PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

‘กกต.’ ยัน15 ก.พ.ประกาศชื่อ ผู้สมัครส.ส.‘เขต-บัญชีรายชื่อ-นายกฯ’ครบ



“จรุงวิทย์” ยืนยันผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ต้องถูกตรวจสอบคุณสมบัติ ลั่นประกาศพร้อมผู้สมัครเขต - บัญชีรายชื่อในวันที่ 15 ก.พ.  ชี้คุณสมบัติต้องเท่ารัฐมนตรี แต่ครั้งนี้ไม่ต้องตรวจสอบการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 

7 ก.พ.62 พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. แถลงสรุปภาพรวมการเปิดรับสมัครส.ส.ในวันที่สี่ว่า ในระบบเขตเลือกตั้งวันนี้มีสมัครเพิ่ม 1,289 คน รวม 4 วัน 8,875 คน จาก 73 พรรคการเมือง ส่วนแบบบัญชีรายชื่อในวันนี้มีมายื่นสมัคร 28 พรรค กกต.ตรวจรับรองแล้ว 12 พรรค รวม 4 วันที่กกต.อนุมัติรับรองแล้ว 19 พรรค จำนวน 1,103 คน สำหรับการเสนอชื่อนายกฯเฉพาะวันที่ 7 ก.พ.นี้ มีเสนอทั้งหมด 8 พรรคการเมือง รวม 4 วัน 16 พรรค 
“หลังการปิดรับสมัคร กกต.จะทำการตรวจสอบคุณสมบัติของทั้งผู้สมัครในระบบแบ่งเขต ระบบบัญชีรายชื่อและผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายก โดยกรณีของผู้ได้รับการเสนอชื่อนายก จะดูคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของการเป็นรัฐมนตรีเป็นหลัก โดยในวันที่ 15 ก.พ.ก็จะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิสมัครอย่างเป็นทางการทั้งหมดเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบว่า ใครเป็นผู้สมัครในแบบใด จะได้เลือกได้ถูกต้อง” เลขาธิการ กกต.  กล่าว 

เมื่อถามว่า บุคคลที่ไม่เคยไปใช้สิทธิเลือกตั้งเลย ถือเป็นลักษณะต้องห้ามของการเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า เป็นข้อห้ามของรัฐธรรมนูญในอดีต แต่รัฐธรรมนูญปัจจุบันได้ยกเลิก ห้ามเพียงต้องไม่เคยเป็นผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง แต่ถ้าในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง จะมีผลให้ต่อการดำรงตำแหน่งในครั้งหน้า

'พลังประชารัฐ' มั่นใจ 'บิ๊กตู่' ตอบรับแคนดิเดตนายกฯ 'ณัฏฐพล' ผงาดเบอร์ 1 ปาร์ตี้ลิสต์

7 ก.พ.62 - เวลา10.30น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำโดย นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ได้เดินทางมายื่นสมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจำนวน 120 รายชื่อต่อกกต. โดยนายอุตตม กล่าวว่า วันนี้พรรคยังไม่มีการยื่นบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรค เนื่องจากรอการตัดสินใจของผู้ที่ถูกทาบทาม
เมื่อถามว่า พรรคมีความกดดันต่อข่าวลือในช่วงนี้หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ไม่เลย พรรคขอชี้แจงว่าข่าวลือต่างๆนั้นไม่เป็นความจริง ไม่มีแรงกดดันใดๆทั้งภายในพรรคหรือความหวั่นไหวจากกระแสข่าวภายนอก ยืนยันว่าไม่มีบุคคลภายนอกมากดดันการพิจารณาบัญชีรายชื่อของพรรค รวมถึงบัญชีชื่อนายกฯ ซึ่งการสรรหาที่มีขึ้นมีระบบรัดกุม เพราะเราตัดสินใจร่วมกันแล้วว่าเราอาสาทำงานให้กับประชาชนการตัดสินใจ
"ที่ผ่านมาเรามีกฎเกณฑ์กติกา การสรรหาบุคคลมีขั้นตอนผ่านการหารือพิจารณาหลายปัจจัยทั้งความเหมาะสม ประสบการณ์ทางการเมือง การนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติได้จริง ส่วนข่าวลือที่ระบุว่ามีการเปลี่ยนลำดับรายชื่อปาร์ตี้ลิสนั้นไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะลำดับต้นๆที่ทุกคนมีความสามารถเป็นได้ทั้งนั้น ซึ่งบัญชีรายชื่อที่เราจัดต้องบอกว่ามีคุณภาพคับแก้ว ดังนั้นยืนยันว่าไม่มีแรงกดดันใดๆ พวกเราลงเรือลำเดียวกันก็ต้องพายทางเดียวกันเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด"
เมื่อถามอีกว่า มีแผนสำรองกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกฯหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ให้ถึงจุดนั้นก่อนว่าใครตอบรับบ้างหากไม่มีใครตอบรับ พรรคก็มีกระบวนการทุกอย่างรองรับไว้อยู่แล้ว
เมื่อถามถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ซึ่งอาจจะเป็นบุคคลประวัติศาสตร์ในหน้าการเมืองไทย พรรคมีความหวั่นเกรงด้วยหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ เมื่อถามย้ำอีกว่าแคนดิเดตของพรรคคู่แข็ง มีผลต่อการตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์ ด้วยหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเชื่อว่าท่านคงพิจารณาในประเด็นอื่นด้วยว่าสามารถทำงานให้ประเทศชาติได้ หรือร่วมงานกับพรรคพปชร.ได้หรือไม่
เมื่อถามว่ากระแสต่างๆที่ออกมายังมั่นใจหรือไม่ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะตอบรับ นายอุตตม กล่าวว่า มั่นใจว่าท่านจะพิจารณาตอบรับ เมื่อถามอีกว่า ได้คุยกับพล.อ.ประยุทธ์ เรื่องกระแสพรรคทษช ด้วยหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ไม่มี ไม่ได้คุยกัน
ด้านนายสุริยะ กล่าวถึงกระแสความขัดแย้งในการจัดลำดับบัญชีรายชื่อของพรรค (พปชร.) ว่า ปกติแล้วธรรมเนียมปฏิบัติของพรรคการเมืองในการเรียงลำดับส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ส่วนใหญ่จะเรียงจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค แต่ในส่วนของพรรคพปชร.ติดขัดในข้อกฎหมาย หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีภายใน 90 วัน จึงต้องมาพิจารณาในลำดับถัดไป ขอให้มั่นใจได้ว่าลำดับที่ 1 ถึง 40 ได้เป็นส.ส.กันทุกคน เรื่องความแตกแยกภายในพรรคไม่มีแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ 10 ลำดับรายชื่อแรกของผู้สมัครแบบปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคพปชร.ประกอบด้วย 1. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 2.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 3.นายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ 4.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน 5.นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์  6.นายสันติ กีระนันท์ 7.นายวิรัช รัตนเศรษฐ 8.นายสันติ พร้อมพัฒน์ 9.นายสุพล ฟองงาม และ 10.นายชัยวุฒนิ ธนาคมานุสรณ์ โดยไม่ปรากฏชื่อนายอุตตม นายสนธิรัตน์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ และนายกอบศักดิ์ 

นปช.แถลงปัดน้อยใจถูก'ทษช.'เขี่ยหมดลุ้นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ อ้อมแอ้มบอกจะอยู่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

