PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ไม่ปลดล็อคพรรค

คสช.ยืนกรานไม่ปลดล็อคคำสั่งให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ แม้จะมีเสียงเรียกร้องดังถี่ หลังพรป.พรรคการเมืองมีผล

หลังจากที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองปี2560ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับตั้งแต่เมื่อวันที่8ตค.  เริ่มมีท่าทีจากนักการเมือง และ พรรคการเมืองอีกครั้งที่จะให้คสช.ทำการปลดล็อกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่57/2557คือห้ามมิให้พรรคการเมืองที่มีอยู่ดำเนินการประชุม หรือดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และการดำเนินการเพื่อการจัดตั้งหรือจดทะเบียนพรรคการเมืองให้ระงับไว้เป็นการชั่วคราว
รวมทั้งให้ระงับการจัดสรรเงินสนับสนุนแก่พรรคการเมืองของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองไว้เป็นการชั่วคราว คำสั่งดังกล่าวมีมาตั้งแต่คสช.ได้เข้ามายึดอำนาจ และ บริหารประเทศ 
 ที่ผ่านมามีเสียงเรียกร้องจากพรรคการเมืองต่างๆหลายต่อหลายครั้ง และในวันนี้ถือเป็นการเรียกร้องอีกครั้งหนึ่งของบรรดาพรรคการเมืองโดยให้เหตุผลว่าเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญหลังพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองประกาศใช้  แต่ดูเหมือนท่าทีความเคลื่อนไหวของนักการเมือง พรรคการเมือง จะไม่ได้ทำให้รัฐบาลและคสช. ยี่หระปลดล็อคให้ตามเสียงเรียกร้อง  
พล.อ ประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่ปลดล็อกให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมทางการเมือง เพราะการจัดทำกฎหมายลูกยังไม่แล้วเสร็จ จึงยังไม่สามารถปลดล็อกให้ได้ และยังไม่รู้ว่าจะเลือกตั้งเมื่อใด เพราะยังมีเวลาอีกปีกว่า
 ขณะที่ซุปเปอร์โพล ไปสอบถามความเห็นของประชาชน ว่า คิดว่าระยะเวลาใดที่รัฐบาลควรอนุญาติให้พรรคการเมืองและนักการเมืองออกมาเคลื่อนไหวได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย  ปรากฎว่า ร้อยละ44.5 ระบุว่า มากกว่า1ปีขึ้นไป หรือ ช่วงก่อนเลือกตั้ง ซึ่งย่อมหมายความว่า ประชาชนยังคงต้องการให้พรรคการเมือง และ นักการเมืองยุติบทบาทไปอีกสักระยะ คืออีก1ปี 
 ขณะที่ก่อนหน้านี้พล.อ ประยุทธ์  จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคสช.เคยกล่าวให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่10สค.ที่ผ่านมาว่า ขออย่าวุ่นวายให้มาก  ยังไม่ถึงเวลาที่จะปลดล็อคพรรคการเมืองให้จนกว่าจะผ่านพ้นพระราชพิธีสำคัญไปก่อน
จากท่าทีทั้งหมดที่กล่าวมา อาจสรุปได้ว่าการปลดล็อกคำสั่งคสช.ตามเสียงเรียกร้องที่แม้จะมีมาหลายต่อหลายครั้ง ไม่ได้ทำให้คสช.สะดุ้งสะเทือน และจะยังคงเดินหน้าคุมความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่อไปอีกยาว  หรือปีหน้าโน่น...จึงค่อยกลับมาตามดูในประเด็นนี้อีกครั้งหนึ่ง


ทำตามมติUN หลังTrump พบ"บิ๊กตู่"ขอ ไทย กดดันเกาหลีเหนือ

"บิ๊กป้อม" ย้ำจุดยืนไทย ชัดเจน คบทุกประเทศ ทำตามมติUN หลังTrump พบ"บิ๊กตู่"ขอ ไทย กดดันเกาหลีเหนือ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยเรียกร้องให้รัฐบาลไทยกดดันประเทศเกาหลีเหนือ ว่า ประเทศไทยเรามีจุดยืนชัดเจนมาตลอดว่าเราคบทุกประเทศ และทำตามสิ่งที่องค์การสหประชาชาติ (UN) กำหนดว่าให้ทำอย่างไร เราก็ทำตามนั้น

แพคกระเป๋า ฟิตร่างกาย พกบัตรปชช. มากินนอน ริมถนนราชดำเนิน-รอบวัง 2-3วัน

เตรียมตัวเลย พี่น้อง!! ...
แพคกระเป๋า ฟิตร่างกาย พกบัตรปชช. มากินนอน ริมถนนราชดำเนิน-รอบวัง 2-3วัน
กอร.พระราชพิธีฯ แถลง ตั้งแต่ 25ตค.0500น. จะเปิด 9 จุดคัดกรอง ให้ประชาชนมาจับจองพื้นที่ แล้วอยู่ยาว จนวันพระราชพิธี 26ตค. ตั้งแต่ 0700 น.จน เสร็จพระราชพิธี หลังเที่ยงคืน26 ตค ไป จนถึงรุ่งเช้า27 ตค......ใครจะออก ออกได้ แต่เสียสิทธิ์ ไปเลย แต่ถ้าจะอยู่ต่อเนื่องค้างคืน เรามีจนท.ดูแล. ก็คงจะอยู่กันริมถนน แต่เปิดสถานที่ราชการให้ เข้าห้องน้ำได้ จึงขอเชิญชวน ให้พี่น้องประชาชนถวายดอกไม้จันทน์ ในพื้นที่ ในจังหวัดของตัวเอง เพราะบรรยากาศเดียวกัน แต่หากพี่น้องประชาชน จะมา เราก็พร้อมดูแล อำนวยความสะดวก แต่ขอให้เตรียมตัวให้พร้อม ทั้ง อาหาร น้ำ ยา สิ่งอำนวยความสะดวก และดูแลสุขภาพร่างกาย ยันรับได้แค่ 4.5หมื่นคน ไม่เช่นนั้นจะแออัดเกินไป...
พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เผยว่า บริเวณท่าช้าง รองรับประชาขน ได้6,500 ,ถนนมหาราช สามแยกวัดโพธิ์ ได้ 2,500 คน ,ถนนราขดำเนินใน หน้าศาลฎีกา ศาลหลักเมิอง 15,500 คน และ หนเาพระลาน-โรงละคร แห่งชาติ อีก6 พันคน
เตรียมจุดรองรับ รถประชาชน 13 แห่ง 4ทิศ จัดรถ ชัตเติ้ลบัส ขสมก. รับเข้ามาในพื้นที่
เผย ประชาชน สามารถ ถ่ายภาพหรือFB live ได้ตลอด ห้ามเฉพาะนักข่าว ช่างภาพสื่อมวลชน บน12 อัฒจรรย์ ห้าม FB Live เด็ดขาด
เผย ตอนนี้ ถนนราชดำเนินใน และรอบสนามหลวง กำลังปรับภูมิทัศน์ อนุญาตเฉพาะคนมีบัตรอนุญาต เท่านั้น ส่วนการเข้าชมการซ้อมและซ้อมใหญ่ทำได้ แต่ต้องผ่านจุดตรวจ เพราะเป็นพื้นที่รักษาความปลอดภัย

