“จรุงวิทย์” ยืนยันผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ต้องถูกตรวจสอบคุณสมบัติ ลั่นประกาศพร้อมผู้สมัครเขต - บัญชีรายชื่อในวันที่ 15 ก.พ. ชี้คุณสมบัติต้องเท่ารัฐมนตรี แต่ครั้งนี้ไม่ต้องตรวจสอบการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
PR
วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
‘กกต.’ ยัน15 ก.พ.ประกาศชื่อ ผู้สมัครส.ส.‘เขต-บัญชีรายชื่อ-นายกฯ’ครบ
“จรุงวิทย์” ยืนยันผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ต้องถูกตรวจสอบคุณสมบัติ ลั่นประกาศพร้อมผู้สมัครเขต - บัญชีรายชื่อในวันที่ 15 ก.พ. ชี้คุณสมบัติต้องเท่ารัฐมนตรี แต่ครั้งนี้ไม่ต้องตรวจสอบการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
'พลังประชารัฐ' มั่นใจ 'บิ๊กตู่' ตอบรับแคนดิเดตนายกฯ 'ณัฏฐพล' ผงาดเบอร์ 1 ปาร์ตี้ลิสต์
นปช.แถลงปัดน้อยใจถูก'ทษช.'เขี่ยหมดลุ้นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ อ้อมแอ้มบอกจะอยู่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
'วันนอร์' นำทีม 'ประชาชาติ' ส่งปาร์ตี้ลิสต์ 58 รายชื่อ เสนอตัวเอง-ทวี-ณหทัย แคนดิเดตนายกฯ
7 ก.พ.62 - ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรค เดินทางมายื่นรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พร้อมบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี
ฮือฮา 'รปช.' เปิดแล้ว 150 รายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ชายสลับหญิง!
เปิด 150 รายชื่อผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์พรรคประชาธิปัตย์
99. นายสุธี กรกมลพฤกษ์100. นางสุรัตน์ เมฆะวรากุล101. นายแสงสรรเพ็ชร วิเศษบริรักษ์102. นายประเกียรติ นาสิมมา103. นายอาคม วุฒิพงศ์104. นายอารยะ โรจนวณิชชากร105.นายชัยนัท สุขไชยะ106.นางสาวอาภา รัชตะกุลธำรง
107. นายพนาสิน จึงสวนันทน์108.นายพีรสรณ์ จิรพิชิตชัย109. นางสาวจารุวรรณ บำรุงรักษ์110. นางชนกนันท์ ศุภศิริ
ฝ่ายปชต.น้ำตาร่วง!'จาตุรนต์'หลุดบัญชีนายกฯทษช. เจ้าตัวเผยคงไม่ต้องเซ็นแล้ว
7 ก.พ. 62 - ที่ตลาดวัดตะกล่ำ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) พร้อมคณะ อาทิ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ กรรมการยุทธศาสตร์พรรค นายฤภพ ชินวัตร รองโฆษกพรรคไทยรักษาชาติ นายต้น ณ ระนอง รองเลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ นายนิคม ไวยรัชพานิช นายประภัสร์ สงวน นพ.เหวง โตจิราการ และนายธกร เลาหพงศ์ชนะ ผู้สมัครส.ส.กทม. พรรคไทยรักษาชาติ เขตประเวศ-สวนหลวง ลงพื้นที่หาเสียงกับพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนที่มาซื้อของภายในตลาด จากนั้นเดินทางไปหาเสียงต่อที่ตลาดเอี่ยมสมบัติ โดยได้แวะรับประทานอาหารเช้าที่ตลาดเอี่ยมสมบัติ และปิดท้ายที่การเข้าเยี่ยมชมโรงเรียนศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดทุ่งลานนา
'ประยุทธ์' บอก 'ข่าวดี' สำหรับปชช. 8 กุมภาพันธ์
ชัดเจน ไม่ต้องแปล! “สมคิด” ปฏิเสธแคนดิเดตนายกฯ พร้อมสนับสนุน “บิ๊กตู่” นั่งเก้าอี้ต่อ
พปชร.มีแผนสำรอง
"บิ๊กตู่" หอบ "ประชารัฐ-ยุทธศาสตร์ชาติ" เดินสายตรวจราชการสกลนคร-มุกดาหาร ลั่นดูแลคนทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง เตือนชาวบ้านอย่าหลงคารมคนพูดหวานจ๊ะจ๋า ประเทศอยู่ในกำมือ สองนิ้วของทุกคนขีดให้ดี ด้าน "สนธิรัตน์" พูดแปลก หาก "ประยุทธ์" ไม่รับคำเชิญเป็นแคนดิเดตนายกฯ เตรียมแผนสำรองแล้ว
