PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2559

คดีวัดพระธรรมกาย

data131216ธรรมกาย

ยอนรอยคดี “ธัมมชโย” ทำไมถึงต้องปรากชิก
Life is so short. / กุมภาพันธ์ 9, 2016
ย้อน “คดีธมฺมชโย” ยักยอกทรัพย์ โปรดอย่าสงสัยทำไมอัยการถอนฟ้อง

-เรื่องของวัดพระธรรมกายที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากการเดินธุดงค์กลางเมืองนั้น ความจริงแล้วนี่ต้องบอกว่า ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่สังคมกังขาถึงเป้าประสงค์ที่แท้จริงของวัดแห่งนี้ แต่

เรื่องใหญ่ที่สุดที่หลายคนอาจลืมไปแล้วก็คือ คดีความที่เกิดขึ้นกับ “พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)”ผู้นำทางจิตวิญญาณของวัดแห่งนี้นั่นคือคดียักยอกทรัพย์สินของวัดพระธรรมกายไป

เป็นสมบัติส่วนตัว

ต้นตอของคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2541 พระอดิศักดิ์ วิริสโก อดีตพระลูกวัดพระธรรมกาย กล่าวหาพระธมฺมชโยว่า ยักยอกเงินและที่ดินที่บรรดาญาติโยมบริจาคให้วัด และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น

ใกล้ชิดสีกา และอวดอุตริมนุสธรรม ต่อมา กรมที่ดินได้สำรวจพบ พระธัมมชโยมีชื่อเป็นเจ้าของโฉนดที่ดินและบริษัทที่เกี่ยวกับวัดพระธรรมกายกว่า 400 แปลง เนื้อที่กว่า 2 พันไร่ ใน จังหวัดพิจิตร

และเชียงใหม่

มหาเถรสมาคมจึงมอบหมายให้ พระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ซึ่งเป็นเจ้าคณะภาค 1 ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งมีข้อสรุปว่า เป็นจริงตามที่ถูกกล่าวหา มหาเถรสมาคม จึงมีมติให้ปฏิบัติตามคำ

วินิจฉัยของเจ้าคณะภาค 1 คือ ให้ปรับปรุงคำสอนของวัดพระธรรมกายว่า นิพพานเป็นอนัตตา ไม่ใช่อัตตา และยุติการเรี่ยไรเงินนอกวัด และสมเด็จพระสังฆราชฯ สกลมหาสังฆปรินายก ได้มีพระ

ลิขิตให้คืนที่ดินและทรัพย์สินขณะเป็นพระให้วัดพระธรรมกาย แต่ พระธัมมชโย ไม่ยอม กรมการศาสนาจึงได้เข้าแจ้งความต่อกองปราบปราม กล่าวโทษในคดีอาญา ม.137 ,147 และ 157 ฐานเป็น

เจ้าพนักงานเบียดบังยักยอกทรัพย์และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ข้อหาที่พระธัมมชโยถูกฟ้องก็คือ เป็นเจ้าพนักงานและสนับสนุนเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยร่วมกันยักยอกทรัพย์และเงินบริจาคของวัดพระธรรมกาย จำนวน

6.8 ล้านบาท ไปซื้อที่ดินเขาพนมพา ต.หนองพระ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร โดยโอนกรรมสิทธิ์ใส่ชื่อนายถาวร จำเลยที่ 2 และนำเงินอีกเกือบ 30 ล้านไปซื้อที่ดินกว่า 900 ไร่ ใน ต.หนองพระ (จ.พิจิตร)

และที่ ต.ท่าข้าม อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ โดยโอนกรรมสิทธิ์ให้นายถาวร พรหมถาวร ลูกศิษย์

นอกจากนี้ ยังมีอดีตทนายความวัดพระธรรมกายและประชาชนที่เคยเลื่อมใสศรัทธา ในวัดพระธรรมกาย เข้าแจ้งความดำเนินคดีพระธัมมชโยเช่นกัน ฐานฉ้อโกงเงิน 35 ล้าน โดยแยกเป็นคดีความ

ทั้งหมด 5 คดี

ทว่า เกือบ 7 ปี ของการดำเนินคดี ตั้งแต่ปี 2542-2547 เหลือสืบพยานจำเลยอีก 2 นัด ในวันที่ 23 และ 24 สิงหาคม 2549 เท่านั้น แต่แล้วในวันที่ 21 สิงหาคม พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 ซึ่งเป็น

โจทก์ ก็ขอถอนฟ้องจำเลย คือ พระธัมมชัยโย และ นายถาวร พรหมถาวร ลูกศิษย์ โดยเรืออากาศโทวิญญู วิญญกุล อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา5 ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาล สรุปว่า

ปัจจุบันจำเลยที่1 กับพวก ได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาตรงตามพระไตรปิฎกและนโยบายของคณะสงฆ์ ด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้เป็นที่ยอมรับทั่วไป ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งได้ให้

ความร่วมมือช่วยเหลือกิจการของศาสนา ทั้งของคณะสงฆ์ ภาครัฐและเอกชนจำนวนมาก ส่วนด้านทรัพย์สินนั้น จำเลยที่1กับพวก ได้มอบทรัพย์สินทั้งหมดคืน ทั้งที่ดินและเงินจำนวน 959,300,000

บาท คืนให้แก่วัดพระธรรมกาย การกระทำดัง

กล่าวของจำเลยที่ 1 กับพวก จึงเป็นการปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ครบถ้วนทุกประการแล้ว ประกอบกับขณะนี้ บ้านเมืองต้องร่วมกันสร้างความสามัคคี

ของคนในชาติทุกหมู่เหล่า เห็นว่าหากดำเนินคดีกับจำเลยทั้งสองต่อไป อาจก่อให้เกิดความแตกแยกในศาสนจักรและไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณะ อัยการสูงสุด ( นายพชร ยุติธรรมดำรง) จึงมีคำสั่ง

ให้ถอนฟ้องคดีนี้ โจทก์จึงขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีนี้ทุกข้อกล่าวหา

แต่ที่ต้องขีดเส้นใต้เอาไว้ก็คือ ก่อนหน้าที่อัยการจะถอนฟ้องเพียงเดือน เศษ ในวันที่ 18 กรกฎาคม 2549 พล.อ.อ. คงศักดิ์ วันทนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ได้ใช้สถานที่วัด

พระธรรมกาย จัดงาน “ รวมใจทุกศาสนา พัฒนาท้องถิ่นไทย ถวายองค์ราชา ครองราชย์ 60 ปี “ โดยระดมเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั่วประเทศ 80,000 คน มาร่วมงาน ซึ่งมี นช. ทักษิณ

ชินวัตร เป็นประธานและกล่าวปาฐกถา ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมขับไล่ นช.ทักษิณ

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000043814
/////////
Nation TV - เว็บไซต์สถานีข่าวอันดับ 1 ของเมืองไทย
"ลำดับเหตุการณ์ปฏิบัติการกบิล 59 บุกจับกุมธัมมชโยเรื่องโดย
 Nation TV | ภาพโดย Nation TV
467
16 มิถุนายน 2559 18:36 น.
แชร์ 4

ทีมข่าวเนชั่นทีวี ได้มีการลำดับเหตุการณ์ของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ สนธิกำลังหลายฝ่ายปฏิบัติการกบิล 59 บุกจับกุมธัมมชโย

05.17 น. รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง ประชุมเตรียมแผนปฏิบัติการเข้าจับกุมธัมมชโย ณ ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี
05.30 น. ชุดปฏิบัติการพิเศษ DSI ถึงพื้นที่ พร้อมทีมแพทย์ และประสานรถดับเพลิงฉีดน้ำ 4 คัน รถขยายเสียง โดรน พร้อมสุนัขตำรวจ ณ สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง เตรียมปฏิบัติการเข้าจับกุมธัม

มชโย
06.00 น. ตำรวจปราบจลาจล 3 กองร้อย พร้อมอุปกรณ์ป้องกันตัว โล่ห์ กระบอง หมวก สนธิกำลังพร้อมปฏิบัติการ
06.15 น. รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล แถลงเตรียมพร้อมปฏิบัติการอย่างละมุนละม่อม พร้อมระบุมีผู้ปฏิบัติธรรมภายในวัด 8 พันคน และไม่กังวลมือที่
07.00 น. รองอธิบดีดีเอสไอ พันตำรวจตรีสุริยา สิงหกมล นำหมายค้นจับกุมตัวพระธัมมชโย มอบให้ตำรวจ
07.10 น. วัดพระธรรมกายนำเครื่องกีดขวางมาปิดกั้นบริเวณรอบวัด พร้อมนำแสลนปิดกันช่องตามรั้วไม่ให้ถ่ายภาพได้ ขณะที่ภายในวัดประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงยืนยันความบริสุทธิ์ของพระธัม

