PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2561

เราจะไม่มีวัน แยกจากกัน "กองทัพ-คสช."


6 ชม.
เราจะไม่มีวัน แยกจากกัน "กองทัพ-คสช."
"บิ๊กป้อม"ยัน กองทัพ -คสช.เป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีทางแยก ออกจากคสช. อยู่แล้ว เพราะกองทัพ ก็เป็น คสช.
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงข้อเรียกร้อง"คนอยากเลือกตั้ง ให้กองทัพแยก ออกจากคสช. เลิกสนับสนุน คสช.ว่า ไม่แยก เขาไม่แยกกันอยู่แล้ว
"กองทัพก็อยู่ใน คสช.เป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แล้ว"
ส่วนที่ขู่จะยกระดับชุมนุม 5 พค. หากกองทัพไม่รับข้อเสนอนั้น พลเอกประวิตร ก็ขู่ไป แต่ถามว่า ทำแบบนั้นถูกมั้ย
"แบบนี้ก็ป่วนนะสิ เพราะรัฐบาลประกาศชัดเจน ว่าเดินตามโรดแมพ และจะมีการเลือกตั้งในกพ.2562"

ประเพณี บ้านสี่เสาฯ

ประเพณี บ้านสี่เสาฯ
"ป๋าเปรม" เตรียม เปิดบ้านสี่เสาฯ ให้ ‘บิ๊กตู่’ นำ ครม.-ผบ.เหล่าทัพ รดน้ำขอพรสงกรานต์ ปีใหม่ไทย 11เมย.นี้ เผย หมอ สั่ง "ป๋า"ลดออกงาน พักผ่อนให้มาก งดงานเย็น
พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักมูลนิธิรัฐบุรุษ เปิดเผยว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ จะเปิดบ้านสี่เสาเทเวศร์ ให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำ ครม. และผบ. เหล่าทัพ เข้ารดน้ำขอพร และ อวยพรวันปีใหม่ไทย เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 11 เม.ย.นี้ ตามประเพณี
พล.ท.พิศณุ เผยอีกด้วย ว่า ตอนนี้ พล.อ.เปรม มีสุขภาพแข็งแรงดี แม้จะเข้าโรงพยาบาล บ้าง ก็เพื่อไปตรวจสุขภาพตามวงรอบเท่านั้น ซึ่งแพทย์ได้แนะนำให้ออกงานลดลง และงดงานเย็น งานค่ำ ถ้สไม่จำเป็น เพื่อให้พักผ่อนตามเวลา

‘หมอเหรียญทอง’ หัวร้อน! ซัด ‘คนอยากเลือกตั้ง’ สร้างปฏิบัติการ ‘กวนตีน คสช.’

‘หมอเหรียญทอง’ หัวร้อน! ซัด ‘คนอยากเลือกตั้ง’ สร้างปฏิบัติการ ‘กวนตีน คสช.’


เมื่อวานนี้ (25 มี.ค) พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ‘เหรียญทอง แน่นหนา‘ กล่าวถึงกรณีการเดินขบวนเรียกร้องการเลือกตั้งของกลุ่ม คนอยากเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ว่าเป็น ‘ปฏิบัติการกวนตีน คสช.’
โดยระบุว่า การเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช.รีบจัดการเลือกตั้งโดยเร็วของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งนั้น แท้ที่จริงแล้วไม่ได้ต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วตามที่เรียกร้อง แต่ต้องการยั่วยุให้กองทัพโต้ตอบจนเกิดความรุนแรงเพื่อจะสร้างสถานการณ์และนำไปขยายผลปลุกระดมมวลชนให้เกิดขึ้นในห้วงเดือนพฤษภาคมที่จะถึงให้เสมือน ‘สถานการณ์พฤษภาทมิฬ’ เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พ้นจากอำนาจรัฐ และเกิดรัฐบาลชั่วคราวเพื่อจัดการเลือกตั้งซึ่งง่ายต่อการกลับเข้าสู่อำนาจของขบวนการสามานย์ ที่กล่าวข้างต้นนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลหรือกองทัพ แต่เชื่อว่า ‘ปฏิบัติการกวนตีน คสช.’ ได้ผลแค่ ‘คันส้นตีน คสช.’ เท่านั้นครับ

‘คนอยากเลือกตั้ง’ โต้กลับคสช. ลั่น “กองทัพไม่เป็นเนื้อเดียวกับปชช. ตั้งแต่วันทำรัฐประหาร!”

