PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559

“บิ๊กป้อม” ปัดขัดแย้ง “พะจุณณ์-ป๋าเปรม” บอก “พระจุณณ์” เป็นน้อง

“บิ๊กป้อม” ปัดขัดแย้ง “พะจุณณ์-ป๋าเปรม” บอก “พระจุณณ์” เป็นน้อง ที่ผ่านมาไม่เคยทะเลาะกับน้อง ขออย่ามาเสี้ยมให้แตกกัน จวกคนเขียนคอลัมน์มโนไปเอง
เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 8 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรัฐธรรมนูญว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวความไม่ลงรอยกับพล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และอดีตนายทหารคนสนิทของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่า วิพากษ์วิจารณ์กันไปเอง ขอบอกว่าตนรู้จักกับพล.ร.อ.พะจุณณ์ดี แล้วเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับพล.อ.เปรมด้วย ไปเขียนกันส่งเดช ตนเด็กท่านและเคารพท่านมาโดยตลอด ไปเขียนกันแบบนู้น แบบนี้ มโนไปหมด ทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง แต่ท่านเข้าใจตน อีกทั้งตนกับพล.ร.อ.พะจุณณ์ก็ไม่มีอะไรกัน อย่าคิดเอง อย่าไปเขียนผิดๆ ถูกๆ
“ผมกับพล.ร.อ.พะจุณณ์ เราถูกกัน สมัยผมเป็นรัฐมนตรี ผมก็ให้พล.อ.เขา ไม่เห็นมีอะไรเลย ตอนนี้ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน เพราะไม่เกี่ยวกับผม เขาไม่ได้ว่าผมสักอย่าง พล.อ. อะไรในกรณีซื้อขายตำแหน่งตำรวจไม่มี ผมไม่เห็น เขาไปเอาอะไรมาต่อกันไม่รู้ อย่าไปทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ พล.ร.อ.พระจุณณ์น้องผมกี่ปี รุ่นเดียวกับนายกฯ ผมไม่เคยทะเลาะกับน้องตลอดชีวิตการรับราชการ พล.ร.อ.พระจุณณ์ก็เปรียบเป็นน้องผม ผมไม่ได้มีอะไรกับเขา ไปเขียนถึงรัฐบุรุษอีกแบบนี้ตายห่า ห่วย แบบนี้ใช้ไม่ได้” พล.อ.ประวิตร กล่าว
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ส่วนการเสนอการปฏิรูปตำรวจนั้น ก็มีการทำอยู่แล้ว ทำตามที่ตนและนายกฯ สั่ง อย่างไรก็ตามไม่ขอดำเนินการกับผู้ที่กล่าวให้ตนเสียหายเพราะคนที่เขียนคอลัมน์ล้วนมีสมองว่าควรจะเขียนหรือไม่เขียนอะไร ตนจะไม่ก้าวล่วงใคร จะมาเสี้ยมให้ทะเลาะกัน แต่ยืนยันว่าไม่ได้ขัดแย้งกับใคร และพร้อมอธิบายความจริงให้ฟัง อีกทั้งตนไม่ได้ใหญ่อะไร ไม่เคยใช้อำนาจอะไรทั้งนั้น
เมื่อถามว่า พล.ร.อ.พระจุณณ์ให้สัมภาษณ์ในเชิงที่พร้อมจะต่อสู้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่จริง ไม่เกี่ยว ผมฟังดู พล.ร.อ.พะจุณณ์ก็บอกว่า เขากับผมสนิทกัน ตรงไหนจะมาสู้ เขาอาจจะสู้กับนู้นมั้ง ไม่ใช่กับผมหรอก ก็สู้กับตำรวจ ก็อาจจะหวังดีว่ามีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นในตำรวจ แต่ในฐานะขององค์กรตำรวจ เขาก็ต้องปกป้องตัวเองเมื่อถูกกล่าวหา เป็นการคิดคนละทาง แต่ทั้งนี้ทุกคนก็หวังดีกับบ้านเมืองทั้งนั้น ไม่มีอะไร”

ศาลสั่งยึดทรัพย์ “พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์” อดีตผบช.ก. 25 ล้านบาท

ศาลสั่งยึดทรัพย์ “พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์” อดีตผบช.ก. 25 ล้านบาท ตกเป็นขอแผ่นดิน
ศาลแพ่งสั่งยึดทรัพย์ “พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์” อดีตผบช.ก. รวม1,014 รายกาย มูลค่า 25,159,800 บาท ที่มาจากการกระทำความผิด ตกเป็นของแผ่นดินวันนี้ ( 8 มี.ค.) ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์สิน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. รวม1,014 รายกาย มูลคา 25,159,800 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้ตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 49,51 และ 58สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กับพวกมีพฤติการณ์กระทำผิดเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ราชการและความผิดเกี่ยวกับการพนัน
โดยขณะดำรงตำแหน่งเป็น ผบช.ก.ได้ร่วมกับพวกเรียกร้องเงินจากข้าราชการตำรวจที่ขอแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งสำคัญรายละ 3 - 5 ล้านบาท เมื่อได้รับแต่งตั้งแล้วต้องนำเงินส่งให้พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เป็นรายเดือนๆละ 1 หมื่น - 2 ล้านบาท นอกจากนี้พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กับพวกร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบธุรกิจค้าน้ำมันเถื่อนทางน้ำเป็นเงินเดือนละ 2 -5 ล้านบาท และยังร่วมกับพวกเช้าสถานบริการอาบอบนวดโคลอนเซ่เพื่อเปิดบ่อนการพนันถั่วครอบ โดยนำทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดไปชื้อทรัพย์สินต่างๆ
ต่อมาพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ถูกศาลพิพากษาลงโทษในคดีอาญาฐานความผิดหมิ่นเบื้องสูง มาตรา112 ,พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และพ.ร.บ.การพนัน คณะกรรมการ ปปง.จึงตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และเสนอพนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลยึดทรัพย์ของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จำนวน 1,014 รายการ พร้อมดอกเบี้ยให้ตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งไม่มีผู้ใดคัดค้านศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ รับราชการตำรวจมีรายได้จากเงินเดือนของทางราชการ ซึ่งไม่มีหลักฐานมาแสดงว่ามีรายได้พิเศษอย่างอื่น การยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อปีระบุมีเงินได้ปีละ 1 ล้านบาทเท่านั้น
แต่กลับมีทรัพย์สินต่างๆเป็นจำนวนมาก โดยทรัพย์สิน 1,014 รายการมีมูลค่า 25 ล้านบาทเศษ และไม่สามารถแสดงถึงการได้มาโดยชอบของทรัพย์สินดังกล่าวได้ และเมื่อพนักงานอัยการยื่นคำร้องคดีนี้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ก็ไม่ได้โต้แย้งคัดค้าน ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าทรัพย์สินตามรายการข้างต้น เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จึงมีคำสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 51 วรรคหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ถูกอัยการยื่นฟ้อง 7 สำนวน ในคดีอาญาฐานฟอกเงิน ,คดีเรียกรับส่วยน้ำมันเถื่อน ,คดีรับส่วยแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจในบช.ก. ,คดีลักลอบเปิดบ่อนพนันลอนเซ่ ย่านพระราม 9 , คดีกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ , คดีลักลอบครอบครองวัตถุโบราณ และคดีรับของโจร รวมจำคุกทั้งสิน 36 ปี 3 เดือน

