PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2556

"น.ต. ประสงค์"ฟันเปรี้ยง!!! แก้รธน.ไม่ได้ -อาจผ่านขั้นแรกแต่สุดท้ายไม่รอด


คำต่อคำ: "น.ต. ประสงค์"ฟันเปรี้ยง!!! แก้รธน.ไม่ได้ -อาจผ่านขั้นแรกแต่สุดท้ายไม่รอด
"ประสงค์   สุ่นศิริ" ฟันธงแก้รธน.ไม่ได้  อาจผ่านในขั้นต้นแต่พอวาระสุดท้ายแล้วแก้ไม่ได้  พร้อมชี้  ทำเพื่อผลประโยชน์ของฝ่ายการเมืองเท่านั้น   ไม่มีใครพูดถึงผลที่ประชาชนจะได้รับ
วันนี้ (1 เม.ย.) น.ต. ประสงค์   สุ่นศิริ   อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ   ปี พ.ศ. 2550   ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ  Business  Focus ของทีนิวส์ทีวี   ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลและภาคประชาชน   ที่มีการยื่นร่างแก้ไขต่อสภาไปแล้ว   การแก้ไขครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร   เพราะเชื่อว่าการแก้ไขครั้งนี้   ทำเพื่อผลประโยชน์ของฝ่ายการเมืองเท่านั้น   ไม่มีใครพูดถึง   ผลที่ประชาชนจะได้รับ   หรือสิ่งอื่นใดที่จะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์มากขึ้นจากรัฐธรรมนูญครั้งนี้  พร้อมชี้ แก้ไม่ได้ แต่ถ้าผ่านในขั้นต้นก็อาจจะผ่านไปได้   แต่พอวาระสุดท้ายแล้วแก้ไม่ได้

