PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557

บิ๊กกี่

data20Oct14บิ๊กกี่บิ๊กป้อม

ย้อนรอย...นพดล อินทปัญญา ข้อต่อ “ขั้วอำนาจใหม่” สางแค้น “อำมาตย์เก่า”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
6 สิงหาคม 2552 00:34 น.  

ย้อนรอย...นพดล อินทปัญญา ข้อต่อ “ขั้วอำนาจใหม่” สางแค้น “อำมาตย์เก่า”

พล.อ.นพดล อินทปัญญา

เขาเป็นใคร มาจากไหน ไม่มีใครรู้ หรือถึงรู้ก็เฉพาะกลุ่ม รู้จักก็จำกัดเฉพาะวงแคบ ในหมู่ขุนศึกทหาร และนักการเมือง
     
       บิ๊กทหารที่โด่งดังเป็นพลุแตกด้วยวาจาเดือด พล.อ.นพดล อินทปัญญา เลขานุการ รมว.กลาโหม ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ปกป้อง “วงษ์สุวรรณแฟมิลี่”
     
       ว่าด้วยกรณีนายกรัฐมนตรีเล่นกับไฟ ในเกม “ขุดตอ”
     
       ในประเด็นร้อนเกี่ยวกับสถานะเก้าอี้ ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เกี่ยวโยงกับการสะสางคดีลอบยิง สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ
     
       “ครอบครัววงษ์สุวรรณไม่ยอมถูกกระทำฝ่ายเดียว ตอนนี้จะเดินหน้าฟ้องตามกฎหมายทุกอย่าง หรือนอกกฎหมายก็จะทำ”
     
       ขีดเส้นใต้ ใส่ตัวหนาไว้ “นอกกฎหมายก็จะทำ”
     
       ถ้าเป็นหนังคาวบอย ในดินแดนกันดารบ้านป่าเมืองเถื่อนที่ต้องพูดกันด้วยปืน เจรจากันด้วยลูกกระสุน หากหล่นคำพูดดิบๆ แนวนี้ก็ต้องถือว่า เล่นบทพระเอก
     
       แต่นี่คือประเทศไทย บ้านเมืองที่มีกฎเกณฑ์ มีกฎหมายไว้ควบคุมพฤติกรรมเกเรของผู้คนในสังคม ผู้ห้าวหาญใช้วาจาแข็งกร้าว ข่มขู่ จึงเป็นได้แค่มาเฟียนักเลงโต !!??
     
       ที่สำคัญ พล.อ.นพดล คงจะลืมไปว่า วันนี้ตัวเองอยู่ในสถานะใด การเป็นเลขานุการ รมว.กลาโหม กระทรวงที่ดูแล 3 เหล่าทัพ คุมนโยบายด้านความมั่นคงของชาติ
     
       ผู้มีอำนาจสูงสุดในฝ่ายบริหาร นายกฯ จะเพียงแค่ตักเตือนให้ระมัดระวังคำพูดคำจา ไม่รู้จะเพียงพอหรือไม่
     
       หุบปาก จะหยุดความคิดดิบเถื่อนได้หรือ?
     
       อันที่จริง พล.อ.นพดล ก็ถือเป็นอดีตนายทหารใหญ่ ผ่านการทำงานในหน่วยงานของกองทัพ ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความเคร่งครัดในเรื่องกฎ ระเบียบ วินัย แบบแผนเป๊ะ
     
       เชื่อว่าในรั้วทหารคงขัดเกลาให้ดำรงตนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่ออกนอกลู่นอกทาง เพียงเพราะปลดประจำการ พ้นจากหน่วยงานกองทัพ
     
       เมื่อมาดูปูมประวัติของนายทหารรายนี้ พล.อ.นพดล หรือเรียนขานในหมู่ทหารว่า “บิ๊กกี่” คือเพื่อนรักเตรียมทหารรุ่น 6 ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
     
       ถึงจะไม่ได้ร่วมเครือข่ายทหารเสือราชินี ไม่เคยไปรับราชการในหน่วยทหารทางกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) ในภาคตะวันออก
     
       แต่ก็คือเพื่อนที่แนบแน่นกับ “บิ๊กบราเธอร์บูรพาพยัคฆ์” มากที่สุด
     
       เส้นทางในอาชีพทหารของภายหลังจบจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย สำเร็จการศึกษาโรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 6
     