ศาลตัดสินจำคุกศุภชัย ศรีศุภอักษร

Chuchart Srisaeng
วันนี้ที่ 8 มีนาคม 2559 ศาลอาญา นัดสืบพยานโจทก์คดีหมายเลขดำ อ.1739/2558 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ ฟ้องนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เป็นจำเลย คำฟ้องกล่าวโดยสรุปว่า จำเลยยักยอกเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เป็นเงินรวม 22,132,000 บาท ซึ่งเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ในฐานะเป็นจัดการทรัพย์สินผู้อื่นโดยทุจริตหรือในฐานะเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 , 353 และ 354
.....แต่ก่อนเริ่มกระบวนพิจารณา จำเลยแถลงต่อศาล ขอถอนคำให้การเดิมที่ที่ให้การปฏิเสธและขอให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์
.....ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคแรก มาตรา 353 และมาตรา 354 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน รวม 8 กระทง ให้ลงโทษจำคุกรวม 32 ปี คำให้การจำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลย 16 ปี และเมื่อพิเคราะห์ พฤติการณ์แห่งคดีแล้วซึ่งเป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่มีเหตุที่จะให้รอลงโทษ

.....อนึ่งนอกจากคดีนี้แล้ว นายศุภชัยยังมีคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด อีกหลายสำนวนมูลค่าความเสียหายกว่า 12,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาสำนวนของพนักงานอัยการ

“บิ๊กโด่ง” พร้อม สอบเพิ่ม ราชภักดิ์

“บิ๊กโด่ง” พร้อม สอบเพิ่ม ราชภักดิ์
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณี นายพิศิษฏ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ระบุว่า ไม่พบการทุจริต โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ แต่ ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ยังมีประเด็นสงสัยอีก 2-3 ประเด็นว่า หากสงสัยอะไรก็ตรวจสอบเพิ่มเติมต่อกันไป ตนยินดี แต่จากการให้สัมภาษณ์ของ นายพิศิษฎ์ น่าจะชัดเจนว่าไม่มีปัญหา ทั้งนี้เห็นว่าน่ายินดีเพราะแม้จะมีคนไม่เข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการ แต่ประชาชนก็มีความศรัทธา อุทยานราชภักดิ์ มีผู้เข้าไปเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก จนถึงขณะนี้มียอดสูงถึง 3 ล้านกว่าคน แสดงให้เห็นว่าประชาชนมีความเข้าใจ ปัญหาของประเทศมีมาก ต้องพยายามแก้ปัญหาต่างๆ เรื่องอะไรที่ไม่เป็นปัญหา ก็อย่าให้เป็นปัญหา ปัญหานี้ในความรู้สึกของตน และคิดว่าในความรู้สึกของสัมคม มันแทบจะจบไปแล้ว เพราะมีการตรวจสอบโดยหน่วยงานที่น่าเชื่อถือแล้ว หากมีประเด็นสงสัยก็ดำเนินการได้ไม่มีปัญหา

โหรส.ว.ชี้ สุริยะคราสผสมดาวมฤตยูทับดวงเมือง ประเทศขัดแย้งรุนแรง

วันนี้ 8 มี.ค.59 นายบุญเลิศ ไพรินทร์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา จ.ฉะเชิงเทรา หรือฉายาโหร สว.กล่าวว่า “จากที่ดาวมฤตยูย้ายราศีมีนขึ้นราศีเมษ ราศีเมษเป็นราศีดวงเมืองและดวงโลกเหมือนกัน จะส่งผลกระทบกับดวงโลกและรวมถึงดวงเมือง กระทบกระเทือนตามดวงโลกด้วย อาทิ เหตุการณ์ในอดีต ในการเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่1, 2 ของไทย ตั้งแต่ปี2482-2488 ดาวมฤตยูอยู่ราศีเมษเหมือนกันกับในปัจจุบันนี้ ซึ่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขนานใหญ่ทั่วโลกและเมืองไทยด้วย ในช่วง 7 ปี จะมีการปฏิรูป การศึกษาศาสนา วัฒนธรรม การสาธารณสุข กระบวนการยุติธรรมกฏหมายประเภทต่าง ๆ โดยในช่วง 7 ปี ต้องเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ โดยเฉพาะมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำประเทศ ไม่เกินวันที่ 4 มี.ค. 2561 และมีการปฏิรูประบบเด็กและเยาวชน คนหนุ่มสาวจะมีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีงามขึ้น มฤตยูเป็นเรื่องเทคโนโลยี เป็นการเกี่ยวกับปฏิวัติรัฐประหารอย่างฉับพลัน ความขัดแย้งรุนแรง ฝ่ายบุญจะชนะ จะเกิดขัดแย้งขั้นเลือดตกยางออกอีกในไทยและในโลก หรือเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ เริ่มในซีกโลกตะวันออกส่งผ่านไปทั่วโลกต้องระวังให้ดี
“ประเทศไทยต้องระวังสงครามขัดแย้งทางศาสนา สงครามทางการเมืองค่อนข้างมาก ซึ่งจะรุนแรงมากตั้งแต่ 2561 -2563 อันเป็นช่วงวิกฤติ   จะเกิดเลือดตกยางออกในประเทศไทยอีกครั้ง  เนื่องจากช่วงดังกล่าวดาวเสาร์  ดาวเนปจูน พลูโต ซึ่งเป็นดาวบาปเคราะห์  เข้ามาผสมกลมกลืนกัน  จะเคลื่อนตัวไปสมทบกับมฤตยูเป็นดาวบาปเคราะห์เช่นกัน  ช่วงดังกล่าวดาวร้ายให้คุณเต็มที่ แต่ดาวพฤหัสบดีอยู่ราศีมีนเป็นวินาศแก่ดวงเมือง จะให้คุณไม่ได้ จะเกิดสงคราม-ความขัดแย้งในบ้านเมืองนี้เป็นอันตรายมาก” นายบุญเลิศ กล่าว
นายบุญเลิศกล่าวต่อไปว่า ส่วนในวันที่ 9 มี.ค.59  ที่เกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วนในเมืองไทย  ความมืดจะเกิดขึ้น  แต่ราหูอมจันทร์ไม่มิดในเมืองไทย   แต่ไปมิดที่อินโดนีเซีย ความจริงสุริยุปราคาเป็นดาวจันทร์  บังแสงดวงอาทิตย์ การทับไม่สนิทไม่เกิดการรุนแรงมากนัก และขณะนี้ดาวพฤหัสบดี ให้คุณอยู่ในราศีสิงห์ให้คุณแก่ดวงเมืองและดวงโลกอยู่ แต่ถูกราหูคุม – ทับอยู่  ในราศีสิงห์ ก็ค่อนข้างจะอันตราย หากผู้นำขาดความรู้ความสามารถและสติปัญญา โดยเฉพาะคุณธรรมจริยธรรมสำคัญที่สุด
“หากผู้นำมีคุณธรรม ทำอะไชอบธรรมก็จะช่วยประคับประคอบบ้านเมืองให้อยู่รอดปลอดภัยได้ แต่ถ้าขาดคุณธณรมตัดสินใจผิดพลาดในความอคติ ก็เหมือนสาดน้ำมันในกองเพลิง   จะทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงมากยิ่งขึ้นได้ โดยเฉพาะทางศาสนา-กระบวนความยุติธรรม กล่าวคือเรื่องแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช” นายบุญเลิศ กล่าว

ที่มา มติชนออนไลน์

บิ๊กตู่' ออกคำสั่ง คสช.ลัดขั้นตอน 'อีไอเอ'



