PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2560

พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

ช่วงสองสามปีนี้ คนไทยที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเกือบทั้งหมด หรือประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศมีรายได้ลดลง จากการตกต่ำอย่างต่อเนื่องของราคาสินค้าเกษตร และดูเหมือนรัฐบาลจะไม่มีความสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้
สำหรับคนที่กินเงินเดือนภาครัฐและภาคเอกชนใหญ่ๆ มีรายได้เท่าเดิมและเพิ่มขึ้นตามจำนวนปีที่ทำงาน แต่ภาคเอกชนขนาดเล็ก และผู้ประกอบอาชีพอิสระจะมีความไม่แน่นอนเรื่องรายได้ แต่แนวโน้มไปในทางทรง กับ ทรุด มากกว่าจะรุ่ง
ส่วนคนที่มีรายได้มากขึ้นคือ ข้าราชการประจำ ข้าราชการเกษียณบางคน และภาคส่วนอื่นบางคน ที่ไปเป็น รัฐมนตรีและ สมาชิกสภาทั้งหลาย ทั้ง สนช. สภาปฏฺิรูปสารพัดสภา กรธ. และกรรมการปฏฺิรูปอีกสารพัดชุด
อีกกลุ่มที่ได้ข่าวว่ามีรายได้เพิ่มขึ้นคือ กลุ่มข้าราชการที่ทุจริตบางกลุ่มบางสี ซึ่งเมื่อก่อนไม่ค่อยมีข่าวมาก่อนว่าจะเข้าไปมีส่วนกับธุรกิจผิดกฎหมายอย่าง บ่อนเถื่อน หวยเถื่อน และธุรกิจเถื่อนอื่นๆ รวมทั้งโครงการพัฒนาต่างๆในระดับพื้นที่ แต่สองสามปีมานี้ ไปจังหวัดไหนก็มักจะได้ยินอยู่เสมอว่า มีกลุ่มใหม่ที่เข้ามาร่วมกินแบ่งเพิ่มขึ้นอีกกลุ่ม
ส่วนจะเป็นกลุ่มไหน รบกวนนายกฯส่งคนไปสืบเอาเอง
-------
อ้อ อีกเรื่อง ผมว่า คนเป็นข้าราชการประจำกินเงินเดือน ที่รู้จักประมาณตน เขาไม่ใส่นาฬิกาเรือนละหลายล้านบาทเป็นแน่ ลำพังเงินเดือนข้าราชการ หากเอาไปซื้อนาฬิกาเรือนละหลายล้านบาทใส่ข้อมือ หากไม่เสียสติ ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว
และข้าราชการที่มีสติดี และมีคุณธรรมพอประมาณ เขาคงไม่ยืมนาฬิกาเรือนละหลายล้านบาทจากเพื่อนที่เป็นนักธุรกิจ มาใส่ข้อมือตนเองหรอกครับ เพราะเขารู้ว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ
ทำอะไร ให้พอเพียง พอประมาณ ให้เหมาะสมกับสถานะของความเป็นข้าราชการ เพื่อจะได้เป็นแบบอย่างที่ดีต่อประชาชนจะดีกว่า
อย่าทำตามกระแสลัทธิบริโภคนิยมให้มากเกินไป เพราะหากทำอะไรไม่พอดี ไม่พอประมาณ เมื่อปรากฎต่อสายตาของสาธารณะแล้ว ก็ย่อมถูกสงสัย ถูกติเตียน และถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
-------
เท่าที่ติดตามกระแสความคิดของประชาชนแทบทุกประเทศ พบอย่างหนึ่งว่า พฤติกรรมของผู้นำ ผู้บริหารประเทศที่จะได้รับการนับถือ เคารพ ศรัทธา และยกย่องจากประชาชนนั้น เป็นผู้นำที่วางตัวแบบ สมถะ ไม่ถือตัว ติดดิน ซือสัตย์ ปฏิบัติตัวอย่างครรลองคลองธรรม และกล้าตัดสินใจทำประโยชน์แก่ประเทศทั้งระยะสั้นและระยะยาว
----- น่าเสียดายว่า--- บรรดาผู้นำของประเทศเราในเวลานี้ มีคนปฏิบัติตัว ให้ผู้คนเขานับถือและเอาเป็นแบบอย่างได้ไม่มากนัก-----------
แต่สังคมไทย ก็ยังมีคนสามัญธรรมดา ที่มีการกระทำที่ยิ่งใหญ่ และผู้คนสามารถเอาเป็นแบบอย่างได้ไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่องการเสียสละกำลังกายและกำลังทรัพย์เพื่อสังคม
--------

บอร์ดองค์การสวนสัตว์ฯ ถกย้าย 'เขาดิน' บ่ายนี้

บอร์ดองค์การสวนสัตว์ฯ ถกย้าย 'เขาดิน' บ่ายนี้
วาระสำคัญของการประชุม บอร์ดองค์การสวนสัตว์ฯ บ่ายวันนี้(12ธ.ค.) คือ เตรียมตั้งคณะทำงานและผู้เชี่ยวชาญ ดำเนินการย้าย 'สวนสัตว์ดุสิต' ไปในที่ดินพระราชทาน 300 ไร่ ย่านคลอง 6 ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ ได้สั่งการให้ ผู้บริหารและคณะทำงานของสวนสัตว์ดุสิต ศึกษาความเหมาะสม และแบ่งประเภทกลุ่มสัตว์ป่าออกเป็นสัตว์ชนิดต่างๆ โดยมีแผนที่กระจายสัตว์ไปยังสวนสัตว์ 5 แห่ง ทั่วประเทศ ได้แก่ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว สวนสัตว์เชียงใหม่ สวนสัตว์นครราชสีมา สวนสัตว์อุบลราชธานี และสวนสัตว์ขอนแก่น ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2560 องค์การสวนสัตว์ฯ ได้จัดสรรคงบประมาณดำเนินการ จัดตั้งสวนสัตว์แห่งใหม่วงเงิน 137 ล้านบาท
ขณะที่ในช่วงบ่ายวันนี้ (12ธ.ค.60) คณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญคณะกรรมการร่วมประชุม เพื่อคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญ และตั้งคณะทำงาน เพื่อดำเนินการย้ายสวนสัตว์ดุสิต หลังจาก พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เข้ารับพระราชทานโฉนดที่ดิน เนื้อที่ 300 ไร่ ในย่านคลอง 6 ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เพื่อใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่ และสถานที่ทำงานขององค์การสวนสัตว์ฯ เนื่องจากที่ตั้งเดิมแออัดคับแคบ
(Credit / VoiceTV)

