PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2559

บิ๊กป้อม ยัน คำถาม พ่วงฯ ไม่ใช่ใบสั่ง คสช....ขอนักการเมืองยอมรับกติกา เตรียมเลือกตั้ง

บิ๊กป้อม ยัน คำถาม พ่วงฯ ไม่ใช่ใบสั่ง คสช....ขอนักการเมืองยอมรับกติกา เตรียมเลือกตั้ง ยังไม่เห็นคนเหมาะเป็นนายกฯ ปัดตอบ นายกฯคนนอก ถามไม่สร้างสรรค์
บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร มอง "ทักษิณ ชินวัตร" skype บอกลูกพรรคเพื่อไทย เตรียมลงพื้นที่พบปะประชาชน เตรียมเลือกตั้ง แสดงว่า พร้อมเลือกตั้ง ทุกพรรคก็อยากเลือกตั้ง เพราะยังไงๆ ปี2560 มีเลือกตั้งอยู่แล้ว ไม่ว่า ร่างรธน.จะผ่านประชามติหรือไม่.... สยบข่าวลือ ร่างรธน.ไม่ผ่านประชามติ ไม่มีเลือกตั้ง ยันมีเลือกตั้งแต่ใน60ไม่ว่าจะผ่านประชามติหรือไม่
แต่ ไม่คิดว่า "ทักษิณ" บอกพร้อมเลือกตั้ง จะเป็นส่งสัญญาณว่า ให้ผ่านประชามติร่างรธน......ส่วนตัวเชื่อว่า นักการเมือง ก็อยากจะเลือกตั้ง ทุกพรรคเตรียมพร้อมเลือกตั้ง แต่ก็ต้องดูกติกา ด้วย
"ขอให้ยอมรับกติกาด้วย มันเป็นแค่ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน เท่านั้น. เราได้ทำอะไรหลายอย่างมาแล้ว ไม่อยากให้กลับไปเป็นแบบเดิม ไม่ไหวมั้ง
เพราะประเทศเราเดินมาช้าแล้ว ตั้งแต่ปี2547 ตอนนี้เราตั้งหลักได้แล้ว พร้อมที่จะเดินหน้าแล้ว"
ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ นายกฯพยายามทำให้เราเข้มแข็ง แข็งแรงในทุกด้าน ทั้ง เศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง เพื่อที่จะตั้งหลัก และเดินหน้าได้
บอก ขอเก็บไว้ในใจ ไม่ตอบว่า เห็นด้วยกับ คำถามพ่วงประชามติ "ให้สว.โหวตเลือกนายกฯ"หรือไม่
ยันคำถามพ่วงประชามติ ไม่ใช่ใบสั่งคสชใครจะไปสั่งได้คนตั้ง200คนเขาอยากให้บ้านเมืองเจริญ ติงอย่าคิดเองว่า เป็น ใบสั่งคสช.
มองคำถามพ่วงประชามติ เป็นการติงว่า กรรมการร่าง รธน.ควรจะทำยังไงต่อไป ถ้าปชช.เห็นแบบนี้
อุบไต๋ มองใครใน สส.เหมาะเป็นนายกฯ บ้าง เบื่อตอบ อาจมี "นายกฯคนนอก" เรื่องนี้ไม่อยากตอบแล้ว เรื่องนายกฯคนนอก. ถามไม่สร้างสรรค์

"พลเอกธีรชัย" ผบ.ทบ. สั่ง ห้ามให้มีพลทหารตายอีก



ศพสุดท้าย???...
"พลเอกธีรชัย" ผบ.ทบ. สั่ง ห้ามให้มีพลทหารตายอีก/ พลเอกกัมปนาท ยันจะดูแลอย่างดี เผย นายกฯ บิ๊กตู่” เร่งปฏิรูปทหารพัฒนาระบบกำลังสำรองให้เข้มแข็ง
พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผช.ผบ.ทบ. กล่าวถึงการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการ ว่า ภาพรวมการเกณฑ์ทหารทุกหน่วยที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. เป็นต้นมาเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามนโยบาย ขอบคุณทหารกองเกินทุกคนที่ให้ความร่วมมือ
"ขอให้ทุกคนสบายใจ อย่านำเรื่องต่างๆมารวมกัน ขอยืนยันว่าการเป็นทหารได้อะไรมากมาย
และยืนยันว่าพวกเราทุกคนจะดูแลทหารกองเกินเหมือนกับลูกหลาน"
พลเอกกัมปนาท กล่าวว่า พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. สั่งการชัดเจนว่าในวันที่ 1 พ.ค. 59 ที่จะต้องเข้ารับการฝึกนั้น การฝึกต่างๆ ต้องเป็นไปตามนโยบายอย่างเคร่งครัด เรามีหลักสูตรฝึกนายทหารใหม่ เพราะฉะนั้นผู้รับผิดชอบ ตั้งแต่ผู้ฝึกจนถึงผู้บังคับกองพัน จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายและทหารใหม่ทุกคน
"ผบ.ทบ.ได้กำชับว่า ห้ามเกิดการสูญเสียเด็ดขาด และทุกหน่วยที่เข้าดำเนินการจะต้องดำเนินการตามนโยบายอย่างเคร่งครัด" พลเอกกัมปนาท กล่าว
พลเอกกัมปนาท กล่าวว่า เรานำบทเรียนมาแก้ไขตลอด เพราะฉะนั้นทุกอย่างก็จะดีขึ้นตามลำดับ เช่นการเกณฑ์ทหารเมื่อก่อนไม่มีเก้าอี้นั่ง แต่ปัจจุบันมีเก้าอี้ และทุกคนใส่เสื้อ ยกเว้นตอนตรวจร่างกาย เราคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ให้เกียรติทุกคน
แม้แต่น้องๆที่เพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิดมีห้องตรวจร่างกายปิดมิดชิด ซึ่งคนเหล่านี้มีแฟนคลับติดตามการทำงานของเรามาตลอด และเขารู้สึกดีกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ ดังนั้นขอให้สบายใจได้
เมื่อถามว่าชายไทยเข้ามาให้ความร่วมมือเกณฑ์ทหารมากขึ้นหรือไม่ พล.อ.กัมปนาท กล่าวว่า ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีเพราะสมัครเกือบครบตามยอด
หากมองในภาพรวมการสมัครเป็นทหารดีขึ้น แม้ว่ากองทัพจะมียอดความต้องการทหารเพิ่ม ก็มีคนสมัครเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้เราอยากให้ทุกคนเป็นทหารทั้งหมด เพราะจะได้มีวินัย แต่ประเทศเราไม่มีงบประมาณพอที่จะทำแบบนั้น เมื่อปลดทหารไปแล้ว ไปอยู่ในสังคมเขาจะมีวินัย เคารพกติกากฎหมาย จะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น
เมื่อถามว่ามีการปลุกระดมให้ต่อต้านการเกณฑ์ทหาร พล.อ.กัมปนาท กล่าวว่า กองทัพทำตามกฎเกณฑ์และระเบียบ การที่คนจำนวนน้อยไปปลุกระดมอย่านำมารวมกัน ขอยืนยันว่ากองทัพจะดูแลทุกคนเหมือนลูกหลาน
ส่วนคนที่ไม่มาตรวจเลือกและทุจริตจะมีการบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะส่งผลให้เสียสิทธิ์ทางกฎหมายหลายประการ รวมถึงการทำงานด้วย
พล.อ.กัมปนาท กล่าวว่า กระทรวงกลาโหมและกองทัพอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบกำลังสำรองให้มีความเข้มแข็ง ซึ่งอยู่ระหว่างการกฎออกกระทรวงเพื่อรองรับพ.ร.บ.กำลังสำรองที่ผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ไปแล้ว โดยกฎหมายดังกล่าวจะรองรับสิทธิ์ของพลเรือนที่มาเป็นกำลังสำรองไม่ให้ถูกเลิกจ้าง หากระบบนี้เข้มแข็งการเกณฑ์ทหารก็จะลดจำนวนน้อยไป ซึ่งขณะนี้ก็ลดไปมากแล้ว แต่เพิ่งจะมาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปีนี้เนื่องจากการยกฐานะจังหวัดทหารบกเป็นมณฑลทหารบก
อย่างไรก็ตามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. พยายามให้เดินหน้าเรื่องกำลังสำรองให้เสร็จโดยเร็ว เพราะเรื่องนี้เหมือนกับการปฏิรูปทหาร ที่ต้องปรับกำลังประจำการให้เล็กลงไปสู่กำลังสำรองเพื่อประหยัดงบประมาณ แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา และคาดว่าจะมีการเกณฑ์ทหารเหมือนปัจจุบันไปอีก 1-2 ปี
พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางผู้บังคับบัญชาของนายทหารทั้งหมดได้สั่งลงโทษทางวินัยเต็มอำนาจ คือถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำทหาร ทั้ง 6 นาย
ส่วนคดีอาญานั้นทางผู้ที่เกี่ยวข้องได้แจ้งความดำเนินคดีแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ

สหภาพยุโรป เรียกร้องไทยยึดมั่นหลักเสรีภาพ



"สหภาพยุโรป" เรียกร้องไทยยึดมั่นหลักเสรีภาพ พร้อมค้านการเรียกปรับทัศนคติ - ให้ทหารปราบมาเฟีย ด้าน "เสข" ยันไทยเดินตามโรดแมพ
นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า นางลุยซา ราเกย์ อุปทูตและรองหัวหน้าคณะผู้แทนสหภาพยุโรป (อียู) ประจำประเทศไทย และเอกอัครราชทูตและอุปทูตประเทศสมาชิกอียู 18 ประเทศ ได้เข้าพบกับนายปัญญรักษ์ พูลทรัพย์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อรับฟังเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันอย่างตรงไปตรงมาและเปิดเผย โดยฝ่ายไทยได้ชี้แจงว่ารัฐบาลไทยยังยึดมั่นการทำตามโรดแม็พ โดยจะมีการลงประชามติในวันที่ 7 ส.ค.2559 ซึ่งจะนำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปภายในปี 2560 
ขณะที่การร่างรัฐธรรมนูญเป็นกระบวนการที่เปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมอย่างครอบคลุม
ส่วนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ(คสช.) ที่ 13/2559 มีเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทหารช่วยสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อปราบปรามผู้มีอิทธิพลและผู้กระทำการอันเป็นภัยต่อสังคม โดยผลการตัดสินคดีจะขึ้นอยู่กับการใช้ดุลพินิจของศาล

สำหรับแนวคิดการจัดหลักสูตรการฝึกอบรมผู้นำการสร้างชาติอย่างสร้างสรรค์สำหรับผู้นำหรือ แกนนำประชาชนทั่วไปนั้น เนื่องจากขณะนี้ไทยอยู่ในช่วงการปฏิรูปเพื่อนำสู่ความปรองดองภายในประเทศ โดยการจัดหลักสูตรฝึกอบรมดังกล่าวเป็นการดำเนินการอย่างสุภาพชน ไม่มีการใช้ความรุนแรง และอาจมีการเชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์เฟซบุ๊กของคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย ระบุถึงการเข้าพบครั้งนี้ด้วย ว่า คณะเอกอัครราชทูตจากอียูได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยึดมั่นในหลักการของเสรีภาพในการแสดงออกและความคิดเห็นและยอมรับฟังเสียงต่างๆทุกเสียง แต่การเรียกปรับทัศนคติเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับหลักการนี้ และเป็นสิ่งที่น่ากังวล รวมถึงเรากังวลต่อคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 13/2559 เพราะสามารถถูกตีความได้กว้าง และไม่มีการให้คำจำกัดความที่ชัดเจน การมอบอำนาจของตำรวจและตุลาการให้ทหารนั้นเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการกักขังโดยพลการซึ่งละเมิดหลักนิติธรรมและลิดรอนสิทธิในการได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย

ทั้งนี้สหภาพยุโรปและประเทศสมาชิกขอเรียกร้องให้ประเทศไทยเคารพต่อหลักการและค่านิยมทางประชาธิปไตยในระหว่างช่วงของการเปลี่ยนแปลงนี้

เอกสารปานามาทำพิษ! ปธน.อาร์เจนตินาเจอโดนสอบอย่างเป็นทางการ

เอกสารปานามาทำพิษ! ปธน.อาร์เจนตินาเจอโดนสอบอย่างเป็นทางการ
Cr:ไทยรัฐ
ประธานาธิบดีมาครีแห่งอาร์เจนตินา เจอโดนสอบสวนอย่างเป็นทางการ กรณีมีชื่ออยู่ใน ‘เอกสารปานามา’ เจ้าตัว ถึงกับแถลงทางสถานีโทรทัศน์ ยืนยันไม่ได้ทำผิดกฎหมาย และไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบัง
เมื่อวันที่ 8 เม.ย.59 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ประธานาธิบดีเมาริซิโอ มาครี แห่งอาร์เจนตินา กลายเป็นผู้นำรัฐบาลคนล่าสุดที่มีชื่ออยู่ในเอกสารปานามา (Panama Papers) จนต้องถูกดำเนินการสอบสวนอย่างเป็นทางการ โดยสื่อท้องถิ่นในอาร์เจนตินา รายงานว่า ประธานาธิบดีมาครี ตกเป็นข่าวอื้อฉาวที่เกี่ยวข้องกับ เอกสารปานามา ซึ่งหลุดรั่วออกมาจากบริษัทกฎหมาย ‘มอสแซค ฟอนเซกา’ ในปานามา เนื่องจากเขาเคยเป็นผู้อำนวยการของบริษัทจดทะเบียนในต่างแดน (ออฟชอร์) แห่งหนึ่งที่หมู่เกาะบาฮามาส แต่ไม่ได้แจ้งในบัญชีทรัพย์สิน ตอนที่เขาได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีกรุงบัวโนสไอเรส เมื่อปี 2550 และไม่ได้แจ้งตอนที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีเมื่อ พ.ย.58
ประธานาธิบดีมาครี แถลงผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติว่า ตนจะพิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบัง ‘ผมรู้ว่ามีคนบางคนกังวลเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเหล่านี้ในเอกสารปานามา ซึ่งมีผมเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย โดยผมต้องการพูดอีกครั้งว่า ผมรู้สึกสงบมากๆ, ผมปฏิบัติตามกฎหมาย ผมพูดความจริงมาตลอด และไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบัง’ ประธานาธิบดีมาครีกล่าว ก่อนมีกำหนดไปขึ้นศาลเพื่อให้การเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวนี้ในวันศุกร์ที่ 8 เม.ย. ขณะที่ได้มีชาวอาร์เจนตินาจำนวนหนึ่งออกมาประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีมาครีแล้ว
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีมาครี เคยเป็นผู้อำนวยการของบริษัทเฟลก เทรดดิ้ง (Fleg Trading) ที่หมู่เกาะบาฮามาส ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยบิดาของเขาผ่านบริษัทมอสแซค ฟอนเซกา แต่ตอนนี้ บริษัทเฟลก เทรดดิ้ง ได้ถูกปิดกิจการไปแล้ว ขณะที่ ฝ่ายคณะทำงานของประธานาธิบดีมาครี โต้แย้งสาเหตุที่ทำให้ประธานาธิบดีมาครีไม่แจ้งว่ามีบริษัทแห่งนี้อยู่ในต่างแดนว่า เป็นเพราะไม่เคยมีรายได้จากบริษัทดังกล่าว จึงเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นที่ต้องแจ้งในบัญชีทรัพย์สิน

เอกสารปานามาเปิดรายชื่อคนไทยมีทั้งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี-ประธานหอการค้า-คุณหญิงพจมาน-