บิ๊กตู่' ออกคำสั่ง คสช.ลัดขั้นตอน 'อีไอเอ'
เปิดทางเอกชนเดินหน้าเมกะโปรเจ็ก
‪#‎มองข้ามผลกระทบสิ่งแวดล้อม‬ อย่างสุดๆ!
‪#‎ผลจากคำสั่ง‬ ดังกล่าว จะทำให้โครงการเมกะโปรเจ็คของรัฐบาลได้รับผลประโยชน์ เช่น รถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟฟ้าหลากสี ก่อสร้างโรงไฟฟ้า‪#‎การก่อสร้างเขื่อน‬ รวมทั้ง ‪#‎เร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาสาธารณภัยเช่นภัยแล้งหรือน้ำท่วม‬! ที่โหมข่าวเกินจริง!
----------------------------------------------
หัวหน้า คสช.ออกคำสั่ง 9/2559 เปิดช่องให้หน่วยงานรัฐเสนอ ครม.ไฟเขียวเดินหน้าโครงการที่ยังไม่ผ่านอีไอเอ ระบุเพื่อให้ได้ตัวเอกชนผู้รับเหมา แต่ห้ามเซ็นต์สัญญา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่ืวคราว ออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 9/2559 เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2559 โดยให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ซึ่งรับผิดชอบโครงการหรือกิจการที่อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) สามารถเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติให้ดำเนินโครงการไปพลางก่อนได้ เพื่อให้ได้มาซึ่งเอกชนผู้รับดําเนินการ
สำหรับคำสั่ง คสช.ที่ 9/2559 ได้บัญญัตข้อความเพิ่มเป็นวรรค 4 ของมาตรา 47 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535
ทั้งนี้ ข้อความระบุว่า ในกรณีที่มีความจําเป็นเร่งด่วนเพื่อประโยชน์ในการดําเนินโครงการหรือกิจการด้านการคมนาคมขนส่ง การชลประทาน การป้องกันสาธารณภัย โรงพยาบาล หรือที่อยู่อาศัย ในระหว่างที่รอผลการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามวรรคหนึ่ง ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการหรือกิจการนั้น อาจเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติให้ดําเนินการ เพื่อให้ได้มาซึ่งเอกชนผู้รับดําเนินการตามโครงการหรือกิจการไปพลางก่อนได้ แต่จะลงนามผูกพันในสัญญาหรือให้สิทธิกับเอกชนผู้รับดําเนินการตามโครงการหรือกิจการไม่ได้
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวว่า คำสั่ง คสช.ที่ 9/2559 อนุญาตให้เปิดประมูลโครงการต่างๆ ที่ยังไม่ผ่านอีไอเอได้ เพื่อที่จะให้ได้ตัวผู้รับเหมามาก่อน จากนั้นเมื่ออีไอเอผ่านก็ค่อยลงนามในสัญญา ซึ่งถือว่าผิดหลักการอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนี้ ผลจากคำสั่งดังกล่าวจะทำให้โครงการเมกะโปรเจ็คของรัฐบาลได้รับผลประโยชน์ เช่น รถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟฟ้าหลากสี ก่อสร้างโรงไฟฟ้า การก่อสร้างเขื่อน รวมทั้งเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาสาธารณภัยเช่นภัยแล้งหรือน้ำท่วม
“การออกคำสั่งนี้มีการแอบแฝง เพราะคนที่ได้รับประโยชน์จริงๆ คือกลุ่มเอกชนและผู้รับเหมาที่จะมารับทำโครงการรัฐบาล”นายศรีสุวรรณ กล่าว
นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ แกนนำเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานี ไม่เอาถ่านหิน กล่าวว่า การออกคำสั่งดังกล่าวสะท้อนว่า คสช.กำลังตกอยู่ในอำนาจของทุนอุตสาหกรรม และคล้ายกับการลองของว่าจะมีปฏิกริยาจากสังคมอย่างไรบ้าง โดยคำสั่งดังกล่าวส่งสัญญาณว่าไม่ว่าอีไอเอจะผ่านหรือไม่ก็ยินดีอนุมัติ และหากไม่มีการคัดค้านคำสั่งนี้ ในอนาคตอาจมีการออกคำสั่งให้ไม่ต้องทำอีไอเอเลยก็ได้
----------------------------------------------
http://www.greennewstv.com/?p=8625
Cr. Anchan Mooky Korphakdee

ครม.โยก "สีหนาท" พ้นเลขา ปปง. นั่งที่ปรึกษา

ครม.โยก "สีหนาท" พ้นเลขา ปปง. นั่งที่ปรึกษา พร้อมตั้ง 3 รองอธิบดีวัฒนธรรม นั่งผู้ตรวจฯ ไฟเขียวตั้งรอง ปธ.กก.คนที่สอง-กก.ผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการ สสส. 7 คน
เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 59 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งบริหารระดับสูง จำนวน 3 ราย ดังนี้ 1. นายสุเทพ เกษมพรมณี รองอธิบดีกรมการศาสนา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง 2. นายมานัส ทารัตน์ใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง และ 3. นายพีรพน พิสณุพงศ์ รองอธิบดีกรมศิลปากร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง
อีกทั้ง ที่ประชุม ครม.ยังมีมติแต่งตั้งให้ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักงาน ปปง. (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. 2559 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
นอกจากนี้ ครม. ยังมีมติอนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย) ประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เสนอแต่งตั้งรองประธานกรรมการคนที่สอง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ สสส. จำนวน 7 คน ตามพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 มาตรา 17 (3) และ (5) แทนตำแหน่งกรรมการที่ว่างลง ดังมีรายชื่อต่อไปนี้ 1. นายวีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ รองประธานกรรมการคนที่สอง 2. นายคำนวณ อึ้งชูศักดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคราชการ ด้านการสร้างเสริมสุขภาพ 3. นางสุวรรณี คำมั่น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ด้านการพัฒนาชุมชน 4. นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ด้านการสื่อสารมวลชน 5. รองศาสตราจารย์ปัญญา ไข่มุก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคราชการ ด้านการกีฬา 6. นายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ด้านศิลปวัฒนธรรม 7. นายสัมพันธ์ ศิลปนาฎ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ด้านการบริหาร ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม 2559 เป็นต้นไป

กปปส.นับร้อยแห่เยี่ยมมือปืนป๊อบคอร์น สวมเสื่อชูเป็นซุปเปอร์ฮีโร่

กปปส.นับร้อยแห่เยี่ยมมือปืนป๊อบคอร์น สวมเสื่อชูเป็นซุปเปอร์ฮีโร่

8 มี.ค.2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 9.42 น. ผู้ใช้ชื่อเฟซบุ๊กชื่อ 'Somwang Treeyakit' โพสต์ภาพ ข้อความในลักษณะสาธารณะและระบุว่าเป็นภาพที่เรือนจำกลางบางขวาง พร้อมกล่าวว่า "จัดไปครับมวลชนมาให้กำลังใจน้องท็อปกันอย่างล้มหลามครับ" 

โดย มติชนออนไลน์ รายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 10.30 น. บรรยากาศที่บริเวณจุดลงชื่อเยี่ยมญาติฝั่งตรงข้ามหน้าเรือนจำบางขวาง อ.เมือง จ.นนทบุรี ได้มีกลุ่มชาวบ้านที่มีอุดมการณ์แนวร่วม กปปส.จำนวนกว่า 100 คน มีมาจากหลายจังหวัด อาทิ ปทุมธานี นนทบุรี อยุธยา ปราจีนบุรี พร้อมทั้งได้มีผู้นำเสื้อยืดคอกลมสีขาว สกรีนที่หน้าอกเป็นรูปถุงป๊อบคอร์น ลายเหลืองเขียวและภายในรูปถุงป๊อบคอร์น ได้มีการสกรีนเขียนตัวหนังสือ ภาษาอังกฤษว่า POP CORN SUPER HERO นำมาแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่ร่วมอุดมการณ์ 100 ตัว จนหมดและไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยผู้ที่เดินทางมารวมกลุ่มให้กำลังใจเพื่อลงชื่อเข้าเยี่ยมนายวิวัฒน์ หรือท็อป ยอดประสิทธิ์ อายุ 24 ปี มือปืนป๊อปคอร์น ที่ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำดังกล่าว ซึ่งวันนี้ได้มี น.ส.มนัสนันท์ หรือเก๋ อมรอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นภรรยา เข้าเยี่ยมพร้อมตัวแทน อีก 4 คน โดยทางเรือนจำได้กำหนดให้เข้าเยี่ยม สำหรับ แดน 6 ได้อาทิตย์ละ 2 วัน คือวันอังคารและวันพฤหัสบดี ในช่วงเวลา 10.30- 11.15 น.และ เวลา 11.15-12.00 น. สามารถเข้าเยี่ยมได้รอบครั้งละ 30 นาที เพื่อทางญาติจะได้เข้าถามความเป็นอยู่ของนายท็อป หรือมือปืนป๊อปคอร์น ว่าต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมหรืออยากได้อะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่

