PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ถึงจุดนี้ไม่มีเหตุบังเอิญ

ถึงจุดนี้ไม่มีเหตุบังเอิญ


ในทางพุทธศาสนา ไม่มีคำว่า “บังเอิญ”

ทุกอย่างล้วนแต่มี “กรรม” เป็นตัวกำหนด มีเหตุผลที่มาที่ไป ไม่เว้นแม้แต่เหตุบ้านการเมืองของคนใหญ่คนโตที่เกิดขึ้นในห้วงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นความ “ซวย” ปมแหวนเพชรกับนาฬิกาหรูที่กำลังเป็นประเด็นร้อน สถานการณ์โยงต่อเนื่องถึงเหตุเผอเรอเบิกตัวนักโทษออกจากเรือนจำ เพราะจำวันศาลนัดผิด กลายเป็นเรื่องอื้อฉาว เจ้าหน้าที่กรมคุกเด้งกันระนาว

เข้าใจได้ว่าเป็นฉากที่ถูก “กรรม” เซตขึ้นมา ให้ได้เห็นเหตุแห่งการกระทำของคนที่มีกรรมเกี่ยวโยงกัน
ที่แน่ๆถึงตอนนี้ “พี่ใหญ่” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ตกอยู่ในสถานะ “ขาค้ำยัน” ที่เดี้ยงแล้วเดี้ยงอีกของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.

และนั่นก็เป็นจังหวะต่อเนื่อง เหตุที่เชื่อมโยงกันได้ กับปรากฏการณ์ที่ “นายหัวชวน” ชวน หลีกภัย ประธานกุนซือพรรคประชาธิปัตย์ ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง “บิ๊กตู่” ไล่บี้ให้แก้ไขปัญหารายได้ต่อครัวเรือนของประชาชนภาคใต้และภาคอื่นๆลดลง มีความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจภายหลังรัฐบาล คสช.บริหารประเทศในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

พร้อมอ้างผลสำรวจสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคใต้มีรายได้ลดลงต่อครัวเรือนต่อเดือน จากปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้มี 3 จังหวัดที่รายได้ลดลง คือ ระนอง ตรัง ยะลา

ย้ำตัวแดงเลยว่า รายได้ประชาชนลดลงอย่างน่าตกใจ

“มวยใหญ่” อย่าง “นายหัวชวน” ขยับ จังหวะย่างก้าวต้องจับตา

โดยเฉพาะความตั้งใจ มุ่งเป้ากระแทกไปที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาล ที่ประกาศว่าจะไม่มีคนจนแล้ว แต่นายชวนถากถางนิ่มๆเลยว่า พวก ส.ส.นักการเมืองนั่งดูรายละเอียดของทุกจังหวัด จึงได้ตัวเลขนี้ออกมา จำเป็นต้องแจ้งให้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลรับรู้ เดี๋ยวจะหาว่าเห็นแล้วไม่บอก

ถึงแม้ไม่มีสภา แต่เราก็เป็นผู้แทนของเขา

โดยลีลาเก๋าๆระดับ “ปรมาจารย์ชวน หลีกภัย” จับทางได้เลยว่า ตั้งท่าทิ่มหมัดตรงเข้าใส่ “จุดแข็ง” แต่แฝงความ “เปราะบาง” นั่นคือทีมเศรษฐกิจภายใต้การนำของ “กัปตันสมคิด”

ช็อตแรกคือการ “เจาะยาง” ขาที่แข็งแรงสุดยามนี้ ที่ประคองรัฐบาล “นายกฯลุงตู่”

เพราะดูตามรูปการณ์ นอกจากปมปัญหาปากท้องที่โดนนักการเมืองอาชีพตีปี๊บปลุกอารมณ์ชาวบ้าน แต่ประเมินสัญญาณบวก “สมคิด” กำลังดันเศรษฐกิจภาพรวมติดลมบน ทั้งในมุมของตัวเลขจีดีพี ตัวเลขการส่งออกที่สูงขึ้น รวมถึงล่าสุด เวิลด์แบงก์ประเมินประเทศไทยจะสามารถขยายฐาน คนชั้นกลางให้มากขึ้น ทำให้ฐานคนจนลดลง

เป็นข้อมูลมาตรฐานทางการในระดับโลกที่อุปโลกน์เองไม่ได้

ที่สำคัญมาถึงจุดนี้ ดูเหมือน “สมคิด” จะเจอช่องโหว่ กับการโยกเงินจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนับแสนล้านเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เติมสภาพคล่องในระบบที่หายไป จากที่ชาวนาเคยได้เงินโครงการจำนำข้าวเกวียนละ 15,000 บาท และชาวสวนยางพาราที่เจอปัญหายางราคาตกเหลือกิโลละ 40 บาท จากที่เคยได้กิโลละ 60-70 บาท คูณด้วยตัวเลขชาวนา ชาวสวนยาง เงินหายไปมหาศาล

งานนี้ “สมคิด” ตั้งธงแล้วจะทำให้เห็นเนื้อเห็นหนังภายใน 4 เดือน เศรษฐกิจฐานรากจะคล่องตัวมากขึ้น

แน่นอน ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามเป้า มันย่อมเข้าทางเหลี่ยม

“ตุนแต้ม” ให้ “นายกฯลุงตู่” เดินหมากอำนาจช่วงเปลี่ยนผ่านตามเงื่อนไขที่วางไว้ในบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญได้ง่ายขึ้น

โอกาสที่นักการเมืองอาชีพจะทวงเวทีคืนก็ยิ่งยากขึ้น

และโดยเงื่อนไขสถานการณ์ที่โยงต่อเนื่องกับช็อตที่สอง กับการขยับของมวยรุ่นใหญ่ยี่ห้อ “ชวน หลีกภัย” นั่นก็คือจังหวะ “เคาะสนิม” ให้กองเชียร์และคนดูได้โฟกัสกระบวนท่าการเคลื่อนไหว

หวนกลับมาอยู่ในกระแสการเมือง

ล้อกับสถานการณ์ที่เล่าลือกันวงในพรรคประชาธิปัตย์ มีแค่ชื่อ “ชวน หลีกภัย” คนเดียวที่จะเข้ามาขัดตาทัพ เกมหักดิบระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับทีมของ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขาใหญ่ กปปส.

จ่อพรรคแตกซ้ำรอยประวัติศาสตร์ “กลุ่ม 10 มกรา”

และยังว่ากันว่า ชื่อของ “ชวน หลีกภัย” คือความลงตัวสุด หากจะเกิดปรากฏการณ์ปรองดองระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย ในการกัดฟัน ฝืนกลืนเลือด จับมือกันตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง

สกัดเส้นทาง “นายกฯลุงตู่” ยึดยาวอำนาจช่วงเปลี่ยนผ่าน

สถานการณ์ล็อกให้มวยรุ่นเก๋าต้องปัดฝุ่น ฝืนลากสังขารทวงแชมป์อีกรอบ.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: