PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เสธ น้ำเงิน : ประกาศ..หนังนักรบถุงป๊อบคอร์นเปิดฉายหูดับตับไหม้แล้วทั่วประเทศ


5 ก.พ.57 ประกาศ..หนังนักรบถุงป๊อบคอร์นเปิดฉายหูดับตับไหม้แล้วทั่วประเทศ

จากคราวที่แล้วที่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ “นักรบถุงป๊อบคอร์น“ ต่อกรกับกองโจรจนอัลธพาลของรัฐอั้งยี่แดงแบบถึงพริกถึงขิง ตามยุทธการ “ พยัคฆ์หักเขี้ยวหมาขี้เรื้อน “ ที่หลักสี่จนแตกพ่าย เตลิดเปิดเปิงหางจุกตูดเจ็บกันไประนาว นั้น ผลของการฉายรอบปฐมทัศน์ครานั้น ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากแฟนคลับ มิตรรัก แฟนเพลง อย่างล้นหลาม กลายเป็นนักรบ “ ในดวงใจมวลมหาประชาชน” เพียงข้ามคืน

เกิดพลังรุนแรง ฉกาจฉกรรจ์ ทรงฤทธา สร้างผลสะเทือนไปทั้งธรณี ต่อฐานกำลังชั่วช้าของรัฐแดงจนระส่ำระสาย ควบคุมไม่ได้อย่างหนัก ตอนนี้คือ

1. ขวัญควาย อัมพฤกซ้ายครึ่งซีก ตาเหลือกหนีตายเฉพาะหน้า หวั่นกลิ่นคาวเลือดจาก “เม็ดข้าวโพดกู้ชาติ” ชักดาบค่ารักษาโรงพยาบาลอุดร ราว 4 แสน โดยใช้คอปเตอร์ชายชุดดำฝ่ายชั่ว รีบบินไปรับมารักษาที่ รพ.พระรามฯ ของชายดูไบ ใช้ชื่อปลอมว่าสมศักดิ์ อยู่ห้องลงท้ายหมายเลข 06..เสี่ยงมาให้นายดูไบฆ่าตัดตอนทิ้งแบบนิ่มๆ ง่ายๆ..หนีพยัคฆ์มาให้หมาขี้เรื้อนลอบฆ่าเอาดื้อๆ
2. โกตี๋ ที่เคยป่วยด้วยโรคใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก ทางซีกซ้าย และยังปากเบี้ยว ปวดหัวอย่างรุนแรง ตาปิดไม่สนิท น้ำตาไหลตลอดเวลา เคยพูดบนเวทีปราศรัยก่อนเลือกตั้งว่า ตอนนี้ปูเน่าโดดเดี่ยวมากๆ โดนบิ๊กสีเขียว ผู้ชายอกสามศอก “ชี้หน้าด่ากลางที่ประชุม” และในวันเลือกตั้งให้มวลชนควายแดง เตรียมปากกา บัตรประชาชน อาก้า และ .38 เหน็บเอวไปคูหาด้วย , แถมประกาศอีกว่างานนี้หลวงปู่พุทธอิสระต้องจีวรปลิวแน่..แต่ผลกรรมกลับต้องหนีตายหางจุกตูดร้องเอ๋ง ๆ ออกต่างประเทศ...และเตรียมบินหนีไปอเมริกา
3. เลิศ ที่เคยนำนักรบพระองค์ดำ ปะทะกับนักศึกษารามฯ ปลายปี 56 เจอการตลาดเชิงรุก จัดชุดให้บริการส่งข้าวโพดถึงหัวกระไดบ้าน จากกรุงเทพฯ ต้องหนีตายไปเข้าป่าเขาค้อ นัยว่าจะไปหาหลุมดำพรางกาย , แกนนำ นปช.เมืองสองแควอีกคน ประกาศก้องไม่เอาอีกแล้วกับบริษัทเผาไทย เข็ดจนตาย , นักเลงแดงสวะที่ไปขู่แกนนำชาวนาไม่ให้ประท้วงไม่งั้นจะทำร้ายลูกเมีย ตอนนี้ไม่รู้เป็นอะไร เกิดอาการพิการฉับพลันทันด่วน
4. ยิ้ม แดง รีบบินไปหากาแฟกินเมื่อเช้า 5 ก.พ.โดยเจ้าจำปีนั่งติดปีกเครื่อง ออกไปเมืองปากเซ แขวงจำปาสัก ลาว และมุ่งหน้าไปดูน้ำตกในป่าพงอันรกชัด
5. ตั้ง นรกกินกบาลหมิ่นพ่อ เดิมเคยหนีไปให้แก๊งค์แดงคุ้มกบาลที่เชียงใหม่ เดินเที่ยวสวนสัตว์ และยังออกมารณรงค์จุดเทียน เจอผลิตภัณฑ์สินค้า “ ฝักข้าวโพด TNT “ เข้าไป...เตรียมหนีตายไปอเมริกา
6. แก๊งค์ทวงหนี้นอกระบบ “สู้แล้วรวย” ปั่นป่วนหนัก กลัวประชาธิปไตยครบมือ ถึงกลับประกาศยุบเวทีปราศรัยหลอกควายแดงให้มากินหญ้าไปแล้ว 3 รอบ พยายามเก็บปากไว้กินข้าวสวย เลี่ยงการกินข้าวต้ม และทำท่าจะเปลี่ยนแนวทางการต่อสู้แนวใหม่เป็น “รวยแล้วเลิก” แทน

และแก๊งค์แดงยังบังอาจแอบอ้างเบื้องสูง หลอกหลวงพวกเดียวกันเองว่า แต่งตั้งปลัดกระทรวงฯ เป็นจอมพลมีอำนาจสั่งการตรงชาย 3 สี ( เขียว ขาว ฟ้า ) ได้ ถึงกับทำสิ่งเทียมเอกสารราชการว่า ส่งหน่วยมหาดเล็กรักษาฟ้ามาอารักขาปูเน่า หรือแอบอ้างว่าหน่วยที่มาที่สำนักปลัดชาย 3 สี เป็นหน่วยรักษาฟ้าทั้งหมด !!