มชโย
07.15 น. รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ประชุมร่วมกับรองอธิบดีดีเอสไอ พันตำรวจตรีสุริยา สิงหกมล เตรียมปฏิบัติการตามหมายค้น เวลา 08.00 น.
07.25 น. บรรยากาศวัดพระธรรมกายบริเวณหน้าประตู 5 ใกล้ตำหนักดาวดึงษ์ มีการตรวจตราอย่างเข้มงวด ห้ามรถยนต์เข้าออก ขณะที่ศิษยานุศิษย์ทยอยเดินทางออกจากวัดพร้อม ระบุว่าจะเดิน

ทางออกไปปฏิบัติธรรมโดยไม่ระบุสถานที่
07.30 น. การรักษาความปลอดภัยหน้าประตู 7 เข้มงวด มีการนำแสลนปิดกั้นป้องกันถ่ายภาพ พร้อมนำโซ่คล้องประตู ขณะที่ภายในวัดยังประกาศยืนยันถึงความบริสุทธิ์พระธัมมชโยผ่านเครื่องขยาย

เสียงอย่างต่อเนื่อง
07.45 น. ศิษยานุษศิษย์ในชุดขาว กว่า 300 คน ตั้งแถวนั่งปฏิบัติธรรมหน้าประตูทางเข้าประตู 1เลียบคลอง 3 ใกล้ทางเข้าตำหนักดาวดึงษ์ที่รักษาอาการอาพาธพระธัมมชโย
07.55 น. ตำรวจพร้อมกรมสอบสวนคดีพิเศษยังประชุมสรุปแผนบุกจับกุมพระธัมมชโยอย่างตึงเครียด
08.10 เลยกำหนดเวลา 08.00 น. ดีเอสไอยังไม่บุกจับกุมพระธัมมชโย ตามแผน ขณะที่บริเวณหน้าประตู 7 คณะศิษยานุศิษย์หลายร้อยคน นั่งสมาธิปฏิบัติธรรม
08.15 น. ชาวบ้านชุมชนรังสิตคลอง 3 ทยอยเดินทางมาร่วมสวดมนต์ภาวนา และปฏิบัติธรรมภายในวัดพระธรรมกาย ท่ามกลางฝนที่เริ่มตกลงมาอย่างหนัก
08.30 น. ผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง ตำรวจยังประชุมแผนปฏิบัติการร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง ห่างจากวัดพระธรรมกายเพียง 300 เมตร
08.35 เฟสบุ๊กเรารักวัดพระธรรมกาย โพสต์ระดมพล "มาวัดกันเยอะๆ มาเอาบุญปฏิบัติธรรมช่วยกัน สงบ สันติ อหิงสา เพราะครั้งนี้ ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา"
08.47 น. ดีเอสไอพร้อมตำรวจ เดินทางออกจาก สภ.คลองหลวง ไปยังวัดพระธรรมกายเพื่อปฏิบัติการจับกุมตัวพระธัมมชโย
08.55 น. พนักงานสอบสวนดีเอสไอพร้อมหมายค้นเดินทางถึงหน้าประตู 7 วัดพระธรรมกาย พร้อมเตรียมเดินเท้าเข้าไปภายในวัด
09.00 น. รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ เจรจากับ ผอ.สำนักสื่อสารองค์กรฯ พระสนิทวงษ์ วุฒิวังโส ภายในวัดพระธรรมกาย
09.27 น. พระสนิทวงษ์ วุฒิวังโส แถลงข่าวร่วมกับ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมลโดยพระร่วมมือให้ดีเอสไอเข้ามาตรวจสอบพื้นที่เป็นอย่างดี
09.28 พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล แถลงว่า วัดให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามหมายค้นและหมายจับผู้ต้องหา จากนี้จะดำเนินการตามกฎหมายทันที
09.34 พระสนิทวงศ์ ยืนยัน พระธัมมชโย ยังนอนพักรักษาอาการอาพาธอยู่ในวัดพระธรรมกาย พร้อมขอให้ดีเอสไอเจรจากับศิษยานุศิษย์ด้วยตัวเอง
09.35 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ หารือร่วม ตัวแทนคณะศิษยานุศิษย์เพื่อขอให้เปิดทางให้ดีเอสไอปฏิบัติตามหมายค้นและหมายจับพระธัมมชโย
09.38 น. ตัวแทนคณะศิษยานุศิษย์ แถลงยืนยันไม่เปิดพื้นที่ให้ดีเอสไอเข้าตรวจค้น โดยอ้างว่าขณะนี้ประเทศไม่เป็นประชาธิปไตยทำให้ขาดความยุติธรรมที่แท้จริง
09.39 น. พระสนิทวงษ์ วุฒิวังโส ยอมรับ ว่าศิษยานุศิษย์ ญาติโยม ไม่ยอมเปิดพื้นที่ให้ดีเอสไอปฏิบัติการ แม้ว่าทางวัดจะยินดีให้ทางวัดปฏิบัติตามกฎหมายทุกอย่าง
10.20 นายอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี พร้อมพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และผู้กำกับ สภ.คลองหลวงยังคงเจรากับคณะศิษยานุศิษย์เพื่อขอเปิดทางให้ดีเอสไอปฏิบัติการ
10.30 น. ศิษยานุศิษย์ ยืนยัน ไม่เปิดพื้นที่กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการจับกุมพระธัมมชโย ด้าน พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล นำผลเจรจากลับไปประชุมกับผู้บริหารดีเอสไอ
10.35 น. พนักงานสอบสวนดีเอสไอ พร้อมชุดปฏิบัติการ เดินทางไปถึงประตู 6 พร้อมกลับมายังประตู 7 หลังเจรจาไม่เป็นผล
11.00 น.การเจรจาระหว่างดีเอสไอและวัดพระธรรมกายยุติลงชั่วคราว เพื่อรอให้พระฉันเพล ก่อนนัดลุยค้นวัดอีกครั้งช่วงบ่ายโมง ด้านศิษยานุศิษย์ ยังคงรวมตัวให้กำลังใจพระธัมมชโยต่อเนื่อง
12.19 น. ศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย นำรถแบคโฮออกจากหน้าประตู 1 พร้อมย้ายผู้หญิงไปสมทบประตู 5 เหลือแต่ชายฉกรรจ์
13.41 น. ดีเอสไอแถลงยุติการค้นวัดพระธรรมกาย หลังเข้าไม่ถึงตัวพระธัมมชโย เนื่องจากมีศิษยานุศิษย์ขวางทาง ด้านวัดพระธรรมกายเชิญสื่อมวลชนออกจากวัดทันที ถือเป็นการปิดฉากกว่า 6

ชั่วโมง ของปฏิบัติการค้นวัดพระธรรมกายรอบที่ 1
/////////
แฉ!! เบื้องลึก เจาะแผนบุกวัดพระธรรมกาย ใครบงการ??
ใครจะเชื่อว่าในยามที่มีกระแสโหมมาอย่างหนักว่าจะมีกองกำลังนับพันบุกวัดพระธรรมกาย เพื่อนำตัวเจ้าอาวาสไปทราบข้อกล่าวหา แต่บรรยากาศภายในวัดกลับ ดำเนินไปด้วยความสงบ กิจกรรม

ทางพระพุทธศาสนาที่เคยมียังดำเนินอยู่เหมือนเดิม

ลูกศิษย์ที่ตั้งใจสวดมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง รัชกาลที่ 9 ยังคงนั่งสวดมนต์อยู่ตามปกติในสภาธรรมกาย มองไปก็เรือนหมื่นและเหมือนจะมากขึ้นเรื่อยๆ

แหล่งข่าวจากฝั่งผู้มีอำนาจ เผย ได้สั่งการให้มีการเรียกประชุมเจ้าหน้าที่เพื่อเตรียมวางแผนในการเข้าปฏิบัติการเข้าวัดพระธรรมกายในไม่ช้า  เพื่อจับตัวพระธัมมชโย มีการเตรียมการวางแผนปฏิบัติ

การหลายแผนทั้งแผนหลักและแผนสำรอง เจรจาก่อน ถ้าไม่ยอมก็บุกรวบตัว

เบื้องต้นจะมีเจ้าหน้าที่หลายทีมเข้าพื้นที่ อาทิ ทีมเจรจา ทีมหน่วยปฏิบัติการเพื่อควบคุมตัว ทีมเจ้าหน้าที่กันพื้นที่ไม่ให้มวลชนลูกศิษย์วัดขัดขวางปฏิบัติการ รวมทั้งทีมควบคุมฝูงชน นอกจากนี้  ยัง