7 ก.พ.62 - ที่พรรคไทยรักษาชาติ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณงค์หาเสียงพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.)  ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคทษช.ลำดับที่ 7กล่าวถึงกระแสข่าวการจัดอันดับส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ภายในพรรคว่า กระแสข่าวที่ออกมาจะทำให้พรรคแตกร้าว มีความรู้สึกต่อการจัดอันดับเนื้อหาบัญชีรายชื่อ ขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมา ไม่ได้เป็นข้อเท็จจริง ที่จะมีการยุติการปฏิบัติหน้าที่ ลาออกจากบัญชีรายชื่อ ไม่มีเรื่องนั้น พวกตนก่อนตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคไทยรักษาชาติ ได้ปรึกษาหารือกัน มีคำถามต่อมายังพรรคไทยรักษาชาติว่า ยืนยันแผนการประชาธิปไตย ต่อต้านการสืบทอดอำนาจหรือไม่ ซึ่งได้รับคำยืนยันว่า ใช่ พวกเราเลยมา โดยไม่ได้พกข้อเรียกร้อง ความต้องการทางการเมืองมาด้วย ไม่ได้มาเพื่อตอบโจทย์ความคาดหวังของพวกเราเอง
"เรามาเพื่อความคาดหวังประชาชน เราเชื่อมั่นว่าพรรคไทยรักษาชาติทำได้ จึงมาทำหน้าที่นี้อยู่ด้วยกัน ดังนั้นพี่น้องประชาชนที่ถามเข้ามา ขอให้ได้รับทราบว่า พวกตนเดินหน้าต่อ ไม่มีตะกอนในหัวใจ ยืนยันว่าหลักการประชาธิปไตย คือภาระหน้าที่ของพวกเรา"
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าในส่วนของเพื่อนมิตรอีกหลายคน ที่ไม่ได้มาปรากฎตัววันนี้ ส่วนใหญ่ติดภารกิจ ต้องขอพื้นที่ความตั้งใจ บางคนที่ถูกหยิบยกชื่อขึ้นมา น้องๆเหล่านั้น ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกผม คู่ต่อสู้คือ เผด็จการ เราจะจับมือร่วมกันเดิน คนที่เข้ามาในพรรค ล้วนมีศักยภาพ พวกผมพร้อมยืนบนเวทีเดียวกัน"นายณัฐวุฒิ กล่าวและว่าส่วนกรณีนายพายัพ ปั้นเกตุ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่41 พรรคไทยรักษาชาติ ไม่ได้มาร่วมแถลงข่าวด้วย คาดว่าในอีก 1-2วัน คงจะกลับมา และยังเป็นกำลังหลักในการหาเสียง ส่วนออกจากกลุ่มไลน์พรรคนั้น เชื่อว่า นายพายัพจะกลับเข้ามาในกลุ่มใหม่ในไม่ช้า  

ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับ 55 พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า ขอบคุณทุกความเห็นที่เป็นห่วงเป็นใยว่าจะแตกแยก จะเลิกร้างต่อกันไป แตกตัวออกไป ถ้าตนไม่เอากับพรรคไทยรักษาชาติ คงจะตื่นตีสี่ เพื่อไปให้ทัน ได้ร่วมลงพื้นที่หาเสียงกับพรรคไทยรักษาชาติ  ดังนั้นขอให้ได้สบายใจ ตนไม่ไปไหน ยังอยู่ไทยรักษาชาติ และจะเดินต่อไป เรื่องลำดับที่ เป็นเรื่องเบาเหลือเกิน ถ้าเทียบกับเราต้องการโค่นล้มรัฐประหาร ปิดประตูรัฐประหาร ไม่ให้เกิดอีกในประเทศไทย เพื่อสร้างประชาธิปไตยอย่างแท้จริง 
นายวิภูมิแถลง พัฒนภูมิไทย ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับ56 พรรคไทยรักษาชาติกล่าวว่า เสียงที่สะท้อนออกมาต่อการจัดลำดับบัญชีรายชื่อในพรรค ก่อให้เกิดความแตกร้าว การสร้างความไม่พอใจ อยากเรียนว่า ในฐานะโจทก์คนหนึ่ง นับแต่ต่อสู้ปี 2549 ออกมาเพราะไม่ชอบรัฐประหาร ต้องการการเมืองระบอบประชาธิปไตย ถามว่า น้อยใจ เสียใจหรือไม่ ขอเรียนอย่างตรงไปตรงมา อย่างลูกผู้ชายว่าเป็นเรื่องเล็กมาก เรายืนอยู่ตรงไหนก็ได้ หากมีภารกิจเป้าหมายเพื่อต่อสู้ เพื่อประชาธิปไตย 
"วันนี้จำเป็นต้องชี้แจง ผมและเพื่อนมิตรไม่มีปัญหา ภารกิจของเราหนักหนาใหญ่โต อย่าคิดเล็ก คิดน้อย ไม่เช่นนั้น จะทำให้กระบวนการกระเพื่อมได้ เรายังยืนหยัดชัดเจนกับพรรคไทยรักษาชาติ"นายวิภูมิแถลง  กล่าว.

'วันนอร์' นำทีม 'ประชาชาติ' ส่งปาร์ตี้ลิสต์ 58 รายชื่อ เสนอตัวเอง-ทวี-ณหทัย แคนดิเดตนายกฯ



7 ก.พ.62 - ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรค เดินทางมายื่นรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พร้อมบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี

โดยนายวันมูหะมัดนอร์ เปิดเผยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคมีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ ส่งผู้สมัคร ส.สแบบแบ่งเขต 215 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 58 คนส่วนบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคมี 3 ชื่อ ได้แก่ ตนในฐานะหัวหน้าพรรค, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง และ น.ส.ณหทัย ทิวไผ่งาม ขณะนี้กระแสตอบรับที่มีให้พรรคเพิ่มมากขึ้น ตั้งเป้าอย่างน้อยต้องได้ ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ 25 ที่นั่ง โดยเวลาที่เหลืออยู่จะเร่งหาเสียง เพื่อเสนอตัวว่าพลังประชาชาติพร้อมดูแลประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีความมั่นใจว่ายกทีม รวมถึงอีกหลายจังหวัดในภาคใต้และจังหวัดในฝั่งอันดามัน มั่นใจว่าจะได้ไม่น้อยกว่า 11-12 ที่นั่งแน่นอน วันนี้อยากเชิญชวนให้ประชาชนออกไปเลือกตั้งเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ สำหรับปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ พรรคจะแก้ปัญหาโดยนำประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เอาระบบราชการเป็นตัวตั้ง เมื่อประชาชนให้ความร่วมมือเต็มรูปแบบ ความหวาดระแวงและปัญหาจะหมดไป
หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวด้วยว่า เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ในภาคใต้จะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะจากการลงพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยว ร้านค้าปิดตัวลงไปจำนวนมาก ประชาชนเดือดร้อน สวนยางร้าง ปาล์มน้ำมันราคาตก เรื่องปากท้องถือว่าแย่มากๆ อย่างไรก็ตาม หลังการเลือกตั้งทุกพรรค ทั้งพรรคขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก มีโอกาสเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ทั้งสิ้น สำหรับพรรคประชาชาติ หากจะเข้าร่วมงานการเมืองกับกลุ่มใด ขอมองที่ประโยชน์ของประเทศและประชาชน รวมถึงแนวทางประชาธิปไตย หากหลักการไม่ตรงกันก็เข้าร่วมกันไม่ได้ เพราะเป็นพันธะสัญญาที่พรรคให้ไว้กับประชาชน
สำหรับลำดับรายชื่อในปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคประชาชาติ ลำดับ 1 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ลำดับ 2 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อันดับ 3 นายวรวีร์ มะกูดี อันดับ 4 น.ส.ณหทัย ทิวไผ่งาม และอันดับ 5 นิติภูมิ นวรัตน์ หรือติวเตอร์หมู

ฮือฮา 'รปช.' เปิดแล้ว 150 รายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ชายสลับหญิง!