สำราญ   :   มองภาพรวมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ  3  ร่าง   ประเด็นเป็นที่ทราบกันนะครับ   มาตรา  68  มาตรา  190  และมาตรา  237  รวมทั้งเรื่องของ ส.ว. ด้วยนะครับ   ภาพรวมท่านประสงค์มองยังไงครับ
ประสงค์   :   ในภาพรวมของการแก้ไข   กับในภาพรวมของภาคประชาชน   ผมจะขอพูดถึงในภาพรวมของการแก้ไขก่อนนะครับ   การแก้ไขรัฐธรรมนูญเราอยู่ในสภานิติบัญญัติมา   และตอนร่างรัฐธรรมนูญก็ทราบดีว่า   รัฐธรรมนูญนั้นคือกฎกติกาในการปกครองบ้านเมืองระบอบประชาธิปไตย   อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข   ได้ยกร่างขึ้นมาซึ่งมันแตกต่างกับรัฐธรรมนูญฉบับอื่น ๆ ที่ผ่านมาทั้งหมดเลย  17  ฉบับ   ฉบับนี้เป็นฉบับที่  18  ก็คือการเพิ่มเติมประโยชน์สิทธิให้กับประชาชน   และประโยชน์ของสาธารณะมากกว่ารัฐธรรมนูญฉบับอื่น ๆ เพราะฉะนั้นในเรื่องของการแก้ไข   รัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ปิดประตูว่าไม่สามารถแก้ไขได้   ศาลรัฐธรรมนูญให้แก้ไขได้ตามมาตรา  291  ที่บอกว่า   การแก้ไขรัฐธรรมนูญใครมีอำนาจในการแก้ไข   แม้กระทั่งประชาชน  50,000  ชื่อ   ก็มีอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้   แต่จะต้องเป็นการแก้ไขในรายมาตราที่เห็นว่ามันมีข้อบกพร่อง   มันมีอะไรต่าง ๆ  ให้แก้ได้นะครับ        
แต่ทีนี้ผมมาดูภาพรวมของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ   ที่นักการเมืองพวกนี้กำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้ใน  3  ฉบับที่ว่านะครับ   ไม่ว่าจะเป็นมาตรา  68  มาตรา  190  และมาตรา  237   ทุกเรื่องเลยนะครับ   มันเป็นเรื่องที่แก้ไขเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองบางกลุ่ม   บางพวก   ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรจากนี่เลย   และยังตัดสิทธิ์เสียสิทธิประโยชน์ไป   ในการที่เขาจะแก้ไขมาตรา  68  ด้วยซ้ำ   นี่คือภาพรวมนะครับก็คือการแก้ไขเท่านี้   ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร   แต่กับเสียประโยชน์ลงไปอีก   แต่นักการเมืองจะได้ประโยชน์ขึ้นมาอีก   ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ทางด้านการทำงาน   การทำงานของส.ว. เขาก็จะสามารถเป็น ส.ว. ได้ทุกยุค   ทุกสมัย   หมดเทอมแล้วสามารถสมัครได้อีก   ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่อนุญาตให้ต้องเว้นวรรคไปก่อน   ทีนี้ในการยุบพรรคก็เหมือนกัน   ก็เขียนไว้ชัดเจนถ้าหากว่ากรรมการบริหารพรรครู้เห็นเป็นใจ   หรือรู้เห็นแล้วไม่แก้ไขในเรื่องการซื้อสิทธิ์ขายเสียง   เขาก็ยุบพรรค
สำราญ   :   และจำนวน  3  มาตรา   3  ร่าง  4  มาตรา   ท่านประสงค์อยากเน้นมาตราไหนเป็นพิเศษไหมครับ   คือรู้สึกรับไม่ได้   หนักหนาสาหัสกว่าเรื่องอื่น ๆ
ประสงค์   :  คือมาตรา  68   นะครับที่ไปตัดสิทธิ์ประชาชน   คุณสำราญคงจำได้นะครับ   พรรคเพื่อไทยเคยเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาหนหนึ่งแล้ว   แก้ไขมาตรา  291   ศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาออกมาแล้วว่า   มันขัดรัฐธรรมนูญเพราะว่าเขาจะแก้ไขทั้งฉบับนั่นเอง   ความจริงแล้วสำคัญทุกมาตราที่เขาจะแก้ไขกัน   มันแย่ทุกมาตรา   แต่ว่าในสายตาของผมก็คือ  มาตรา  68   ที่นอกจากไปตัดสิทธิของประชาชน   ในการไม่ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ   อันนี้จะนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับต่อไป   ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันให้ดี   เป้าหมายจริง ๆ ของเขาก็คือ   การแก้ไขทั้งฉบับ   หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา  309  
สำราญ   :   ผมอยากให้ท่านประสงค์ฝากอะไรนิดหนึ่ง   คือที่เขาแก้ไข  เขาไปเน้นที่มาตรอัยการ   ว่าจากนี้ไปถ้าแก้ไขเสร็จเราไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้   ในวรรคสอง   มาตรา  68  ได้เขียนไว้อย่างนี้นะครับ
ในกรณีที่บุคคลกระทำการใดตามวรรคหนึ่ง   ผู้ทราบการกระทำดังกล่าว   ย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริง   เมื่ออัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวขัดต่อวรรคหนึ่ง   ให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว   แต่ทั้งนี้ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำดังกล่าว
ประสงค์   :   มาตรา  68  เดิมเขาให้ประชาชนมีสิทธิยื่นศาลรัฐธรรมนูญได้ด้วยนะครับ   แต่นี่มาเขียนใหม่อย่างนี้ลักษณะอย่างที่ผมบอกนะครับ   คืออยู่ดี ๆ ไปตัดสิทธิ์ของประชาชน
สำราญ   :   ส่วนมาตรา  190  ผมดูตามร่างแล้วก็คือไปตัดหลายประเด็นออก   มาตรา  190   คือเขาให้ยกของเก่าแล้วใช้อันนี้แทนก็คือบอกว่า   พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจการทำหนังสือสัญญา   สันติภาพ   สัญญาสงบศึก  สัญญาอื่นกับนานาประเทศ   หรือกับองค์กรระหว่างประเทศ   วรรคต่อไปบอกว่า   หนังสือสัญญาใดมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย   หรือเขตอำนาจแห่งรัฐ   หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามสัญญา   ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาเท่านี้เองครับ   ก็คือเขียนดูเหมือนจะทำว่ายังมีเหมือนเดิม   แต่ถ้าไปส่องกล้อง  ไปเอ็กซเรย์แล้วเขาบอกว่าตัดอำนาจไป 3 – 4  ประเด็น   เขาอ้างเพื่อความสะดวกในการที่จะทำมาค้าขาย   หรือจะติดต่อกับต่างประเทศ   ท่านคิดว่าท่านสามารถรับฟังได้ไหมครับ
ประสงค์   :   พูดง่าย ๆ  ก็คือว่า   ธุรกิจการเมืองติดขัดต่อมาตรา  190   มาก   ยิ่งมีอำนาจรัฐไปเป็นรัฐบาลไปเจรจาซ่อนเงื่อนซ่อนงำอะไรไว้   ไปตรวจพบเข้าก็มีความผิดมาตรา  190  ยังคงเดิมอยู่   เพราะฉะนั้นผมไม่ไว้ใจนักการเมืองโดยเฉพาะรัฐบาลชุดนี้ที่ครอบงำโดยนักธุรกิจการเมือง   หากินกันข้างนอก   ทำไมถึงให้รัฐสภาซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนรับทราบไม่ได้ว่าทำสัญญา   หรือทำข้อตกลงอะไรกับเขา  
สำราญ   :   สุดท้ายประเด็นเรื่องของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)   เขาก็จะแก้ให้มี  200  คน   มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด   แล้วก็เป็นไปอย่างต่อเนื่องได้   ไม่มีขอบเขต   ท่านคิดว่าลึก ๆ เขาหวังผลอะไรครับ
ประสงค์   :   คือลึก ๆ นักการเมืองที่ถืออำนาจรัฐปัจจุบันในขณะนี้   ต้องการที่จะครอบงำวุฒิสภาทั้ง  200  คนได้หมดเลย   ครอบงำ ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรของสภาร่างนะครับ   เพราฉะนั้นวุฒิสภาที่เขาให้มีส่วนหนึ่งมาจากการสรรหา   ก็เพื่อความมุ่งหมายว่าไม่ให้การเมืองเข้าไปครอบงำ   เพราะว่าการเลือกตั้งนะครับ   มันต้องอาศัยฐานเสียงของนักการเมืองในจังหวัดต่าง ๆ    เพราะฉะนั้นวุฒิสภาความจริงมันเป็นสภาสูงที่ควรจะมีบทบาทในการตรวจสอบฐานอำนาจสภาร่าง   แปลว่าเลือกตั้งทั้งหมดไม่มีปัญหาครับ   ถ้าเลือกตั้งทั้งหมดจะไปมีทำไมครับสภาสูง   มีสภาร่างสภาเดียวก็ช้ำใจเต็มทีแล้ว   จะเลือกตั้งสภาสูงให้เข้ามาช่วยกันปู้ยี่ปู้ยำยำกันอีก   อย่างนี้รัฐธรรมนูญที่แบ่งแยกเอาไว้   สรรหาเพื่อให้วุฒิสภานอกจากได้บุคคลที่หลากหลายอาชีพ   ที่ฝ่ายเลือกตั้งไม่สามารถที่จะมีอาชีพบางอาชีพเข้ามาได้   เขาก็กำหนดให้มีการสรรหา   ซึ่งสภาพการปัจจุบันที่มีวุฒิสภาสรรหา   คุณสำราญก็เห็นแล้วว่าเป็นปากเป็นเสียงรักษาชาติ   รักษาผลประโยชน์ของประชาชน   เป็นปากเป็นเสียงค้านอำนาจได้จริง ๆ ในชุดของพวกสรรหาเท่าที่ผมติดตามดูนะครับ   แต่ว่าพวกที่มาจากการเลือกตั้งมันอยู่ใต้อาณัติพรรคการเมืองหมดเลย   ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์อะไรก็ตาม   เพราะฉะนั้นผมว่าถ้าหากเลือกตั้งทั้งหมด   ก็ยุติสภาไปเลยก็หมดเรื่อง   เงินภาษีของประชาชนจะได้ไม่ต้องไปเสียอีก  มีสภาร่างสภาเดียว
สำราญ   :   จริง ๆ หลายประเทศก็ไม่มีสภาสูงเลยนะครับ
ประสงค์   :   ใช่ครับ   ถ้าผมร่างรัฐธรรมนูญใหม่ผมจะร่างให้สภาสูงมาจากการแต่งตั้งทั้งนั้นครับ   ถ้ามีนะครับ   ถ้าหากว่าไม่มีสภาสูงเลยผมชอบใจมาก
สำราญ   :   ท่านประสงค์ดูแล้วถ้าประเมินสถานการณ์เพราะมันต้องผ่านวาระหนึ่ง   วาระสอง   แล้วกำหนดปลายปีคิดว่าจะไปเป็นวาระสามไหมครับ
ประสงค์   :   ผมตอบสั้น ๆ เลยนะครับ   ขณะนี้การเมืองภาคประชาชนตื่นตัวแล้วก็เข็มแข็งพอ   แล้วก็ติดตามสถานการณ์มาได้ตลอด   ผมเชื่อว่าประชาชนขณะนี้ต่างฝ่ายต่างหันหน้าเข้าหากัน   แล้วก็คงจะไม่ยอมนักการเมืองที่จะฉุดลากประเทศไทยไปสู่หุบเหวแห่งหายนะต่อไปอีก   ตั้งแต่เดือนเมษายน   ผมเชื่อว่าเรื่องทั้งหลายทั้งปวงมันจะเกิดขึ้นให้เห็นหลายอย่าง   ซึ่งผมไม่อาจจะพูดได้ในขณะนี้ให้ติดตามดูให้ดีนะครับ   การเมืองภาคประชาชนจะเป็นพลังสำคัญในการที่จะหยุดยั้งบ้านเมืองให้ไปสู่ความหายนะ   จากการกระทำของนักการเมืองที่ถืออำนาจรัฐอยู่ในขณะนี้   ผมเชื่ออย่างนั้นและผมมองอย่างนั้นอยู่แล้วครับ
สำราญ   :   ท่านประสงค์ได้บอกว่าประชาชนหันหน้าเข้าหากันแล้ว   ที่ผ่านมาเป็นดาวกระจาย   หรือว่าเป็นอะไรครับ
ประสงค์   :   ผมแบ่งเป็นกลุ่มเป็นอะไรต่าง ๆ มีการนำแต่ละกลุ่มอะไรต่าง ๆ ออกไป   ในขณะนี้เท่าที่ผมติดตามประชาชนกลุ่มใหญ่ ๆ ต่างฝ่ายต่างหันหน้าเข้าหากัน   จับมือกัน   เพื่อที่จะดำเนินการในการเมืองภาคประชาชน   ในการที่จะหยุดยั้งนักการเมือง   เขาจะเปลี่ยนแปลงประเทศของเขาเอง   ผมมองอย่างนั้นนะครับ   แล้วก็เห็นหนทางนั้นเป็นไปได้สูง   ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ครับ
สำราญ   :   ท่านหมายถึงว่าสถานการณ์ให้จับตานอกสภาเป็นพิเศษด้วย   นับจากเมษายนนี้เป็นต้นไป   และคิดว่าความเคลื่อนไหวของภาคประชาชนจะดำเนินการไปในทิศทางแบบไหนครับ
ประสงค์   :  การออกมาต่อต้านอย่างรูปธรรมชัดเจน   แล้วก็บรรดาข้าราชการดี ๆ ทั้งหลายยังมีอยู่อีกเยอะ   ผมคิดว่าฝ่ายราชการเหมือนกันก็คงจะร่วมมือร่วมใจกับประชาชนคราวนี้นะครับ
สำราญ   :   สุดท้ายแล้วท่านคิดว่าการแก้รัฐธรรมนูญ  3  ร่าง  4  มาตรา  4  ประเด็นจะผ่านไหมครับ
ประสงค์   :   คือแก้ไม่ได้ก็แล้วกันนะครับ   แต่ถ้าผ่านในขั้นต้นก็อาจจะผ่านไปได้   แต่พอวาระสุดท้ายแล้วแก้ไม่ได้ครับ   สรุปก็คือไปได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง   สุดท้ายผมขอให้ประชาชนรวมตัวกัน   รักษาบ้าน   รักษาเมือง   แล้วก็ดำเนินการตามสิทธิอำนาจที่กฎหมายสูงสุดที่รัฐธรรมนูญได้ให้ไว้กับพวกท่านนะครับ   ขณะนี้สิ่งต่างๆ เหล่านี้กำลังถูกนักการเมืองกระทำการลักษณะที่ทำให้ตกต่ำเสียหายลงไป   เป็นหน้าที่ของท่านแล้วนะครับ   ถ้าท่านไม่ต้องการให้บ้านเมืองเสียหายมากไปกว่านี้ให้ท่านทำหน้าที่ของท่าน   ท่านมีสิทธิของท่านตามรัฐธรรมนูญในการต่อต้านขัดขวางทุกอย่าง ที่เป็นการทำให้บ้านเมืองเสียหาย   ผมอยากจะขอให้ประชาชนร่วมมือร่วมใจกัน   เรือกำลังจม   เราต้องช่วยตัวเองกันก่อนนะครับไม่ให้เรือมันจม