กลับถูกราชเลขานุการฟ้าบอกสั้นๆ ว่าเอกสารที่เผยแพร่นั้น “ เป็นเอกสารปลอม “ ส่งผลทำให้ปลัดกระทรวงชาย 3 สี ถึงกลับหน้าถอดสี ลมใส่เครียดกินขมับ รีบแถลงตาเหลือกว่าเป็นเอกสารปลอมเช่นกัน...ปั่นป่วน หันหน้า มองตากันเลิกหลั่ก กันไปทั่วทั้งบาง

พวกแก๊งค์อั้งยี่รัฐแดงนี่มันมีความสามารถสูง ทำได้ทุกอย่างแต่ “ยกเว้นความดี" ล่าสุดเป็ดเหลิม เอาอีก!! คิดแผนแสนโง่แบบไม่ปรึกษาโลก สร้างภาพมายาลวงตาหวังหลอกชาย 3 สี หลอกพวกเดียวกันเอง และหลอกประชาชน ว่าเข้มแข็งหนักหนา ต้องใช้กำลังชายชุดดำปราบและจัดการแกนนำให้แดดิ้น สลายการชุมนุมของมวลมหาประชาชนให้ราบคาบ

แต่เป็ดเหลิมผู้ได้ฉายาว่า “ เป็นลูกน้องใคร หัวหน้าตายหมด “ สมองมันเหลือน้อย เพราะสมองส่วนใหญ่เส้นเลือดตีบตันไปหมดแล้ว มันลืมคิดไปว่า

1. คุกแบริเออร์ภายในศูนย์รวมสัตว์ (ศรส.) ที่ขังชายชุดดำไว้ราว 1 หมื่นคนตอนนี้ สภาพการกินอยู่ของชายชุดดำต้องอยู่กันอย่างยากลำบากแร้นแค้น นอนในเต้นท์เหมือนสวนจตุจักร โดนอมเบี้ยเลี้ยง เสบียงกรังขัดสน กินกันแต่มาม่ามานานแล้ว ที่ขี้ เหยี่ยว ตด ก็ไม่เพียงพอ..สวนเป็ดเหลิม อับดุล และนาย สั่งแต่อาหารแพง ๆ มากินกันเต็มโต๊ะ..
2. ชายชุดดำส่วนใหญ่ในนั้นเริ่มเห็นการแบ่งแยกบ่าว ไพร่ อย่างชัดเจน ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็มีศักดิ์ศรีเช่นกัน แต่ถูกเป็ดเหลิมและนายเหยียดหยามเกียรติกันถึงเพียงนี้ จึงบ่มเพาะความเกลียดชังเป็ดเหลิมและนายทวีคูณขึ้นทุกวัน..ชายชุดดำฝ่ายดีจึงวางแผนกันว่า จะต้องหาจังหวะเหมาะยิงหัวเหลิมให้ได้
3. การเอารัดเอาเปรียบจากนาย เห็นชีวิตลูกน้องไร้ค่า จัดซื้อรถมอเตอร์ไซต์หุ้มเกราะที่เอาไปใช้ในพื้นที่เสี่ยงราคาแพงถึงคันละ 400,000 บาท แต่สภาพไม่ต่างอะไรกับรถเวสป้าของบังขายผ้า ป้องกันอะไรไม่ได้เลย ไอ้จุกยิงหนังสติกใส่ยังหัวแตกยับ ชายชุดดำผู้ปฏิบัติจึงรอวันแก้แค้นนายบ้าง
4. การแตกแยกกันยับเยินระหว่างชายชุดดำฝ่ายธรรมะ กับฝ่ายอธรรม แทงข้างหลังกันอย่างหนักจากผลการประกาศแต่งตั้งตำแหน่งต่างล่าสุด มีใส้ศึกคายความลับภายในรั่วออกมาทุกวินาที
5. ไม่มีใครจงรักภักดีกับรัฐแดงปูเน่าอีกต่อไปแล้ว เพราะรู้ว่าต้องหลุดจากตำแหน่งในไม่กี่วันข้างหน้านี้ จากผลของ
- กรรมโกงที่ทำไว้อย่างแสนสาหัสกับชาวนาที่ ปปช.จะตัดสินชี้มูลความผิด
- ต้องสิ้นสถานะนายกเทียมไปโดยอัตโนมัติ จากผลของรัฐธรรมนูญที่ตั้งรัฐบาลไม่ได้ภายใน 30 วันหลังจากเลือกตั้ง 2 ก.พ.57
- กกต.ยกเลิกการเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 23 ก.พ.แล้ว
- จีนได้กลิ่นก่อนคนไทย จึงยกเลิกการข้อตกลงซื้อข้าว 1.2 ล้านตัน และ ยกเลิกขายแท๊ปแล็ตพีซี 8 แสนเครื่องให้ไทย..ระดับจีนจมูกเป็นเลิศเรื่องนี้
- สหรัฐ แถลงล่าสุดเปลี่ยนสีกลับลำกระทัน..กลิ่นปูเน่ามันแรงฉุนจนสหรัฐรู้ทางลม
6. บิ๊กชายสีเขียวชี้หน้าด่าปูเน่าในที่ประชุมจนหน้าเหวอเป็นหมาแดกแฟ๊บมาแล้ว ขืนเป็ดเหลิมสั่งสลายการชุมนุม หรือจู่โจมจับแกนนำ มันจะเปลี่ยนกรุงเทพฯ จากเมืองแห่งรอยยิ้มให้กลายเป็น “ เมืองหลวงแห่งสงคราม “ ดั่ง กรุงเบรุต เลบานอน , กรุงโมกาดิชู โซมาเลีย หรือแบกแดด ของอิรัก แน่ๆ ซึ่งชาย 3 สีเขายอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ ดังนั้นการจัดงานวันวาเลนไทน์ด้วยรถตีนตะขาบ ปืนใหญ่ รถถัง รถหุ้มเกราะ และกำลังพลหลายสิบกองพันที่กัดกรามกรอด ๆ มานานแล้ว จึงอาจต้องเร่งเวลาให้เร็วขึ้น เป็ดเหลิม อับดุล ย้อย แจ๊ด คงต้องไปตามหาไอ้ปึ๊ดที่เขมรแน่ ๆ
7. นักรบปราบมารฉายา “นักรบถุงป๊อบคอร์น“ เตรียมพร้อมอย่างสูงสุดที่จะใช้การรบนอกรูปแบบชนิดต่อตา ฟันต่อฟัน ต่อสู้ปกป้องประชาชนผู้ชุมนุมจากชายชุดดำ และนักเลงโจรแดงอันธพาลที่จะบุกเข้ามา เพราะภายในถุงป๊อบคอร์นนี้บรรจุด้วยความรักและความภักดี มีป๊อบคอร์นสารพัดรส เช่น ThomsonM1A1, M1 carbine, Tavor, M16 ฯลฯ และ “ ฝักข้าวโพดต้ม “ อีกนับไม่ถ้วน พร้อมจะสวนให้ผู้บุรุกอิ่มท้องใส้เหวอะหวะกันทั่วถึง

หมามันยังรู้คุณคน แต่ไอ้แก๊งค์อันธพาลเทียมคนไม่รู้คุณแผ่นดิน มันทนไม่ไหวแล้ว ถ้าบุกเข้ามามันต้องเจอป๊อปคอร์นรสพิเศษเหล่านี้ แถมเสริฟกาแฟรวมมิตรรสรถพิสดาร ที่หากินได้ที่เดียวคือที่เมืองไทย เจอประเคนความยุติธรรมหูดับตับไหม้ทั่วถึงเต็มทั้งร่าง กรอบมันถึงใจ จนถึงลมหายใจเฮือกสุดท้ายแน่ๆ !! “นักรบถุงป๊อบคอร์น“ จะช่วยปกป้องคุ้มครอง ชาติ ราชบัลลังค์ และประชาชนของพ่อ ที่เป็นผู้หญิง คนแก่ เด็ก ให้ปลอดภัยเอง

