PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ผวาวิกฤติเก่า เขย่าคสช.ไม่ลง

ผวาวิกฤติเก่า เขย่าคสช.ไม่ลง


ประชาชน “เข็ดม็อบ” เร่งเลือกตั้งจุดชนวนไม่ติด
ป่าลั่น สั่นสะเทือนทุ่งใหญ่นเรศวร
กับปรากฏการณ์ที่เจ้าสัวใหญ่ระดับนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) อาณาจักรก่อสร้างยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย
ถูกจับได้คาหนังคาเขา ขณะพาพรรคพวกเข้าไปตั้งแคมป์ล่าสัตว์ป่าในจุดต้องห้ามภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
พร้อมอาวุธปืนหลายรายการ และซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ทั้งไก่ฟ้า เก้ง และซากเสือดำ
พฤติกรรม “พรานหลงยุค” ที่โผล่มาในโลกยุคดิจิทัล
และบาปกรรมก็ทันตาเห็น นายเปรมชัยยิ่งกว่า
ตายทั้งเป็น ชื่อเสียงป่นปี้ สังคมประณาม ลามกระทบถึงธุรกิจในเครือฯหุ้นตกทะรูดทะราด
นักลงทุนไม่อยากขอสังฆกรรมกับพวกไร้ศีลธรรม
ที่สำคัญโดยสถานการณ์ที่กระตุกกระแสปมความเหลื่อมล้ำ เสียงเรียกร้องความเท่าเทียมในสังคมระหว่างคนจนกับคนรวย เปรียบเทียบกับคดีตายายเก็บเห็ดในป่าสงวนแล้วติดคุก
มีการปลุกระดมให้ตามกัดติดแบบไม่ปล่อยให้ “คนรวยทำผิดลอยนวล”
จากพรานไล่ล่าชีวิตสัตว์ ต้องมาโดนคนในสังคมไล่ล่า
โดยรูปการณ์คงจะต่อประเด็นเป็นเรื่องใหญ่ ลามต่อไปเรื่อยๆ ลากกันอีกยาว กระแสข่าวของบิ๊กอิตาเลียนไทยฯกวาดพื้นที่สื่อ เบียดข่าวอื่นตกขอบไปหมด
ตามเงื่อนไขสถานการณ์เท่ากับช่วยผ่องแรงกดดัน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม อยู่ในที
“พี่ใหญ่” เริ่มหายใจหายคอได้สะดวกขึ้น
เช่นเดียวกับ “น้องเล็ก” อย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ที่แสดงท่าทีชัดเจนว่า พล.อ.ประวิตรมีความสำคัญ ต้องอยู่ด้วยกันทั้งหมด
“บิ๊กตู่” การันตี “พี่ใหญ่” กอดคอลุยฝ่าแนวต้านไปด้วยกัน
มีเรื่องทุ่งใหญ่นเรศวรมาเบี่ยงกระแสคั่นจังหวะ
ก็น่าจะทำให้แรงกระแทกพี่น้องเบาตัวลง
และนั่นก็ยังโยงไปถึงความเคลื่อนไหวของขบวนการกดดันให้เลือกตั้งที่อาศัยจังหวะที่รัฐบาล คสช.กำลังปะทะแรงเสียดทานหลายด้าน ในการโหมโรงเสียงโห่ไล่ “ลุงตู่” ต่อท่ออำนาจ
โดนข่าวใหญ่ของ “พรานไฮโซ” มาแย่งซีน ทำให้การปั่นกระแสไม่แรงต่อเนื่อง
เกมเรียกแขกขาดช่วงขาดตอนไป
แต่เรื่องของเรื่องเลย ปรากฏการณ์ข่าวทุ่งใหญ่นเรศวรก็แค่ปัจจัยหนึ่งเท่านั้น ของจริงต้องยอมรับว่ากระแสกดดันเลือกตั้ง เกมแห่ไล่ “ลุงตู่” ยังไม่มีแรงสนับสนุนมากพอ
ฟืนเปียก ก่อชนวนยังไม่ติด
เพราะปมเหตุใหญ่มันอยู่ตรงที่ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมยังไม่ลืมภาพหลอน ฝันร้าย
เข็ดขยาดกับวิกฤติม็อบป่วนเมือง
อาการแบบที่กลุ่มผู้ค้าย่านราชประสงค์ได้ออกแถลงการณ์วิงวอนกลุ่มผู้ชุมนุมที่เคลื่อนไหวนัดรวมพลกันในย่านธุรกิจ อย่าสร้างความวุ่นวาย
ขอให้นึกถึงสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบ
แนวโน้มต้องรบกันแน่ ประชาชนผวาถ้าเลือกตั้งไปท่ามกลางหัวเชื้อความขัดแย้งที่แฝงอยู่ทุกจุดแบบนี้ โอกาสเสี่ยงสูงถึงสูงมากที่สุดที่สถานการณ์จะไหลกลับไปลงเหว
เปรียบเทียบกับสภาพการณ์ปัจจุบัน “นายกฯลุงตู่” ก็ยังประคองบ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้
ชาวบ้านร้านตลาดรู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ต้องผวาม็อบปิดเมืองอาละวาด ระเบิดตูมตาม ยิงกันตายบนท้องถนนรายวัน เหมือนรัฐล่มสลาย
ความมั่นคงยังเป็นจุดขายที่ได้เปรียบของรัฐบาลทหาร คสช.
ขณะเดียวกันก็ยังมีปัจจัยเสริมด้านเศรษฐกิจ ที่ล่าสุดนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ประกาศอย่างมั่นใจบนเวที “ไทยแลนด์ เทกออฟ 2018” เลยว่า เครื่องยนต์เศรษฐกิจทุกตัวติดหมดแล้ว ภาคการส่งออกที่เป็นบวกขึ้น
ทุกปี การคาดการณ์เศรษฐกิจปรับขึ้นตลอด ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสูงสุดในรอบ 3 ปี