มหาวิทยาลัย นครพนม มอบปริญญาฯให้"บิ๊กป้อม"

มหาวิทยาลัย นครพนม มอบปริญญาฯให้"บิ๊กป้อม"
"บิ๊กป้อม" เตรียมบิน นครพนม เข้ารับพระราชทาน ปริญญาดุษฎีบัณทิตกิตติมศักดิ์ สาขารัฐศาสตร์ จาก "มหาวิทยาลัย นครพนม ในวันที่13ธค.นี้
พร้อม ประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงภายในและพื้นที่ชายแดน
มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ 13 ธันวาคม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม จะเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยนครพนม เพื่อรับพระราชทานปริญญา ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขารัฐศาสตร์ จากสมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาสยามบรมราชกุมารี
ในฐานะที่เป็น ผู้นำในการบริหารจัดการแก้ปัญหาด้านความมั่นคง และ การดูแลบังคับบัญชากองทัพ
นอกจากนี้ ในโอกาสที่เดินทางไปจังหวัดนครพนม พลเอกประวิตร จะเรียกประชุมหน่วยความมั่นคงภายในและพื้นที่ชายแดนในพื้นที่ด้วย
โดยในวันพรุ่งนี้ พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางลงพื้นที่ จังหวัด กาฬสินธุ์ ด้วยเช่นกัน

"บิ๊กตู่"แฉ มีพวกจัองเล่นงาน"บิ๊กป้อม" หวังตีให้แตก

เข้มแข็ง!!
"บิ๊กตู่"แฉ มีพวกจัองเล่นงาน"บิ๊กป้อม" หวังตีให้แตก จากฉั้น!!...ขู่ ถ้าไม่มี "บิ๊กป้อม" อยู่ด้วย จะดุกว่าเดิม ใช้อำนาจเต็มที่ วอนลดราวาศอกบ้าง ..บอกสื่อ อย่าจ้อง บิ๊กป้อม นัก ชี้หลายคนจ้องอยู่ ขอ อย่ามองในทางแย่ ไปทั้งหมด .....เผย "บิ๊กป้อม"เข้มแข็ง เป็นทหาร ดูแลตัวเองได้ โตๆ กันแล้ว
"นายกฯบิ๊กตู่" เผยให้กำลังใจ "บิ๊กป้อม" ตลอด ยันท่านเข้มแข็ง เพราะเป็นทหาร ดูแลตัวเองได้ ไม่ใช่เด็กๆ
แต่สื่อก็ควร ลดราวาศอกกันบ้าง กฏหมายว่ายังไง อย่ามองไปในทางที่แย่ทั้งหมด กฏหมายเขาว่า ยังไง
ส่วนการที่ พลเอกประวิตร โดนตลอด นั้น นายกฯ กล่าวว่า เพราะพวกคุณไปจ้องท่านนะสิ หลายคนไปจ้องแต่ท่าน เพราะจะให้ท่าน แตกจากฉัน พวกเธอก็รู้อยู่ ฉั้นก็เข้มแข็งเยอะนะ
" ยิ่งถ้าไม่มี คนอยู่กับฉัน ฉันยิ่งดุกว่าเดิมนะจะบอกให้ ฉันจะใช้อำนาจเต็มที่" นายกฯ กล่าว

"บิ๊กตู่" ขู่ ถ้าไม่มี "บิ๊กป้อม" อยู่ด้วย จะดุ กว่าเดิม ใช้อำนาจเต็มที่

"บิ๊กตู่" ขู่ ถ้าไม่มี "บิ๊กป้อม" อยู่ด้วย จะดุ กว่าเดิม ใช้อำนาจเต็มที่ ชี้มีคนจ้องตี"บิ๊กป้อม" หวังตีให้ แตกจากผม วอนลดราวาศอกบ้าง บอกสื่อ อย่าจ้อง บิ๊กป้อม นัก อย่ามองในทางแย่ ไปทั้งหมด เผย บิ๊กป้อมเข้มแข็ง เป็นทหาร ดูแลตัวเองได้
"นายกฯบิ๊กตู่" เผยให้กำลังใจ บิ๊กป้อม ตลอด ยันท่านเข้มแข็ง เพราะเป็นทหาร ดูแลตัวเองได้ ไม่ใช่เด็กๆ แต่สื่อก็ควร ลดราวาศอกกันบ้าง กฏหมายว่ายังไง อย่ามองไปในทางที่แย่ ทั้งหมด กฏหมายเขาว้ายังไง
แล้วก็เพราะหลายคนไปจ้องแต่ท่าน เพราะจะให้ท่าน แตกจากฉัน พวกเธอก็รู้อยู่
" ยิ่งถ้าไม่มีคนอยู่กับฉัน ฉันยิ่งดุกว่าเดิมนะจะบอกให้ ฉันจะใช้อำนาจเต็มที่"

"บิ๊กป้อม" บอกแต่ ไม่รู้ ไม่รู้ !! แหวนแม่-นาฬิกา เพื่อน

"บิ๊กป้อม" บอกแต่ ไม่รู้ ไม่รู้ !! แหวนแม่-นาฬิกา เพื่อน ยังไม่ส่งหนังสือแจง ปปช. เปรย ก็ว่าไป พวกล่ารายชื่อให้ ลาออก
"บิ๊กป้อม" บ่ายเบี่ยง ตอบ คำถามนักข่าว เริ่อง หนังสือชี้แจง ต่อ ปปช. เผย ยังไม่ส่ง
ส่วน ข่าวที่ว่า แหวนของแม่ นาฬิกาของเพิ่อน นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ยังไม่รู้.
ส่วนที่มีการล่ารายชื่อให้ท่านลาออก รับผิดชอบต่อเริ่อง แหวน นาฬิกา นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ก็ว่าไป ก่อนเดินขึ้นรถ