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย, พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เดินสายตรวจราชการที่จังหวัดยโสธรและมุกดาหาร
ทั้งนี้ เป็นการลงพื้นที่ครั้งที่ 2 แล้ว หลังมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง และก่อนวันที่ 8 ก.พ. ที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องให้คำตอบถึงการตัดสินใจตอบรับคำเชิญของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นนายกฯ ในบัญชีพรรคหรือไม่
จุดแรกที่นายกฯ ตรวจเยี่ยมคือ การขับเคลื่อนเมืองเกษตรอินทรีย์ต้นแบบ ณ ศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์วิถียโสธร อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร โอกาสนี้นายกฯ เป็นประธานสักขีพยานมอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชนให้แก่ประชาชน และสักขีพยานผู้ว่าราชการ จ.ยโสธร มอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวมให้แก่ผู้แทนประชาชน
พร้อมกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า ดีใจที่มาพบทุกคนด้วยตัวจริง ไม่ใช่แค่ผ่านโทรทัศน์ สำหรับ จ.ยโสธร มีชื่อเดิม ยศสุนทร แปลว่า ทรงไว้ซึ่งเกียรติ อย่างไรก็ตาม วันนี้อยากให้ประชาชนได้ฟังข้อมูลจากรัฐบาล ซึ่งเราทำตามยุทธศาสตร์คือ การทำไปเรื่อยๆ ถึงได้มีกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
"จึงอย่าไปฟังแค่ว่าวันนี้ใครจะให้อะไรกับเรา และอย่ามองแค่ว่าสิ่งที่ทำวันนี้เราจะอยู่หรือไม่อยู่ ต้องมองอนาคตของลูกหลาน"
เขากล่าวว่า รัฐบาลพยายามทำหลายมาตรการเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ทั้งโครงการประชารัฐ บ้านล้านหลัง ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการเมือง ที่มีการเอาชื่อไปใช้ แต่รัฐบาลทำเรื่องนี้มาตลอด เพื่อให้เกิดประโยชน์กับส่วนรวม ขณะที่ประเทศไทยไม่เหมือนคนอื่น มีคนน่ารัก แต่บางส่วนก็ไม่ไว้ใจ
"ผมพยายามเคลียร์เรื่องเหล่านี้ให้ได้ โดยต้องพูดกันด้วยข้อเท็จจริง อีกทั้งหลายอย่างเราต้องยอมรับ เมื่อก่อนอาจไม่มีใครมาพูดแบบนี้ ไม่มีใครมาทะเลาะกับท่าน มาพูดหวานๆ เพราะๆ พูดจาจ๊ะจ๋าไปเรื่อย ซึ่งมันไม่ได้ เราต้องพูดกันด้วยข้อเท็จจริง และพัฒนาไปด้วยกัน"
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันทุกรัฐบาล หากให้อย่างเดียวก็จะหมดสภาพ รัฐบาลเองก็จะเจ๊ง เพราะเป็นเงินภาษีของคนทั้งประเทศ อีกทั้งมีพ.ร.บ.งบประมาณ และ พ.ร.บ.การเงินการคลังอยู่ จึงอย่าฟัง หากใครบอกจะให้อะไรก็ต้องถามกลับด้วยว่า เงินมาจากไหน และผิดกฎหมายหรือไม่
"ผมเป็นนายกฯ ของประเทศไทย จะต้องดูแลคนทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง แต่ต้องเห็นใจคนที่มีรายได้น้อย ซึ่งวันนี้มีผู้มีรายได้น้อยมาลงทะเบียนถึง 14.7 ล้านคน ที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ บางพื้นที่เฉลี่ยเดือนละไม่กี่พันบาท แล้วจะอยู่กันได้อย่างไร"
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า บ้านเมืองจะสงบหรือไม่สงบอยู่ที่ทุกคน วันนี้ประชาชนและรัฐต้องทำงานร่วมกันในการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เราจะมีพระเจ้าแผ่นดินที่สมบูรณ์ เป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบขั้นตอนทั้งหมดเหมือนกับรัชกาลที่ 9 โดยทุกคนถือว่าโชคดีที่อยู่ 2 รัชกาล ซึ่งรัชกาลที่ 9 ทรงครองราชย์มา 70 ปี เราจึงอยู่มา 2 รัชกาล คือช่วงท้ายและช่วงต้น จึงต้องทำให้หลักชัยของประเทศคือ สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เข้มแข็ง และทำให้ประเทศไทยอยู่ได้ ไม่เป็นแบบบ้านอื่นคนอื่นเขา เพราะเรามีหลักชัยที่ยึดมั่นตรงนี้ ดังนั้นเราต้องสร้างจิตสำนึก การเป็นจิตอาสา การทำความดีด้วยหัวใจ จึงขอให้มาร่วมมือร่วมใจ และพูดคุยกัน อย่าไปมัวคุยแต่เรื่องความขัดแย้ง น่ารำคาญ น่าเบื่อ