สำหรับคดีมือปืนป๊อปคอร์นนั้น เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญา รัชดา ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวิวัฒน์ หรือ มือปืนป๊อบคอร์น เป็นจำเลย จากเหตุรุนแรงบริเวณไอทีสแควร์หลักสี่ เมื่อครั้ง กปปส.นำมวลชนเดินทางไปขัดขวางการเลือกตั้ง 1 วันก่อนการเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 โดยศาลพิพากษาลงโทษทุกกระทงความผิดรวม 37 ปี 4 เดือน โดยแยกเป็น ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น จากลงโทษจำคุกตลอดชีวิต เหลือจำคุก 33 ปี 4 เดือน ข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน จากลงโทษจำคุก 3 ปี เหลือจำคุก 2 ปี และข้อหาพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะฯ จากลงโทษจำคุก 3 ปี เหลือจำคุก 2 ปี
ซึ่งคดีดังกล่าว อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2557 สรุปพฤติการณ์จำเลยว่า เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2557 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกได้มีปืนเล็กยาวไม่ทราบชนิดและขนาด ติดตัวไปที่ทางแยกหลักสี่ เขตหลักสี่ พื้นที่ประกาศให้เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และยิงปืนเข้าไปในอาคารศูนย์การค้าไอทีสแควร์ จน น.ส.สมบุญ สักทอง ผู้เสียหายที่ 1 นายอะแกว แซ่ลิ้ว ผู้เสียหายที่ 2 นายนครินทร์ อุตสาหะ ผู้เสียหายที่ 3 และนายพยนต์ คงปรางค์ ผู้เสียหายที่ 4 ได้รับอันตรายสาหัส เเละเป็นเหตุให้นายอะเเกว ผู้เสียหายที่ 2 เสียชีวิตภายในระยะเวลาต่อมา โดยก่อนเสียชีวิตนายอะแกว วัย 72 ปี ต้องนอนอัมพาต เกือบ 8 เดือน ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา

นายกและครอบครัวเป็นชาวพุทธ

ดู....พลเอกประบุทธ์ แก้ข่าวลือ..."ผม-ภริยา-ลูกสาว" เป็นมุสลิม

นายกฯ ยัน ทั้ง ตัวเองและ ภริยาไม่ใช่มุสลิม ไหว้พระ อยู่ทุกวัน  ผมก็ไม่ใช่มุสลิม ห้อยพระเต็มคอ อยู่นี่. แล้วไปลือว่า ลูกสาว จะแต่งงานกับมุสลิม ก็ไม่มี อย่าเชื่อข่าวลือ วอนช่วยแก้ข่าวให้ผมบ้าง มีการปล่อยข่าวลือ และนำภาพ ภริยา ไปประชุมที่มาเลเซีย มาลง  ส่วนผมใส่หมวก เจ้าบ่าวมุสลิม หน้าทำเนียบฯ ก็มีคนเอามาลงว่า ผมเป็นมุสลิม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวหลังประชุม ครม.ว่า “เห็นมีข่าวเผยแพร่ว่าผมเป็นอิสลามไปแล้ว ซึ่งวันนั้นชาวมุสลิมได้เอาหมวกแต่งงานมาให้ผมใส่ ผมก็ใส่ แล้วมีคนบอกว่าผมเป็นอิสลามไปแล้ว ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับผมหน่อย 

นอกจากนี้ภรรยาผมไปเปิดการประชุมอาเซียนที่มาเลเซีย มีคนเอาภาพในห้องประชุมใหญ่ไปโพสต์ ซึ่งถ่ายรูปติดกับมุมอิสลาม เลยหาว่าภรรยาเป็นมุสลิมไปด้วย 
"นี่ผมไว้พระอยู่ทุกวัน แล้วมาบอกว่าลูกผมแต่งกันกับอะไรก็ไม่รู้ แต่สรูปแล้ว ทั้งผม ภรรยา ลูก เป็นมุสลิมไปหมด ก็คิดแบบนี้ แล้วจะเชื่อเขาหรือ ท่านต้องแก้ให้ผม ผมห้อยพระเต็มคออยู่นี่”

ดาวมฤตยู สุริยุปราคา....




ดาวมฤตยู สุริยุปราคา....
นายกฯ จะสวดมนต์นานขึ้น รับดาวมฤตยู ระวังตัวให้มากขึ้น บอกถ้าเชื่อโหราศาสตร์ก็ต้องช่วยกันทำความดี อย่าตื่นตระหนก หวังรวมพลังปชช.ในทางสร้างสรรค์เผย ห่วงบ้านเมืองตั้งแต่ 22 พ.ค. 57 ไม่ต้องรอสุริยุปราคาเกิด เผยตั้งใจในการทำความดี สงบสติอารมณ์ ไม่โมโหใคร นี่เป็นสิ่งที่คิดว่าจะทำให้ทุกอย่างในบ้านเมืองเกิดความสงบ"

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงกรณีที่หลายฝ่ายมีความเป็นห่วงเรื่องดวงเมือง ซึ่งอาจจะเกี่ยวโยงถึงสถานการณ์การเมืองที่จะเกิดเหตุการณ์สุริยุปราคาขึ้นในวันที่ 9 มี.ค.นี้ว่า "ไม่ใช่เพราะมีเรื่องของสุริยุปราคา ผมห่วงบ้านเมืองมาตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 57 แล้วว่ามันจะเดินไปข้างหน้าได้อย่างไร เนื่องจากผมเอาภาระของประเทศชาติมาแบกไว้ โดยมีประชาชนคอยประคับประคองให้ความช่วยเหลือ สนับสนุนการทำงานของรัฐบาล และแม้แต่ คสช.ก็มีประชาชนให้การสนับสนุน มีคนจำนวนมากที่เข้าใจและพยายามที่จะแสวงหาความร่วมมือ ส่วนจะซ้ายบ้าง ขวาบ้างผมไม่ได้ว่าอะไร แต่ก็ได้เริ่มต้นในการที่จะรวมพลังของประชาชนให้ได้ในทางที่ถูกต้องและสร้างสรรค์ไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง จะเห็นได้ว่าผมพยายามระงับทุกอย่างไม่ว่าเป็นฝ่ายสนับสนุนผมหรือไม่ จะมาตีกันไม่ได้ จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด ก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ร่วมมือ เมื่อให้หยุดก็หยุด ถ้าไม่หยุดก็ต้องใช้กฎหมายเสร็จแล้วทหารกับตำรวจก็เป็นจำเลยเหมือนเดิม ก็ต้องแก้กันเองให้ได้ "