ขอให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจประเทศไทยไปได้แน่นอน
พร้อมๆกับที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงมติผ่าน พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ พ.ร.บ.อีอีซี ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
เมกะโปรเจกต์ “เรือธง” ของรัฐบาลเดินหน้าแบบเต็มกำลัง
เศรษฐกิจภาพรวมติดลมบน ผิดฟอร์มรัฐบาลทหารทั่วไป ขณะที่การลุยแก้ไขจุดอ่อนเรื่องปัญหาปากท้องของประชาชนฐานราก ก็เต็มไปด้วยสารพัดมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
บัตรคนจน โครงการสวัสดิการประชารัฐ คืบหน้าไปถึงเฟส 2 เฟส 3
ตามยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลทุ่มงบประมาณทั้งงบกลาง งบท้องถิ่นอัดฉีดกระตุ้นการหมุนเวียนของเศรษฐกิจฐานราก บรรเทาปัญหาปากท้องชาวบ้านไปได้
แรงเสียดทานจากคนยากจนฐานใหญ่ของประเทศก็เบาลง
ยังไม่นับยุทธศาสตร์สำคัญที่ “นายกฯลุงตู่” เดินหน้าโครงการ “ไทยนิยมยั่งยืน” ที่ใช้บุคลากรของรัฐกว่า 2 หมื่นคน ลงพื้นที่ไปสำรวจประชาชน สอบถามปัญหาความเดือดร้อน ชาวบ้านต้องการให้แก้ไขอะไร เพื่อนำข้อมูลมาประกอบยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนแนวการพัฒนาประเทศทั้งระบบ
ลุยแบบถึงลูกถึงคน แก้ปัญหายากจน ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมระยะยาว
สถานการณ์เดินหน้าตามเป้าหมายการปฏิรูปใหญ่ประเทศ
ปฏิเสธไม่ได้ ณ วันนี้ “ลุงตู่” มีทั้งหลักประกันเนื้องานและแรงหนุนจากคนส่วนใหญ่ รัฐบาล คสช.ยังมีต้นทุนมากพอจะประคองเกมสู้กับแรงเสียดทานของขบวนการกดดันเลือกตั้ง
ดึงจังหวะยื้อกับนักการเมืองที่พยายามอิงแอบกับนักศึกษา นักวิชาการ ได้อย่างนิ่งๆ
สิ่งสำคัญก็คือการเลือกใช้กฎหมายแทนการใช้ปืนใช้กำลังในการเบรกสกัดขบวนการป่วน
ทำให้เลี่ยง “น้ำผึ้งหยดเดียว” ได้
คสช.ล็อกเงื่อนไขอันตราย ไม่ให้ถูกลากไปจุดไฟ
ในจังหวะที่ “นายกฯลุงตู่” ก็ยืนยัน ทุกอย่างเดินไปตามโรดแม็ป ที่ยังไม่มีอะไรแน่นอนในกระบวนการจัดทำกฎหมายลูก โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ทั้งร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา
เกิดปัญหาการขัดลำระหว่าง สนช.กับกรรมการร่างรัฐธรรมนูญและ กกต.
ต้องลากเข้าไปโขลกกันในที่ประชุมคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย
ตามแนวโน้มที่มีการพูดถึงประเด็นการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และอาจไปถึงการคว่ำร่างกฎหมายในที่ประชุม สนช.ในการพิจารณารอบสุดท้าย
เข้าเหลี่ยมกฎหมาย เพื่อขยายเวลาการเลือกตั้งออกไป
สถานการณ์เข้าเค้า จุด “พลิกผัน” ปัจจัยเลื่อนโรดแม็ปอย่างที่หลายฝ่ายประเมินไว้
แน่นอน โดยหลักการก็เป็นอะไรที่ผู้นำฝ่ายบริหารอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถควบคุมได้ เพราะอำนาจ 3 ฝ่ายที่แยกกันชัดระหว่างฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ ห้ามก้าวก่าย
แต่โดยภาวะที่ คสช.คุมอำนาจพิเศษ จัดรูปแบบแม่น้ำ 5 สายแบ่งงานกันทำ มันก็ยากที่จะห้ามเสียงวิจารณ์ เหลี่ยมเชิง “เหยียบตีน” กันเล่น
แบบที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เคยหลุดวาทกรรม “อภินิหารกฎหมาย”
อย่างไรก็ตาม ถึงจะคลุมเครือแคลงใจในเกม “หน่วงเลือกตั้ง” ยังไง แต่คำตอบสุดท้ายมันก็วนกลับไปที่ประชาชนส่วนใหญ่กลัวม็อบมากกว่า
สถานการณ์ยังเอื้อ “นายกฯลุงตู่” และรัฐบาล คสช.
แต่นั่นก็อย่าเผลอ “ย่ามใจ” กับพฤติการณ์ที่ทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยในพฤติกรรมแอบแฝงผลประโยชน์ของฝ่ายถืออำนาจ แบบที่ผู้นำต้องใช้ต้นทุนหน้าตักเป็นประกันขอโอกาสอยู่ด้วยกันหมดทั้งทีม
คะแนนช่วยไม่เหลือ โอกาสผิดซ้ำไม่มี
“ลุงตู่” จะปล่อยให้พี่น้องผองเพื่อนพลาดไม่ได้อีกแล้ว.
“ทีมการเมือง”

