PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ไม่เตะหมูเข้าปากหมา

ไหนๆ ก็ยึดแล้วแจกกัน เอาที่สบายใจไปเลย

จับอาการจากสารที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่อนออกมาขอโทษประชาชนแทนพรรคพลังประชารัฐที่ป่วนโควตารัฐมนตรี โฟกัสท่อนสำคัญตรงประโยคที่ว่า “เพื่อมิให้การดำเนินการทางการเมืองกลับไปเป็นปัญหาเช่นเดิม จนต้องเกิดการแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆที่ทุกคนไม่ต้องการขึ้นมาอีก”

มันเป็นจุดที่ถูกแปลความดักคอดักทาง อย่างที่ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ชิงจังหวะย้อนศรทันควัน

100 วัน ตั้งรัฐบาลไม่ได้ “บิ๊กตู่” ขู่รัฐประหารตัวเอง

ตามรูปการณ์อ่านจากสารที่ออกมา ก็ดู พล.อ.ประยุทธ์ เข้าใจการเมืองแค่เชิงทฤษฎี เน้นภาพยึดหลักการหรู แต่ไม่ได้นำไปปฏิบัติในมุมของการแชร์อำนาจผลประโยชน์ ตามฟอร์มของรัฐบาลผสม

นั่นไม่เท่ากับอารมณ์ “เลือกที่รักมักที่ชัง” ชัดเจน จนคนนอกยังมองออก

“บิ๊กตู่” เลือกโปรทีม กปปส.อย่างนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ กับนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์

ทั้งปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ต้นๆพลังประชารัฐ แถมโควตารัฐมนตรี 2 กระทรวงใหญ่ รมว.ศึกษาธิการ และ รมว.ดิจิทัลฯ

ทั้งๆที่แทบไม่มีเสียงในมือ ส.ส.กทม. ที่ได้มาเพราะกระแส “ลุงตู่” ไม่เอา “ทักษิณ”

ยังไม่นับคิว “เหยียบตีนกันเล่น” แอบเอาโควตากระทรวงเกรดเอ ทั้งคมนาคม เกษตรฯ พาณิชย์ การท่องเที่ยวฯ ไปแจกไพ่ “ตีโง่” ให้พรรคภูมิใจไทย กับพรรคประชาธิปัตย์

เอาใจศัตรูในสนามเลือกตั้ง มากกว่าขุนศึกที่รบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับทัพนายใหญ่ดูไบ

นั่นก็ชัด มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ด้วยสภาพสายสัมพันธ์ยังโยงใย ทีมท็อปบูต 3 ป. บูรพาพยัคฆ์ เครือข่าย กปปส. กับพรรคภูมิใจไทย ยังเหนียวแน่น เกาะกันเป็นขุมพลัง

ส่วนกลุ่ม “สามมิตร” ของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน หรือแม้แต่ทีมงานของ “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กัปตันทีมเศรษฐกิจ

ก็เป็นแค่ “ข้าวนอกนา” ถูกลากมาใช้งานเฉพาะกิจ

ในอารมณ์กลุ่มสามมิตรถอยจนสุดกระดาน โดนหักซ้ำแล้วซ้ำอีก “บิ๊กตู่” ฟังแต่ “เสธ.ตึกไทย” ให้น้ำหนักทีม กปปส. และสื่อขาใหญ่ที่นัวเนียอยู่รอบตัว

มากกว่าซื้อใจ “สมศักดิ์-สุริยะ” ที่จะคุมขุนศึกสู้เกมในสภาฟัดกับทีม “นายใหญ่” ดูไบ

ลึกๆ “บิ๊กตู่” ก็ยังมีอารมณ์เชื่อมั่นเก่าๆแบบทหาร ติดอำนาจสั่งซ้ายหัน ขวาหัน ทั้งๆที่อีกไม่กี่วันสถานะผู้นำอำนาจพิเศษจะหมดโปรโมชัน ดาบอาญาสิทธิ์มาตรา 44 ถูกยึด

อารมณ์นี้ ถ้าลุยแตกหักมีแต่พังกับพัง ตามฟอร์มทหาร “บิ๊กตู่” ไม่ยอมแน่

แต่ฮีโร่ก็ดับไฟได้ทัน “อุลตร้าอุตตม” นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เล่นบท “ท้าวมาลีวราช” ดึง “สุริยะ-สมศักดิ์” ตั้งโต๊ะเคลียร์ใจ ก่อนแถลงออกมาในโทนนุ่มๆ ลดดีกรีลงวูบวาบ

“สามมิตร” ยอมให้เป็นการตัดสินใจของนายกฯ เพื่อประเทศเดินหน้าต่อได้

ไม่ติดใจแม้นายสุริยะจะต้องนั่ง รมว.อุตสาหกรรม นายอนุชา นาคาศัย วืด รมช.คลัง และยังยอมหลบให้นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นั่งแท่น รมว.พลังงาน ไม่มีการไล่เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

“สุริยะ-สมศักดิ์” แสดงให้เห็นว่า “กลืนเลือด” เป็นอย่างน้อยการแท็กทีมกับ “4 กุมาร” ของ “สมคิด” ก็เนื้อเดียวกัน

ที่สำคัญรู้แกวมีคนจ้องรอจังหวะ “บิ๊กตู่” ชู้ตลูกตามน้ำ “เตะหมูเข้าปากหมา”

และนั่นก็ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์พอใจ ต่อสายขอบคุณนายอุตตมและทีมสามมิตรที่ทำให้คลื่นลมสงบ ตามสถานการณ์ก็จะเดินไปสู่ช็อตต่อไป หลังตั้ง ครม.ก็จะต้องเป็นโหมดการทำงานในสภา

ถึงจุดหนีไม่พ้น “บิ๊กตู่” ต้องเผชิญเกมโหดสนามรบ ส.ส.

แบบที่เห็นกันแล้ว ทีม “สามมิตร” ลงชื่อเบื้องต้นชัดๆ 31 คน ไม่นับพวกพลังประชารัฐที่ลงชื่อไม่ทัน ที่สำคัญมันยังมีเรื่องของการแผ่บารมีข้ามพรรค ที่ “สมศักดิ์-สุริยะ” ต่อสายลูกน้องเก่าในปีกฝ่ายค้านได้

ยี่ห้อ “ซัมมิตฯ” คุณภาพการันตีในหมู่นักเลือกตั้งอาชีพ ชื่อ “สุริยะ” นั้นระดับหัวจ่ายแรงสูงมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ผู้แทนฯ รุ่นเก่ารวมถึงรุ่นใหม่รู้ดี ไม่ใช่ประเภท “เบี้ยหัวแตก” แบบที่เห็น “แก๊งภาคกลาง” ออกมาโชว์เล่นบท “เด็กดี” อ้างตัวเลขเท่านั้นเท่านี้ แต่นับตัวเองไปกลับ 2 รอบ แล้วมีแค่ 2-3 คนเต็มที่

“สุริยะ-สมศักดิ์” คือตัวจริงเสียงจริงที่กุมดุลเสียงในสภาแน่นๆ

สถานะของผู้คุมเกมเสียงโหวต ในขณะที่ “บิ๊กตู่” ต้องนั่งเก้าอี้นายกฯ ในห้องประชุมสภาผวาตลอด

กับการถูกตอดเล็กตอดน้อย โดยเฉพาะกฐินใหญ่โดนฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ “คิวเชือด” ที่ยังไงลูกข่าย “นายใหญ่” พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ต้องลาก พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเขียงแน่

ถึงเวลานั้น “บิ๊กตู่” คงได้รู้ซึ้งถึงคุณค่าความสำคัญของ ส.ส. ทีม “ยกยอ” พัวพันรอบเอวก็ช่วยไม่ได้

และนั่นคือเวลาของ “สามมิตร” จะเคลียร์บิล ทบต้นทบดอก.

ทีมข่าวการเมือง

พลังประชารัฐสยบสามมิตรถอนพิษป่วน เลิกงอแงแล้ว!