"กอร.ราชพิธี"แถลง มีความพร้อม98-99% สำหรับพระราชพิธี

"กอร.ราชพิธี"แถลง มีความพร้อม98-99% สำหรับพระราชพิธี....ลั่น ทำภารกิจนี้เพื่อถวาย "ร.9-ร.10"อย่างเต็มกำลังความสามารถ
พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด รรก.อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า กอร.พระราชพิธีฯ ยันมีความพร้อม 98-99%แล้ว รอแค่การติดตั้งบางส่วน และบางระบบ ที่เหลือ เมื่อใกล้เวลา เพื่อไม่ให้ลดความงดงาม
พร้อม เชิญชวนปชช. ถวายดอกไม้จันทน์ในพื้นที่ เพราะบรรยากาศเดียวกัน อำนวยความสะดวกทั่วประเทศ ....โดยเตรียมการรองรับไว้ 887 จุด และ 76 เมรุมาศจำลอง และซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ 802 จุด ยันบรรยากาศเหมือน กทม.
"บิ๊กป้อม" สั่ง เตรียมระบบสื่อสารสำรองรองรับ และให้คงระดับความพร้อม สำหรับการซ้อม เหมือน7ตค. ทุกครั้งต่อจากนีเ15, และ 21 ตค. ..
สั่งการ ให้ ตำรวจทหาร กำหนดจุดเส้นทางให้ชัดเจน ทั้ง ริ้วขบวน,ส่งกลับ,ปชช, ขบวนเสด็จ ให้ชัดเจน และสอบทานจุดให้ตรงกันทุกหน่วย
"ขอทำภารกิจนี้เพื่อถวาย ร.9-ร.10 อย่างเต็มกำลังความสามารถ"

โบว์แดง บิ๊กป้อม !!



โบว์แดง บิ๊กป้อม !!
"บิ๊กป้อม" ยัน ICAO ปลด "ธงแดง" การบินพลเรือน ไทย ไม่เกี่ยว เป็นเพราะ"บิ๊กตู่" ไปพบ "Trump" นั่นมันอเมริกา แต่นี่ แคนาดา ชี้เป็นการทำงานร่วมกันของทุกฝ่าย ไม่ตอบว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง ของรัฐบาล หรือไม่ ไม่ว่าจะ โบว์แดงหรือไม่โบว์แดง แต่ทุกฝ่าย ทำงานกันเต็มที่
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ได้ปลดธงแดงหน้าชื่อประเทศไทยทำให้เป็นที่ยอมรับในมาตรฐานการบิน ว่า 
รู้สึกพอใจทำงานของข้าราชการทุกภาคส่วน ทำงานให้ประเทศชาติ จนเป็นผลเราได้ปลดล็อคได้
เมื่อถามว่า เป็นผลพวงจากที่พล.อ.ประยุทธ์ ไปพบนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา หรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เพราะคนตัดสินใจคือ ประเทศแคนนาดา ไม่เกี่ยวกับอเมริกา
เมื่อถามว่า ถือเป็นผลชิ้นนี้เป็นผลงานโบว์แดงของรัฐบาลหรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้. รู้แต่ เราทำให้เขาปลดล็อคได้ก็โอเค. แล้ว และ ขอให้ดูต่อไปแล้วกัน

ยังไม่ปลดล๊อค !!



ยังไม่ปลดล๊อค !!
"บิ๊กป้อม" ลั่น ยังไม่ปลดล๊อค พรรคการเมือง ให้จัดกิตกรรมการพรรค แม้ โปรดเกล้าฯ พรบ.พรรคการเมือง แล้ว ชี้ให้รอจนกว่า กม.ลูกจะเสร็จหมด ชี้ ยัง มีเวลาอีกตั้ง ปีกว่า แต่ไม่ตอบ เลือกตั้ง ปี2562 หรือไม่
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีหลายพรรคการเมืองเรียกร้องให้คสชปลดล็อคพรรคการเมือง ภายหลังมีโปรดเกล้าฯพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง มีผลบังคับใช้แล้ว ว่า ยืนยันว่า ตอนนี้ ยังไม่ปลดล็อค เพราะการจัดทำกฎหมายลูกยังไม่เสร็จ ผมจึงอยากถามว่าจะปลดล็อค ไปทำไมตอนนี้ เรายังมีเวลาอีกปีกว่า
เมื่อถามว่าจะเลือกตั้ง ปี2562 เลยใช่หรือไม่ พลเอกประวิตร ไม่ตอบ

'อย่าต้องให้รออำนาจที่ ๓ เลย'

"บ้านเมืองไทย" นั้น "บุญเก่า" หมดแล้ว!
เพราะ "นักเลือกตั้ง"............
ในคราบ "นักการเมือง" กินกันไปหมดแล้ว
ถ้าไม่มี "การเมืองเฉพาะกิจ" เข้ามา "ตัดผุ" ปูรากฐานประเทศใหม่อย่างตอนนี้
"อนาคต"...........
ยังจะมีอะไรเหลือถึงลูกหลานไทยอีกล่ะ?
เพราะแม้แต่ซี่โครง นักเลือกตั้งมันก็จะไม่ยอมปล่อยให้เหลือแน่
มันต้องแทะกันจนซี่สุดท้ายนั่นแหละ!
นี่ไม่ไช่พูดเกินเลย..........
การทำหน้าที่บริหารของนักเลือกตั้งในรอบทศวรรษที่ผ่าน เป็นตัวยืนยันความจริงข้อนี้ได้ดีที่สุด
ที่เราต้องเป็น "ช้างผอม" กันวันนี้ ด้วยอัตราเติบโตต่ำสุดในอาเซียน
นั่นไม่เพราะนโยบาย "โกงแบ่งกันไม่เป็นไร" ของการเมืองในระบบเลือกตั้งดอกหรือ?
จากการกินเมืองของ "นักการเมืองเลือกตั้ง" ที่ผ่านมา.........
มองไปรอบๆ ตัวเรา ก็จะเห็นบ้านเมือง "มีปัญหา" ร้อยแปดที่แก้ไม่ได้ เพราะระบบพรรค-ระบบพวก
อยู่ "เหนือกฎหมาย-เหนือกฎระเบียบ"
ใครยึดกฎระเบียบ ทำตามกฎหมาย เป็นตัวซื่อบื้อ
ใครทำเป็นมือสั้น "ไม่โกย-ไม่โกง" ตามเขา เป็นไอ้โง่
ข้าราชการท้องถิ่น ถ้าไม่สวามิภักดิ์ "นักเลือกตั้ง" อยู่ยาก-รวยยาก
ชาวบ้านเหมือนกัน............
ต้องแสวงหาเจ้านาย-ลูกพี่-หัวคะแนนไว้คุ้มหัว ไม่อย่างนั้น จะเป็น "ชาวบ้านตกสำรวจ"
ประเทศไทย ใต้ค่านิยม "พวกเรา-พรรคเรา เอามาแบ่งกันกิน" จึงเหลือซากเป็นสภาพให้เห็นทุกวันนี้ไงล่ะ
ไม่ใช่แค่ "พรรคพี่ริ-น้องยำ-สมุนปล้น" พรรคเดียวนะ โดยเฉลี่ยเป็นอย่างนั้นแทบทุกพรรค เพียงแต่ "งาบเงียบ" ไม่เรอเสียงดังเหมือนพรรคนั้น เท่านั้น
รวยกระจุกตัว "เฉพาะพรรค-สมุน-กลุ่มทุน"
"จนจึงกระจาย" ทั้ง "คนนอกพรรค-นอกพวก"!
ยึดเขาทั้งลูกปลูกบ้าน ปลูกรีสอร์ต ปลูกอาศรม ทำการค้าเลาะตะเข็บกฎหมาย ภาษีมีกูก็ไม่จ่าย มีพรรค-มีพวก ซะอย่าง
เมืองไทย....ทำได้สบายมาก!
ในเมื่ออำนาจนักการเมืองผสมอำนาจข้าราชการ บ้านนี้-เมืองนี้ ก็เป็นของมัน
ขนาดที่ดินถวายวัด ระบบการเมืองผสมพันธุ์ระบบข้าราชการ ยังออกลูกมาเป็นสนามกอล์ฟและบ้านจัดสรรได้เลย!
รุกหาด-รุกป่า-รุกเขา อย่างที่เขาค้อ ทำธุรกิจ-ทำการค้า เลี่ยงกฎ-เลี่ยงกติกา
ถ้าไม่อิทธิพลนักการเมืองส่วนกลางนำทาง แล้วพวกข้าราชการท้องถิ่นผสมอำนาจ
ถามว่า ลำพังเอกชนโดดๆ ปราศจากบารมีข้าราชการ ทหาร-ตำรวจ-พลเรือน คุ้มหัว...........
ใครกล้า?
เพราะการเมืองระบบกินแบ่งกันนั่นแหละ มันจึงบานทะโรค แตะตรงไหน ก็ตรงนั้น กลายเป็นค่านิยมสังคมอุปถัมภ์ ใครก็แก้ไม่ได้ ขืนแก้.......
"คะแนนหาย" ตอนเลือกตั้ง!
การปฏิวัติ-รัฐประหาร ตีค่าเป็นเผด็จการ "อำนาจนอกระบบ"
ขอถาม แล้ว "ประชาธิปไตย" มันเป็นอำนาจในระบบตรงไหน ใครสถาปนาให้เป็น?
ระบบไหนๆ มันไม่ต่างกันหรอก...........
ขอเพียงระบบนั้น "ตอบโจทย์" ชีวิตความเป็นอยู่และความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของประเทศชาติและสังคมได้
ระบบนั้น ถือว่าใช่ ใช้ได้เหมือนๆ กัน
ในธรรมชาติเป็นจริง ไม่มีอะไรดีตลอด-เลวตลอด ประชาธิปไตย-เผด็จการ ก็อย่างนั้น
ฉะนั้น อย่าไปทึกทักตายตัว ว่าประชาธิปไตย ดีนิรันดร์ เผด็จการเลวนิรันดร์
ในรอบ ๒ ทศวรรษนี้ ประชาธิปไตยในไทย ค่อนไปทาง "เลวนิรันดร์"
ก็เปลี่ยนให้เผด็จการเขาเข้ามาแก้ เป็นการ "คั่นเวลา" บ้าง
เพื่อเรื่องที่ตัวเองแก้ไม่ได้และไม่ได้แก้ เนื่องจาก..."กูก็ด้วย"
"เผด็จการ" ที่ไม่ต้องเอาใจกลุ่มทุนพรรคหรือหัวคะแนน เขาจะได้ใช้ "อำนาจเบ็ดเสร็จ" แก้ให้เข้าที่-เข้าทาง!
อยากให้สังเกต ...........
การเปลี่ยนรอบทางโครงสร้าง "เศรษฐกิจ-การเมือง-สังคม" ของไทยเรา
เผด็จการเข้ามา "คั่นประชาธิปไตย" ทุกรอบ!
คั่นแล้ววางรากฐานไว้ให้การเมืองระบอบ "ประชาธิปไตย" ผลาญต่อทั้งนั้น
ลำพังรัฐบาลเลือกตั้งบริหารน่ะเรอะ........
ป่านนี้ แม้ "ซี่โครง" ก็ไม่เหลือถึงลูกหลาน เผลอๆ อนาคตลูกหลานไทยอาจต้องอยู่ในสภาพ "โรฮีนจา" ก็ได้!?
ทำนองเดียวกัน..........