พบศพนาวิกชุดวิสามัญ16ศพที่ถูก8คนร้ายอุ้มไปแล้ว


กลุ่มคนร้ายแต่งกายเลียนแบบทหารพร้อมอาวุธครบมือ บุกจี้พลทหารมะอีลา อุ้มหายออกจากบ้านพักเมื่อค่ำวานนี้ เผยเป็นหนึ่งในชุดวิสามัญคนร้าย 16 ศพเมื่อเดือนที่แล้ว

ญาติของพลทหารมะอีลา โตะลู อายุ 24 ปี สังกัดกองพันทหารราบที่ 7 กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธินภาคใต้ ค่ายจุฬาภรณ์ เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ว่า พลทหารมะอีลา ถูกกลุ่มคนร้ายจำนวน 8 คน แต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ทหาร มีอาวุธปืนครบมือบุกจี้ตัวพลทหารมะอีลาแล้วอุ้มหายออกจากบ้านพักที่อำเภอรือเสาะ เมื่อคืนวานนี้(1 เม.ย.56) ซึ่งปัจจุบันพลทหารมะอีลา ถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่ที่กองร้อยปืนเล็กที่ 2 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 32 บ้านยือลอ ม.3 ตำบลบาเร๊ะใต้ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส และเคยถูกกลุ่มคนร้ายบุกโจมตีฐาน เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา และถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญ 16 คน

โดย น.ส.ดารีซะ ภรรยาของพลทหารมะอีลา ให้การว่าช่วงเวลา 19.00 น.วานนี้ ขณะที่ตนเองขี่รถ จยย.ออกไปซื้ออาหารในหมู่บ้าน สามีซึ่งลาพักราชการกลับมาบ้าน 6 วัน อยู่กับน้องชายตามลำพัง 2 คน จู่ๆมีคนร้าย 8 คน แต่งกายเลียนแบบทหารมีอาวุธปืนครบมือ ขับรถยนต์กระบะไม่ทราบสี ยี่ห้อ และแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดหน้าบ้านพัก โดยคนร้าย 2 คน ยืนคุมเชิงอยู่ที่หน้าบ้าน ส่วนอีก 6 คน ได้เดินตรงเข้าไปในบ้านพัก 1 ในนั้นได้ใช้อาวุธปืนเอ็ม.16 จี้ศีรษะของนายยาการียาซึ่งเป็นน้องชาย แล้วพูดเป็นภาษายาวีว่า บ้านนี้ใครเป็นทหาร แล้วคนร้ายได้ใช้เชือกที่เตรียมมามัดมือพลทหารมะอีลา แล้วใช้ปืนจี้คุมตัวขึ้นรถยนต์กระบะหายไป โดยไม่ได้ทำร้ายนายยาการียา ซึ่งเป็นน้องชายแต่อย่างใด

ภรรยาของพลทหารมะอีลา ยังให้การว่าปกติพลทหารมะอีลาไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งและบาดหมางกับผู้ใดในพื้นที่ เมื่อลาพักจากราชการจะกลับมาอยู่บ้านโดยไม่ออกไปไหนมาไหน เกรงจะตกเป็นเป้าถูกคนร้ายลอบดักสังหาร และสามีพูดให้ฟังบ่อยครั้งว่า ทหารทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ที่กองร้อยปืนเล็กที่ 2 บ้านยือลอ ต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย หลังเหตุวิสามัญคนร้ายเสียชีวิต 16 ศพ เพราะกลุ่มคนร้ายประกาศจะทำทุกวิถีทางเพื่อเอาคืนเป็น 2 เท่า เพื่อแก้แค้นให้กับสมาชิกในกลุ่มที่ถูกวิสามัญ

หลังจากนั้นพนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจหาหลักฐานของกลุ่มคนร้ายอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อนำไปสู่การสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง และติดตามกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงาน(2เม.ย.56) เมื่อเวลา 22.00 น. ว่า ได้มีผู้พบศพ พลทหารมะอีลา โตะลูแล้ว โดยถูกคนร้าย อุ้มไปยิงทิ้งในพื้นที่ ต.ปะลุกาสาเมาะอ.บาเจาะ จ.นราธิวาส

บทความอาลัย ประเสริฐ นาสกุล / เปลวสีเงิน


"ปัญหาของบ้านเมืองบางอย่าง อาจแก้ไขได้โดยไม่ต้องใช้เงินทองเลย เพียงแต่ผู้นำของประเทศต้องประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดี โดยการ คิด พูด และทำตรงกัน และชี้นำประชาชนในชาติว่า ปัญหาของชาตินั้นอยู่ที่ทุกคนจะต้องร่วมใจกันแก้ไข ด้วยการลด ละ และเลิก "ความเห็นแก่ตัว" เป็นอันดับแรก ยิ่งทำได้มากและรวดเร็วเท่าใด จะสามารถนำพาชาติบ้านเมืองให้รอดพ้นจากภาวะวิกฤติสู่ความเป็นปกติรวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น หากไม่แก้ไขความเห็นแก่ตัวก่อนแล้ว เห็นว่าหมดหวัง เพราะไม่มีทางอื่นใดที่จะแก้ไขปัญหาของชาติในเวลานี้ได้"