7 ก.พ. 62 -  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) ประกอบด้วย  1 ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล  2 นางสาวเพชรชมพู กิจบูรณะ 3 นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ 4 นางสาวอนุสรี ทับสุวรรณ 5 นายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง 6 นางสาวจุฑาฑัตต เหล่าธรรมทัศน์ 
7​ ดร.สุริยะใส กตะศิลา 8 นางสุเนตตา แซ่โก๊ะ 9 ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ 10 นางสาวปาตีเมาะ เปาะอิแตดาโอะ 11​ พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ 12​ นางสาวเบญญา นันทขว้าง 13​ รศ.ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร 14​ นางสาวชนิดาภา แก้วภราดัย 15​ ผศ.ร.ต.อ.ดร.จอมเดช ตรีเมฆ
16 ดร.พอจิต วรรณวัต 17​ นายประสาร มฤคพิทักษ์ 18 นางสาวพรเพ็ญ สิริปทุมรัตน์ 19​ นายสำราญ รอดเพชร 20​ นางสาวธารจิรา เหล่าปิยะสกุล 21​ นายศุภผล เอี่ยมเมธาวี 22​ ดร.ณัฐณิชา สมฤทธิ์ 23​ นายวีระชัย คล้ายทอง 24​ นางสาวณัฐธนินทร์ เลิศเตชะสกุล
25 นายเจะอามิง โตะตาหยง 26​ นางสาวณิชชา ธงธวัช 27​ นายอุทัย ยอดมณี 28​ นางสาวเอมอร ตันเถียร 29​ นายดนุช ตันเทอดทิพย์ 30 นางพิมลพรรณ สิงหรา ณ อยุธยา 31​ นายสุเนตร แก้วคำหาร 32​ นางสาวไพลิน กอวัฒนา 33 นายเถกิง สมทรัพย์ 34​ นางสาวแน่งน้อย อัศวกิตติกร 
35​ พล.ต.อ.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ 36​ นางเลขา ภูริภูมิ 37​ พ.อ.(พิเศษ)ดร.ไพโรจน์ นิยมพันธุ์ 38​ นางสุวิสา สกุลสุขเจริญ 39​ นายกฤษณ์ ศรีเปารยะ 40​ ดร.สุธีมนต์ ทรงศิริโรจน์ 41 นายประกิต จันทร์สมวงศ์ 42​ นางสาวอัญชลี จิวะไพบูลย์ศักดิ์ 43 นายสุดจิต อภิรดี44​ นางกัลยาณี สุคนธาภิรมย์ 45​ นายลัทธจิต มีรักษ์ 46 นางสาวจีรนันท์ อินทรสุริวงศ์
47 นายสุทธิพงษ์ เทพพิทักษ์ 48 นางสาววาสนา พรมเสนา 49​ นายศักร์สฤษฎิ์ ศรีประศาสตร์ 50​ นางสมลักษณ์ สุภาพ 51​ นายวีรโชติ หะยีหมะ 52​ นางสาวรัตนา เจริญผล 53 นายจิร เทพพิพิธ 54 นางสาวพรวดี สุขมาก 55​ นายปราบ เพิ่มแสงงาม 56 นางเพ็ญศรี บัวเผื่อน57​ นายอัคคภัทร์ อัครชัยพันธุ์
58​ นางจิรารัตน์ ธนสารสมบัติ 59 นายสุวิชาณ สุวรรณณาคะ 60​ นางปภาพัชร์ วิรุฬราช61 นายภาณุพงค์ วีรตันตยาภรณ์ 62 นางนรดี วินสน 63 นายอำนวย การค้า64​ นางสาวณัฐธิดา เย็นบำรุง 65 นายรักษ์เกียรติ ศีรีรัตน์ 66 นางสาวกุลดา วงศ์ชาตรี
67 นายรัฐภูมิ ว่องวนกิจ 68 นางกณิกนันต์ เมี้ยนละม้าย 69 นายเวชยันต์ วัฒนกูล70​ นางสาวสมเพียร แข็งแรง71 นายวรสิทธิ์ หยกสกุล72 นางสาวชุติมา เชยชุ่ม73 นายประเสริฐ ตั้งรักษ์เมือง 74 นางสาววิลาวัลย์ คล้ายทอง
75​ นายประสงค์ สุภาสัย 76 นางสาวพัชรวรรณ สกุลธรรมไพศาล 77​ นายปิยภัทร สุขผล 78 นางสุกฤตา สื่อเจริญ 79 นายสุรพล สุวรรณกุล 80​ นางสาวธิดารัตน์ จันทร์ศิริ81 นายธัชทวัชร์ เธียรสิรีภูธรา82 นางผ่องนภา เสมสันทัด83 นายสัมฤทธิ์ ศรีนาราง84 น.ส เนตรชนก ฟั่นแจ้ง85​ นายชัยรัตน์ พันทัง86 นางสาวธดา วงษ์ประเสริฐ
87 นายยุทธศักดิ์ เสน่หา88​ นางสาวชริศสลา มีเดช89 นายอดิชาติ เศรษฐพิทยากุล 90​ นางศุภพิชญ์ อินต๊ะวงค์ 91 นายพัฒน์ชน สีมาปทุม 92 นางสาววินิตา ยุทธา 93 นายเศรษฐาวุฒิ ดอกคำ 94 นางสุดนภา เจริญเวชการ 95 นายสันติพงษ์ มูลฟอง 96​ นางขนิษฐา สายทอง 97 นายประชารัฐ ปณิธานยุติธรรม 98 นางสาวปราณี สุคันธเสวี 99 นายกฤษณะ หวานสนิท 100 นางน้ำทิพย์ พิมพา 
101 นายสุทัศน์ พรหมรัตน์ 102 นางสาวเนตรชนก เหมือนชุ่ม 103 นายยงยุทธ พิมหานาม 104 นางสาวเจียรนัย ศรีคำวงศ์ 105 นายจิรวงศ์ เหล่าปิยะสกุล 106​ นางอวยพร ตวงรักษา 107 นายจิรพงศ์ เหล่าปิยะสกุล 108 นางอารยา ทรัพย์เจริญ 109 นายยงยุทธ์ โรจน์นิรันดร์ 110 นางสาว วิมลรัตน์ หมวดชนะ 111 นายฉลาด ศาลาดี 112​ นางนิภารัตน์ มหาทรัพย์ 113 นายพรรธระพี ชินะโชติ
114 นางสาวประภาพรรณ สายสุทธิ์115 นายณัฏฐ์ โอ้จินดา116 นางสร้อยสิรี ตวงทอง117 นายกิตติศักดิ์ อินทรกำแหง ณ ราชสีมา118 นางสาวรสสุคนธ์ ศรีมณีเลิศ119​ นายเขมชาติ คณาภูเศรษฐ์120​ นางสาวจารุวรรณ ทองศรี121 นายณัฎฐชัย ขวัญเมือง122 นางสาววรรณศิริ ทองทา123 นายรัฐนันท์ พงศ์วิริทธิ์ธร
124 นางสาวดาราวรรณ คล้ายก้าน125​ นายณิชพน อินบุญ126​ นางสาวแอนนา คำนุ127 นายหลง ศรีพรมมา128 นางสาวอัจฉราภรณ์ กำจรกิตติคุณ129 นายอนุชา บุญญปีติมา130​ นางสาวกรรณิการ์ อินทรีย์131 นายอดิรถ วรแสน132 นางสาวขวัญนภา ม่วงจู133 นายธันยพงศ์ ฉันงูเหลือม134 นางสาวศิรินารถ พรหมเงิน
135​ นายดิเรก วิเศษสิงห์136 นางสาวศิริพร นิลบุตร137 นายศักดา โพธิ์เงินงาม138 นางสาววรรณวลี อุดมสุข139 นายสร้อย อารีช่วย140 นางสาวขันทอง บุตรน้อย141 นายสมโพช ภูฆัง142 นางสาวภาวิณี รัชตรุ่งโรจน์กุล143 นายองค์รวม พอเพียงบูรณาเลิศ144 นางสาวธนพร กันทะตุล145 นายสมพงษ์ สุวรรณคู146 นางศรัญญู ภูฆัง147 นายสมนึก เจริญผล148 นางวัลลิภา มาลา149 นายสตางค์ วงศ์รอด150​ นางสาวอำพัน เกษรมาลา.

เปิด 150 รายชื่อผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์พรรคประชาธิปัตย์



7 ก.พ.62- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   ลำดับบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ 150 ชื่อ  ประกอบด้วย 1. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  2. นายชวน หลีกภัย 3. นายบัญญัติ บรรทัดฐาน 4. นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์5. คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช 6. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ 7. นายกรณ์ จาติกวณิช  8. นายจุติ ไกรฤกษ์ 9. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ 10. นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู
11. นายอิสสระ  สมชัย  12. นายอัศวิน วิภูศิริ 13.  นายเกียรติ  สิทธีอมร 14. นายกนก วงษ์ตระหง่าน15. นางศรีสมร  รัศมีฤกษ์เศรษฐ์16. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค17.นายพนิต วิกิตเศรษฐ์18. นายอภิชัย เตชะอุบล19. นายวีระชัย วีระเมธากุล20.นางสาวจิตภัสร์  ตั้น กฤดากร 21. นายสุทัศน์ เงินหมื่น
22. นายพิสิฐ ลี้อาธรรม23. นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ24. นางสาวพิมพ์รพี  พันธุ์วิชาติกุล25.นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง26. นายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์27. นายนราพัฒน์ แก้วทอง 28. นายไชยยศ จิรเมธากร29. นายเจือ  ราชสีห์ 30. นางมัลลิกา  บุญมีตระกูล มหาสุข31. นต. สุธรรม ระหงษ์32. นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์33. นายสุรบถ  หลีกภัย34.นายยุพ นานา35.นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล36. นายราเมศ รัตนะเชวง37.นายสามารถ ราชพลสิทธิ์38. นายณัฎฐ์  บรรทัดฐาน39. นายถวิล ไพรสณฑ์40.นายวิฑูรย์ นามบุตร 41. นางรัชฎาภรณ์  แก้วสนิท 42.นายบุญยอด สุขถิ่นไทย 43. นายอร่ามอาชว์วัต โล่ห์วีระ 44. นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์45.นายนิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์ 46.นายวัชระ เพชรทอง

47. นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฎ์ 48. นายเอกชัย ขจรบุญถาวร 49. นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ 50.นายศุภชัย ศรีหล้า  51. นางมณทิพย์ ศรีรัตนา 52. นางสาวมัฐธิณี มูลทิพย์53.นายสุกิจ  ก้องธรนินทร์ 54. นายชนินทร์  รุ่งแสง55.นายประกอบ จิระกิติ56.นายไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์57. นายวิชัย ล้ำสุทธิ58. นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต59.นายบรรพต ต้นธีรวงศ์60. นายสัญชัย อินทรสูต61. นายสุนทร รักษ์รงค์62. นายอัครพล ลีลาจินดามัย63. นายชยงการ ภมรมาศ64. นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ65. นายศิริรัฐ  ศิริพันธุ์66.นายธนน  เวชกรกานนท์67. นายวิจิตร อยู่สุภาพ68. นายสกล เขมะพรรค69. นายธนวัฒน์ ปัญญาสกุลวงศ์
70. นายรอเซ็ด เบ็นแหละแหนะ71. นายสุวิศว์ เมฆเสรีกุล72. นายชาลา อนุสุริยา73.นายพัสณช เหาตะวานิช74.นายเชาว์ มีขวด75. นายภูเบศร์ อภัยวงศ์76.นายภูเบศ จันทนิมิ77.นายศรุต วัฒนสมบูรณ์78.นายการุณ ใสงาม79.นายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา80.นายศิริภา อินทวิเชียร81.นายพรรคพล กีรติภราดร82.นางสาวณิชารีย์ เสนะวัต83.นางสาวพลอยนภัส โจววณิชย์84. นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์85.นางสาวพรปวีณ์ เกิดโภคทรัพย์86. นายณัฐภัทร เนียวกุล87. นายวิภูษิต มีสิทธิ์88.นางสาวณสุภา กัสนุกาซ์ 89.นายอธิวัฒน์ ทรัพย์พืชกมล90.พล.ร.อ.สุวิทย์ ธาระรูป
91.นายขภัช นิมมานเหมินท์92.นายชาวินท์ อุทัยพัฒน์93.นายรัฐไกร เอกเพชร94.นายเก้าธรัช เทียนมงคล95.นายขจรพัฒน์ วิรยศิริ96.พล.ร.อ.นาวี ศานติกะนาวิน97.นายเมฆินทร์ เอี่ยมสะอาด98.นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย
99. นายสุธี กรกมลพฤกษ์100. นางสุรัตน์ เมฆะวรากุล101. นายแสงสรรเพ็ชร วิเศษบริรักษ์102. นายประเกียรติ นาสิมมา103. นายอาคม  วุฒิพงศ์104. นายอารยะ  โรจนวณิชชากร105.นายชัยนัท สุขไชยะ106.นางสาวอาภา รัชตะกุลธำรง
107. นายพนาสิน จึงสวนันทน์108.นายพีรสรณ์ จิรพิชิตชัย109. นางสาวจารุวรรณ  บำรุงรักษ์110. นางชนกนันท์  ศุภศิริ
111. นางสาวนลินนิภา  ธานะราช112. นายธนบดี ปิ่นแก้ว113. นายประจักษ์ วังกานนท์114. นายพลสิทธิ์ พงศ์พัฒนะกิจ115. นายปั้น จูฑศฤงค์116. นายชุมพล นวลวิจิตร117. นายสันติชนข์ สุคนธ์ทองเจริญ118. นายครรชิต เหมะรักษ์119. นายชิษณุชา นวลปาน120. นายอุดมการณ์ วรกิจ  121.นายศุภสิทธิ์  ลิ้มตระกุล122. นายชนินทร์ ศรีผดุงกุล123. นายชูเกียรติ ทุ่งปรือ124. นายณัฐวุฒิ แถวโสภา125.นางสาวดวงพร ศิริสัมพันธ์126. นายทวีศักดิ์ วิศิษฎางกูร127.นายนิคม ศรีเงิน128.นายประโชติ สิริวัฒน์129. นายปราโมทย์คริษฐ  ธรรมคุณากร130. นายพชรพงศ์ ตรีเทพา
131. นางสาวรักษ์หฤทัย ยกสุขฤทัยไขข่าว 132.นางสาวลักษณีรายา คณานุรักษ์ 133.นายวัชระ สนธิชัย 134.นายสงคราม เมืองมนตรี135. นายสมพจน์ โรหิตาภิรมย์136.นายสล้าง ชินะกานนท์137. นายสุไกร เจริญใจ138. นายสุพจน์  นิรมิต 139. นายสุรัตน์  พิมนิสัย140. นางอารีรัตน์ เลาหพล141.นายสุธรรม ลิ้มสุวรรณเกษม 142.นายลาภิศ  พระภูจำนงค์ 143. นายมนัส เพ็ญนุกูล144. นายสุริยะ ศึกษากิจ145. นายสุกฤษฏิ์ชัย  ธีระเริงฤทธิ์146. นายบุญมี บุญมีตระกุล147. นายพิมพ์พล  แสงเมือง148. นายวิจารย์ จงภักดี149. นายนพรัตน์ ฉิมรัมย์ 150. นายอาคม เอ่งฉ้วน

ฝ่ายปชต.น้ำตาร่วง!'จาตุรนต์'หลุดบัญชีนายกฯทษช. เจ้าตัวเผยคงไม่ต้องเซ็นแล้ว



7 ก.พ. 62 - ที่ตลาดวัดตะกล่ำ  นายจาตุรนต์  ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) พร้อมคณะ อาทิ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ กรรมการยุทธศาสตร์พรรค  นายฤภพ ชินวัตร รองโฆษกพรรคไทยรักษาชาติ นายต้น ณ ระนอง รองเลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ นายนิคม ไวยรัชพานิช นายประภัสร์ สงวน นพ.เหวง โตจิราการ  และนายธกร เลาหพงศ์ชนะ ผู้สมัครส.ส.กทม. พรรคไทยรักษาชาติ เขตประเวศ-สวนหลวง ลงพื้นที่หาเสียงกับพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนที่มาซื้อของภายในตลาด จากนั้นเดินทางไปหาเสียงต่อที่ตลาดเอี่ยมสมบัติ โดยได้แวะรับประทานอาหารเช้าที่ตลาดเอี่ยมสมบัติ และปิดท้ายที่การเข้าเยี่ยมชมโรงเรียนศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดทุ่งลานนา 

นายจาตุรนต์ ให้สัมภาษณ์ช่วงหนึ่งว่าถึงความคืบหน้ารายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคไทยรักษาชาติ ว่า ตนยังไม่ทราบเพราะไม่ได้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค แต่ก่อนหน้านี้ก็มีชื่อตนว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนหนึ่งของพรรค  ซึ่งก็รอว่าจะมีหนังสือมาให้เซ็นยินยอมหรือไม่ แต่วันนี้ก็วันที่ 7 ก.พ.เข้าไปแล้ว 
"เข้าใจว่าคงจะไม่ต้องเซ็นแล้ว" นายจาตุรนต์ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริหารพรรคที่จะเป็นผู้พิจารณา ส่วนจะเป็นบุคคลจากภายนอกหรือไม่นั้น คณะกรรมการบริหารก็ยังไม่ได้แจ้งให้สมาชิกพรรคทราบ ขอให้รอการชี้แจงจากคณะกรรมการบริหารพรรคจะดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า คุณสมบัติของแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคนั้นควรจะเป็นอย่างไร นายจาตุรนต์กล่าวว่า เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคที่จะพิจารณา และตนก็เข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน จึงขอไม่ก้าวล่วง ให้คณะกรรมการบริหารพรรคตัดสินใจโดยอิสระ เชื่อว่าจะตัดสินใจอย่างดีที่สุด

สำหรับนายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นที่คาดหมายของฝ่ายประชาธิปไตย  ว่าจะเป็นหนึ่งในนายกฯบัญชีของพรรคไทยรักษาชาติ.

