Vulture Waiting for the Malnutritioned Child to Die, 1994 อีแร้งรอกินศพเด็กที่อดอยากใกล้ตาย 2537 ภาพโดย Kevin Carter ไดัรับรางวัล Pulitzer ประเภทสารคดี1994 ภาพจาก Google.com และก่อให้เกิดการวิพากวิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับนิยามมนุษยธรรม/จริยธรรมที่พึงมีของช่างภาพ ช่างภาพรายนี้ฆ่าตัวตายในภายหลัง แม้ว่าจะได้รับรางวัลจากภาพนี้ หมายเหตุ ในวันที่ 11 มีนาคม 2536 Kevin Carter ได้ร่วมเดินทางไปที่ซูดานกับกองทัพสหประชาชาติ (UN) เพื่อแจกจ่ายอาหารให้ชาวซูดาน ขณะที่กำลังถ่ายภาพชาวบ้านที่อดอยากหิวโหย ที่มุ่งหน้ามารับอาหารที่ศูนย์แจกจ่ายอาหาร มีอีแร้งบินร่อนลงในพื้นที่ใกล้เคียง ช่างภาพรายนี้บอกแต่เพียงว่า มันเป็นหน้าที่ที่ต้องถ่ายภาพนี้ ถ่ายภาพแล้วต้องเดินจากไป ภาพนี้ได้ขายให้ New York Times มีการตีพิมพ์เผยแพร่วันที่ 26 มีนาคม 2536 แล้วแพร่กระจายไปตามสื่อต่าง ๆ ทั่วโลก ผู้คนนับหลายร้อยคนได้ติดต่อสอบถาม New York Times ถึงชะตากรรมเด็กน้อยรายนี้ แต่ New York Times ระบุว่า ไม่ทราบว่า เด็กคนนี้เดินไปถึงศูนย์แจกจ่ายอาหารหรือไม่ แต่ João Silva ช่างภาพหนังสือพิมพ์โปรตุเกส ที่ปักหลักอยู่ในอัฟริกาใต้ ได้ร่วมเดินทางกับ Carter ไปยังซูดาน ให้สัมภาษณ์อีกแง่มุมหนึ่งกับนักเขียน/ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่น Akio Fujiwara ที่ได้ตีพิมพ์หนังสือชื่อว่า Fujiwara โดยมีภาพหน้าปกเป็นเด็กชายคนนี้ โดย Silva ได้เล่าว่า เรื่องราวทั้งหมดนี้เิกิดขึ้น ในช่วงเดินทางไปซูดานร่วมกับกองกำลังบรรเทาทุกข์ UN ขณะที่เรือบินจอดแถบตอนใต้ของซูดาน ในวันที่ 11 มีนาคม 2536 เจ้าหน้าที่ UN บอกว่าเรือบินจะขึ้นบินอีกในสามสิบนาทีข้างหน้า (เวลาที่จำกัด/เพียงพอกับการแจกจ่ายอาหาร) ดังนั้นพวกเขาจึงวิ่งไปรอบ ๆ เพื่อถ่ายภาพ ขณะที่เจ้าหน้าที่ UN แจกจ่ายข้าวโพด พวกผู้หญิงในค่ายผู้อพยพลี้ภัยต่างออกมาจากโรงเรือนไม้ชั่วคราวมายังเรือบิน Silva ได้วิ่งไปถ่ายภาพพวกนักรบกองโจร ขณะที่ Carter อยู่ไม่ไกลจากเรือบินเพียงสิบสองฟุตเล็กน้อย Silva เล่าว่า Carter รู้สึกตกใจมากในครั้งแรกที่เห็นภาพการอดอยาก/ขาดอาหาร และได้ถ่ายภาพเด็กที่อดอยาก/ขาดอาหารจำนวนมาก Silva ก็ถ่ายภาพเด็ก ๆ ตามพื้นดินที่กำลังร้องไห้ แต่ภาพไม่ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ ขณะที่พ่อแม่เด็ก ๆ ต่างยุ่งอยู่กับการไปรับแจกอาหารจากเรือบิน จึงต้องทอดทิ้งเด็ก ๆ ไว้เป็นการชั่วคราวในช่วงเวลาสั้น ๆ ภาพเด็กขายคนนี้จึงถูกถ่ายโดย Carter ขณะที่อีแร้งยืนอยู่ด้านหลังเด็กชายคนนี้ ในการจับภาพทั้งคู่นี้ Carter ต้องระมัดระวังไม่ให้อีแร้งตื่นตกใจแล้วบินหนีไป ภาพนี้ถ่ายในระยะห่างประมาณ 10 เมตร และถ่ายอีก 2-3 ภาพก่อนไล่อีแร้งไปให้พ้น ในเวลานั้นมีช่างภาพสเปน 2 รายที่อยู่ในบริเวณนั้น คือ José María Luis Arenzana กับ Luis Davilla แต่ไม่รู้จักกับ Kevin Carter พวกเขาต่างถ่ายภาพในบริเวณเดียวกัน เรื่องนี้มีการเล่าหลายครั้งแล้วว่า