เอกสารปานามาเปิดรายชื่อคนไทยมีทั้งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี-ประธานหอการค้า-คุณหญิงพจมาน-บรรณพต ดามาพงศ์-แอ๊ด คาราบาว
เอกสารปานามาเปิดรายชื่อคนไทยมีทั้งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี-ประธานหอการค้า-คุณหญิงพจมาน-บรรณพต ดามาพงศ์-แอ๊ด คาราบาว
นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชามีชื่ออยู่ใน “เอกสารปานามา” (ภาพจากนสพ.มติชน)
Last updated: 6 April 2016 | 09:37
แฉรายชื่อคนดังไทยมีบัญชีใน“เอกสารปานามา”ทั้งบรรยงค์ พงษ์พานิช ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี,ประธานหอการค้าไทย,พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน,แอ๊ด คาราบาว,ภรรยาคิงเพาเวอร์,คุณหญิงพจมานอดีตเมียทักษิณ ชินวัตร รวมทั้งคนในตระกูลเจียรวนนท์,จิราธิวัฒน์,โชควัฒนา,ทวีสิน,นวลแข ฯลฯถูกระบุว่านำเงินลงไปทุนนอกประเทศเพื่อหลบภาษี (Tax heaven)
เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2559  นักหนังสือพิมพ์มากกว่า 370 รายจากองค์กรสื่อ 107 องค์กรร่วมกันสอบสวนในนาม สมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนนานาชาติ (International Consortium of Investigative Journalists - ICIJ) จากนั้นได้นำเอกสารปานามา”(Panama Papers) ที่มีการแฮกจากบริษัทมอสแซค ฟอนเซก้า (Mossack Fonseca) บริษัทกฎหมายที่มีสำนักงานใหญ่ในประเทศปานามา และมีสำนักงานย่อยตั้งอยู่ 35 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย เอกสาร 11.5 ล้านหน้าบอกเล่าวิธีการที่นักการเมืองประมาณ 140 คน รวมถึงอดีตผู้นำประเทศ 12 คนใช้ซุกซ่อนทรัพย์สินไว้ในต่างประเทศ
จากนั้นข่าวนี้ได้ถูกนำตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2016 ในหนังสือพิมพ์เยอรมนีชื่อซุดดอยช์ ไซตุง (Süddeutsche Zeitung)
ภายหลังจากข่าวรั่วออกมาเมื่อวันที่ 4 เมษายน ประชาชนชาวไอซ์แลนด์ออกมาชุมนุมประท้วงที่หน้ารัฐสภา พร้อมกับเรียกร้องให้นายซิกมันดูร์ เดวิด กันน์ลาฟซัน (Sigmundur David Gunnlaugsson)นายกรัฐมนตรีลาออก หลังจากที่มีข่าวว่าเขาไปตั้งบริษัท Wintris Inc. นอกประเทศร่วมกับนางแอนนา พาลสดอททรี (Anna Sigurlaug Palsdottir)และไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียด การจัดตั้งมีมาตั้งแต่ปี 2007 ส่วนตัวเขาเองเข้ารับตำแหน่งส.ส.ในเดือนเมษายนปี 2009 และเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2013
มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2009  เขาขายหุ้นครึ่งหนึ่งของบริษัทให้ภรรยาตัวเองในราคา 1 ดอลลาร์  สำหรับบริษัท Wintris Inc. มีสำนักงานใหญ่อยู่เมือง Tortola ในหมู่เกาะBritish Virgin Islands
นายกันน์ลาฟสันปฏิเสธที่จะลาออกจากตำแหน่ง โดยระบุว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด บริษัทที่เขาจัดตั้งประกอบธุรกิจการค้า (commercial activity)และถือเป็นทรัพย์สินของภรรยา
อย่างไรก็ตามประเทศไอซ์แลนด์เกิดวิกฤติปัญหาทางการเงินในปี 2008 ค่าเงินของไอซ์แลนด์ตกต่ำ,ตลาดหุ้นพังทลายและธนาคารพาณิชย์ใหญ่ๆหลายแห่งต้องล้มคว่ำกลายเป็นความเจ็บปวดของประชาชนชาวไอซ์แลนด์ที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน จึงไม่แปลกใจที่พวกเขาจะออกมาประท้วงและเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง
ขณะที่ โจฮานนา ซิกกูร์ดาร์ดอททรี 1 ในอดีตนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นว่านายกันน์ลาฟซันและคณะรัฐมนตรีจะต้องลาออกทันที ไม่เพียงแต่เป็นเครดิตของประเทศใน(สายตา)ของต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นความเชื่อมั่นที่ถูกทำลายไประหว่างรัฐบาลกับประชาชน
ทางด้านบริกิตตา จอนสดอททรี แห่งพรรค Pirate Party อยู่ตรงข้ามรัฐบาลระบุว่าจะผลักดนให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจและให้จัดการเลือกตั้งใหม่ทันที เขาทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อความไว้วางใจของประชาชนในประเทศ  เขาสบประมาทไอซแลนด์มากในสายตาของต่างประเทศ  เราเองก็รู้สึกขวยเขินและตกใจที่ผู้นำของเราเกิดมีข่าวแบบนี้ ตอนปี 2008 เศรษฐกิจของเราพังทลาย มาคราวนี้จริยาธรรมของเราก็พังทลาย
ประเทศไทยมี 780 รายชื่อ  
รายงานข่าวเปิดเผยว่า Panama Papers ได้เปิดเผยรายชื่อของคนที่อยู่ในประเทศไทย 780 รายชื่อและบริษัท 50 บริษัทที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ส่วนหนึ่งเป็นชาวต่างชาติที่เป็นเจ้าของบริษัทในไทย นอกจากนี้ยังมีรายชื่อบุคคล 634 รายในประเทศไทย  สำหรับรายชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียงเข้าไปเกี่ยวข้องประกอบด้วย
นายอนันต์ กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการและซีอีโอของบริษัท Bangkok Land ทั้งนี้ยังมีชื่อ Bangkok Land (Cayman Islands) Ltd.หรือตั้งอยู่เกาะเคย์แมน นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริษัทหลักทรัพย์ภัทร จำกัด (มหาชน) และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการกลุ่มมิตรผลและประธานหอการค้าไทย (กลุ่มมิตรผลเป็นกลุ่มผู้ผลิตน้ำตาลทรายายใหญ่ของประเทศไทย)
พลเรือเอกบรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม (ระดับ11),รองปลัดกระทรวงกลาโหม,ประธานคณะที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ (อัตราจอมพล),รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด,เลขานุการกองบัญชาการทหารสูงสุด,ประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหมและอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (หลังการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549)
นายยืนยง โอภากุล หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ แอ๊ด คาราบาว เป็นศิลปินเพลงเพื่อชีวิตชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นหัวหน้าวงคาราบาว วงดนตรีเพื่อชีวิตและเป็นตำนานเพลงเพื่อชีวิตที่มีชื่อเสียงโด่งดังได้รับยกย่องให้เป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักร้อง-นักประพันธ์เพลงไทยสากล) ประจำปี พ.ศ. 2556
นอกจากนี้ยังมีชื่อคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร์ (ใช้ชื่อว่า Mrs Potjaman Shinawatra อดีตภรรยานายทักษิณ ชินวัตร),นางเอมอร ศรีวัฒนประภา (รักศรีอักษร Aimon Raksriaksorn) ภรรยาเจ้าของคิงพาวเวอร์,นายบรรพต ดามาพงศ์ (พี่ชายบุญธรรมคุณหญิงพจมาน),ชาญ อิสระ,ศุภวุฒิ สายเชื้อ
พร้อมกันนี้ยังมีชื่อของบุคคลในตระกูลเจียรวนนท์,จิราธิวัฒน์,โชควัฒนา,ศรีเฟื่องฟุ้ง,พรประภา,ทวีสิน,นวลแข รวมอยู่ด้วย
รายละเอียดบางส่วนเข้าไปดูที่ https://offshoreleaks.icij.org/search?country=TH&q=&ppl=on&ent=on และhttp://politic.tnews.co.th/contents/185242/
คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร์ ( 2 จากซ้าย)พร้อมด้วยครอบครัวทั้งลูกและสามีขณะไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรณวิทย์เป็นงง-ภรรยาคิงเพาเวอร์-คุณหญิงพจมาน
เมื่อวันที่ 5 เมษายน  พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตที่ปรึกษาพิเศษกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงที่มีรายชื่อ 1 ใน 21รายชื่อคนไทยที่ถูกกล่าวหาว่าปรากฏในเอกสารลับ ปานามา เปเปอร์” ในรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ อย่างมีอารมณ์ขันว่า แปลกใจว่าทำไมถึงมีรายชื่อตนปรากฏอยู่ ทั้งที่ไม่มีการทำธุรกรรมการเงินที่ต่างประเทศ ไม่เคยจดทะเบียนหรือไปหุ้นกับบุคคลอื่นตั้งบริษัท รวมทั้งไม่เคยให้ใครยืมชื่อไปทำธุรกรรมใดๆ เพราะเป็นคนระวังเรื่องนี้มากอยู่แล้ว