‘คนอยากเลือกตั้ง’ โต้กลับคสช. ลั่น “กองทัพไม่เป็นเนื้อเดียวกับปชช. ตั้งแต่วันทำรัฐประหาร!”


26 มี.ค. จากกรณีที่ พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ออกมากล่าวถึงกลุ่มคนอยากเลือกตั้งจัดกิจกรรมรวมพลัง “เดินหน้าถอนราก คสช.” โดยเรียกร้องให้กองทัพ หยุดสนับสนุนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยในตอนหนึ่ง พล.ต.ปิยพงศ์ ได้กล่าวว่า “คสช.กับกองทัพเป็นเนื้อเดียวกัน กองทัพกับประชาชนเป็นเนื้อเดียวกัน ดังนั้น จะแยกจากกันไม่ได้เพราะทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน จะมาแยกว่ากองทัพต้องแยกออกจากประชาชนหรือ คสช.เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ กองทัพเป็นลูกหลานประชาชน สนับสนุน งานคสช. คสช.สนับสนุนรัฐบาลทุกสิ่งเป็นเนื้อเดียวกันคงแยกไม่ได้”
เมื่อวานนี้ (25 มี.ค.) กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย โพสต์ข้อความโต้กลับ พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ หลังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง โดยมีการเดินขบวนไปยังหน้ากองบัญชาการกองทัพบก โดยระบุว่า
ตอบข้อโต้แย้งของ ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์
จากที่พวกเราเรียกร้องให้กองทัพเลิกสนับสนุน คสช. เพื่อนำไปสู่การยุบ คสช. และเตรียมจัดการเลือกตั้งภายในเดือนพฤศจิกายน 2561 นั้น
พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผบ.มทบ.11 ในฐานะทีมโฆษก คสช. ได้อ้างว่า “คสช.กับกองทัพเป็นเนื้อเดียวกัน กองทัพกับประชาชนเป็นเนื้อเดียวกัน ดังนั้นจะแยกจากกันไม่ได้ เพราะทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน จะมาแยกว่ากองทัพต้องแยกออกจากประชาชนหรือ คสช. เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ กองทัพเป็นลูกหลานประชาชน สนับสนุนงาน คสช. คสช. สนับสนุนรัฐบาลทุกสิ่งเป็นเนื้อเดียวกันคงแยกไม่ได้”
พวกเราขอตอบดังนี้
กองทัพไม่จำเป็นต้องเป็นเนื้อเดียวกันกับเผด็จการ และกองทัพในเวลานี้ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกันกับประชาชน เพราะกองทัพได้แยกตัวออกจากประชาชนไปเข้าร่วมกับเผด็จการตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
กองทัพคือหน่วยงานหนึ่งของประเทศ ส่วน คสช. คือคนกลุ่มหนึ่งที่มีจิตฝักใฝ่เผด็จการ สองสิ่งนี้จึงไม่ใช่สิ่งเดียวกัน และไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน ประเทศประชาธิปไตยหลายประเทศยังคงมีกองทัพ โดยที่กองทัพของประเทศเหล่านั้นต่างรู้ขอบเขตหน้าที่ของตน เคารพกติกาประชาธิปไตย เคารพเสียงประชาชนจริงๆ ในกองทัพของประเทศไทยเองก็ไม่ใช่ว่าทหารทุกนายจะเห็นด้วยกับการกระทำของ คสช. ทั้งหมด การอ้างว่ากองทัพกับ คสช. เป็นเนื้อเดียวกันจึงเป็นการอ้างที่ผู้อ้างก็รู้ว่าผิด แต่ก็ยังพยายามอ้างต่อไปเพื่อสร้างความเชื่อที่ผิดๆ แก่บรรดานายทหารว่ามีหน้าที่ต้องรับใช้เผด็จการ
ส่วนที่อ้างว่ากองทัพกับประชาชนเป็นเนื้อเดียวกันนั้นยิ่งผิดเข้าไปใหญ่ กองทัพเคยอยู่ข้างประชาชน แต่ก็เป็นกองทัพเองที่แยกตัวจากประชาชนไปเข้าร่วมกับเผด็จการเมื่อเย็นวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 โดยฝีมือของนายพลกลุ่มหนึ่งที่ลากเอาทั้งกองทัพไปสนับสนุนการขึ้นสู่อำนาจโดยมิชอบของตนเอง
และแน่นอนที่สุดว่า คสช. กับประชาชนก็ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกัน เพราะ คสช. คือเผด็จการ เมื่อได้ก่อตั้งขึ้นมาก็กลายเป็นผู้อยู่เหนือประชาชนคนอื่นๆ เสียแล้ว
“ดังนั้นที่โจมตีพวกเราว่าแยกกองทัพออกจากประชาชน แท้จริงแล้วเป็นกองทัพเองต่างหากที่แยกจากประชาชนไปเข้ากับเผด็จการ และด้วยเหตุนี้พวกเราจึงต้องเรียกร้องให้กองทัพเลิกสนับสนุน คสช. เพื่อนำกองทัพกลับมาอยู่ด้วยกันกับประชาชนอีกครั้ง” เพจดังกล่าว ระบุ

(ข้อมูล)คนอยากเลือกตั้งพับจรวดสื่อสาร บอกกองทัพ มีหน้าที่ปกป้องไม่ใช่ปกครอง

คนอยากเลือกตั้งพับจรวดสื่อสาร บอกกองทัพ มีหน้าที่ปกป้องไม่ใช่ปกครอง

คนอยากเลือกตั้งพับจรวดสื่อสาร บอกกองทัพ มีหน้าที่ปกป้องไม่ใช่ปกครอง

คนอยากเลือกตั้งพับจรวดสื่อสาร บอกกองทัพ มีหน้าที่ปกป้องไม่ใช่ปกครอง

Voice tv21
สนับสนุนเนื้อหา
กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เดินถึงหน้ากองทัพบก ปะทะเจ้าหน้าที่เล็กน้อย เรียกร้องกองทัพหยุดสนับสนุน คสช. ชี้ ภายในเดือนพฤษภาคม ไม่ได้รับคำตอบ จะออกมาไล่ คสช. อย่างเป็นทางการ
(24/3/61)ประชาชนประมาณ 400 คน เดินเท้าจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ถึงหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน โดยมีเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่เล็กน้อย หลังพยายามฝ่าด่านเจ้าหน้าที่บริเวณแยก จปร. ไปยังกองทัพบก
ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า มีผู้ชุมนุมบางส่วนแสดงอาการยั่วยุเกินจำเป็น ทำให้ทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่และฝ่ายผู้จัดการชุมนุมต้องเจรจาสื่อสารว่าอย่าทำร้ายเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์สงบลงภายในเวลาไม่นาน
น.ส. ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ ปราศรัยกับผู้ชุมนุมว่า วันนี้มาสื่อสารว่าหมดเวลาสำหรับการยื้ออำนาจของ คสช. แล้ว และชวนให้ผู้ชุมนุมทำสัญลักษณ์รูปหัวใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดจากเหตุปะทะก่อนหน้านี้
นายเอกชัย หงส์กังวาน ได้ทำการจุดธูป 36 ดอกปักที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก โดยระบุว่าเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายจากเผด็จการ
จากนั้นนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว ได้ขึ้นปราศรัยระบุว่า ข้อเรียกร้องของประชาชน คือหยุดวางไข่ หยุดสืบทอดวงจรคณะรัฐประหาร หยุดวงจนอุบาทว์ หยุดรับใช้โจรที่กดขี่ประชาชน หยุดสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ขอให้กองทัพเสียสละอำนาจที่ไม่ชอบธรรมคืนให้กับประชาชน
จากนั้นชักชวนให้ประชาชนพับจรวดกระดาษปาเข้าไปในบริเวณกองบัญชาการกองทัพบก โดยเนื้อหาในจรวดคือการเรียกร้องให้กองทัพยุติการสนับสนุน คสช.
โดยปิดท้ายด้วยการร่วมกันประกาศเรียกร้องการเลือกตั้ง “เลือกตั้งปีนี้ เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ และกองทัพหากไม่อยากพินาศ จงเป็นกองทัพที่กลับมารับใช้ประชาชน ปกป้องประชาธิปไตย”
ทั้งนี้ นายสิรวิชญ์กล่าวด้วยว่า กองทัพบกมีหน้าที่ปกป้อง ไม่ใช่ปกครอง จงรู้ขอบเขตอำนาจหน้าที่ รู้ขีดจำกัดของตัวเอง เดือนพ.ค. นี้ถ้ากองทัพไม่ตอบสนองต่อข้อเรียกร้อง จะออกมาขับไล่ คสช.