ถ้าปล่อยให้อำนาจเผด็จการ "งอกราก" หยั่งยึดประเทศยาวนานเกินเหตุไป
ก็ไม่ต่างกับนักเลือกตั้งที่ยัด "ลูกยอประชาธิปไตย" ใส่ตูดชาวบ้าน แต่กู...ใช้อำนาจนั้น "กินเมือง" เอง!
โลกนี้ ไม่มีซ้าย-ไม่มีขวา-ไม่มีตรงกลาง
มีแต่ "จุดสมดุล"!
ในความที่โลกกลม มันจะอยู่ตรงริม-ตรงกลาง-ตรงข้าง ไม่ใช่ประเด็น เมื่อเหตุปัจจัยของการณ์นั้นลงตัว
ตรงนั้นแหละ "จุดสมดุล"!
คำว่า "เป็นกลาง" ที่ชอบพูดกัน.........
นั่นมัน "ข้ออ้าง" เพื่อเลี่ยงความรับผิดชอบของพวกขี้ขลาด พวกไม่กล้าเผชิญความจริง
มักจะได้ยินจากปากพวกปิศาจคาบคัมภีร์ พวกแก่ตำราวิชาการ อะไรที่อาจพันตัวเอง
ใช้คำว่า "เป็นกลาง" ถ่างขาไว้ตะพึด!
ในแวดวงสื่อเหมือนกัน จะได้ยินคำว่า "เป็นกลาง" บ่อย
กลางแบบนี้ เป็นกลางห้อยหัว แบบ "นกมีหู-หนูมีปีก"
การจะเป็นอะไรนั้น ไม่สำคัญ...........
สำคัญตรงว่า เมื่อเป็นอะไรแล้ว "ต้องชัดเจน" ตรงนั้น!
การเมืองก็เช่นนั้น ไม่ว่าเผด็จการ-ประชาธิปไตย ถ้าผู้นำ "นำไม่ชัดเจน" ในบทบาท-ทิศทาง
นอกจากนำไม่รอด ตัวเองก็ไม่รอด!
คร่าวๆ ว่าอีก ๑ ปี ของรัฐบาลเผด็จการประยุทธ์เหมือนกัน ที่รอดมา ๓ ปี เพราะชัดเจน
จะ "ปฏิรูประบบราชการ"
เอาเข้าจริง เข้าปีที่ ๔ แล้ว การปฏิรูปไม่มีตรงไหนชัดเจน แต่ที่ยังตรึงศรัทธาประชาชนอยู่ได้
เพราะพลเอกประยุทธ์ "ตัวเอง" ชัดเจนที่ "ไม่โกง-ไม่กิน" ซื่อสัตย์ต่อสถาบันชาติ-พระศาสนา-พระมหากษัตริย์
และตั้งใจทำงาน มีรูปธรรมจากผลงานการวางโครงสร้างสังคมประเทศด้วยยุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหม่
ปีที่ ๔ ตีว่าเป็นปีสุดท้ายของเทอมรัฐบาลเผด็จการ
ถ้านายกฯ ประยุทธ์ยังนำไม่ชัดเจน-ไม่เด็ดขาด ตามสัญญาที่เคยพูด จาก ๑๐ ได้ไม่ถึง ๕
จะเป็น "ปีสุดท้าย" ที่ศรัทธาร่อยหรอ........
ก็ดูซี ๑-๔ ปี เซย์ว่าเจรจา นี่เข้าปีที่ ๕ เสารถไฟฟ้าความเร็วสูง "ซักต้น" ไม่เคยได้ตอก!?
แบบนี้ "อำนาจเบ็ดเสร็จ" กับความสำเร็จในปัญหาที่ค้างคา
มันขาด "จุดสมดุล" นะ!
เมื่อถึงคราวเลือกตั้ง คนส่วนใหญ่ อยากให้นายกฯ ประยุทธ์ "เป็นนายกฯ" ฟอร์มทีมรัฐบาล สานงานที่เริ่มไว้ต่อ
แบบนี้ ก็ไม่ต้องต่อ...........
เพราะ "เนื้องานหลัก" ที่จะต้องต่อ ไม่เห็นมีอะไร?
ทั้งปฏิรูประบบ ทั้งโครงสร้างพื้นฐานหลายด้าน งึกๆ งักๆ กับเอ็นจีโอต้าน แทบทุกโครงการ ถอยหลังก็ไม่ได้ เดินหน้าก็ไม่ไป
ทั้งเผด็จการ-ทั้งประชาธิปไตย "บ่มิไก๊พอกัน"
จะต้องให้แสวงหาอำนาจใหม่ เป็นอำนาจที่ ๓ มาใช้แก้ปัญหาที่ "ไม่กล้าฟันธง" ในเรื่องที่ควรฟัน หรืออย่างไร?
ทั้งระบบการศึกษา ยุทธศาสตร์พัฒนาชาติไปขั้นนวัตกรรมแล้ว แต่การสร้างคนในระบบศึกษาเพื่อรองรับ
"รูปธรรม" ที่ชัดเจน ต้องให้รอถึงชาติไหน?
ทุกวันนี้-ขณะนี้ ชาวบ้านอกไหม้ไส้ขมเรื่องทำมาหากิน เศรษฐกิจดี แต่มันดีกระจุกอยู่ข้างบน ไม่กระจายลงสู่คนชั้นล่าง
๓ ทุ่ม ๔ ทุ่ม อย่าว่าต่างจังหวัดเลย เอาในกรุงเทพฯ เรานี่แหละ
เหมือน "เมืองร้าง"!?
แต่ชาวบ้านรำคาญ......ไม่ได้รำคาญรัฐบาลประยุทธ์อย่างเดียว
รำคาญไอ้พวกนักเลือกตั้งมากกว่า
แทนที่จะศึกษา-หาทาง พูดเชิงสร้างสรรค์บรรยากาศ ช่วยกันแก้ปัญหาความทุกข์ยากชาวบ้าน ในฐานะเคยบริหาร
แต่นี่...ตื่นเช้าขึ้นมา เอาแต่ทวงถาม วันไหนเลือกตั้งกันแน่?
เอาแต่เรื่อง "เพื่ออำนาจ-เพื่อผลประโยชน์" ทางการเมืองของตัว ในความเบื่อรัฐบาลประยุทธ์........
ชาวบ้านเห็นสันดานกระสันเลือกตั้งไม่เลือกเวลา ประยุทธ์เลย "มีค่า-มีราคา" ในสายตาชาวบ้าน มากกว่าพวกกระสันกินเมือง!
ทุกคนมุ่งหวังประยุทธ์ คาดหมายด้วยเหตุ-ด้วยผล
รัฐบาลประยุทธ์ "สร้างงาน" ด้านโครงสร้างเศรษฐกิจ เช่น อีอีซี ไว้ ถ้าทิ้งไป ไม่เพียงที่ลงทุนจะสูญเปล่า
แต่น่าเสียดาย เพราะเป็นโครงการดี จึงอยากให้นายกฯ ประยุทธ์ทำงานสานต่อ
นี่เป็น "อยาก" ชาวบ้าน.........
แต่ถ้านายกฯ ประยุทธ์ "อยาก" ด้วย ก็ไม่ยาก ไหนๆ ก็ได้ชื่อว่าองค์รัฏฐาธิปัตย์แล้ว
ฟันให้ชัด "ตามสัญญา" ซักโครงการซิ?