"บิ๊กตู่"ชม "มารีญา"สวยกว่าMiss Universe ติด 1 ใน 5 ถือสุดยอดแล้ว

"บิ๊กตู่"ชม "มารีญา"สวยกว่าMiss Universe ติด 1 ใน 5 ถือสุดยอดแล้ว ขอบคุณที่สร้างความสุขให้กับคนไทย ชวนมาช่วย ทีมงานโฆษกรัฐบาล

น.ส.มารีญา พูลเลิศลาภ Miss Thailand Universe เข้าพบนายกรัฐมนตรี ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอบคุณมารีญา พร้อมครอบครัวที่สร้างความสุขให้กับคนไทย
โดยกล่าวว่า ตนเองชอบที่จะให้คนไทยพูดภาษาอังกฤษ โดยใช้สำเนียงเพราะ ๆ และต้องการให้มีการถ่ายทอดสำเนียงที่ถูกต้องออกไป เนื่องจากวิธีการสอนของคนไทยในปัจจุบันยังไม่ใช่ จำเป็นต้องแก้ใหม่ทั้งหมด ขณะนี้กำลังทำอยู่
จากประวัติ พบว่ามารีญามีความตั้งใจดี การศึกษาสูง และเมื่อเก่งด้านภาษา
อยากชวนมาช่วย ทีมงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อย่างการอ่านบทความต่าง ๆ หรือการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว
นายกฯกล่าวว่า การเข้าประกวดและติด 1 ใน 5 ของมิสยูนีเวิร์ส ก็ถือว่าสุดยอด
สำหรับตนแล้ว และคนไทยทุกคนก็ดีใจไปกับมารีญาด้วย เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะได้ลำดับที่เท่าไหร่ไม่สำคัญ
แต่สิ่งสำคัญ คือการรักษาความเป็นไทยไว้ให้นาน ๆ ให้อยู่ในจิตใจของคนไทยต่อไป เป็นตัวอย่างที่ดีในการเป็นผู้นำเอกลักษณ์ไทย
อย่าลืมว่ากว่าจะได้อะไรมา มันยากอยู่แล้ว แต่การรักษาให้อยู่ต่อไปยากกว่า ดังนั้นทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราต้องมั่นใจ แน่วแน่ในการเป็นคนดี มีครอบครัวที่ดี การทำงานดี ตอบแทนบุญคุณพ่อแม

"ได้ที่เท่าไหร่ไม่ต้องไปเสียใจ จบก็คือจบ คนไทยทุกคนต่างก็เอาใจช่วย แต่พอไม่ได้รางวัลก็อาจมีการวิพากษ์วิจารณ์บ้าง
และการที่มีคนไปต้อนรับถึงสนามบินจำนวนมากถือเป็นความภาคภูมิใจ
"แต่สำหรับผมคิดว่ามารีญาสวยกว่าเขาอยู่แล้ว ตัวก็สูงกว่า แต่ผอมไปหน่อย แนะนำไปออกกำลังกาย"นายกฯกล่าว

มารีญา กล่าวกับนายกฯว่า ครอบครัวของตนเป็นครอบครัวที่ชอบรับประทานอาหาร แต่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ถือเป็นเรื่องของความโชคดี
พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวติดตลกว่า"ครอบครัวพวกเราไม่ชอบกิน แต่อ้วน ที่สำคัญ แก่แล้วกินอะไรก็อ้วนไปหมด แต่ไม่ว่าจะอ้วนหรือผอมขอให้แข็งแรง

มารีญา กล่าวกับนายกฯว่า หลังจากนี้จะทำหน้าที่มิสยูนีเวิร์ส และจะอยู่เมืองไทย เพราะตนถือว่าตนเป็นคนไทย มารดาก็เป็นคนไทย และโครงการที่จะทำคือ โครงการการท้องของคุณแม่วัยใส ซึ่งเรื่องนี้ต้องได้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้อยากให้คนไทยเข้าใจว่าอะไรคือ 4.0 ทุกคนมีหน้าที่ต้องช่วยกันทำเพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย ไม่ใช่ปล่อยให้ถูกบิดเบือนหาว่านายกฯพูดอะไรก็ไม่รู้เรื่อง ถามว่า 4.0 ของพวกเราไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถใช้ปัญญาประดิษฐ์ได้ แต่เศรษฐกิจ 4.0 คือการใช้เครื่องจักรเครื่องมือ เพราะอนาคตเราต้องรองรับการขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากเราจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และคนไทยเกิดน้อย

จากนั้น นายกฯได้มอบของที่ระลึกให้กับมารีญา โดยเป็นกระเป๋าโอทอปที่ทำจากกระจูด และมอบของที่ระลึกให้ทีมงานด้วย ทั้งนี้มารีญา ได้มอบเอกสาร "โครงการ คุณแม่วัยใส"ให้กับนายกฯ ด้วย

"บิ๊กป๊อก " เล่นเคล็ด มอบ" ช้างแกะสลัก" ลำปาง ให้"บิ๊กป้อม"/มอบ "เรือจำลอง"ให้ บิ๊กตู่