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล และในฐานะที่เป็นชาวพุทธก็ไม่ไปดูหมิ่น เชื่อไว้ ศรัทธาไว้ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร จะได้ระวังตัวมากขึ้น แต่ไม่ใช่พอมีคนมาบอกหรือให้คำแนะนำก็ตกใจกันไปหมด มันไม่ใช่ มันเป็นการสร้างความตื่นตระหนก ทุกอย่างตนคิดว่าไม่ว่าจะเป็นทางศาสนา ความเชื่อหรือโหราศาสตร์ ตนเชื่อว่าวิชาที่เขาคิดกันมาเพราะต้องการให้ทุกคนมีความระมัดระวัง ไม่ประมาท เพราะฉะนั้นทุกคนก็ควรช่วยกันเสริมสร้างความดี อยู่ในศีลธรรมอันดีของทุกๆ ศาสนา เมื่อมีคนบอกให้ระมัดระวังจากเหตุการณ์สุริยุปราคาที่กำลังจะเกิดขึ้น ตนก็สวดมนต์นานขึ้นไปอีกหน่อยหนึ่ง
"ตั้งใจในการทำความดี สงบสติอารมณ์ ไม่โมโหใคร นี่เป็นสิ่งที่คิดว่าจะทำให้ทุกอย่างในบ้านเมืองเกิดความสงบ"
"ถ้ากลับไปไอ้ทางนี้ที เดี๋ยวเศรษฐกิจแย่ รายได้เกษตรกรแล้วมีดาวพระเคราะห์เข้ามาอีก ของเก่ายังแก้ไม่ได้เลย แล้วจะไปแก้ดาวพระเคราะห์ได้หรือ เราก็ต้องช่วยกันแก้ด้วยตัวของเราเอง ทึกอย่างมันกำหนดได้ด้วยตัวเองทั้งสิ้น นอกนั้นก็มาจากสภาวะแวดล้อมก็ต้องไปสร้างความเข้าใจกัน ถ้าบอกว่าท่านกลัวเรื่องโหราศาสตร์ก็ไปรวมกลุ่มกันช่วยกันทำบุญ ทำความดี อย่างน้อยก็จะช่วยปกป้องรักษาตัวให้พวกเราปลอดภัย ผมเชื่อว่าความมุ่งหวังของศาสนาเป็นอย่างนี้ แต่เมื่อมีการเตือนมาก็ถือว่าเป็นภูมิคุ้มกันที่ดี เราก็ระวังตัวกัน"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

บิ๊กตู่ แจง ปราบผู้มีอิทธิพล หวังเคลียร์บ้านเมือง




บิ๊กตู่ แจง ปราบผู้มีอิทธิพล หวังเคลียร์บ้านเมือง ยอมรับมีคนของนักการเมืองเอี่ยวด้วย ยันดำเนินการกับทุกกลุ่ม ไม่ว่า เจ้าพ่อเจ้าแม่ เผยมีรายงานอิทธิพลโบ้เบ้ ลั่นเดินหน้าปราบสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีความคืบหน้าการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ภายหลังจากที่มีการสั่งการให้มีการเริ่มทำงานในวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ขอร้องว่าอย่าไปมองในทุกๆ อย่างว่าเป็นเรื่องการเมืองทั้งหมด ซึ่งการปราบปรามผู้มีอิทธิพลนั้นก็เป็นเรื่องของผู้มีอิทธิพล จะอยู่การเมือง ทหาร หรือตำรวจ จะอยู่กับใครก็ตามไม่ว่าจะเป็นเจ้าพ่อหรือเจ้าแม่ ทุกคนถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพล ตนไม่สนใจ
แต่อาจจะเป็นคนของนักการเมืองบ้าง ตนจะไปทำร้ายเขาข้างเดียวได้อย่างไร เรื่องนี้ได้สั่งการไปแล้ว ซึ่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัญมนตรีและรมว.กลาโหมก็ดำเนินการอยู่แล้วกับทุกๆ กลุ่มต้องดำเนินการทั้งหมด
"ไม่อยากให้ไปฟังความข้างเดียว ทุกอย่างต้องว่ากันด้วยกฎหมาย ถ้าตรวจแล้วไม่พบการกระทำผิดก็ออกนอกบัญชีไปก็จบ ไม่ติดคุก ไม่มีความผิด
แต่ถ้ามีหลักฐานก็ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ทำไมไม่อยากให้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้หรือ ต้องการให้อยู่แบบเดิมหรืออย่างไร ทำให้เกิดปัญหากันไปเรื่อยๆ วันข้างหน้าก็จะมีบุคคลเหล่านี้ไปสนับสนุนการเมืองบ้าง อะไรๆ บ้าง ทำผิดกฎหมายแล้วใบ้อาวุธยุทโธปกรณ์กับประชาชน มันไม่ได้ วันนี้เราต้องช่วยกันเคลียร์บ้านเมืองให้สะอาด ปลอดภัย
ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการอยู่ วันนี้ก็มีรายงานว่ามีการไปดำเนินการในพื้นที่นครปฐม จับปืนได้ 30-40 กระบอก รายงานให้ผมทราบเมื่อสักครู่ ส่วนที่เหลือก็มีการดำเนินการไม่เฉพาะเรื่องอิทธิพลอย่างเดียว
มีทั้งการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมาย ละเมิดลิขสิทธิ์ มีทั้งหมดในประเทศไทย เมื่อสักครู่ผมก็ได้รับรายงานผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ตลาดโบ้เบ้ ก็สั่งการให้คนลงไปดูแล ก็ยังมีปัญหาอยู่ ถ้าการเรียกร้องผลประโยชน์ มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินการสอบทั้งหมด
ยืนยันว่าถ้าเรารู้ รัฐบาลจะไม่นิ่งนอนใจ จะดำเนินการตามกฎหมาย และข้อร้องว่าอย่าคิดว่าเราสร้างความเดือดร้อนให้ เพราะถ้าปล่อยกันแบบสบายๆ แล้วผิดกฎหมายจะเอาอย่างนั้นกันหรือ คนที่ไม่ผิดกฎหมายเขาจะทำอย่างไร ขอให้ใจเย็นๆ "พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

.“บิ๊กตู่” พูดเรื่องร่างธน. หลังจากไม่พูดมานาหนุน ส.ว.สรรหา



.“บิ๊กตู่” พูดเรื่องร่างธน. หลังจากไม่พูดมานาน....หนุน ส.ว.สรรหา แต่ไม่เห็นควรให้อำนาจเลือกนายกฯ ย้ำใช้หลัก 2 สภา แจง"มีชัย" ไม่มาประชุม เพราะงานเยอะ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึง การประชุมร่วม 4 ฝ่าย เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา ว่า ในการประชุมแม่น้ำ 4 สาย ได้มีการติดตามความก้าวหน้าในการทำงานด้านกฎหมาย การปฏิรูป เพื่อตอบสังคมให้ได้ว่ามีความก้าวหน้าอย่างไร ซึ่งวันนี้มีความก้าวหน้าทุกด้าน และประชาชนต้องรับรู้ว่าสิ่งไหนที่ทำในวันนี้ได้ และสิ่งไหนที่ยังทำไม่ได้ต้องไปอยู่ในระยะที่สอง นอกจากนี้ได้มีการหารือประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวเพื่อให้มีการทำประชามติได้ ซึ่งทราบกันอยู่แล้วว่าจะแก้อะไรก็เป็นไปตามนั้น ส่วนประเด็นส.ว.ก็มีการพูดคุยกัน ว่าถ้ามาจากการสรรหาทั้งหมดจะเป็นอย่างไร ถ้าผสมจะเป็นอย่างไร คัดสรรจะเป็นอย่างไร