       ชีวิตราชการของ พล.อ.นพดล จะอยู่ที่กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ พล. 1 รอ.เป็นหลัก
     
       และเมื่อปี 2541 ก็เติบโตพุ่งพรวดในอาชีพทหารแบบโชติช่วงชัชวาล เมื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.พล.1 รอ. ดูมีอนาคตที่สดใส มากกว่า “บิ๊กป้อม” เสียอีก
     
       แต่แล้วก็มีเหตุพลิกผัน เพราะความเป็นไปบนเส้นทางอนาคต ย่อมกำหนดด้วยตัวเอง เมื่อเกิดกรณีคณะนายทหาร พล.1 รอ.ไปตีกอล์ฟที่เมืองคุนหมิง ประเทศจีน
     
       โดยมี ผบ.พล.1 รอ. พล.อ.นพดล เป็นหัวหน้าคณะนำทีมดวลวงสวิงต่างแดน พร้อมกับมีข่าวในช่วงนั้นว่า หลายหน่วยงานในกองทัพบกได้ใช้เงินรายได้จากสถานีวิทยุของ พล.1 ไปในทางที่ไม่

คุ้มค่า ด้วยการพากำลังพลไปท่องเที่ยว
     
       ปะเหมาะเคราะห์ร้าย ที่ช่วงเดียวกันนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในสมัยที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางไปราชการพอดิบพอดี
     
       และมีการตั้งคณะกรรมการสอบ แม้ยังไม่มีบทสรุปว่า การยกคณะไปตีกอล์ฟต่างประเทศ มีการลาราชการหรือไม่
     
       แต่ “กอล์ฟคุนหมิง” ก็พ่นพิษ!
     
       อนาคตราชการ “บิ๊กกี่” ดับวูบ ถูกโยกไปเข้า “กรุ” ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ขณะที่นายทหารพล.1 และเพื่อนร่วมรุ่น ตท.6 ก็แป้กไปตามๆ กัน
     
       แม้แต่ “บิ๊กป้อม” ที่กำลังไต่ไลน์อำนาจ ในกองทัพภาคที่ 1 ก็ต้องโดนลูกหลง หลุดวงโคจร เส้นทางราชการสะดุดไปด้วย!
     
       ถึงยุค ผบ.ทบ.ที่ชื่อ “สุรยุทธ์” จะเป็นช่วงแห่งความยากลำบาก แต่เมื่อถึงยุคไทยรักไทย “บิ๊กเหวียง” พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ขึ้นเป็น รมว.กลาโหม
     
       กลายเป็นยุคทองของ ตท.6 “บิ๊กกี่-บิ๊กป้อม”
     
       โดยเฉพาะ พล.อ.นพดล ที่สนิทสนมกับ “บิ๊กเหวียง” ระดับพี่เลิฟน้องรัก สนับสนุนค้ำชูกันมา เมื่อพี่ขึ้นเป็นใหญ่ น้องก็ถูกเรียกใช้งาน “บิ๊กกี่” จึงพ้นจากกรุมาเป็นหัวหน้านายทหารฝ่าย

เสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม
     
       แม้เส้นทางจะสะดุดไปไม่ถึงฝัน แต่ก็ยังจบชีวิตราชการด้วยยศพลเอก ในที่สุด
     
       ส่วนสัมพันธ์ ระหว่าง “บิ๊กป้อม” กับ พล.อ.เชษฐา ที่ถือเป็นรุ่นพี่ที่น้องๆ ในหน่วยทหาร พล.ร.2 รอ. เคารพรัก และ “บิ๊กป้อม” ก็คือทายาทที่ก้าวเดินตามกันมา
     
       และ “บิ๊กเหวียง” ก็คือเสียงสำคัญ ที่สนับสนุน “บิ๊กป้อม” ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.
     