ที่ จ.มุกดาหาร พล.อ.ประยุทธ์ตรวจเยี่ยมสหกรณ์การเกษตรโคขุนหนองสูง อ.หนองสูง และกล่าวตอนหนึ่งว่า เราต้องทำเศรษฐกิจอีสานให้สูงขึ้น หลายอย่าง ที่พูดกันมาสวยหรูไม่มีทางทำได้ ถ้าพูดแบบตนทำได้ใช่ไหม วันนี้รัฐบาลทำเต็มที่ แต่เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ เราต้องสืบสานความคิดภูมิปัญญาอดีตสู่อนาคต เราล้มล้างประวัติศาสตร์ไม่ได้ เราล้มล้างสิ่งดีๆ ที่เป็นหลักของประเทศชาติไม่ได้ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน นั่นคือหลักชัย หลักของประเทศ เราถึงเป็นแผ่นดินที่ศักดิ์สิทธิ์ ใครจะทำอะไรได้อย่างนั้น ไม่วันนี้ก็วันหน้า ทำผิดก็ว่ากันมา กระบวนการยุติธรรมมีอยู่แล้ว
นายกฯ กล่าวว่า ระมัดระวังแล้วกัน ประเทศชาติอยู่ในกำมือทุกคน ที่สองนิ้วของท่าน ขีดให้ดี แต่จะขีดใครก็เรื่องของท่าน ขอบคุณข้าราชการ ผู้ว่าฯ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อบจ. โอ๊ยเยอะไปหมด แล้วทำไมไม่เจริญเสียที ก็ไม่เข้าใจ มันอยู่ที่ความร่วมมือ แนวคิดใหม่ วิสัยทัศน์ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำแบบเดิมๆ ไม่ได้ วันนี้บัตรรัฐสวัสดิการต้องไปดูมีระยะที่ 1 ระยะที่ 2 และถ้าตั้งใจทำเรื่องนี้ต่อได้อีกหลายระยะ
จากนั้นนายกฯ สักการะหลวงพ่อใหญ่ พระประธานอายุ 112 ปีในอุโบสถ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวภูไทและพื้นที่ใกล้เคียง และกราบนมัสการพระครูนันทสารโสภิต เจ้าอาวาสวัดศรีนันทาราม โดยนายกฯ เปิดเผยว่า ได้ขอพรให้ประเทศ และขอพรให้คนไทย พร้อมขอให้คนที่ไม่ดีกลายเป็นคนดี โดยตนเองจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ขณะที่เจ้าอาวาสให้พรขอให้นายกฯ ทำให้สำเร็จ
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยผู้ที่จะเข้ามาต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์นั้น อยู่ในชั้นการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด ประชาชนทุกคนจะต้องผ่านจุดคัดกรอง ที่มีเครื่องสแกนวัตถุต้องสงสัย การตรวจบัตรประชาชน และติดสติกเกอร์และบัตรสี ห้ามพกพาอาวุธ แม้แต่ขวดน้ำพลาสติกเจ้าหน้าที่ก็จะตรวจและขอเก็บออกจากเต็นท์ต้อนรับนายกรัฐมนตรี
นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค พปชร. แถลงความคืบหน้าการเชิญ พล.อ.ประยุทธ์และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯ ของพรรคว่า ปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ได้ตอบรับหรือแจ้งการตัดสินใจมาที่พรรค แต่เชื่อว่าจะทันภายในวันที่ 8 ก.พ.แน่นอน ขณะที่เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ตนได้นำเอกสารไปเชิญนายสมคิด เหมือนกับที่เชิญ พล.อ.ประยุทธ์ โดยนายสมคิดขอเวลาตัดสินใจ 1-2 วัน ซึ่งเราต้องให้เกียรติและให้เวลาท่าน
เมื่อถามว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบรับ จะกระทบต่อความนิยมของพรรคหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ไม่อยากให้พูดก่อน แต่เราต้องการทำพรรคนี้อย่างถาวร ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ตัวบุคคลเป็นเพียงหนึ่งในสามองค์ประกอบ ซึ่งเราไม่ได้ยึดติดกับตัวบุคคลแบบจะเป็นจะตาย แต่ส่วนตัวไม่ค่อยเผื่อใจ มั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์จะตอบรับ ตนมีความเชื่อมั่น และความหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น และผู้สมัครหลายคนเองก็เตรียมขึ้นป้ายหาเสียงคู่กับ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว รอเพียงการตอบรับ และยื่น กกต.เท่านั้น