“ในประเด็นผมยังไม่พูดตรงนี้ ผมพูดแต่เพียงว่าก่อนที่เราจะคิดและตัดสินใจอะไร ชอบหรือไม่ชอบอันไหน ผมอยากให้ทุกคนทบทวน ดูวันเวลาที่ผ่านมาประเทศไทยเผชิญกับเรื่องอะไรมาบ้าง ความเดือดร้อน ความไม่เข้มแข็ง การไม่มีขีดความสามารถ การใช้อาวุธสงคราม โดยสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ผมวาดภาพให้เห็นความหวาดกลัวเพื่อที่จะให้ผมอยู่ต่อ แต่ท่านต้องคำนึงว่ามันจบหรือยัง การเมืองทั้งหมดทุกกลุ่มพร้อมที่จะร่วมมือเดินหน้าประเทศหรือยัง ถ้าตอบได้ว่าพร้อมแล้วบอกผมมา ใครมั่นใจจะรับรองแทนบ้าง เพราะวันนี้ยังตีกันอยู่ทุกวัน ขณะผมมีอำนาจยังขนาดนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าวันหน้าจะแค่ไหน ผมถึงบอกว่าไปคิดกันมาเถอะ ไม่ว่าจะเป็นกรธ. สนช. ไปหาวิธีการที่ทำอย่างไรให้สถานการณ์เหล่านี้บรรเทาเบาบางลง ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการให้ยุติ ให้สงบ กลายเป็นว่าสิ่งเหล่านี้ผมต้องการจะสืบทอดอำนาจ ผมสืบเพื่อใคร เพื่ออะไรหรือ สมมุติว่าการใช้อำนาจ ถ้าจะให้มีส.ว.อะไรที่ว่ามาทั้งหมด ส.ว.เขาจะทำอะไร ผมก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการให้มาเลือกนายกฯ แต่เป็นความคิดเห็นส่วนตัว คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ว่ามา ผมว่ามันน่าจะเป็นกลไกของสภามากกว่า แต่บางคนก็หวังดี แต่อาจจะไม่ตรงกับความต้องการของคนมากไปหรือเปล่า อะไรที่ทำได้ผมก็ให้ในเรื่องประชาธิปไตย แต่อันไหนที่ควรจะต้อสงวนไว้บ้าง อาจจะต้องไปใส่ไว้ในบทเฉพาะกาลบ้างหรือไม่” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ระยะเวลาจำกัดที่ว่าไม่ใช่ตนจะไปควบคุมทั้งหมด ตอนนี้มียุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ถ้าไม่เข้าใจคน ไม่เข้าใจพื้นที่ก็จะแก้ปัญหาไม่ได้ การพัฒนาก็จะไม่ยั่งยืนเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ให้กระทรวงมหาดไทยและทุกกระทรวงร่วมมือกันจะทำให้ภูมิภาคทั้งสี่ภูมิภาครวมถึงภาคกลางเกิดความเข้มแข็งได้อย่างไร ซึ่งจะต้องสมบูรณ์ไปด้วยการเกษตรการลงทุน สนับสนุนอาชีพสร้างรายได้ให้เกษตรกรผู้มีรายได้น้อย การศึกษาต้องพัฒนาคน เรียนแล้วกลับไปพัฒนาท้องถิ่นตัวเอง ให้เกิดความสมบูรณ์ในภูมิภาค ประชาชนมีความสุข มีรายได้พอเพียง รัฐบาลต้องดูทุกมิติ ขอให้ประชาชนเปิดดูทีวีช่อง 11 บ้างจะได้รู้การทำงานของรัฐบาล ในสิ่งที่สำเร็จแต่ถ้าเป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์จะไปอยู่ที่ช่องอื่น