เมื่อไรที่ปากถุงป๊อบคอร์นเปิด..เหล่าคนพาลจะถูกทำลายมลายสิ้น..ร่างคนพาลจะไม่ได้ใส่แม้โลง แต่จะใช้แค่ “ ถุงปุ๋ย “ แทน

@เสธ น้ำเงิน
https://www.facebook.com/topsecretthai

สาธิต ปิตุเตชะ:ถึง เกษียร เตชะพีระ : ตลกนักวิชาการ

ถึง เกษียร เตชะพีระ : ตลกนักวิชาการ

หัวใจของประชาธิปไตย : คือสิทธิของทุกคนเท่ากัน อำนาจ คือ ความชอบธรรมและความถูกต้องภายใต้กฏหมายกติกา บ้านเมือง

ตัวเลข 20 ล้านคนที่มาเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ คือ สิทธิโดยชอบที่เขาตัดสินใจมาเลือกตั้ง ที่เขามาเลือกตั้งได้ 20 ล้านคน เกิดจากไม่มีการขัดขวางจากใครใดๆทั้งสิ้น

เหตุผลต่างๆของคนต่างๆที่ออกมาเลือกตั้งเหล่านั้น “อยู่ยงคงกระพัน” ตราบใดที่การเลือกตั้งโดยรวมเป็นไปตามกฏหมายและกฏกติกาของบ้านเมือง ไม่มีใครไปทำลายเหตุผลหรือความชอบหรือความเกลียดในการใช้สิทธิได้ เพราะมันจะยังคงอยู่กับเขาเหล่านั้นหรือถ้ามันจะเปลี่ยนมันก็เป็นสิทธิของเขา แต่หากการจัดการเลือกตั้ง ให้กับคน 20 ล้านคน มีความไม่เสมอภาคเท่าเทียม ไม่สุจริตเที่ยงธรรมกับคนอีกจำนวนหนึ่ง คุณเกษียรยังผูกขาดความถูกต้องไว้กับตัวเองหรือ

ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นศาลมีอำนาจหน้าที่ตัดสินคดีตามกฏหมายที่ให้อำนาจไว้ ไม่ได้บ้าจี้ หรือไม่ได้ตลก คนที่ตลกคือคนที่ไม่ยอมรับศาล คิดเห็นแต่ความเห็นของตนเองเป็นใหญ่ ที่สำคัญศาลพิจารณาตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎและข้อกฏหมายที่มีอยู่ ไม่มีใครไปปรักปรำว่าคนไทย 20 ล้านที่ไปใช้สิทธิทำผิด อย่ามาบิดเบือน แต่ที่ผิดเพราะรัฐบาลที่พวกคุณเกษียร เตชะพีระ ถวายหัวรับใช้ ดึงดันที่จะจัดเลือกตั้งทั้งๆที่มีสภาพปัญหามากมาย เพียงเพื่อสนองความต้องการอยู่ในอำนาจ และได้มาซึ่งอำนาจโดยมิชอบ

แต่ที่แปลกก็คือนักวิชาการทั่วไปเขาต้องแยกดี แยกชั่ว ได้ วิพากษ์วิจารณ์ ในทุกมิติของทุกฝ่าย แต่นักวิชาการอย่างคุณเกษียร เตชะพีระ ทำตัวเป็นองครักษ์ปกป้องรัฐบาลของพรรคนี้ตลอดเวลา ไม่เคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมชองพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลพรรคนี้ เช่น พฤติกรรมโกง ออกกฏหมายล้างผิด เสียบบัตรแทนกัน หรือโกงชาวนา ที่นักวิชาการที่ดีไม่ว่าฝ่ายไหน เขาก็บอกว่าเป็นนโยบายที่เลว และทำให้ประเทศเสียหาย

นักวิชาการที่ดี ต้องมีคุณสมบัติที่ซื่อสัตย์ ต่อหน้าที่ ต่อตัวเอง และบ้านเมือง ไม่มีพฤติกรรมบิดเบือนใส่ร้ายผู้อื่น แต่คุณเกษียร เตชะพีระ มีพฤติกรรมตรงข้าม อ้างตัวเองเป็นตัวแทนของ 17 ล้านเสียง ที่เขาไม่ได้แต่งตั้ง ขโมย 3 ล้านเสียงที่เขาโหวตโน เพราะเขาต่อต้านการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ แต่ไปใช้สิทธิเพื่อรักษาสิทธิ มาเป็นพวกด้วย กล่าวใส่ร้าย “มวลมหาประชาชน” ว่าใช้อาวุธสงครามทั้งๆที่คนใช้อาวุธ คือ ฝ่ายอื่นที่กระทำต่อประชาชน ใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ ว่าเป็นพรรคขี้แพ้ เพียงเพราะไปใช้สิทธิตามหลักรัฐธรรมนูญในการไปยื่นฟ้องต่อศาลให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ทั้งๆที่ควรจะเคารพการใช้สิทธินั้นตามหลักกฏหมาย

ไม่มีใครต่อว่าประชาชนที่ไปใช้สิทธิ ไม่ว่าจะกี่คน แต่ทุกคนควรเคารพหลักกฏหมายที่ให้อำนาจแต่ละฝ่ายทำหน้าที่ และเคารพซึ่งกันละกัน

นักวิชาการที่มีพฤติกรรมที่ว่ามา เป็นเพียงนักวิชาการชั่ว ฝักใฝ่ผลประโยชน์ เป็นโมฆะนักวิชาการ เป็นตลกวิชาการ


′ธนินท์ เจียรวนนท์′ เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ วังไกลกังวล

′ธนินท์ เจียรวนนท์′ เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ วังไกลกังวล

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1391606044&grpid=02&catid=&subcatid=


(คลิป)องคมนตรี“พลากร สุวรรณรัฐ” ปลุกลูกวชิราวุธยืนข้างสถาบัน หยุดเกี่ยวพันพวกจาบจ้วง







“พลากร สุวรรณรัฐ” ปลุกลูกวชิราวุธยืนข้างสถาบัน หยุดเกี่ยวพันพวกจาบจ้วง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 กุมภาพันธ์ 2557 16:26 น.  