สมคิด ส่ง ‘เลขาสนธิรัตน์’ ยึดเก้าอี้-พลังงาน เพื่อตีกันณัฏฐพล 

“ประยุทธ์” สบายใจจบศึกในพลังประชารัฐ ลั่นใช้อำนาจนายกฯจัด ครม.อย่าตีความส่งสารขู่รัฐประหารซ้อน สั่งพรรควางกฎห้ามขัดแย้งสลายก๊กก๊วน กลุ่มสามมิตรเลิกเฮี้ยว “อุตตม” ควง 2 ส.แถลงจูบปาก “สุริยะ” ถอยมอบดาบนายกฯชี้ขาด นั่งที่ไหนก็ได้ไม่งอแง “สมศักดิ์” เลิกขับไล่เลขาธิการพรรค 4 กุมารเคลียร์ใจสามมิตรรับได้ “สนธิรัตน์” คุมพลังงานตีกัน “ณัฏฐพล” ขยับ “พุทธิพงษ์” ไปนั่ง รมว.ดีอี สลับ “เทวัญ” เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ฝ่ายค้านถล่ม “บิ๊กตู่” ข่มขู่ปฏิวัติซ้อนแก้ปัญหาตัวเอง “ธนาธร” ไล่ส่งซัดปฏิปักษ์ประชาธิปไตย จับประเทศชาติ-ประชาชนเป็นตัวประกัน “เฉลิม” อัดดึงเช็งไม่ยอมวาง ม.44 พท.ร้าวเงียบ “เจ๊หน่อย” งัดข้อ “ภูมิธรรม” ดัน “อนุดิษฐ์” ชิงเลขาฯ พปชร.ไร้มลทิน กกต.ตีตกหมด 5 คำร้อง “เรืองไกร” ส.ว.แตกตื่น “วิษณุ” เตือนอย่าเสี่ยงเป็นกรรมการทอดกฐิน-ผ้าป่า

กรณีปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่กลุ่มสามมิตรไม่พอใจการจัดสรรโควตารัฐมนตรี จนขู่ขับไล่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ พ้นจากเลขาธิการพรรค ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุขอใช้อำนาจนายกฯ พิจารณาจัดโผคณะรัฐมนตรีเอง ระบุสบายใจแล้วหลังแกนนำพรรคคุยกันจบแล้ว ยืนยัน ครม.ใหม่จะเรียบร้อยกลางเดือน ก.ค.ตามไทม์ไลน์ไม่ได้ล่าช้า


“บิ๊กตู่” บอกใน พปชร.ไม่มีปัญหา

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุม คสช.และเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผู้สื่อข่าวถามว่าจากปัญหาความขัดแย้งเรื่องของโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายกฯจะลงไปแก้ปัญหาด้วยตัวเองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ปัญหาอะไรเหรอ” เมื่อถามว่าเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่มีปัญหาอะไรหรอก” ให้สนใจการบ้านนะ อย่าสนใจแต่การเมือง

ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ปท.ต้องเดินหน้า

ก่อนการประชุม ครม.ที่หน้าตึกบัญชาการ 1 นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม นำคณะเข้าพบนายกฯ ประชาสัมพันธ์กิจกรรมสุดยอดศิลปะการแสดงอาเซียน ประจำปี 62 และวัฒนธรรมอาเซียนสัญจรในทวีปและงานประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน พร้อมชมการละเล่นผีตาโขนของ อ.ด่านซ้าย จ.เลย และชมศิลปะการแสดงจากคณะแสดงจากสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ นายกฯยังได้สวมหัวผีตาโขนถ่ายภาพร่วมกับคณะแสดง พร้อมกล่าวว่าขอให้ภาคภูมิใจในความเป็นอาเซียน ไม่ว่าอะไรต้องทำให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า หยุดนิ่งไม่ได้ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นมาก็แล้วแต่ เราหยุดไม่ได้ ประเทศต้องมีความสงบ สันติ สมานฉันท์ นี่คือประเทศของเรา จากนั้นนายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม นำคณะผู้บริหารเข้าพบนายกฯประชาสัมพันธ์งาน Thailand Industry Expo 2019 ครั้งที่ 6 ในวันที่ 17-21 ก.ค. ที่เมืองทองธานี ได้นำรถฟู้ดทรัคมาสาธิตใช้หุ่นยนต์สั่งและเสิร์ฟอาหาร ซึ่งนายกฯทดลองสั่งซูชิ จากนั้นนายปรเมธี วิมลศิริ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯนำคณะเข้าพบนายกฯ ประชาสัมพันธ์งาน Thailand Social Expo 2019 นำนวัตกรรมเพื่อคนพิการมาแสดง

โต้ตั้ง ครม.ตามไทม์ไลน์ไม่ช้า

ต่อมาเวลา 13.10 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวภายหลังการประชุม คสช.และ ครม.ว่า ที่ประชุม คสช.ได้สรุปทบทวนแผนงานการปฏิบัติ การดำเนินการในระยะต่อไปเมื่อไม่มี คสช. จะทำอะไรอย่างไร ในเรื่องที่ยังไม่ได้ข้อยุติ เพื่อส่งต่อให้รัฐบาลต่อไปดำเนินการตามกลไกปกติ คสช.จะหมดหน้าที่ลงในวันที่ ครม.ชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณประมาณเดือน ก.ค.เป็นไปตามไทม์ไลน์ ไม่ได้ช้า ยังไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไปจากกรอบเวลาเดือน ก.ค.ขณะนี้ขั้นตอนต่างๆ ไม่ติดชะงักตรงไหนแล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารและจากหน่วยงานภายนอก เมื่อเสร็จสิ้นก็รับรอง ตอนนี้ให้เวลาแก้ไขปัญหาแต่ละคนตามรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งเรื่องหุ้นหรืออะไรต่างๆต้องให้เวลา แล้วเสร็จนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จากนั้นจะขอพระราชทานวันเวลา เพื่อเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ คิดว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทุกอย่างจะเรียบร้อย ไม่ต้องกังวล

ขอใช้อำนาจจัดสรร ครม.

เมื่อถามว่า ยึดหลักอะไรวางตัว ครม. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องมีธรรมาภิบาลและหวังว่าประสบการณ์ทำงานการเมืองของหลายท่าน จะทำให้เกิดความเชื่อมั่น แก้ปัญหาเดิมๆนั่นคือโอกาสที่ตนให้กับทุกคน ถ้าเราไม่ให้โอกาสตรงนี้เลย ทุกคนก็มาไม่ได้หมด ถูกหรือไม่ ทุกคนรู้ว่าที่ผ่านมาเราทำอะไรดีหรือไม่ดีมาบ้าง วันนี้ตนให้โอกาสทุกคน เพราะทุกคนได้คะแนนเสียงจากประชาชนทั้ง ส.ส.เขตและปาร์ตี้ลิสต์ วันนี้ตนขอโอกาสในการเป็นนายกฯ จัดสรรให้เหมาะสมนั่นคือหน้าที่ของตน โอเคหรือไม่ เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์จะควบ รมว.กลาโหมด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “คอยสิคอย ใจเย็นๆ” เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม จะอยู่ใน ครม.ใหม่ด้วยใช่ไหม นายกฯกล่าวเพียงว่า “ใจเย็นๆ”

อย่าตีความสารขู่รัฐประหารซ้อน

นายกฯกล่าวว่า ส่วนสารนายกฯ เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ระบุไม่อยากใช้วิธีการแก้ปัญหาเดิมๆ ไม่อยากให้ตีความลึกซึ้งขนาดว่าถ้ามีปัญหาอาจมีรัฐประหารอีก แต่เป็นเรื่องเวลาที่มีปัญหาการเมืองแล้วเดินขบวนขยายไปสู่ความรุนแรง ต้องบังคับใช้กฎหมายมากขึ้น ทุกคนไม่มีความสุข เดือดร้อน ตนพูดแค่นั้นเพื่อไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นเท่านั้นเอง การปฏิวัติรัฐประหาร การปฏิวัติซ้อนไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แม้กระทั่งที่ตนทำมา ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นในวันนั้น จึงควรกลับมาแก้ปัญหาที่ถูกวิธีจะดีกว่า 5 ปีเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างดี บางอย่างยังไม่เรียบร้อย เราหยุดแค่นี้ไม่ได้ ทุกคนต้องร่วมมือ รัฐบาล ฝ่ายค้าน เอกชนและภาคประชาสังคมต้องปฏิรูปไปด้วยกัน ส่วนความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดาของพรรค การเมืองใหม่ เกิดขึ้นกับทุกพรรค เพียงแต่จะแสดงออกกันมาอย่างไร วันนี้ทราบว่าทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้วก็สบายใจ ทุกคนยอมรับแล้วก็จบ