จะต้องมีทีมคอยบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะเข้าปฏิบัติหน้าที่เพราะอาจจะเกิดเหตุการณ์ลักษณะต่างๆขึ้น ทั้งเหตุชุลมุนและเหตุปะทะ

เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็ต้องมาทบทวนนโยบายผู้มีอำนาจอีกท่านนึงคือ  ท่านนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้า คสช. ระบุชัดในช่วงภาวะที่คนไทยเศร้าโศกและอยู่ในช่วงไว้อาลัยขอให้ทุกคนหยุดสร้างขัดแย้ง

และร่วมกันสร้างความสงบสุขให้กับประเทศ ต้องไม่มีความขัดแย้งใดๆ พร้อมย้ำว่าทหาร และตำรวจทุกคน จะต้องเป็นที่พึ่งแก่ประชาชนในทุกโอกาส ไม่ว่าสุข หรือทุกข์

รูปการณ์แบบนี้เป็นการเสี่ยงอย่างมากของอีกฝ่ายที่จะเข้ามาก่อความวุ่นวาย จับพระและทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ยกเว้น อย่างเดียวคือมี เจตนา คือต้องการอ้างเหตุวัดพระธรรมกายเพื่อสร้างความวุ่นวายขึ้น

ในบ้านเมืองโดยใช้ เรื่องจับเจ้าอาวาสเป็นแค่ข้ออ้างหรือไม่??  นี้คือคำถาม?? หรือมีใครอยู่เบื้องหลัง???

และใครๆ ก็ดูออกและสงสัยว่า จริงๆ แล้วคดีนี้ มีอายุความ 15 ปี แต่ทำไมต้องเร่งทุกอย่างก่อนวันที่ 30 ธันวาคม 2559

ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของพสกนิกรไทยทั้งแผ่นดิน บ้านเมืองต้องการความสงบเรียบร้อยที่สุด คำถาม? ข้าราชการทุกคน ควรเป็นต้นแบบแห่งความจงรักภักดีมิใช่หรือ? แต่ถ้าจะเป็น

ชนวนก่อความวุ่นวาย แล้วใครจะรับผิดชอบ???

Cr.ดำรงธรรม

แหล่งอ้างอิง :

นายกฯ ขอคนไทยหยุดขัดแย้ง ร่วมสร้างความสงบให้ประเทศ

https://www.thaich8.com/news_detail/15773
หวั่นเลี่ยงปะทะศิษย์ธรรมกายไม่ได้ DSIถกจับธัมมชโย-'บิ๊กปู'นำทีมลุย

http://m.naewna.com/view/breakingnews/246418
////////////////
เผด็จศึก"ธัมมชโย" DSIขอหมายค้นต่อเนื่อง4วัน
"ศรีวราห์"อัดโฆษกธรรมกาย "บิ๊กป้อม"ไม่สนคุมศิษย์ไม่ได้



“ศรีวราห์” ลั่นพร้อมลุยค้นวัดพระธรรมกายจับ “พระธัมมชโย” อัด “องอาจ” โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายพยายามเชื่อมสถาบัน ทหารจับตาอยู่ ด้านดีเอสไอขอหมายค้น 4 หมายต่อเนื่อง 13

-16 ธ.ค. ค้นจับ “ธัมมี่” พร้อมตอกกลับศิษย์ธรรมกาย ยันดำเนินคดีด้วยความเป็นธรรม ไม่เคยตั้งข้อหาเรี่ยไร มีแต่ข้อหาฟอกเงิน ซัดอีกต้องการความสงบจริง ต้องรีบออกมามอบตัว พร้อมสั่งฝ่าย

กฎหมายพิจารณาฐานให้ข้อมูลเท็จ ยุยงปลุกปั่นหรือไม่ ฟันตามกฎหมายไม่ละเว้น ส่วน “บิ๊กป้อม” ลั่นไม่สนโฆษกธรรมกายขู่คุมลูกศิษย์ไม่ได้ แนะให้มาสู้กันในศาล หากคิดว่าตัวเองไม่ผิด


ตร.-ดีเอสไอวางแผนก่อนบุกค้นธรรมกาย

เมื่อเวลา 10.30 น. เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.59 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)

และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประชุมหารือแนวทางการปฏิบัติ การตรวจค้นวัดพระธรรมกายเพื่อเข้าจับกุมตัวพระเทพญาณมหามุณี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหา

ตามหมายจับในคดีสมคบกันฟอกเงิน คดีบุกรุกพื้นที่ป่า จ.นครราชสีมา และ จ.เลย เป็นครั้งที่ 2 โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ เปิดเผยก่อนเข้าประชุมว่า เป็นการประเมินสถานการณ์ซึ่งข้อสรุปต้องดูราย

ละเอียดของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามที่พนักงานอัยการสั่งดีเอสไอมาว่าเป็นอย่างไร และต้องมีความชัดเจนว่าสามารถเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายได้หรือไม่


พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวอีกว่า กรณีนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย จะเชื่อมโยงคดีนี้เกี่ยวกับสถาบันนั้นให้ทาง บก.ปอท. และกองทัพ จับตาดูอยู่หากเข้าข่ายก็ต้อง

ดำเนินการร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีแต่ขณะนี้ยังไม่เห็น รวมถึงหากพบว่าผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายทันที ส่วนการเข้าจับกุม พระธัมมชโยในเร็วๆ นี้ ต้องประเมินสถานการณ์แต่ทุกอย่างต้อง

ตามขั้นตอนกฎหมาย หากเข้าจับกุมแต่ศาลยังไม่อนุมัติหมายค้นก็ไม่สามารถเข้าไปได้ และการกำหนดวันเข้าตรวจค้นเองนั้นก็คงทำไม่ได้ต้องเป็นตามกระบวนการของกฎหมาย โดยหมายค้นต้อง

สอบถามอธิบดีดีเอสไอ


กำลังพร้อมรอเวลาเหมาะสม

“สำหรับองค์กรพุทธนานาชาติยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อาจกระทบภาพลักษณ์ของประเทศ ผมคิดว่าการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับไม่ได้นั้นคงเป็นการทำให้ภาพ

ลักษณ์ของประเทศชาติเสียหายมากกว่า รวมถึงท่านนายกฯ ก็ไม่ได้มีการกำชับอะไรเพิ่มเติม ส่วน นายองอาจอ้างว่าเจ้าหน้าที่จะทำลายพระพุทธศาสนา ผมว่าคนพูดเป็นคนทำมากกว่า เพราะยังไม่

ได้ทำอะไรเลยเพียงแค่มีการประชุมเตรียมพร้อมเท่านั้น นอกจากนี้ยังอ้างว่าเจ้าหน้าที่กลั่นแกล้งซึ่งให้ บก.ปอท.ตรวจสอบอยู่หากพบว่าเข้าข่ายผิดก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน” พล.ต.อ.ศรี

วราห์ กล่าวและว่า ส่วนประเด็นนายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน อดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้และอดีตรองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ที่มาช่วยวิเคราะห์แผนที่ให้กับ บก.ปทส.กรณีบุกรุกป่า

ตามทางการสอบสวนสามารถรับฟังได้ ซึ่งศาลรับฟังแล้วพร้อมพิจารณาก่อนออกหมายจับพระธัมมชโย นอกจากนี้หากทางเจ้าหน้าที่บุกเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายพบว่ามีมวลชนจำนวนมากตรง

นี้อาจคือปัญหาเพราะตนไม่รู้ว่ามือที่สามจะก่อเหตุอะไรบ้างและต้องระวัง จึงทำให้เจ้าหน้าที่มีจำนวนมากก็เพื่อดูแลความเรียบร้อยให้กับประชาชน โดยคนนั่งสวดมนต์ก็ทำไป ส่วนคนขัดขวางก็

ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ตำรวจมีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการจับกุมก็ดำเนินการภายในอายุความ 15 ปี


ดีเอสไอโต้ทำคดี “ธัมมี่” เป็นธรรม

ต่อมาเวลา 13.00 น. พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริการร่วมคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และรองโฆษก ดีเอสไอ แถลงตอบโต้กรณี นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษย์ยานุศิษย์วัด

พระธรรมกาย แถลงจุดยืน 9 ข้อวานนี้ กล่าวหาว่าดีเอสไอดำเนินการโดยไม่เป็นธรรมว่า 1.นายองอาจกล่าวหาว่าการดำเนินการของพนักงานสอบสวนในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นและคดี