หัวหน้าพรรค พปชร.กล่าวว่า จากการที่ผู้สมัครได้ลงพื้นที่หาเสียงในช่วงเวลาที่ผ่านมา ถึงขนาดนี้ยังไม่พบปัญหาใดๆ แม้จะมีการทำลายป้ายหาเสียงบ้าง ซึ่งต้องดำเนินการทางกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตาม พรรค พปชร.จะมีการปราศรัยใหญ่ทุกภาคทั่วประเทศและใน กทม.ในเร็ววันนี้ ยืนยันว่าพรรค พปชร.จะไม่ซื้อเสียงแน่นอน และหวังว่าทุกพรรคจะไม่ซื้อเสียงเช่นเดียวกัน เพราะประชาชนคาดหวังในการเลือกตั้งครั้งนี้สูงมาก ทุกพรรคการเมืองควรร่วมกันทำให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม โดยควรแข่งขันกันที่นโยบาย ไม่ใช้วิธีการซื้อเสียง
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร. แถลงว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบรับคำเชิญ ทางพรรคก็มีแผนสำรอง และเตรียมการทุกสถานการณ์ไว้แล้ว โดยภายในวันที่ 8 ก.พ. พรรคจะดำเนินการทุกอย่างอย่างครบถ้วน
"ท่านคงมีเหตุผลของตัวเอง แต่พรรคได้เตรียมการแก้ไขปัญหาไว้แล้ว เมื่อถึงวันนั้นก็ค่อยพิจารณากันอีกที อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าท่านจะตอบรับ แต่ก็ต้องเผื่อใจไว้ด้วย แต่ไม่แน่ ในวันที่ 7 ท่านอาจให้คำตอบก็ได้" เลขาฯ พปชร.กล่าว
รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐแจ้งว่า การจัดลำดับรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ที่คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครต้องขยับเปลี่ยนรายชื่อหลายครั้งตลอดทั้งสัปดาห์ จากเดิมที่วางตัวแกนนำกลุ่มต่างๆ ที่ช่วยงานพรรคและกลุ่มนายทุนของพรรคไว้ในลำดับต้น โดยให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสานไว้ในลำดับที่ 1, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ลำดับที่ 2, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ลำดับที่ 3, นายวิรัช รัตนเศรษฐ ลำดับที่ 4 อาจจะการสลับลำดับใหม่ โดยก่อนหน้านั้นมีชื่อของนายสุริยะและนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค ติดโผให้อยู่ในลำดับต้นมาตลอด และท้ายสุดคาดว่าชื่อของนายณัฏฐพล จะเบียดขึ้นมาอยู่ลำดับที่ 1 จากแรงสนับสนุนของผู้มีบารมีนอกพรรค ซึ่งนายณัฏฐพลถือเป็นแกนนำคนสำคัญของ กปปส. ส่วนชื่อของนายสุริยะและนายสมศักดิ์ อาจตกไปอยู่ในลำดับถัดไป
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่พรรคยื่นรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเปิดชื่อในวันที่ 7 ก.พ.นี้ จากนั้นจะรอคำตอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ หากตอบรับก็จะส่งตัวแทนไปรับเอกสารต่างๆ จาก พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อยื่นสมัครในวันที่ 8 ก.พ.นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเริ่มขึ้นในเวลา 17.00 น.มีนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคเป็นประธาน พร้อมด้วยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหา ได้นำเสนอรายชื่อและลำดับที่ของผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ จำนวน 120 คน ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค โดยใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งที่ประชุมได้กำชับผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนห้ามเผยแพร่มติของที่ประชุมเพื่อรอเปิดเผยในการยื่นรายชื่อต่อ กกต.ในวันที่ 7 ก.พ.นี้ เวลา 10.30 น. ที่แกนนำพรรคจะไปยื่นรายชื่อต่อ กกต.
