PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2561

เมื่อ "โป๊ป" กล้าพูดประโยคนี้ ใส่หน้า"บิ๊กตู่"

เมื่อ "โป๊ป" กล้าพูดประโยคนี้ ใส่หน้า"บิ๊กตู่"...."ออเจ้านี่ กำเริบ ไม่รู้จักกาลเทศะ"!!.555555
"นายกฯบิ๊กตู่"พูดคุยถึงบทกลอนต่างๆ พร้อมขอให้"พี่หมื่น(โป๊ป)" ท่องโชว์สักบท ที่ต่อว่า แม่หญิงการะเกด
โเย "โป๊ป" ได้หันหน้ามา ท่องบทนี้ กับ นายกฯบิ๊กตู่".....555
“ออเจ้านี่ กำเริบ ไม่รู้จักกาลเทศะ”
ยังท่องไม่ทันจบบท "โป๊บ" รีบยกมือไหว้ขอโทษนายกฯ โดย นายกฯ บอกให้พูดอีกครั้ง แต่ให้หันไปพูดกับ"เบลล่า"
พร้อมกับพูดแหย่ว่า ไม่ได้บอกให้มาว่าฉัน ให้พูดกับเขาโน่น
55555..... มี พี่หมื่นโป๊ป คนเดียว ทำได้..

หลังเลือกตั้ง อย่าเปลี่ยนท่าทีแล้วกัน!!

หลังเลือกตั้ง อย่าเปลี่ยนท่าทีแล้วกัน!!
"บิ๊กตู่" ดักคอ "มาร์ค" วันนี้ บอกต่อต้านเผด็จการ ไม่หนุนนายกฯคนนอก ให้ดูวันหน้า เลือกตั้ง แล้ว จะเกิดอะไรขึ้น พอวันหน้า ไปถามอีกที จะเปลี่ยนท่าที มั้ย
"บิ๊กตู่"เตือน "อภิสิทธิ์"พูดจาอะไร ให้ระวัง พูดให้มันดีๆ ชี้ไม่ต้องมาหนุนผม ....แต่พูดให้ระวัง ให้ประชาชนดูแล้ว จะน่าเชื่อถือมั้ย? ให้เกียรติกันมั้ย ถ้าผมมีอารมณ์ขึ้นมา แล้วตอบโต้ มันก็จะเสียด้วยกันทั้งหมด
"ให้คอยดูหลังเลือกตั้ง แล้ว จะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้พูดแบบนี้ พอวันหน้า ไปถามอีกที
จะเปลี่ยนท่าที มั้ย ให้คอยดูแล้วกัน"
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าหากใครสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯคนนอก
ไม่ต้องมาที่พรรคให้ไปที่อื่น ว่า “พูดอะไรมาก็ระมัดระวังไว้ด้วย การพูดจาต่างๆ ต้องระมัดระวังและอยู่ที่ประชาชนเขาจะเชื่อถือได้แค่ไหนอย่างไร
ผมไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องมาสนับสนุน แต่กรุณาพูดจาให้มันดีๆ ใครจะสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนผมก็แล้วแต่เขา ไอ้การพูดอย่างนี้มันฟังดูดีหรือเปล่า ให้เกียรติซึ่งกันและกันหรือเปล่า
ถ้าบางเวลาผมมีอารมณ์ขึ้นมาแล้ว ผมพูดไปมันก็เสียหายด้วยกันทั้งหมด ผมไม่อยากจะมีอารมณ์
ตรงนี้ประชาชนก็ไปใคร่ครวญเอาเองและดูด้วยวันหน้าเขาจะทำตัวกันอย่างไรที่ออกมาพูดกันวันนี้ลองคอยดูวันหน้าก็แล้วกันเลือกตั้งแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นแล้วเขาจะเปลี่ยนท่าทีอะไรกันอย่างไร
ก็ไปคอยดูตรงโน้นแล้วกัน แล้วค่อยไปถามเขาอีกที”

"บิ๊กตู่" แรงส์อ่ะ!! ซัด"2พี่น้อง อดีตนายกฯ"