ตอนแรกก็ขำ เพื่อนโทร.มาบอกว่า เฮ้ย มีบัญชีเงินฝากต่างประเทศไหม มาให้ยืมบ้างสิ ผมก็นึกว่าล้อเล่น พอถามกลับเพื่อนก็บอกว่ามีชื่อตนด้วย เฮ้ย มันไปได้ยังไง ยังสงสัยอยู่ ผมกำลังตามดูอยู่ว่ามันไปได้ยังไง
เมื่อถามว่ามีการยกหูตรวจสอบเรื่องนี้กับชื่อบุคคลอื่นอย่างนายบรรยง พงษ์พานิช หรือไม่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์กล่าวว่า ตอนอยู่การบินไทยกำลังโดนตนค้นว่าทำไมทำการบินไทยเละเทะขนาดนี้
เมื่อถามต่อว่า จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับภรรยานายวิชัย ศรีวัฒนประภา (นามสกุลเดิม รักศรีอักษร) เจ้าของกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์หรือไม่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์กล่าวว่า ตนเป็นคู่กรณีกับนายวิชัย กรณีคิงเพาเวอร์ ตนเป็นประธานกรรมาธิการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จับการทุจริตในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตนยื่นฟ้องคิงเพาเวอร์ต่อศาลฎีกาด้วยตัวเอง
เมื่อถามว่า มีชื่อจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด และคุณหญิงพจมาณ ณ ป้อมเพชรหรือไม่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์กล่าวว่า นายเนวินก็รู้จักกัน แต่เรื่องเขากระโดงนั้นตนตรวจสอบและส่งไปที่ ป.ป.ช. ก็รู้สึกแปลก ซึ่งในช่วงที่เป็นกรรมาธิการที่ผ่านมาก็ทำทั้งหมด 16 เรื่อง รวมทั้งกรณีกลุ่มเซ็นทรัลต่อสัญญาเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย
เมื่อถามว่า เมื่อมีชื่อปรากฏไปทั่วจะดำเนินการอย่างไรต่อไป พล.ร.อ.บรรณวิทย์กล่าวว่า ตนกำลังตรวจสอบอยู่ว่ามันไปได้ยังไง ที่ตนเป็นกังวลก็คือกลัวเพื่อนจะมายืมสตางค์ นอกนั้นไม่มีปัญหา
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ยังกล่าวอีกว่า รายชื่อทั้งหมดให้ความเห็นยาก แต่เป็นคนที่มีสตางค์ทุกคน ตนน่าจะเป็นคนที่จนที่สุดในบรรดารายชื่อต่างๆ แสดงว่ามันต้องมีอะไร อย่างตนคงไม่มีเงินมากพอที่จะนำเงินไปฝากในต่างประเทศ เป็นอะไรที่แปลกว่า ทำไมถึงมีชื่อ
เมื่อถามว่า เป็นเอกสารที่หลุดมาจากบริษัทกฎหมายในปานามา มีลูกค้าที่มาใช้บริการเรื่องการตั้งบริษัทในเกาะต่างประเทศ เมื่อมีชื่อแสดงว่าเกี่ยวข้องกับการตั้งบริษัทหรือเปล่า พล.ร.อ.บรรณวิทย์กล่าวว่า ตนกำลังตรวจสอบอยู่ว่า ตนไม่เคยมีชื่อไปร่วมกับบริษัท แล้วไปได้ยังไง ยังงงตรงนี้ การยืมชื่อไม่มี เพราะตนคงไม่กล้าให้"ที่เป็นห่วงคือเมื่อมีชื่อแล้วมีคนมายืมตังค์ แล้วไม่มี เพื่อนก็เกลียด พยายามตามดูอยู่ว่ามีชื่อได้ยังไง” พล.ร.อ.บรรณวิทย์กล่าว
ด้านนายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) และกรรมการธนาคารเกียรตินาคิน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เห็นชื่อตัวเองอยู่ใน Panama Leak แล้วงงมากครับ ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยติดต่อ ไม่เคยใช้บริการใดๆ จาก Mossack Fonseca (เพิ่งรู้จักชื่อก็วันนี้เอง) และไม่เคยมีนิติกรรมใดๆ ในปานามา จะติดตามหาข้อเท็จจริงมาเล่าให้ฟังต่อนะครับ มีรายชื่อคนไทยเกือบพันคน ดังๆ ทั้งนั้น
ต่อมาได้โพสต์คอมเมนต์ระบุว่า สรุปเบื้องต้นว่ามันเป็นรายชื่อคนละชุดกับ Leak ที่ระบุว่ามี Transaction ผิด กม. เห็นรายชื่อแล้วมีผู้บริหารภัทรอยู่ครบ ก็รู้ว่าเป็นรายชื่อของผู้ถือหุ้น RPIC ซึ่งพวกเราทำ Management Buy Out ซื้อมาจาก Merrill Lynch เมื่อปี 2003 ซึ่งเป็นเรื่องเปิดเผย ไม่เคยปิดบังใคร ปรากฎในรายงานประจำปีทุกปี แน่ใจว่าไม่มีเรื่องผิด กม.
ผมเข้าใจ (เบื้องต้น) ว่า Mossack Fonseca เป็น สนง.ใหญ่มี 40 แห่งทั่วโลก ทำรายการหลายสิบล้านรายการ ในนั้นอาจมีเรื่องผิด กม. บ้าง แต่ไม่น่าจะทุกรายการ เราไม่เคยใช้บริการ แต่อาจมีรายการผ่านกันบางทอดทำให้เขามีข้อมูล ซึ่งก็คือทะเบียนผู้ถือหุ้น (ที่เมืองไทยก็ไปขอคัดได้ที่ ก.พาณิชย์นั่นแหละครับ)
ผลกระทบต่อตะวันออกกลาง
ข่าวที่รั่วไหลออกมาจาก ICIJ ครั้งนี้มีผลกระทบต่อผู้นำตะวันออกกลางหลายคนดังนี้
1.ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรี
แม้ว่าเอกสารของ ICJI จะไม่ได้ระบุชื่อของประธานาธิบดีอับ-อัสซาด โดยตรง แต่เส้นทางการเงินก็เข้ามาวนเวยนอยู่ในครอบครัวของประธานาธิบดี
เอสการระบุว่าหลานชายของเขา รามิ และ ฮาเฟซ มาคห์ลูฟ (Rami and Hafez Makhlouf ) ถูกพาดพิงว่าบริษัทต่างชาติใดต้องการทำธุรกิจในซีเรียจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรามิ
ทั้งนี้นายรามิควบคุมกิจการโทรคมนาคมและน้ำมัน ในขณะที่นายฮาเฟซเป็นพลเอกในหน่วยข่าวกรองและรักษาความมั่นคงของซีเรีย  นายรามิมีหุ้น 63 % ใน Syriatel ผ่านบริษัท Drex Technologies S.A.ที่ตั้งอยู่  British Virgin Island  บริษัทเดรกซ์ฯก็เป็นของเขา เมื่อปี 2011 บริษัทสอนสวนด้านการฟอกเงินติดต่อไปยังกลุ่มมอสแซค ทำให้กลุ่มมอสแซคในฐานะสำนักงานทนายความก็ตัดการติดต่อกับธุรกิจของตระกูลมาคห์ลูฟทันที 
2.กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลลาซิซ บิน อับดุลเลาะห์มาน อัล ซาอูด (Salman bin Abdulaziz bin Abdulrahman Al Saud)
กษัตริย์ซัลมานรวมทั้งช่วงเป็นที่มกุฎราชการซาอุดิ อาระเบีย ก่อนที่กษัตริย์อับดุลลาห์จะสิ้นพระชนม์เมื่อมกราคม 2015 พระองค์ทรงมี 2 บริษัทตั้งอยู่ใน
British Virgin Island เอกสารปานามาระบุว่าประกอบด้วบ Verse Development Corporation และ Inrow Corporation บริษัทจัดการเรื่องการจำหน่ายบ้านของพระองค์ในกรุงลอนดอนมูลค่า 34 ล้านดอลลาร์  
3.มกุฎราชกุมารโมฮัมหมัด บิน นาอีฟ บิน อับดุลลาซิซ อัล ซาอูด(Crown Prince Mohammad bin Naif bin Abdulaziz Al Saud)
พระองค์จะรับหน้าที่กษัตริย์ซาอุดิ อาระเบีย องค์ต่อไป ทรงเป็นหลานของกษัตริย์ซัลมาน พระองค์ได้ใช้เงินบัญชีจากธนาคาร UBS ในสวิสซื้อบริษัทในปานามา โดย Mossack Fonseca เปิดคนจัดการเปิดบัญชีธนาคาร UBS ให้  
4.คาลิฟา บิน ซาเยด บิน สุลต่าน อัล นาห์ยาน(Khalifa bin Zayed bin Sultan Al Nahyan)
บุคคลผู้นี้เป็นประธานาธิบดีประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates =UAE) ใช้บริษัท 30 บริษัทในBritish Virgin Islands ที่จัดตั้งโดย Mossack Fonseca เพื่อจัดซื้อทรัพย์สินทั่วโลก จัดสร้างพระราชวังที่ประเทศเซย์เชลส์ เป็นเจ้าของเรือยัตช์ใหญ่ที่สุดในโลกและยังบริจาคเงินหลายล้านดอลลาร์เพื่อการวิจัยทางการแพทย์ในสหรัฐ 
5.อาลา มูบารัค (Alaa Mubarak) เอกสารปานามาระบุว่าบุคคลผุ้นี้เป็นลูกชายของ ฮอสนี มูบารัค อดีตประธานาธิบดีอียิปต์ เผ้นนักธุรกิจที่มั่งคั่ง  เมื่อเดือนพฤษภาคม 2015  ศาลได้สั่งจำคุกเขาพร้อมทั้งพ่อฐานำเงินงบประมาณของรัฐไปปรับปรุงทำเนียบที่พัก และถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อเดือนตุลาคม 2015 นายอาลาเป็นเจ้าของบริษัทใน British Virgin Islands และบริษัทจัดการโดย Credit Suisse อย่างไรก็ตาม Mossack Fonseca ประกาศตัดสัมพันธ์กับบริษัทของนายอาลาตั้งแต่เมษายน 2015  
6.อาลี บู อัล-รักเฮบ(Ali Bu al-Ragheb) เอกสารปานามาระบุว่าุบคคลผู้นี้เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีประเทศจอร์แดน เขากลายมาเป็นผู้อำนวยการบริษัท
Jaar Investment ในหมู่เกาะเวอร์จิน ไอส์แลนด์ หลังจากไม่เกี่เดือนที่ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี บริษัทนี้เปิดบัญชีกับ Arab Bank เมืองเจนีวาประเทศสวิสเซอร์แลนด์  อย่างไรก็ตามบริษัทนี้ปิดตัวลงเมื่อปี 2008 ภายหลังจากนายอัล-รักเฮบมาเป็นผู้อำนวยการบริษัท Jay Investment Holdings ซึ่งก็ตั้งอยู่ใน British Virgin Islands อย่างไรก็ตามมีรายงานว่านายรักเฮบเป็นเจ้าของบริษัทอีก 3 แห่งในประเทศเกาะเซย์เชลส์ 
7.บริษัทอิสราเอล (Israeli Companies) จากเอกสารปานามา 11.5 ล้านแผนนั้นพบว่ามีบริษัทอิสราเอล 600 บริษัทและชื่อผู้ถือหุ้น 850 ราย อยู่ในบัญชีนอกประเทศอิสราเอล  ในจำนวนนี้มีรายชื่อธนาคาร 2 แห่งเข้าไปเกี่ยวข้องประกอบด้วย Bank Leumi และ Bank Hapoalim