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้ชี้แจงถึงเหตุผลการคัดสรร และจัดลำดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก่อนจะมีมติจัดลำดับรายชื่อ 1-5 ซึ่งไม่เป็นไปตามที่คณะกรรมการสรรหาเสนอมาในเบื้องต้น โดยจัดลำดับใหม่ ดังนี้ ลำดับที่ 1 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค อดีตแกนนำ กปปส., ลำดับที่ 2 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคอีสาน อดีตแกนนำกลุ่มสามมิตร, ลำดับที่ 3 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรค อดีตแกนนำ กปปส., ลำดับที่ 4 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจในการรณรงค์การหาเสียงเลือกตั้ง อดีตแกนนำกลุ่มสามมิตร และลำดับที่ 5 นายวิรัช รัตนเศรษฐ แกนนำกลุ่มโคราช พรรคเพื่อไทย.
วิชาเดา
พรรคการเมืองทั้งเล็กกลางใหญ่ยกขบวนไปยื่นรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์กับ กกต.กันหัวกระไดเป็นมัน
บางพรรคก็ส่งผู้สมัครบัญชีรายชื่อเกิน 100 คน บางพรรคส่งไม่ถึง 100 คน และบางพรรคก็ส่งแค่ 10-20 คน
ทุกพรรคต่างหวังจะได้แบ่งเค้ก ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่มีอยู่เพียง 150 คนเท่านั้นเอง
ประเด็นคือ พรรคไหนจะได้เก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อกี่คน?ต้องใช้สูตรคำนวณที่ออกแบบไว้ยุ่งยากซับซ้อนยิ่งกว่าสูตรปรมาณูของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
“แม่ลูกจันทร์” สรุปย่อๆสั้นๆ ง่ายๆสูตรคำนวณการแบ่งโควตา ส.ส.บัญชีรายชื่อที่จะใช้ในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งใหม่จะเป็นแบบนี้คือ...
เริ่มจากเอาคะแนนเสียงเลือกตั้งทุกพรรค และของผู้สมัคร ส.ส.เขต ทุกคน ทั้ง 350 เขตทั่วประเทศไปใส่ตะกร้ารวมกัน แล้วหารด้วยจำนวน ส.ส.ทั้งสภาคือ 500 คน
สมมติว่าคะแนนเลือกตั้งทุกเขตทั่วประเทศรวมกันได้ 40 ล้านคะแนน
เอา 500 ไปหาร 40 ล้านคะแนนเท่ากับ 80,000 คะแนน
80,000 คะแนน คิดเป็นสัดส่วน ส.ส. 1 คน!!
สมมติว่าพรรค ก.ไก่ ได้คะแนนเลือกตั้งรวมกัน 15 ล้านคะแนน หารด้วย 80,000 คะแนน
พรรค ก.ไก่ ก็จะพึงมี ส.ส.ได้ 187 คน
แต่บังเอิญ พรรค ก.ไก่ ได้เก้าอี้ ส.ส.เขตไปแล้ว 150 คน พรรค ก.ไก่ ก็จะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อีกเพียง 37 คน
ส่วนพรรค ข.ไข่ แพ้เรียบไม่ได้ ส.ส.เขตแม้แต่คนเดียว
แต่เมื่อเอาคะแนนที่เลือกผู้สมัครพรรค ข.ไข่ ทุกเขตมารวมกันได้เกิน 80,000 คะแนน
พรรค ข.ไข่ ก็จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อไป 1 คน
สรุปว่าพรรคใดจะได้โควตา ส.ส.บัญชีรายชื่อกี่คน ต้องรอให้ กกต.รวมคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.เขต 350 เขตครบทุกคะแนนเสียก่อน จึงจะคำนวณแบ่งโควตา ส.ส.บัญชีรายชื่ออีกที
แต่...แต่ถ้ามีใบเหลืองใบแดงใบดำต้องเลือกตั้งซ่อมใหม่ ก็ต้องคำนวณคะแนนกันใหม่ และแบ่งโควตา ส.ส.บัญชีรายชื่อกันใหม่ให้ถูกต้องกับคะแนนเลือกตั้งที่แท้จริง
ซึ่งจะส่งผลให้โควตา ส.ส.บัญชีรายชื่อแต่ละพรรคลดลง? หรือเพิ่มขึ้น? หรือเท่าเดิม? ได้ตลอดเวลา
โอย...มันเป็นสูตรคำนวณที่ชวนให้ปวดกะโหลกอย่างแรง
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้พรรคการเมืองใดได้ ส.ส.เกินครึ่งสภา
ปิดโอกาสไม่ให้พรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากพรรคเดียว
สรุปว่าสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบใหม่จะทำให้พรรคกลางและพรรคเล็กได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มขึ้น
แต่พรรคใหญ่จะได้ ส.ส.ลดลง
“แม่ลูกจันทร์” คาดว่า 3 พรรคใหญ่ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐ จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคละ 30 คน
พรรคอนาคตใหม่ พรรคภูมิใจไทย พรรคเสรีรวมไทย และพรรคไทยรักษาชาติ น่าจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อถึง 20 คน
ส่วนพรรคอื่นๆที่ “แม่ลูกจันทร์” ไม่ได้ระบุชื่อไว้ก็มีโอกาสได้แบ่งเค้ก ส.ส.บัญชีรายชื่อเช่นกัน
เพราะพรรคที่แพ้เลือกตั้ง ส.ส.เขต จะได้แบ่งโควตา ส.ส.บัญชีรายชื่อมากกว่าตามกติกา
หมายเหตุ นี่เป็นการประเมินแบบเดาสุ่มไม่มีข้อมูลสถิติ หรือหลักฐานเป็นใบเสร็จยืนยัน
แต่มั่นใจว่าเดาถูกเกิน 60 เปอร์เซ็นต์.
"แม่ลูกจันทร์"
โจทย์เส้นทางบังคับ
ผู้สมัครเตรียมขึ้นป้ายหาเสียงรูปคู่กับ “นายกฯลุงตู่” ไว้หมดแล้ว
ในอารมณ์แบบที่ “อุลตร้าอุตตม” นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โชว์ความชัวร์เป็นนัย “ไม่เผื่อใจ” กรณี “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจนายกฯ เบี้ยวนัด
ไม่ตอบรับเทียบเชิญเป็น “นายกฯบัญชีพลังประชารัฐ”
“ผูกมัด” เงื่อนไขสถานการณ์ไว้ซะขนาดนี้ ถ้าเกิดมีรายการพลิกล็อก หักมุมแบบ 180 องศาขึ้นมาจริงๆ มันก็น่าจะถึงขั้นพลิกแผน เปลี่ยนเกม สลับตัวผู้เล่นในกระดานกันใหม่เลย
และนั่นก็คงไม่ใช่ “นายกฯลุงตู่” ที่ได้สิทธิตีตั๋วไปต่อ
เท่านี้ก็น่าจะพอเดาทางกันได้ แค่ลีลาพระเอกรอฤกษ์โหมโรง
เรื่องของเรื่อง ในอารมณ์ที่จับอาการ พล.อ.ประยุทธ์แถลงหลังประชุม ครม. เน้นย้ำประเด็นแรกเลย
ที่ประชุม ครม.ได้กำชับให้ทุกคนดูแลความสงบเรียบร้อย ข้าราชการต้องไม่นิ่งเฉย ใส่เกียร์ว่างไม่ได้ ประชาชนมีความเดือดร้อนตรงไหนต้องเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือทันที
เพราะวันนี้ประชาชนคาดหวังความอยู่ดีกินดี
“นายกฯลุงตู่” มุ่งไปที่การไล่บี้ข้าราชการ “เกียร์ว่าง”