"บิ๊กตู่" แรงส์อ่ะ!! ซัด"2พี่น้อง อดีตนายกฯ"
.."น่าจะอาย ทำผิดกฎหมาย แล้วยังเอาหน้าออกไปข้างนอก"
พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคสช.ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีความเคลื่อนไหวของ นาย ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ ญี่ปุ่นว่า ถือเป็นการเย้ยรัฐบาลหรือไม่ ที่กฎหมายไม่สามารถทำอะไรได้ และรัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
"ผมไม่ทำอะไร และ ผมไม่ได้ถูกเย้ยอะไร เพราะกฎหมายก็ดำเนินการไปแล้ว ถามว่ากฎหมายไปบังคับใช้ในต่างประเทศได้หรือไม่ เขาจะส่งตัวหรือไม่ ถ้าเขาไม่ส่ง ก็คือไม่ส่ง จะเอากฎหมายในประเทศ ไปทำอะไร ก็ประสานไปหมดแล้ว ในเมื่อเขาไม่ยืนยัน ไม่ตอบรับมา"
ทั้งนี้ เป็นเรื่องของรัฐบาลประเทศปลายทาง ที่ อนุมัติเข้าประเทศ ก็เป็นการอนุมัติเป็นครั้งคราว ไม่ได้ให้ตลอด ครั้งนี้เขาให้เฉพาะกรณี มาร่วมงานเปิดตัวหนังสือเท่านั้น
“ผมจะไปรู้สึกอะไร น่าจะอาย ผมมากกว่า ทำผิดกฎหมายแล้ว ยังเอาหน้าออกไปข้างนอก “

09.00 INDEX พันธมิตร ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย ต่อต้าน นายกรัฐมนตรี คนนอก

09.00 INDEX พันธมิตร ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย ต่อต้าน นายกรัฐมนตรี คนนอก



ในที่สุด “ยุทธศาสตร์” ทางการเมืองที่ นายพิชัย รัตตกุล เสนอบนพื้นฐานการต่อต้านนายกรัฐมนตรี”คนนอก”ก็เริ่มมองเห็น
พลันที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมายืนยัน
“คนที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมาที่พรรคประชาธิปัตย์ทำไม เพราะยังมีพรรคการเมืองอื่นๆที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เยอะแยะมากมาย
เขาก็ควรที่จะไปอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่ตรงนี้”
คำพูดนี้ไม่เพียงจะ “สื่อ” ไปยังสมาชิกพรรคหรือคนที่ต้องการ เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ หากแต่ที่สำคัญเป็นการสื่อตรงไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ตรงนี้ย่อมเป็น “แนวทาง”เดียวกันกับของ”พรรคเพื่อไทย”

กล่าวในทางหลักการโดยพื้นฐานของ”พันธมิตร”ในแนวร่วมทางการเมือง
พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทยจึงยืนใน”แนว”เดียวกัน
แม้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางคนอาจจะยังยืนหยัดในแนวทางต่อต้านสิ่งที่เรียกว่า “ระบอบทักษิณ”อยู่ แต่ก็ต้องยอมรับว่า นับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 นายทักษิณ ชินวัตร ก็ต้องไปอยู่นอกประเทศ

และนับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป้าหมายของคสช.ก็คือ กดดัน บีบบังคับให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประสบชะตากรรมอย่างเดียวกันกับ นายทักษิณ ชินวัตร
และประสบความสำเร็จในเดือนสิงหาคม 2560
สิ่งที่เรียกว่า “ระบอบทักษิณ” จึงอ่อนแรง โรยราลงไปเป็นลำดับ ตรงกันข้าม ระบอบที่ยึดครองอำนาจอยู่ในปัจจุบันและต้องการสืบทอดอำนาจต่อไปอย่างยาวนาน
กลับเป็น “ระบอบคสช.”โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำมากกว่า

ยิ่งเข้าใกล้กระบวนการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 มากเพียงใดโฉมหน้าความต้องการในการสืบทอดอำนาจของ”ระบอบคสช.”ยิ่งเด่นชัด
ตรงนี้เองที่ทำให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จำเป็นต้องประกาศแนวทางพรรคประชาธิปัตย์
และทำให้ “ประชาธิปัตย์-เพื่อไทย”มีจุด”ร่วม”
นั่นก็คือ คัดค้านและต่อต้านนายกรัฐมนตรี “คนนอก”