       ไม่เท่านั้น เมื่อ พล.อ.เชษฐา เข้าเล่นการเมือง ก็ช่วยขยายคอนเน็กชั่นของเครือบิ๊กทหาร ตท.6 สยายปีกไปกว้างไกล
     
       ในสาย “นักการเมือง”
     
       เริ่มต้นที่ภาคตะวันออก ในสาย “ไดโนเสาร์วังน้ำเย็น” เสนาะ เทียนทอง นักการเมืองถิ่นบูรพาทิศ จ.ปราจีนบุรี สระแก้ว ที่ตั้งหน่วยทหารที่ “บิ๊กเหวียง-บิ๊กป้อม" เติบโต
     
       ในสาย “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่มีลูกสะใภ้ของ “บิ๊กเหวียง” อย่าง “หมวยเหน่ง” อรทัย ฐานะจาโร อยู่ในเครือข่ายเจ้าแม่ กทม.ในพรรคไทยรักไทย
     
       “บิ๊กกี่-บิ๊กป้อม” ก็พลอยได้เชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองนี้
     
       โดยเฉพาะ “บิ๊กกี่” ที่บรรดาผู้แทนฯในระบอบทักษิณ ต่างรู้จักคุ้นเคยกันดี ว่าใจนักเลง พึ่งพาได้ การประสานงานเรื่องงบฯ เรื่องกำลังทหารไปพัฒนาหาเสียงพื้นที่ต่างๆ นายทหารรายนี้จัดการให้

เสร็จสรรพ ตามออเดอร์!
     
       เป็นขวัญใจของ ส.ส.ไทยรักไทย
     
       ถึงตรงนี้ จึงสรุปได้ว่า คอนเน็กชั่นของ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้มีแค่ก๊วน 3 ป.ในกองทัพ ไม่ได้เป็นแก๊ง 4ป. ที่รวมบิ๊กสีกากี น้องชาย “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท เข้าไปด้วย และไม่ใช่เป็นเพียงแค่

กลุ่ม 4 ป. บวก 1 น. และ 1 ท. ที่มี เนวิน ชิดชอบ และ “เทพเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ 2 นักการเมืองจากพรรคภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์เท่านั้น
     
       ที่สำคัญมี “บิ๊กกี่” เป็นข้อต่อเชื่อมสำคัญ สำหรับ “บิ๊กป้อม” และเครือข่าย
     
       จึงไม่แปลก วันนี้ที่จะมีการเชื่อมโยง “บิ๊กเหวียง-บิ๊กป้อม-บิ๊กกี่” และเครือข่าย 4 ป. ไปยัง จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ทหารชั้นประทวน ที่ถูกหมายจับคดีลอบสังหารสนธิ
     
       “จ่าปัญญา” มือดีที่ “บิ๊กเหวียง” วางใจใช้งาน และบรรดาน้องๆ ก็รู้จักมักคุ้นเช่นกัน
     
       สำหรับ “บิ๊กเหวียง” แม้จะถือเป็นจุดศูนย์กลาง แต่ก็ถูกกันออกไปแล้ว เพราะคอนเน็กชั่นที่มี... น้องๆ จะนำไปใช้อย่างไรในภายหลัง ผู้เป็นพี่ไม่จำเป็นต้องรับรู้ไปทุกเรื่อง !
     
       แต่ที่แปลก และต้องจับตาว่าจะเกี่ยวข้องกับก๊วนเพื่อนรักกลุ่ม ตท.6 พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.นพดล กับคดีอุกฉกรรจ์
     
       เพราะในเวลาเดียวกับมรสุมที่โหมกระหนำ “3 ป.” โดย “เสธ.แดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ได้เปิดข้อมูลใหม่
     
       “เสธ.แดง” ผู้ที่เคยไปฝึกการใช้อาวุธ จัดตั้งกองกำลังให้คนเสื้อแดง และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เพียงสั่งตั้งกรรมการสอบ แต่ไม่มีบทสรุปใดๆ ออกมา
     
       “เสธ.แดง” ที่รู้ลึกเรื่องการลอบยิงระเบิดใส่ม็อบพันธมิตรฯ ว่าเป็น “กฐินสามัคคี” มี “หลายบิ๊ก” จากหลายวงการร่วม “ลงขัน”
     
       “เสธ.แดง” ที่เริ่มถูกระแวงจาก “คนเสื้อแดง” ว่าไม่ “แดงจริง” แต่เป็นมืองานของ “บิ๊กสีเขียว” ส่งไปแทรกซึมหาข่าว?
     