'ประยุทธ์' บอก 'ข่าวดี' สำหรับปชช. 8 กุมภาพันธ์

7 ก.พ. 62 - ที่ตลาดนางเลิ้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับประทานอาหารเที่ยง ย่านตลาดนางเลิ้ง ถึงการตัดสินใจตอบรับคำเชิญเป็นนายกรัฐนมตรีในบัญชีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แล้วหรือไม่ ว่า จะตัดสินใจในวันพรุ่งนี้ช่วงเช้า ประมาณ 09.00 - 10.00 น. เมื่อถามว่าเป็นข่าวดีหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นข่าวดีสำหรับประชาชน เมื่อถามว่า จะเดินทางไปสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วยตัวเองเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เฮ้ยทำไมต้องไปด้วยเล่า” เมื่อถามว่า จะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาคงจะแจ้งให้สื่อมวลชนรับทราบ ถึงวิธีการที่เหมาะสม

เมื่อถามว่า นอกจากนโยบายพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีปัจจัยอื่นประกอบการตัดสินใจด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องดูความร่วมมืออะไรต่างๆ ว่าทุกคนจะต้องร่วมกันทำใหม่ ทำในสิ่งที่ดีให้มันดียิ่งขึ้น หลายอย่างก็ต้องดูในเรื่องกระบวนการยุติธรรม ใครไม่มีความผิดอะไร มันก็ร่วมได้หมด เพราะเราก็เป็นมิตรกับทุกพรรค ไม่ให้ร้ายใคร
เมื่อถามว่า หากถึงจุดหนึ่งพรรคพปชร. เสนอชื่อ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี จะขัดข้องหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ถ้าเขาจะเสนอ 10 คน ผมก็ไม่ว่าอะไร แต่ผมไม่อยากให้มันมีการต่อรองกันไปกันมา น่าเบื่อ” เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่หากต้องร่วมงานกับพปชร.ที่มีนักการเมืองร่วมด้วยจำนวนมาก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเมืองมันก็เป็นการเมือง แต่มันอยู่ที่วิธีบริหารจัดการมากกว่า ถ้านายกรัฐมนตรีเป็นคนที่มีคุณธรรม มันก็มีอำนาจหน้าที่ในการทำงาน ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่กังวล
เมื่อถามอีกว่า ในอนาคตหากเป็นนายกรัฐมนตรีกังวลหรือไม่ว่า จะถูกซักฟอกในสภาผู้แทนราษฎร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนทันทีว่า “จะซักฟอกผมเรื่องอะไร ผมยังไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วจะซักฟอกผมเรื่องอะไร แต่หากมีการซักฟอก เขาอาจจะไม่เข้าใจ เขาเลยต้องซักฟอก ถ้าชี้แจงได้ก็จบ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินออกจากตลาดนางเลิ้ง ขึ้นรถยนต์กลับทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า “มากินก๋วยเตี๋ยวก็เป็นการเมืองอีก”

ชัดเจน ไม่ต้องแปล! “สมคิด” ปฏิเสธแคนดิเดตนายกฯ พร้อมสนับสนุน “บิ๊กตู่” นั่งเก้าอี้ต่อ

7 ก.พ. 62 – นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวจะมีการเสนอชื่อเป็น 3 แคนดิเดตตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ว่า ที่ผ่านมาได้ยืนยันชัดเจนว่าต้องการสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป ดังนั้นเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการเลือกผู้นำ จึงได้เสนอให้นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงชื่อเดียว คือชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อให้มีความชัดเจน ให้การปฏิบัติหน้าที่ การปฏิบัติภารกิจต่อเนื่อง ดูแลให้เกิดการเปลี่ยนผ่าน การพัฒนา การผลักดันนโยบายต่าง ๆ โดยหวังอย่างยิ่งว่าจะเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในเชิงนโยบาย 
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาผมเคยประกาศไว้ว่า จุดยืนของผมคือการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ วันนี้ผมก็ยังคงยืนยันอย่างนั้น ยังยืนยันตามความคิดนี้อยู่ ผมและคนอื่นก็พร้อมที่คอยช่วยเหลือ พล.อ.ประยุทธ์อย่างเต็มที่ ผมขอประกาศอย่างชัดเจน
“ผมสนับสนุนให้มีการเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เพียงชื่อเดียว ฉะนั้นนี่คือคำตอบของผมที่ชัดเจนแล้ว ไม่ต้องมาถามอีก จบ ไม่ต้องแปลแล้ว ความต่อเนื่องของนโยบายเป็นเรื่องสำคัญมาก การมีนโยบายที่ดี การผลักดันให้เกิดผลในทางปฏิบัติที่ดี จนเราสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้เป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่ไม่มีนโยบายอะไรเลยแล้วมาสร้างความฝันลม ๆ แล้ง ๆ เป็นไปไม่ได้หรอกที่ประเทศจะพัฒนาได้ เป็นไปไม่ได้” นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวอีกว่า จากภายใต้สถานการณ์ประเทศอย่างนี้ ภายใต้ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงประเทศ การปฏิรูปประเทศ การเปลี่ยนผังประเทศ เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นในช่วงเวลาอย่างนี้ความต่อเนื่องเชิงนโยบายมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด จากการเดินทางไปต่างประเทศ ทำให้ได้รู้ว่าความต่อเนื่องของนโยบายเป็นเรื่องสำคัญ การผลักดันนโยบายต่าง ๆ ไม่ใช่ใช้เวลาสั้น ๆ ก็ทำได้ แต่ต้องอาศัยความพยายาม ความร่วมมือช่วยกันทุกคน
ทั้งนี้ ยืนยันว่าผมพร้อมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ อย่างเต็มที่ พร้อมช่วยเหลือทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ ผมได้เข้ามาทำงานตรงนี้ 4 ปี เข้ามาช่วย พล.อ.ประยุทธ์ ขับเคลื่อนประเทศงานตรงนี้ยังไม่จบ ก็ต้องช่วยกันทำงานนี้ให้จบ เรื่อง 4.0 ต้องผลักดันให้จบ โครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ต้องไปให้ได้ โครงการดิจิทัลรัฐบาลได้เริ่มต้นอย่างดี ถ้าไม่มีความรู้ ไม่รู้อะไรแล้วเข้ามาเปลี่ยนแปลงเงินลงทุนเป็นล้านล้านบาท นักลงทุนที่นั่งรออยู่ต้องการความมั่นใจว่าจะมีความต่อเนื่องในเชิงนโยบาย เราต้องสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนเหล่านั้น
 “โครงการเรามีทั้งหมด เริ่มต้นไปแล้ว อย่างดิจิทัลเริ่มต้นอย่างดี ถ้าไม่รู้อะไรแล้วเข้ามาเปลี่ยน นักลงทุนที่รออยู่เค้าจะวิตกกังวล ดังนั้นเราต้องสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนเหล่านี้ ตอนนี้ความไม่แน่นอนสูงมาก แต่เราต้องเปลี่ยนความไม่แน่นอนนี้ให้เป็นความแน่นอน ให้นักลงทุนกลุ่มนี้มั่นใจไปกับเรา” นายสมคิด กล่าว