ปมลึก การเมือง ว่าด้วย “ความเชื่อมั่น” ต่อ “การเลือกตั้ง”

ปมลึก การเมือง ว่าด้วย “ความเชื่อมั่น” ต่อ “การเลือกตั้ง”


ไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งในปลายปี 2561 ไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งในต้นปี 2562 แต่ความรู้สึกโดยพื้นฐานต่อการเลือกตั้งแปลกและแปร่ง

ด้านหลัก ก็คือ รู้สึกเฉยๆ

ด้านหลักของความเฉยๆ มีรากมาจากความไม่เชื่อมั่น ความไม่แน่ใจ เป็นความไม่แน่ใจตั้งแต่ที่รู้สึกว่าจะเป็นปลายปี 2561

แล้วเลเพลาดพาดไปถึงต้นปี 2562 ด้วย

หากมองว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เลือกไปประกาศอันเกี่ยวกับ “การเลือกตั้ง” ที่กรุงวอชิงตัน ในบรรยากาศแห่งการพบปะกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เท่ากับเป็นการชิงโอกาสและสร้างเงื่อนไขในการรุกทางการเมือง

ก็ไม่แน่ใจ

ไม่แน่ใจว่ามาตรการ “การเลือกตั้ง” จะเป็นการรุกในทางการเมือง หรือว่าเป็นการตั้งรับในทางการเมืองกันแน่

เหตุใดจึงมองกระบวนการของ “การเลือกตั้ง” เป็นส่วนหนึ่งของรุกและรับในทางการเมือง

คำตอบ 1 เพราะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
คำตอบ 1 เพราะเห็นว่าภายในองค์ประกอบของ คสช.ด้านหลักคือทหาร จึงย่อมจะมองแต่ละกรณีอย่างสัมพันธ์กับการทหาร

เป็นความเคยชินอย่างปกติของ “อาชีพ”

หากสิ่งที่เรียกว่า “ปฏิญญา ทำเนียบขาว” จะดำเนินไปอย่างสะท้อนลักษณะ “รุก” แล้วจะตอบคำถามต่อ “ปฏิญญา” อื่นๆ ก่อนหน้านี้อย่างไร

ไม่ว่าจะเป็น “ปฏิญญา โตเกียว” ไม่ว่าจะเป็น “ปฏิญญา นิวยอร์ก”

นั่นแสดงให้เห็นว่า นับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้น การ “ยื้อ” เวลาแห่งการเลือกตั้งให้ยืดออกไปต่างหากที่เป็นลักษณะ “รุก”

การที่ไม่สามารถ “ยื้อ” จึงกลายเป็นลักษณะ “รับ”

ความจริง หากมองผ่านประสบการณ์ทางการเมืองพลันที่รัฐธรรมนูญประกาศและบังคับใช้นั่นหมายถึงการนับถอยหลังในทางการเมือง

ไม่ว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ.2511 ในยุค “ถนอม”

ไม่ว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ.2521 ในยุค “เกรียงศักดิ์” ไม่ว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ.2534 ในยุค “รสช.” แสดงออกอย่างเด่นชัด

เด่นชัดยิ่งในการนับถอยหลังออกจาก “อำนาจ”

กล่าวสำหรับสถานการณ์ของ คสช. พลันที่รัฐธรรมนูญประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560 ในอีกด้านจึงเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณในเรื่องการเลือกตั้ง

ไม่ว่าจะ “ยื้อ” และ “ยืด” อย่างไรก็เป็นไปได้ยาก

เพียงแต่เมื่อไม่สามารถจัดทำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญให้สามารถเลือกตั้งได้ภายในปี 2561 ก็จะต้องเลื่อนไปยังต้นปี 2562

นี่ย่อมเป็น “เดดล็อก” เป็นเหมือน “ไฟต์บังคับ” ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะประกาศหรือไม่ประกาศในระหว่างการเยือนสหรัฐอเมริกา การเลือกตั้งก็ได้กลายเป็น “เป้าหมาย” ไปแล้ว

นี่จึงมิใช่ “การรุก” นี่จึงเด่นชัดว่าเป็น “การตั้งรับ”

บรรยากาศที่ไม่คึกคักตามความหมายหลังคำประกาศว่าด้วย “ปฏิญญา ทำเนียบขาว” มีมูลเชื้อมาจากความเชื่อมั่นต่อ คสช. และต่อรัฐบาลโดยตรง

เป็นบทเรียนจาก “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน”

ประจักษ์พยานสำคัญก็คือ แม้จะมีคำประกาศ “ปฏิญญา โตเกียว” แม้จะมีคำประกาศ “ปริญญา นิวยอร์ก” ก็มีการเลื่อน

แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรต่อ “ปฏิญญา ทำเนียบขาว”

หมุดหมาย ปลดล็อก พรรคการเมือง ปี่กลอง”เลือกตั้ง”พฤศจิกายนกระหึ่ม

09.00 INDEX หมุดหมาย ปลดล็อก พรรคการเมือง ปี่กลอง”เลือกตั้ง”พฤศจิกายนกระหึ่ม


ไม่เพียงแต่ “เจ้าเก่า” อย่างพรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น

พลันที่กฎหมาย”พรรคการเมือง”บังคับใช้

แม้กระทั่ง นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ปรากฏตัว

“ควรเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองได้ทำกิจกรรมต่างๆได้”

ข้อสำคัญและมีความล่อแหลมเป็นอย่างมากก็คือ กฎหมาย พรรคการเมืองมีระยะเวลากำหนด

กำหนดภายใน 180 วัน กำหนดภายใน 1 ปี

ไม่ว่าในเรื่องของ “ข้อบังคับพรรค” ไม่ว่าในเรื่องของ”สมาชิก พรรค” ไม่ว่าในเรื่อง “เงินทุนพรรค”

นับแต่วันที่”กฎหมาย”ประกาศและบังคับใช้

ประเด็นที่ไม่เพียงแต่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ และ นายวิษณุ เครืองาม จักต้องคำนึงอย่างจริงจัง

ในฐานะที่เป็น “นักกฎหมาย”

นั่นก็คือ ศักดิ์ศรีของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

จะต้องนำไปพิจารณา

ความหมายก็คือ “พรป.”เหมือนเป็น”ลูกคนโต”

เมื่อมองจากความเป็นจริงที่ “รัฐธรรมนูญ” อันถือว่าเป็นกฎหมายสูงสุดเหมือนกับเป็น “แม่”คสช.จึงจำเป็นต้องคิดหนักในกรณีนี้