พบวิดีโอคลิปองคมนตรีกล่าวในงานคืนสู่เหย้าชาวโอวี วชิราวุธวิทยาลัย เผย 3-4 ปีที่ผ่านมาบ้านเมืองไม่ปกติ ชี้ตกเป็นส่วนหนึ่งของพวกจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบัน ลั่นถึงเวลาลูกวชิราวุธเป็นกลาง



ไม่ได้แล้ว ต้องยืนข้างสถาบัน ชี้ไม่ใช่เรื่องสีเสื้อ เป็นเรื่องชาติบ้านเมือง      

     

       วันนี้ (5 ก.พ.) ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้มีการส่งต่อวิดีโอคลิป “Vajiravudh Home Coming Day 2012” เป็นคำกล่าวของนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ในฐานะนักเรียนเก่าวชิราวุธ



วิทยาลัย รุ่น 39 ในงานคืนสู่เหย้าชาวโอวี เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2556 ที่ผ่านมา ณ โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย

     

       โดยนายพลากรกล่าวว่า 3-4 ปีมานี้บ้านเมืองของเราดูจะไม่ค่อยปกติสุข ตนคิดว่าลูกวชิราวุธเลือกจะเป็นกลางไม่ได้แล้ว ใครบอกว่าท่ามกลางเหตุการณ์บ้านเมืองอย่างนี้ ขอเป็นกลาง ตนคิดว่า



เป็นกลางไม่ได้ ลูกวชิราวุธต้องเลือกข้างสถาบันเท่านั้น ระหว่างความถูกกับความผิด เราเลือกกลางๆ ไม่ได้ เราต้องเลือกความถูกต้อง และตนเชื่อว่าลูกวชิราวุธนั้นมีวิจารณญาณมากพอที่จะ



ไตร่ตรองประมวลข้อมูลว่า อะไรถูก อะไรผิด ใครถูก ใครผิด

     

       ฉะนั้นการคบหา การสนับสนุน เป็นเรื่องสำคัญที่เราควรจะต้องดูว่า ขณะนี้เราตกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้จาบจ้วง ล่วงละเมิดสถาบันอันเป็นที่เคารพรักขอคนไทยหรือไม่



เราตกเป็นลูกน้องของกลุ่มคนที่เราคิดว่าเขามีบุญคุณกับเรา เขามีอำนาจวาสนา เขามีเงินทอง เขามียศถาบรรดาศักดิ์ที่จะบันดาลให้เราได้หรือไม่ เราจึงยอมตกเป็นลูกน้องเขา

     

       “ผมคิดว่าลูกวชิราวุธไม่เคยก้มหัวให้สิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่เคยก้มหัวให้อำนาจอธรรม ผมคิดว่าลูกวชิราวุธนั้นถืออยู่เสมอว่าใครมีอำนาจ ใช้อำนาจไม่เป็นธรรม มารังแกสังคม ชุมชนของเรา เราจะ



พูดคำเดียวว่า เป็นไงเป็นกัน” นายพลากรกล่าว

     

       นายพลากรกล่าวว่า เหตุที่ต้องใช้เวลาตรงนี้มาพูด เพราะสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันที่ผ่านมา 3-4 ปี และอาจจะเป็นไปอย่างนี้อีกหลายสิบปี ถ้าลูกวชิราวุธไม่เป็นหลักในการออกมา



ประกาศตัวว่า ไม่มีความเป็นกลาง เราเลือกข้างสถาบัน ก็จะไม่มีใครกล้า ฉะนั้นตนขอฝากตรงนี้ให้ได้ไตร่ตรองดูว่า เราควรจะยืนอยู่ตรงไหน เราควรจะทำอย่างไร อาชีพอะไรที่เราไปเกี่ยวพันกับ



คนที่ได้ชื่อว่าจาบจ้วง ริดรอน ลบหลู่สถาบันอันเป็นที่เคารพรักของเราแล้วไซร้ เรายอมไม่ได้

     

       “ตรงนี้ไม่ต้องการแบ่งข้าง แบ่งสี แบ่งพรรค แบ่งพวก เพราะไม่ใช่เรื่องการเมือง นี่เป็นเรื่องชาติบ้านเมือง ผมเองพูดเรื่องการเมืองไม่ได้ ผิดกฎมณเทียรบาล ผมขอพูดเรื่องชาติบ้านเมือง ฉะนั้น



คิดว่าขอฝากให้พวกเรามีมโนสำนึกว่า เราคือใคร เรามาจากไหน โรงเรียนนี้สอนอะไรเรา ความกตัญญูรู้คุณเป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวดสำหรับลูกวชิราวุธ ขอฝากไว้เท่านี้” นายพลากรกล่าว

     

หลวงปู่พุทธอิสระ ไม่ห่วงคดี ที่ถูกออกหมายขัดขวางการเลือกตั้ง


18.45 น.เวทีแจ้งวัฒนะ
หลวงปู่พุทธอิสระ เสวนาธรรม

บอกเล่า เรื่องราวการเจรจากับส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อหาข้อยุติ ในเรืองของเส้นทางจราจร เพื่รองรับการกลับเข้ามาทำงานของส่วนราชการต่าง ๆ ซึ่งได้เริ่มกลับเข้าสู่การทำงานแล้วเช่นกระทรวงยุติธรรมเป็นต้น หลวงปู่ฯยังได้กล่าวถึงการเจรจากับท่านรองปลัดกระทนวงการต่างประเทศ และ อธิบดีกรมการกงศุล ในแนวทางการเจรจาเพื่อขอให้ จนท.ในส่วนของการจัดทำหนังสือเดินทางได้กลับเข้าสู่กระบวนการทำงาน ปกติ ซึ่งในส่วนของข้อตกลงและพันธสัญญาหลวงปู่ฯ ขอให้กรมการกงศุลรับรองว่า ต้องรับรองความปลอดภัยของผู้ชุมนุมและได้ขอให้ จนท.ทหาร จาก ร 11 รอ. เข้าไปเป็นสักขีพยานและวางมาตรการในการรักษาความปลอดภัยให่แก่ผู้ร่วมชุมนุมจนเป็นที่แน่ใจแล้วได้แจ้งให้หลวงปุ่ฯรับทราบจนได้ข้อสรุปว่ากรมการกงศุลจะได้กลับเข้ามาทำงานตามปกติ ในช่วงบ่าย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร 1 ในคณะกรรมการการเลือกตั้งเข้าพบเจรจาหารือถึงแนวทางการปฏิรูปแนวทางการเลือกตั้ง

ซี่งหลวงปู่ฯได้ให้ข้อเสนอแนะไปว่า กฏหมายการเลือกตั้งของเมืองไทยควรมีการ เริ่มต้นหาทางออกร่วมกันจากทุก ๆ ฝ่าย ให้ได้ข้อสรุปอันเป้นที่พึงพอใจ
ในองค์รวมไม่ใช่เพื่อเผ่าใด เผ่าหนึ่ง เผ่าคุณก็พอใจ เผ่าฉันก๊ยินดี ทีจะหาทางออกร่วมกัน ซึ่งนายสมชัย ได้รับฟังและพร้อมที่จะนำแนวทางดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปกฏหมายเลือกตั้งโดยฟังเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนทุกภาคส่วนเข้าสู่กระบวนการในทางปฏิบัตืต่อไป