เวลาประมาณ 19.30 น. เหตุการณ์ตึงเครียดขึ้นเมื่อรังสิมันต์ โรม ขึ้นกล่าวกับผู้ชุมนุมว่าได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าอาจจะมีการนำเครือง LRAD เครื่องกระจายเสียงระยะไกล เพื่อสลายการชุมนุมหากผู้ชุมนุมไม่เลิกชุมนุมในเวลา 20.00 น. ตามที่แจ้งกับเจ้าหน้าที่ไว้
อย่างไรก็ตาม แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศว่า ผู้ชุมนุมได้ทำผิดผิด พ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะแล้ว เนื่องจากผิดเงื่อนไขที่แจ้งไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะชุมนุมถึงเวลา 20.00 น. แต่ผู้ชุมนุมสามารถจัดกิจกรรมต่อไปได้จนจบตามกำหนดการที่วางไว้
โดยรังสิมันต์ โรม จากกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยขึ้นปราศรัยเป็นคนสุดท้ายบอกว่า อยากสื่อสารกับกองทัพ ว่า ประชาชนตั้งคำถามว่ายังฝากความหวังกับกองทัพได้อยู่อีกหรือ
“หลายคนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เราต้องเอากองทัพออกจากกรุงเทพมหานคร แต่ก็เชื่อด้วยความสุจริตใจว่ายังมีทหารที่หวังดีกับประเทศนี้ สำคัญก็คือยังเชื่อว่ามีทหารจำนวนไม่น้อยรวมถึงตำรวจที่เกลียดการคอร์รัปชั่น การทุจริต เราต่างรู้ดีว่ามีเพียงไม่กี่คนทีเปรียบเสมือนปลาเน่าไม่กี่ตัวในข้อง จึงยังเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่ายังมีทหารที่พร้อมออกมาปกป้องประชาธิปไตย”
“ได้โปรดกลับมายืนเคียงข้างประชาชนด้วยการเป็นทหารอาชีพ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พูดเอาไว้ว่ากองหนุน คสช. หมดแล้ว แต่รังสิมันต์ โรมขอพูดต่อไปว่ากองหนุน คสช. ยังไม่หมด แต่เหลือแค่เพียงหนึ่งเดียวคือกองทัพ”
นายรังสิมันต์กล่าวว่าเมื่อไหร่ที่กองทัพยืนเคียงข้างประชาชน วันสุดท้ายของ คสช. ก็จะจบ
"ดังนั้นกองทัพในฐานะกองหนุนกองสุดท้ายของ คสช. เป็นเหตุผลที่ทำให้ คสช. อยู่ในอำนาจ จึงอยากให้กองทัพกลับมาอยู่เคียงข้างประชาชน อย่ามองเห็นประชาชนเป็นศัตรู ถ้ากองทัพมายืนอยู่เคียงข้างประชาชนเมื่อไหร่ วันที่ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดินจะเกิดขึ้นทันที ทหารอาชีพจะต้องไม่ทำร้ายประชาชน ทหารอาชีพต้องไม่กลั่นแกล้งประชาชน ทหารอาชีพต้องไม่ฉีกรัฐธรรมนูญ
ทหารอาชีพต้องปกป้องประชาธิปไตย ทหารอาชีพสามารถอยู่ร่วมกับระบอบประชาธิปไตยได้" รังสิมันต์กล่าวและนัดหมายว่าจะมีการชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 5 พฤษภาคมที่จะถึง ก่อนที่ร่วมร้องเพลงรางวัลแด่คนช่างฝัน และแสงดาวแห่งศรัทธา และแยกย้ายกันไปอย่างสงบ