จะให้ประกาศและคำสั่งของคสช.มี”ศักดิ์”เหนือกว่าร่างพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญและรัฐธรรมนูญหรืออย่างไร

ยิ่งวัน ยิ่งมากด้วยความละเอียดอ่อน

มีความเชื่อตรงกันไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย

การปลดล็อกน่าจะเป็น”พฤศจิกายน”

เพราะหากไม่มีการปลดล็อกให้กับพรรคการเมืองได้ทำกิจกรรมก็เท่ากับไม่เคารพ “กฎหมาย”

พลันที่”ปลดล็อก” นั่นหมายถึงการผ่อนคลายให้กับพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา และมีอานิสงส์ไปถึงพรรคเพื่อไทย

เท่ากับปี่กลอง”เลือกตั้ง”สามารถส่งเสียงได้แล้ว

ความเชื่อมั่น บนความเสี่ยง : ปรากฏการณ์ “ทรัมป์-ประยุทธ์” หัวเชื้อเครดิตไทย

ความเชื่อมั่น บนความเสี่ยง : ปรากฏการณ์ “ทรัมป์-ประยุทธ์” หัวเชื้อเครดิตไทย

ชุ่มฉ่ำตลอดทั้งสัปดาห์ ฤดูปลายฝนต้นหนาว

บรรยากาศฝนสั่งฟ้าในห้วงเวลาเข้าสู่เดือนตุลาคม ตามกำหนดพระราชพิธีสำคัญของปวงชนชาวไทย

โดยสำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนทั่วไป เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 5 ตุลาคม 2560 เป็นวันสุดท้าย

ตามภาพแห่งความจงรักภักดีของพสกนิกรจากทั่วทุกสารทิศ ต่อแถวยาวเหยียดจากพระบรมมหาราชวังไปถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รอกันข้ามวันข้ามคืน

เพื่อเข้ากราบ “พ่อ” ของแผ่นดิน เสด็จสู่สวรรคาลัย

บรรยากาศแห่งความอาลัยปกคลุมไปทั่วทุกอาณาเขตประเทศไทย ในโหมดที่สถานีโทรทัศน์ทุกช่องปรับโทนสีกึ่งขาวดำ สื่อต่างๆ ห้างร้าน สถานบริการพร้อมใจกันงดรายการบันเทิงเริงรมย์

และนั่นก็รวมถึงฝ่ายการเมืองที่ต้องลดดีกรีความร้อนแรงลงตามกาลเทศะ

โดยเฉพาะภารกิจสำคัญของรัฐบาล คสช.ต้องยกระดับหน่วยงานความมั่นคง ในการดูแลความสงบเรียบร้อยในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ “ในหลวงรัชกาลที่ 9”

ห้วงเวลาประวัติศาสตร์ของชาติไทยต้องสงบนิ่งที่สุด

ยิ่งมีจุดอ่อนไหว ตามสถานการณ์ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ในฐานะเบอร์หนึ่งด้านความมั่นคง เปิดเผยข้อมูลเองเลยว่า มีข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่จ้องป่วนในช่วงพระราชพิธีสำคัญ โดยเป็นขบวนการที่โจมตีสถาบันมาอย่างต่อเนื่อง

เป็นเรื่องของพวกหน้าเดิมๆทั้งในและนอกประเทศ

ตามรูปการณ์ ทหาร ตำรวจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนทั่วไปก็ต้องร่วมด้วยช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการเฝ้าสังเกตขบวนการป่วนเมือง

สกัดแก๊งหมิ่นเบื้องสูง ไม่ให้ทำเรื่องเลวระยำ

และต้องร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดีในการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เหล่าประมุข ผู้นำประเทศต่างๆที่จะเดินทางมาร่วมพระราชพิธีสำคัญขององค์กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของปวงชนชาวไทยและชาวโลก

ตามสถานการณ์ยากที่พลังแฝงความชั่วร้ายจะเอาชนะพลังบริสุทธิ์ของลูกๆชาวไทย

หลอมรวม “พลังแผ่นดิน” ถวายองค์ “ภูมิพล”

ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ก็นับเป็นการประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม

กับปรากฏการณ์ที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ยกคณะใหญ่บินไปเยือนสหรัฐอเมริกา ตามคำเชิญของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่เป็นผู้นำจากการรัฐประหารที่ได้รับเกียรติให้เข้าไปนั่งในทำเนียบขาว วอชิงตัน ดี.ซี. อย่างสง่างาม

ตามระดับการต้อนรับที่ใช้คำว่า “อย่างดียิ่ง” จากผู้นำสหรัฐฯ

“บิ๊กตู่” ได้พบทั้งเบอร์หนึ่งคือประธานาธิบดี “ทรัมป์” เบอร์สอง รองประธานาธิบดี “ไมค์ เพนซ์” เบอร์สาม “พอล ไรอัน” ประธานสภาผู้แทนราษฎร และเบอร์สี่ ผู้อาวุโสสูงสุดวุฒิสภาอเมริกัน

นอกจากการหารือแบบโฟร์อาย คุยกันเปิดอกแบบสองต่อสอง ประธานาธิบดี “ทรัมป์” ยังขนวงใหญ่ ทั้งกลาโหม กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ มานั่งประชุมร่วมกับคณะของผู้นำรัฐบาลไทย ตั้งแต่เที่ยงครึ่งถึงบ่ายสาม

โดยไม่มีการเอ่ยถามถึงปมการเมืองในประเทศไทย

บ่งบอกถึงการให้น้ำหนักกับผู้นำรัฐบาลทหาร คสช.มากขนาดไหน

หรือแม้แต่ช็อตเล็กๆที่แปลความหมายแล้วยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดา กับการที่ “อิวานกา ทรัมป์” ลูกสาวประ-ธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงจากห้องมาร่วมถ่ายรูปกับผู้นำไทยและภริยา

เรียกว่า กระชับความสัมพันธ์ในทุกระดับทุกมิติ

ตอกย้ำสถานะของแขกวีไอพี ที่ผู้นำประเทศเล็กๆ อย่างไทยไม่น้อยหน้าชาติมหาอำนาจระนาบเดียวกัน
ซึ่งนั่นก็ไม่แปลกที่ “บิ๊กตู่” จะประกาศให้ได้ยินกันทั่วโลกว่า เจอเพื่อนแท้เพิ่มอีกคน ชมเปาะ
ประธานาธิบดี “ทรัมป์” มีอะไรตรงกัน