       วันนี้ “เสธ.แดง” นายทหารจากองทัพบก ภายใต้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดอย่าง “บิ๊กป๊อก” ออกมาปล่อยข้อมูลอีกด้าน ทั้งในรายการวิทยุ และผ่านเว็บไซต์ส่วนตัว
     
       ชี้เป้าไปที่ “ผู้บงการ” ในคดีลอบสังหารแกนนำพันธมิตรฯ ตัวจริงอยู่ในสาย “บ้านใหญ่” กลุ่มอำมาตย์เก่า ศูนย์รวมผู้มีบารมี ที่เสาฐานบัญชาการโยกคลอนด้วยถูกถล่มหนัก
     
       มืองาน ผบ.ทบ.เขี่ยลูกออกจากฝ่าย 3 ป. ?
     
       เหมือนจงใจพุ่งเป้าไปที่กลุ่ม “อำมาตย์เก่า” ที่มีสมาชิกคนสำคัญ ที่พี่เลิฟ ตท.6 ของ ผบ.ทบ. ที่ถูกจับตาว่ากำลังสร้างขั้วอำนาจ “อำมาตย์ใหม่” ขึ้นมาทาบบารมี
     
       “คนสำคัญ” ที่ “บิ๊กกี่-บิ๊กป้อม” แค้นฝังหุ่น!?

สถานการณ์ข่าว22ต.ค.57


สปช.

"ทัศนา" พร้อมทำงานเต็มที่สนับสนุนประธานและสมาชิกปฏิรูปประเทศ ชี้ ทุกด้านต้องสัมพันธ์กัน ส่วนตัวมุ่งเน้นด้านสาธารณสุข

รศ.ดร.ทัศนา บุญทอง ว่าที่ รองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) คนที่ 2 เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า ไม่ได้หนักใจในการทำหน้าที่แต่อย่างใด พร้อมสนับสนุนส่งเสริมให้สมาชิกทำงานอย่างเต็มที่

ไม่รู้มาก่อนว่าจะมีการเสนอชื่อบุคคลมาแข่งขันในการชิงตำแหน่ง ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าการเลือกประธานและรองประธานทั้ง 2 คน เป็น "จุฬาฯ คอนเน็คชั่น" ก็ไม่ได้ให้น้ำหนักในประเด็น
ดังกล่าวแต่อย่างใด และเชื่อว่าบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาทำงานในครั้งนี้ ล้วนเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถทั้งสิ้น

ทั้งนี้ ว่าที่ รองประธาน สปช. คนที่ 2 กล่าวทิ้งท้ายว่า การปฏิรูปประเทศในครั้งนี้ ต้องทำทั้งระบบและต้องสัมพันธ์กันทั้งหมด โดยส่วนตัวมีประสบการณ์ด้านสาธารณสุข ต้องการที่จะปฏิรูประบบ

การดูแลสุขภาพและสาธารณสุขของประชาชนให้ดียิ่งขึ้นเป็นลำดับแรก รวมถึงการปฏิรูปบุคคลาการทางการแพทย์และสาธารณสุขด้วย
------------
สปช.ประสาร นำอดีตคณะอนุกรรมการตรวจสอบทุจริตวุฒิสภาลงพื้นที่ ตรวจสอบการถือครองที่ดินหลวง อ.ปากช่อง โยง "ธาริต"

วันนี้ นายประสาร มฤคพิทักษ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช.ด้านการเมือง จะนำอดีตอนุกรรมาธิการตรวจสอบทุจริต วุฒิสภาและสื่อมวลชน ลงพื้นที่ปากช่อง เพื่อตรวจสอบที่ดินหลวง 2

แปลง ซึ่งมีปัญหาเกี่ยวโยงกับ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ คือ ที่ดินเขตบ้านมอทรายทอง ต.วังไทร อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา นายธาริต ได้ครอบครองไว้ 30 ไร่เศษ รวมกับพื้นที่ข้างเคียงประมาณ 405 ไร่

โดยแจ้งขอ น.ค.3 เพื่อขอทำเกษตรกรรม

ส่วนพื้นที่อีกแปลงเป็นที่ดินพันรบพิเศษของศูนย์สงครามพิเศษ จ.ลพบุรี จำนวน 725 ไร่ บริเวณเขาหนองเชื่อม ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง ปรากฏชื่อ นายธาริต และ นายเสฏฐวุฒิ เพ็งดิษฐ์ น้องชาย มีชื่อ