เทพเทือก” พร้อมแกนนำ กปปส. เข้ารายงานตัวศาลแพ่งคดี กปปส. ขวางการเลือกตั้ง

..“เทพเทือก” พร้อมแกนนำ กปปส. เข้ารายงานตัวศาลแพ่งคดี กปปส. #ขวางการเลือกตั้ง_ยันไม่มีเจตนาขัดขวาง ตาม กกต. กล่าวอ้าง ย้ำ จะร่วมรับผิดชอบบ้านเมืองกับประชาชนโดย
ไม่ทิ้งไปไหน
วันนี้ (12 ก.พ.) ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เดินทางมารายงานตัวต่อศาล หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต) ฟ้องเรียกค่าเสียหายกรณีที่อ้างว่า กลุ่ม กปปส. ได้ขัดขวางการจัดการเลือกตั้งของ กกต. เมื่อปี 2557 ทำให้ กกต. ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ โดย นายสุเทพ ระบุว่า ทาง กกต. ได้กล่าวโทษว่า กลุ่มของตนเป็นต้นเหตุที่ทำให้การจัดการเลือกตั้งของ กกต. ไม่สำเร็จ โดยอ้างว่ามาจากกระทำของกลุ่ม กปปส. และตน ซึ่งถือเป็นการละเมิด โดยการยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายกลุ่มตนทั้งหมด 38 คน เป็นเงินทั้งสิ้น 3,100 ล้านบาท วันนี้ศาลจึงนัดทั้งโจทก์และจำเลย เพื่อที่จะทำการสอบถามถึงพยานหลักฐานต่างๆ
ทั้งนี้ เบื้องต้นการดำเนินการคดีนั้นต้องเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากในปัจจุบันมีจำเลย 1 ราย เป็นชาวจังหวัดพัทลุง ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้วโดยทนายได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลได้พิจารณาจำหน่ายคดีบุคคลดังกล่าว แต่อัยการไม่ยินยอมโดยให้เหตุผลว่าให้ภรรยาและลูกของผู้เสียชีวิตเข้ามาทำการรับผิดชอบแทน โดยการยื่นฟ้องและจะทำการออกหมายเรียกภรรยาและลูกของบุคคลดังกล่าวมารับทราบข้อกล่าวหา และในวันนี้อัยการได้ยื่นฟ้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพิ่มเติมเป็นจำเลยรายที่ 39 จึงเป็นเหตุผลที่ต้องทำให้คดีต้องเลื่อนออกไป โดยอาจมีการพิจารณากันอีกครั้งในวันที่ 21 พฤษภาคม 2561 โดย นายสุเทพ ยืนยันว่า ส่วนตัวตนต้องการต่อสู้คดีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ไม่มีการยืดเยื้อเกิดขึ้น
ส่วนแนวทางการต่อสู้คดีนั้น ตนพร้อมที่จะต่อสู้กันในชั้นศาล ยืนยันว่า ตน กลุ่ม กปปส. และประชาชนทั้งหมด มีเจตนาที่จะคัดค้านการเลือกตั้ง โดยที่ไม่ได้ทำการขัดขวางการเลือกตั้งตามที่โจทก์กล่าวอ้าง รวมถึงมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนว่ากรณีดังกล่าวนั้นไม่ใช่ความผิดของกลุ่ม กปปส. และประชาชน พร้อมให้เหตุผลว่าการที่ กกต. จัดการเลือกตั้งไม่สำเร็จนั้น เป็นเรื่องของรัฐบาลในขณะนั้น และ กกต. ที่จะต้องรับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม นายสุเทพ ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่างๆ ในด้านสถานการณ์ การเมืองในขณะนี้ โดยระบุว่า ยังไม่ถึงเวลา ซึ่งตนขอให้ความสำคัญเกี่ยวกับการสู้คดีความที่ตนมีทั้งหมดก่อน แต่ยืนยันว่า จะมาร่วมรับผิดชอบบ้านเมืองกับประชาชนโดยไม่ได้ทิ้งไปไหน