ท่าจะยาว! จ่านิว-โรม พาคนอยากเลือกตั้งบุก บก.ทบ.จี้กองทัพเลิกหนุน คสช.

ท่าจะยาว! จ่านิว-โรม พาคนอยากเลือกตั้งบุก บก.ทบ.จี้กองทัพเลิกหนุน คสช.



จ่านิว และ รังสิมันต์ โรม ได้รวมตัวกันที่ มธ.ท่าพระจันทร์ ก่อนนำขบวนไปหน้า บก.ทบ. เพื่อเรียกร้องให้กองทัพหยุดสนับสนุน คสช.ลั่นจะลากยาวถ้าโดนสลายการชุมนุมก่อนเวลา...
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 24 มี.ค.2561 ที่สนามฟุตบอลภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง โดยนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว พร้อมด้วย นายรังสิมันต์ โรม และประชาชนจำนวนหนึ่งได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้งภายในปี 2561
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในวันนี้ทางกลุ่มคนอยากเลือกตั้งมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ 1. จัดให้มีการเลือกตั้งภายในเดือน พ.ย.61 2. ยุบคสช. โดยให้รัฐบาลทำหน้าที่เพียงอำนวยความสะดวกให้มีการเลือกตั้ง และ 3. กองทัพต้องยุติบทบาทในการสนับสนุน คสช. หลังจากนั้นเวลา 17.00 น. จึงมีการเคลื่อนขบวนกลุ่มผู้ชุมนุมออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อไปยังหน้ากองบัญชาการกองทัพบก
โดยขบวนกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ใช้เส้นทางด้านหน้าหอประชุมใหญ่ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ คอยรักษาความสงบตลอดเส้นทาง ระหว่างทางเดินไปกองบัญชาการกองทัพบก ซึ่งตลอดเส้นทาง มีการกระทบกระทั่งระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุมเล็กน้อย โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามให้กลุ่มผู้ชุมนุมเดินด้านบนฟุตปาททางเท้า เพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจร แต่ก็มีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนพยายามที่จะเดินบนถนน เคียงข้างกับรถเครื่องขยายเสียง จึงทำให้เกิดการยื้อยุด
กระทั่งกลุ่มผู้ชุมนุมมาถึงบริเวณแยก จปร. เจ้าหน้าที่ตำรวจตรึงกำลัง เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปถึงยังด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพบก แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ดันเจ้าหน้าที่ตำรวจจนรั้วที่กั้นพัง และเดินมาถึงยังด้านหน้ากองบัญชากองทัพบกในเวลา 19.00 น. จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมจึงปักหลักให้แกนนำผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นปราศรัยกันอย่างต่อเนื่อง และมีการพับกระดาษทำเป็นรูปจรวดปาเข้าไปใน บก.ทบ.โดย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งให้ผู้ชุมนุม ยุติการชุมนุมเวลา 19.45 น.
ทั้งนี้ทางแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ในประกาศว่า ถ้าทางตำรวจได้มีการสลายการชุมนุมก่อนเวลา 20.00 น. ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะปักหลักต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งนี้ ตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมกำลังขอต่อรองเป็นเวลา 21.00 น.แต่ตำรวจไม่ยอม.