อื่นไม่เป็นธรรม โดยได้ตั้งข้อหาคณะศิษย์ยานุศิษย์ที่ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อเยียวยาแก่สหกรณ์ฯ ในฐานความผิดข้อหาเรี่ยไร ทั้งที่เงินเป็นของศิษย์ยานุศิษย์แต่ละท่าน และเสียสละมาเยียวยาแก่

สหกรณ์ฯ ตามข้อตกลงในศาล และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องทั้งวัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโยนั้น กรณีดังกล่าวดีเอสไอไม่เคยมีการดำเนินคดีความผิดฐานเรี่ยไร

มีแต่การดำเนินคดีในความผิดฐานฟอกเงิน อันเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ไม่สามารถยอมความได้ และมีการร่วมกันกระทำความผิดกับกลุ่มบุคคลอื่นด้วย ซึ่งมีผู้ต้องหารายอื่นได้ถูกดำเนินคดีไปแล้ว

ดีเอสไอได้ส่งสำนวนคดีนี้พร้อมมีความเห็นควรสั่งฟ้องพระธัมมชโย ผู้ต้องหาตามหมายจับ ไปยังพนักงานอัยการฯ ซึ่งเป็นทนายความแผ่นดินและมีความเห็นสั่งฟ้องสอดคล้องกับความเห็น

ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชอบที่พระธัมมชโยควรเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม


2.นายองอาจอ้างว่า ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ได้ดำเนินคดีพระเทพญาณมหามุนี ข้อหาบุกรุกป่า และข้อหาก่อ

สร้างสิ่งปลูกสร้างทับลำรางสาธารณะ ที่สวนป่าหิมวันต์ อ.ภูเรือ จ.เลย และที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมเวิลด์พีซ วัลเล่ย์ จ.นครราชสีมา ตามลำดับ โดยอ้างอิงความเห็นของนายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน ผู้เชี่ยว

ชาญการวิเคราะห์แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของศาล ซึ่งเคยเป็นอดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ และถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เพราะทำความผิดฐานวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศบิดเบือนความจริง

และสำนักงานศาลยุติธรรมไม่ต่อทะเบียนการเป็นผู้เชี่ยวชาญฯ ซึ่งทางวัดพระธรรมกายได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญฯ ของศาลที่แท้จริง วิเคราะห์ตรวจสอบด้วยแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่ทหาร

ปรากฏผลการตรวจสอบว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในเขตป่า แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส. กลับเลือกที่จะเชื่อผลการวิเคราะห์ฯ ของนายวิฑูรย์ และไปขอออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนีนั้น ดีเอสไอ

ยืนยันว่านายวิฑูรย์ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญของศาล ได้รับการพิจารณาคัดเลือกโดยประธานศาลฎีกาผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ตามใบอนุญาตเลขที่ 6/2555 ลงวันที่ 18

มิ.ย.2555 ขณะนี้อยู่ในระหว่างการขอต่อใบอนุญาตผู้เชี่ยวชาญของศาล กรณีดังกล่าวพนักงานสอบสวน ปทส.มีหน้าที่รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ทั้งความผิดและความบริสุทธิ์

ของผู้ถูกกล่าวหา ฉะนั้นความเห็นของนายวิฑูรย์เป็นเพียงหลักฐานชิ้นหนึ่งในพยานหลักฐานทั้งหลายเท่านั้น ซึ่งหากพบว่าความเห็นดังกล่าวเป็นไปโดยไม่สุจริตก็อาจถูกดำเนินคดีได้ กรณีหากมี

การให้ข้อเท็จจริงที่เป็นเท็จและเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปฏิบัติตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญศาลเท่านั้น


พระทำผิดก็ต้องเข้าขบวนการยุติธรรม

3.ดีเอสไอได้ขอให้ กสทช.สั่งหยุดการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม DMC โดยไม่มีการไต่สวน ทั้งที่เนื้อหามีแต่การสวดมนต์ นั่งสมาธิ สอนธรรมะให้ประชาชนเป็นคนดีนั้น กรณีดัง

กล่าวตรวจสอบแล้วพบว่าการออกอากาศอาจมีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อย อยู่ระหว่างการตรวจสอบของ กสทช. หากการออกอากาศไม่มีผลกระทบก็จะอนุญาตให้ออกอากาศตามเดิม 4.

พฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส. โดยการนำของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ทำให้คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายพิจารณาแล้วเห็นว่าพระเทพญาณมหา

มุนีและวัดพระธรรมกายถูกกลั่นแกล้งดำเนินคดีโดยไม่เป็นธรรมนั้น ดีเอสไอยืนยันว่าการดำเนินการเป็นไปตามกฎหมาย มิได้มีการกลั่นแกล้งหากมีการดำเนินการอันมิชอบด้วยกฎหมาย เจ้าหน้าที่

ผู้รับผิดชอบจักต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี


5.นายองอาจ อ้างว่า ขณะนี้มีข่าวปรากฏในสื่อมวลชนว่าทางดีเอสไอและตำรวจได้สนธิกำลังกับทหารและฝ่ายปกครองรวมกว่า 3,000 คน พร้อมด้วยเฮลิคอปเตอร์ สุนัขตำรวจ รถคลื่นเสียงแรงสูง

ทำลายแก้วหู รถฉีดน้ำความดันสูง หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เตรียมบุกเข้าวัดพระธรรมกายต่อเนื่องเป็นเวลา 4 วัน โดยได้ประสานสั่งการให้โรงพยาบาลใกล้เคียงทุกแห่งเตรียมแพทย์พยาบาลไว้ให้

พร้อม ส่อให้เห็นว่าจะใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามจับกุมคณะศิษย์ยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่มาสวดมนต์นั่งสมาธิอยู่ในวัดจำนวนหลายหมื่นคนจะทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก สร้างความ

เสียหายต่อภาพลักษณ์ประเทศชาติในสายตาชาวโลกอย่างยิ่งนั้น ดีเอสไอยืนยันว่า ในการปฏิบัติการครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอ และตำรวจบางส่วนเท่าที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงาน โดยเจ้าหน้าที่

ตำรวจอีกส่วนหนึ่งได้จัดเตรียมไว้เพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลพี่น้องประชาชนกรณีมีเหตุการณ์ที่มิอาจคาดหมายได้เท่านั้น 6.ทำไมเจ้าหน้าที่ต้องยกกำลังกันหลายพันคนราวกับจะทำสงคราม

เพียงเพื่อจะจับกุมพระภิกษุชราที่อาพาธหนัก และทำความดีมาทั้งชีวิต เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ แต่เวลาพระใน 4 จังหวัดภาคใต้ถูกฆ่า วัดถูกเผา เจ้าหน้าที่ดีเอสไอและตำรวจเคยทุ่มเทกำลัง 3,000

นาย เพื่อเข้าคลี่คลายคดีหรือไม่นั้น ขอตอบว่า ตามที่ได้ชี้แจงถึงเหตุในการประกอบกำลังในการปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปเพื่อปกป้องพี่น้องประชาชน เนื่องจากในการเข้าปฏิบัติการเราเน้นการหลีก

เลี่ยงการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบหากพระเทพญานมหามุนีเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายก็จะเป็นการไม่สิ้นเปลืองทั้งทรัพยากรบุคคลและงบประมาณ

ส่วนกรณีเรื่องเหตุการณ์ 4 จังหวัดชายแดนใต้นั้น เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายรวมทั้งดีเอสไอ ได้เข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งอยู่แล้ว


แนะศิษย์นำ “ธัมมชโย” สู้คดี

7.ช่วงเวลานี้ชาวไทยทั้งประเทศรวมถึงคณะศิษย์ยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้ร่วมใจกันจัดพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็น

ประจำทุกวัน ยิ่งกว่านั้นยังเป็นโอกาสมหามงคลอันประเสริฐที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทย ควรจะเป็นห้วง

เวลาที่ชาวไทยทุกคนได้สมานฉันท์เป็นหนึ่งเดียวกัน รักษาสังคมบ้านเมืองที่สงบสันติสุขเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่ควรที่จะมีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น หากเมื่อวัดธรรมกายและศิษยานุศิษย์เห็น

เป็นอย่างนั้นยิ่งควรนิมนต์ให้พระธัมมชโยมอบตัวและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว เพื่อจะได้ไม่เป็นการรบกวนในห้วงโอกาสพิเศษนี้และให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างเสมอภาค 8.