โดยเฉพาะความเป็นคนพูดตรงแต่จริงใจ

และย้ำด้วยว่า การเยือนสหรัฐอเมริการอบนี้ไม่ได้มาในนามของตนเองคนเดียว แต่ขนมาทั้งประเทศไทย อยู่สหรัฐฯก็ได้กลิ่นเมืองไทย อยู่ประเทศไทยก็ได้กลิ่นสหรัฐฯ ด้วยความผูกพันกันมานาน

และทั้งหมดทั้งปวง ว่ากันตามยุทธศาสตร์การเมือง โลก จากฉากการพบปะระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์”

ทำให้ไทยมาอยู่ในจุดที่อยู่ตรงกลาง

ประคองเกมถ่วงดุลได้แล้วทั้งสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และรัสเซีย

ผู้นำรัฐบาลทหารอย่าง “บิ๊กตู่” เคลียร์แรงกดดันจากต่างประเทศลงไปได้ระดับหนึ่ง

เหนืออื่นใด ยังมีอีกช็อตสำคัญที่ถือเป็นไฮไลต์ของรายการนี้ กับการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยืนยันระหว่างการหารือแบบโฟร์อายกับประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ว่าประเทศไทยจะยึดหลักประชาธิปไตยสากล เดินหน้าตามโรดแม็ปในการปฏิรูปประเทศ

โดยในปี 2561 จะมีการประกาศกำหนดเลือกตั้งอย่างชัดเจน

ไม่มีการเลื่อนใดๆทั้งสิ้น

ทั้งนี้ “บิ๊กตู่” ระบุด้วยว่า ประธานาธิบดี “ทรัมป์” ไม่ได้ถาม แต่เป็นเจ้าตัว พล.อ.ประยุทธ์เองที่แสดงความเชื่อมั่นออกไป ถือเป็นการแสดงความจริงใจตอบกลับการต้อนรับอย่างดียิ่งของผู้นำสหรัฐฯ

ชัดเจนว่า เป็นความตั้งใจส่งสัญญาณ

เบื้องต้น โดยจุดมุ่งหมายของผู้นำรัฐบาล คสช. น่าจะต้องการกระตุกความมั่นใจของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้กล้านำเงินมาลงทุนในเมืองไทย ในจังหวะเร่งเครื่องดันเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว

ตามระดับความชัดเจนในการเลือกตั้งที่ผู้นำรัฐบาลทหารไทยได้ย้ำสัญญาประชาคมในเวทีใหญ่ ต่อหน้าผู้นำเบอร์หนึ่งของโลกประชาธิปไตย

เลือกตั้งตามโรดแม็ป ยังไงก็เบี้ยวยาก

เอาเป็นว่า ปรากฏการณ์จากการเยือนสหรัฐฯของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่นำมาซึ่งความชัดเจนเกี่ยวกับกำหนดเลือกตั้ง สร้างความมั่นใจให้นักลงทุน พร้อมๆกับสถานะประเทศเล็กๆแต่เสียงดังในการถ่วงดุลการเมืองโลก ยกระดับความร่วมมือกับพี่เบิ้มทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ความมั่นคง

ภาพรวมยังไงก็เป็นบวกกับประเทศไทย

เป็นเครดิตที่พุ่งพรวดขึ้นมาในรอบ 3 ปีของรัฐบาลคสช.

แต่นั่นก็แปรผกผันกัน ในขณะที่สถานการณ์แรงกดดันภายนอกประเทศลดโทนลง ตรงกันข้าม แรงเสียดทานจาก

การเมืองภายในประเทศกลับเพิ่มดีกรีสวนทางทันควัน

จับอาการของนักการเมืองทุกพรรคที่รีบออกมา “ตีขลุม” ล็อกคอ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องปล่อยเลือกตั้งในปี 2561 ตามที่ประกาศไว้กับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ห้ามเบี้ยว

ลูกเขี้ยวของนักเลือกตั้งอาชีพตีปี๊บบีบทันควัน

พล.อ.ประยุทธ์ ต้องย้ำอีกรอบกับคนไทยที่สหรัฐฯ ที่บอกจะประกาศเลือกตั้งในปี 2561 นั้น แค่การประกาศ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเลือกตั้งกันในปีนั้นเลย เพราะต้องขึ้นอยู่กับกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญจะเสร็จช่วงไหน จากนั้นต้องนับไปอีก 150 วันตามขั้นตอนกระบวนการ

นั่นก็เป็นไปได้ว่ามีการเลือกตั้งปลายปี 2561 หรือเลื่อนไปในปี 2562

เรื่องของเรื่อง ตอนนี้รัฐบาล คสช.ยังต้องใช้เวลาตั้งหลักอีกพักใหญ่

ไล่ตั้งแต่การเคลียร์ “จุดอ่อน” ที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ก็ยอมรับว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะเติบโตตามเป้าหมาย แต่การกระจายยังไปไม่ถึงมือคนยากคนจนในระดับฐานราก
แบบที่รัฐบาลต้องเร่งอัดฉีดทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพิ่มเงินรายเดือนคนชรา แก้ปัญหาปากท้อง

ในจังหวะที่ภาษีร้อนๆ ไล่ตั้งแต่ภาษีบาป เหล้า บุหรี่ การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) เป็น 9 เปอร์เซ็นต์ และเก็บภาษีน้ำชาวนา โผล่ขึ้นมาหลอนประชาชน

พาลให้คนด่ารัฐบาล ถังแตก หาเงินไม่เป็น

และที่เป็นปัญหาใหญ่เลยก็คือ ประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การปฏิบัติ งานไม่เดิน เนื้องานไม่ออก แถมปมทุจริตนัวเนียอยู่ในหมู่คนใกล้ตัว เป็นน้ำหนักถ่วงผู้นำรัฐบาล

ตามสถานการณ์ยังเหลื่อมกันอยู่ ระหว่างความเชื่อมั่นในเชิงจิตวิทยาที่พรุ่งปรี๊ด แต่ความเชื่อมั่นแท้จริงที่มาจากภาคปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลยังก้ำกึ่ง

มันจึงยังเป็นแค่ความเชื่อมั่นบนความเสี่ยง.

“ทีมการเมือง”

ลุ้นหมากคว่ำกระดาน!

ลุ้นหมากคว่ำกระดาน!

