันทางเมืองในช่วง 6 เดือนนี้
เพื่อใช้เป็นเวลาของการวางระบบที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองในอนาคต
เมื่อทุกคนมาร่วมกันทำอย่างนี้อย่างสร้างสรรค์ เราจะได้เดินหน้าไปได้
“คนที่จะมาร่างรัฐธรรมนูญน่าจะต้องเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์
ใจผมนั้นจะเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการร่างรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2540 ปี 2550 หรือฉบับที่เพิ่งถูกคว่ำไปเอามาผสมผสานกัน
หรือจะเติมคนใหม่เข้าไปก็ได้
ยังไม่อยากให้ไปคิดเรื่องเอาฝ่ายการเมือง เ
พราะว่ามันจะกลายเป็นประเด็นขึ้นมาอีก
ผลประโยชน์ทับซ้อนมั้ยถ้าเป็นฝ่ายการเมืองเข้าไป
เข้าไปแล้วเป็นตัวแทนกันได้จริงหรือเปล่า ครบทุกฝ่ายหรือไม่”

สถานการณ์ข่าว

09092558 วันพุธ ขอคาราวะวันอังคาร หัวใจที่สู้ไม่ยอมแพ้ของนักฟุตบอลไทย ทำให้พ้นจากนรกสู่สวรรค์
• 1.เริ่มต้นวันพุธแห่งพุทธ ที่ไม่มีอะไรที่คนเราทำไม่ได้หากจะทำ นำด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้
ทีมชาติไทยสวมหัวใจ "ช้างศึก" หลังตามหลังอิรักไปก่อนถึง 0-2 ทั้งที่รูปเกม
เป็นรองค่อนข้างมาก แต่ครึ่งหลังปรับเกมมาดี ก่อนตามตีเสมอ อิรักได้สำเร็จ 2-2
ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก (รอบสอง) โซนเอเชีย กลุ่มเอฟ
@ แล้วเรื่องชาติบ้านเมืองล่ะทำได้แน่ หากใจมันปรารถนาจะทำเพื่อมาตุภูมิ
เพื่ออนาคตของลูกหลานไทยของตนเอง
• 2.ด้วยความเป็นมนุษย์ ขอเคารพความรัก “2ลูกสาวที่มีต่อพ่อที่พบชะตากรรมตัวเอง”
แพทองธาร-พินทองทา"สองลูกสาวทักษิณ โพสต์IG "รักนายทักษิณ"
บุตรสาวสองคนของนายทักษิณ ชินวัตร คือ ‘อุ๊งอิ๊ง’น.ส. แพทองธาร ชินวัตร
โพสต์อินสตาแกรมเป็นภาพตัวเอง โดยมีภาพ‘เอม’น.ส.พินทองทา คุณากรวงศ์
พี่สาว กอดกันกับนายทักษิณ พร้อมแคปชั่นให้กำลังใจนายทักษิณว่า
“รักที่สุดก็ “นายทักษิณ” นี่แหละ ‪#‎จะหนุ่มหน้าตึง‬ ‪#‎จะกี่ตีนกา‬ ‪#‎จะอ้วนจะผอม‬
ก็ไม่เคยรักน้อยลงเลย @oak_ptt @pongkuna @aimpintongta‪#‎ครอบครัวคือพื้นฐานของจิตใจที่เข้มแข็ง‬ ‪#‎กำลังใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุด‬ขอบคุณนะคะ”
ขณะที่น.ส.พินทองทา ก็โพสต์อินสตาแกรมเช่นเดียวกัน เป็นภาพตัวเอง และลูกสาวฝาแฝดทั้งสองอยู่กับคุณตาทักษิณ พร้อมแคปชั่นว่า “คุณพ่อคุณตาคนเดิมของพวกเรา คิดถึงงงงอยากบินไปกอดเดี๋ยวนี้เบยยยยย@thaksinlive pic by @ingshin21
• 3. ทอง 'อีกแผ่น' ที่ปิดหลังพระ โดย พี่เปลว สีเงิน พุดถึงการต่อสู้กับคนโกงชาติ
แต่พอเปิดปุ๊บ...โพลงเลย! ก็แหม...แต่ละประเด็น มันกระทุ้ง-กระแทกถึงจิตใต้สำนึก
ให้เลือดลมพลุ่งพล่าน
การดูแลบ้านเมือง โดยเฉพาะด้านคอร์รัปชัน โกง-กิน ไม่ว่าในระบบรัฐ ระบบราษฎร์
เราทุกคน จะนิ่งดูดาย เกี่ยงกัน ผลักโยนให้เป็นภาระคนโน้น-คนนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว
เพราะบ้านเมืองไทย-ประเทศไทย คือบ้านของเราทุกคน
OUR HOME OUR COUNTRY ประมาณนั้น!
ฉะนั้น จะปล่อยให้ใครโกงบ้าน-กินเมือง โดยเราไม่ผนึกกันเพื่อฟาดฟันมันไม่ได้แล้ว!