สำหรับบุคคลที่มีขชื่อเสียงของอิสราเอลมีชื่อปรากฎประกอด้วย Dov Weisglass อดีตหัวหน้าสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลนายอาเรียล ชารอน(Ariel Sharon)เขามีช่อในฐานะเป็นเจ้าของบริษัทใน British Virgin Islands ,และยังมีนักธุรกิจชื่อดังของอิสราเอลอีก 2 รายประกอบด้วย Jacob Engel และ Idan Ofer
8.อินเดีย  ศาลสูงของอินเดียจัดสั่งจัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิเศษ (Special Investigation Team)ขึ้นมาเพราะมีรายชื่อของกลุ่มธุรกิจและนักธุรกิจระดับเศรษฐีของอินเดียจำนวนมากทั้งด้านการเดินเรือ,การค้า,อุตสาหกรรมภาพยนตร์ Bollywood,นักอุตสาหกรรม,ทนายความจำนวนมากกว่า 500 คนถูกตีพิมพ์ใน นสพ. Indian Express
คณะกรรมการสอบสวนพิเศษได้ให้หน่วยงานรัฐบาลเปิดเผยรายละเอียดเพื่อลงมือสอบสวนและเตรียมรายงานการตั้งข้อหาบรรดา เงินดำที่นำไปลงทุนหรือไปฝากนอกประเทศ ทำให้กลายเป็นสวรรค์ของการหลบเลี่ยงภาษี (Tax heaven) ไป
บริษัท Mossak Fonseca ปฏิเสธไม่ขอชี้แจงกรณีเฉพาะต่อ ICIJ ที่นำเอกสารมาเปิดเผยโดยอ้างเหตุผลการปกปิดข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า แต่ยืนยันว่าไม่มีการละเมิดกฏหมายในการทำธุรกิจนี้แต่อย่างไร
รายละเอียดบริษัทมอสแซค ฟอนเซก้า
บริษัทมอสแซค ฟอนเซก้า (Mossack Fonseca & Co.) สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Mossfon Building, เลขที่ East 54th Street Marbella, P.O. Box 0832-0886 W.T.C.
Panama, Panama โทร. +507-205-5888; 206-9400 Fax: +507-263-9218; 263-7327 เว็บไซต์http://www.mossackfonseca.com
เกี่ยวกับสำนักงาน
ก่อตั้งปี 1977 , กลุ่มมอสแซค ฟอนเซก้า ถือเป็นกลุ่มนำระดับโลกที่ให้บริการด้านกฎหมาย,ความไว้วางใจหรือทรัสต์และบริการด้านบัญชี
กลุ่มมีสต๊าฟงานกว่า 500 คนกระจายอยู่ทุกทวีปในโลก ทางกลุ่มมีประสบการณ์ให้บริการมากว่า 35 ปี ให้บริการเป็นส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง ทางกลถ่มได้เปิดเว็บไซต์ออนไลน์  Client Information Portal เพื่ออนุญาตให้ลูกค้าเข้ามาจับจอง,ดูสถานะภาพของบริษัท,จ่ายค่าบริการรวมทั้งแนวทางอื่นๆในการจ่ายเงิน(other types of transactions)
การบริการและการค้นคว้าแบบมืออาชีพของเราสร้างความไว้วางใจในการให้บริการ,การบริหารจัดการความมั่งคั่ง,การจัดโครงสร้างธุรกิจนานาชาติและยังมีเรื่องอื่นๆอาทิเช่นกฎหมายพาณิชย์ เป็นต้น 
สินค้าและการบริการในเอกสารของเราจะมีการอัพเดทให้ทันสมัยและจัดใหม่ตลอดเวลาเพื่อหาทางแนวการแก้ปัญหาในธุรกิจของท่านให้เหมาะสม เรามีศูนย์บริการค้นคว้าในพื้นที่ต่างๆให้กับท่านประกอบด้วย สหราชอาณาจักร,มอลต้า,ฮองกง,ไซปรัส,บริทิช เวอร์จิน ไอส์แลนด์,บาฮามาส์,ปานามา,บริทิช แองกิลย่า (British Anguilla)เซส์เชลส์,ซามัว,เนวาด้าและไวโอมิ้ง (สหรัฐ) 
สำนักงานกฎหมายของเรามีทานยที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน อาทิเช่นด้านการส่งสินค้า,ด้านคนเข้าเมือง,การทำสัญญาและทนายด้านลิขสิทธิ์ทางปัญญา โดยเฉพาะทนายด้านธุรกิจทั่วไป เราพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือลูกค้าโยกย้ายมาตั้งถิ่นฐานในปานามาด้วยการดำเนินการตามขั้นตอน จากปัญหาคนเข้าเมืองมาถึงการเข้ามาเช่าซื้อหรือมาซื้อทรัพย์สมบัติเพื่อจัดตั้งธุรกิจในปานามา
สำหรับ Mossfon Trust Corporation เป็นบริษัททรัสต์ที่ควบคุมโดย Banking Superintendence of Panama  มาตั้งแต่ปี 1993  ทีมงานของที่เป็นทั้งมืออาชีพและผู้เชี่ยวชาญด้านบริษัท,ทรัสต์,ภาษีและบัญชี จะสามารถช่วยสร้างแนวทางการแก้ปัญหาให้อย่างเข้มแข็ง,สะดวกและก้าวหน้า 
ทางด้านกลุ่มมอสแซค ฟนอเซก้า เป็นพันธมิตรด้านยุทธวิธีกับบริษัท Mossfon Asset Management, S.A., บริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนที่มีใบอนุญาตจากคณะกรรมการตลาดหลัดทรัพย์ปานามา (the Superintendency of Securities Market of Panama) ตลอดจนยังมีพันธมิตรอีกบริษัทคือ Discretional Portfolio Management  (หากท่านร้องขอ) บริษัทนี้มีใบอนุญาตประกอบการด้านการลงทุนภายใต้ข้อกฎหมาย Resolution No. 94-06 เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2006 
นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2010 กลุ่มมอสแซค ฟอนเซก้า มีความภูมิใจที่ได้รับมาตรฐาน ISO 9001 สำนักงานกฎหมายที่ออกให้โดยรัฐบาลปานามา certified   The ISO 9001:2008 เป็นเครื่องหมายระบบคุณภาพที่จะสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าของกลุ่มโดยกลุ่มจะพัฒนางานเพิ่มขึ้นเพื่อความพอใจของลูกค้า 
นอกจากนี้เรายังได้รับประกาศนียบัตรระบบบริหารจัดการระดับโลกจาก SGS ซึ่งประกาศนียบัตรนี้ได้รับการยอมรับและให้เครดิตจาก, a certification entity   UKAS และ ANAB ที่เป็นหน่วยงานอิสระในการตรวจสอบและหน่วยงานรับรองประกาศนียบัตรของโลก 
ทนายความของกลุ่มมีความยินดีอย่างยิ่งที่เป็นผู้บริหารระดับสูงและสมาชิกของกลุ่มเกียรติยศเหล่านี้ รวมทั้ง :
•Society of Trust and Estate Practitioners (STEP)
•International Tax Planning Association (ITPA)
•International Bar Association (IBA)
•International Fiscal Association (IFA)
•International Trademark Association (INTA)
•Florida International Bankers Association (FIBA)
•American Chamber of Commerce (AMCHAM)
•Maritime Law Association of Panama (APADEMAR)
•Cámara de Comercio e Industria Colombo-Panameña (CICOLPA)
•International Attorneys Association (AAI)
•National Bar Association
•Cámara de Comercio e Industria Panameña Alemana
•Cámara de Comercio, Industrias y Agricultura de Panamá
•Asociación de Ejecutivos de Empresas (APEDE)
•Panama Compliance Officers Association
•Association of Certified Anti-Money Laundering Specialists.
เราปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับกฎหมายมีดังนี้
กฎหมายขององค์กร ( Corporate Law) มูลนิธิเอกชน (Private Foundations) การจัดการลงทุน(Investment Management) ทรัสต์,กิจการทางเรือและกฎหมายการเดินเรือ (Admiralty and Maritime Law) การส่งสินค้า(Shipping) กฎหมายการธนาคาร(Banking Law) กฎหมายการบิน (Aviation Law)สิทธิบัตร(Patents)เครื่องหมาย(Trade Marks)การค้าการลงทุนต่างประเทศ (Foreign Investments) กฎหมายระหว่างประเทศ (International Law) ประกันภัยหากถูกจับกุม (Captive Insurance) การจัดเก็บภาษีนิติบุคคล (Corporate Taxation)วางแผนภาษีนิติบุคคล (Corporate Tax Planning) การจัดเก็บภาษีระหว่างประเทศ (International Taxation) กฎหมายปกครอง(Administrative Law) การป้องกันทรัพย์สิน(Asset Protection) กฎหมายธุรกิจ(Business Law)กฎหมายพาณิชย์(Commercial Law) กฎหมายการเงิน(Financial Law) กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองและการแปลงสัญชาติ(Immigration and Naturalization)ทรัพย์สินทางปัญญา( Intellectual Property) การลงทุนต่างชาติ (Foreign Investment) การควบรวมและซื้อกิจการ (Mergers and Acquisitions) อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate )กฎหมายโทรคมนาคม (Telecommunications Law)
ภาษาที่เราให้บริการ อาระบิค,เชค,ฝรั่งเศส,เยอรมัน,กรีก,อิทาเลียน,ลัตเวียน,มาเลย์,แมนดาริน,ปอร์ตุกีส,โรมาเนียน,รัสเซียน,ซามวน,สแปนิช,ทมิฬ,ไทย,ยูเครเนียนและอังกฤษ
สำหรับ Mossack Fonseca & Co. (Thailand) Ltd. ตั้งอยู่เลขที่ 990 ถนนพระราม 4 ชั้น 31 ตึกอับดุลราฮิท,ถนนสีลม,บางรัก กทม. 10500  โดยบริษัทระบุว่า ทำบัญชีและตรวจสอบบัญชี (Accounting & Auditing)