ออกลูกพลิ้ว “โรดแม็ปเลือกตั้ง” อีกระลอก

ตามคิวที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. พูดต่อหน้าคนไทยในสหรัฐอเมริกา แจกแจงขั้นตอนโรดแม็ปเลือกตั้ง

แย้มพรายร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญจะเสร็จประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน 2561 แล้วจึงประกาศวันเลือกตั้ง จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนทูลเกล้าฯ 90 วัน และจัดเตรียมการเลือกตั้งอีก 150 วัน ก่อนจะมีการเลือกตั้งจริงเกิดขึ้น

แบไต๋วันเลือกตั้งจริงอาจไม่เกิดขึ้นเดือนพฤศจิกายน 2561 ตามที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้

แต่อาจทะลุไปถึงปี 2562 กว่าจะได้เข้าคูหาหย่อนบัตรลงคะแนนกัน

สอดประสานรับมุกพอดิบพอดีกับหัวขบวนสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ที่ให้สัมภาษณ์หนุนรับไทม์ไลน์เลือกตั้งของหัวหน้า คสช. ประเมินกฎหมายลูกจะเสร็จสิ้นอย่างช้าที่สุดปลายปี 2561

เช่นเดียวกับ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่เปรยยังไม่สามารถกำหนดวันเวลาเลือกตั้งชัดเจนได้ เพราะมีตัวแปรเยอะ แต่ถ้าใช้โรดแม็ปเต็มเวลา ก็มีสิทธิได้รัฐบาลใหม่ปลายปีหน้าหรือต้นปี 2562

แม้กระทั่ง นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ก็ยังไม่กล้าการันตีจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นเมื่อใด

ทิศทางแม่น้ำทุกสายทั้ง คสช. ครม. สนช. และ กรธ. ชักไหลไปในทางเดียวกัน ถนนมุ่งสู่สนามเลือกตั้ง อาจถูกทอดยาวออกไป

ทำไปทำมา อาจจะได้ฤกษ์กาบัตรเดือนเมษายน 2562

รัฐบาลและ คสช.ขอตีตั๋วอยู่ยาว ตั้งแต่การยึดอำนาจเดือนพฤษภาคม 2557 จนถึงปี 2562 เบ็ดเสร็จร่วม 6 ปี ยาวนานกว่ารัฐบาลปกติที่มีอายุอยู่แค่ 4 ปี

ขั้วอำนาจพิเศษยังเด้งเชือก ไม่ปริปากระบุวันเวลาชัดเจนการเข้าคูหาคืนประชาธิปไตยให้มัดปากตัวเอง
กระแสไม่มีเลือกตั้งในปีหน้าชักมีน้ำหนักหนาหูขึ้นเรื่อยๆ

แรงเสียดทานในประเทศกลับมาเข้มข้นมากยิ่งขึ้น สวนทางกับแรงกดดันจากต่างประเทศที่มีทิศทางดีขึ้น หลังจากที่ผู้นำ คสช.ประสบความสำเร็จได้ยืดอกกระทบไหล่ผู้นำพญาอินทรีในการเยือนสหรัฐอเมริกา

แต่ “บิ๊กตู่” ก็ยังตกเป็นจำเลยเรื่องสืบทอดอำนาจ ถูกล่อเป้ารุมถล่มจากฝ่ายการเมือง ไม่ยอมปลดโซ่ตรวนให้ฝ่ายการเมืองคืนสนาม

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าจะถอดรหัสโรดแม็ปที่ “บิ๊กตู่” บอกใบ้มาในเที่ยวล่าสุด ตีความได้เป็น 2 ทาง

กรณีแรก เส้นทางสู่การเลือกตั้งปลายเดือนพฤศจิกายน 2561 ยังไม่ได้ถูกปิดประตูตาย เพราะถ้าขั้นตอนการพิจารณาร่างกฎหมายลูกเป็นไปตามกรอบเวลาที่วางไว้อย่างราบรื่น

สนช.ใช้เวลาพิจารณาผ่านร่างกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่เหลืออีก 2 ฉบับ เสร็จภายใน 60 วัน หรือประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2561 โดยไม่มีการโต้แย้งหรือตั้งกรรมาธิการร่วม ไม่มีการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เข้าสู่ขั้นตอนการนำขึ้นทูลเกล้าฯและโปรดเกล้าฯลงมาภายใน 90 วัน และจัดเลือกตั้งภายใน 150 วัน

ถ้าเป็นไปตามสูตรนี้ ยังไงก็เลือกตั้งทันตามโปรแกรมเดิมคือ ปลายเดือนพฤศจิกายน 2561

แต่ในทางตรงกันข้ามกรณีเส้นทางโรดแม็ปเจอเจาะยาง โดนองค์กรอิสระโต้แย้งร่างกฎหมาย ต้องตั้งกรรมาธิการร่วมขึ้นมาทบทวนเนื้อหาใหม่ เจอการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ

โรดแม็ปเจอปัญหาขลุกขลัก ทุกขั้นตอนใช้เวลาเต็มที่ทุกอย่าง เงื่อนเวลามีสิทธิถูกเขยิบออกไปได้
โดยเฉพาะกรณีที่ประชุม สนช.ลงมติคว่ำ ร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้งส.ส. หรือ ร่าง พ.ร.บ.การได้มาซึ่ง ส.ว. ฉบับใดฉบับหนึ่ง กรธ.ต้องไปยกร่างกฎหมายลูกกันใหม่ ก็ยิ่งทอดเวลาออกไปได้มากขึ้นเรื่อยๆ

โอกาสหมิ่นเหม่สูงที่จะอดกาบัตรเลือกตั้งในปลายปี 2561 ตามปฏิทินเดิม

เพราะดูตามเงื่อนเวลา หากติดปัญหาเล็กๆน้อยๆแค่การโต้แย้งของหน่วยงานและการตั้งกรรมาธิการร่วม ไม่น่าจะทำให้กฎหมายลูกยืดเยื้อแกว่งไปถึงปลายปีหน้าได้

ดูรูปการณ์ยื้อประกาศวันเลือกตั้งออกไปเที่ยวนี้ มันก็มีข้อชวนให้สงสัย จะมีตัวแปรพิเศษทำให้กฎหมายลูกสะดุดหรือไม่

ยิ่งขุมกำลัง สนช.มีทั้งขั้วที่อยากให้เลือกตั้งกับขั้วที่ไม่อยากให้เลือกตั้ง กำลังรอวัดพลังกันอยู่

จึงมีความเสี่ยงที่โปรแกรมหย่อนบัตรจะถูกเขยื้อนออกไปจากเดิม

ต้องจับตาหมากคว่ำกระดานกฎหมายลูกจะเกิดขึ้นหรือไม่.

ทีมข่าวการเมือง