บทความอาลัย ประเสริฐ นาสกุล / เปลวสีเงิน

วันนี้-ผมขอคารวาลัยต่อ "ท่านประเสริฐ นาสกุล" อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งถึงแก่อนิจกรรมด้วยวัย ๗๘ ปีไปเมื่อวานนี้ (๙ ก.ค.๕๒) และศพท่านตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลา ๑๒ วัดธาตุทอง เป็นเวลา ๕ วัน ท่านคือทองคำเปลวบริสุทธิ์ผนึกนามสถาบัน "ศาลรัฐธรรมนูญ" ให้ส่องประกายทองตลอดไป จากคำพิพากษาส่วนตนในคดี "ทักษิณซุกหุ้น" เมื่อ ๓ สิงหา ๔๔ นั้น ถึงแม้ท่านจะเป็นเสียงข้างน้อยว่าทักษิณผิด ในขณะที่เสียงข้างมากวินิจฉัยว่าไม่ผิด

แต่...เสียงข้างน้อยของท่าน จากคำวินิจฉัยส่วนตน นั้นคือคำวินิจฉัยอิสระจากอามิสและอยู่เหนืออำนาจใด เป็นคำวินิจฉัยดุลยธรรมแทนใจมหาประชาชนต่อพฤติกรรมซุกหุ้นของทักษิณ ท่านจากไป

แล้วตามกาลเวลาแห่งหลักอนิจจัง แต่คำวินิจฉัยส่วนตนอันได้ใจมหาประชาชนฉบับนั้น จะไม่จากไปด้วย จะอยู่คู่กับจริยธรรม ศีลธรรม และยุติธรรมไทยตลอดไป

ผมขอกราบบูชาจิตวิญญาณตุลาการท่านประเสริฐ ผู้ประเสริฐ ผู้เป็นเนื้อนาแห่งคำว่าตุลาการ ไม่หวั่นไหวอยู่ใต้อำนาจสามานย์อามิส ทรงสกุลแห่งวงศ์สถิตประเสริฐ..ประเสริฐ และเพื่อรำลึกถึงงาน

ท่านเป็นการเทิดเกียรติ ผมจึงขอยกคำวินิจฉัยส่วนตนของท่านอันเป็นคำวินิจฉัยประวัติศาสตร์สะอาด-บริสุทธิ์ "ตอนหนึ่ง" มาตีพิมพ์ไว้ ณ ตรงนี้อีกครั้ง ดังนี้

............

16) การพัฒนาระบบการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยลอกเลียนความรู้จากกฎหมายของต่างประเทศในระบบทุนนิยมมาประยุกต์ใช้เพียงอย่างเดียว แต่ไม่ใช้สติและปัญญานำเอาวิธีปฏิบัติที่ดีและเหมาะสม ตลอดจนวิธีการป้องกันการเอาเปรียบ การเลี่ยงปฏิบัติตามกฎหมาย ฯลฯ มาใช้ด้วย ประกอบกับการเอาความสะดวกสบายโดยไม่รู้จักคิด ปล่อยหรือยอมให้ผู้อื่นคิดแทน โดยไม่มีการพิจารณาว่า ระบบดังกล่าวสอดคล้องกับศีลธรรมและวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมไทยหรือไม่ เพราะผู้นำเข้ามุ่งแต่การมีระเบียบ แบบแผน กฎหมาย และหวังในความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ขาดประสบการณ์ ไม่ทราบหรือคิดมาก่อนว่า ความรู้ที่นำมานั้นอาจจะก่อให้เกิดปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม และเตรียมการป้องกันไว้ด้วย เช่น การประกอบธุรกิจแบบครอบครัวได้พัฒนาเป็นห้างหุ้นส่วน บริษัทเอกชน บริษัทมหาชน และกลุ่มบริษัท โดยมีตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นแหล่งระดมเงินทุน และต่อไปจะมีตลาดกลางสินค้าเกษตรล่วงหน้า แต่มีผู้คิดหาช่องทางต่างๆ ของกฎหมาย เช่น การค้าเสรี เปิดโอกาสให้ใครมือยาวสาวได้สาวเอา โดยใช้ความได้เปรียบในฐานะทางเศรษฐกิจ ถิ่นที่อยู่ และการศึกษา การเอาประโยชน์โดยใช้ผู้ใกล้ชิดให้มีจำนวนเพียงพอที่จะก่อตั้งบริษัทแล้วโอนลอยหุ้น การใช้ชื่อบุคคลอื่นถือหุ้นแทน การปล่อยเงินกู้เฉพาะแก่คนรู้จัก การโอนถ่ายกำไรระหว่างบริษัท การใช้ข้อมูลภายในของบริษัท และกลุ่มบริษัทเพื่อขายกิจการ และการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่เป็นธรรม (มีการบอกกล่าวข้อความอันเป็นเท็จ การปล่อยข่าวลือ การอำพราง การใช้ข้อมูลภายใน-ดูรายละเอียดผู้ถูกคณะกรรมการ ก.ล.ต.ปรับ และจำนวนเงินค่าปรับกรณีการใช้ข้อมูลภายใน ได้จากหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ประจำวันจันทร์ที่ 29 - วันพุธที่ 31 มกราคม 2544)

ผู้ถูกร้อง (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) จะทราบความจริงนี้หรือไม่ก็ตาม แต่ได้กล่าวอย่างภาคภูมิใจและชัดถ้อยชัดคำว่า การที่ผู้ถูกร้องประกอบธุรกิจประสบความสำเร็จ จนมีบริษัทในเครือและทรัพย์สินมากมาย โดยลอยหุ้นและใช้ชื่อบุคคลอื่นถือหุ้นแทนนั้น "เป็นการประกอบธุรกิจตามธรรมดาที่ใครๆ ก็ทำกันอย่างนั้น" ทั้งๆ ที่การทำธุรกิจในระบบนายทุนของต่างประเทศเป็นการกระทำมุ่งแสวงหากำไร เป็นความโลภ และความฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อ ไม่คำนึงถึงศีลธรรม และวัฒนธรรมอันดีงามของไทย นอกจากนี้ผู้ถูกร้องอ้างว่า เลิกกระทำธุรกิจหันมาทำงานการเมืองแล้วตั้งแต่ปี 2537 และมอบการบริหารธุรกิจในกลุ่มบริษัทให้แก่คู่สมรส (ในกรณีที่ผู้ถูกร้องเป็นผู้รับสัมปทานจากรัฐ อาจเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 110(2) บุตรและเครือญาติดำเนินการต่อไป (แทนที่จะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 209 โอนหุ้นให้นิติบุคคล ซึ่งจัดการทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น เช่น การให้ทรัสต์จัดการทรัพย์สิน ในกรณีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นความคิดก้าวหน้าสำหรับประเทศไทย) และผู้ถูกร้องเข้าใจผิดว่า จำนวนประชาชนที่ออกเสียงเลือกผู้ถูกร้องในการเลือกตั้งทั่วไป เพราะผู้ถูกร้องเสนอโครงการต่างๆ เป็นที่ถูกใจได้นั้นมากมายมหาศาล แต่จำนวนประชาชนดังกล่าวมิได้มากกว่าจำนวนคนที่ทราบว่า ผู้ถูกร้องและคู่สมรสมีทรัพย์สินและหนี้สินจริงในวันยื่นบัญชีฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 วรรคสอง เพราะประชาชนสิบเอ็ดล้านกว่าคนนั้นไม่ทราบจำนวนทรัพย์สินและหนี้สินจริงของผู้ถูกร้องและคู่สมรสดีไปกว่าเลขานุการส่วนตัวเพียงสองคนของผู้ถูกร้องและคู่สมรส เพราะเป็นคนละเรื่องกัน

(17) การกระทำของผู้ถูกร้องดังกล่าวข้างต้น ย่อมแสดงให้เห็นว่า ผู้ถูกร้องซึ่งเป็นผลของอดีตยังคงคิดและทำเหมือนเดิม เหมือนนักธุรกิจคนอื่นๆ ในระบบทุนนิยมในประเทศไทย แต่ยังคงเข้าใจผิดคิดว่า แนวความคิดที่จะบริหารประเทศของผู้ถูกร้องเป็นการคิดใหม่และทำใหม่ ไม่เข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของชาติ ซึ่งแก้ไขไม่ได้ด้วย "เงิน" อย่างเดียว

ผู้ถูกร้องโฆษณาให้ประชาชนทราบเพียงว่า ผู้ถูกร้องประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ มีเงินมีทองมากมาย ไม่ทุจริตผิดกฎหมาย และไม่อำพราง แล้วอุทิศตัวหันมาทำงานทางการเมือง โดยการโอนการจัดการธุรกิจให้แก่คู่สมรส บุตร และเครือญาติ ผู้ถูกร้องรู้ปัญหาของบ้านเมืองดี จึงอาสาเข้ามาแก้ไข

แต่ผู้ถูกร้องมิได้แสดงหรือเปิดเผยว่า ความสำเร็จในการประกอบธุรกิจในอดีตของผู้ถูกร้องภายในระยะเวลาอันสั้นนั้นกระทำได้อย่างไร และจะแก้ปัญหาการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ของครอบครัวกับประโยชน์ของส่วนรวมหรือของชาติอย่างไร

ปัญหาของบ้านเมืองบางอย่าง อาจแก้ไขได้โดยไม่ต้องใช้เงินทองเลย เพียงแต่ผู้นำของประเทศต้องประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดี โดยการ คิด พูด และทำตรงกัน และชี้นำประชาชนในชาติว่า ปัญหาของชาตินั้นอยู่ที่ทุกคนจะต้องร่วมใจกันแก้ไข ด้วยการลด ละ และเลิก "ความเห็นแก่ตัว" เป็นอันดับแรก ยิ่งทำได้มากและรวดเร็วเท่าใด จะสามารถนำพาชาติบ้านเมืองให้รอดพ้นจากภาวะวิกฤติสู่ความเป็นปกติรวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น หากไม่แก้ไขความเห็นแก่ตัวก่อนแล้ว เห็นว่าหมดหวัง เพราะไม่มีทางอื่นใดที่จะแก้ไขปัญหาของชาติในเวลานี้ได้

อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อผู้ร้องกล่าวหาผู้ถูกร้องว่า จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ มีข่าวที่ค่อยๆ เบี่ยงเบนประเด็นที่ผู้ถูกร้องถูกกล่าวหาทีละน้อยๆ และเป็นระยะๆ ว่า ผู้ถูกร้องประกอบธุรกิจจนร่ำรวยด้วยน้ำพักน้ำแรง ไม่มีการทุจริต ผิดกฎหมาย ผู้ถูกร้องเป็นคนแรกที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินให้ประชาชนทราบ ในขณะที่ยังไม่มีกฎหมายบังคับ ผู้ถูกร้องสมัครใจยื่นรายการทรัพย์สินและหนี้สินเพิ่มเติมเอง หากศาลเห็นว่า ผู้ถูกร้องกระทำผิด ก็เป็นการทำผิดโดยสุจริต ควรใช้หลักรัฐศาสตร์ชะลอการตัดสินคดี หรือยกโทษให้ผู้ถูกร้อง ไม่ควรลงโทษผู้ถูกร้องซึ่งได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนสิบกว่าล้านคน เพื่อให้โอกาสผู้ถูกร้องบริหารประเทศต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพราะไม่มีใครดีกว่าผู้ถูกร้อง ประเทศไทยขาดผู้ถูกร้องไม่ได้ ซึ่งไม่มีบทบัญญัติให้ศาลกระทำได้ และเมื่อใกล้จะถึงวันที่ศาลลงมติ มีข่าวหนาหูขึ้นว่า ฝ่ายผู้สนับสนุนผู้ถูกร้องจะชุมนุมกัน เพื่อกดดันศาล จะวางเพลิงเผาศาล ตลอดจนจะทำร้ายตุลาการบางคน จนกระทั่งมีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปให้ความคุ้มครอง ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินไปอย่างน่าเสียดาย เป็นต้น ข่าวต่างๆ ดังกล่าวมานี้เกิดขึ้นได้อย่างไร หากมิใช่เป็นการแสดง "ความเห็นแก่ตัว" ของคน

ดังนั้น จึงเห็นว่า เมื่อผู้ถูกร้องยอมรับว่า ผู้ถูกร้องมีทรัพย์สิน แต่ไม่ยื่นบัญชีฯ เพราะใช้ชื่อบุคคลอื่นถือกรรมสิทธิ์แทน และประกาศให้ประชาชนทราบว่า ผู้ถูกร้องได้ทรัพย์สินมาโดยสุจริต และโอนทรัพย์สินนั้นให้เป็นของคู่สมรสผู้ถูกร้อง และคู่สมรสผู้ถูกร้องจะโอนให้ใครก็ได้ ตนไม่ทราบ เมื่อตรวจดูพยานหลักฐานต่างๆ จึงพบความจริงว่า ผู้ที่รับโอนหรือ เป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้น แท้จริงเป็นเจ้าของทรัพย์สินดังกล่าวแต่ในนาม และโอนคืนทรัพย์สินนั้นให้คู่สมรสผู้ถูกร้องในเวลาเดียวกันกับที่โอน และบุคคลเหล่านั้นคือคนใกล้ชิดที่ผู้ถูกร้องและหรือคู่สมรสเคยใช้ชื่อถือทรัพย์สินมาก่อน ที่ผู้ถูกร้องอาสาเข้ามาทำงานการเมืองตั้งแต่ปี 2537 นั่นเอง ถือว่าผู้ถูกร้องและ/หรือคู่สมรสรู้ว่ามีทรัพย์สินในชื่อบุคคลอื่น หรือใช้ชื่อบุคคลอื่นถือแทน โดยมีเหตุผลและข้อเท็จจริงดังที่ผู้ถูกร้องกล่าวชี้แจงโดยละเอียดในหนังสือทั้งสามฉบับข้างต้น แต่จงใจยื่นบัญชีด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 295

.........................

ด้วยเหตุผลดังกล่าวมา จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีตรองนายกรัฐมนตรี จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 295 และห้ามให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ เป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ผู้ถูกร้องพ้นจากตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2540 เป็นต้นไป

นายประเสริฐ นาสกุล

ประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

พวกเสื้อแดงทั้งหลาย รวมทั้งคนที่หลงเข้าใจว่าทักษิณเป็นคนดี บกพร่องโดยสุจริตนั้น ค่อยๆ อ่านคำวินิจฉัยนี้ด้วยสติ-สัมปชัญญะเถิด แล้วธาตุแท้แห่งความเป็นคนคุณธรรมจะบอกกับมโนธรรม
สำนึกตัวท่านเองว่า โอ....มันเลวทราม เห็นแก่ตัว ลวงโลก ลวงสังคม ปานนี้เชียวหรือ เสียแรงที่หลงยกย่องว่าเป็นนักธุรกิจเสียสละมาช่วยบ้านเมือง ที่แท้ก็เหมือนหมาจิ้งจอกเข้าเล้าไก่คำพิพากษาส่วนตนของท่านประเสริฐ นาสกุล ฉบับนี้ จะเป็นผ้ายันต์ปิดปากหม้อไม่ให้ทักษิณได้ผุด-ได้เกิดตลอดไป จนกว่าจะสำนึกบาปที่ก่อไว้ และกลับตัว-กลับใจ ยุติคิดร้ายต่อชาติ ต่อสถาบัน

เมื่อได้ไหร่นั่นแหละ ความบรรลัยจึงจะไม่บังเกิด.