นายองอาจอ้างว่าคณะศิษย์ยานุศิษย์วัดพระธรรมกายนับล้านคน คณะสงฆ์และชาวพุทธทั่วโลก ได้จับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด องค์กรพุทธนานาชาติจำนวนมากได้ทำหนังสือทักท้วงไปยัง

ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีขอให้ระงับยับยั้งการใช้ความรุนแรงต่อพระสงฆ์ ชาวพุทธ และวัดในพระพุทธศาสนานั้น ขอให้พี่น้องประชาชนเข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ของ ดีเอสไอ เราได้เชิญสื่อมวลชนทุก

แขนงมาร่วมเป็นสักขีพยานในการปฏิบัติงานครั้งนี้ และได้เน้นย้ำให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวังโดยไม่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ

และ 9.นายองอาจแถลงว่า เรื่องที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนหมู่ใหญ่หลายล้านคน โดยเฉพาะเป็นเรื่องความเชื่อศรัทธาทางศาสนา เป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง ขอให้เจ้าหน้าที่ปรับ

เปลี่ยนพฤติกรรมการแสดงออก อย่าให้มีลักษณะข่มขู่คุกคาม แต่แสดงให้เห็นถึงความเป็นกลาง ยุติธรรมอย่างแท้จริงจนได้รับความเชื่อถือจากประชาชน ปัญหาก็จะสามารถคลี่คลายไปได้ด้วยดีใน

ที่สุดนั้น เราเชื่อว่าสื่อมวลชนทุกแขนงจะเป็นสักขีพยานในการปฏิบัติงานของดีเอสไอในครั้งนี้ โดยได้มอบนโยบายและแนวทางให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติทุกคนทราบว่าจะไม่มีการใช้กำลัง ไม่มีการติด

อาวุธใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมทั้งได้กำชับให้ทุกคนใช้ความระมัดระวังอย่างที่สุด เพื่อมิให้เกิดความเสียหายใดๆ จากการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้โดยให้ดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นลำดับแรก


ยื่นขอหมายค้นแล้ว 4 วันติด

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการดำเนินคดีกับ นายองอาจ ธรรมนิทา กรณีพูดจายุยงปลุกปั่นมวลชนหรือไม่ พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบข้อมูลหากพบว่าใครกระทำความผิดเข้าข่ายกรณีดัง

กล่าวจะดำเนินการตาม ม.116 ทุกราย


รายงานข่าวแจ้งว่า ดีเอสไอ ได้ขอยื่นหนังสือต่อศาลเพื่อขออนุมัติหมายค้นวัดพระธรรมกายจำนวน 4 ฉบับ เพื่อเข้าปฏิบัติการตรวจค้นต่อเนื่อง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งในหมายค้นได้กำหนดวันเข้า

ตรวจคือทั้งสิ้น 4 วัน คือ วันที่ 13-16 ธ.ค.นี้ แต่ติดปัญหาเรื่องเวลาที่เข้าค้นไม่สอดคล้องกับภารกิจ เนื่องจากมีกำลังคนจำนวนมากที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะดำเนินการเข้า

ตรวจค้นวัดพระธรรมกายอย่างแน่นอน เพื่อปฏิบัติการนำตัวพระธัมมชโยมาส่งตัวฟ้องศาลตามที่อัยการมีคำสั่ง


“บิ๊กป้อม” ไม่สนธรรมกายขู่

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึง กรณีนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ระบุว่า หากตำรวจบุกค้นวัดธรรมกาย อาจไม่สามารถควบ

คุมศิษยานุศิษย์หากเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมพระธัมมชโย ว่า เขาพูดกันหลายทีแล้วเรื่องวัดพระธรรมกาย ตนไม่อยากพูด ส่วนที่บอกว่าอาจไม่สามารถควบคุมศิษยานุศิษย์นั้น ใครก็พูดได้ สื่อก็พูดได้ เจ้า

หน้าที่ก็ต้องดำเนินคดี และมีแผนงานอยู่แล้ว ซึ่งตำรวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ดำเนินการได้อยู่แล้ว ไม่เป็นไร ค่อยๆ ทำไป สื่ออยากให้มีการตีกันหรือไม่ ถ้าไม่อยากแล้วจะพูดทำไม ซึ่ง

เราต้องพยายามเข้าไปติดต่อประสานงาน เพราะเป็นเรื่องทางกฎหมาย ทำผิดกฎหมายก็ต้องยอมรับทำผิดกฎหมาย แล้วมาสู้ว่าตัวเองไม่ผิด ก็ว่าไป เจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน เมื่อถามว่า

ตำรวจจะเข้าจับกุมพระธัมมชโยให้ได้ภายในวันที่ 13 ธ.ค. พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ขอตอบ ส่วนพระธัมมชโย ยังอยู่ในวัดธรรมกายหรือไม่ ไม่ขอตอบเช่นกัน


ตร.ตั้งด่านสกัดขนคนหนุน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจจราจร สภ.คลองหลวง และตำรวจทางหลวงกองกำกับการ 1 กก.1 บก.ทล. ตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรบริเวณด้านหน้าวัดพระธรรมกาย จับรถตู้ที่ไม่มีใบอนุญาตรถนั่ง

สาธารณะที่วิ่งออกนอนกเส้นทางรับจ้างขนประชาชนและพระภิกษุสงฆ์เข้ามาภายในวัดพระธรรมกาย จากการสอบถามนายกิตติ ท่ามี อายุ 43 ปี คนขับรถตู้กล่าวว่า ได้รับกลุ่มญาติมาจาก จ.ราชบุรี

จะมาทำบุญที่วัดพระธรรมกายโดยไม่มีค่าจ้างแต่อย่างใด หลังจากที่มีกระแสข่าวลือกันว่ามีคนขับรถบางคนได้ค่าจ้างขับรถมาวัดพระธรรมกายเที่ยวละ 1,800-2,000 บาท ส่วนวัดพระธรรมกายยังมี

ประชาชนเดินทางมาทำบุญภายในวัดจำนวนมากขึ้น


จนท.บุกสาวกยุติแถลงข่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊คของลูกศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลก รายงานว่า ในวันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2559 ขอเชิญสื่อมวลชนและผู้สนใจร่วมรับฟังแถลงข่าวการแก้วิกฤติของพระพุทธศาสนาเพื่อ

ความรักสามัคคี ในสถานการณ์ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐอาจมีความพยายามใช้มาตรฐานทางกฎหมาย และความรุนแรงต่อพระสงฆ์ ชาวพุทธ รวมถึงวัดในพระพุทธศาสนา โดยคณะผู้นำองค์กรชาวพุทธ

โดยระบุว่า จะเริ่มเวลา 14.00 น. เป็นต้นไป สามารถลงทะเบียนเวลา 13.00 น. ณ ห้องมาร์ ชั้น 3 โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ถนนวิภาวดี-รังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ โดยเมื่อถึงเวลา ทาง

คณะผู้นำองค์กรชาวพุทธ ได้จัดงานแถลงข่าว “การแก้วิกฤตของพระพุทธศาสนา เพื่อความรักสามัคคี ในสถานการณ์ที่เจ้าหน้าที่รัฐอาจมีความพยายามใช้มาตรการทางกฎหมาย และความรุนแรง

ต่อพระสงฆ์ ชาวพุทธ รวมถึงในวัดพระพุทธศาสนา” ทั้งนี้ ก่อนเริ่มการจัดงานแถลงข่าวดังกล่าว ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารจากกรมทหารราบ 11 รักษาพระองค์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.ทุ่งสองห้อง

นำโดย พ.ต.อ.ภาณุเดช สุขวงศ์ รอง ผบก.น.2 ได้นำกำลังเข้าเจรจากับทีมผู้จัดงานขอความร่วมมืองดจัดงาน เนื่องจากเป็นการร่วมจัดงานสัมมนาโดยไม่ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่

ในการจัดงาน จึงเกรงว่า อาจจะขัดคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่งดการชุมนุมเกิน 5 คน


ด้านนายณพลเดช มณีรังกา ผู้จัดงาน กล่าวว่า ต้องขออภัยและงดจัดงานดังกล่าวในครั้งนี้ เนื่องจากทางผู้จัดงานไม่ได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่ หากในครั้งต่อไปจะมีการจัดงาน ทางผู้จัดจะเรียนให้

ทราบต่อไป อย่างไรก็ตาม ทางผู้จัดได้เจรจากับทางเจ้าของสถานที่ คือ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ แล้วว่า ทางโรงแรมจะคืนเงินค่าเช่าสถานที่ให้ทุกบาททุกสตางค์ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด


วิศวกรร้องเมียถูกกล่อมทำบุญจนหมดตัว

บ่ายวันเดียวกัน เวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชายสูงอายุ ชื่อนายสมชาย บำรุงสุนทร อายุ 62 ปี สวมหมาก ห้อยป้ายระบุข้อความ กระชากหน้ากากธรรมกาย พร้อมหนังสือเล่มหนา หน้าปกมี

ข้อความว่า วิภาควิชชาธรรมกายและลัทธิธัมมชโย โดยเดินมาหากลุ่มผู้สื่อข่าวที่บริเวณหน้าประตูทางเข้าที่ 7 วัดธรรมกาย ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พร้อมร้องเรียนถึงความเดือดร้อน

แสนสาหัสในชีวิตครอบครัวและการเงิน จากการที่ภรรยาหลงศรัทธาคำสอนนอกพระพุทธศาสนาของวัดพระธรรมกาย


นายสมชาย บำรุงสุนทร กล่าวว่า ประกอบอาชีพวิศวกรเคมีในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งปัจจุบันเกษียณอายุแล้ว เมื่อประมาณปี 2528 ภรรยาของตนได้รับการชักชวนจากน้องสาวให้ไปทำบุญวัดพระ

ธรรมกาย และเสพติดแนวทางการทำบุญของวัดพระธรรมกายมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดต้องสูญเสียทรัพย์สินเงินทองไปกับวัดพระธรรมกายเป็นมูลค่ามากกว่า 10 ล้านบาท ประกอบด้วย เซ้งร้าน

ขายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว ขายบ้านและที่ดินหมู่บ้านแหลมทองนิเวศน์ดอนเมือง ขายที่ดินในซอยปั้นสนิท ดอนเมือง นำเงินไปทำบุญวัดพระธรรมกาย ขายทองคำแท่งแท่งละ 10 บาท 2

แท่ง เอาไปหล่อหลวงปู่สดทองคำ นำเงินที่สะสมในบัญชีและขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ นำไปทำบุญกับวัดพระธรรมกาย


นายสมชาย กล่าวอีกว่า ปัจจุบันไม่มีที่อยู่อาศัยต้องเช่าห้องที่เมืองแก้วมณี และเข้ามารับประทานข้าวภายในวัดเป็นเวลากว่า 32 ปีแล้ว ตลอดเวลาตนได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคำสอนวัดพระ

ธรรมกายที่ผิดจากพระไตร ปิฎกของพระพุทธเจ้าและได้เขียนเป็นหนังสือชื่อ วิภาควิชชาธรรมกายและลัทธิธัมมชโย อยากให้ทุกคนได้รู้ว่าวัดพระธรรมกายสอนอย่างผิดๆ และไม่อยากให้คนอื่นตก

เป็นเหยื่อของวัดแบบครอบครัวตนเอง
//////////
ศาลอนุมัติหมายค้นวัดพระธรรมกายจับ “พระธัมมชโย” ให้สิทธิเข้าค้นได้ใน 4 วัน
วันที่ 12 ธันวาคม 2559 - 20:05 น.
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ดีเอสไอ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ร่วมประชุมกับ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจเกี่ยวกับการ

ดำเนินการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย เพื่อจับกุมพระธัมมชโยผู้ต้องหาตามหมายจับศาล ในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร ในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวก่อนเข้าประชุมว่า การประชุมในวันนี้จะได้ข้อสรุปการเข้าจับกุมพระธัมมชโยหรือไม่นั้น จะต้องดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องตามที่อัยการสั่งดีเอสไอมาก่อน



ส่วนที่นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย พยายามนำเรื่องนี้ไปเชื่อมโยงกับสถาบันพระมหากษัตริย์ บก.ปอท. และกองทัพกำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ หากเข้าข่ายผิด

กฎหมายอาญา มาตรา 112 ต้องดำเนินคดี เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีการกระทำผิด ส่วนกรณีที่นายองอาจอ้างว่าการดำเนินคดีกับพระธัมมชโยจะนำไปสู่ความแตกแยกของพุทธศาสนานั้น อยู่ระหว่าง

การตรวจสอบว่าเรื่องดังกล่าวเข้าข่ายชี้นำ ยุยงปลุกปั่น เป็นภัยต่อความมั่นคงหรือไม่ เพราะมีการดึงสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย



ถามด้วยว่าเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าค้นวัดประชาชนที่ปักหลักอยู่ในวัดจะเกิดการปะทะจนเกิดการสูญเสียหรือไม่ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ตรงนี้คือปัญหา เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีมือที่สามก่อเหตุอะไรหรือไม่ แต่

ต้องเตรียมกองกำลังตำรวจให้มาก เนื่องจากทางวัดมีคนจำนวนมากเจ้าหน้าที่ต้องไปดูเเลรักษาความปลอดภัยของประชาชน คนที่สวดมนต์ก็สวดไป ใครขัดขวางต้องดำเนินการตามกฎหมาย ไม่

กังวลว่าจะเกิดเรื่องบานปลาย เพราะทำตามกฎหมาย ขอยืนยันว่ากำลังเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าไปวัดพระธรรมกายจำนวนมากนั้น เพื่อดูเเลประชาชนไม่ใช่ไปมีปัญหากับประชาชน


รายงานข่าวแจ้งว่า ดีเอสไอยื่นคำร้องขอศาลออกหมายค้นเเล้วจำนวน 4 ฉบับ ศาลอนุญาตออกหมายค้นแล้ว ระบุวันตรวจค้นตั้งเเต่วันที่ 13-16 ธ.ค. เป็นเวลา 4 วัน จะเข้าตรวจค้นวันไหนก็ได้ แต่

ตอนนี้อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ เพื่อดำเนินการให้กระทบประชาชนน้อยที่สุด ถ้าหาก 4 วันนี้ยังไม่สามารถเข้าดำเนินการได้ ดีเอสไอสามารถไปขอหมายค้นใหม่ได้อีก

กด like ติดตาม khaosod.co.th
////////

ทนายวัดพระธรรมกายยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อขอให้เพิกถอนหมายค้นวัด ขณะที่ผบ.ตร.สั่งตำรวจงดให้สัมภาษณ์ประเด็น“พระธัมมชโย”ทุกกรณี

วันนี้ (13ธ.ค.59) นายธัชนนท์ พรใบหยก ทนายความของวัดพระธรรมกาย เดินทางมายื่นคำร้องต่อศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อขอให้เพิกถอนหมายค้นวัดธรรมกาย ซึ่งเป็นการมาใช้สิทธิ์ตาม

กฎหมาย หลังทราบข่าวจากสื่อมวลชนว่ามีการออกหมายค้นและมีกำลังเจ้าหน้าที่อยู่บริเวณรอบวัด ซึ่งตามปกติแล้วการขอหมายค้นจะต้องระบุว่า เจ้าหน้าที่คนใดเป็นผู้นำหมายค้นพร้อมกำลังเข้า

ตรวจค้นและต้องระบุว่าจะตรวจค้นจุดใดบ้างของวัด แต่จนขณะนี้ก็ยังไม่มีใครออกมาแสดงตน

นายธัชนนท์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าพระเทพญาณมหามุนี (พระธัมมชโย) ยังอยู่ภายวัดหรือไม่ ระบุเพียงว่ามีหน้ายื่นคัดค้านหมายค้นตามที่ผู้มีอำนาจของวัดธรรมกายมอบอำนาจมาเท่านั้น ไม่เกี่ยว

ข้องกับกรณีออกหมายจับธัมมชโย รวมถึงส่วนตัวไม่ได้มีการเข้าพบพระธัมมชโยด้วย

ด้านพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ได้ปฏิเสธการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการจับกุมพระธัมมชโย โดยบอกแต่เพียงว่าได้รับคำสั่งโดยตรงจาก

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งงดให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายในทุกกรณีเป็นการชั่วคราว โดยไม่ระบุเหตุผลถึงการงด

ให้สัมภาษณ์ดังกล่าว แต่ให้ไปสอบถามข้อมูลจากผบ.ตร.เอง

ขณะที่พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 4 ที่ของดให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในประเด็นเข้าจับกุมพระธัมมโย หรือขอหมายค้นวัดพระธรรมกายเช่นเดียวกัน

เนื่องจากได้รับคำสั่งมาในลักษณะเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามยืนยันว่าตำรวจยังคงพร้อมให้การสนับสนุนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตามคำสั่งเดิม โดยการประชุมในครั้งถัดไปยังต้องรอการ