"บิ๊กป๊อก " เล่นเคล็ด มอบ" ช้างแกะสลัก" ลำปาง ให้"บิ๊กป้อม"/มอบ "เรือจำลอง"ให้ บิ๊กตู่ /มอบ"หัวโขนพระนารายณ์"สมุทรสงคราม ให้"วิษณุ"
พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้ มอบ "เรือจำลอง" อยุธยา ให้พลเอกประยุทธ์ แสดงถึงการเป็นผู้นำ ที่ นำพาประเทศชาติ ผ่านพ้นวิกฤต สู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และนำความสุขคืนให้กับประชาชน
และมอบ "ช้างแกะสลัก" ลำปาง ให้ พลเอกประวิตร แสดงถึง กำลังสำคัญในการปกป้องประเทศชาติ จากภัยคุกคาม นำพารอยยิ้ม และความสงบสุข สู่แผ่นดิน
และมอบ"เรือสำเภาจำลอง" สมุทรสาครให้แก่นายสมคิด แสดงถึงผู้นำการพัฒนาเศรษฐกิจชาติ ก้าวไปข้างหน้า กับเพื่อสำเภาล่องนาวา ไปทุกทิศนำเศรษฐกิจสู่ความรุ่งเรือง
และมอบ"หัวโขนพระนารายณ์"สมุทรสงคราม ให้นายวิษณุ เครืองาม แสดงถึงการดูแลรักษา กฎกติกา ของบ้านเมืองให้เป็นหลัก ในการเดินหน้าประเทศเพื่อประชาชนได้มั่นใจ และอบอุ่นใจ

"บิ๊กตู่" ชวน"มารีญา" มาช่วยงาน PR งานรัฐบาล

"บิ๊กตู่" ชวน"มารีญา" มาช่วยงาน PR งานรัฐบาล พูดได้หลายภาษา ...เดืนหน้า ช่วยแก้ปัญหา "คุณแม่วัยใส"... ลุงตู่ มอบ "นัองสุขใจ"ตุ๊กตา และถั่วลิสง แพคให้
หลังการพบ "นายกฯบิ๊กตู่" ที่ ตึกบัญชาการ1 ทำเนียบรัฐบาล ....นางสาว มารัญา พูลเลิศลาภ Top 5 Miss Universe .....เผยว่า "นายกฯลุงตู่" ชวนให้มาช่วยงาน ประชาสัมพันธ์ ให้งานของรัฐบาล ในการรณรงค์ความเป็นไทย และ ในฐานะ ที่พูดได้หลายภาษา ซึ่งตนเองก็ยินดี และตอบรับ ที่จะช่วยงาน ไปแล้ว โดยสามารถช่วยงานได้ทันที โดยไม่ติดเริ่องสัญญา กับMiss Universe แต่อย่างใด
นอกจากนี้ ยังได้ ยื่นโครงการ ที่จะช่วยเหลือ คุณแม่วัยใส ท้องก่อนวัยอันควร ให้นายกฯ แล้ว โดยจะต้องมาประชุมหารือกันอีกครั้ง โดยจะตัองหารือกับทาง องค์กร ที่ทำเริ่องนี้ด้วย
เผยดีใจที่ได้พบ นายกฯลุงตู่ เป็นคนตลก โดยนายกฯได้ มอบ "น้องสุขใจ"ตุ๊กตา และถั่วลิสง ให้ ด้วย
ทั้งนี้ นายกฯได้มอบให้ ผู้พันลิซ่า พันเอกหญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผช.โฆษกรัฐบาล เป็นผู้ประสานงานกับ มารีญา โดยจะให้มาช่วยงานท่องเที่ยว และ การใช้ภาษา และเป็น โฆษก ในงานต่างๆ ด้วย

จากน้องเมยถึงนาฬิกาหรู เปิดใจ ‘ป้ามล’ พร้อมเปลืองตัว ล่าชื่อจี้ ‘บิ๊กป้อม’ ลาออก

จากน้องเมยถึงนาฬิกาหรู เปิดใจ ‘ป้ามล’ พร้อมเปลืองตัว ล่าชื่อจี้ ‘บิ๊กป้อม’ ลาออก



ทิชา ณ นคร
ภายหลังจากเปิดแคมเปญบนเว็บไซต์ change.org รณรงค์ให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมลาออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา
ทิชา ณ นคร หรือ ป้ามล ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิเด็ก ผู้หญิง กล่าวเปิดใจกับมติชนออนไลน์ถึงการโพสต์ข้อความ “สนับสนุน ทิชา ณ นคร โดยลงชื่อใน Change.org ให้รองนายกประวิตรฯลาออก ยังเปิดลงชื่ออยู่” ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Thicha Nanakorn ว่า หลังจากการเสียชีวิตของนักเรียนเตรียมทหารเมย นายภคพงษ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหาร ชั้นปีที่ 1 ก็ติดตามดูอย่างใกล้ชิด ผลการชันสูตรศพล่าสุดยืนยันว่าน้องเมยไม่ได้เจ็บป่วย ไม่ได้อ่อนแอ แต่ตายจากการถูกทำร้าย ซึ่งเราก็เชื่อมาตลอดหลังจากรู้ข่าวการเสียชีวิต และฟังจากองค์ประกอบที่ครอบครัวสื่อสารออกมา จนมาชัดเจนจากผลชันสูตรดังกล่าว ทั้งนี้ เมื่อรู้ผลดังกล่าวเราได้ถอยกลับไปตรวจสอบท่าทีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ตอนแรก ซึ่งก็เคยอยู่ในภารกิจแบบนี้ ผ่านเรื่องราวของโรงเรียนเตรียมทหารมา มีข้อมูลและรับรู้ว่าอะไรคือความถูกต้องอะไรไม่ถูกต้อง เพียงแต่ไม่กล้าหาญที่จะปกป้องผู้สูญเสีย มิหนำซ้ำยังให้สัมภาษณ์ที่ทำให้สังคมไขว้เขว ทำให้สังคมเชื่อว่าเป็นการตายที่ไม่เกี่ยวกับระบบการเรียนของนักเรียนทหาร