คดีเปรมชัย

UPDATE: ตำรวจไม่ยืนยัน เปรมชัยหนีไปทวาย แค่ติดต่อไม่ได้ ย้ำข่าวมีน้ำหนักไม่พอให้ยื่นถอนประกันตัว
.
ความคืบหน้าคดี นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ กับพวกรวม 4 คน ถูกจับกุมขณะลักลอบเข้าไปตั้งแคมป์ล่าสัตว์ป่าสงวนในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี โดยศาลได้ให้ประกันตัว 1.5 แสนบาท โดยไม่มีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ท่ามกลางกระแสข่าวว่านายเปรมชัยเดินทางออกนอกประเทศไปกบดานที่เมืองทวาย ประเทศเมียนมา 
.
วันนี้ (12 ก.พ.) พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังไม่ยืนยันว่านายเปรมชัยหลบคดีไปอยู่ที่เมืองทวายของเมียนมา เพราะจากการตรวจสอบจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไม่พบการเดินทางออกนอกประเทศ ส่วนขณะนี้ไม่สามารถติดต่อนายเปรมชัยทางโทรศัพท์ได้ หรือกระแสข่าวว่าหลบหนีก็ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะยื่นต่อศาลให้เพิกถอนการประกันตัว ทั้งนี้ต้องรอวันที่ศาลนัดรายงานตัวเพื่อดูว่านายเปรมชัยจะเดินทางมาศาลหรือไม่ หากไม่มาศาลก็ต้องริบเงินประกัน และต้องติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
.
ส่วนประเด็นคลิปเสียงการสนทนาของกลุ่มนายเปรมชัยที่ระบุว่านายเปรมชัยยังมีบ้านที่อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย เป็นภูเขาทั้งลูกนั้น ตามข้อมูลระบุว่าพื้นที่ดังกล่าว บริษัท ซี พี เค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นผู้ครอบครอง โดยมีนายเปรมชัยเป็นเพียงหนึ่งในกรรมการบริษัท ไม่ใช่เจ้าของตัวจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าบริษัทดังกล่าวอยู่บริเวณใดและบุกรุกพื้นที่ป่าหรือไม่
.
ส่วนการออกหมายเรียก นายนพดล พฤกษะวัน อดีตข้าราชการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ปรึกษา บมจ. อิตาเลียนไทย ซึ่งถูกอ้างว่าเป็นผู้ประสานงานให้นายเปรมชัยกับพวกเข้าพื้นที่ป่านั้นเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนไปดำเนินการติดตามตัวมาสอบปากคำ เนื่องจากมีการออกหมายเรียกแล้ว หากไม่มาตามหมายเรียกจะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป 
.
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยืนยันถึงกระแสข่าวการเปิดช่องให้นายเปรมชัยได้สู้คดีจากการที่ตำรวจเข้าตรวจค้นร้านอาหารป่าที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งนายเปรมชัยเข้าไปในร้านอาหารนี้ก่อนเดินทางเข้าป่าว่า การตรวจค้นไม่ได้เป็นการเปิดช่องให้นายเปรมชัยต่อสู้คดี เนื่องจากพฤติกรรมนายเปรมชัยกับพวกซึ่งถือปืนเข้าป่าถือว่ามีความผิดตามกฎหมายแล้ว 
.
ภาพ: ชาติกล้า สำเนียงแจ่ม

#News #TheStandardPhoto #TheStandardCo #TheStandardTH #StandUpForThePeople #ชาติกล้าสำเนียงแจ่ม

จับตาม็อบคนอยากเลือกตั้ง

"คสช." จับตา"คนอยากเลือกตั้ง" ....หลังประกาศเดินหน้าชุมนุมอีก  แถม"วัฒนา เมืองสุข" ประกาศจะเข้าร่วมด้วย..../พอใจการปฏิบัติของ จนท.คุมม็อบ 10กพ.

จากการที่แกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ในนาม "คนอยากเลือกตั้ง" เช่น นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว นายรังสิมันต์ โรม นายอานนท์ นำภา นายสุกฤษฎิ์ เพียรสุวรรณ และน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ยืนยันจะเคลื่อนไหวเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งในปีนี้ต่อไป แม้จะถูกดำเนินการตามกฎหมาย ภายหลังได้นำมวลชนชุมนุมบริเวณขอบถนนราชดำเนินใกล้กับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อ10 ก.พ.2561นั้น

พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษก คสช. /ผบ.มทบ.11 กล่าวว่า คสช.ยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมต่อไป ควบคู่การทำความเข้าใจกับประชาชน ตลอดจนถึงการดูแลรักความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

เพราะในห้วงนี้เป็นระยะสำคัญที่เราจะต้องเดินไปสู่การเลือกตั้ง ในอนาคตอันใกล้ และนำพาการบริหารราชการแผ่นดินใหม่ไปสู่ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง 

ดังนั้นการดูแลสถานการณ์ความสงบเรียบร้อย ถือว่ายังเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องดูแล เป็นเพื่อประคับประคองและสนับสนุนให้การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลดำเนินการต่อไปได้