ประสานข้อมูลความพร้อมเรื่องกำลังเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ ก่อนจะทราบว่าจะมีการประชุมในครั้งที่ 3 เมื่อใด
/////
พล.ต.อ.ศรีวราห์” รอง ผบ.ตร.ยอมรับได้ฟัง คลิปปริศนาซัดตำรวจทางหลวงห่วยแตก ปล่อยรถตู้ขนคนเข้าวัดพระธรรมกายแล้ว พร้อมปฏิเสธลั่นไม่ใช่เจ้าของเสียง ไม่ทราบผู้เผยแพร่ทำขึ้น

เพื่อวัตถุประสงค์ใด เตรียมตรวจความเรียบร้อยสำนวนที่โรงพักคลองหลวงบ่ายนี้

จากกรณีมีคลิปเสียงเผยแพร่ผ่านโลกออนไลน์เมื่อจำนวน 3 คลิป โดนหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าคล้ายเป็นเสียงของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระหว่างประชุม

เพื่อออกหมายค้นและจับกุม พระธัมมชโย ผู้ต้องหาในคดี ร่วมกันฟอกเงิน สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งโพสต์โดยผู้ที่ใช้ชื่อว่า sand johnson เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ที่ผ่านมานั้น

วันนี้ 13 ธ.ค.59 พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวยอมรับว่า ได้ฟังเสียงในคลิปตามที่มีการเผยแพร่แล้ว พร้อมกับปฏิเสธรับว่าเป็นเสียงของตนเอง และไม่ทราบว่าผู้ที่ต้องการเผยแพร่จัดทำขึ้นมาโดยมีวัตถุ

ประสงค์ใด ขณะเดียวกันยังระบุด้วยว่ากรณีดังกล่าวยังไม่ถือว่าตนเองเป็นผู้เสียหาย จึงยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับใคร นอกจากนี้ยังให้ความเห็นในทางกฎหมายว่า คลิปดังกล่าวไม่สามารถ

นำไปใช้เป็นหลักฐานใดๆ ในชั้นศาลได้ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีการเผยแพร่คลิปออกมา ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ดำเนินการ

ตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงวัตถุประสงค์ของการเผยแพร่ ส่วนที่จะมีผลกระทบไปยังแผนการปฏิบัติในการเข้าตรวจค้นหรือไม่ ได้กล่าวปฏิเสธให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้ เพราะถือเป็นการขัดคำสั่งผู้

บังคับบัญชาโดยตรง อย่างไรก็ตามในช่วยบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ระบุว่าเดินทางไปตรวจความเรียบของสำนวนการสอบสวนที่ สภ.คลองหลวง แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นสำนวนการสอบ

สวนใด<br />&nbsp;<br />ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคลิปเสียงดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านช่องทางยูทูบ เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีจำนวนรวม 3 คลิป อ้างว่าเป็นเสียงที่ได้

จากการประชุมแผนการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ซึ่งคลิปแรกมีลักษณะเป็นเชิงไม่พอใจผลการปฏิบัติของตำรวจทางหลวง คลิปที่สอง เป็นการกล่าวถึงการเตรียมใช้แผนฉีดน้ำแรงดันสูงที่ไม่

สามารถระบุได้ว่าเป็นของเหตุการณ์ใด และคลิปสุดท้ายเป็นแผนการเข้าตรวจค้นอาคาร.
/////////////
13 ธ.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศล่าสุดที่วัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ภายหลังจากเมื่อวานนี้ (12 ธ.ค.) มีกระแสข่าวออกมาว่าทางเจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลแล้วนั้น

ว่า ที่บริเวณด้านหน้าประตู 7 วัดพระธรรมกาย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เปิดประตูทางเข้า เพียง 1 บาน โดยมีบรรดาสื่อมวลชนปักหลักรอทำข่าวอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่สามารถเข้าไปลง

ทะเบียนด้านในได้เหมือนเช่นเคย
ขณะที่บริเวณประตู 5 ซึ่งจะสามารถเข้าไปพื้นที่ด้านใน จุดที่ก่อนหน้านี้พระธัมมชโยนอนรักษาอาการอาพาธอยู่ภายในอาคารดาวดึงส์นั้น มีคณะศิษยานุศิษย์นั่งอยู่บนพื้นถนนเพื่อปฏิบัติธรรม

จำนวนมาก โดยส่วนใหญ่สวมหน้ากากผ้าปิดจมูก พร้อมกับมีการตรวจสอบบัตรประชาชนเพื่อแลกกับบัตรติดหน้าอกเพื่อระบุตัวตน และป้องกันบุคคลที่จะเข้าไปก่อความวุ่นวาย
ส่วนที่ถนนเลียบคลองแอนสอง - สาม หน้าทางเข้าธรรมอุทยาน ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หากเข้าจากถนนสายบางขัน - หนองเสือ มาประมาณ 20 เมตร จะพบกองเสาเข็มต้นใหญ่

วางอยู่ข้างถนน และเมื่อขับเข้าไปด้านในใกล้เคียงประตู 15 มีการนำเสาเข็มมาปิดกั้นพื้นถนนทางสาธารณะ ทำให้รถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านไปได้
8fu

ครม.ไฟเขียว! มาตรการช็อปช่วยชาติ ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท ช่วง 14-31 ธ.ค.นี้

ครม.ไฟเขียว! มาตรการช็อปช่วยชาติ ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท ช่วง 14-31 ธ.ค.นี้

Prev
1 of 1
Next
คลิกภาพเพื่อขยาย
updated: 13 ธ.ค. 2559 เวลา 14:29:56 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
รายงานจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติมาตรการช็อปช่วยชาติแล้ว ให้นำรายจ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการ ในช่วงวันที่ 14-31 ธ.ค.นี้มาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจริง ไม่เกิน 15,000 บาท โดยผู้มีเงินได้จะต้องมีหลักฐานเป็นใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร (มีชื่อ ที่อยู่ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการในใบกำกับภาษี)

โดยสินค้าและบริการที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ได้แก่ สินค้าทุกประเภท ยกเว้น การซื้อสุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือ น้ำมัน และก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ ส่วนบริการนั้นได้แก่บริการทุกประเภท ยกเว้นค่าบริการนำเที่ยวและค่าที่พักโรงแรม ทั้งนี้ สินค้าและบริการนั้นต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7

นอกจากนี้ กรณีซื้อสินค้าหรือชำระค่าบริการหลายครั้ง และแต่ละครั้งมีมูลค่าไม่ถึง 15,000 บาท สามารถนำการซื้อหลายครั้งมารวมกันได้ แต่ใช้สิทธิได้ไม่เกิน 15,000 บาท

ทั้งนี้ มาตรการนี้จะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ เป็นการกระตุ้นกำลังซื้อและบริการในช่วงปลายปี 2559 ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 2 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิ 2 ล้านคน เพิ่มตัวเลขจีดีพีปี 60 ร้อยละ 0.2 ผู้ประกอบการมีแรงจูงใจเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นการขยายฐานการจัดเก็บภาษีของรัฐระยะยาว แต่คาดว่าจะมีภาษีสูญเสียประมาณ 3,200 ล้านบาท 

ตำรวจออกหมายจับ “พระน็อต" คดีกราบรถ หลังไม่มาพบตามนัด

ตำรวจออกหมายจับ “พระน็อต" คดีกราบรถ หลังไม่มาพบตามนัด
ความคืบหน้าคดี “พระน็อต” หรือ นายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือ น็อต กราบรถ ถูกแจ้งข้อหาข่มขืนใจและทำร้ายร่าง นายกิตติศักดิ์ หรือ บอย สิงโต คู่กรณีที่ขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนรถมินิคูเปอร์ พร้อมสั่งให้กราบรถ
ล่าสุด พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติหมายจับ “พระน็อต” เนื่องจากไม่เข้ามอบตัว เพื่อดำเนินการส่งตัวให้อัยการสั่งฟ้อง เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่า มีเจตนาจะหลบหนี
ทั้งนี้ มีรายงานว่า พระน็อตแจ้งกับตำรวจว่า อยากบวชต่ออีก 1 เดือน พร้อมกับให้ทนายความยื่นอุทธรณ์ต่อศาล เพื่อขอถอนหมายจับ โดยให้เหตุผลว่า ต้องการบวชเพื่อศึกษาธรรมะต่ออีก 1 เดือน แต่ศาลพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับพนักงานสอบสวน เนื่องจากว่า ได้มีการแจ้งให้ผู้ต้องหาทราบถึงวันนัดส่งสำนวนให้อัยการแล้ว ซึ่งขณะนี้ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบพระน็อตที่ไหน ก็สามารถจับกุมได้ทันที แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังเกรงว่า จะกระทบกระเทือนต่อศาสนา อาจต้องรอให้พระน็อตสึกเสียก่อน จึงเข้าจับกุมได้
...............
s.news