นางทิชากล่าวอีกว่า เรื่องนี้ยังประจวบกับที่รองนายกรัฐมนตรีต้องประสบกับความเทาดำในเรื่องของผลประโยชน์ เรื่องของงบประมาณ ก็ทำให้ตนเกิดความรู้ว่าเราจะต้องทนอีกนานสักเท่าไหร่ จึงเปิดตัวแคมเปญรณรงค์ดังกล่าว แม้ไม่รู้หรอกว่าการรณรงค์ดังกล่าวจะได้ผลแค่ไหน แต่อยากส่งสัญญาณว่าอย่าเล่นกับความรู้สึกของครอบครัวผู้ตาย ต้องคืนความเป็นธรรมให้ครอบครัวผู้ตาย ไม่ว่าจะขอโทษ ให้เกียรติ ทำอะไรที่คิดว่ามนุษย์คนหนึ่งพึงกระทำต่อผู้สูญเสีย ซึ่งตอนนี้ยังมีเวลา

“น่าจะมีสักครั้งในประเทศไทยที่ผู้นำระดับสูง ซึ่งนำพาสังคมไปหลงทิศผิดทาง จะออกมาขอโทษและลาออก ดิฉันมองว่านี้จะเป็นการลงจากหลังเสืออย่างสง่างาม ซึ่งอยากให้ทำเป็นของขวัญคนไทยสักครั้ง ดีกว่าทำความผิดต่อไป เสมือนประโยคที่ว่าเริ่มต้นจากการทำความผิดเล็กๆ ที่สุดต้องทำความชั่วเพื่อปกปิดความผิดตัวเอง” นางทิชากล่าวและทิ้งท้ายว่า

“เชื่อว่าคนอีกหลายล้านคนที่รู้เรื่องแต่ไม่ได้ลุกไม่ขึ้น ก็ไม่ได้แสดงว่าไม่มีความรู้สึกนะ ขณะที่ตนภายหลังเปิดตัวแคมเปญรณรงค์ ก็มีอินบ็อกซ์เข้ามาในเฟซบุ๊กเพื่อเตือนด้วยความหวังดี ว่าทำไมไม่เรียกร้องผ่านการรวมตัวของกลุ่มใหญ่ๆ ไม่ควรเปิดหน้าเรียกร้องเพียงลำพัง เพราะอาจได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ดี ป้าพร้อมเปลืองตัว คิดว่าสถานการณ์แบบนี้ควรมีคนเปลืองตัวบ้าง แม้จะมีเพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมสถานการณ์เยอะ แต่คิดว่าเอาทุกคนมาเปิดหน้าไม่ทันการณ์ ดั่งประโยคที่ว่า จุดเทียนกลางสายฝน ดีกว่าก่นด่าท่ามกลางความมืด”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากเปิด แคมเปญให้รองนายกประวิตรฯลาออก ณ เวลา 13.27 น. วันที่ 11 ธันวาคม มีผู้ร่วมลงชื่อสนับสนุนแคมเปญนี้ 689 คน

ดำรง พุฒตาล เตรียมประกาศข่าวสำคัญท่ามกลางเสียงลือ ‘คู่สร้างคู่สม’ ลาแผงอีกฉบับ

ดำรง พุฒตาล เตรียมประกาศข่าวสำคัญท่ามกลางเสียงลือ ‘คู่สร้างคู่สม’ ลาแผงอีกฉบับ


เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม มีการเปิดเผยถึงการเตรียมประกาศข่าวสำคัญของนิตยสารคู่สร้างคู่สม โดยนายดำรง พุฒตาลในรายการมองรอบด้าน สุดสัปดาห์ วันเสาร์ที่ 16 ธันวาคมนี้ ทางสถานีโทรทัศน์ TNN24 ช่อง 16 เวลา 17.05-18.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาเกิดกระแสข่าวว่านิตยสารดังกล่าวจะปิดตัวลง โดยจะวางแผงฉบับสุดท้ายในวันที่ 20 ธันวาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งผู้อ่านส่วนหนึ่งได้เข้าไปสอบถามในช่องแสดงความคิดเห็นของเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘คู่สร้างคู่สม (ประเทศไทย) จำกัด’ แต่ยังไม่มีคำตอบ
นอกจากนี้ ในโลกโซเชียล ยังมีการแชร์ข้อความจากเฟซบุ๊ก Nitipan Tangnopparat ของนายนิติพันธ์ ตั้งนพรัตน์ ทายาทร้านหนังสือเก่าแก่ของจังหวัดพิษณุโลก อย่าง ‘เสียงทิพย์ บุ๊คเซ็นเตอร์’ ซึ่งโพสต์ข้อความว่า
“เรื่องช็อคอันดับท็อปๆของปีนี้ คู่สร้างคู่สม กล่าวอำลา เป็นหัวที่คิดว่าจะไปเป็นคนสุดท้าย ทำไมทำกันหยั่งนี้”
เมื่อข้อความดังกล่าวเผยแพร่ออกไป มีผู้แสดงความคิดเห็นว่ารู้สึกใจหาย และเสียอย่างมาก โดยส่วนหนึ่งระบุว่า ไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากเป็นนิตยสารเก่าแก่ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ ‘มติชนออนไลน์’ ได้สอบถามไปยัง นายตาลเด่น พุฒตาล บุตรชาย ได้รับคำตอบเบื้องต้นว่า ขอให้นายดำรง พุฒตาล เป็นผู้ชี้แจง อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถติดต่อนายดำรงได้