จ่านิว และ รังสิมันต์ โรม ได้รวมตัวกันที่ มธ.ท่าพระจันทร์ ก่อนนำขบวนไปหน้า บก.ทบ. เพื่อเรียกร้องให้กองทัพหยุดสนับสนุน คสช.ลั่นจะลากยาวถ้าโดนสลายการชุมนุมก่อนเวลา... 24 มี.ค. 2561 19:49 ไทยรัฐ

(ข้อมูล)‘คนอยากเลือกตั้ง’ บุกหน้าทบ. จี้ทหารเลิกยุ่งการเมือง แย้ม ไม่เลิก พค.นี้ปักหลักไล่

‘คนอยากเลือกตั้ง’ บุกหน้าทบ. จี้ทหารเลิกยุ่งการเมือง แย้ม ไม่เลิก พค.นี้ปักหลักไล่ 


เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 24 มี.ค. ที่สนามฟุตบอล ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง จัดกิจกรรม เป็นครั้งที่ 4 นายรังสิมันต์ โรม หรือโรม กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ (ดีอาร์จี) และนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว กลุ่มสตาร์ทอัพพีเพิล นัดจัดกิจกรรมรวมตัวกุล่มคนอยากเลือกตั้ง เพื่อเดินไปยังกองทัพบก บริเวณถนนราชดำเนิน เพื่อทวงถามถึงกำหนดวันเลือกตั้ง ที่ทางกลุ่มขีดเส้นว่า ต้องเกิดขึ้นปีนี้เท่านั้น โดยนายรังสิมันต์ แถลงก่อนเดินหน้าสู่กองทัพบก ว่า การเลือกตั้งเดือนพ.ย.นี้ ยังไม่ได้รับการตอบสนอง พร้อมยืนยันว่า จะเลือกตั้งเดือนก.พ.62 ซึ่งไม่เป็นไปตามสัญญาที่ให้ไว้กับคนไทยและประชาคมโลก ส่วนข้อเรียกร้องให้ยุบคสช.นั้น เห็นว่า ไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะไม่มีการเลือกตั้งปีนี้ จึงให้คสช.เหลือสถานะเพียงรักษาการ เพื่อรองรับต่อการเลือกตั้งเท่านั้น แต่วันนี้คสช.ไม่ตอบสนอง เราจึงต้องยกระดับการกดดัน
“การเมืองไทยจะไปข้างหน้าไม่ได้ หากยังมีทหารอยู่ในระบอบการเมือง การเดินขบวนไปกองทัพบกวันนี้ เพื่อขอเรียกร้องให้กองทัพหยุดสนับสนุนคสช. และเลือกยืนเคียงข้างประชาชน เราไม่ได้เรียกร้องให้ลาออกอะไร ขอแค่เป็นอิสระจากคสช. หากไม่ทำอะไรเดือนพ.ค. จะเริ่มต้นชุมนุมขับไล่วงจรอุบาทว์ไปพร้อมกัน เวลาที่เหลืออีกเดือนกว่าๆ ยังมีเวลาให้กองทัพทำเพื่อชาติได้อย่างแท้จริง รัฐบาลเลือกตั้งครบ 4 ปี ยังพ้นวาระ ให้มีการเลือกตั้ง การเลือกเดือนพ.ค.เพื่อชุมนุมใหญ่ ก็เพราะครบรอบ 4 ปี นับจากคสช.ยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 57 ดังนั้นวันที่ 5 พ.ค. จะเป็นจุดเริ่มต้นการชุมนุมใหญ่ หากข้อเรียกร้องไม่ถูกตอบสยอง” โรมกล่าว
ด้าน นายสิรวิชญ์ กล่าวว่า กองทัพควรยืนข้างประชาชน ไม่ควรแทรกแซงทางการเมือง แต่วันนี้กองทัพแทรกแซงและแทรกซึม ผบเหล่าทัพต้องถอนการสนับสนุนคสช. ทำแต่เพียงหน้าที่รักษาความสงบ ไม่ใช่รักษาความมั่นคงคสช. ซึ่งส่งคนเข้าไปนั่งในรัฐวิสาหกิจ จนส่งผลให้เศรษฐกิจมีปัญหา กองทัพต้องกลับเข้ากรมกอง เลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เราจะเริ่มเดินไปกองทัพบก เพื่อประกาศศักดิ์ศรีของประชาชนที่หน้างกองทัพบกด้วยกันว่า หมดเวลา สำหรับการถ่วงเลือกตั้งแล้ว มันถึงเวลาของประชาชน ถ้ากองทัพไม่ทำตามข้อเรียกร้อง ก็ต้องขับไล่กองทัพด้วย ผบ.เหล่าทัพเพียงแค่ไปยื่นใบลาออกก็จบแล้ว หากไม่ตอบรับ เดือนพ.ค.ก็จะยกระดับชุมนุมไล่ทุกองคาพยพของคสช. และสนช. เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
จากนั้น เวลา 17:15 น. กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ได้เริ่มเดินขบวนออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยระหว่างกำลังเคลื่อนขบวนอยู่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งแถวปิดหน้าประตูมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อไม่ให้รถปราศรัยหกล้ออกจากมหาวิทยาลัย โดยได้ทำการยึดกุญแจจากคนขับรถหกล้อ หลังจากนั้น แกนนำผู้ชุมนุมได้ลงจากรถหกล้อ ไปรวมกับประชาชนบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ เพื่อขึ้นรถกระบะสี่ล้ออีกคันหนึ่ง ที่จอดเตรียมสแตนบายไว้บริเวณหน้าโรงละครแห่งชาติ และเคลื่อนขบวนเข้าสู่ถนนราชดำเนิน โดยมี เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในและนอกเครื่องแบบ ตามขบวนและควบคุมผู้ชุมนุมไม่ให้ลงสู่พื้นผิวการจราจร โดยเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่าเกรงว่าจะส่งผลให้การจราจรติดขัด