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯ เห็นด้วยที่จะให้ส.ว.สรรหา แต่ไม่เห็นด้วยในเรื่องมีอำนาจเลือกนายกฯใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า สื่อเห็นด้วยหรือไม่ ความเห็นของตนคือทุกคนต้องช่วยหาทางออกให้กับประเทศว่าจะทำอย่างไรแล้วดูด้วยว่าส.ว.เดิมที่เลือกตั้งกันมามีปัญหาอะไรบ้าง แล้วจะแก้ปัญหาหรือยอมรับได้หรือไม่ว่าจะไม่ทำให้เกิดปัญหาเดิมขึ้นมาอีก ในสองสภา มันไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะคนคือคน ต่อให้เลือกมาก็เป็นคนเป็นมนุษย์หากเราสร้างธรรมาภิบาลให้เกิดได้เรื่องเหล่านี้ก็คงไม่เกิด ไม่ต้องมาคัดสรรอะไรทั้งสิ้น ทุกคนมีจิตสำนึก มีอุดมการณ์ที่จะทำให้ประเทศปลอดภัยเท่านั้นคือหลักของตน
“ฉะนั้นการที่จะมีอะไรในบทเฉพาะกาล ผมเห็นด้วยเพราะ ผมเป็นคนถืออำนาจอยู่ และผมไม่ได้มุ่งหวังจะถืออำนาจตลอดชาติ ผมต้องการให้อำนาจเหล่านี้มาจากประชาชนโดยตรง คือการเลือกส.ส.ถ้าท่านเลือกส.ส.-ส.ว.ได้ดี ถ้าท่านมีความพร้อมผมก็พร้อมให้ แล้วคิดว่าพร้อมหรือยังที่จะไม่กลับมาที่เดิม พร้อมไหมใครยืนยันกับผมสักคนแม้กระทั่งนักการเมืองในวันนี้ ผมขอร้องออกมาพูดในทางที่สร้างสรรค์บ้าง เช่นเห็นด้วยหรือไม่ แต่ถ้ามาย้อนว่าถอยหลังเข้าคลองแล้วที่ผ่านมาแบบเดิมถอยหลังไปเท่าไหร่แล้ว วันนี้ผมหยุดถอยหลังและเดินหน้ามาได้บ้าง แค่นี้ยังไม่ยอมกันเลย แล้วท่านจะคาดหวังอะไรจากเขาได้ ผมขอถามสิ และความเห็นส่วนตัวของผม ส.ว.ก็ไม่ควรจะยุ่งกับการเลือกตั้งนายกฯ เดิมเขาว่าอย่างไรใครเป็นคนเลือกก็ว่าอย่างนั้น อะไรที่ไม่ขัดแย้งมากผมก็ไม่ยุ่งอยู่แล้ว” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่าการประชุมแม่น้ำ 4 สาย ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นส.ว.เพิ่มเติมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า แค่นี้ก็ตายอยู่แล้ว เรื่องเลือกตั้งไม่เลือกตั้ง ระยะเวลาเปลี่ยนผ่านก็แย่แล้ว ไม่มี ไว้ใจตนเถอะ ไว้ใจมาสองปีกว่าแล้ว จะมาไม่ไว้ใจตอนนี้หรือ ไม่ใช่นะ ถือว่าที่ทำได้ถึงวันนี้เพราะมีกำลังใจจากพวกเรา สื่อดีๆ ผู้สื่อข่าวน่ารัก และประชาชนที่เข้าใจ ทำให้ตนยืนตรงนี้ได้ เพราะสู้ด้วยความดี ด้วยความคิดที่มีหลักการและเหตุผล ซึ่งพยายามพูดมาสองปี คิดว่าชอบพูดหรือ ปกติตนไม่ใช่คนพูดมากนะ เป็นทหารดุอย่างเดียวพอแล้ว อาทิตย์หนึ่งดุสองวันกองทำก็นิ่งแล้ว ใจเย็นทุกวันไม่ได้อยู่แล้ว วันนี้ยิ่งพูดยิ่งไม่กลัวตน แต่ตนยอมพูดยอมเหนื่อย ต่อให้ตายก็ยอมพูดจนตาย เพราะบางคนไม่ฟัง ชอบฟังแต่อะไรที่มีความสุข ชอบดูละคร
นายกฯ กล่าวต่อว่า ในเรื่องอำนาจส.ว.ก็ทำหน้าที่ดูแลรัฐธรรมนูญ ไม่ให้มีปัญหา ไม่ให้ได้รับการแก้ไขจนเละเทะไปหมด ทำนองนี้ และดูแลเรื่องธรรมาภิบาล การบริหารราชการแผ่นดิน ดูแลยุทธศาสตร์ที่เขียนไว้กว้างๆ ถ้ารัฐบาลไม่ทำหรือทำน้อยก็เปิดประชุมสองสภาคุยกัน ว่าทำไมไม่ทำแค่นั้น ไม่ใช่จะไปชี้ผิดชี้ถูกยุบรัฐบาล มันไม่ใช่ ถ้าจะยุบรัฐบาลมันต้องเข้ากลไก ศาลไปว่ามา แต่ไม่ใช่ให้ศาลมาชี้เองคงไม่ได้ มันต้องมีมูล มีการร้องทุกข์กล่าวโทษ
เมื่อถามว่าในฐานะที่เป็นหัวหน้าคสช.และนายกฯ มีความคิดที่จะทำให้ร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ถูกแก้ในสามปีห้าปี นายกฯ กล่าวว่า ก็มีส.ว.ไว้ดูแล มันไม่มีใคร จะไปใช้อำนาจอะไร จะไปเขียนอะไรที่ล็อคมากๆก็ไม่ได้ ฉะนั้นจะต้องมีกลไกที่เราน่าจะเชื่อมั่นกัน อย่างน้อยจะได้มีกลไกดูแลประเทศชาติบ้านเมือง และคนเหล่านี้ก็ต้องรับรู้การแก้ปัญหามาด้วยในหลายๆส่วนไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม เกษตรกรต้องมีส่วนร่วมในส.ว.เพื่อที่จะดูแลภาพรวมไม่ใช่ฟ้องๆ ไล่ออกๆ ยุบสภา มันต้องมีกลไก
เมื่อถามย้ำว่าหมายถึงจะเขียนเพื่อล็อคไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ล็อค ล็อคไม่ได้อยู่แล้ว ใครจะไปล็อค พูดกันเองทั้งนั้น ที่ตนอ่านเจอทุกวันนี้มีสปท. กรธ. พูดบ้างเป็นความเห็นนายมีชัย ฤชุพันธุ์ประธานกรธ. และตนก็ก็ขี้เกียจตอบเข้าไปอีก เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เขาสรุปมา บางอันยังไม่สรุปก็พูดกันไปแล้ว มันก็ตีกันไม่เลิก ยังไปกันไม่ได้ ไปตีกันดักหน้าตนสี่ห้าทาง วันนี้ต้องเดินให้ได้ตรงนี้ก่อน ส.ว.จะมีอำนาจหน้าที่อย่างไร กระบวนการที่จะได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลควรจะเป็นอย่างไร ถ้ารัฐบาลเดินหน้าตามยุทธศาสตร์เราก็ไปยุ่งไม่ได้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่าในประวัติศาสตร์ช่วงสิบปีที่ผ่านมานักการเมืองพอเข้ามาก็จ้องฉีกและแก้รัฐธรรมนูญโดยสนใจบริหารประเทศน้อย นายกฯ กล่าวว่า ก็รู้ดี ที่ถามมานั้นก็พูดถูก สื่อก็ต้องไปบอก ต้องไปสร้างความเข้าใจ ช่วยคิดแทนตนบ้าง เพราะตนคิดมาให้เยอะแล้ว ที่เขาคิดๆกันไม่ใช่โยนก้อนหินถามทาง เพราะคนไทยทุกคนคิดแตกต่างได้ ตนไม่ได้จับใครที่มีความคิดแตกต่างหรือพูดแตกต่างจากตนในเรื่องรัฐธรรมนูญ แค่เรียกมาพูดคุย บอกให้หยุดก็ไม่หยุด แล้วจะให้ทำยังไง บ้านเมืองก็อยากให้ดี ประชาชนมีรายได้ ประเทศต้องการพัฒนา รถไฟทางด่วนก็ต้องมี คิดแต่ทางได้อย่างเดียว ที่เสียมาแก้หรือยังเราต้องมีกระบวนการแก้ไขไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นต่อไป เรื่องส.ว.ถ้าเอามาวันนี้ ก็เพื่อให้เข้ามาดู ถ้าเห็นด้วยว่าควรแก้รัฐธรรมนูญก็แก้ แต่ถ้าไม่เห็นด้วยก็แสดงความเห็นกันให้เป็นมติของสองสภา ไม่ต้องเป็นสภาสูงสภาล่าง ให้ทั้งสองสภาเป็นสภาเดียวกันหมด เอาแบบนั้นไหม ถ้าเราไม่มีส.ว.ไว้เลย ที่เลือกตั้งมาทั้งหมดถามว่าจะกลับไปเกิดแบบเดิมหรือเปล่าตนไม่รับรอง และไม่อาจกล่าวได้ว่าจะเกิดหรือไม่เกิด ไปคิดกันเอาเอง
ส่วนกรณีที่ฝ่ายกรธ. ไม่เข้าร่วมการประชุมเมื่อวันที่ 7 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นายมีชัย มีงานอยู่ตนก็ไม่อยากให้มา เพราะเดี๋ยวจะทำให้มีปัญหา ซึ่งตนก็นำเรื่องที่คุยกับกรธ.มาแล้ว เอาปัญหากรธ.มาคุยเป็นของเรา จะได้หาทางแก้ปัญหากับท่าน และวันนี้กรธ.มีหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ มีหน้าที่ปฏิบัติ แม่น้ำ 4 สายเป็นฝ่ายนโยบาย และฝ่ายเห็นชอบ แต่อำนาจทั้งหมดอยู่ที่ตน

ทหารบุกจู่โจมค้นบ้านผู้มีอิทธิพล จ.นครปฐม 6 จุด ยึดของผิดกฎหมายเพียบ

ทหารบุกจู่โจมค้นบ้านผู้มีอิทธิพล จ.นครปฐม 6 จุด ยึดของผิดกฎหมายเพียบ
Cr:kapook
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2559 เวลา 06.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังรักษาความสงบ (กกล.รส.) จากศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) พร้อมด้วยกองพลทหารราบที่ 9 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำกำลังเข้าตรวจค้นอาวุธปืนและสิ่งผิดกฎหมายตามนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลของรัฐบาล ตามคำสั่งของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยเจ้าหน้าที่กระจายกำลังเข้าตรวจค้นบ้านตามรายชื่อทั้งหมด 6 จุด ได้แก่
จุดที่ 1 บ้านของนายพเยาว์ เนียะแก้ว
พบปืนลูกซองจำนวน 2 กระบอก, ปืนพก .357 จำนวน 1 กระบอก, ปืนพก 11 มม. จำนวน 1 กระบอก, ปืนพก 9 มม. จำนวน 1 กระบอก, เงินสด 2 ล้านบาท, ทองคำแท่ง 1,150 บาท, รถยนต์ปอร์เช่ รุ่นคาเยน สีดำ กก 8888 นครปฐม, รถยนต์โตโยต้า รุ่นแฮริเออร์ สีขาว กจ 9911 นครปฐม, รถยนต์โตโยต้า รุ่นแฮริเออร์ สีขาว กจ 9889 กทม., รถยนต์โตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด สีขาว ชฐ 9000 กทม. และรถยนต์เบนซ์ รุ่น slc250 สีขาว ย 2108 กทม. (ป้ายแดง)
จุดที่ 2 บ้านนายชวเทพ พรหมเอียด
พบปืนไรเฟิล-ลูกซอง 4 กระบอก, ปืนพก 1 กระบอก, เครื่องกระสุน ลูกซอง 55 นัด, กระสุน .45 53 นัด, กระสุน .38 25 นัด, กระสุน .22 6 นัด และวิทยุสื่อสาร 6 เครื่อง
จุดที่ 3 บ้านนายวิชาญ พรหมเอียด
พบปืนพก 14 กระบอก, ปืนยาว 3 กระบอก และเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง
จุดที่ 4 บ้านนายประสาน บุญมี (บ้านพ่อตานายวิชาญ)
พบรถยนต์ BMW ฌช 7272 กทม. สีขาว, รถยนต์ เบนซ์ SLK 250 ช-9999 กทม. สีดำ,รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ศ-3333 กทม. สีขาว, ยาบ้า 19 เม็ด, ยาไอซ์ จำนวนหนึ่ง และปืนพก 3 กระบอก
จุดที่ 5 สนามยิงปืน
พบปืนพก 11 มม. 2 กระบอก, ปืนพก .357 1 กระบอก, ปืนลูกซอง 1 กระบอก, ปืนพก 9 มม. 1 กระบอก, ปืนพก .45 2 กระบอก และกระสุนปืน จำนวนหนึ่ง
จุดที่ 6 บ้านนายจุมพล พันมี
พบปืนพก จำนวน 1 กระบอก พร้อมใบอนุญาต, เครื่องกระสุน 106 นัด, โพยหวย และโพยบอลในคอมพิวเตอร์, รถยนต์ฮอนด้า รุ่น accord ป้ายแดง, รถกระบะ isuzu รุ่น D-Max ป้ายแดง, รถกระบะ isuzu รุ่น hi-lander ถห 5996 กทม., จักรยานยนต์ honda ทะเบียน 1กฉ 3155 นครปฐม, จักรยานยนต์ bmw mf motortad ไม่ติดป้ายทะเบียน, จักรยานยนต์ Honda click ขมจ 420 นครปฐม และจักรยานยนต์ Forza ป้ายแดง