หลังจากนั้นรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะขอเข้าพบเพื่อเจรจาแต่หลวงปู่ได้ขอเลื่อนการเข้าพบออกไปด้วยเหตุผล ว่า " คิวไม่ว่าง" เป็นอันจบข่าวไปก่อนสำหรับ DSI จากนั้นหใวงปู่ฯ ได้กล่าวถึงเรื่องราว ที่แยกหลักสี่ จากบทความของนักข่าวอิสระ ชาวอเมริกัน ชื่อดังที่เรารู้จักกันดี ในโลกโซเชียลฯ หลายท่านคงจะผ่านตากันบ้างแล้ว และ ปิดท้ายด้วยบทความที่หลวงปู่เขียนขึ้นเองจากเหตุการณ์นี้ ซึ่งมีคำถามที่เราทุกคน ก็ ต้องการคำตอบเช่นกัน จากสื่อ "หอเอน" ทั้งหลายว่าใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ จากเหตุการณ์นี้ ใครกันแน่ที่เป้นคนเริ่มต้นความรุนแรง พอฝ่ายตัวเองโดนกระทำเข้าบ้างซึ่งเราเองก็ยังไม่รู้ว่าคนทำคือใคร(แต่ก็อยากตะขอบคุณ)
ในลักษณะของการปกป้องตัวเองบ้าง ทำไมจ้องจะยัดข้อหาให้เราอย่างเดียว ชีวิตพวกเราไม่มีคุณค่าหรือ เราเป็นแค่มดแค่ปลวกที่คุณคิดจะเหยียบย่ำ จะบี้ให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้หรือ เราไม่มีสิทธิ์ดิ้นรนรักษาชีวืตของพวกเราเลยหรือ กี่ชีวิตแล้วที่พวกเราต้องสูญเสียไปเราเคยได้ถวงถามความเป็นธรรมจากใครได้บ้าง...นี่คือใจความคร่าว ๆ จากบทความของหลวงปู่พุทธอิสระ 

หลวงปู่ยังได้กล่าวถึงกรณีหมายจับในกรณีขัดขวางการเลือกตั้งที่จะมีการแถลงจากศาลอาญาในวันพรุ่งนี้(บ่าย)ว่าลูกหลานไม่ต้องเป็นห่วงหลวงปู่มีแนวทางคลี่คลายได้ "หลวงปู่ไม่ได้กินหญ้า"
สาธุ...ครับหลวงปู่ฯ


หลังเปิดสะพานพระราม 8 เจ้าหน้าที่เตรียมแผนรับรถจากฝั่งธนบุรีในเช้าวันพรุ่งนี้

5/2/57:20.40 น. หลังเปิดสะพานพระราม 8 เจ้าหน้าที่เตรียมแผนรับรถจากฝั่งธนบุรีในเช้าวันพรุ่งนี้

เมื่อช่วง 19.00น.ที่ผ่านมา(5กพ.)เจ้าหน้าที่กองบังคับการตำรวจจราจรได้สำรวจความเรียบร้อยบนสะพานพระราม 8 ทั้งสองฝั่ง หลังกลุ่มผู้ชุมนุมขึ้นไปปักปิดการจราจรอยู่นาน ล่าสุดทางผู้ชุมนุมได้ยอมเปิดทางพร้อมดำเนินการรื้อ ถอนสิ่งกีดขวางต่างๆ บนสะพานออกจนหมด พร้อมกันนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้พิจารณาเปิดการจราจรบนสะพานพระราม 8 ให้รถสัญจรผ่านขึ้น-ลงได้แต่ยังเป็นการเิปิดสะพานที่ยังไม่สมบูรณ์ดี เนื่องจากว่าที่บริเวณแยกจปร.ยังมีสิ่งกีดขวางหลงเหลืออยู่

เพราะฉะนั้นรถที่วิ่งมาจากฝั่งธนบุรีข้ามสะพานพระราม8 จะต้องเลี้ยวซ้ายลงแยกวิสุทธิกษัตริย์วิ่งไปทางแยกวังแดงเท่านั้น จะตรงลงไปทางสี่แยกจปร.ยังไม่ได้ ซึ่งปัญหานี้เจ้าหน้าที่ได้เตรียมทำป้ายปชส.มาวางปิดเพื่อปชส.ให้ผู้ใช้รถได้รับทราบป้องกันความเข้าใจสับสน

ทิศทางกลับกัน รถที่วิ่งลงมาด่วนยมราช เมื่อถึงแยกหลานหลวงแล้วจะวิ่งผ่านจปร.ไปขึ้นสะพานพระราม8 ก็ยังไม่ได้เช่นกัน เพราะที่แยกจปร.ยังมีสิ่งกีดขวางอยู่

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเช้าวันพรุ่งนี้น่าจะมีรถจำนวนไม่น้อยมาข้ามสะพาน พระราม 8 เยอะมากขึ้นแน่นอน ซึ่งจนท.ได้เตรียมแผนรองรับเอาไว้แล้ว

"อภิสิทธิ์" ตอบคำถาม" บลูมเบิร์กทีวี"

 ดุเด็ดเผ็ดมัน ! "อภิสิทธิ์" ตอบคำถาม" บลูมเบิร์กทีวี"

(บางช่วงบางตอน ของบทสัมภาษณ์)

เมื่อวันที่ 3 ทางรายการ On the Move ของสถานีโทรทัศน์ Bloomberg Television ได้สัมภาษณ์คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับปัญหาความตึงเครียดเกี่ยวกับการเมืองการเลือกตั้งของไทย ซึ่งผู้ดำเนินรายการ คุณฮัสลินด้า อามิน ได้ตั้งคำถามอย่างดุดันคุณอามิน เริ่มต้นคำถามด้วยบการถามอดีตนายกรัฐมนตรีว่าไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือไม่

คุณอภิสิทธิ์บอกว่าไม่ไป เพราะมองว่า การเลือกตั้งขัดกับหลักรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้งก็ยอมรับว่า ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งแบบที่อิสระและเป็นธรรมได้ หลังเลือกตั้งก็เปิดสภาไม่ได้ และทางพรรคก็ยืนยันมาระยะหนึ่งแล้วว่าทางที่ดี น่าจะเลื่อนออกไปก่อน

ผู้ดำเนินการถามว่าทำไมพรรคประชาธิปัตย์จึงไม่ดำเนินตามกระบวนการประชาธิปไตยทั้งหมด คุณอภิสิทธิ์บอกว่า การเลือกตั้งแบบอิสระและเป็นธรรมสำคัญมากสำหรับประชาธิปไตย