‘ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์’ อดีตรัฐมนตรีปชป. หันหลังให้ทางโลก บวชเป็นพระ ศึกษาธรรม

‘ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์’ อดีตรัฐมนตรีปชป. หันหลังให้ทางโลก บวชเป็นพระ ศึกษาธรรม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊ค “เฉลียว คงตุก” ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า”ท่านประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยคมนาคม แห่งสายประชาธิปัตย์และนักเรียนร่วมรุ่น 2710 โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา เจ้าของห้างดังThe mall หันหลังให้ทางโลก บวชเป็นพระภิกษุวัดในถิ่นกันดาร ช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง ทั้งๆที่เมื่อครั้งอดีตมีพร้อมทุกอย่าง บ้านหรู บริวารเงินทอง แต่ค้นพบว่า หาใช่ความสุขที่แท้จริงไม่ เส้นทางแห่งธรรมของพระพุทธเจ้าน่าจะคือความสุขบริสุทธิ์ที่แท้จริง โมทนาสาธุ”
ทั้งนี้นายประดิษฐ์เป็นชาวจังหวัดพิจิตร นอกจากจะเป็นนักการเมืองผู้กว้างขวางในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง จากการชักชวนของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่ล่วงลับไปแล้ว เขายังเป็นเจ้าของธุรกิจมากมาย ทั้งตลาดค้าส่งผัก-ผลไม้ย่านรังสิต ทั้งตลาดไท และตลาดสี่มุมเมือง เป็นเจ้าของโรงแรมพลาซา แอทธินี กรุงเทพฯ ถือหุ้นในกลุ่มเดอะมอลล์ ร่วมกับ ศุภลักษณ์ อัมพุช และ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าควบคุมอำนาจการปกครอง เขาหันมาเดินหน้าธุรกิจเต็มตัว