“หมอวรงค์” ยื่นป.ป.ช.ฟันม.157ปลัดพณ.บิดเบือนผลสอบขายข้าวจีทูจี


“หมอวรงค์” ยื่นป.ป.ช.ฟันม.157ปลัดพณ.บิดเบือนผลสอบขายข้าวจีทูจี

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้ (2 เม.ย.2556) ตนได้ไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และคณะกรรมการเฉพาะกิจตรวจสอบสัญญาข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จากกรณีที่ได้ทำการตรวจสอบการขายข้าวแบบจีทูจีและได้แถลงข่าวผลสรุปการตรวจสอบว่า บริษัท จีเอสเอสจี มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลจีนจริง ซึ่งตนมองว่าเป็นการสอบที่ผิดประเด็น เพราะประเด็นสำคัญเรื่องนี้ คือการขายข้าวแบบจีทูจีมีจริงหรือไม่ และไม่มีการนำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการขายข้าวแบบจีทูจี เอกสารการชำระเงินจากรัฐบาลจีน เอกสารการมอบอำนาจจากบริษัทจีเอสเอสจีให้ นายรัฐนิจ โสจิระกุล มาซื้อข้าวจากรัฐบาลไทยมาแสดง

นพ.วรงค์กล่าวอีกว่า ตนจึงได้ร้องเรียนให้ ป.ป.ช. ไต่สวนข้อเท็จจริงว่า นางวัชรีและคณะกรรมการเฉพาะกิจตรวจสอบสัญญาข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) มีการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หรือไม่ จากการที่บิดเบือนความจริงว่าบริษัทจีเอสเอสจีเป็นรัฐวิสาหกิจจีน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการซื้อขายแบบจีทูจี ซึ่งเป็นการวินิจฉัยที่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง และเป็นการปกปิดความจริงที่ควรต้องเปิดเผยเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส

สถานทูตไทยในโซลแจงไม่ยกระดับเตือนภัย


สถานทูตไทยในโซลแจงไม่ยกระดับเตือนภัย
ข่าวต่างประเทศ วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ.2556 7:07น.
444056
สถานทูตไทยในเกาหลีใต้ ชี้แจงสถานการณ์ยังปกติ โสมขาว ยังไม่ยกระดับแจ้งเตือนภัย ยัน เตรียมพร้อมอพยพได้ทันที หากมีเหตุฉุกเฉิน
เว็บไซต์สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล ได้เผยแพร่เอกสารข่าวกรณีสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ท่ามกลางความกังวลจากหลายฝ่าย  ซึ่งทางสถานเอกอัครราชทูต ขอแจ้งว่า
1.ปัจจุบัน ทางการเกาหลีใต้ ไม่ได้ยกระดับการแจ้งเตือนภัย หรือ สถานการณ์ฉุกเฉิน รวมทั้ง ท่าอากาศยานนานาชาติต่าง ๆ ในเกาหลีใต้ ก็ยังให้บริการเป็นปกติ2.การดำเนินธุรกิจในเกาหลีใต้ ยังอยู่ในสภาวะปกติ โดยในวันที่ 1 เม.ย.2556 ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ มีมูลค่าการซื้อขายลดลงเพียง 0.44 จุด ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์เศรษฐกิจของโลก
3.ชาวเกาหลีใต้ยังใช้ชีวิตอย่างปกติสุข
4.จากข้อเท็จจริงข้างต้น สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอให้พี่น้องชาวไทยคลายความวิตกกังวล และขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากเว็บไซต์สถานเอกอัครราชทูตฯ ที่

นปช.เชียงใหม่ยันหนุนตระกูล'ชินวัตร'


นปช.เชียงใหม่ยันหนุนตระกูล'ชินวัตร'
ข่าวภูมิภาค วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ.2556 17:39น.
444211
แกนนำ นปช. เชียงใหม่ ยัน หนุนตระกูล "ชินวัตร" ทุกคน ด้าน ผกก.สภ.สันกำแพง ห่วงมวลชนต้านแกนแต่ละพรรค
บรรยากาศการรับสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.เชียงใหม่ เริ่มเป็นปกติและเงียบสงบลงหลังจากช่วงเช้าของวันนี้ มีความคึกคักและมีสีสัน เนื่องจากมีผู้สมัครรายสำคัญมาสมัครจากทั้งพรรคเพื่อไทยคือ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และ นางกิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ จากประชาธิปัตย์ ท่ามกลางกองเชียร์เนืองแน่นบริเวณโรงเรียนบ้านหนองโค้ง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ สถานที่รับสมัครและที่ทำการของ กกต.เขต 3 ในการนี้ ทางด้าน พ.ต.ท.สุพล ฟูมูลเจริญ แกนนำ นปช.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้มติของ นปช.เชียงใหม่ สนับสนุน นางเยาวภา เต็มที่ แม้ก่อนหน้าอาจจะมีข้อมูลผิดพลาดของแกนนำที่ออกมาพูดเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ยืนยันว่า ทุกคนสนับสนุนคนของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะพื้นที่เขต 3 จะสนับสนุนตระกูลชินวัตร ทุกคน ขณะที่ กองเชียร์ของ นางกิ่งกาญจน์ ที่มากันไม่มาก ต่างยังปักหลักรอและทักทายกองเชียร์ของ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เป็นปกติไม่มียั่วยุกัน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้สนับสนุนจากอำเภอดอยสะเก็ด ที่เป็นฐานเสียงหลักของนางกิ่งกาญจน์
ด้าน พ.ต.อ.อนุวัฒน์  ผกก.สภ.สันกำแพง กล่าวว่า เป็นห่วงเรื่องมวลชนต่อต้านแกนนำพรรคคู่แข่งพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ พรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นจะได้ประสาน หากมีการลงพื้นที่หาเสียงของแกนนำจะได้ดูแลความเรียบร้อยให้ ยืนยันว่า ทุกคนทำหน้าที่เป็นกลาง ไม่มีปัญหาการเข้าข้างฝ่ายใดแน่นอน แต่ทุกคนเข้าใจว่าเชียงใหม่เป็นฐานเสียงสำคัญของเพื่อไทย อาจจะมีการแสดงออกที่ไม่เหมาะของกองเชียร์บางกลุ่มก็ต้องดูแล ตอนนี้ประสาน กกต.เขต 3 และจัดเตรียมกำลังทั้งในและนอกเครื่องแบบมาช่วยดูแล หากจะเพิ่มมาตรการอย่างไรก็ให้เป็นดุลพินิจของ กกต. ที่จะร้องขอมาเพิ่มได้