First posted: 5 April 2016 | 20:41

ไข 11 ข้อกังขา ‘ปานามา เปเปอร์ส ‘กับลูกค้า 21 รายในประเทศไทย

มีคำถามตามมามากมายทั้งจากสื่อมวลชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการขุดคุ้ย และประชาชนทั่วไปที่รอติดตามข่าว  คำถามเหล่านี้เป็นคำถามทำนองเดียวกันที่ผู้สื่อข่าวสมาชิก ICIJ ได้รับในหลายประเทศ
PANAMA 070459
เพียงไม่ถึง 5 วัน ปรากฏการณ์ ปานามา เปเปอร์ส ก็สร้างผลสะเทือนเลือนลั่นต่อวงการเมือง เศรษฐกิจ และสื่อสารมวลชนระดับโลก จนทำเอานักการเมืองระดับสูงต้องหลุดจากเก้าอี้เป็นรายแรกคือ นายซิกมุนเดอร์ เดวิด กุนน์ลอจสัน นายกรัฐมนตรีไอซ์แลนด์ ตามมาด้วยสมาชิกระดับสูงขององค์กรอิสระต่อต้านคอรัปชั่นระดับโลก คือ นาย กอนซาโล เดลาวิอู ประธานองค์การเพื่อความโปร่งใสนานาชาติประจำประเทศชิลี ที่ทำงานเพื่อความโปร่งใสแต่กลับไปมีส่วนในบริษัทลับเสียเองถึง 5 บริษัท สร้างความอับอายให้องค์กรอย่างหาที่เปรียบมิได้
เมื่อโลกกระโดดรับข่าว ปานามา เปเปอร์ อย่างฉับพลัน ทำให้มีคำถามตามมามากมายทั้งจากสื่อมวลชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการขุดคุ้ย และประชาชนทั่วไปที่รอติดตามข่าว คำถามเหล่านี้เป็นคำถามทำนองเดียวกันที่ผู้สื่อข่าวสมาชิก ICIJ ได้รับในหลายประเทศ จึงขอไขข้อกังขาเป็นรายประเด็นไป ดังนี้
1) ปานามา เปเปอร์ส คืออะไร: ปานามา เปเปอร์ส หรือ ปานามาลีก หรือรายงานปานามา คือการตีแผ่ข้อมูลการถือครองบริษัทนอกอาณาเขต (offshore company) ที่อยู่ในฐานข้อมูลของสำนักกฎหมายชื่อ มอสแซค ฟอนเซก้า (Mossack Fonceka) ที่เป็นบริษัทรับจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทนอกอาณาเขตที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ปานามา และมีสาขาอยู่ใน 42 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย
ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานข้อมูลเรื่องการถือครองบริษัทนอกอาณาเขตที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ตกถึงมือของสื่อมวลชน โดยมีขนาดความจุ 2.6 เทราไบต์ มีเอกสารทั้งหมด 11.5 ล้านชิ้น ประกอบไปด้วยข้อมูลของบริษัทนอกอาณาเขตทั้งหมด 214,000 บริษัท โดยการขุดคุ้ยและวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดของเอกสารที่ให้ชื่อว่า “ปานามาลีก” (Panama Leak) นี้เป็นความร่วมมือกันของผู้สื่อข่าวจำนวน 370 คนจาก 78 ประเทศ
2) ข้อมูลนี้ได้มาอย่างไร - ใครเป็นคนรายงานข่าว: ราวหนึ่งปีที่ผ่านมา แหล่งข่าวลึกลับใช้นามว่า จอห์น โด โทรศัพท์ถึงหนังสือพิมพ์ซูดดอยช์เซตุง (Süddeutsche Zeitung) ของเยอรมัน เพื่อส่งผ่านข้อมูลด้วยเหตุผลว่า “ผมอยากให้เปิดเผยอาชญากรรมพวกนี้ต่อสาธารณะ” ด้วยเหตุที่ข้อมูลนี้ใหญ่โตมหาศาลจนผู้รับปาดเหงื่อ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันดี ทางนักข่าว ซูดดอยช์เซตุงที่เป็นสมาชิกเครือข่ายผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ (International Consortium of Investigative Journalists) หรือ ICIJ ซึ่งเป็นองค์กรไม่หวังผลกำไรด้านข่าวสืบสวนสอบสวน ที่ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา จึงส่งสารถึง ICIJ ให้เข้ามาช่วยกันโดยด่วน ทาง ICIJ ที่มีเครือข่ายสมาชิกอยู่ราว 200 คนทั่วโลก และมีประสบการณ์ประสานงานนักข่าวเพื่อรายงานข่าว
“ข้อมูลหลุด” ใหญ่ๆมาแล้วรวมถึงข้อมูลเรื่องบรรษัทข้ามชาติ จึงโดดร่วมรับงานช้าง อันเป็นที่มาของการประสานงานข่าวข้ามพรมแดนครั้งใหญ่ที่สุดในโลกในครั้งนี้ นักข่าวในเครือข่ายและนอกเครือข่ายถูกเชิญให้เข้าร่วมขบวน ตรวจสอบข้อมูลจากฐานข้อมูล และเผยแพร่ข่าวผ่านสื่อที่เหมาะสมในประเทศของตน โดยเริ่มต้นเผยแพร่ข่าวในวันและเวลาเดียวกัน คือวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ในกรณีของประเทศไทย ติดตามได้ที่สำนักข่าวอิศรา
3) แล้วบริษัทนอกอาณาเขตคืออะไร ทำไมต้องเป็นเรื่องใหญ่โต : บริษัทนอกอาณาเขต หรือที่เรียกทับศัพท์ว่าบริษัทออฟชอร์ (offshore company) อธิบายคร่าวๆได้ว่าเป็นบริษัท หรือนิติบุคคลในรูปแบบอื่นๆเช่นทรัสต์ ที่ตั้งขึ้นในพื้นที่พิเศษที่มีกฎหมายธุรกิจแบบพิเศษ เช่นกฎหมาย International Business Company Act ของบริติชเวอร์จิน เป็นต้น
กฎหมายลักษณะนี้ในบางที่เปิดให้ยกเว้นภาษี หรือเก็บภาษีในเปอร์เซ็นต์ที่น้อยรวมทั้งอนุญาตให้มีการปกปิดข้อมูลของบริษัท 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งยังสามารถมีโครงสร้างบริษัทที่ “ยืดหยุ่น” มากกว่าปกติ แต่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบได้ในกรณีพบเหตุไม่ชอบมาพากล
4) การเป็นผู้ถือครองบริษัทนอกอาณาเขตถือว่าผิดกฎหมายไหม: ไม่ผิด ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายในพื้นที่พิเศษหรือกฎหมายในประเทศเราเอง แต่ในบางสังคมการที่บุคคลที่มีตำแหน่งสาธารณะไปมีบริษัทในลักษณะที่ปิดลับเช่นนี้ ถือเป็นพฤติกรรมไม่โปร่งใสที่ขัดกับหลักธรรมาภิบาล แม้จะยังไม่พบว่าบุคคลเหล่านั้นใช้บริษัทลับของตนเองอย่างผิดกฎหมาย ผลที่เกิดขึ้นคือการหลุดจากเก้าอี้ของนักการเมืองอย่างนายกฯไอซ์แลนด์เป็นต้น
5) แล้วอะไรที่ว่าผิด : ให้ลองคิดอย่างนี้ว่า บริษัทนอกอาณาเขตคือรถยนต์คันหนึ่ง การเป็นเจ้าของรถยนต์ไม่ผิดกฎหมาย การใช้รถตามปกติเช่นขับไปรับสาว หรือการจอดรถอยู่เฉยๆเพราะขี้เกียจขับ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย แต่ถ้าวันดีคืนดีเจ้าของรถใช้รถไปรับจ๊อบขนแรงงานลอบเข้าเมือง หรือค้ายาบ้า ก็ต้องผิดกฎหมายเป็นธรรมดา ฉันใดฉันนั้น การใช้บริษัทนอกอาณาเขตในทางที่ผิดทำได้หลายประการ เช่น เป็นเครื่องมือในการเลี่ยงภาษี ฟอกเงิน ต้มตุ๋น ดังตัวอย่างที่เห็นในกรณีโกงกินหลายกรณีที่นักการเมืองบางประเทศเคลื่อนย้ายเงินทุจริตไปตามที่ต่างๆในโลกโดยผ่านบริษัทนอกอาณาเขต อย่างไรก็ตาม การด่วนกล่าวโทษผู้ถือครองบริษัทนอกอาณาเขตโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ อาจเป็นเหมือนด่วนประณามหนุ่มที่ขับรถไปจีบสาวว่าค้ายาบ้า ซึ่งท้ายที่สุดผู้ประณามจะสร้างความเสียหายเสียเอง
ส่วนรายละเอียดวิธีการใช้ในทางที่ผิดกฎหมายเป็นอย่างไร ให้ย้อนกลับไปอ่านข่าวสืบสวนสอบสวนของบ้านเราบางชิ้นที่ทำด้วยฝีมือไม่ด้อยกว่าฝรั่งมังค่า แล้วจะเข้าใจ..
6) เรื่องมีชื่อคนไทย 21 ราย ในปานามาเปเปอร์สใช่หรือไม่ใช่: ไม่ใช่ ตามแผนผังข้อมูลสาขา มอสแซค ฟอนเซก้า ทั่วโลกของ ICIJ ระบุว่า สำนักงานในประเทศไทยมี “ลูกค้า” จำนวน 21 ราย คำว่าลูกค้าอาจเป็นบุคคล หรือนิติบุคคล และไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ถือสัญชาติไทย หรือมีที่อยู่ในประเทศไทย อาจเป็นอังกฤษ จีน หรือเวียดนามก็ได้ ในขณะเดียวกัน ลูกค้าที่เป็นคนไทยอาจไม่ใช้บริการมอสแซค ฟอนเซก้า ในประเทศไทย แต่อาจใช้ที่อื่น เช่นที่บริติชเวอร์จิน เป็นต้น
7) อ้าว.. แล้วชื่อคนไทยผู้ถือครองบริษัทนอกอาณาเขตที่ส่งกันไปมาตามเฟซบุ๊คหรือไลน์ มาจากไหน: ชื่อเหล่านี้บางชื่ออาจมาจากฐานข้อมูล offshore leaks ของ ICIJ ซึ่งเป็นข้อมูลจากการรายงานข่าวเก่าเมื่อกว่าสองปีที่ผ่านมา ที่เปิดให้สาธารณะเข้าค้นได้ แล้วสับสนกับ ปานามา เปเปอร์ส ที่ยังไม่มีการตีพิมพ์ชื่อใดๆในฐานข้อมูล ดังนั้น เมื่อไปถามเจ้าของชื่อเหล่านั้นว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับ ปานามา เปเปอร์ส หรือเปล่า แน่นอนคำตอบที่ได้คือไม่มี เพราะไม่มีจริงๆ ถ้าคนถามไม่เปลี่ยนคำถามใหม่ว่า “ท่านมี.. หรือเคยมีบริษัทนอกอาณาเขตหรือไม่” 
8) แล้ว ICIJ จะตีพิมพ์ชื่อบุคคลใน ปานามา เปเปอร์ส ในฐานข้อมูลไหม: พ่อแม่พี่น้องไม่ต้องห่วง ในเดือนพฤษภาคม ICIJ จะตีพิมพ์รายชื่อบริษัทนอกอาณาเขตทั้งหมดที่มีอยู่ใน ปานามา เปเปอร์ส จำนวน 214,000 บริษัท รวมทั้งชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเหล่านี้ทั้งหมด โดยค้นได้จากฐานข้อมูล offshore leaks
9) แล้วรายละเอียดอื่นๆล่ะ: ICIJ จะไม่ตีพิมพ์ข้อมูลอื่นๆที่นอกเหนือไปจากรายชื่อคนและบริษัท เพราะข้อมูลดิบจำนวนมากใน ปานามา เปเปอร์ส เป็นข้อมูลส่วนบุคคล ที่ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
10) คำถามยอดฮิต “คือมีคนสงสัยว่าทำไมไม่มีชื่อคนอเมริกันในปานามา เปเปอร์ส” (ทำไม่มีแต่ปูตินรูปหล่อแห่งรัสเซีย และผู้นำจีนสุดเท่) : นั่นแน่.. ใครหนอที่สงสัย คำตอบ ณ.ปัจจุบันคือยังไม่ทราบ เมื่อถึงเดือนพฤษภาคมอาจมีชื่ออเมริกันปรากฏให้เห็นหรือไม่มีเลยก็ได้ นอกจากนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีบางรายในสหรัฐฯยังออกมาตอบคำถามเสียเองว่า ในสหรัฐฯมีบริษัทรับจดทะเบียนบริษัทนอกอาณาเขตจำนวนมากที่พร้อมให้บริการอเมริกันชน เหตุใดจึงต้องลำบากลำบนถ่อสังขารไปถึงปานามาเล่า
ล่าสุดเท่าที่หนังสือพิมพ์ เดอะการ์เดียนของอังกฤษค้นพบในเบื้องต้นคือมีรายชื่อผู้ถือพาสปอร์ตอเมริกันราว 200 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้เกษียณอายุแล้ว ที่ใช้บริษัทนอกอาณาเขตในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ
11) ตกลงข้อมูลใน ปานามา เปเปอร์ส เชื่อถือได้แค่ไหน: เรื่องนี้ต้องลองถาม มอสแซค ฟอนเซก้า หรือ (อดีต)นายกฯไอซ์แลนด์ดู ICIJ ถามแล้ว ดูเหมือนว่าสำหรับพวกเขาปัญหาไม่ได้อยู่ที่ข้อมูลไม่น่าเชื่อถือ ตรงข้าม ข้อมูลมันน่าเชื่อถือน่ะสิ...
อ่านประกอบ :