พปชร.มีแผนสำรอง

    "บิ๊กตู่" หอบ "ประชารัฐ-ยุทธศาสตร์ชาติ" เดินสายตรวจราชการสกลนคร-มุกดาหาร ลั่นดูแลคนทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง เตือนชาวบ้านอย่าหลงคารมคนพูดหวานจ๊ะจ๋า ประเทศอยู่ในกำมือ สองนิ้วของทุกคนขีดให้ดี ด้าน "สนธิรัตน์" พูดแปลก หาก "ประยุทธ์" ไม่รับคำเชิญเป็นแคนดิเดตนายกฯ เตรียมแผนสำรองแล้ว 
    เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย, พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เดินสายตรวจราชการที่จังหวัดยโสธรและมุกดาหาร 
    ทั้งนี้ เป็นการลงพื้นที่ครั้งที่ 2 แล้ว หลังมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง และก่อนวันที่ 8 ก.พ. ที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องให้คำตอบถึงการตัดสินใจตอบรับคำเชิญของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นนายกฯ ในบัญชีพรรคหรือไม่     
    จุดแรกที่นายกฯ ตรวจเยี่ยมคือ การขับเคลื่อนเมืองเกษตรอินทรีย์ต้นแบบ ณ ศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์วิถียโสธร อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร โอกาสนี้นายกฯ เป็นประธานสักขีพยานมอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชนให้แก่ประชาชน และสักขีพยานผู้ว่าราชการ จ.ยโสธร มอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวมให้แก่ผู้แทนประชาชน 
    พร้อมกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า ดีใจที่มาพบทุกคนด้วยตัวจริง ไม่ใช่แค่ผ่านโทรทัศน์ สำหรับ จ.ยโสธร มีชื่อเดิม ยศสุนทร แปลว่า ทรงไว้ซึ่งเกียรติ อย่างไรก็ตาม วันนี้อยากให้ประชาชนได้ฟังข้อมูลจากรัฐบาล ซึ่งเราทำตามยุทธศาสตร์คือ การทำไปเรื่อยๆ ถึงได้มีกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี 
    "จึงอย่าไปฟังแค่ว่าวันนี้ใครจะให้อะไรกับเรา และอย่ามองแค่ว่าสิ่งที่ทำวันนี้เราจะอยู่หรือไม่อยู่ ต้องมองอนาคตของลูกหลาน"
    เขากล่าวว่า รัฐบาลพยายามทำหลายมาตรการเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ทั้งโครงการประชารัฐ บ้านล้านหลัง ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการเมือง ที่มีการเอาชื่อไปใช้ แต่รัฐบาลทำเรื่องนี้มาตลอด เพื่อให้เกิดประโยชน์กับส่วนรวม ขณะที่ประเทศไทยไม่เหมือนคนอื่น มีคนน่ารัก แต่บางส่วนก็ไม่ไว้ใจ 
    "ผมพยายามเคลียร์เรื่องเหล่านี้ให้ได้ โดยต้องพูดกันด้วยข้อเท็จจริง อีกทั้งหลายอย่างเราต้องยอมรับ เมื่อก่อนอาจไม่มีใครมาพูดแบบนี้ ไม่มีใครมาทะเลาะกับท่าน มาพูดหวานๆ เพราะๆ พูดจาจ๊ะจ๋าไปเรื่อย ซึ่งมันไม่ได้ เราต้องพูดกันด้วยข้อเท็จจริง และพัฒนาไปด้วยกัน"
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันทุกรัฐบาล หากให้อย่างเดียวก็จะหมดสภาพ รัฐบาลเองก็จะเจ๊ง เพราะเป็นเงินภาษีของคนทั้งประเทศ อีกทั้งมีพ.ร.บ.งบประมาณ และ พ.ร.บ.การเงินการคลังอยู่ จึงอย่าฟัง หากใครบอกจะให้อะไรก็ต้องถามกลับด้วยว่า เงินมาจากไหน และผิดกฎหมายหรือไม่ 
    "ผมเป็นนายกฯ ของประเทศไทย จะต้องดูแลคนทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง แต่ต้องเห็นใจคนที่มีรายได้น้อย ซึ่งวันนี้มีผู้มีรายได้น้อยมาลงทะเบียนถึง 14.7 ล้านคน ที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ บางพื้นที่เฉลี่ยเดือนละไม่กี่พันบาท แล้วจะอยู่กันได้อย่างไร"
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า บ้านเมืองจะสงบหรือไม่สงบอยู่ที่ทุกคน วันนี้ประชาชนและรัฐต้องทำงานร่วมกันในการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เราจะมีพระเจ้าแผ่นดินที่สมบูรณ์ เป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบขั้นตอนทั้งหมดเหมือนกับรัชกาลที่ 9 โดยทุกคนถือว่าโชคดีที่อยู่ 2 รัชกาล ซึ่งรัชกาลที่ 9 ทรงครองราชย์มา 70 ปี เราจึงอยู่มา 2 รัชกาล คือช่วงท้ายและช่วงต้น จึงต้องทำให้หลักชัยของประเทศคือ สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เข้มแข็ง และทำให้ประเทศไทยอยู่ได้ ไม่เป็นแบบบ้านอื่นคนอื่นเขา เพราะเรามีหลักชัยที่ยึดมั่นตรงนี้ ดังนั้นเราต้องสร้างจิตสำนึก การเป็นจิตอาสา การทำความดีด้วยหัวใจ จึงขอให้มาร่วมมือร่วมใจ และพูดคุยกัน อย่าไปมัวคุยแต่เรื่องความขัดแย้ง น่ารำคาญ น่าเบื่อ
       ที่ จ.มุกดาหาร พล.อ.ประยุทธ์ตรวจเยี่ยมสหกรณ์การเกษตรโคขุนหนองสูง อ.หนองสูง และกล่าวตอนหนึ่งว่า เราต้องทำเศรษฐกิจอีสานให้สูงขึ้น หลายอย่าง ที่พูดกันมาสวยหรูไม่มีทางทำได้ ถ้าพูดแบบตนทำได้ใช่ไหม วันนี้รัฐบาลทำเต็มที่ แต่เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ เราต้องสืบสานความคิดภูมิปัญญาอดีตสู่อนาคต เราล้มล้างประวัติศาสตร์ไม่ได้ เราล้มล้างสิ่งดีๆ ที่เป็นหลักของประเทศชาติไม่ได้ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน นั่นคือหลักชัย หลักของประเทศ เราถึงเป็นแผ่นดินที่ศักดิ์สิทธิ์ ใครจะทำอะไรได้อย่างนั้น ไม่วันนี้ก็วันหน้า ทำผิดก็ว่ากันมา กระบวนการยุติธรรมมีอยู่แล้ว 
    นายกฯ กล่าวว่า ระมัดระวังแล้วกัน ประเทศชาติอยู่ในกำมือทุกคน ที่สองนิ้วของท่าน ขีดให้ดี แต่จะขีดใครก็เรื่องของท่าน ขอบคุณข้าราชการ ผู้ว่าฯ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อบจ. โอ๊ยเยอะไปหมด แล้วทำไมไม่เจริญเสียที ก็ไม่เข้าใจ มันอยู่ที่ความร่วมมือ แนวคิดใหม่ วิสัยทัศน์ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำแบบเดิมๆ ไม่ได้ วันนี้บัตรรัฐสวัสดิการต้องไปดูมีระยะที่ 1 ระยะที่ 2 และถ้าตั้งใจทำเรื่องนี้ต่อได้อีกหลายระยะ
    จากนั้นนายกฯ สักการะหลวงพ่อใหญ่ พระประธานอายุ 112 ปีในอุโบสถ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวภูไทและพื้นที่ใกล้เคียง และกราบนมัสการพระครูนันทสารโสภิต เจ้าอาวาสวัดศรีนันทาราม โดยนายกฯ เปิดเผยว่า ได้ขอพรให้ประเทศ และขอพรให้คนไทย พร้อมขอให้คนที่ไม่ดีกลายเป็นคนดี โดยตนเองจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ขณะที่เจ้าอาวาสให้พรขอให้นายกฯ ทำให้สำเร็จ
    สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยผู้ที่จะเข้ามาต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์นั้น อยู่ในชั้นการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด ประชาชนทุกคนจะต้องผ่านจุดคัดกรอง ที่มีเครื่องสแกนวัตถุต้องสงสัย การตรวจบัตรประชาชน และติดสติกเกอร์และบัตรสี ห้ามพกพาอาวุธ แม้แต่ขวดน้ำพลาสติกเจ้าหน้าที่ก็จะตรวจและขอเก็บออกจากเต็นท์ต้อนรับนายกรัฐมนตรี
    นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค พปชร. แถลงความคืบหน้าการเชิญ พล.อ.ประยุทธ์และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯ ของพรรคว่า ปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ได้ตอบรับหรือแจ้งการตัดสินใจมาที่พรรค แต่เชื่อว่าจะทันภายในวันที่ 8 ก.พ.แน่นอน ขณะที่เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ตนได้นำเอกสารไปเชิญนายสมคิด เหมือนกับที่เชิญ พล.อ.ประยุทธ์ โดยนายสมคิดขอเวลาตัดสินใจ 1-2 วัน ซึ่งเราต้องให้เกียรติและให้เวลาท่าน 
    เมื่อถามว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบรับ จะกระทบต่อความนิยมของพรรคหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ไม่อยากให้พูดก่อน แต่เราต้องการทำพรรคนี้อย่างถาวร ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ตัวบุคคลเป็นเพียงหนึ่งในสามองค์ประกอบ ซึ่งเราไม่ได้ยึดติดกับตัวบุคคลแบบจะเป็นจะตาย แต่ส่วนตัวไม่ค่อยเผื่อใจ มั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์จะตอบรับ ตนมีความเชื่อมั่น และความหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น และผู้สมัครหลายคนเองก็เตรียมขึ้นป้ายหาเสียงคู่กับ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว รอเพียงการตอบรับ และยื่น กกต.เท่านั้น
    หัวหน้าพรรค พปชร.กล่าวว่า จากการที่ผู้สมัครได้ลงพื้นที่หาเสียงในช่วงเวลาที่ผ่านมา ถึงขนาดนี้ยังไม่พบปัญหาใดๆ แม้จะมีการทำลายป้ายหาเสียงบ้าง ซึ่งต้องดำเนินการทางกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตาม พรรค พปชร.จะมีการปราศรัยใหญ่ทุกภาคทั่วประเทศและใน กทม.ในเร็ววันนี้ ยืนยันว่าพรรค พปชร.จะไม่ซื้อเสียงแน่นอน และหวังว่าทุกพรรคจะไม่ซื้อเสียงเช่นเดียวกัน เพราะประชาชนคาดหวังในการเลือกตั้งครั้งนี้สูงมาก ทุกพรรคการเมืองควรร่วมกันทำให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม โดยควรแข่งขันกันที่นโยบาย ไม่ใช้วิธีการซื้อเสียง
    นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร. แถลงว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบรับคำเชิญ ทางพรรคก็มีแผนสำรอง และเตรียมการทุกสถานการณ์ไว้แล้ว โดยภายในวันที่ 8 ก.พ. พรรคจะดำเนินการทุกอย่างอย่างครบถ้วน 
    "ท่านคงมีเหตุผลของตัวเอง แต่พรรคได้เตรียมการแก้ไขปัญหาไว้แล้ว เมื่อถึงวันนั้นก็ค่อยพิจารณากันอีกที อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าท่านจะตอบรับ แต่ก็ต้องเผื่อใจไว้ด้วย แต่ไม่แน่ ในวันที่ 7 ท่านอาจให้คำตอบก็ได้" เลขาฯ พปชร.กล่าว
    รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐแจ้งว่า การจัดลำดับรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ที่คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครต้องขยับเปลี่ยนรายชื่อหลายครั้งตลอดทั้งสัปดาห์ จากเดิมที่วางตัวแกนนำกลุ่มต่างๆ ที่ช่วยงานพรรคและกลุ่มนายทุนของพรรคไว้ในลำดับต้น โดยให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสานไว้ในลำดับที่ 1, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ลำดับที่ 2, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ลำดับที่ 3, นายวิรัช รัตนเศรษฐ ลำดับที่ 4 อาจจะการสลับลำดับใหม่ โดยก่อนหน้านั้นมีชื่อของนายสุริยะและนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค ติดโผให้อยู่ในลำดับต้นมาตลอด และท้ายสุดคาดว่าชื่อของนายณัฏฐพล จะเบียดขึ้นมาอยู่ลำดับที่ 1 จากแรงสนับสนุนของผู้มีบารมีนอกพรรค ซึ่งนายณัฏฐพลถือเป็นแกนนำคนสำคัญของ กปปส. ส่วนชื่อของนายสุริยะและนายสมศักดิ์ อาจตกไปอยู่ในลำดับถัดไป
    รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่พรรคยื่นรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเปิดชื่อในวันที่ 7 ก.พ.นี้ จากนั้นจะรอคำตอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ หากตอบรับก็จะส่งตัวแทนไปรับเอกสารต่างๆ จาก พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อยื่นสมัครในวันที่ 8 ก.พ.นี้
    รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเริ่มขึ้นในเวลา 17.00 น.มีนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคเป็นประธาน พร้อมด้วยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหา ได้นำเสนอรายชื่อและลำดับที่ของผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ จำนวน 120 คน ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค โดยใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งที่ประชุมได้กำชับผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนห้ามเผยแพร่มติของที่ประชุมเพื่อรอเปิดเผยในการยื่นรายชื่อต่อ กกต.ในวันที่ 7 ก.พ.นี้ เวลา 10.30 น. ที่แกนนำพรรคจะไปยื่นรายชื่อต่อ กกต.
    ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้ชี้แจงถึงเหตุผลการคัดสรร และจัดลำดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก่อนจะมีมติจัดลำดับรายชื่อ 1-5 ซึ่งไม่เป็นไปตามที่คณะกรรมการสรรหาเสนอมาในเบื้องต้น โดยจัดลำดับใหม่ ดังนี้ ลำดับที่ 1 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค อดีตแกนนำ กปปส., ลำดับที่ 2 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคอีสาน อดีตแกนนำกลุ่มสามมิตร, ลำดับที่ 3 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์  กรรมการบริหารพรรค อดีตแกนนำ กปปส., ลำดับที่ 4 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจในการรณรงค์การหาเสียงเลือกตั้ง อดีตแกนนำกลุ่มสามมิตร และลำดับที่ 5 นายวิรัช รัตนเศรษฐ  แกนนำกลุ่มโคราช พรรคเพื่อไทย.  