วางกฎกันขัดแย้งซ้ำสลายกลุ่มก๊วน

เมื่อถามว่า มองว่านักการเมืองเขี้ยวลากดินเกินไปหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่หรอก เมื่อถามว่าบริหารประเทศมา 5 ปีวันนี้มาเจอกับนักการเมืองจากหลายขั้วปวดหัวหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ก็ต้องปวดหัว ทำงานต้องปวดหัว เพราะใช้หัวสมองทำงาน แต่ขอขอบคุณทุกคน อย่าโกรธแค้นเคืองอะไรกันไป วันนี้เข้าใจตรงกันจบ และขอร้องประชาชนอย่าคล้อยตามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พรรคพลังประชารัฐมีคนเดิมๆจากหลายพรรคมารวมกัน ย่อมมีปัญหาความขัดแย้งอยู่บ้าง บังเอิญสื่อให้ความสนใจ จึงกลายเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ฉะนั้นจบได้แล้ว ในฐานะที่ตนเป็นผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ ได้ให้แนวทางไปว่าในอนาคตต้องหากฎระเบียบต่างๆในพรรคเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยต่อไป ไม่ให้เกิดปัญหาเดิมๆ อีก ไม่ควรมีกลุ่มต่างๆควรเป็นพรรคได้แล้วมั้ง ตนหวังให้พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคที่ประชาชนเชื่อมั่นต่อไปในอนาคต หวังจะร่วมมือกันได้ด้วยดี และตนคงไม่อยู่กับพวกท่านตลอดไป วันข้างหน้าต้องมีคนโน้นคนนี้เข้ามาทดแทน ตนหวังดีกับทุกคนไม่ได้ไปควบคุมพรรค แต่ทำความเข้าใจ คุยกันให้รู้เรื่อง ส่วนจำเป็นต้องมีตำแหน่งบริหารในพรรคหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่จำเป็น เดี๋ยวค่อยมาดูกัน


“บิ๊กป้อม” ชี้ไม่กระทบภาพนายกฯ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐว่า ยังไม่ได้พบกับ พล.อ.ประยุทธ์จึงไม่ได้พูดคุยกัน ที่กลุ่มสามมิตรขู่เรียกร้องขอตำแหน่งรัฐมนตรี 3 ที่นั่งยังไม่มีใครมาขอคำปรึกษาใดๆทั้งสิ้น เมื่อถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะกระทบภาพลักษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกฯและภาพลักษณ์ของรัฐบาลชุดใหม่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่า “กระทบเรื่องอะไร ไม่กระทบ ไม่มีอะไร” เมื่อถามว่า ได้กรอกแบบฟอร์มประวัติรัฐมนตรีแล้วหรือยัง พล.อ.ประวิตรตอบสั้นๆว่า ไม่ตอบ และไม่ได้เตรียมห้องทำงานไว้ ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็เป็นไปตามนั้น เคยบอกไปแล้ว เมื่อถามว่ากลุ่มสามมิตรได้โทร.ปรึกษาอะไรหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เขาจะโทร.มาหาตนทำไม ไม่รู้จักกัน ตนไม่ใช่ผู้ใหญ่ของพรรคที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคมาหารือเรื่องตำแหน่งด้วย

อวย “ประยุทธ์” เด็ดขาดเอาอยู่

เมื่อถามว่า การที่นายกฯออกสารขอโทษประชาชนและไม่อยากกลับไปแก้ปัญหาแบบเดิม ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีนัยของการรัฐประหารหรือไม่ พล.อ.ประวิตรบอกว่า ไม่หรอก ไม่มี เดี๋ยวก็ทำงานได้ เป็นเรื่องอารมณ์คน ส่วนเสียงวิจารณ์ว่าเลือกตั้งครบ 100 วันยังตั้งรัฐบาลไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามไทม์ไลน์ รัฐบาลไม่ได้กำหนดเองจะมาบอกว่า 100 วันไม่ได้รัฐบาลคงไม่ได้ ไม่เกี่ยวกัน ทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญกำหนด ไม่เสียหายอะไร เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะทำงานกับนักการเมืองได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ก็ดูกันต่อไปนายกฯ ท่านเด็ดขาด เมื่อถามย้ำว่า แล้ววิธีการดำเนินการเด็ดขาดด้วยหรือไม่ เช่น การเซ็ตซีโร่ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธจะตอบพร้อมอุทานว่า “อู้” อย่างอารมณ์ดี

“อนุพงษ์” เชื่อทำงานร่วมกันได้

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการเข้าร่วมรัฐบาลชุดใหม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์พูดคุยกับตนเรียบร้อยแล้ว ได้กรอกประวัติรวมถึงเอกสารต่างๆเรียบร้อย ส่วนความวุ่นวายในพรรคพลังประชารัฐ เชื่อว่านายกฯจะสามารถจัดการปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในพรรคพลังประชารัฐขณะนี้ได้ เราต้องช่วยกันทำงานเพื่อบ้านเมือง เพราะนักการเมืองถือว่าเป็นผู้มีประสบการณ์มาก ทุกคนต่างอยากทำงาน แต่อาจมีปัญหาเรื่องตำแหน่งที่มีจำกัดบ้าง แต่ต้องพูดคุยกันให้รู้เรื่อง เมื่อพูดคุยกันจนจบแล้วก็มาทำงานร่วมกัน ขนาดนักการเมืองอยู่กันคนละฝั่งยังทำงานร่วมกันได้ เราเอาประโยชน์ของพี่น้องประชาชนสูงกว่าเรื่องส่วนตัวจบแล้วก็จบไป


“วิษณุ” บอกชื่อ รมต.ถึงมือเลขาฯ ครม.

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงการกรอกแบบฟอร์มประวัติและคุณสมบัติเข้าร่วมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่หรือยังว่า ยังไม่ได้กรอกแบบฟอร์ม เขาบอกในช่วงเย็นเมื่อวันที่ 1 ก.ค.จะวางไว้ให้ ส่วนจะมีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อ ครม.อีกรอบหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่เมื่อวันที่ 1 ก.ค.รายชื่อ ครม.ชุดใหม่ทั้ง 36 คนได้ส่งมายังเลขาธิการ ครม.แล้ว

ด้านนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส เลขาธิการ ครม. กล่าวว่า ขณะนี้สำนักเลขาธิการ ครม.อยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติ ครม. บางครั้งต้องขอ บางอย่างเพิ่มเติมบ้าง พูดได้เพียงเท่านี้


“ดอน” กันท่าคนนอกคุม กต.

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีการเข้าร่วมทำงานกับรัฐบาลชุดใหม่ว่า ไม่ขอตอบว่ามีรายชื่อร่วม ครม.ชุดใหม่ในตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศหรือไม่ และไม่ขอตอบว่าได้รับแบบฟอร์มกรอกประวัติและคุณสมบัติแล้วหรือไม่ คนในกระทรวงต่างประเทศพร้อมจะทำงานต่อ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวข้องกับอาเซียน เมื่อถามว่าบุคคลที่จะเข้ามาเป็น รมว.ต่างประเทศ ต้องมีประสบการณ์และเป็นนักการทูตหรือไม่ นายดอนกล่าวว่า ถือเป็นหลักการตามสากลที่ต้องเชี่ยวชาญในทุกด้านทุกสาขางาน หากได้คนที่เคยทำงานมาตั้งแต่ต้น ทั้งประสบการณ์ ความรู้ ความคิดจะทำให้งานพัฒนาขึ้นดีกว่าที่จะเอาคนนอกเข้ามาทำงาน


“อุตตม” ควง 2 ส.แถลงศึกในจบ

ขณะที่ความเคลื่อนไหวที่พรรคพลังประชารัฐ เมื่อเวลา 11.15 น. นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร่วมแถลงถึงประเด็นความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ หลังมีข่าวว่ากลุ่มสามมิตรจะยื่นญัตติขับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคออกจากพรรค นายอุตตมกล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย คนในพรรคเห็นต่างได้บ้าง แต่อาจแสดงเสียงดังนิดหนึ่งไม่ว่ากัน กลุ่มสามมิตรได้แจ้งเรื่องกับตนแล้วเรื่องจบลงตรงนั้นแล้ว กลุ่มสามมิตรพร้อมจะเดินหน้าต่อไป ขั้นตอนจัดตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องของนายกฯ ขณะนี้พรรคยังไม่มีข้อมูลว่าใครอยู่กระทรวงใด กลุ่มสามมิตรไม่ได้เรียกร้องหรือตั้งเงื่อนไขใดแล้ว การทำงานของนายสนธิรัตน์หลังมีสมาชิกพรรคสะท้อนมาได้พูดคุยแล้ว เป็นไปตามแถลงการณ์เมื่อวันที่ 1 ก.ค. นายสนธิรัตน์เข้าใจดี ยืนยันว่าไม่เกิดความแตกแยก ประเด็นนี้จบแล้ว

โอ่ธรรมดาของพรรคระบอบ ปชต.