'มโหธรเทวี'นางสง กรานต์56ทายปท.มีอันตรายกลางเมือง


'มโหธรเทวี'นางสง กรานต์56ทายปท.มีอันตรายกลางเมือง
ข่าวสังคม วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ.2556 18:02น.
444219
วันมหาสงกรานต์ ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 14 เม.ย. นางสงกรานต์ นาม "มโหธรเทวี" นอนหลับบนนกยูง ทำนายเกิดอันตรายกลางเมือง น้ำจะมาก
วันมหาสงกรานต์ปี 2556 ตรงกับ วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน เวลามาตรฐานประเทศไทย 2 นาฬิกา 16 นาที 48 วินาที จันทรคติตรงกับ วันเสาร์ขึ้น 3 ค่ำ เดือนห้า ปีมะเส็ง นางสงกรานต์ คือ นางมโหธรเทวี ทรงพาหุรัด ทัดดอกสามหาว (ผักตบชวา) อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จไสยาสน์หลับเนตร (นอนหลับตา) มาเหนือหลังมยุรา (นกยูง) เป็นพาหนะ
มีคำทำนายไว้ว่า วันเสาร์ เป็นวันมหาสงกรานต์ จะเกิดอันตรายกลางเมือง จะเกิดเพลิง และโจรผู้ร้าย และจะเจ็บไข้ วันอาทิตย์ เป็นวันเนา ข้าวจะตายฝอย จะได้ยินเสียงคนต่างภาษา ท้าวพระยาจะร้อนใจ วันจันทร์ เป็นวันเถลิงศก พระราชเทวีและหมู่นางสนม ราชบริพาร จะประกอบไปด้วยสุขและสมบัติทั้งปวง, นางสงกรานต์ ไสยาสน์หลับเนตร (นอนหลับตา) : พระมหากษัตริย์จะเจริญรุ่งเรืองดี
เกณฑ์พิรุณศาสตร์ ปีนี้ ศุกร์ เป็นอธิบดีฝน บันดาลให้ฝนตก 600 ห่า ตกในเขาจักรวาล 240 ห่า ตกในป่าหิมพานต์ 180 ห่า ตกในมหาสมุทร 120 ห่า ตกในโลกมนุษย์ 60 ห่า เกณฑ์ธาราธิคุณ ชื่อ อาโป (ธาตุน้ำ) น้ำมาก น้ำท่วม เกณฑ์นาคราชให้น้ำ ปีมะเส็ง นาคราชให้น้ำ 1 ตัว ทำนายว่า ฝนต้นปีมาก กลางปีงาม แต่ปลายปีน้อย เกณฑ์ธัญญาหารชื่อ ปาปะ ข้าวกล้าในไร่นา

กลุ่ม 40 ส.ว.ขอให้ศาลรธน.ออกคำสั่งยกเลิกแก้ไขรธน. + ยุบพรรครบ.



วันที่ 02 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 15:35 น.  ข่าวสดออนไลน์


กลุ่ม 40 ส.ว.ขอให้ศาลรธน.ออกคำสั่งยกเลิกแก้ไขรธน. + ยุบพรรครบ.


วันที่ 2 เม.ย. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา หนึ่งในกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวภายหลังการยื่นคำฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณา กรณีที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาและประธานรัฐสภา ผู้ถูกร้องที่ 1 กับพวก 312 คน  ซึ่งเห็นว่าผู้ถูกร้องทั้งหมดนี้ได้ร่วมกันกระทำการที่ส่อกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัด รัฐธรรมนูญ 2550 โดยผู้ถูกร้องที่ 2-312 นั้น ร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่…)พ.ศ....ต่อนายสมศักดิ์ ผู้ถูกร้องที่หนึ่ง ที่มีความพยามที่จะแก้ไขมาตรา 68 เรื่องของสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ที่สามารถยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง หากผู้ใดทราบถึงการกระทำของบุคคลว่าจะเป็นการล้มล้างประชาธิปไตย แต่เปลี่ยนเป็นให้ยื่นเรื่องต่ออัยการสูงสุดได้เพียงแห่งเดียวนั้น ถือเป็นการตัดสิทธิ์ของประชาชน และขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ ที่เคยมาร้องเรียนไว้ ดังนั้นจึงอยากขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งหมดเลิกการกระทำดังกล่าวและขอให้สั่งให้ยุบพรรคการเมืองที่ผู้ถูกร้องสังกัดอยู่ ได้แก่พรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่ 55-277) พรรคชาติไทยพัฒนา (ผู้ถูกร้องที่ 278-296) พรรคชาติพัฒนา (ผู้ถูกร้องที่ 297-303) พรรคพลังชล (ผู้ถูกร้องที่ 304-310) พรรคมหาชน (ผู้ถูกร้องที่ 311) และพรรคประชาธิปไตยใหม่ (ผู้ถูกร้องที่ 312 )

นายสมชาย กล่าวว่า ได้ใช้สิทธิตามมาตรา 68 อีกครั้ง เพราะขณะนี้ผู้ถูกร้องกำลังพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ และจะลงมติวาระที่ 1 ในวันที่ 3 เม.ย.นี้ ดังนั้นในระหว่างการพิจารณาคดีนี้ จึงอยากขอความกรุณาต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โปรดมีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราวเป็นกรณีฉุกเฉิน โดยมีคำสั่งให้รัฐสภาระงับการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลพิจารณาแล้วเสร็จ แต่ก็ขึ้นอยู่ที่ศาลจะเห็นเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม กังวลว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แบบรายมาตรานั้น จะนำไปสู่การล้มล้างระบอบประชาธิปไตย โดยเริ่มจากมาตรา 68 ที่เป็นอุปสรรคต่อฝ่ายการเมืองก่อน ทั้งที่มีหลายเรื่องในรัฐธรรมนูญที่ควรจะออกกฎหมายเพื่อประชาชน เช่น มาตรา 67 เรื่องของสิ่งแวดล้อม มาตรา 84 ที่เกี่ยวกับการที่รัฐบาลต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา หลังจากบริหารงานมาแล้วครบ 1 ปี แต่ขณะนี้ก็ผ่านมาแล้ว 1ปี กว่า ก็ยังไม่เห็นมีแถลง การดำเนินการต่าง ซึ่งควรปรับปรุงให้ประชาชนได้ประโยชน์ ดีกว่ามาแก้ไขเพื่อลิดลอนสิทธิของประชาชน

นายสมชาย กล่าวต่อว่า การที่ยกเลิกมาตรา 68 ที่มีการตัดข้อความในข้อบัญญัติ ซึ่งเป็นการตัดสิทธิ์ของประชาชน อาจเข้าข่ายลิดรอนสิทธิ์การมีส่วนร่วมของประชาชน และขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ ที่เคยมาร้องเรียนไว้ ทั้งนี้ เมื่อพบการกระทำผิดซ้ำก็ต้องมายื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้ง เพื่อให้หยุดการกระทำดังกล่าว โดยอยากให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเพื่อสั่งระงับการแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนี้ ซึ่งเป็นการกระทำที่กระเทือนสาระสำคัญสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะในเรื่องของสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญที่มีอยู่เดิม จึงเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐโดยวิธีการที่ไม่เป็นไปตามบัญญัติในรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญอาจไม่รับคำร้องดังกล่าว เพราะอาจถูกข้อครหาได้ว่าศาลเองก็มีส่วนได้เสียกรณีดังกล่าว นายสมชาย กล่าวว่า เชื่อว่าศาลคงไม่คิดเช่นนั้น แต่ศาลจะพิจารณายึดหลักข้อกฎหมาย  ซึ่งตนได้ชี้ข้อกฎหมายที่ชัดเจน ตนเห็นว่าเพื่อนสมาชิกกำลังกระทำผิดรัฐธรรมนูญ โดยขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลที่มีคำวินิจฉัยไปแล้ว และขณะนี้ก็ได้มีการกระทำที่เกิดขึ้นอีกครั้ง