วิชาเดา

พรรคการเมืองทั้งเล็กกลางใหญ่ยกขบวนไปยื่นรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์กับ กกต.กันหัวกระไดเป็นมัน

บางพรรคก็ส่งผู้สมัครบัญชีรายชื่อเกิน 100 คน บางพรรคส่งไม่ถึง 100 คน และบางพรรคก็ส่งแค่ 10-20 คน

ทุกพรรคต่างหวังจะได้แบ่งเค้ก ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่มีอยู่เพียง 150 คนเท่านั้นเอง

ประเด็นคือ พรรคไหนจะได้เก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อกี่คน?ต้องใช้สูตรคำนวณที่ออกแบบไว้ยุ่งยากซับซ้อนยิ่งกว่าสูตรปรมาณูของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

“แม่ลูกจันทร์” สรุปย่อๆสั้นๆ ง่ายๆสูตรคำนวณการแบ่งโควตา ส.ส.บัญชีรายชื่อที่จะใช้ในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งใหม่จะเป็นแบบนี้คือ...

เริ่มจากเอาคะแนนเสียงเลือกตั้งทุกพรรค และของผู้สมัคร ส.ส.เขต ทุกคน ทั้ง 350 เขตทั่วประเทศไปใส่ตะกร้ารวมกัน แล้วหารด้วยจำนวน ส.ส.ทั้งสภาคือ 500 คน

สมมติว่าคะแนนเลือกตั้งทุกเขตทั่วประเทศรวมกันได้ 40 ล้านคะแนน

เอา 500 ไปหาร 40 ล้านคะแนนเท่ากับ 80,000 คะแนน

80,000 คะแนน คิดเป็นสัดส่วน ส.ส. 1 คน!!

สมมติว่าพรรค ก.ไก่ ได้คะแนนเลือกตั้งรวมกัน 15 ล้านคะแนน หารด้วย 80,000 คะแนน

พรรค ก.ไก่ ก็จะพึงมี ส.ส.ได้ 187 คน

แต่บังเอิญ พรรค ก.ไก่ ได้เก้าอี้ ส.ส.เขตไปแล้ว 150 คน พรรค ก.ไก่ ก็จะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อีกเพียง 37 คน

ส่วนพรรค ข.ไข่ แพ้เรียบไม่ได้ ส.ส.เขตแม้แต่คนเดียว

แต่เมื่อเอาคะแนนที่เลือกผู้สมัครพรรค ข.ไข่ ทุกเขตมารวมกันได้เกิน 80,000 คะแนน

พรรค ข.ไข่ ก็จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อไป 1 คน

สรุปว่าพรรคใดจะได้โควตา ส.ส.บัญชีรายชื่อกี่คน ต้องรอให้ กกต.รวมคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.เขต 350 เขตครบทุกคะแนนเสียก่อน จึงจะคำนวณแบ่งโควตา ส.ส.บัญชีรายชื่ออีกที

แต่...แต่ถ้ามีใบเหลืองใบแดงใบดำต้องเลือกตั้งซ่อมใหม่ ก็ต้องคำนวณคะแนนกันใหม่ และแบ่งโควตา ส.ส.บัญชีรายชื่อกันใหม่ให้ถูกต้องกับคะแนนเลือกตั้งที่แท้จริง