ส่วนเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อคืน10 ก.พ.นั้นเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่เจ้าหน้าที่ได้ติดตามข้อมูลข่าวสารมีการประสานงานอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยและเตรียมพื้นที่รองรับอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ และมีการปฏิบัติหน้างานต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามขั้นตอนและอยู่ในกรอบของกฎหมาย ไปจนเสร็จสิ้นการชุมนุมและมีการร้องทุกข์กล่าวโทษตามกรอบกฎหมายที่ผู้ชุมนุมได้ดำเนินการ

“ภาพที่ปรากฎเจ้าหน้าที่ระมัดระวังการกระทบ กระทั่ง ยื้อยุดฉุดกระชาก การทะเลาะ เบาะแว้งระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุม หรือผู้ชุมนุมกับประชาชนที่สัญจรไปมา 

ภาพโดยรวมถือว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสามารถเตรียมการบริหารจัดการสถานการณ์หน้างาน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตามขั้นตอนอย่างเหมาะสม "

ส่วนเงื่อนไขของผู้ชุมนุมที่เรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งในปีนี้นั้น ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าในเวลานี้บ้านเมืองดำเนินไปด้วยหลักเหตุและผลของกฎหมาย แต่เมื่อมีผู้ออกมาเคลื่อนไหวเราก็จะต้องทำความเข้าใจและสร้างความรับรู้ในสิ่งที่ถูกต้องให้กับประชาชน

พล.ต.ปิยพงศ์  เชื่อว่าทุกคนที่มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พยายามที่จะทำความเข้าใจกับประชาชนถึงการเลื่อนการเลือกตั้ง จากปี 2561 ไป ปี 2562 กับทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย รวมถึงกลุ่มนักการเมือง และผู้ชุมนุมที่ออกมาเคลื่อนไหว

และที่สำคัญประชาชนทั้งประเทศจะต้องรับรู้ร่วมกันว่า บ้านเมืองในขณะนี้กำลังทำอะไรอยู่ซึ่งรัฐบาลพยายามที่จะประคับประคองสถานการณ์ให้เป็นไปตามโรดแมปพโดยไม่ให้มีอะไรมากระทบกระเทือนทั้งสิ้น 

เมื่อมีประชาชนกลุ่มหนึ่ง รู้สึกว่าการเลือกตั้งช้าเกินไป ไม่ทันใจ เราก็ต้องพยายามทำความเข้าใจชี้แจง

ส่วนจะจุดกระแสติดหรือไม่ พล.ต.ปิยพงศ์ ระบุว่า การรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เจ้าหน้าที่จะต้องระมัดระวังในการปฏิบัติต่อสถานการณ์ อะไรก็ตามที่จะเป็นเงื่อนไขและนำไปสู่ความไม่เรียบร้อย จะต้องมีการศึกษาข้อมูลและหาวิธีปฏิบัติที่เหมาะสมและใช้อำนาจหน้าที่ตามกฏหมายไม่ไปละเมิดหรือไปรังแกใคร ดูแลสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้จบลงไปด้วยความเรียบร้อย

ส่วนกรณี นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟสบุค จะออกมาร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ในนามคนอยากเลือกตั้ง ในครั้งต่อไป นั้น พลตรีปิยพงศ์ ยืนยันว่า ขณะนี้ คสช.ยังไม่มีแนวคิดจะเรียก นายวัฒนา มาพูดคุยทำความเข้าใจ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องการบังคับใช้กฎหมายปกติ มากกว่ากฎหมายพิเศษ พร้อมชี้แจงทำความเข้าใจ เพื่อรักษาบรรยากาศความปรองดองและการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งช่วงเวลาที่กำลังเดินไปในทุกวินาทีนี่ เพื่อไปสู่หลักของการเลือกตั้งตามโรดแมป 

ทั้งนี้ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช.เน้นย้ำมาตลอดให้หน่วยงานความมั่นคงได้ติดตามและพยายามทำให้สถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นคลี่คลายไปในทางที่ดี

ศักดิ์ศรีมนุษย์ประเทศไทย

"ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์" ของประเทศไทย 

"บิ๊กตู่" ส่งสัญญาณ ถึง"จีน-อังกฤษ" ให้เคารพ"ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์" ของประเทศไทย เผยตปท. ให้ความสำคัญแต่เศรษฐกิจ แต่เราดำเนินคดีให้ จับได้ก็ส่งตัวให้ ขี้คดีตัดสินแล้ว ยังไปเคลื่อนไหวในตปท.

แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อประเทศออกมา แต่ พลเอกประยุทธ์ ใช้เวทีสิทธิมนุษยชน  พูดผ่าน ทูต และ UN และองค์กรสิทธิฯ ยัน ยึดหลัก"เคารพ คุ้มครอง เยียวยา" แก้ปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชน ชี้ รัฐพยายามผ่อนคลาย  แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น

ยันยึดกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ให้สังคมขี้ว่าผิด ต้องยึดหลักฐานขั่นตอน ขบวนการ

"บางคนคดีตัดสินแล้ว แต่ยัง
ไปเคลื่อนไหวในตปท.เพราะเขา มองเศรษฐกิจ อย่างเดียว  แต่ประเทศไทยเรามีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ใครทำผิด ก็ต้องดำเนินคดี ใครมาทำผิดในประเทศเรา เราก็ดำเนินคดี และส่งตัวให้ตามกม.