พิธีกรบอกว่า นายกรัฐมนตรี ก็กล่าวเช่นนี้เช่นกัน คุณอภิสิทธิ์บอกว่า ถ้าเช่นนั้นทำไมรัฐบาลจึงไม่ฟังเสียงผู้สมัคร หรือ กกต. แต่รัฐบาลไม่รับฟัง ถึงขั้นมีการนำเรื่องนี้ขึ้นศาล ศาลก็บอกว่านายกฯมีอำนาจที่จะเลื่อนการเลือกตั้งได้ เราไม่เคยพูดว่าไม่เอาการเลือกตั้ง แต่แค่บอกว่าต้องเป็นการเลือกตั้งที่อิสระและเป็นธรรม

คุณอามินบอกว่า ทำไมคุณถึงโต้แย้งรัฐธรรมนูญ ทั้งๆในสมัยที่เป็นนายกฯ ก็ยังปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ทำไมตอนนั้นรัฐธรรมนูญถึงดีพอสำหรับรัฐบาลของคุณ แต่ไม่ดีพอสำหรับรัฐบาลปัจจุบัน

คุณอภิสิทธิ์บอกว่า เราไม่เคยไปโต้แย้งรัฐธรรมนูญ ไม่เหมือนกับนายกรัฐมนตรี ที่ปฏิเสธที่จะยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ตัวเธอก็บอกเองว่าไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ และจะเอาอำนาจคืนมาจากรัฐธรรมนูญ เราเองยอมรับรัฐธรรมนูญ เราเคารพกฏหมาย เคารพการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เราทำตามกฎหมาย

เธอถามต่อว่า แล้วทำไมรัฐบาลจะต้องลาออก ในเมื่อรัฐบาลมีคะแนนเสียงมากถึง 16 ล้านเสียง พูดง่าย ๆ คือ ได้รับเลือกตั้งจากประชาชน ?

อภิสิทธิ์ตอบว่า พวกเขาได้คะแนนอย่างนั้นจริง และบริหารประเทศมานาน 2 ปี แต่พวกเขาก็ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน เมื่อมีความพยายามที่จะผลักดันพรบ.นิรโทษกรรม ทั้ง ๆ ที่นโยบายก็เคยบอกไว้ว่าจะไม่ทำเช่นนั้น จึงทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงใหญ่โต

และพวกเขาก็อ้างว่าตอนนี้เป็นรัฐบาลรักษาการ และรัฐบาลรักษาการก็ไม่สามารถนำนโยบายมาใช้ได้ ดังนั้น เมื่อประชาชนเรียกร้องให้มีใครสักคนที่พวกเขาจะไว้ใจได้ขึ้นมาบริหารในช่วงที่จะต้องมีการปฏิรูปประเทศ แล้วทำไมรัฐบาลถึงไม่ยอมที่จะเสียสละในสิ่งนี้ อันจะเป็นการทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้

คุณอามิน ถามคุณอภิสิทธิ์ถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ ว่าทำไมต้องหนุนหลังการประท้วงที่นำโดยคุณสุเทพ เทือกสุบรรณด้วย

คุณอภิสิทธิ์ ตอบว่า ประชาชนที่ประท้วงอยู่บนท้องถนนออกมาตามความสมัครใจของพวกเขา คุณสุเทพ และแกนนำ ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะต้องการเคลื่อนไหวอย่างอิสระ พวกเราไม่ต้องการที่จะอยู่ภายใต้การปกครองของทักษิณ ดังนั้น มันถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องมีการปฏิรูป ที่ไม่ใช่เพียงการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม แต่กระบวนการเลือกตั้ง จะต้องไม่ถูกครอบงำโดยทักษิณ หรือยิ่งลักษณ์ ...

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า เขาเองก็ไม่ได้เห็นด้วยกับนโยบายของ กปปส. ทั้งหมด แต่ระบุว่า เขาเข้าใจถึงอารมณ์โกรธ และความต้องการของประชาชน ต่อประเด็นการคอร์รัปชั่น ที่เกิดขึ้นมานานหลายปี ที่จะต้องยุติลงเสียที พร้อมจะต้องนำพาประเทศออกจากวงจรแห่งความขัดแย้งนี้ เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจถูกทำร้ายไปมากกว่านี้


ที่มา จากเพจ เกาะติดชาวสวนยาง:  https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=686659034719175&id=598673630184383&substory_index=0
------------------------------------

‪#‎OK‬ Nation ( 5 กุมภาพันธ์ 2557)


อัลกออิดะห์โพสต์ขู่ฆ่า "พ.ต.ท.ทักษิณ" ฉุนฆ่ากรือเซะ "พล.ท.ภราดร" ยันมีมูลเร่งสอบ

19.45น.อัลกออิดะห์โพสต์ขู่ฆ่า "พ.ต.ท.ทักษิณ" ฉุนฆ่ากรือเซะ "พล.ท.ภราดร" ยันมีมูลเร่งสอบ #INN


CNN ฟ้องโลก! กองกำลังติดอาวุธการ์ด กปปส. ยิงอาวุธสงครามใส่ประชาชน คุกคามนักข่าว "อย่าถ่ายภาพ หากถ่ายจะทำลายกล้องทิ้ง"


เขียนโดย  Go6 TV 





คำให้การของโปรดิวเซอร์ CNN เหตุ 2 ก.พ.
เผยมือปืนใช้อาวุธสงครามระดมยิงผู้ชุมนุมฝ่ายสนับสนุนเลือกตั้ง

ทางเว็บไซต์ cnn.com ได้นำเอาคำบอกเล่าของ Kocha Olarn
ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ของ CNN international ประจำประเทศไทย
มาลงในเว็บไซต์ของ CNN โดยใช้ชื่อบทความว่า

"ติดอยู่กลางแนวปืน : คำให้การของโปรดิวเซอร์ CNN
เรื่องความรุนแรงในช่วงการเลือกตั้งของไทย"


ซึ่งมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

ตอนนั้นเป็นช่วงสายของวันเสาร์และจนถึงช่วงเวลานั้นก็ยังค่อนข้างสงบ
ความวิตกกังวลว่าจะเกิดการปะทะจนเลือดตกยางออก
ในช่วงกระบวนการเลือกตั้งของไทยยังไม่ได้ปรากฏเป็นจริงขึ้นมา ณ เวลานั้น

พวกเราจึงตัดสินใจเดินทางไปที่ชานเมืองของกรุงเทพในเขตที่เรียกว่าหลักสี่
ซึ่งข้าพเจ้าได้ยินว่ากลุ่ม
ผู้ชุมนุมสนับสนุนการเลือกตั้งกำลังเดินขบวนไปยังสำนักงานเขตหลักสี่
ซึ่งเก็บบัตรเลือกตั้งของเขตนั้นเอาไว้
และสำนักงานเขตดังกล่าวถูกปิดกั้นโดยกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านการเลือกตั้ง

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา กลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนการเลือกตั้งก็มาถึงใกล้สำนักงานเขต
แต่ก็เว้นระยะไว้หลายร้อยเมตรจากฝ่ายตรงข้าม
ในตอนนั้นอยู่ดีๆข้าพเจ้าเสียงปะทัดขว้างไปมา
แม้ข้าพเจ้าจะไม่สามารถจำแนกต้นเสียงได้ชัดเจนว่ามาจากทางใด