นายอุตตมกล่าวอีกว่า นายกฯให้ความสำคัญกับพรรคพลังประชารัฐ มั่นใจได้ว่านายกฯจะทำงานและสื่อสารกับพรรคได้อย่างราบรื่น อยากให้เห็นว่าพรรคพลังประชารัฐมีโอกาสจะถกกันได้ ถกแล้วจบ นี่แหละคือพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ให้ทุกอย่างได้เดินหน้า ทุกอย่างยุติและเรื่องของนายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ ตนเข้าใจตามที่กลุ่มสามมิตรสื่อสารมาว่าทำงานหนักจริง และนายอนุชาเองเข้าใจ ส่วนในอนาคตไม่ห่วงว่าจะเกิดการต่อรองยกก๊วนกันไปที่อื่น เพราะ ส.ส.ทุกคนเข้าใจในบทบาทตัวเอง และประชาชนต้องการให้เดินหน้า ทำงาน อย่าไปพูดถึงเรื่องการปฏิวัติ ไม่เกี่ยวกันและไม่มี

“สุริยะ” นั่งไหนก็ได้ไม่งอแงก่อปัญหา

นายสุริยะกล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ค. เรานัดกันมาคุยหลังทราบข่าวว่าตนและนายอนุชาจะไม่ได้รับตำแหน่งตามโผ ครม. นายอนุชาทำงานให้พรรคอย่างหนักช่วงหาเสียงเลือกตั้งมาตลอด และยังเสียสละลง ส.ส.เขต ซึ่งไม่มีความแน่นอนและต้องต่อสู้อย่างรุนแรง ทั้งที่ความจริงควรอยู่ในรายชื่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และยังไปช่วยหาเสียงที่ภาคอื่น นายอนุชาจึงน้อยใจมาก แต่ได้พูดคุยกันหลังประชุมกลุ่มสามมิตร จนนายอนุชาเข้าใจว่าต้องการให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ และกลุ่มสามมิตรยอมรับให้นายกฯเป็นผู้ดำเนินการ ต้องปล่อยให้นายกฯจัดการโผ ครม.และทางกลุ่มไม่มางอแงเรียกร้องอะไร ยืนยันกลุ่มสามมิตรจะไม่สร้างปัญหาให้นายกฯ ให้นายกฯสบายใจ ทุ่มเทมีเวลาทำงานให้ประเทศชาติ จะให้กลุ่มสามมิตรอยู่ตรงไหนให้อำนาจเด็ดขาดที่นายกฯ


ไม่ติดใจเลิกขับ “สนธิรัตน์” พ้นพรรค

นายสมศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้ยุติการถอดถอนนายสนธิรัตน์ออกจากพรรคแล้ว เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก่อนหน้านี้เราต้องการสื่อสารการทำงานของนายอนุชาไปยังผู้มีอำนาจสูงสุด เพราะอาจไม่ตรงหรือไม่ครบ จึงสื่อสารให้ชัดเจนถึงผู้มีอำนาจให้ดำเนินการได้ถูกต้อง ส่วนตัวไม่ต้องการให้นายสนธิรัตน์ออกแถลงการณ์ที่เป็นทางการอะไร เป็นเพียงแค่การสื่อสารของกลุ่มกับผู้มีอำนาจเท่านั้น เวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่จะได้ทำงานให้พี่น้องประชาชนแล้ว หลังจากที่รอมานาน และตอนนี้เราไม่ติดใจเรื่องเลขาธิการพรรคแล้ว

ให้เลขาฯพรรคคุมพลังงานตีกัน “ณัฏฐพล”

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า ปัญหาความขัดแย้งที่จบลงเพียงข้ามคืน ก่อนเกิดการแถลงข่าวของนายอุตตมกับนายสุริยะและนายสมศักดิ์นั้น มีรายงานข่าวว่าเพราะผู้ใหญ่ในรัฐบาลได้สั่งให้นายอุตตมเจรจากับกลุ่มสามมิตรจนได้ข้อสรุปว่านายสุริยะยอมไปนั่ง รมว.อุตสาหกรรม ให้นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ไปนั่ง รมว.พลังงาน เพราะอย่างน้อยกระทรวงพลังงานจะได้ไม่หลุดไปอยู่ในมือกลุ่ม ส.ส.กทม.ที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตแกนนำกลุ่ม กปปส.ต้องการไปคุมกระทรวงพลังงาน เพราะนายสนธิรัตน์ถือเป็นสายนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯถือเป็นสายเดียวกันกลุ่มสามมิตร ขณะที่นายสมศักดิ์อยู่โผเดิมนั่ง รมว.ยุติธรรม ส่วนนายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท ยอมเสียสละไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี

“พุทธิพงษ์” ไปดีอี “เทวัญ” ประจำสำนักฯ

ขณะที่กลุ่ม ส.ส.กทม.นายณัฏฐพล จะไปนั่งเป็น รมว.ศึกษาธิการ ขณะที่นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จากโผเดิมจะได้เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีกระแสข่าวจะเปลี่ยนไปนั่ง รมว.ดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคมแทนนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ที่มีชื่อเป็นรัฐมนตรีกระทรวงนี้หลังจากนายอัครา พรหมเผ่า น้องชายนายธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ขอถอนตัว โดยนายเทวัญ ลิปตพัลลภ ที่ตอนแรกมีข่าวมาเสียบแทนนายอนุชา แต่จะไปเป็น รมช.อุตสาหกรรมนั้นจะได้เก้าอี้ รมต.ประจำสำนักนายกฯแทนนายพุทธิพงษ์ เพื่อลดแรงเสียดทานไม่ให้ต้องไปเผชิญหน้ากับนายสุริยะ แกนนำกลุ่มสามมิตรที่ก่อนหน้านี้นายอนุชาถึงกับเปรียบเปรยว่าเป็นเหมือนศัตรู

“บิ๊กตู่” ขอบคุณ “อุตตม–สามมิตร”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายอุตตม นายสุริยะ และนายสมศักดิ์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวแล้ว นายอุตตมได้โทรศัพท์รายงานนายกฯ โดยนายกฯได้กล่าวขอบคุณนายอุตตมและกลุ่มสามมิตร ที่ยอมจบทำให้ปัญหาภายในพรรคสงบลง เพื่อทำให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้

พปชร.ประชุม ส.ส.ทุกก๊วนพรึบ

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ มีการประชุม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ครั้งที่ 2 โดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค เป็นประธาน มี ส.ส.เข้าประชุมพร้อมเพรียงทุกกลุ่ม อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แกนนำกลุ่มสามมิตร นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แกนนำกลุ่ม กทม. นายธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี แกนนำกลุ่มภาคกลาง นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ติดภารกิจอยู่ที่สหรัฐอเมริกา รวมถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท กลุ่มสามมิตร ไม่ได้เข้าประชุม ทั้งนี้มีเพียงนายอุตตมและนายณัฏฐพลนั่งอยู่บนเวที ทำให้นายวิรัชเดินมาเชิญนายสุริยะที่นั่งอยู่ข้างล่างขึ้นร่วมเวทีด้วย โชว์ให้เห็นภาพความสามัคคีท่ามกลางสายตาสมาชิกพรรคจับจ้อง ซึ่งทันทีที่เริ่มประชุม นายสุริยะได้ลุกขึ้นกล่าวขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

มาจากหลายที่ไม่คุ้นเคยแต่ไปได้

นายอุตตมกล่าวตอนหนึ่งว่า เรื่องที่จะแจ้งต่อสมาชิกคือ เมื่อตั้ง ครม.แล้ว รัฐมนตรีของพรรคต้องมาพบปะ ส.ส.เพื่อรับฟังปัญหา รวมทั้งถ่ายทอดการทำงานของรัฐบาลให้ ส.ส.รับทราบ ที่มีข่าวเกี่ยวกับความขัดแย้งภายในพรรค พวกเราเป็นพรรคใหม่มาจากหลากหลายที่ และไม่ใช่ระบบที่คุ้นเคย นี่คือสภาพข้อเท็จจริง แต่เราเดินของเรามาได้ และเชื่อว่าพวกเราจะเดินต่อไปอย่างมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ เรากำลังเข้าสู่บริบทของสภาฯ ทุกคนต้องทำงานในบทบาทของ ส.ส.ในสภาฯเต็มรูปแบบต้องสอดรับกับรัฐบาลใหม่ให้มากที่สุด

“สุชาติ” ยอมถอยเพื่อประโยชน์ชาติ

นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ยอมรับการตัดสินใจของนายกฯถือเป็นอำนาจเต็มพิจารณาว่าตนเหมาะสมจะทำหน้าที่ส่วนใด หากเสียสละเพื่อแก้ไขปัญหาให้เดินต่อไปได้พร้อมจะถอย เพราะเห็นว่าประโยชน์ประเทศชาติอยู่เหนือศักดิ์ศรี และศักดิ์ศรีเป็นเรื่องส่วนตัว ยืนยันว่า ส.ส.กลุ่มภาคกลางเข้าใจและไม่คิดเคลื่อนไหวสร้างความวุ่นวายในพรรค ถือเป็นกติกาและเป็นอำนาจเต็มของนายกฯ หากมีปัญหาควรจะพูดคุยในพรรค ไม่เคลื่อนไหวให้คนข้างนอกมองเป็นความขัดแย้ง วันนี้ประเทศต้องเดินไปข้างหน้าด้วยการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ การที่ตนไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีอาจมีผลต่อการเลือกตั้งในพื้นที่ภาคกลางในอนาคต แต่ไม่น่าจะเป็นปัญหา ทุกคนจะทำงานในพื้นที่อย่างเข้มแข็ง ส่วนการปรับ ครม.ครั้งหน้าจะมีชื่อตนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของนายกฯ

หน.พา ส.ส.ชักรูป–กินเลี้ยงกลบรอยร้าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุม นายอุตตมได้นำ ส.ส.ของพรรคลงมาถ่ายภาพหมู่ร่วมกันที่หน้าที่ทำการพรรค เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความสามัคคี เพื่อหวังสยบข่าวความขัดแย้งที่เกิดขึ้น แล้วจึงนำ ส.ส.ไปรับประทานอาหารค่ำร่วมกัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ ที่ร้านอาหารเพลิน

ขอโทษแรงไปนิดยันทุกปัญหายุติแล้ว

ต่อมา 17.30 น. นายอุตตมโพสต์เฟซบุ๊กว่า ต้องขออภัยต่อพี่น้องประชาชนที่ทำให้เกิดความสับสน การแสดงความคิดเห็นจะแรงไปบ้าง แต่ทุกอย่างยุติลงแล้ว กลุ่มสามมิตรพร้อมเดินหน้าทำงานต่อ การแถลงนายสุริยะแค่อยากชี้ให้เห็นกลุ่มสามมิตรจะไม่สร้างปัญหา การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีใครอยู่ตรงไหนมอบอำนาจเด็ดขาดให้นายกฯ ส่วนกรณีเสนอถอดถอนนายสนธิรัตน์ ออกจากเลขาธิการพรรค จบแล้วเช่นกัน เพราะนายสนธิรัตน์ได้แสดงน้ำใจออกมาแล้วเมื่อวันที่ 1 ก.ค. ทางสามมิตรได้คุยกับ ส.ส. จึงขอหยุดและไม่ดำเนินการใดๆ วันนี้เรื่องที่ถกเถียงกันของพรรคจบลงแล้ว ทุกอย่างยุติ นี่คือสปิริต และไม่อยากให้โยงไปถึงเรื่องการปฏิวัติ ไม่เกี่ยวกัน ไม่มีแน่นอน ประเทศไทยต้องเดินหน้า

“ธนาธร” ชี้ ปชช. สะดุ้งวิธีเดิมคือ รปห.

เมื่อเวลา 11.30 น. ที่พรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ว่า อีก 2 วันจะครบ 100 วันที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ สิ่งที่พูดเป็นปัญหาหลักการและวิธีคิด ใส่ร้ายป้ายสีว่าการแย่งผลประโยชน์ของกลุ่มการเมืองทำให้ไม่อาจจัดตั้งรัฐบาลได้ แล้วข่มขู่นักการเมืองเหล่านี้ว่าจะใช้วิธีแบบเดิมใช่หรือไม่ กลุ่มคนที่มีปัญหาคือคนที่ พล.อ.ประยุทธ์ดึงมาร่วมรัฐบาลของตัวเอง ตั้งรัฐบาลไม่ได้ ปัญหาใหญ่ไม่ได้อยู่ที่การต่อรองเก้าอี้ แต่อยู่ที่ความพยายามสืบทอดอำนาจของ คสช. พล.อ.ประยุทธ์ไปดึงคนที่เป็นปัญหามารวมตัวกันเพื่อคะแนนเสียงจะได้สืบทอดอำนาจได้ การบอกว่าจะให้แก้ปัญหาแบบเดิม วิธีคิดแบบนี้ไม่ใช่วิธีคิดที่เหมาะสมจะดำรงตำแหน่งนายกฯ ประชาชนฟังแล้วสะดุ้ง ตีความได้อย่างเดียวคือการทำรัฐประหารตัวเอง

สวดจับคนในชาติเป็นตัวประกัน

“พล.อ.ประยุทธ์กำลังจับประชาชน จับประชาธิปไตย จับประเทศมาเป็นตัวประกันสำหรับการแก้ปัญหาจากความไม่มีศักยภาพในพรรคของตนเองที่ตั้งรัฐบาลไม่ได้ นี่คือวิธีคิดที่ชัดเจนว่าเป็นปฏิปักษ์กับประชาธิปไตย ยืนยันว่าวิกฤติการเมืองไทยทั้งหมดไม่ได้มาจากนักการเมือง แต่มาจากความพยายามสืบทอดอำนาจ ทั้งการเลือกตั้ง สูตรคิด ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ส.ว.แต่งตั้งเลือกนายกฯ รัฐบาลผสม 19 พรรคทำให้อ่อนแอนำมาซึ่งวิกฤติการเมือง แต่ที่ผ่านมามักบอกว่าปัญหาทั้งหมดคือบาปของนักการเมือง แล้วพยายามแยกตัวเองออกจากนักการเมือง แต่ข้อเท็จจริงไม่เป็นเช่นนั้น พล.อ.ประยุทธ์ทะเยอทะยานอยากครองอำนาจอีกสมัย วิธีเดิมคือการเอารถถังมายึดอำนาจอีกครั้ง นายกฯที่ไม่เชื่อมั่นประชาธิปไตยก็ไม่มีความเหมาะสมเป็นนายกฯ” นายธนาธรกล่าว

หยุดเถอะ “ลุงตู่” ให้ ปชต.ทำงาน

นายธนาธรกล่าวว่า วิธีที่ดีที่สุดตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดเถอะ หยุดความคิดจะสืบทอดอำนาจ เปิดโอกาสให้ประชาธิปไตยทำงาน พล.อ.ประยุทธ์ควรลาออกจากตำแหน่งได้แล้ว สิ่งที่พูดทำร้ายจิตใจคนทั้งประเทศ นี่คือปัญหาของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่ปัญหาของคนทั้งประเทศ สิ่งที่เกิดขึ้นคือวิกฤติทางการเมือง หมุดหมายสำคัญอยู่ที่รัฐธรรมนูญ 2560 รัฐธรรมนูญไม่ดีทำให้สังคมอยู่ไม่ได้รัฐธรรมนูญที่ดีจะทำให้ทุกฝ่ายที่เห็นต่างกัน ไม่ว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติในสังคมได้ ตนและพรรคอนาคตใหม่อยากเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันต่อต้านรัฐประหารครั้งนี้ให้ถึงที่สุด หยุดวงจรอุบาทว์ เอาทหารกลับเข้ากรมกอง ปฏิรูปกองทัพ สร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงให้กลับคืนมา มีวิธีเดียวคือต่อต้านต่อสู้ทุกรูปแบบ พรรคอนาคตใหม่ขออาสาเป็นกองหน้าประชาธิปไตย

มั่นใจไม่ผิดคดีถือครองหุ้นสื่อ

เมื่อถามถึงความคืบหน้าคดีหุ้นสื่อ นายธนาธร กล่าวว่า ไม่กังวล ว่ากันไปตามกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญ ถ้า ส.ส.คนอื่นไม่ถูกตัดสินว่าผิด เพราะแค่จดทะเบียน ไม่ได้ทำสื่อจริง ของตนก็ไม่ผิด บริษัทที่ตนถือหุ้นสื่ออยู่หยุดทำสื่อ ไม่มีพนักงาน เลิกจ้างเตรียมปิดบริษัทตั้งแต่ 25 พ.ย.61 แล้ว แต่ถ้าทุกคนรอดหมด ตนผิดคนเดียวจะทำให้ประชาชนตาสว่าง เห็นองคาพยพสังคมว่าองค์กรไหนหนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช.

พช.อัดนายกฯมีธงจ้องยึดอำนาจ

น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ ตั้งข้อสังเกตกรณีสารนายกฯเมื่อวันที่ 1 ก.ค. มีเนื้อหาตีความได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องการสื่อให้ผู้ฟังเข้าใจว่า ถ้ามีปัญหาทางการเมืองเช่นเดิม จะแก้ไขปัญหาด้วยการยึดอำนาจล้มล้างการปกครองเช่นเดิม ซึ่งผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์หลุดคำพูดเผยวิธีการแก้ปัญหาการเมืองด้วยการยึดอำนาจล้มล้างการปกครอง แสดงว่ามีธงต้องการยึดอำนาจอยู่ในใจตลอดเวลาใช่หรือไม่ อีกทั้งปัญหาทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์เวลานี้ไม่ใช่ปัญหาของคนทั้งชาติ เป็นปัญหาการจัดสรรตำแหน่งไม่ลงตัวในการจัดตั้งรัฐบาล การเอาประเทศเป็นตัวประกันเพื่อแก้ปัญหาการจัดสรรอำนาจส่วนตัวเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่

พท.ไล่ “บิ๊กตู่” ไขก๊อกฟื้นเชื่อมั่น

ที่พรรคเพื่อไทย นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีนายกฯออกสารขอโทษประชาชนที่สมาชิกพรรคพลังประชารัฐแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีและขู่สมาชิกพรรคพลังประชารัฐว่าถ้ายังแย่งตำแหน่งทะเลาะกันไม่เลิกจะแก้ปัญหาแบบเดิมที่ทุกคนไม่ต้องการ ขู่กันตรงๆว่าถ้ายังทะเลาะกันอยู่คงถึงขั้นปฏิวัติกันอีกครั้ง มั่นใจว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ยกโทษให้ พฤติกรรมที่ผ่านมาน่าจะประเมินได้ว่ามีเจตนาไม่สุจริตมาแต่ต้น หนทางที่ดีที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ควรแสดงสปิริตลาออกจากนายกฯ รับผิดชอบทางการเมือง อาจช่วยบรรเทาความเสียหายทางการเมืองและช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นประเทศให้กลับคืนมาได้ เพราะดูสภาพการทะเลาะเบาะแว้งในขณะนี้เละยิ่งกว่าโจ๊กใส่ไข่ หากฝืนตั้ง ครม.ไปจะยิ่งทำความเสียหายให้ประเทศชาติและประชาชน


“เฉลิม” ซัด “บิ๊กตู่” ดึงเช็งหวังใช้ ม.44

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐที่ยังไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ว่า เรื่องนี้ตั้งใจไม่ให้ตั้งรัฐบาลได้เสร็จโดยเร็วจะเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯไม่ได้เดือดร้อนเลยชิวจะตายยิ่งตั้งรัฐบาลเสร็จช้า พล.อ.ประยุทธ์ยังมีอำนาจเต็มมีมาตรา 44 ในมือใหญ่คับบ้านคับเมือง แต่หากรัฐบาลถวายสัตย์ฯกันเมื่อไหร่เขาเล็กทันที ขอให้ทุกฝ่ายจับตาดูการพิจารณาโครงการสำคัญทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อระหว่างอู่ตะเภา-ดอนเมือง-สนามบินสุวรรณภูมิ โครงการก่อสร้างทางด่วนแจ้งวัฒนะ-วังหน้า และการต่อสัมปทานให้กับบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ว่า จะมีการอนุมัติเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องโดยไม่ชอบมาพากลหรือไม่ด้วย

หยันทัพแตกตั้งแต่ยังไม่ออกรบ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงศึกแย่งชามข้าวในพรรคพลังประชารัฐ สะท้อนภาวะผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ถดถอยอาจถึงขั้นไม่มีภาวะผู้นำ ปัญหาในพรรคเละเป็นโจ๊กโดนระเบิด ถือว่าทัพแตกตั้งแต่ยังไม่ได้ไปรบ ตั้งโต๊ะแถลงขู่แฉกันรายวัน การออกสารมาขอโทษไม่ช่วยอะไร 5 เรื่องใหญ่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ควรขอโทษประชาชนคือ 1.ขอโทษที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจ 2.ขอโทษที่ออกแบบและกำหนดกติกาการเลือกตั้งไม่เป็นธรรม 3.ขอโทษที่ออกแบบกติกาให้ ส.ว.ที่ คสช.คัดสรรมาโหวตเลือกนายกฯ 4.ขอโทษที่ผ่านการเลือกตั้งมาจะ 4 เดือนยังตั้งรัฐบาลไม่ได้ 5.ขอโทษที่ออกมาขู่ว่าอย่าให้ต้องแก้ปัญหาแบบเดิมอีก

บี้เงินกู้กรุงไทยจาก “อุตตม” โยง “สมคิด”

นายอนุสรณ์ยังกล่าวถึงกรณีภาคประชาชนเรียกร้องให้ตรวจสอบนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่าที่ รมว.คลัง จะไม่สง่างาม เพราะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย 5 คนที่ลงลายมือชื่ออนุมัติการกู้เงินเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2546 นำไปสู่การฟ้องคดีนายอุตตมเข้าร่วมประชุมโดยไม่ได้แสดงความเห็นคัดค้าน แต่กลับไม่ถูกฟ้อง ต้องชี้แจงสังคมเอง ประชาชนสงสัยว่าอาจมีคุณสมบัติขัดต่อการเป็น รมว.คลังที่ต้องดูแลการคลังประเทศ ต้องกำกับดูแลธนาคารกรุงไทย ถ้ามีเรื่องที่สังคมยังไม่ไว้วางใจ จะส่งผลกระทบภาพลักษณ์ข้อมูลการตรวจสอบจากภาคประชาชนลามไปถึงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จริงหรือไม่ที่นายสมคิดแต่งตั้งบอร์ดธนาคารกรุงไทยเกือบทั้งหมด ภาคประชาชนจึงอยากถามนายสมคิดว่าเกี่ยวข้องกับการปล่อยกู้กรุงไทยหรือไม่

ปลุก ปชช.ร่วมเดินหน้าแก้ รธน.

นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่าหลายคนแสดงความคิดเห็นต่อพฤติกรรม พล.อ.ประยุทธ์ว่าไม่เหมาะสมจะเป็นนายกฯในระบอบประชาธิปไตย บางคนสาปแช่ง ส่วนใหญ่ขอให้ลาออก แต่ผลพวงการรัฐประหารที่เผด็จการชุดนี้สร้างทิ้งไว้ผ่านรัฐธรรมนูญฉบับปล่อยพวกกูโกง ยังคงอยู่เป็นมรดกบาป ทางออกอย่างสันติมีทางเดียวคือแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วนำมาผ่านประชามติแน่นอนต้องเผชิญกับการต่อต้านทุกรูปแบบจากเผด็จการและสมุนที่ได้ประโยชน์จากความพินาศของประเทศ จึงอยู่ที่ประชาชนจะยอมให้เผด็จการกดหัวต่อไปหรือไม่ การขอแก้ไขรัฐธรรมนูญคือบทพิสูจน์หัวใจคนไทยว่าไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาดจริงหรือไม่

5 ปีละเมิดสิทธิอดเซ็นเอฟทีเอกับอียู

นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ล่าสุดสหภาพรัฐสภายุโรป หรืออียู ได้เซ็นข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับเวียดนามแล้ว หลังเจรจามานานถึง 7 ปี ขณะที่ไทยยังไร้วี่แววว่าจะได้เซ็นสัญญาเมื่อไหร่ อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าประเทศไทยคงจะลำบาก เพราะการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่สั่งสมมาตลอด 5 ปีในยุค คสช.และกำลังจะถูกสืบทอดต่อไป รวมทั้งข่าวการลอบทำร้ายจ่านิว นักกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตยเผยแพร่ไปทั่วโลก ยิ่งตอกย้ำความไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ตั้ง ครม. ล่าช้าอาจไม่เป็นที่ยอมรับอียูจึงไม่อนุมัติให้เซ็นข้อตกลงเอฟทีเอกับไทย จะส่งผลกระทบต่อการส่งสินค้าไทยไปจำหน่ายที่ยุโรป

“วิโรจน์” ลาออกพ้น หน.เพื่อไทย

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นางลดาวัลลิ์ แถลงว่า พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ลงนามลาออกจากหัวหน้าพรรคแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. ดังนั้น คณะกรรมการบริหารพรรคจะพ้นวาระทั้งชุด ระหว่างนี้รักษาการคณะกรรมการบริหารพรรคมาปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวมีนายปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นรักษาการหัวหน้าพรรค และจะมีการประชุมใหญ่เพื่อคัดเลือกคณะกรรมการ บริหารชุดใหม่จำนวน 29 คน ในวันที่ 12 ก.ค. นอกจากนี้ พรรคจะตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษานโยบายของรัฐบาล เพื่อดูรายละเอียดและนำไปอภิปรายในสภาฯ

ส.ส.กทม.ดัน “อนุดิษฐ์” ชิงเลขาฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่แน่ชัดว่าตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่จะเป็นนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และมีความเป็นไปได้สูงว่านายภูมิธรรม อาจจะไม่ได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการพรรคต่อไปอีก เพราะ ส.ส.กลุ่ม กทม.ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรค จับมือกันพยายามผลักดัน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.ที่มีภาพลักษณ์เป็นคนรุ่นใหม่และมีประสบการณ์ เคยเป็น รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มาทำหน้าที่เพื่อปรับภาพลักษณ์พรรคให้เป็นพรรคคนรุ่นใหม่

ส่อร้าว “เจ๊” งัดข้อ “ภูมิธรรม”