ดังนั้นทุกประเทศก็น่าจะเคารพ  ไม่ควรให้ใครมีการเคลื่อนไหวในประเทศ นี่คือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ของประเทศไทย"

พลเอกประยุทธ์ กล่าวเรื่องนี้ หลังจากที่นายทักษิณ ชินวัตร และ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปรากฏตัวในกรุงปักกิ่ง ของจีน และก่อนหน้านี้ ก็ ปรากฏตัวที่กรุงลอนดอน ของอังกฤษ

แค่เรื่องกระพี้

กระพี้ !!

"บิ๊กตู่" ไม่สนใจ"ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ" โผล่จีน  เริ่องของ ตปท.เขา ยันประสานติดตามตัว ทุกคน แต่ไม่รู้จะได้กลับมาหริอไม่...ถามนักข่าว ไปสนใจอะไร ให้ความสำคัญกับคนทำผิดกม. แค่กระพี้ ผมไม่สนใจ ผมไม่มีความเห็น

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า "ผมไม่มีความเห็น ๆ เรื่องตปท เขา " เมื่อนักข่าวถามถึง  อดีตนายกฯ ทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ปรากฏตัว ที่ ปักกิ่ง จีน 

ทั้งนี้ ตอนนี้หน่วยที่เกี่ยวข้อง เขาทำอยู่แล้ว ในการติดตามตัว เพราะทุกครั้ง ที่มี เราก็ติดตามตัวทุกคน แต่ได้กลับมาบ้าง ไม่ได้กลับมาบ้าง

เมื่อถามว่า ความเคลื่อนไหว สอดรับกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มในประเทศ นั้นนายกฯ กล่าวว่า  ผมไม่สนใจ คุณจะไปสนใจคนทำผิดกม.ทำไม 

"ผมไม่มอง  คุณจะให้ความสำคัญทำไม  แค่กระพี้  คุณสนใจ ก็ตามใจคุณ ผมไม่มีความเห็น" นายกฯ กล่าว ก่อนยุติการให้สัมภาษณ์ แล้วเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ไป แบบ "เดินลงส้น" นิดนึง !!
////
"ทำไม ต้องให้ความสำคัญกับคนทำผิดกม."

"นายกฯ" หน้ามุ้ย!! บอก ไม่สนใจ"ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ" โผล่จีน  ปัดตอบ คำถามนักข่าวเรื่อง 2 พี่น้อง ชินวัตร โผล่ช็อปปิ้ง ปักกิ่ง จีน ...ถามนักข่าว ทำไมต้องสนใจคนทำผิดกม.ไปสนใจอะไร  เรื่องกระพี้ ผมไม่สนใจ ผมไม่มีความเห็น

แต่ออกอาการ "เดินลงส้น" นิดนึง !!

"ผมไม่มีความเห็น ๆ เรื่องตปท เขา 

ตอนนี้หน่วยที่เกี่ยวข้อง เขาทำอยู่แล้ว ในการติดตามตัว เพราะทุกครั้ง ที่มี เราก็ติดตามตัวทุกคน แต่ได้กลับมาบ้าง ไม่ได้กลับมาบ้าง

เมื่อถามว่า ความเคลื่อนไหว สอดรับกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มในประเทศ นั้นนายกฯ กล่าวว่า  ผมไม่สนใจ คุณจะไปสนใจคนทำผิดกม.ทำไม 

"ผมไม่มอง  ทำไมคุณจะต้องให้ความสำคัญกับคนทำผิดกม. แค่กระพี้  คุณสนใจ ก็ตามใจคุณ ผมไม่มีความเห็น" นายกฯ กล่าว ก่อนยุติการให้สัมภาษณ์ แล้วเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ไป แบบ "เดินลงส้น" นิดนึง !!

ฟ้องฝรั่งม็อบไม่ใส

ฟ้อง ฝรั่ง !!

"บิ๊กตู่" ฟ้อง ทูต ตปท. กลุ่มเคลื่อนไหวการเมือง มีเจตนาไม่บริสุทธิ์  ชี้ถ้าให้อ้างแต่ รธน. เคลื่อนไหวตามสิทธิ์ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ใครจะรับผิดชอบ ผมจะไม่ยอมให้ประเทศไทยไปสู่จุดนั้น ลั่นผมจะไม่ยอมเด็ดขาด ...ถามทูต  ถ้า ใครคิดว่า ไทยทำไม่ถูกต้อง ช่วยบอกผมด้วย ...วอน ตปท.คำนึงถึง"ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์"ของไทย ปล่อย คนทำผิดกม.เคลื่อนไหว

"นายกฯบิ๊กตู่"แจงทูต -UN เวทีสิทธิมนุษยชน ยัน ยึดหลัก"เคารพ คุ้มครอง เยียวยา" แก้ปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชน ชี้ รัฐพยายามผ่อนคลาย  ย้ำแม้มีสิทธิ์ แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น