ที่ศูนย์แจกจ่ายอาหาร จะมีเหล่าอีแร้งชุมนุมกันที่บริเวณหลุมขยะ พวกเราเดินทางจาก Pepe Arenzana ถึง Ayod ที่เป็นศูนย์แจกจ่ายอาหารให้ชาวบ้านเดินทางมารับ พื้นที่ปลายสุดชุมชนจะเป็นที่ทิ้งขยะ/ส้วมชาวบ้าน ขณะที่เด็ก ๆ ต่างอ่อนแออดอยาก/ขาดอาหาร ต่างเดินไปข้างหน้าทำให้เกิดภาพว่าพวกเขากำลังจะตาย ในภาพจะเห็นว่ามีอีแร้งรอคอยเหยื่ออยู่ใกล้กับเด็ก แต่ถ้าสังเกตให้ดีแล้วระยะห่างของเด็กชายกับอีแร้ง มุมกล้องทำให้เกิดภาพลวงตา เพราะทั้งคู่อยู่ห่างกันประมาณ 20 เมตร วันที่ 27 กรกฏาคม 2537 Kevin Carter ได้ขับรถยนต์ไปที่ Braamfonte ใกล้กับ the Field and Study Centre สถานที่ชื่นชอบตอนวัยเด็ก แล้วจัดการพันเทปรอบท่อยาง ที่แยงเข้าไปในท่อไอเสียรถยนต์กะบะ แล้วจ่อท่อยางเข้ามาในหน้าต่างรถยนต์ด้านคนขับ พร้อมกับเดินเครื่องยนต์เป็นการฆ่าตัวตาย ด้วยพิษก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ จบชีวิตในวัย 33 ปี นี่คือจดหมายลาตายบางตอน " ผมมีความสุขโดยไม่จำต้องมี ...โทรศัพท์ ... เงินค่าเช่า ... เงินช่วยเหลือเด็ก... เงินจ่ายหนี้สิน ... เงิน!!!.. ผมถูกหลอกหลอนไปกับความทรงจำที่ไม่ลบเลือน เรื่องการฆ่าคนและศพ ความโกรธแค้นและความเจ็บปวด ... การอดอยาก/ขาดอาหารหรือเด็กที่ได้รับบาดเจ็บ จากการกระทำของพวกคนบ้าที่มีความสุข(พวกซาดิสท์) บ่อยครั้งที่เป็นตำรวจ/เพชรฆาตนักฆ่า ถ้าผมโชคดี ผมคงจะได้ไปอยู่ร่วมกับ Ken (เพื่อนร่วมกลุ่ม Bang Bang Club เสียชีิวิตเพราะถูกกระสุนปืนของกองกำลังอีกฝ่าย ในวันที่ 18 เมษายน 2537 และเป็นชื่อฆาตกรคนแรกของโลกในคัมภีร์ไบเบิ้ล) สรุปย่อเรียบเรียงจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Kevin_Carter Bang Bang Club เป็นชื่อกลุ่มช่างภาพกบฏ(นอกกฎเกณฑ์/ธรรมเนียมปฏิบัติของช่าวภาพทั่วไป) ที่รวมกลุ่มกันสี่คนออกไปถ่ายภาพสงครามกลางเมืองในแอฟริกาใต้ระหว่างปี 2533-2537 ในช่วงการเปลี่ยนผ่านระบบการเมืองการปกครองที่แบ่งแยกสีผิว (เหยียดสีผิว) เพื่อเตรียมการไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลบนพื้นฐานความเป็นสากลโลก ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวจะมีเหตุการณ์สู้รบ/ความรุนแรง/การก่อการร้าย ที่เกิดขึ้นกันเองระหว่างกลุ่มคนผิวดำกับกลุ่มคนผิวดำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการหนุนหลังของกลุ่มพรรคการเมือง ANC (African National Congress) กับ IFP (Inkatha Freedom Party) หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศอนุญาติให้ทำกิจกรรมการเมืองของทั้งสองกลุ่ม Kevin Carter, Greg Marinovich, Ken Oosterbroek กับ João Silva เป็นชื่อทั้งสี่คนของกลุ่ม แม้ว่าจะมีช่างภาพหรือช่างภาพหนังสือพิมพ์อีกหลายคนทำงานร่วมกันก็ตามแต่ (เช่น James Nachtwey กับ Gary Bernard) ในภาพยนตร์จะนำเสนอเรื่องราวของกลุ่มนี้ กำกับโดย Steven Silver และนำแสดงโดย Taylor Kitsch, Ryan Phillippe กับ Malin Åkerman เข้าฉายรอบปฐมทัศน์ที่ the Toronto International Film Festival ในปี 2553 ชื่อ Bang Bang Club ได้แจ้งเกิดในบทความที่ตีพิมพ์ในนิตยสารชีวิตแอฟริกาใต้ South African magazine Living เดิมทีใช้ชื่อกลุ่ม Bang Bang Paparazzi แต่ได้เปลี่ยนไปเป็น Club เพราะสมาชิกรู้สึกว่า คำว่า Paparazzi ปาปารัสซี่ (แอบถ่ายภาพ/ซุ่มถ่ายภาพโดยเจ้าของภาพไม่ยินยอม) บิดเบือนการทำงานที่แท้จริงของพวกเขา ชื่อนี้ได้มาจากการทำมาหาเลี้ยงชีพช่างภาพกลุ่มนี้ ขณะเดียวกันผู้อยู่อาศัยในเขตเมือง/ผู้ลี้ภัยมักพูดกับช่างภาพที่เกี่ยวด้วยคำว่า Bang Bang ปัง ปัง เวลาพูดคุยอ้างอิงถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นภายในชุมชน/พื้นที่สู้รบของพวกเขา ตัวอักษร bang bang จึงหมายถึง เสียงปืน และเป็นคำพูดธรรมดา ๆ ที่ใช้กันในกลุ่มช่างภาพเวลาพูดถึงความขัดแย้ง วันที่ 18 เมษายน 2537 ในระหว่างการสู้กันระหว่างกองกำลังรักษาสันติภาพนานาชาติ กับพรรคสภาแห่งชาติแอฟริกัน ในเขตการปกครอง Thokoza กระสุนปืนได้สาดใส่ Ken Oosterbroek ถึงแก่ความตาย ส่วน Greg Marinovich ได้รับบาดเจ็บสาหัส การพิจารณาคดีการตายของ Ken Oosterbroek เริ่มขึ้นในปี 2538 ผู้พิพากษาตัดสินว่า ตายโดยไม่ทราบว่าเป็นกระสุนของฝ่ายใด (ไม่มีใครควรได้รับการตำหนิ/หรือตัดสินว่าผิด) แต่ในปี 2542 Brian Mkhize คนของกองกำลังรักษาสันติภาพนานาชาติ ได้บอกกับ Greg Marinovich กับ Silva ว่า เขาเชื่อว่า กระสุนมาจากฝ่ายของตนในการยิงถูก Ken Oosterbroek ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2537 Kevin Carter ฆ่าตัวตาย ที่ 23 ตุลาคม 2553 Silva เหยียบกับระเบิด ขณะถ่ายภาพช่วงลาดตระเวนร่วมกับทหารสหรัฐ ใน คันธาระ (กันดาฮาร์) ของอัฟกานิสถาน และสูญเสียขาทั้งสอง(บริเวณข้างใต้เข่า) เป็นการบาดเจ็บครั้งที่สองของเขาในสมรภูมิสู้รบ การบาดเจ็บครั้งแรกของเขา ถูกยิงด้วยกระสุนที่ใบหน้า ช่างภาพสองรายในกลุ่ม Bang Bang Club ได้รับรางวัลภาพถ่าย Pulitzer Greg Marinovich ชนะจากภาพถ่ายข่าวกีฬา (the Pulitzer for Spot News Photography) ในปี 2534 จากข่าวการฆาตกรรม Lindsaye Tshabalala ในปี 2534 Kevin Carter ชนะจากภาพถ่ายสารคดี (the Pulitzer for Featured Photography) ในปี 2537 จากภาพอีแร้งปรากฎตัวอยู่ด้านหลังเด็กที่อดอยากหิวโหยเขตตอนใต้ซูดาน เรียบเรียงจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Bang-Bang_Club ข้อมูล ณ 24 สิงหาคม 2556 เรียงเรียงจาก http://goo.gl/9LmniO http://en.wikipedia.org/ http://www.longdo.com/ http://google.com ผิดพลาดขออภัย/โปรดชี้แนะ จะกลับมาแก้ไข ขอบคุณครับ |
แยกเป็น 5 คน ผ่านการสรรหามาตามขั้นตอน
และ 2 คน ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาคัดเลือกมาเอง
เหตุใด สนช.ลากตั้ง จึงพร้อมใจกันโหวตไม่เห็นชอบว่าที่ กกต.ทั้ง 7 คน ยังไม่มีคำตอบชัดเจน
แต่ถึงไม่มีคำตอบชัดเจน ก็เดาได้ว่าต้องมีใบสั่งมา
ถ้าไม่มีใบสั่งมา...ไม่มีทางโหวตคว่ำยกเข่งแน่นอน!!