เปิด'กลุ่มทุน-นักธุรกิจ'หนุน 'ธรรมกาย' ? โดย ทีมข่าวไพรม์ไทม์ NationTV

คงจำกันได้ว่าเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2559 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)นำกำลังเข้าตรวจค้นเพื่อจับกุมพระธัมมชโยที่วัดพระธรรมกาย ปทุมธานี แต่ครั้งนั้นเรื่องก็จบไป คราวนี้หมายค้นออกให้ดำเนินการวันที่ 13-16 ธันวาคม 2559 ภายหลังวันที่ 16 ธันวาคมเรื่องก็น่าจะจบอีกเพราะตำรวจบอกว่าไม่พร้อม เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2559 ทีมข่าวไพรม์ไทม์ NationTV จัดทำรายละเอียดว่ามีกลุ่มทุน-นักธุรกิจใดบ้างที่เข้าไปหนุนวัดพระธรรมกาย มีเงินตั้งแต่พันล้านไปจนถึงหมื่นล้าน ดังนั้นคนที่มี 10 ล้านและไปบริจาคหมดตัวจึงออกมาโวยวาย เมื่อเทียบกับคนที่มีเป็นพันล้านหมื่นล้านแล้ว เขาเรียกว่า 10 ล้านน่ะเศษตังค์ ดังนี้......
นักธุรกิจ และกลุ่มทุนที่สนับสนุนวัดพระธรรมกาย ใช่มีแต่ บุญชัย เบญจรงคกุล" ประธานกรรมการ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค ที่ได้ออกมาเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมปฏิบัติธรรมและปกป้องพระธัมมชโยให้พ้นจากมลทิน เท่านั้น
ทีมข่าวไพรม์ไทม์” ช่อง NationTV พบว่ายังมีนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงและมีความใกล้ชิดวัดพระธรรมกายและพระธัมมชโย ที่สร้างเครือข่ายให้วัดแห่งนี้ โด่งดังไปทั่วประเทศ และทั่วโลก
วันนี้ผมมาเชิญชวนทุกท่าน ให้มาร่วมกันปฏิบัติธรรม กลั่นใจใสๆ แผ่เมตตา ผมก็เชื่อว่า ทุกท่านได้เห็นจากข่าวที่ออกไปว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผมก็คิดว่าพลังที่เราจะมาร่วมกันนับล้าน เพื่อปฏิบัติธรรมและแผ่เมตตาให้กับสิ่งที่ไม่ดีที่จะเกิดขึ้นกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อของเรา ให้มันหายไป” นั่นคือเสียงเปิดตัวของเจ้าสัวหมื่นล้าน บุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค ที่ได้ประกาศผ่านรายการ ข่าวเคลียร์ เคลียร์ข่าวชัด วัดพระธรรมกาย” ซึ่งออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ดีเอ็มซี เมื่อ 2 วันก่อน
ดังนั้นไม่อาจสื่อเป็นอย่างอื่นไปได้ นอกจากเพื่อปลุกพลังนักธรรมทั่วประเทศและทั่วโลก ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อ พระธัมมชโย” โดยใช้หลักอหิงสาเข้าสู้กับกรมสอบสวนพิเศษ หรือดีเอสไอ ที่เพียรพยายามจะเข้าไปจับกุม พระธัมมชโยถึงถิ่นวัดพระธรรมกาย
ขณะเดียวกัน ภาพของเจ้าสัวบุญชัยถือผ้าไตรเดินนำหน้าขบวนในพิธีอัญเชิญผ้าไตรบรมจักรพรรดิมหาสมบัติ เมื่อปี2546 คงไม่ต้องอธิบายว่า เจ้าสัวบุญชัย แนบสนิทกับวัดพระธรรมกายขนาดไหน ดูเหมือนจะเป็นภาพที่คนในวัดพระธรรมกายเห็นจนชินตามานานกว่า 10 ปี
ทีมข่าวไพรม์ไทม์ ได้รับข้อมูลว่า เสี่ยบุญชัยเข้าไปร่วมกับวัดพระธรรมกาย เพราะการชักชวนจากน้องสาว คือ วรรณา จิรกิติ ภรรยา ดร.ประกอบ จิรกิติ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจที่จะเห็นภาพ ดร.ประกอบและภรรยา เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของวัดพระธรรมกาย ซึ่ง ดร.ประกอบเคยรายงานบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าเขาและภรรยามีทรัพย์สินรวมกันกว่า 2,482ล้านบาท
ในส่วน อนันต์ อัศวโภคิน ประธานคณะกรรมการ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ยักษ์ใหญ่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์ และค้าปลีกโฮมโปร ที่มีสินทรัพย์รวมกว่า 9.7 หมื่นล้านบาท เป็นอีกคนที่มีความสัมพันธ์แนบชิดกับวัดพระธรรมกายและพระธัมมชโย
นิตยสารฟอร์บส์ไทยแลนด์ จัดอันดับให้ อนันต์ อัศวโภคิน เป็นเศรษฐีไทยที่ร่ำรวยอันดับ 26 มีทรัพย์สินรวม 925ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 33,300 ล้านบาท
เสี่ยสอง วัชรศรีโรจน์” อดีตนักเล่นหุ้นที่โด่งดังจากคดีปั่นหุ้น ธนาคารกรุงเทพฯ พณิชย์การ หรือบีบีซี เมื่อกว่า 20ปีที่แล้ว ก็เป็นอีกคนที่มีความใกล้ชิดและร่วมกิจกรรมกับวัดพระธรรมกายอยู่ตลอดเวลา
เสี่ยสอง เป็นพี่ชาย พระมหา ดร.สมชาย ฐานวุฑฺโฒ หรือพระมหาสมชาย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ทุกคนในวัดแห่งนี้รู้ดีว่ารองจากพระธัมมชโยแล้ว พระมหาสมชาย คือผู้ที่มีอำนาจสั่งการมากที่สุดในขณะนี้
อีกทั้ง มโนทิพย์ จักรวาลธรรม” นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหุ้น ที่เข้าไปกว้านซื้อหุ้นบริษัท บูติคนิวซิตี้ ในเครือสหพัฒน์ จนสามารถเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 6 ของบริษัทแห่งนี้ ก็เป็นนักธุรกิจอีกคนที่มีบทบาทสำคัญในวัดพระธรรมกาย และมักปรากฏตัวคู่กับเสี่ยสองเสมอ
ทีมข่าวไพรม์ไทม์ ยังพบว่ามีนักธุรกิจอีกหลายคนที่เข้าร่วมกิจกรรมกับวัดพระธรรมกายอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นมงคล จิรพัฒนกุล เจ้าของบริษัท แลคตาซอย ผู้ผลิตน้ำนมถั่วเหลือง ที่มีสินทรัพย์รวมกว่า 6.6 พันล้านบาท รายได้ปีละ 9 พันกว่าล้าน
กฤษฎา จ่างใจมนต์” เจ้าของเนเจอร์กิฟ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตเครื่องดื่มปรุงสำเร็จชนิดผง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อบำรุงสุขภาพ ภายใต้ตราสินค้าเนเจอร์กิฟ
ธีรวัฒน์ ฐานะโชติพันธ์” เจ้าของบริษัท ทีแมนฟาร์มา จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์ ที่มีสินทรัพย์กว่า678 ล้านบาท
นพ.มโน เลาหวณิช” อดีตศิษย์วัดพระธรรมกาย บอกกับทีมข่าวไพรม์ไทม์ว่า อนันต์ เจ้าของแลนด์แอนด์เฮ้าส์ เป็นนักธุรกิจอันดับหนึ่ง คนที่สองคือเจ้าสัวบุญชัย ส่วนคนที่สามคือ นายสอง ที่มีบทบาทในการบริจาคและดึงปัจจัยต่างๆ เข้าวัด
นอกจากนี้ ยังมีนักธุรกิจรุ่นเก่า อาทิ มรกต มณีไพโรจน์ดิฐพงศ์  เรืองฤทธิเดช เจ้าของชายี่ห้อตรามือ,วรชัย ชูชัยศรี นักธุรกิจส่งออกกรอบรูปร้อยล้าน และศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่ขณะนี้ถูกดำเนินคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ก็รวมอยู่ในกลุ่มนักธุรกิจวงในของวัดพระธรรมกายด้วย
นาทีนี้...คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า วัดพระธรรมกายคืออาณาจักรอันยิ่งใหญ่ ที่รวบรวมบรรดานักธุรกิจไว้อย่างมากมาย !!
ไพรม์ไทม์กับเทพชัย
โฉมหน้าอัครสาวก ธรรมกาย ธรรมโกย