โดยเฉพาะสิทธิด้านการเมือง กับกม. ตัองให้สมดุลย์ ในสังคม ไม่งั้นมีปัญหา วุ่นวาย ในการจะเป็น ประชาธิปไตย

ทั้งนี้ เราจะได้ผู้นำดี หรือไม่ดี ไม่รู้ ผมไม่กล้าพูดว่าผมเป็นผู้นำที่ดีหรือไม่ แต่ผมมีเจตนามุ่งมั่น ที่จะแก้ปัญหาให้ประเทศ นี้ให้ได้

ชี้ตัองสร้าง ภูมิต้านทาน โซเชี่ยลฯ รู้ว่า อะไรผิด ถูก สร้างหลักคิดให้ปชช. ให้ได้ แต่ไม่ใช่ให้รักผม รักคสช แต่ต้องชอบ ต้องรักประเทศของท่าน

ยัน เราจะตัองเป็น ปชต. อยู่แล้ว แต่ขอเวลาศึกษา กม. ทุกฉบับ ไม่ใช่มองแต่ รธน อย่างเดียว ถ้าเกิดอะไรขึ้น ใครจะรับผิดชอบ ผมจะไม่ยอมให้ประเทศไทยไปสู่จุดนั้น ผมจะไม่ยอมเด็ดขาด

"ออกมาทุกวัน ไม่มีกม.เหรอ  จับแล้วปล่อยตัวไป. แล้วก็มาใหม่ ใครคิดว่า ไทยทำไม่ถูกต้อง ช่วยบอกผมด้วย  ที่ผ่านมา มีอนุโลมให้ได้บ้าง แต่ นี่มีเจตนาอย่างอื่น มีเจตนาไม่บริสุทธ์ิ"

พร้อมปฏิเสธว่า ไม่เคยสั่งให้ใครไปทรมานใคร  เพราะไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง

ยันไทย ยึดกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ให้สังคม ชี้ว่าผิด ตัดสินไปแล้ว แต่ต้องยึดหลักฐานขั่นตอน ขบวนการ

"แต่  บางคนคดีตัดสินแล้ว แต่ยัง
ไปเคลื่อนไหวในตปท.เพราะประเทศเขา มองเศรษฐกิจ อย่างเดียว  แต่ประเทศไทยเรามีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ใครทำผิด ก็ต้องดำเนินคดี ใครมาทำผิดในประเทศเรา เราก็ดำเนินคดี และส่งตัวให้ตามกม.

ดังนั้นทุกประเทศก็น่าจะเคารพ  ไม่ควรให้ใครมีการเคลื่อนไหวในประเทศ นี่คือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประเทศไทย" นายกฯกล่าว เป็นภาษาไทย

ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย

ไม่ใช่ เรื่องคอขาดบาดตาย

"ดอน" ชี้ "ยิ่งลักษณ์" โผล่จีน "ไม่ถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย" เผยเคยแจ้ง ทุกประเทศ ให้รับทราบ ก่อนหน้านี้แล้ว ชี้ตอนนี้เป็นหน้าที่ ตำรวจ ยังไม่ถึงคิว กต.

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ นายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ปรากฏตัวที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนว่า เบื้องต้นมีรายงานอย่างไม่เป็นทางการเข้ามาแล้วว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ปรากฎตัวที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนที่กระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการใดๆ เพราะเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

นายดอน กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าตอนนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถือหนังสือเดินทางของประเทศใด ทราบจากข่าวว่าได้หนังสือเดินทางจากประเทศใดประเทศหนึ่ง ซึ่งวิธีขอหนังสือเดินทางมีหลายรูปแบบ เช่น ไปทำการค้าการลงทุนกับประเทศนั้นจนได้รับหนังสือรับรอง 

และก่อนหน้านี้ เราได้แจ้งทุกประเทศให้รับทราบถึงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์แล้ว จากนี้ต้องเป็นเรื่องของแต่ละประเทศจะดำเนินการ

เมื่อถามว่ากระทรวงการต่างประเทศ ได้รับรายงานหรือไม่ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ พำนักอยู่ที่ประเทศใดเป็นหลัก นายดอน กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจน ซึ่งหลังจากปรากฎภาพน.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายทักษิณ ที่กรุงปักกิ่งแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ไม่ได้สั่งการใดๆเป็นพิเศษ เพราะเราไม่ถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย

รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า นอกจากนี้ในการพบกับรมว.ต่างประเทศของอังกฤษที่มาเยือนไทย ก็ไม่ได้พูดคุยถึงกรณีดังกล่าว แต่ได้หารือถึงความสนใจของทั้งสองฝ่าย เช่น การเมืองทั่วไป , เหตุการณ์รอบบ้านเรา , ความสนใจของอังกฤษในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษEEC 

รวมถึงยังได้พูดคุยถึงการเลือกตั้งในประเทศไทย โดยเรายืนยันว่าเป็นไปตามขั้นตอนว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนพ.ย.2561 แต่เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) แก้ไขร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งจึงเลื่อนออกไป โดยอังกฤษได้รับทราบ เช่นเดียวกับรมว.ต่างประเทศอิตาลีที่มาเยือนไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้รับทราบโดยไม่มีข้อคิดเห็นใดๆ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องภายในของไทย ที่จำเป็นต้องเลื่อน