ดอนเตือนคนเมืองนอกคิดก่อนพูด

'ดอน'จี้'คนอยู่นอก'คิดก่อนพูด
'ดอน' จี้ 'คนอยู่เมืองนอก' คิดถึงประเทศมากๆ อย่าพูดให้ไทยเกิดปัญหา ทำลายความสงบสุขของประชาชน
 
                    8 มี.ค. 59  เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล  นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสถาบันนโยบายโลก World Policy Institute เชิญนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมบรรยายเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก ในวันที่ 9 มี.ค.นี้ ที่สหรัฐอเมริกา ว่า ทราบว่ามีคนไทยจำนวนมากในต่างประเทศไม่เห็นด้วย และได้เดินทางไปยื่นคัดค้านกับสถาบันดังกล่าว โดยตอนนี้เกิดกระแสไม่เห็นด้วยกับใครก็ตามที่ทำให้ไม่เกิดเสถียรภาพในประเทศไทย เพราะมันมีผลกระทบต่อวิถีชีวิต ปากท้อง และครอบครัวเขาที่อยู่ในประเทศไทย เขาจึงไม่ยอม และอันที่จริงตนอยากจะให้ใครก็ตามที่อยู่นอกประเทศคิดถึงประเทศมากๆ เพราะความสงบสุขของประเทศคือสุดยอดปรารถนาของประชาชน เนื่องจากถ้าบ้านเมืองเกิดสันติสุข สงบ ไม่มีปัญหา จะเป็นผลดีต่อประเทศชาติ ดังนั้น ใครก็ตามที่พูดแล้วทำให้เกิดปัญหา จะทำให้สิ่งที่เป็นความฝันของประชาชนไม่ประสบความสำเร็จ

กปปส.รวมตัวเยี่ยมมือปืนป๊อบคอร์น

กปปส.นับร้อยรวมตัวเยี่ยมมือปืนป๊อบคอร์น สวมเสื้อ’POP CORN SUPER HERO'(คลิป)

ภรรยาและกลุ่มแนวร่วมอุดมการณ์ กปปส.กว่า 100 คน รุดเยี่ยมให้กำลังใจมือปืนป๊อบคอร์น ที่เรือนจำบางขวาง จ.นนทบุรี หลังย้ายตัวมาจากเรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพฯ

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 8 มีนาคม บรรยากาศที่บริเวณจุดลงชื่อเยี่ยมญาติฝั่งตรงข้ามหน้าเรือนจำบางขวาง อ.เมือง จ.นนทบุรี ได้มีกลุ่มชาวบ้านที่มีอุดมการณ์แนวร่วม กปปส.จำนวนกว่า 100 คน มีมาจากหลายจังหวัด อาทิ ปทุมธานี นนทบุรี อยุธยา ปราจีนบุรี พร้อมทั้งได้มีผู้นำเสื้อยืดคอกลมสีขาว สกรีนที่หน้าอกเป็นรูปถุงป๊อบคอร์น ลายเหลืองเขียวและภายในรูปถุงป๊อบคอร์น ได้มีการสกรีนเขียนตัวหนังสือ ภาษาอังกฤษว่า POP CORN SUPER HERO นำมาแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่ร่วมอุดมการณ์ 100 ตัว จนหมดและไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยผู้ที่เดินทางมารวมกลุ่มให้กำลังใจเพื่อลงชื่อเข้าเยี่ยมนายวิวัฒน์ หรือท็อป ยอดประสิทธิ์ อายุ 24 ปี มือปืนป๊อปคอร์น ที่ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำดังกล่าว ซึ่งวันนี้ได้มี น.ส.มนัสนันท์ หรือเก๋ อมรอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นภรรยา เข้าเยี่ยมพร้อมตัวแทน อีก 4 คน โดยทางเรือนจำได้กำหนดให้เข้าเยี่ยม สำหรับ แดน 6 ได้อาทิตย์ละ 2 วัน คือวันอังคารและวันพฤหัสบดี ในช่วงเวลา 10.30- 11.15 น.และ เวลา 11.15-12.00 น. สามารถเข้าเยี่ยมได้รอบครั้งละ 30 นาที เพื่อทางญาติจะได้เข้าถามความเป็นอยู่ของนายท็อป หรือมือปืนป๊อบคอร์น ว่าต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมหรืออยากได้อะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่

หลังมือปืนป๊อบคอร์นถูกพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต ฐานฆ่าผู้อื่นซึ่งเป็นบทหนักสุด และฐานมีอาวุธปืนและพกพาอาวุธปืน จำคุก 6 ปี แต่คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ มีเหตุให้บรรเทาโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกฐานฆ่าผู้อื่น 33 ปี 4 เดือน และความผิดฐานมีอาวุธปืนและพกพาอาวุธปืน จำคุก 4 ปี รวมจำคุกจำเลย 37 ปี 4 เดือน ให้ริบของกลาง เวลาผ่านมาแล้วสองปี หลังจากเหตุการณ์ปะทะ ระหว่าง กปปส.และฝ่ายตรงข้ามที่สี่แยกหลักสี่

ขณะที่เวลา 11.15 น.ทางกลุ่มภรรยาและผู้เข้าเยี่ยมได้เดินทางออกมาจากภายในเรือนจำ พร้อมบอกเล่าสภาพการเข้าเยี่ยมให้กับบรรดาผู้ร่วมอุดมการณ์ที่ต่างรอฟังข่าวกันอยู่อย่างเนืองแน่นว่า นายท็อปหรือมือปืนป๊อบคอร์น มีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ดี และไม่ต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม พร้อมกับมีสีหน้ากังวลเล็กน้อยเมื่อได้ถามกับมาทางญาติที่เข้าเยี่ยมว่าหากตนเองได้ประกันตัวออกไปเพื่อต่อสู้คดีแล้ว จะพอมีเงินในการประกันตัวหรือไม่ เพราะรู้ข่าวมาว่าทางศาลได้ตั้งวงเงินประกันตัวไว้สูงถึง 3.7-4 ล้านบาท และได้พูดบอกว่าทุกอย่างให้ขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจของหลวงปู่พุทธะอิสระ ที่มือปืนป๊อบคอร์น เรียกแทนว่าพ่อ และให้ปล่อยเป็นหน้าที่ของทีมทนาย ในการสู้คดีเพื่อขอประกันตัวออกมา หากทางศาลท่านให้โอกาส  จากนั้นทางกลุ่มแนวร่วมอุดมการณ์ กปปส.ได้เดินทางแยกย้ายกันกลับ โดยไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น