กระทั่ง ล่าสุด มีการประกาศว่านายดำรง พุฒตาล จะเปิดเผยข่าวสำคัญของคู่สร้างคู่สม ผ่านช่อง TNN24 ดังที่กล่าวมาแล้ว
ทั้งนี้ นายดำรง พุฒตาล ก่อตั้งนิตยสารคู่สร้างคู่สมขึ้นเมื่อ 38 ปีก่อน โดยได้รับความนิยมของคนไทยทั้งในและต่างประเทศเป็นอย่างมากจนได้ชื่อว่าเป็นนิตยสารที่ขายดีที่สุดของไทย โดยเมื่อไม่นานมานี้นักเขียนนามปากกา ‘มารพิณ’ ได้วิเคราะห์ว่า คู่สร้างคู่สมมีเนื้อหาที่เฉพาะตัว แต่ละคอลัมน์ก็อัดลึกเจาะแน่นมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ต่างจาก Content Online สมัยนี้ ซึ่งแฟนคลับต่างก็ชื่นชอบเนื้อหาสาระของคู่สร้างคู่สมเป็นอย่างดี เพราะคุ้มค่ากับราคาหน้าปกเพียง 30 บาท และมีแฟนคลับอยู่ในทุกๆ ที่ ไม่ว่าจะเป็นร้านเล็กๆ ข้างทาง หรือที่สถานทูตไทยในต่างประเทศ จึงไม่น่าแปลกใจที่นิตยสารเล่มนี้จะยังขายได้แม้ในวันที่สิ่งพิมพ์กำลังฉุดกันล้มลงไป (ที่มา : www.spokedark.tv)
นอกจากนี้ ปกคู่สร้างคู่สมฉบับวันที่ 1-10 กันยายน (ปีที่ 38 ฉบับที่ 994) ยังพาดหัวว่า ‘วิกฤตสื่อหนังสือ ดำรง…ยืนยัน “คส.คส.” ไม่มีวันเจ๊ง’
เป็นเหตุให้ผู้ได้รับทราบข่าวลือดังกล่าวต่างส่งกำลังใจและลุ้นว่าขอให้กระแสข่าวลือไม่เป็นความจริง
ส่วนข่าวสำคัญที่ดำรง พุฒตาล เตรียมประกาศในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ จะเป็นข่าวช็อคของคนไทยทั้งประเทศหรือไม่ ต้องติดตาม.

จดหมายนายชวน โดย นฤตย์ เสกธีระ

จดหมายนายชวน โดย นฤตย์ เสกธีระ

ภาพจากเฟสบุ๊ก Democrat Party, Thailand

ระยะหลังๆ นี่ ปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจประเทศไทยไม่ค่อยสอดคล้อง

จากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่พุ่งขึ้นเรื่อยๆ จนรัฐบาลหน้าบาน

จากตัวเลขการส่งออกที่ตอบรับเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นขึ้นมา

จากตัวเลขดัชนีผู้บริโภคที่มีความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ

ฟังแล้วฟังซ้ำจนกระทั่งเคลิ้ม

เชื่อแน่ว่าเศรษฐกิจไทยพุ่งทะยานไปข้างหน้า

แต่ตัวเลขที่ปรากฏ เมื่อเทียบกับกระแสเสียงที่สะท้อนจากคนในท้องถิ่น

ทำไมจึงไม่สอดคล้อง

กรณีจดหมายของนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์สามารถยืนยันปรากฏการณ์นี้

นายชวน ได้ส่งจดหมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านทาง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ

เนื้อความจดหมายสรุปว่า ภายหลังการบริหารงานของรัฐบาลมาระยะหนึ่ง สำนักงานสถิติแห่งชาติได้ออกสำรวจ

ผลการสำรวจพบว่า รายได้ครัวเรือนต่อเดือนทั่วราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น

แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียดแล้วพบว่า รายได้ครัวเรือนต่อเดือนในภาคเหนือและภาคใต้ลดลง

โดยเฉพาะรายได้ครัวเรือนของภาคใต้ลดลงไปมาก

นายชวนระบุถึงจังหวัดที่รายได้ครัวเรือนลดลงมากในพื้นที่ภาคใต้

ระนอง ลดลงหมื่นบาท ตรังลดลงเก้าพันบาท และยะลาหกพันบาท

นายชวนระบุว่า จังหวัดตรังและจังหวัดระนอง รายได้ลดลงประมาณ 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด

พร้อมกันนั้นได้ระบุเจตนาท้ายจดหมายว่า นำเสนอข้อมูลเพื่อให้พิจารณาปัญหาของภาคใต้

รุ่งขึ้นผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สุ่มสอบถามนักธุรกิจในจังหวัดใต้และเหนือ


ที่จังหวัดตรังมีความเห็นสอดคล้อง

หนึ่ง ยอมรับว่ารายได้จากการค้าขายน้อยลง สอง ยอมรับว่า ราคายางและปาล์มที่ลดลง ทำให้รายได้ลดลง

สาม จำนวนนักท่องเที่ยวไม่เติบโตขึ้น สี่ การพัฒนาด้านสาธารณูปโภคไม่ดี และห้า มีคู่แข่งคือธุรกิจสะดวกซื้อ

ส่วนที่จังหวัดพิจิตร แม่ค้าที่นั่นเล่าว่า ไม่เคยเจอสถานการณ์ที่ย่ำแย่เหมือนปีนี้

คนไม่ออกมาจับจ่าย คนไม่มีเงิน ถนนเงียบ ไม่เคยรู้สึกหมดหวังแบบนี้

ตอนนี้ไม่มีการลงทุนแล้ว มีแต่หาเงินนอกระบบมาต่อลมหายใจ

จากจดหมายของนายชวน ประกอบกับเสียงจากพื้นที่ ตอกย้ำข้อสงสัย

ทำไมตัวเลขทางเศรษฐกิจกับความเป็นอยู่ของชาวบ้านจึงฟังขัดๆ

นายชวน เป็นผู้แทนราษฎร และลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนอยู่เป็นประจำ

แม้ระยะหลายปีที่ผ่านมา ประเทศจะตกอยู่ในอำนาจทหาร และห้ามนักการเมืองเคลื่อนไหว

แต่สังเกตจากข่าวสารก็ยังมีนักการเมืองออกไปพบประชาชน

นายชวนเองก็มีข่าวอยู่เนืองๆ

การพบปะกันทำให้รู้ว่า ขณะนี้ประชาชนกำลังเป็นทุกข์หรือเป็นสุข

จดหมายของนายชวนระบุเนื้อหาที่แตกต่างจากตัวเลขที่รัฐบาลนำเสนอ

ในทางการเมืองแล้ว จดหมายฉบับนี้คือการเปิดเกมรุก

รุกรัฐบาลที่กำลังถดถอย

รุกขณะที่รัฐบาลเพิ่งปรับ ครม. เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ

รุกฉับพลันแบบนี้ ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะรับมือได้ทันท่วงทีหรือไม่

คำตอบกำลังมา

คำตอบกำลังมา


หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โยนคำถาม 6 ข้อ ให้ประชาชนทั่วประเทศตอบผ่านศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย

“โยนหินถามทาง” หาก คสช.จะสนับสนุนพรรคการเมืองใหม่ เพื่อสืบทอดอำนาจ คสช.หลังการเลือกตั้งให้เกิดความต่อเนื่องตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

พี่น้องประชาชนเห็นด้วยหรือไม่โปรดตอบมา

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าบัดนี้ผ่านไปครบ 1 เดือน กระทรวงมหาดไทยควรสรุปความคืบหน้าคำถาม 6 ข้อของนายกรัฐมนตรีได้หรือยัง??

1,ประชาชนไปตอบคำถาม 6 ข้อ ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจำนวนเท่าใด?

2, ผลคำตอบประชาชนเห็นด้วยกี่เปอร์เซ็นต์? ไม่เห็นด้วยกี่เปอร์เซ็นต์?

อย่างน้อยสรุปเป็นน้ำจิ้มเพิ่มความคึกคักสักหน่อย ดีกว่าปล่อยให้เงียบเหงาหาวเรอ

แต่เอาเถอะ...ระหว่างรอกระทรวงมหาดไทยสรุปคำตอบประชาชนต่อคำถาม 6 ข้อของนายกรัฐมนตรี

“แม่ลูกจันทร์” ขอนำผลการสำรวจความเห็นประชาชน “สวนดุสิตโพล” และ “นิด้าโพล” ซึ่งมีประเด็นน่าสนใจ ควรหยิบมาพลิกคว่ำพลิกหงายให้อ่านกันเพลินๆ

สวนดุสิตโพล สอบถามความเห็นประชาชนประเด็นจุดแข็ง–จุดอ่อนของรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง

สรุปย่อๆประชาชนส่วนใหญ่ 72.2 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีกลไกปราบทุจริตเข้มข้นกว่าเดิม
ประชาชนส่วนน้อย 25.4 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าปราบทุจริตไม่ได้อยู่ดี

ประชาชนส่วนใหญ่ 55.6 เปอร์เซ็นต์เห็นว่าระบบเลือกตั้ง ส.ส.แบบจัดสรรปันส่วนผสมของ “ซือแป๋มีชัย” จะทำให้พรรคที่ได้ ส.ส.มากที่สุดไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล

แต่ประชาชนส่วนน้อย 37.6 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าพรรคที่ได้ ส.ส.มากที่สุดในสภาจะได้จัดตั้งรัฐบาล

ประชาชนส่วนใหญ่ 57.8 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่เปิดช่องให้สืบทอดอำนาจ คสช.

แต่ประชาชนอีก 37.7 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่ารัฐธรรมนูญไม่เปิดช่องให้ คสช.สืบทอดอำนาจแต่อย่างใด

สืบทอด? หรือไม่สืบทอด? ต้องรอพิสูจน์ของจริงหลังเลือกตั้งอีกที

ทีนี้มาถึงคิว “นิด้าโพล” สอบถามความเห็นประชาชนประเด็นปลดล็อกพรรคการเมือง

ประชาชนส่วนใหญ่ 77.6 เปอร์เซ็นต์ เห็นด้วยให้ คสช.ปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมเพื่อเตรียม พร้อมสู่การเลือกตั้งปลายปีหน้าโดยไม่ชักช้าร่ำไร

แต่ประชาชนส่วนน้อย 17.6 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่า คสช.ยังไม่ควรปลดล็อกพรรคการเมือง เพราะสถานการณ์ยังไม่ปกติ หากปลดล็อกอาจเกิดความวุ่นวาย

“นิด้าโพล” ถามความเห็นประชาชน ว่ายังเชื่อมั่นว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นปลายปีหน้า 2561 หรือไม่??

ประชาชนส่วนใหญ่ 51.2 เปอร์เซ็นต์ ไม่เชื่อหรือเชื่อน้อยว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ปลายปีหน้าอย่างที่ฉายหนังโฆษณา

แต่ประชาชนส่วนน้อย 39.5 เปอร์เซ็นต์ ยังเชื่อว่าจะได้หย่อนบัตรเลือกตั้งปลายปีหน้าแน่นอน

“แม่ลูกจันทร์” สรุปว่าแนวโน้มความเชื่อมั่นว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ปลายปีหน้าเริ่มลดน้อยถอยลงๆ

อนิจจังไม่เที่ยงแท้ไม่แน่นอน...โรดแม็ป คสช.ย่อมยืดได้ขยายได้ตามสถานการณ์

ยืดมาแล้ว 2 ครั้ง ถ้าจะยืดอีกครั้งก็ไม่น่าแปลกใจ.

“แม่ลูกจันทร์”

ถึงจุดนี้ไม่มีเหตุบังเอิญ

ถึงจุดนี้ไม่มีเหตุบังเอิญ


ในทางพุทธศาสนา ไม่มีคำว่า “บังเอิญ”

ทุกอย่างล้วนแต่มี “กรรม” เป็นตัวกำหนด มีเหตุผลที่มาที่ไป ไม่เว้นแม้แต่เหตุบ้านการเมืองของคนใหญ่คนโตที่เกิดขึ้นในห้วงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นความ “ซวย” ปมแหวนเพชรกับนาฬิกาหรูที่กำลังเป็นประเด็นร้อน สถานการณ์โยงต่อเนื่องถึงเหตุเผอเรอเบิกตัวนักโทษออกจากเรือนจำ เพราะจำวันศาลนัดผิด กลายเป็นเรื่องอื้อฉาว เจ้าหน้าที่กรมคุกเด้งกันระนาว

เข้าใจได้ว่าเป็นฉากที่ถูก “กรรม” เซตขึ้นมา ให้ได้เห็นเหตุแห่งการกระทำของคนที่มีกรรมเกี่ยวโยงกัน
ที่แน่ๆถึงตอนนี้ “พี่ใหญ่” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ตกอยู่ในสถานะ “ขาค้ำยัน” ที่เดี้ยงแล้วเดี้ยงอีกของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.