ไม่มีคุยยิ่งลักษณ์ลี้ภัย

"บิ๊กตู่" เปิดทำเนียบต้อนรับ "รมว.ต่างประเทศอังกฤษ" Boris Johnson เยือนไทยครั้งแรก เน้นคุยการค้า เศรษฐกิจ การศึกษา สัมพันธ์ดี กว่า400ปี/"วีรชน"แถลง ไม่มีคุยเริ่อง "ยิ่งลักษณ์"ขอลี้ภัย หรือ โผล่ ลอนดอน ก่อนหน้านี้

นายบอริส จอห์นสัน (The Right Honourable Boris Johnson MP) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ  เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล 

โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เข้าร่วมการหารือด้วย 

พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่าพลเอก ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับเพราะเป็นการเดินทางเยือนไทยครั้งแรก

ขอบคุณอังกฤษ ที่ให้การสนับสนุนการปรับข้อมติสหภาพยุโรป(EU)ต่อไทย สหราชอาณาจักร ถือเป็นมิตรประเทศที่เก่าแก่ของไทย มีความสัมพันธ์อย่างยาวนานมากว่า 400 ปี จนเป็นความผูกพันในทุกระดับ ขอให้กระชับความสัมพันธ์ต่อกัน สร้างมิตรภาพที่ดีต่อกันไปในอนาคต
 
ทั้งสองฝ่ายเห็นร่วมที่จะส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกัน โดยพลเอก ประยุทธ์ ได้เชิญชวนให้นักลงทุนชาวอังกฤษพิจารณามาลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (EEC) และหวังว่าสหราชอาณาจักรจะใช้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการค้าการลงทุนผ่านไปยังประเทศ CLMV ในภูมิภาค ตลอดจนเป็นการเชื่อมโยงไปสู่ภาคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 

ซึ่ง นาย Boris Johnsonก็ได้หยิบยกนโยบาย Global Britain ของสหราชอาณาจักรที่เน้นการค้าเสรี เปิดโอกาสให้สหราชอาณาจักรมีการค้ากับประเทศต่างๆทั้งในและนอกยุโรปมากยิ่งขึ้น จึงเป็นโอกาสดีที่ไทยและสหราชอาณาจักรจะกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า การลงทุนระหว่างกัน
 
ทั้งสองฝ่าย ยืนยันที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันในด้านต่างๆ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย โดยประเทศไทยมีนโยบายที่ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน  ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมยานอากาศ ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความร่วมมือด้านการศึกษา และการท่องเที่ยว

โดยพลเอก ประยุทธ์ ขอให้รัฐบาลอังกฤษดูแลนักเรียนไทยที่ศึกษาที่อังกฤษ จำนวน 10,000 คน 

ซึ่งนาย Boris Johnson กล่าวว่า ภูมิใจที่นักเรียนไทยเลือกเดินทางไปศึกษาที่ สหราชอาณาจักร เพราะมีกระบวนการศึกษาที่ดี
 
ซึ่งในระหว่างการหารือครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้หยิบยกประเด็นที่ต้องการให้มีความร่วมมือระหว่างไทยและสหราชอาณาจักร ได้แก่ ความร่วมมือด้าน Cyber ความร่วมมือด้าน E-Government ความร่วมมือด้าน Start up และความร่วมมือด้าน Data protection 

ซึ่ง นาย Boris Johnson กล่าวว่าจะแจ้งรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับไทยเพื่อพัฒนาความร่วมมือเพราะเห็นว่าจะเป็นประเด็นที่มีความสำคัญ มีประโยชน์ในอนาคต  
 
นาย Boris Johnson ชื่นชมไทยที่ได้รับการปรับสถานะ(Ease of Doing Business)มีเป็นประเทศที่น่าลงทุนอันดับที่ 26 และแสดงความเชื่อมั่นในพัฒนาการทางประชาธิปไตยของไทย เชื่อมั่นว่าไทยจะจัดการเลือกตั้ง และประสบความสำเร็จในการปฏิรูปตาม Roadmap
 
ในตอนท้าย นาย Boris Johnson เชิญชวนฝ่ายไทยให้ส่งผู้แทนเข้าร่วมการประชุม London Conference on the Illegal Wildlife Trade 2018 ในช่วงเดือนตุลาคม 2561 

ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีจะมอบหมายรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเป็นผู้แทนเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว 

และนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย รัฐบาลไทย ให้ความสำคัญการแก้ไขปัญหาระดับโลกด้านอื่นๆ อาทิ การค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์  IUU การค้ามนุษย์ ซึ่งจะเห็นผลที่ดีขึ้นต่อไป

ทั้งนี้ในเนื้อหา การแถลงข่าว พลโทวีรชน ไม่ได้เปิดเผยว่ามีการหารือ เรื่องการลี้ภัยหรือการปรากฏตัว ของอดีตนายกรัฐมนตรี"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"ในกรุงลอนดอน ก่อนหน้านี้หรือไม่