จากนั้น -- ก็มีเสียงปืนดังขึ้น

ข้าพเจ้าเห็นผู้ประท้วงฝ่ายสนับสนุนเลือกตั้งผงะและหมอบลงกับพื้น
หลังจากนั้นเสียงก็เงียบลงไปพักหนึ่ง
จากนั้นผู้ชุมนุมฝ่ายสนับสนุนเลือกตั้งก็รวมตัวกันใหม่
ข้าพเจ้าวิ่งเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น

ปรากฏว่ามีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่พื้น เขาถูกยิงที่หน้าอกแต่ยังพูดได้
การประท้วงที่ค่อนข้างจะสงบสันติได้เกิดความรุนแรงขึ้นเสียแล้ว
โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ซึ่งความรุนแรงนั้นก็ปรากฏเพิ่มขึ้นอีกในเวลาต่อมา

กลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนการเลือกตั้งเริ่มตะโกนด่าทอกลุ่ม
ผู้ชุมนุมฝ่ายคัดค้านการเลือกตั้งที่เพิ่งมาถึง
พร้อมกับรถบรรทุกเครื่องเสียงขนาดใหญ่ที่อีกฟากหนึ่งของสี่แยกหลักสี่
ผู้ชุมนุมฝ่ายสนับสนุนการเลือกตั้งคนหนึ่งบอกข้าพเจ้าว่ากระสุนมาจากอีกฟากหนึ่ง

ข้าพเจ้าคิดว่าควรจะถอนตัว
และไปรวมกลุ่มกับเพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้าที่เพิ่งข้ามถนนมา

ในตอนที่ข้าพเจ้ากำลังจะข้ามถนนนั้น ผู้ปราศัยบนรถบรรทุกบอกว่า
“โปรดซ่อนตัวอยู่ทางซ้ายของรถบรรทุกและเดินช้าๆ”

ข้าพเจ้าหลบไปอยู่ข้างหลังแท่งคอนกรีตรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส
และคิดว่าน่าจะวางกล้องบนแท่งคอนกรีต
เพื่อให้ได้ภาพแบบไม่สั่นไหวตอนที่รถบรรทุกเคลื่อนผ่านไป
แต่ตอนนั้นเอง
ชายสามคนสวมที่ปกปิดใบหน้าวิ่งมาทางข้าพเจ้า มาทางกล้องของข้าพเจ้า
พวกเขาเห็นข้าพเจ้าแน่ๆ

กลุ่มบุคคลเหล่านี้เคลื่อนเข้าถึงตำแหน่งที่ข้าพเจ้าอยู่
และมีแค่แท่งคอนกรีตเตี้ยๆกั้นระหว่างข้าพเจ้ากับกลุ่มบุคคลดังกล่าว
ทันใดนั้นพวกเขาก็เปิดฉากยิงไปทางกลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนการเลือกต้ัง
ชายคนหนึ่งถือถุงใบใหญ่สีเขียวมา ซึ่งดูเหมือนจะซ่อนปืนไรเฟิลไว้ข้างใน

ตอนนั้นข้าพเจ้านั่งตัวตรงอยู่
แต่ข้าพเจ้าทิ้งตัวลงกับพื้นทันที สิ่งเดียวที่คิดออกคือ
ต้องให้กล้องของขาพเจ้าบันทึกภาพต่อไป
เลนส์ของข้าพเจ้าจะจับภาพมือปืนได้หรือไม่หนอ?

ตอนที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่าได้ภาพเรียบร้อยแล้ว ความคิดต่อไปคือ
“เราควรจะออกจากที่นี่ดีหรือไม่? แต่ยังไงตอนนี้ก็ยังมีการยิงกันอยู่”

ข้าพเจ้าชะโงกศีรษะจากด้านหลังแท่งซีเมนต์และถามคนที่อยู่ข้างๆว่า
“ได้โปรดเถอะ! ฉันออกไปได้หรือยัง” 
ใบหน้าของเขาดูเหี้ยมเกรียมมาก เขาพูดว่า
“คุณนักข่าว อย่าถ่ายภาพนี้นะ ถ้าผมต้องทำลายกล้องของคุณก็อย่าโทษผมแล้วกัน”

ข้าพเจ้าจึงต้องเอากล้องลง
นอกจากตัวข้าพเจ้าเองแล้ว มีช่างภาพอีกอย่างน้อย 6 คน
ซึ่งติดอยู่กับมือปืนเหล่านี้อีกอย่างน้อย 40 นาทีหรือมากกว่านั้น

หลังจากนั้นข้าพเจ้าลองอีกครั้งหนึ่ง “ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่จะออกไปหรือยัง?”

เขาบอกว่าโอเค “ทำตัวให้ต่ำกว่าแนวกั้นและคลานไปนะ”

พวกเราจึงออกมา
ข้าพเจ้าออกมาคนแรก เราคลานตามถนนชิดกับแนวกั้นที่เป็นซีเมนต์ไปตลอด

ในขณะที่คลานอยู่นั้น
ข้าพเจ้าเห็นมือปืนอีก 2 คนถือปืนไรเฟิลอยู่โดยไม่ได้ปกปิดใบหน้า
พวกเขาก็ยิงไปทางกลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนการเลือกตั้งเช่นเดียวกัน

ท้ายที่สุดแล้วน่าจะใช้เวลาประมาณ 15 นาที
เพื่อข้ามไปรวมกลุ่มกับมิตรสหายของข้าพเจ้าที่อีกฝั่งถนนหนึ่ง
แต่ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเวลาช่างยาวนานเหมือนชั่วนิรันดร

แม้เหตุการณ์นี้จะเป็นเหตุการณ์เล็กๆในช่วงเวลาการประท้วงหลายเดือน
แต่ก็เป็นเครื่องเตือนใจและคำเตือนว่าสถานการณ์ในประเทศไทย
ยังห่างไกลจากการคลี่คลายมาก อารมณ์ความรู้สึกในหมู่ผู้คนยังคงรุนแรง
และน่าเศร้าที่การหลั่งเลือดอยู่ใกล้เพียงแค่ชั่วอารมณ์คลั่งวูบหนึ่งเท่านั้น


( ผู้สนใจสามารถอ่านฉบับภาษาอังกฤษได้ที่
http://edition.cnn.com/2014/02/03/world/asia/thai-protests-gunfight-kocha/index.html?hpt=hp_c1)

เพจนะโม :กลุ่มผู้ใช้อาวุธหลักสี่เป็นกลุ่มนักเรียนวิทยาลัยเทคนิคราชสิทธารามฝึกรด.จากรบพิเศษฯ

(5ก.พ.57 20:10น.)เพจ นะโม ตัสสะ ฝ่ายเสื้อแดง มีการโพสข้อความ ถึงเหตุการณ์ปะทะที่หลักสี่ ๑ก.พ. ว่า กลุ่มผู้ใช้อาวุธเป็นกลุ่มนักเรียนวิทยาลัยเทคนิคราชสิทธาราม ถูกคัดเลือกมาจาก การเรียนนักศึกษาวิชาทหาร(รด.) และ ผ่านการฝึกจาก หน่วยรบพิเศษมาเพื่อสร้างสถานการณ์รุนแรงทางการเมืองและ งานนี้ .. 
มีกองกำลังทหารเข้าร่วมการสนับสนุนจำนวน 30 นาย จาก ... " บางเขน "โดยอ้างว่ามีชื่อ ยศตำแหน่ง ของ ทหาร ที่ร่วมปกิบัติการจำนวน ๓๐คน ด้วย..