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า อีกเหตุผลที่ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย พยายามผลักดันให้ น.อ.อนุดิษฐ์ ขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคแทนนายภูมิธรรม เนื่องจากที่ผ่านมามีความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นระหว่างนายภูมิธรรมกับคุณหญิงสุดารัตน์มาหลายครั้งที่ทั้งสองคนมีความเห็นไม่ตรงกัน ก่อนการเลือกตั้งคุณหญิงสุดารัตน์เคยยกเลิกการประชุมกรรมการยุทธศาสตร์พรรคที่นายภูมิธรรมร่วมประชุมอยู่ด้วย ตอกย้ำภาพความไม่ลงรอยและการช่วงชิงบทบาทการนำภายในพรรคที่มีมาตลอด เมื่อพรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เพื่อให้ได้หัวหน้าพรรคเป็น ส.ส.ไปทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้าน คุณหญิงสุดารัตน์จึงพยายามผลักดัน น.อ.อนุดิษฐ์ เป็นเลขาธิการพรรค เพื่อชิงบทบาทการนำ ทำให้สมาชิกพรรคบางส่วนมองว่าประเด็นดังกล่าวจะยิ่งทำให้ทั้งสองคนไม่ลงรอยกันมากยิ่งขึ้น


ปชป.เดินเครื่องกระจายอำนาจ

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมประชุมกับคณะกรรมการกระจายอำนาจพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นประธาน เพื่อหารือแนวทางการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ภายใต้หลัก “ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน” โดยในที่ประชุม นายจุรินทร์มอบหมายให้เตรียมแผนกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ยึดหลักการกระจายคน เงินและงานจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาคลงสู่ท้องถิ่น คงรูปแบบการบริหาร 3 แบบ ทั้งส่วนกลาง ภูมิภาค และท้องถิ่น มีการปกครอง 4 รูปแบบ คือ อบจ. เทศบาล อบต.และรูปแบบพิเศษที่จะยกระดับเทศบาลนครขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมขึ้นเป็นรูปแบบมหานคร ผู้บริหารและสภามหานครมาจากการเลือกตั้ง นอกจากนี้ยังให้เตรียมพร้อมเพื่อการเลือกตั้งท้องถิ่นที่อาจจะมีขึ้นช่วงปลายปีนี้ด้วย

สมาชิก ปชป.พัทลุงแห่ซบภูมิใจไทย

ช่วงสาย ที่สำนักงานสาขาพรรคภูมิใจไทย หมู่ 2 ต.เขาเจียก อ.เมืองพัทลุง นายจารึก เพชรด้วง นายทะเบียนสาขาพรรคภูมิใจไทย พร้อมคณะ ให้การต้อนรับสมาชิกสภาองค์การบริหารจังหวัดพัทลุง (ส.อบจ.พัทลุง) นำโดยนายประเสริฐ ดำสุด ส.อบจ.เขต อ.ตะโหมด และประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์เขตเลือกตั้งที่ 3 นายศักดิ์สุริยา เสนาทิพย์ นายสนั่น วิทยาประเสริฐ นายสุนัย คงแก้ว นายสุทธิวงศ์ รักเงิน นายกิตติชัย แสงเพ็ชร นายสุกิจ ไชยสาลี นายเกษมศักดิ์ เส้งสุ้น นายปรีดี มนตรี และนายภุชงค์ วรศรี ส.อบจ.เมืองพัทลุงและประธาน อบจ.พัทลุง หลังทั้งหมดสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย โดยนายประเสริฐกล่าวว่า ตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยครั้งนี้ไม่ได้รับแรงหนุนจากใคร แต่เห็นว่านโยบายพรรคภูมิใจไทยเป็นนโยบายโดนใจชาวพัทลุงและพี่น้องชาวใต้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การย้ายพรรคครั้งนี้เป็นการเตรียมความพร้อมการลงสมัครนายก อบจ.พัทลุง ที่นายภุชงค์ วรศรี ประธานสภา อบจ.พัทลุง จะลงชิงชัยแข่งกับนายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายก อบจ.พัทลุงคนปัจจุบัน

เลขาฯ กกต.ยันสอบหุ้นสื่อไม่เว้นใคร

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงแรมเบสท์เวสเทิร์น พลัส แวนด้า แกรนด์ นนทบุรี พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.เป็นประธานพิธีเปิดอบรมเครือข่ายสตรีกับการมีส่วนร่วมพัฒนาประชาธิปไตย รุ่นที่ 1 จากนั้น พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาคำร้องกรณี ส.ส.ถือหุ้นสื่อว่าอยู่ระหว่างตรวจสอบ หากเห็นว่ามีมูลและมีหลักฐานจะส่งให้ กกต.พิจารณาว่าจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ยืนยันว่าไม่ช้า จะมีเรื่องใดที่ส่งให้ กกต.พิจารณาได้ในเร็วๆนี้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการไต่สวนแต่ละคณะ ยืนยันว่าไม่ได้ยื้อเวลาเพื่อช่วยพรรคใดหรือ ส.ส.คนใดคนหนึ่ง ทุกคำร้องเรียนได้รับการตรวจสอบไม่มีละเว้น ขึ้นอยู่กับหลักฐาน แม้การถือหุ้น ส.ส.จะส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ส่วนคำร้องที่ร้องมายัง กกต.ต้องดำเนินการต่อไป

เฟ้น ส.ว. กกต.ใช้งบฯ แค่ 463 ล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงาน กกต.เผยแพร่เอกสารชี้แจงกรณีตั้งกระทู้ถามในที่ประชุมสภาฯ ว่าผ่านครบ 3 เดือนแล้ว กกต.ยังไม่เปิดเผยคะแนนเลือกตั้งรายหน่วยให้ประชาชนทราบ ขอชี้แจงว่าเมื่อเสร็จสิ้นการนับคะแนนเลือกตั้งแล้ว กกต.ได้เปิดเผยผลคะแนนเลือกตั้งทุกหน่วยเลือกตั้ง 92,320 หน่วย ไว้แล้ว มีผู้สมัครหรือพรรคการเมืองมาขอสำเนารายงานผลการนับคะแนนเลือกตั้งรายหน่วยทุกเขตแล้ว กรณีมีข่าวว่า กกต.ใช้งบฯ 1,300 ล้านบาทจัดให้มีการเลือก ส.ว. ค่าใช้จ่ายจริงของสำนักงาน กกต.ทั้งส่วนกลางและสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัด 77 แห่ง รวมหน่วยงานสนับสนุนบางหน่วยแล้วเป็นเงิน 463,216,080.05 บาท ตั้งแต่อำเภอ จังหวัดและระดับประเทศ

ยกรวด 5 คำร้อง “เรืองไกร”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้มีหนังสือลงวันที่ 26 มิ.ย.แจ้งผลการพิจารณายกคำร้อง 5 ประเด็นเกี่ยวกับพรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปยังนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ผู้ร้องได้รับทราบ มีรายละเอียด 1.กรณีขอให้ กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ไม่เป็นไปตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ.2561 ข้อ 90 และข้อ 91 นายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นว่า การลงมติเพื่อเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ดำเนินการโดยชอบแล้ว มีหนังสือยินยอมจาก พล.อ.ประยุทธ์และเป็นไปตามข้อบังคับพรรค ข้อ 90 และข้อ 91 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 มาตรา 13 และ 14 รวมถึงระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 ข้อ 114 และ 115 แล้ว

โต๊ะจีนหรูไม่เข้าข่ายแสวงกำไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำร้องที่ 2.กรณีพล.อ.ประยุทธ์เป็นข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐซึ่งต้องห้ามมิให้เสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นว่า กกต.มีมติไปแล้วว่า การประกาศชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญแล้ว 3.กรณี พล.อ.ประยุทธ์เปิดเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม เว็บไซต์เข้าข่ายเป็นเจ้าของกิจการสื่อ ต้องห้ามเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ กกต.มีมติแล้วว่ายังไม่ถือว่าเข้าข่ายเป็นเจ้าของกิจการสื่อมวลชน จึงไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 4.กรณีพรรคพลังประชารัฐระดมทุนขายโต๊ะจีนราคา 3 ล้านบาท ไม่เข้าข่ายการแสวงหากำไรมาแบ่งปันกัน แม้กำหนดราคาโต๊ะจีนสูงแต่ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้เข้าร่วมกิจกรรมระดมทุน กฎหมายได้จำกัดวงเงินผู้สนับสนุนเอาไว้แล้ว จึงไม่ใช่เป็นการขายสินค้าลักษณะแสวงหากำไรมาแบ่งปันกัน ยังไม่เป็นเหตุให้ยุบพรรคการเมือง

“อุตตม” มีคุณสมบัติไร้เหตุยุบ พปชร.