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า ผลจากว่าที่ กกต.ใหม่ 7 คน ถูกโหวตคว่ำกลางสภาฯก็ต้องเปิดรับสมัครสรรหา กกต.ใหม่ซ้ำอีกที
ครั้งนี้มีผู้เสนอตัวเข้ารับการสรรหาเป็น กกต.ใหม่ รุ่น 2 รวมทั้งสิ้น 33 คน คิดเป็นอัตราส่วนการแข่งขัน 7 ต่อ 1 โดยประมาณ
ปรากฏว่า ผู้ที่เคยยื่นใบสมัครเป็น กกต.รอบแรก แต่ไม่ได้รับการสรรหากลับมายื่นสมัครซ้ำใหม่หลายคน
ใครจะผ่านการสรรหาเป็น 5 กกต.ชุดใหม่ รอลุ้นต่อไปอีก 2 เดือน
ส่วนโควตา กกต.ฝ่ายตุลาการอีก 2 คน เป็นเรื่องที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะคัดเลือกเอง
ไม่เกี่ยวกับผู้สมัครรับการสรรหาทั้ง 33 คน
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า โดยหลักการ ผู้ที่จะผ่านการสรรหาเป็น กกต.น่าจะมีอดีตข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ติดโผมาด้วยไม่ต่ำกว่า 1 หรือ 2 คน
เพราะอดีตข้าราชการฝ่ายปกครอง มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญการเลือกตั้งระดับชาติ และระดับท้องถิ่นมาแล้วอย่างโชกโชน
“แม่ลูกจันทร์” คาดล่วงหน้าว่า 1 ใน 5 ว่าที่ กกต.ใหม่ น่าจะมี นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช บุรีรัมย์ ปทุมธานี ระนอง ชุมพร เป็นตัวเต็ง
เพราะเคยเป็นผู้ว่าฯมาแล้วทั้งภาคใต้ ภาคอีสาน และภาคกลาง
นอกจากนี้ ยังมี นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล อดีตอธิบดีกรมที่ดินสังกัดเดียวกัน
และยังมีอดีตผู้ว่าฯใส่ตะกร้าล้างน้ำเข้ารับการสรรหาอีก 2 คน
จิ้มชื่อคนไหนก็เป็น กกต.ได้ทุกคน
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า ในยุค คสช.สืบทอดอำนาจการเมือง ถ้าจะมี กกต.ใหม่มาจากสายตุลาการทหารสักคน ก็ต้องเป็น “พล.ท.ศานิต สร้างสมวงษ์” อดีตตุลาการศาลทหาร และหัวหน้าศาลทหารสูงสุด
น่าจะมีโอกาสทะลุติด 1 ใน 5 ว่าที่ กกต.สะดวกโยธิน??
แต่ถ้าสนใจใช้งานระดับ “ปลัดกระทรวง” งวดนี้มีให้เลือกคนเดียว
นายปรีชา กันธิยะ อดีตปลัดกระทรวงวัฒนธรรม
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่า รอบนี้มี “ทนายความ” เสนอตัวประกวดชายงามชิงโควตา กกต.มากถึง 13 คน
ถ้าจะมี “ทนายความ” ผ่านการสรรหาเป็น 1 ใน 5 กกต.สักคนก็เหมาะสมดี
แต่ถ้าไม่มี “ทนายความ” แหกด่านมะขามเตี้ย เข้ามาได้แม้แต่คนเดียว “แม่ลูกจันทร์” ก็ไม่ผิดหวังอยู่ดี
แต่จะผิดหวังมาก ถ้าโผว่าที่ กกต.ใหม่ 7 คน มีแต่ผู้ชายทั้งดุ้น ไม่มีผู้หญิงแทรกเป็นยาดำแม้แต่คนเดียว
ขอผู้หญิงเก่ง นั่งเก้าอี้ กกต.สักคน ไม่ได้เชียวหรือโยม.
“แม่ลูกจันทร์”