โดยสรุปหากคนไทยไม่เฉย ความทุกข์ความเศร้าก็จะไม่เกิด โดยเฉพาะครอบครัวชิน
• 4. สวดมนต์ใต้ต้นโพธิ์ ณ พุทธคยา กับนายกฯโมดีแห่งอินเดีย โดย กาแฟดำ
หัวข้อการระดมความคิดเห็นของผู้นำด้านจิตวิญญาณจากทั่วโลกครั้งนี้
ตั้งประเด็นเปลี่ยนกระบวนทัศน์แนวความคิดจาก
Conflict resolution อันหมายถึงการแก้ปัญหาความขัดแย้งเมื่อเกิดขึ้น มาเป็น
Conflict Avoidance ซึ่งเน้นในการใช้วิถี “ธรรม”
ที่เป็นหลักการใหญ่ของศาสนาพุทธและฮินดูเพื่อ “หลีกเลี่ยงความขัดแย้ง”
แปลว่าอย่ารอให้เกิดความขัดแย้งก่อนแล้วจึงหาทางแก้ไข แต่ต้องใช้
“ศีลธรรม” และ “หลักธรรมาภิบาล” ในการป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งตั้งแต่ต้น
หมายถึงการเน้นไปที่ต้นตอของปัญหา แทนที่จะรอให้เกิดความขัดแย้งแล้ว
จึงจะหาทางแก้ ซึ่งบ่อยครั้งก็ช้าเกินการ และเกิดความเสียหายอย่างยิ่งแล้ว
• 5. พล.อ.ประยุทธ์พูดถึงนักการเมือง สภาขับเคลื่อนและ 21กมธ.ยกร่างรธม.
๑. ยุทธศาสตร์ประเทศจะเดินหน้าอย่างไรก็ทำให้เห็นแล้ว
ฉะนั้นนักการเมืองอย่ามาพูดว่าไม่เข้าใจจะปฏิรูปอะไร เพราะไม่คิดจะปฏิรูปหรือเปล่า อะไรก็ไม่เห็นด้วย เพราะต้องการกลับไปที่เดิมใช่ไหม
ขออยู่ที่เดิม หยุดตรงนี้ที่เธอประชาธิปไตย ก็ไม่ว่ากัน
ถ้าทุกคนร่วมมือการปรองดองไปได้แน่
ซึ่งทั้งหมดอยู่ที่ใจคน ความเชื่อถือและความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชน
๒. รายชื่อทั้ง 21 คน ต้องทำทันตามกำหนดในวันที่ 6 ต.ค.อยู่แล้ว
จะไปโง่ให้ทำไม่ทันได้อย่างไร
๓. รายชื่อสภาขับเคลื่อน 200 คน เพิ่งเริ่มคิดเมื่อวันที่ 7 ก.ย.ว่าจะต้องใช้สัดส่วนเท่าใด โดยต้องมาจาก 5 ฝ่ายคือ ด้านความมั่นคง สังคมจิตวิทยา เศรษฐกิจ ต่างประเทศ และข้าราชการ รวมถึงคนที่เกษียณอายุแล้ว
คนเหล่านี้จะต้องทราบดีว่าวันนี้เราเกิดอะไรขึ้นและทำอะไรกันอยู่
ต้องรู้ว่าโจทย์อยู่ตรงไหน ถ้ามาแบบไม่รู้เรื่องก็จะตีกันอีกรอบหนึ่ง และไม่ได้คำตอบ
ส่วนนี้ต้องเป็นสิ่งช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิรูปให้ได้
นอกจากนี้จะต้องมีคนส่วนที่รู้เรื่องกฎหมายทั้งในเชิงหลักการ วิชาการ เชิงปฏิบัติ
ไม่ใช่เอากฎหมายมาทำให้ติดขัดไปหมด และ
ต้องมีความรู้ใน 11 กิจกรรมปฏิรูปของรัฐบาล และขับเคลื่อนออกมาให้ได้ และ
จะต้องนำ 37 แนวทางการปฏิรูปของ สปช.มาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อน
โดยดูว่าจะตัดออก เพิ่มเติม แก้ไขปรับปรุงหรือวางกรอบอย่างไร และ
ต้องมีผู้ที่รู้เรื่องงบประมาณ แผนงาน โครงการเข้ามาด้วย ไม่ใช่พูดถึงกันแต่โจทย์
แต่ต้องพูดถึงคน How To Do ที่ต้องหาเข้ามา
“กำหนดวันสุดท้ายเมื่อใด วันที่ 5 หรือ 6 ต.ค.ใช่หรือไม่
ผมต้องนำคณะเดินทางสหประชาชาติโดยออกเดินทางช่วงวันที่ 23 ก.ย.นี้
ดังนั้นก็ต้องได้รายการก่อนที่ผมเดินทาง ทำให้เสร็จก่อนเดินทาง หรือ
ถ้าทำเสร็จก่อนได้ ก็ทำ” นายกฯ กล่าวถึงรายชื่อของสภาขับเคลื่อนฯ 200 รายชื่อ
• 6. ครม.เห็นชอบตั้ง “สมคิด” นั่งประธาน 20 คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี
• 7. เรื่องบันทึกการเดินทางไกลครั้งแรกหรือครั้งสุดท้ายของส.สุข ชมจันทร์
เรื่องที่มีคุณค่าความหมายต่อชีวิตสหายสุขและสิ่งน่ารู้ในภูพานซึ่งควรบันทึกไว้(17)