และนั่นก็เป็นจังหวะต่อเนื่อง เหตุที่เชื่อมโยงกันได้ กับปรากฏการณ์ที่ “นายหัวชวน” ชวน หลีกภัย ประธานกุนซือพรรคประชาธิปัตย์ ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง “บิ๊กตู่” ไล่บี้ให้แก้ไขปัญหารายได้ต่อครัวเรือนของประชาชนภาคใต้และภาคอื่นๆลดลง มีความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจภายหลังรัฐบาล คสช.บริหารประเทศในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

พร้อมอ้างผลสำรวจสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคใต้มีรายได้ลดลงต่อครัวเรือนต่อเดือน จากปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้มี 3 จังหวัดที่รายได้ลดลง คือ ระนอง ตรัง ยะลา

ย้ำตัวแดงเลยว่า รายได้ประชาชนลดลงอย่างน่าตกใจ

“มวยใหญ่” อย่าง “นายหัวชวน” ขยับ จังหวะย่างก้าวต้องจับตา

โดยเฉพาะความตั้งใจ มุ่งเป้ากระแทกไปที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาล ที่ประกาศว่าจะไม่มีคนจนแล้ว แต่นายชวนถากถางนิ่มๆเลยว่า พวก ส.ส.นักการเมืองนั่งดูรายละเอียดของทุกจังหวัด จึงได้ตัวเลขนี้ออกมา จำเป็นต้องแจ้งให้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลรับรู้ เดี๋ยวจะหาว่าเห็นแล้วไม่บอก

ถึงแม้ไม่มีสภา แต่เราก็เป็นผู้แทนของเขา

โดยลีลาเก๋าๆระดับ “ปรมาจารย์ชวน หลีกภัย” จับทางได้เลยว่า ตั้งท่าทิ่มหมัดตรงเข้าใส่ “จุดแข็ง” แต่แฝงความ “เปราะบาง” นั่นคือทีมเศรษฐกิจภายใต้การนำของ “กัปตันสมคิด”

ช็อตแรกคือการ “เจาะยาง” ขาที่แข็งแรงสุดยามนี้ ที่ประคองรัฐบาล “นายกฯลุงตู่”

เพราะดูตามรูปการณ์ นอกจากปมปัญหาปากท้องที่โดนนักการเมืองอาชีพตีปี๊บปลุกอารมณ์ชาวบ้าน แต่ประเมินสัญญาณบวก “สมคิด” กำลังดันเศรษฐกิจภาพรวมติดลมบน ทั้งในมุมของตัวเลขจีดีพี ตัวเลขการส่งออกที่สูงขึ้น รวมถึงล่าสุด เวิลด์แบงก์ประเมินประเทศไทยจะสามารถขยายฐาน คนชั้นกลางให้มากขึ้น ทำให้ฐานคนจนลดลง

เป็นข้อมูลมาตรฐานทางการในระดับโลกที่อุปโลกน์เองไม่ได้

ที่สำคัญมาถึงจุดนี้ ดูเหมือน “สมคิด” จะเจอช่องโหว่ กับการโยกเงินจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนับแสนล้านเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เติมสภาพคล่องในระบบที่หายไป จากที่ชาวนาเคยได้เงินโครงการจำนำข้าวเกวียนละ 15,000 บาท และชาวสวนยางพาราที่เจอปัญหายางราคาตกเหลือกิโลละ 40 บาท จากที่เคยได้กิโลละ 60-70 บาท คูณด้วยตัวเลขชาวนา ชาวสวนยาง เงินหายไปมหาศาล

งานนี้ “สมคิด” ตั้งธงแล้วจะทำให้เห็นเนื้อเห็นหนังภายใน 4 เดือน เศรษฐกิจฐานรากจะคล่องตัวมากขึ้น

แน่นอน ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามเป้า มันย่อมเข้าทางเหลี่ยม

“ตุนแต้ม” ให้ “นายกฯลุงตู่” เดินหมากอำนาจช่วงเปลี่ยนผ่านตามเงื่อนไขที่วางไว้ในบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญได้ง่ายขึ้น

โอกาสที่นักการเมืองอาชีพจะทวงเวทีคืนก็ยิ่งยากขึ้น

และโดยเงื่อนไขสถานการณ์ที่โยงต่อเนื่องกับช็อตที่สอง กับการขยับของมวยรุ่นใหญ่ยี่ห้อ “ชวน หลีกภัย” นั่นก็คือจังหวะ “เคาะสนิม” ให้กองเชียร์และคนดูได้โฟกัสกระบวนท่าการเคลื่อนไหว

หวนกลับมาอยู่ในกระแสการเมือง

ล้อกับสถานการณ์ที่เล่าลือกันวงในพรรคประชาธิปัตย์ มีแค่ชื่อ “ชวน หลีกภัย” คนเดียวที่จะเข้ามาขัดตาทัพ เกมหักดิบระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับทีมของ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขาใหญ่ กปปส.

จ่อพรรคแตกซ้ำรอยประวัติศาสตร์ “กลุ่ม 10 มกรา”

และยังว่ากันว่า ชื่อของ “ชวน หลีกภัย” คือความลงตัวสุด หากจะเกิดปรากฏการณ์ปรองดองระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย ในการกัดฟัน ฝืนกลืนเลือด จับมือกันตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง

สกัดเส้นทาง “นายกฯลุงตู่” ยึดยาวอำนาจช่วงเปลี่ยนผ่าน

สถานการณ์ล็อกให้มวยรุ่นเก๋าต้องปัดฝุ่น ฝืนลากสังขารทวงแชมป์อีกรอบ.

ทีมข่าวการเมือง