@@ประธานศาลรัฐธรรมนูญ สั่งประชุมด่วน กรณี "สมชาย" ยื่นคำร้องให้คุ้มครองชั่วคราว

นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าทีมโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้สั่งเรียกประชุมตุลาการด่วน เพื่อพิจารณาคำร้อง กรณี นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา หนึ่งในกลุ่ม 40 ส.ว. ใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 เข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้พิจารณาวินิจฉัย ให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเป็นกรณีฉุกเฉิน ระงับการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของที่ประชุมรัฐสภาไปก่อน จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือจนกว่าพิจารณาเสร็จสิ้น กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ในวันที่ 3 เมษายนนี้ เวลา 14.00 น.
ทั้งนี้ ยังไม่ทราบรายละเอียดว่า จะติดต่อผู้ร้องมาชี้แจง หรือผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงหรือไม่ และจะมีคำวินิจฉัยเลยหรือไม่ 

เกาหลีเหนือประกาศเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์ครั้งใหญ่


เกาหลีเหนือประกาศเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์ครั้งใหญ่

วันอังคารที่ 2 เมษายน 2556 เวลา 14:07 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ว่า เกาหลีเหนือประกาศฟื้นโครงการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมและเตาปฏิกรณ์บริเวณนิคมที่เคยปิดตัวลงไปเมื่อ 6 ปีก่อนขึ้นมาอีกครั้ง ถือเป็นการเติมเชื้อไฟให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดและร้อนแรงขึ้นอีกขั้น จากสงครามจิตวิทยาระหว่างฝั่งเหนือกับฝั่งใต้ที่เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน

โฆษกสำนักงานปรมาณูแห่งชาติของรัฐบาลเปียงยาง แถลงว่า เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการตรวจสอบสภาพและเปิดเดินเครื่องอุปกรณ์ทุกชิ้นภายในนิคมนิวเคลียร์ “ยองเบียน” ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาด้านนิวเคลียร์ที่สำคัญที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเปียงยางไปทางตอนเหนือราว 90 กิโลเมตร  ณ ที่นี้ รวมถึงการเปิดดำเนินการโรงงานเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม และการเปิดเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ขนาด 5 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ รัฐบาลเปียงยางยอมระงับโครงการนิวเคลียร์ที่นิคมแห่งดังกล่าว เมื่อเดือน ก.ค. 2550 เพื่อแลกกับการรับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากนานาชาติ

เตาปฏิกรณ์ภายในนิคมนิวเคลียร์ยองเบียนถือเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญในการเสริมสร้างและพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งว่ากันว่า ปริมาณยูเรเนียมและพลูโตเนียมที่ทางการเปียงยางสะสมเอาไว้นั้น สามารถใช้ในการผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้สูงสุดถึง 8 ลูกเลยทีเดียว

ท่าทีล่าสุดของเกาหลีเหนือขัดแย้งกับเมื่อช่วง 3 ปีก่อน  ที่รัฐบาลเปียงยางอนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติเดินทางเข้าเยี่ยมชมนิคมนิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดของประเทศได้เป็นครั้งแรก พร้อมกับยืนยันว่า โครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเท่านั้น
 
นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวเรื่องนิวเคลียร์ยังเกิดขึ้นในวันเดียวกับที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐส่งเรือรบติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธประสิทธิภาพสูง ยูเอสเอส ฟิตซ์เจอรัลด์ เข้าไปยังน่านน้ำทางตะวันตกเฉียงใต้ของคาบสมุทรเกาหลี เพื่อสอดแนมความเคลื่อนไหวทางทหารของรัฐบาลเปียงยาง รวมถึงโครงการพัฒนาจรวดพิสัยไกลและอาวุธนิวเคลียร์ ท่ามกลางวิกฤตความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีที่พร้อมจะแตกปะทุเป็นสงครามได้ตลอดเวลา
ทันทีที่ข่าวการรื้อฟื้นโครงการทอลองนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือแพร่กระจายออกไป จีน ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของรัฐบาลเปียงยาง ออกมาแสดงความไม่พอใจอย่างรวดเร็ว โดยนายหง เล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงว่า ท่าทีล่าสุดของเกาหลีเหนือสร้างความผิดหวังให้แก่รัฐบาลปักกิ่งอย่างมาก พร้อมกับเรียกร้องให้คู่กรณีทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ อย่ากระทำการวู่วามใดๆ

ปปช.ชงผลสอบนายกฯปล่อยกู้30ล้านให้คณะใหญ่พิจารณาแล้ว


"ยิ่งลักษณ์" ลุ้นระทึก  ป.ป.ช. ชงผลสอบข้อเท็จจริงคดีปล่อยเงินกู้ 30 ล้าน บริษัทสามี ให้ที่ประชุมคกก.ชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาอย่างเป็นทางการแล้ว

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2556 นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) เปิดเผย สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงความคืบหน้าคดีปล่อยเงินกู้ 30 ล้านบาท ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้บริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ จำกัด ของนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ว่า

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีนี้ ได้ทำรายงานเสนอความเห็นต่อนายกล้าณรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. ให้พิจารณานำเรื่องเสนอที่ประชุม ป.ป.ช. ชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาเรียบร้อยแล้ว ส่วนรายละเอียดการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เป็นอย่างไรนั้น ไม่สามารถเปิดเผยได้

รายงานข่าวจาก ป.ป.ช. แจ้งว่า  ในขั้นตอนการนำเสนอรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีต่างๆ ต่อ ที่ประชุม ป.ป.ช. นั้น เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบจะนำเสนอข้อเท็จจริงที่ได้รับจากการตรวจสอบ พร้อมทำความเห็นเสนอประกอบว่า เรื่องที่เข้าไปตรวจสอบนั้นมีความผิดปกติหรือไม่ ถ้าเห็นว่าผิดปกติ ที่ประชุม ป.ป.ช. ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนขึ้นมาพิจารณาคดีอย่างเป็นทางการหรือไม่ต่อไป

ตึงเครียด สงครามเกาหลีเหนือ

สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ทวีความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้นอีก โดยในวันนี้ เกาหลีใต้อ้างว่า เกาหลีเหนือได้ตัดการติดต่อสื่อสารทางทหารบริเวณชายแดนเกาหลีเหนือ-ใต้แล้ว ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ทางทหารระดับสูงของทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถประสานงานด้านการข่าวระหว่างกันได้ นอกจากนี้ ยังทำให้เกาหลีใต้ไม่สามารถติดต่อกับคนงานกว่า 900 คน ที่ทำงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมชายแดนได้ด้วย

รัฐบาลเกาหลีใต้กังวลว่า เกาหลีเหนืออาจจะใช้โอกาสนี้ ก่อเหตุยั่วยุให้เกิดสงครามได้ทุกเมื่อ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานข่าวล่าสุดที่ว่า เกาหลีเหนือเตรียมเรียกประชุมผู้นำระดับสูงฉุกเฉิน เพื่อวางแผนรับมือกับสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนหลังมีคำขู่ว่า เกาหลีเหนือได้จัดวางกองกำลังเตรียมพร้อมอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อโจมตีตอบโต้สหรัฐฯ และเกาหลีใต้แล้ว

http://news.ch7.com/detail/26702/เกาหลีเหนือ_ตัดสายด่วนชายแดน_เกาหลีใต้_แล้ว.html