ขณะที่คำร้องที่ 5.กรณีร้องว่า นายอุตตม สาวนายน รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เห็นว่ามีการปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดแล้ว และนายอุตตมสมัครเป็นสมาชิกพรรค ชำระค่าบำรุงตามที่กฎหมายกำหนด สำนักงาน กกต.เคยตอบข้อสอบถามพรรคอนาคตใหม่ว่าผู้ที่เข้าชื่อร่วมกันขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองและได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารพรรคจะเป็นสมาชิกต่อเมื่อได้ชำระค่าบำรุงพรรคแล้ว ดังนั้น การเป็นหัวหน้าพรรคของนายอุตตมจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว และไม่เป็นเหตุให้ยุบพรรคการเมือง หากนายเรืองไกรมีพยานหลักฐานใหม่อันสำคัญแก่การพิจารณา ซึ่งน่าจะทำให้ผลการพิจารณาของนายทะเบียนพรรคการเมืองเปลี่ยนแปลงไปสามารถแจ้งให้พิจารณาได้

ป.ป.ช.แจงส่งศาลฯฟัน “นาที” ซุกหนี้

นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงกรณีการชี้มูลความผิดนางนาที รัฐกิจประการ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย กรณียื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จต่อ ป.ป.ช. ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวนวันที่ 9 ก.ค.2562 ว่า ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของนางนาทีกรณีพ้นตำแหน่งเนื่องจากยุบสภาเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2556 ยื่นบัญชีเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2557 ปรากฏว่านางนาทีไม่แสดงรายการทรัพย์สินในส่วนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของตนเองที่ จ.พัทลุง 2 แปลง มูลค่า 2 ล้านบาท และหนี้สินของนายพิพัฒน์ รัฐกิจประการ คู่สมรสจากการกู้ยืมเงินบุคคลอื่นและหนี้ตามสัญญาซื้อขายหุ้น 93,039,949 บาท รวมทรัพย์สินและหนี้สินที่ไม่แสดง 95,039,949 บาทป.ป.ช.ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่นางนาที และให้มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้ว ที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อเดือน พ.ย.2561 ว่า นางนาทีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ จึงเสนอเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้วินิจฉัยเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและลงโทษทางอาญาต่อไป

“นิพิฏฐ์” เหน็บคนรวยมักมีปมซุกสมบัติ

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่ายุคนี้เป็นยุคของคนรวย คนจนมักเลือกคนรวยเป็นตัวแทนของเขาจะด้วยเหตุผลใดแล้วแต่ แต่คนรวยมักมีปัญหาการซุกทรัพย์สินต่างๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ปัญหานี้เป็นปัญหาทางการเมืองมาตลอด เพราะสังคมไทยเราไม่ค่อยจดจำอะไรนาน หากคนรวยชี้แจงความรวยอย่างเป็นจริงว่ารวยเพราะอะไร ได้ทรัพย์สินมาเพราะอะไร เก็บไว้ที่ไหนไม่มีปัญหา

“วิษณุ” ระบุเป็นความผิดเฉพาะตัว

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า คดี ของนางนาทีตามหลักการเป็นเรื่องเฉพาะตัว หากศาลมีคำวินิจฉัยว่ามีความผิด ผู้ถูกร้องจะสิ้นสภาพการเป็น ส.ส.ไป จะส่งผลกระทบต่อนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ว่าที่ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาในสัดส่วน ของพรรคภูมิใจไทย ผู้เป็นสามีหรือไม่นั้น การไม่ยื่นหรือยื่นไม่ครบเป็นความผิดทางอาญา กรรมใดใครก่อคนนั้นต้องรับผิดไป แต่จะเหมาะสมหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องดูกฎหมายเป็นหลัก

รบ.ปริ่มน้ำไม่ช่วยอย่าเอาเท้าราน้ำ

เมื่อเวลา 13.45 น. ที่หอประชุมใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา จัดสัมมนาสมาชิกวุฒิสภา ประจำปี 2562 โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวปาฐกถาพิเศษ “บทบาทของสมาชิกวุฒิสภาตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญปี 2560 กับยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ” ตอนหนึ่งว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้วไปร่วมประชุม สนช. ได้บอกว่าเมื่อลงเรือแป๊ะ ต้องตามใจแป๊ะ ปัจจุบันเรือแป๊ะส่งผู้โดยสารขึ้นท่าแล้ว แต่แป๊ะคนเดิมไปต่อด้วยเรือลำใหม่ ตอบไม่ได้ว่าเป็นเรืออะไร แต่จะไปลำบากมากขึ้น เพราะไม่มีใครตามใจ กัปตันต้องตามใจลูกเรือ เป็นเรือปริ่มน้ำแปลว่าร่อแร่ เป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ปริ่มน้ำไม่อันตรายจะช่วยให้ระวัง แต่สำคัญคือกัปตัน ลูกเรือและผู้โดยสารต้องร่วมมือกัน ช่วยกันวิดน้ำออกจากเรือ หากใครไม่อยากวิดน้ำก็อย่าเอาเท้าราน้ำ หรือที่เรียกว่า มือไม่พาย อย่าเอาเท้าราน้ำ ขอให้นั่งนิ่งๆสวดมนต์ เพราะหากเรือล่มจะจมทั้งลำเดือดร้อนทั้งประเทศ

เตือน ส.ว.ระวัง 5 เรื่องสุ่มเสี่ยง

นายวิษณุกล่าวอีกว่า ขอฝาก ส.ว.ให้ทำหน้าที่บทบาทให้ดี เพื่อประโยชน์ส่วนรวม อยากฝากสิ่งที่ ส.ว.ต้องระวังตัว 5 ข้อคือ 1.ไม่ฝักใฝ่และอยู่ใต้อาณัติพรรคการเมือง 2.ไม่แปรญัตติให้งบประมาณแผ่นดินมาอยู่ในอำนาจการใช้สอยของตนเองคือห้ามจัดงบมาเป็นของ ส.ว. ถ้าทำผิดต้องพ้นจากตำแหน่งติดคุกและต้องใช้เงินคืน 3.ไม่มีการกระทำที่เป็นผลประโยชน์ขัดแย้งกัน คือห้ามเป็นกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ใดๆ ของรัฐ นอกจากกรรมการที่สภาฯตั้งขึ้น แม้แต่กรรมการกฐิน ผ้าป่า อย่าอุตริไปเป็นให้เสี่ยง 4.ไม่ดำเนินการใดๆที่ขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรม 5.ห้ามขาดประชุมเกิน 1 ใน 4 ของสมัยประชุม ถ้าจำเป็นต้องยื่นใบลาต่อประธานวุฒิสภาถ้าประธานอนุญาตไม่เป็นไร

ส.ว.แตกตื่นห้ามเป็นกรรมการกฐิน-ผ้าป่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายวิษณุกล่าวปาฐกถาจบแล้วได้เปิดโอกาสให้ ส.ว.ได้ซักถามข้อสงสัยต่อประธานและรองประธานวุฒิสภา มี ส.ว.หลายคนซักถามกรณีการห้าม ส.ว.เป็นกรรมการในหน่วยงานรัฐ รวมถึงกรรมการกฐินและผ้าป่าก็ไม่ควรไปเป็น นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ชี้แจงว่ากรรมการสถานศึกษา เช่น โรงเรียนหรือหน่วยงานรัฐ ไม่สามารถเป็นได้แน่นอน แต่กรรมการกฐินผ้าป่ายังสงสัยอยู่ว่าเป็นได้หรือไม่ ถ้าใครจะเอาชื่อไปใส่ควรใช้คำว่า “ผู้ร่วมบุญ” แทนคำว่า “กรรมการ” หากสมาชิกคนใดสงสัยให้ปรึกษาตนเป็นการส่วนตัว

“พรเพชร” ไม่ห่วง ส.ว.ถูกร้องมีหุ้นสื่อ

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติของ ส.ว.ที่อาจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญเรื่องถือหุ้นสื่อนั้น มีความกังวลน้อยกว่ากรณีของ ส.ส.เนื่องจากก่อนหน้านี้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้จัดทำแบบสอบถามไปยัง ส.ว. เช่น เรื่องของการถือหุ้นสื่อ การเป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลที่ล้มละลายทุจริต หรือการต้องคำพิพากษาให้จำคุกหรือไม่อย่างละเอียดแล้ว จึงไม่กังวลและสำหรับตนไม่มีหุ้นสื่อใดๆ ส่วนกรณีที่ยังไม่สามารถจัดตั้ง ครม.ได้ว่า กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งไปเมื่อเดือน พ.ค.ยังไม่ถึง 100 วันด้วยซ้ำ ไม่เป็นการล่าช้า เชื่อว่าน่าจะตั้งรัฐบาลได้ช่วงกลางเดือน ก.ค.