ล้อกันเลยกับจังหวะที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ เดินสายเข้าตรวจงานกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งเร่งปรับบทบาทพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 เลิกคิดแบบไดโนเสาร์
เนื่องจากประเทศเวียดนามได้เร่งพัฒนาหลายอุตสาหกรรมขึ้นมาใกล้กับไทยแล้ว และต่างประเทศเริ่มเปรียบเทียบการลงทุนระหว่างไทยกับเวียดนาม
หาก 3 ปียังไม่ปรับตัว ไทยมีโอกาสถูกแซงแน่นอน
ตามรูปการณ์ โจทย์สำคัญเฉพาะหน้าจริงๆของ “นายกฯลุงตู่” และรัฐบาลตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่เกมเลือกตั้งเท่านั้น แต่มันอยู่ที่การประคองสถานการณ์ “เปราะบาง” ห้วงคาบเกี่ยวสำคัญ
ธรรมชาติห้วงสุญญากาศเลือกตั้ง จังหวะชะงักงันของอำนาจการบริหาร
ประกอบกับรัฐมนตรี “4 กุมาร” พลังประชารัฐ ลาออกไปทำงานการเมือง “มืองาน” สำคัญด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลหายไปทีเดียว 4 คน ย่อมส่งผล “โหลด” ประสิทธิภาพเชิงบริหารอย่างเลี่ยงไม่ได้
เกิดภาวะฉุกเฉิน งานเดินไม่ทัน จะพาลทำคนหงุดหงิดช่วงเลือกตั้ง
นั่นต่างหากโจทย์ข้อแรกของ “ลุงตู่” ที่ต้องเคลียร์ก่อน
ส่วนการเมืองหลังเลือกตั้งมันล็อกโจทย์ไว้แล้ว ตั้งแต่ “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันไม่มีวันจับขั้วกับพรรคเพื่อไทย ผสมพันธุ์อำนาจกับทีมงานยี่ห้อ “ทักษิณ”
เส้นทางบังคับประชาธิปัตย์ต้องผ่านประตูกำแพงไปจับมือ
ทีมหนุน “นายกฯลุงตู่”
ยังไงก็ไม่มุดรูไปแจมกับทีม “ทักษิณ” แน่
งานของยี่ห้อประชาธิปัตย์ก็แค่ประคองตัวเลขให้อยู่ในสถานะ “ตัวแปร” ที่เสียงดัง
แต่ที่เห็นซัดกันตุ้บตั้บ เกมโหดๆแบบที่นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.สงขลา มือกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ต้องถือไม้เท้ายักแย่ยักยัน โชว์การันตีสุขภาพ เพื่อทวงสิทธิการลงสมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้ง
หลังเจอปฏิบัติการ “แซะ” แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เกมนัวเนียๆย้อนไปถึงวิบากกรรมที่เกิดขึ้นกับนายเจือ ราชสีห์ อดีต ส.ส.สงขลา ที่ถูกอัปเปหิขึ้นปาร์ตี้ลิสต์ หรือปฏิบัติการโหดๆ ที่เกิดกับ “ลูกหมี” นายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร ที่ต้องออกแรง
ฝ่าด่านสกัดเจาะยางสะบักสะบอม กว่าจะยื้อโควตา ส.ส.พื้นที่ชุมพรไว้ได้
และเป็นอะไรที่ชัดเจน “ลูกหมี–เจือ–วิรัตน์”ถูกจัดอยู่ในทีมงานใต้ปีก “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หัวขบวน กปปส.ในปฏิบัติการดัน “หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม” ก่อรัฐประหารโค่น “เดอะมาร์ค”
แต่ยึดอำนาจไม่สำเร็จ เลยกลายเป็น “กบฏ”
ต้องโดนไล่เช็กบิล ดาบแรกถอดชื่อออกจากทีมกรรมการบริหารชุดใหม่ภายใต้การนำของ “อภิสิทธิ์” ตามด้วยดาบสองไล่เคลียร์ออกจาก ส.ส.พื้นที่ในฐานที่มั่นปักษ์ใต้
ไล่ทุบ ไล่ตี รื้อ “รังงูเห่า” ในเกม “อภิสิทธิ์” ลุย “กระชับพื้นที่” ประชาธิปัตย์
ปฏิบัติการข้ามช็อต จำกัดวงอำนาจของทีม “ลุงกำนัน”
เพราะตามเส้นทางบังคับหนีไม่พ้นต้องแจมกับทีมหนุน “นายกฯลุงตู่” หลังเลือกตั้ง มันจึงต้องรีบกระชับพลังต่อรองของ “อภิสิทธิ์” ทั้งคิวโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และการดีลร่วม ครม.
ไม่ให้ทีม “ลุงกำนัน” ต่อสายตรง คุมเกมต่อรอง.
ทีมข่าวการเมือง