21 รายชื่อคนไทย ไม่ได้อยู่ใน "ปานามา เปเปอร์" แต่อยู่ในรายงานอีกฉบับหนึ่ง

21 รายชื่อคนไทย ไม่ได้อยู่ใน "ปานามา เปเปอร์" แต่อยู่ในรายงานอีกฉบับหนึ่ง
ได้คุยกับ “พี่ปุ๊” ปรางทิพย์ ดาวเรือง นักข่าวไทยหนึ่งเดียวในทีม ICIJ ที่อยู่ในทีม “ปานามา เปเปอร์” ได้รับข้อเท็จจริงดังนี้
รายชื่อคนไทย ที่ระบุว่า มี 21 ราย ก่อนหน้านี้ ไม่ได้อยู่ใน ปานามา เปเปอร์ เพราะในปานามา เปเปอร์ เป็นรายชื่อที่หลุดออกมาจากบริษัทกฎหมาย “มอสแซค ฟอนเซกา” หมายความว่า รายชื่อที่เห็นก่อนหน้านี้ ย่อมไม่เกี่ยวข้องใดๆกับ “มอสแซค ฟอนเซกา” และไม่แน่ชัดด้วยซ้ำว่าเป็นรายชื่อ "บุคคล" อาจเป็นบริษัท องค์กร หรืออย่างอื่น
แล้วรายชื่อเหล่านั้นมาจากไหน .. คำตอบคือ เป็นรายชื่อจากเอกสารอีกฉบับหนึ่ง ที่ชื่อว่า Offshore Leaks ซึ่งทำไว้ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว เป็นรายงานคนละชิ้นกัน แต่ไม่ได้ทำเชื่อมโยงมาจาก มอสแซค ฟอนเซกา ... แต่ รายชื่อเหล่านี้ อยู่บนหน้าเวบไซต์ของ ICIJ เช่นเดียวกัน
ดังนั้นมีรายชื่อเหล่านี้อยู่จริงมั้ย .. คำตอบ คือ มีอยู่จริง แต่ไม่ได้อยู่ใน “ปานามา เปเปอร์” เป็นรายงานคนละฉบับ แหล่งข้อมูลคนละแหล่ง และนักข่าวที่ทำ ไม่ยืนยันว่า รายชื่อที่ปรากฏออกมา เป็นรายชื่อในรายงาน Offshore Leaks ทั้งหมด อาจมีบางรายชื่อที่ไม่มีอยู่
แล้วใน “ปานามา เปเปอร์” มีรายชื่อคนไทยมั้ย ... พี่ปุ๊ ปรางค์ทิพย์ บอกว่า มีเพียงรายชื่อเดียว ที่เธอยืนยัน ตามที่ปรากฏเป็นข่าวใน “สำนักข่าวอิศรา”
เราได้นัดคุยกับนักข่าวไทยหนึ่งเดียวใน ICIJ คนนี้ ... กระบวนการสืบสวนเรื่องนี้เป็นอย่างไร เป้าหมายของการเปิดเผยข้อมูลนี้ คืออะไร
รอชม “เข้มข่าวค่ำ” ละกัน 17-30 – 20.00 น.
*** ส่วนในภาพ คือเอกสารจากการแถลงข่าวของ ป.ป.ง. เป็นตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับไทยท้งหมดในเวบของ ICIJ ซึ่ง ปานามา เปเปอร์ เป็นเพียงหนึ่งในนั้น
และใน 21 รายชื่อที่ออกมา ป.ป.ง.บอกว่า ตรวจพบเพียง 16 รายชื่อ

หลักฐานใหม่มัดฮั้วงานไฟ กทม. 39ล.!'ผู้ชนะ-คู่เทียบ'มอบอำนาจหญิงคนเดียวกัน

วันพฤหัสบดี ที่ 07 เมษายน 2559 เวลา 20:00 น
'อิศรา' เปิดหลักฐานใหม่มัดฮั้วงานประดับไฟกทม.39 ล. พบผู้ชนะ-คู่เทียบ มอบอำนาจให้หญิงสาวคนเดียวกันติดต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แจ้งวัตถุประสงค์ทำธุรกิจเพิ่มก่อนยื่นซองเสนอราคา ส่วน สตง.รับเป็นข้อมูลสำคัญ เชื่อมโยงความสัมพันธ์เอกชน 
ssdd067 4 16
ไม่ว่าผลสรุปการตรวจสอบโครงการค่าใช้จ่ายในการประดับตกแต่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว (Motif of Light) ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ใช้งบประมาณ 39.5 ล้านบาท ในการประดับไฟLED บริเวณลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2559 ที่ผ่านมา ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งอยู่ระหว่างการเสนอเรื่องให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) พิจารณาอย่างเป็นทางการ จะปรากฎผลออกมาเป็นอย่างไร
ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงของกทม. 2 ราย ที่ถูกระบุว่าจะต้องมีส่วนรับผิดชอบกับการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่ถูกต้องครั้งนี้ด้วย คือ ใครบ้าง? 

(อ่านประกอบ : บิ๊กกทม. 2 ราย โดนด้วย! สตง.ชง คตง.เชือดโครงการประดับไฟปีใหม่39ล.)

ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบหลักฐานใหม่ ที่เชื่อมโยงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่าง  บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด และ บริษัท สรรค์สร้าง จำกัด ผู้รับเหมา 2 ราย ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติและเทคนิค และยื่นซองเสนอราคางานโครงการนี้ ของกทม. (ก่อนที่ บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด จะปรากฎรายชื่อเป็นผู้ชนะไป) ว่าอาจจะเป็นบริษัทกลุ่มเดียวกัน
จากการตรวจสอบเอกสารจดทะเบียนจัดตั้งบริษัททั้ง 2 แห่ง ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า ในช่วงก่อนหน้านี้ ที่จะเข้ายื่นซองเสนอราคา บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด และ บริษัท สรรค์สร้าง จำกัด ได้มอบอำนาจให้ นางสาวคณัณญา จรูญภาพิมล เป็นผู้รับมอบอำนาจ ไปแจ้งเพิ่มวัตถุประสงค์ ประกอบธุรกิจจำหน่าย ปลีก-ส่ง ไฟฟ้าประดับตกแต่ง ไฟฟ้าให้แสงสว่างทุกชนิด รวมทั้งอะไหล่และวัสดุที่เกี่ยวข้อง รับออกแบบ ตกแต่ง และติดตั้ง ไฟฟ้าประดับตกแต่งทุกประเภททั้งในประเทศและนอกประเทศ 
โดยการมอบอำนาจ ของ บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 ก.ย.2558 นางสาวกันติกานต์ อินทศร กรรมการผู้มีอำนาจบริษัทฯ ได้มอบอำนาจให้ นางสาวคณัณญา จรูญภาพิมล เป็นผู้รับมอบอำนาจมายื่นขอจดทะเบียนแก้ไขวัตถุประสงค์การทำธุรกิจเป็น 57 ข้อ จากเดิม 54 ข้อ ซึ่งวัตถุประสงค์การทำธุรกิจที่เพิ่มเติมขึ้นมาอีก 3 ข้อ มีการระบุถึงการประกอบกิจการจำหน่ายปลีก-ส่งไฟฟ้าประดับตกแต่ง ไฟฟ้าให้แสงสว่างทุกชนิด รวมทั้งอะไหล่และวัสดุที่เกี่ยวข้อง รับออกแบบ ตกแต่ง และติดตั้ง ไฟฟ้าประดับตกแต่งทุกประเภททั้งในประเทศและต่างประเทศ 
ก่อนที่ บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด จะได้ทำเรื่องแจ้งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นทางการ เมื่อวันที่ 7 ก.ย.2558 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่กรุงเทพมหานคร โดย สำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว จะออกประกาศเชิญชวนเอกชนที่สนใจเข้าร่วมประกวดราคาโครงการประดับตกแต่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว (Motif of Light) เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2558 หรือประมาณเกือบ 3 เดือน (ดูหลักฐานประกอบ)
ssdd037 4 16
ssdd047 4 16
ssdd057 4 16
ส่วนบริษัท สรรค์สร้าง จำกัด จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของบริษัทเพิ่มเป็น 31 ข้อ ซึ่งหนึ่งในนั้นปรากฏการทำธุรกิจประกอบกิจการจำหน่าย ปลีก-ส่ง ไฟฟ้าประดับตกแต่ง ไฟฟ้าให้แสงสว่างทุกชนิด รวมทั้งอะไหล่และวัสดุที่เกี่ยวข้อง รับออกแบบ ตกแต่ง และติดตั้ง ไฟฟ้าประดับตกแต่งทุกประเภททั้งในประเทศและนอกประเทศ รวมอยู่ด้วย เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2558
ก่อนหน้าที่จะเข้ายื่นซองประกวดราคาโครงการนี้ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.2558 ระยะเวลาห่างกันประมาณ 5 วัน 
โดยการมอบอำนาจ ของ บริษัท สรรค์สร้าง จำกัด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 นางสาวณภัสส์ บุญมา และนายวีระศักดิ์ ศิริจันทร์เพ็ญ กรรมการผู้มีอำนาจบริษัทฯ ได้มอบอำนาจให้ นางสาวคณัณญา จรูญภาพิมล เป็นผู้รับมอบอำนาจ ไปแจ้งเพิ่มวัตถุประสงค์ ประกอบธุรกิจจำหน่าย ปลีก-ส่ง ไฟฟ้าประดับตกแต่ง ไฟฟ้าให้แสงสว่างทุกชนิด ดังกล่าว (ดูเอกสารประกอบ)
ssdd7 4 16  
ssdd017 4 16
ssdd027 4 16

(อ่านประกอบ :หลักฐานมัด'คู่เทียบ'แจ้งเพิ่มธุรกิจประดับไฟ 5วันก่อนยื่นซอง! 'สุขุมพันธ์ุ' เมินถูกสอบ)

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลการประกวดราคาโครงการนี้ ซึ่งใช้ชื่อว่า 'โครงการค่าใช้จ่ายในการประดับตกแต่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว (Motif of Light)' พบว่า บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด เป็นผู้ชนะการประกวดราคา ด้วยวงเงิน  39,500,000 บาท ทำสัญญาเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2558 
โดยโครงการนี้ เริ่มประกาศร่างทีโออาร์ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2558 ระบุหลักการและเหตุผล ว่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมีนโยบายในการพัฒนากรุงเทพมหานครให้ก้าวไปสู่ความเป็นมหานครท่องเที่ยวระดับโลก และมีนโยบายสำคัญประการหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมสนับสนุนให้กรุงเทพมหานครสามารถแข่งขันกับมหานครอื่น ๆ ทั่วโลกได้คือการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามแนวคิด “กรุงเทพฯ เมืองยิ้ม หรือ Bangkok Smiles” โดยส่งเสริมการท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานครใน 5 ด้าน ประกอบด้วย ด้านวัฒนธรรมประเพณี (Thai Culture & Festival)ด้านวิถีชีวิตฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองต่างๆ (River) ด้านอาหารไทย และแหล่งซื้อขายสินค้าหลากรูปแบบ (Dining &Shopping) ด้านกิจกรรมเสริมสุขภาพกายและจิตใจ (Health) และด้านความคุ้มค่าในการท่องเที่ยว (Value) ซึ่งนโยบายดังกล่าวผู้บริหารกรุงเทพมหานครมีความมุ่งหวังที่จะช่วยส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวและนำเงินจากต่างประเทศเข้าสู่ท้องถิ่นของกรุงเทพมหานครมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเวลาพิเศษที่จะทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางมาท่องเที่ยวและพักค้างอยู่ในกรุงเทพมหานครนานวันมากยิ่งขึ้น จึงควรจัดให้มีการประดับตกแต่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว (Motif of Light) เพื่อส่งความสุขให้แก่ผู้มาเยี่ยมเยือนกรุงเทพมหานครในช่วงระยะเวลาดังกล่าวต่อไป
ระบุเป้าหมาย จัดประดับตกแต่งไฟฟ้าในรูปแบบและเทคนิคพิเศษ (Motif of Light) ที่นำเอารูปแบบของลวดลายประยุกต์ที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำ ท้องฟ้า สวน และป่าไม้มาจัดแสดงด้วยระบบแสงสีที่สวยงาม ณ บริเวณลานคนเมืองศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน ในระหว่างเดือนธันวาคม 2558- มกราคม 2559 ระหว่างเวลา 18.00 – 24.00 น. 
กำหนดราคากลาง 40 ล้านบาท 
ออกประกาศเชิญชวนเมื่อวันที่ 26 พ.ย.2558  (ดูรายละเอียดที่นี่
ก่อนที่เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2558 กทม. จะแจ้งออกประกาศขอเปลี่ยนแปลงวันเสนอราคา จากเดิมวันที่ 22 ธันวาคม 2558 เวลา 14.00 น. เป็นวันที่ 17 ธันวาคม 2557 เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป
มีเอกชนสนใจเข้าซื้อซอง 7 ราย ประกอบไปด้วย
บริษัท บางกอก แมส จำกัด (27/11/2558) บริษัท ยูนิควาไนเซอร์ จำกัด (27/11/2558) บริษัท จิปาถะ ไอเดีย จำกัด (30/11/2558) บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด (30/11/2558) ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไอ สไมล์ แทรเวิล (30/11/2558) บริษัท สรรค์สร้าง จำกัด (01/12/2558) บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด(มหาชน) (01/12/2558)
แต่มีผู้สนใจ ยื่นซองเอกสาร 2 ราย คือ 
บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด และ บริษัท สรรค์สร้าง จำกัด ซึ่งผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและเทคนิคทั้งคู่
ส่วนผลการเสนอราคา  บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด เสนอราคาอยู่ที่  39,619,990 บาท   บริษัท สรรค์สร้าง จำกัด 39,749,999.75 บาท  (ห่างกัน 130,009 บาท) 
บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด เสนอราคาต่ำกว่าราคากลาง 380,010 บาท ทำให้เป็นผู้ชนะไป  (ประกาศ 22 ธ.ค.2558)
ต่อรองราคาเพิ่มช่วงทำสัญญาเหลือ 39,500,000 บาท (ดูประกาศประกอบ)
piiee44r4rr4
ขณะที่ แหล่งข่าวระดับสูงจาก สตง. ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า ข้อมูลการมอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวกัน ของริษัท  คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด บริษัท สรรค์สร้าง จำกัด ให้เป็นจดทะเบียนแจ้งเพิ่มวัตถุประสงค์ในการทำธุรกิจจำหน่าย ปลีก-ส่ง ไฟฟ้าประดับตกแต่ง ไฟฟ้าให้แสงสว่างทุกชนิด ก่อนที่จะเข้าร่วมการเสนอราคาโครงการประดับไฟฉลองปีใหม่ของ กทม. วงเงิน 39.5 ล้านบาท ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่าบริษัทฯ ทั้งสองแห่ง มีความเชื่อมโยงกัน และสตง.ได้นำหลักฐานนี้มาใช้ประกอบการตรวจสอบโครงการนี้ด้วย 
อ่านประกอบ :

เหลือสอบปากคำ'บ.ทัวร์-สุขุมพันธุ์'! สตง.จ่อเชือดโครงการประดับไฟกทม. 39ล.

หลักฐานมัด'คู่เทียบ'แจ้งเพิ่มธุรกิจประดับไฟ 5วันก่อนยื่นซอง! 'สุขุมพันธ์ุ' เมินถูกสอบ