ซึ่งจะส่งผลให้โควตา ส.ส.บัญชีรายชื่อแต่ละพรรคลดลง? หรือเพิ่มขึ้น? หรือเท่าเดิม? ได้ตลอดเวลา

โอย...มันเป็นสูตรคำนวณที่ชวนให้ปวดกะโหลกอย่างแรง

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้พรรคการเมืองใดได้ ส.ส.เกินครึ่งสภา

ปิดโอกาสไม่ให้พรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากพรรคเดียว

สรุปว่าสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบใหม่จะทำให้พรรคกลางและพรรคเล็กได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มขึ้น

แต่พรรคใหญ่จะได้ ส.ส.ลดลง

“แม่ลูกจันทร์” คาดว่า 3 พรรคใหญ่ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐ จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคละ 30 คน

พรรคอนาคตใหม่ พรรคภูมิใจไทย พรรคเสรีรวมไทย และพรรคไทยรักษาชาติ น่าจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อถึง 20 คน

ส่วนพรรคอื่นๆที่ “แม่ลูกจันทร์” ไม่ได้ระบุชื่อไว้ก็มีโอกาสได้แบ่งเค้ก ส.ส.บัญชีรายชื่อเช่นกัน

เพราะพรรคที่แพ้เลือกตั้ง ส.ส.เขต จะได้แบ่งโควตา ส.ส.บัญชีรายชื่อมากกว่าตามกติกา

หมายเหตุ นี่เป็นการประเมินแบบเดาสุ่มไม่มีข้อมูลสถิติ หรือหลักฐานเป็นใบเสร็จยืนยัน

แต่มั่นใจว่าเดาถูกเกิน 60 เปอร์เซ็นต์.

"แม่ลูกจันทร์"

โจทย์เส้นทางบังคับ

ผู้สมัครเตรียมขึ้นป้ายหาเสียงรูปคู่กับ “นายกฯลุงตู่” ไว้หมดแล้ว

ในอารมณ์แบบที่ “อุลตร้าอุตตม” นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โชว์ความชัวร์เป็นนัย “ไม่เผื่อใจ” กรณี “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจนายกฯ เบี้ยวนัด

ไม่ตอบรับเทียบเชิญเป็น “นายกฯบัญชีพลังประชารัฐ”

“ผูกมัด” เงื่อนไขสถานการณ์ไว้ซะขนาดนี้ ถ้าเกิดมีรายการพลิกล็อก หักมุมแบบ 180 องศาขึ้นมาจริงๆ มันก็น่าจะถึงขั้นพลิกแผน เปลี่ยนเกม สลับตัวผู้เล่นในกระดานกันใหม่เลย

และนั่นก็คงไม่ใช่ “นายกฯลุงตู่” ที่ได้สิทธิตีตั๋วไปต่อ

เท่านี้ก็น่าจะพอเดาทางกันได้ แค่ลีลาพระเอกรอฤกษ์โหมโรง

เรื่องของเรื่อง ในอารมณ์ที่จับอาการ พล.อ.ประยุทธ์แถลงหลังประชุม ครม. เน้นย้ำประเด็นแรกเลย

ที่ประชุม ครม.ได้กำชับให้ทุกคนดูแลความสงบเรียบร้อย ข้าราชการต้องไม่นิ่งเฉย ใส่เกียร์ว่างไม่ได้ ประชาชนมีความเดือดร้อนตรงไหนต้องเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือทันที

เพราะวันนี้ประชาชนคาดหวังความอยู่ดีกินดี

“นายกฯลุงตู่” มุ่งไปที่การไล่บี้ข้าราชการ “เกียร์ว่าง”

ล้อกันเลยกับจังหวะที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ เดินสายเข้าตรวจงานกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งเร่งปรับบทบาทพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 เลิกคิดแบบไดโนเสาร์

เนื่องจากประเทศเวียดนามได้เร่งพัฒนาหลายอุตสาหกรรมขึ้นมาใกล้กับไทยแล้ว และต่างประเทศเริ่มเปรียบเทียบการลงทุนระหว่างไทยกับเวียดนาม

หาก 3 ปียังไม่ปรับตัว ไทยมีโอกาสถูกแซงแน่นอน

ตามรูปการณ์ โจทย์สำคัญเฉพาะหน้าจริงๆของ “นายกฯลุงตู่” และรัฐบาลตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่เกมเลือกตั้งเท่านั้น แต่มันอยู่ที่การประคองสถานการณ์ “เปราะบาง” ห้วงคาบเกี่ยวสำคัญ

ธรรมชาติห้วงสุญญากาศเลือกตั้ง จังหวะชะงักงันของอำนาจการบริหาร

ประกอบกับรัฐมนตรี “4 กุมาร” พลังประชารัฐ ลาออกไปทำงานการเมือง “มืองาน” สำคัญด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลหายไปทีเดียว 4 คน ย่อมส่งผล “โหลด” ประสิทธิภาพเชิงบริหารอย่างเลี่ยงไม่ได้

เกิดภาวะฉุกเฉิน งานเดินไม่ทัน จะพาลทำคนหงุดหงิดช่วงเลือกตั้ง

นั่นต่างหากโจทย์ข้อแรกของ “ลุงตู่” ที่ต้องเคลียร์ก่อน

ส่วนการเมืองหลังเลือกตั้งมันล็อกโจทย์ไว้แล้ว ตั้งแต่ “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันไม่มีวันจับขั้วกับพรรคเพื่อไทย ผสมพันธุ์อำนาจกับทีมงานยี่ห้อ “ทักษิณ”

เส้นทางบังคับประชาธิปัตย์ต้องผ่านประตูกำแพงไปจับมือ

ทีมหนุน “นายกฯลุงตู่”

ยังไงก็ไม่มุดรูไปแจมกับทีม “ทักษิณ” แน่

งานของยี่ห้อประชาธิปัตย์ก็แค่ประคองตัวเลขให้อยู่ในสถานะ “ตัวแปร” ที่เสียงดัง

แต่ที่เห็นซัดกันตุ้บตั้บ เกมโหดๆแบบที่นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.สงขลา มือกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ต้องถือไม้เท้ายักแย่ยักยัน โชว์การันตีสุขภาพ เพื่อทวงสิทธิการลงสมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้ง

หลังเจอปฏิบัติการ “แซะ” แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว

เกมนัวเนียๆย้อนไปถึงวิบากกรรมที่เกิดขึ้นกับนายเจือ ราชสีห์ อดีต ส.ส.สงขลา ที่ถูกอัปเปหิขึ้นปาร์ตี้ลิสต์ หรือปฏิบัติการโหดๆ ที่เกิดกับ “ลูกหมี” นายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร ที่ต้องออกแรง

ฝ่าด่านสกัดเจาะยางสะบักสะบอม กว่าจะยื้อโควตา ส.ส.พื้นที่ชุมพรไว้ได้

และเป็นอะไรที่ชัดเจน “ลูกหมี–เจือ–วิรัตน์”ถูกจัดอยู่ในทีมงานใต้ปีก “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หัวขบวน กปปส.ในปฏิบัติการดัน “หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม” ก่อรัฐประหารโค่น “เดอะมาร์ค”

แต่ยึดอำนาจไม่สำเร็จ เลยกลายเป็น “กบฏ”

ต้องโดนไล่เช็กบิล ดาบแรกถอดชื่อออกจากทีมกรรมการบริหารชุดใหม่ภายใต้การนำของ “อภิสิทธิ์” ตามด้วยดาบสองไล่เคลียร์ออกจาก ส.ส.พื้นที่ในฐานที่มั่นปักษ์ใต้

ไล่ทุบ ไล่ตี รื้อ “รังงูเห่า” ในเกม “อภิสิทธิ์” ลุย “กระชับพื้นที่” ประชาธิปัตย์

ปฏิบัติการข้ามช็อต จำกัดวงอำนาจของทีม “ลุงกำนัน”

เพราะตามเส้นทางบังคับหนีไม่พ้นต้องแจมกับทีมหนุน “นายกฯลุงตู่” หลังเลือกตั้ง มันจึงต้องรีบกระชับพลังต่อรองของ “อภิสิทธิ์” ทั้งคิวโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และการดีลร่วม ครม.

ไม่ให้ทีม “ลุงกำนัน” ต่อสายตรง คุมเกมต่อรอง.

ทีมข่าวการเมือง