แกนนำกปปส. – อดีตส.ส.ชาติไทย” ย่องเข้าทำเนียบฯ พบ “สมคิด” บอกมาคุยเรื่องอีอีซี

แกนนำกปปส. – อดีตส.ส.ชาติไทย” ย่องเข้าทำเนียบฯ พบ “สมคิด” บอกมาคุยเรื่องอีอีซี


“สกลธี” หิ้ว “อดีตแกนนำกปปส. – ส.ส.ชาติไทย” ย่องเข้าทำเนียบฯ พบ “สมคิด”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายสกลธี ภัททิยกุล และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำ กปปส. พร้อมด้วยนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีต ส.ส.สิงห์บุรี พรรคชาติไทย ได้เดินทางเข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ห้องทำงาน ตึกบัญชาการ 1 ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง โดยมีรายงานว่า การเข้าพบครั้งนี้นายสกลธีเป็นผู้นำทั้งสองคนมาหานายสมคิดเพื่อพูดคุยถึงอนาคตทางการเมือง เพราะทั้งสองคนถือเป็นบุคคลที่ยังไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด โดยนายณัฏฐพลได้ขาดจากความเป็นสมาชิกพรรค เนื่องจากไปบรรพชามา ส่วนนายชัยวุฒิตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคชาติไทยก็ยังไม่ได้เข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด
จากนั้นนายณัฏฐพล กล่าวภายหลังเข้าพบว่า มาหารือเกี่ยวกับโรงเรียนนานาชาติของตนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ว่าจะพัฒนารองรับบุตรหลานนักลงทุนได้อย่างไรหรือไม่ เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า จะไปยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายณัฏฐพล กล่าวว่า ตนขาดความเป็นสมาชิกภาพแล้ว เพราะในช่วงที่ผ่านมาได้ไปบรรพชามา เมื่อถามย้ำว่า แล้วจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายณัฐฏพล ยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า ตอนนี้ขอทำโรงเรียนก่อน

ขณะที่นายสกลธี กล่าวว่า ตนได้ยืนยันความเป็นสมาชิกกับพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 1 เมษายนแล้ว ด้านนายสมคิด กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่มีอะไร ไม่ใช่เรื่องการเมือง

โผล่เร็วเข้าทาง “ลุงตู่”

โผล่เร็วเข้าทาง “ลุงตู่”