/////////////

สั้นๆ .. ที่หลักสี่ ( เฉพาะ หลักสี่ เมื่อวันเสาร์ที่ 1 กุมภา )
**************

กลุ่มผู้ใช้อาวุธเป็นกลุ่มนักเรียนวิทยาลัยเทคนิคราชสิทธาราม
ถูกคัดเลือกมาจาก การเรียนนักศึกษาวิชาทหาร(รด.) 
และ ผ่านการฝึกจาก หน่วยรบพิเศษ
มาเพื่อสร้างสถานการณ์รุนแรงทางการเมือง

และ งานนี้ ..
มีกองกำลังทหารเข้าร่วมการสนับสนุน
จำนวน 30 นาย
จาก ... " บางเขน "

( ราชการลับ )

***************************************

ที่เหลือ .. ขอรอฟังท่านโฆษก อีกครั้ง
ถ้าใส่ร้าย คนเสื้อแดง อีก

ครั้งหน้า เรามาว่ารายละเอียดของ 30 ท่าน
ชื่อ - นามสกุล / ชั้นยศ / และ ต้นสังกัด เจ้าค่ะ

****************************************

เอาหน้าตา 1 ในหลายๆท่านที่เป็นมือปืน
ในวันนั้น มาให้ชม .. เอากันพอ เรียกน้ำย่อย

ที่เหลือ .. ให้ทายว่า ..
แก๊งค์เรา น่าจะรู้ประวัติ และ รายละเอียด หรือ ไม่ ??

นะโม ( โม้ .. หลัก4 )


ลูกสาว "ลุงแกว" เเจ้งความหมิ่นประมาท - กล่าวหาพ่อเป็นหัวหน้ากองกำลังเขมร

ลูกสาว "ลุงแกว" เเจ้งความหมิ่นประมาท - กล่าวหาพ่อเป็นหัวหน้ากองกำลังเขมร

เวลา 13.00 น. วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่ สน.ทุ่งสองห้อง นางสาวเอื้องฟ้า เเซ่ลิ้ว อายุ 42 ปี บุตรสาว นายอะเเกว เเซ่ลิ้ว อายุ 71 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บถูกยิงจากเหตุปะทะบริเวณเเยกหลักสี่ ตรงห้างไอทีสเเควร์ เดินทางเข้าเเจ้งความลงบันทึกประจำวันกับ ร.ต.ท.ตฤณ พ่วงโสม พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ภายหลังมีคนโพสต์ข้อความใส่ร้ายว่านายอะเเกวเป็นหัวหน้ากองกำลังเขมร ลูกน้องมือขวาของสมเด็จฯฮุน เซน เเละนำกองกำลังเขมรเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทย ที่สนับสนุนฝ่ายเสื้อเเดง เเละเป็นลูกน้องของทักษิณ

นางสาวเอื้องฟ้ากล่าวว่า ข้อความที่ถูกเผยเเพร่ทางโซเชียลมีเดีย เป็นการให้ร้ายป้ายสี ไม่มีมูลความจริง เนื่องจากพ่อตนเป็นคนไทย มีบัตรประชาชน การโพสต์ดังกล่าวทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เเละเป็นการตอกย้ำความเจ็บปวดทั้งที่พ่อของตนได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะ เเละคงต้องเป็นอัมพาต ยังทำใจไม่ได้ในส่วนของคดีที่พ่อของตนถูกยิงบาดเจ็บ ก็มีความหวัง อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายเพื่อมาดำเนินคดีให้ได้ เเต่ก็เผื่อใจเพราะเหตุการณ์ลักษณะนี้จับผู้กระทำความผิดได้ยาก คล้ายกับปี 2553 ก็ยังจับคนร้ายไม่ได้

"พ่อของตนไม่เคยเป็นทหาร เป็นคนไทยเชื้อสายจีน เกิดเเละเติบโตอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พอช่วงวัยหนุ่มก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯทำงานเป็นพนักงานบริษัททั่วไป เเละปัจจุบันพ่อก็มาอาศัยอยู่กับตนที่บ้านย่านหลักสี่ 10 กว่าปีเเล้ว เเละทำอาชีพค้าขาย โดยจะเข็นรถขายน้ำหวาน น้ำอัดลมที่บริเวณหน้าโรงเรียนเคหะทุ่งสองห้องวิทยา 2 โดยยืนยันว่าพ่อไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง เพียงเเต่มีความสนใจการเมือง ซึ่งจะติดตามข่าวสารตามหน้าจอโทรทัศน์ที่บ้าน โดยในวันเกิดเหตุ ขณะที่เกิดการปะทะกันตรงเเยกหลักสี่ พ่อเป็นห่วงที่ทำงานขายอาหารอยู่ฟู้ดเเลนด์ ภายในห้างไอทีสเเควร์ จึงได้เดินทางมาหา โดยโทรศัพท์หาเวลาประมาณ 15.30 น."

นาวสาวเอื้องฟ้ากล่าวว่า ตอนเเรกที่พ่อโทร.หาตอนบ่าย 3 โมงกว่า บอกพ่อว่าปลอดภัยเเล้ว อยู่หน้าห้างไอทีสเเควร์ พอตอน 4 โมงกว่า ก็พยายามโทร.หาพ่อ โทร.ติดเเต่ไม่มีคนรับ ก็ยังไม่คิดว่าพ่อจะเป็นอันตราย จนตอน 6 โมงเย็น ทาง รพ.วิภาวดีโทร.มาบอกว่าพ่อถูกยิงบาดเจ็บ รักษาตัวอยู่ที่ รพ. รู้สึกตกใจอย่างบอกไม่ถูก เเละเมื่อคืนที่ผ่านมาก็เห็นการเผยเเพร่ข้อมูลทางโซเชียลมีเดีย ว่าพ่อไม่ใช่คนไทย เเต่เป็นหัวหน้ากองกำลังเขมร ก็รู้สึกตกใจเเละเครียดมาก ทั้งที่ไม่เป็นความจริง มันเหมือนการซ้ำเติมบาดเเผลความเจ็บปวด