แม้จะบังเอิญตรงกับวัน “เอพริลฟูลเดย์” ที่ฝรั่งอุปโลกน์ให้เป็นวัน “โกหกโลก”
ตามฤกษ์ดีเดย์ 1 เมษายน ที่ คสช.ไฟเขียวให้ป้อมค่ายการเมืองเก่าเช็กฐานจำนวนสมาชิก ใครจะอยู่ใครจะไป
เริ่มคลายล็อกกฎเหล็กเพื่อเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ที่ยังส่อเค้าเอาแน่เอานอนไม่ได้ ขึ้นอยู่กับตัวแปรกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งที่ยังยื่นตีความกันวุ่นวาย
แต่อย่างน้อยก็นักการเมืองที่ง่อยเปลี้ยมานานเริ่มขยับออกท่าทาง ตามข่าวที่ “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกตัวนำ เปิดให้สมาชิกแฟนพันธุ์แท้จ่ายเงินค่าสมาชิก รักษาสถานะตามกฎหมาย พร้อมประกาศลูกทีมจะโหวตคนนอกเป็นนายกฯไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็ไสหัวออกไป
ด้าน “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย ถือโอกาสทำบุญพรรคครบ 10 ปี เอาฤกษ์เอาชัย
เลือกตั้งช้า เร็ว นักการเมืองอาชีพไม่สนใจ ขยับออกตัวนำไว้ก่อนได้เปรียบ
แต่ที่มาตามนัด แถมมาก่อนเวลานัดหมายที่ คสช.คลายล็อกกฎเหล็ก เตรียมเข้าสู่สมรภูมิเลือกตั้ง กับช็อตอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร หนีบน้องสาวอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตรโผล่ชมซากุระที่ประเทศญี่ปุ่น
อ้างอิงตามคำเชิญของคนระดับอดีตรัฐมนตรีให้เป็นแขกไปร่วมงานส่วนตัว ไม่ใช่ทางการ
ตามรูปการณ์ที่พี่กับน้องประสานเสียง ปากบอกไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง
แต่ตามท้องเรื่องแสดงความเป็นห่วงประเทศไทยต้องกลับคืนสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ววัน แถมยังแสดงความมั่นอกมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย ไม่ว่าจะส่งตุ๊กตาตัวไหนมานั่งเป็นหัวหน้าพรรค แฝงเหลี่ยมตีกินกระแสกันแบบไม่ต้องกั๊ก
งานนี้ตีไพ่ครั้งเดียวกะกิน 2-3 เด้ง
เด้งแรก ตบหน้า “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.กับฝ่ายคุมเกมอำนาจประเทศไทย ตีปี๊บโชว์ภาพให้เห็นว่า “ทักษิณ–ยิ่งลักษณ์” ไปได้ทั่วโลก
แต่อีกเด้งที่น่าจะเดิมพันสูงกว่า คือ กลบแรงกระเพื่อมในเพื่อไทย ศึกชิงนอมินี เจ๊ๆเฮียๆส่อล่อกันพรรคแตก
ปรากฏการณ์สะท้อนจากแรงต้าน “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง ที่โดนมุ้งต่างๆ ขาใหญ่ในพรรครวมตัวสกัด ต่อเนื่องมาถึงการแหกค่ายของกลุ่มวาดะห์ชิ่งออกจากพรรคเพื่อไทย สลัดคราบ “ทักษิณ” เพื่อทวงคืนความยิ่งใหญ่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้
เป็นอะไรที่แกะรอยตามสัญญาณได้ นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ดีเดย์ที่ คสช.ไฟเขียว พรรคการเมืองเก่าเคลียร์ฐานสมาชิก ใครจะอยู่ ใครจะไป “นายใหญ่” ต้องชิงสกัดเลือดไหลออก
เพราะตามเงื่อนไขสถานการณ์แท้จริง ถึงแม้ยี่ห้อ “ทักษิณ” ยังกระแสดี ตีกินบุญเก่าได้ในภาคอีสาน ภาคเหนือ เชื่อขนมกินได้ เหมือนภาคใต้ของประชาธิปัตย์ ส่งเสาไฟฟ้าลงยังชนะ
แต่ปัญหา ชนะแล้วต้องไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย นี่แหละทำให้ลูกข่ายคิดหนัก
เพราะมันเห็นกันอยู่ตำตา “หมอเลี้ยบ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีต รมว.ไอซีที เพิ่งออกจากคุกเพราะคดีทุจริตแปลงสัมปทานมือถือธุรกิจกลุ่มชินฯ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ส่อติดคุกยาวจากคดีทุจริตโครงการจำนำข้าว
“ตุ๊ดตู่” นายจตุพร พรหมพันธุ์ หัวขบวน นปช. “กี้” อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำม็อบแดง ต้องเข้าๆออกๆเรือนจำ เพราะคดีนำม็อบป่วนเมือง ติดคุกจริง โดนขังจริง ชะตากรรมโหดรออยู่ข้างหน้า
สถานการณ์มาถึงจุดที่พวกสู้แล้วรวยก็พากันก้มหลบต่ำ อยากใช้เงินที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมา
หาคนสู้แบบถวายหัวยากแล้ว
แนวโน้ม “ทักษิณ” จึงต้องควง “น้องปู” กระพือกระแสปลุกแนวร่วมสู้ ก่อนไม่เหลืออำนาจต่อรองในมือ
และก็ถือว่าเล่นเกมเสี่ยงมาก จากรูปการณ์ที่อดีตนายกฯทักษิณกับอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์โผล่ออกมาเคลื่อนไหว ในจังหวะที่ คสช.เปิดไฟเขียวพรรคการเมืองเก่าขยับทำกิจกรรม
แง้มฝาโลงปั๊บ ก็อาละวาดทันที
มันเป็นอะไรที่กระตุกภาพมโน ย้อนไปเมื่อปี 2549 ที่ “ทักษิณ” ไม่ยอมแพ้ ปักหลักสู้หลังโดนยึดอำนาจ
เดินเกมโลกล้อมประเทศไทย พร้อมๆกับปลุกกระแสกองเชียร์ภายในประเทศ
อาศัยเกมมวลชน เร้าพลังม็อบเสื้อแดงจนชนะเลือกตั้ง ชิงอำนาจคืนกลับไปอยู่ในมือ เดินหน้าล้างมลทิน ล้างคดี ท้าทายฝ่ายต่อต้าน จนเกิดปรากฏการณ์ม็อบยึดสนามบิน เผาบ้านเผาเมือง ปิดกรุงเทพฯเศรษฐกิจวายป่วง ความปลอดภัยในชีวิตประชาชนแทบไม่เหลือ
บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะ “รัฐล่มสลาย”
แค่เริ่มคลายล็อกกฎเหล็ก คสช. “ทักษิณ” กลับมากระตุกฝันร้าย ทำให้คนส่วนใหญ่ในบ้านเมืองผวา
มันจึงน่าจะเป็นผลดีกับ “ลุงตู่” ที่จะได้ตีตั๋วต่อ.

ทีมข่าวการเมือง