เป็นเจ้าของรวมกับคนอื่น ๆ อีกหลายคน
-------------
"เทียนฉาย" คาด เปิดรายชื่อ 15 สปช. นั่ง กมธ.ยกร่าง รธน. ได้ใน 28 ต.ค. ขณะอีก 5 คน มอบวิปสรรหาคนนอก

น้ำอ้อย ขอเขียนกลาง รายงาน

นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ว่าที่ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการสามัญประสานงาน
กิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ วิป สปช. ว่า ที่ประชุม มีมติให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มีสัดส่วนสมาชิก สปช. 15 คน
และอีก 5 คน ให้สรรหาจากบุคคลภายนอก ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดเผยรายชื่อได้ ในวันที่ 28 ต.ค. นี้

ทั้งนี้ ในส่วนของ 5 คนภายนอกนั้น จะเป็นหน้าที่ของ วิป สปช. ที่จะใช้วิธีรวบรวมรายชื่อบุคคลที่มีคุณสมบัติไม่ขัดต่อกฎหมาย
รัฐธรรมนูญ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นนักวิชาการ นักกฎหมาย หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญมาก่อน พร้อมให้เหตุผล
ที่เลือกใช้วิธีดังกล่าวในการให้ได้มาซึ่งบุคคลที่จะเข้าไปทำหน้าที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ต้องการความหลากหลาย
ทางความคิดที่จะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งคาดว่าจะได้รายชื่อภายหลังวันที่ 28 ต.ค.

/////////////

สนช.

สมาชิก สนช. ทยอยเตรียมตัวประชุมแล้ว ขณะ วิป สปช. เรียกประชุมนัดแรกวางกรอบทำงาน

บรรยากาศที่รัฐสภา ล่าสุด สมาชิก สนช. ทยอยเดินทางเพื่อเตรียมตัวในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่จะเริ่มขึ้นในเวลา 10.00 น. ขณะเดียวกัน เช้านี้ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ที่

เป็นสัดส่วนของคณะกรรมาธิการกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติชั่วคราว หรือวิป สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับ สปช. จะประชุมนัดแรก ที่ห้อง 219 อาคาร

รัฐสภา 2

ภายหลังจากวานนี้ ที่ประชุม สปช. มีมติแต่งตั้งทั้ง 2 คณะ ทั้งนี้ ต้องติดตามว่าจะมีความคืบหน้าในเรื่องใดบ้าง โดยเบื้องต้นได้มีการกำหนดให้มีการสรรหารายชื่อสมาชิก สปช. ที่จะเข้าร่วมคณะ

กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 20 คน ในสัดส่วนของ สปช. ภายในวันที่ 29 ต.ค. นี้

-------
"พรเพชร" นัดประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อพิจารณาวาระด่วน 10 เรื่อง ขณะคณะรัฐมนตรีเสนอร่างกฎหมายใหม่ 3 ฉบับ

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีคำสั่งให้นัดสมาชิกประชุมครั้งที่ 18/2557 เวลา 10.00 น.
โดยมีวาระการพิจารณาเรื่องด่วน 10 เรื่อง ดังนี้

- การให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน
- การให้ความเห็นชอบบุคคลให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา

ตามด้วยร่างกฎหมายที่คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเสร็จ 5 ฉบับ และการพิจารณากฎหมายที่คณะรัฐมนตรีเสนอใหม่ 3 ฉบับ
คือ

- ร่างพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
- ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แบ่งส่วนราชการในกระทรวงพาณิชย์)
- ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (จัดตั้งกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ)

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่ค้างพิจารณาอีก 4 เรื่อง
///////////////////////
นายกฯ

พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมนั่งหัวโต๊ะประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ จับตาเครือข่ายปฏิรูปพลังงาน เข้ายื่นหนังสือคัดค้านออกสัมปทาน

สำหรับวาระงานภายในทำเนียบรัฐบาลวันนี้ ในเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. จะเป็นประธานการประชุมคณะ

กรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล

โดยมีวาระการประชุมที่น่าจับตา อาทิ การกำหนดอัตราราคารับซื้อไฟฟ้าจากผู้ประกอบการที่ลงทุนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนและพลังงานชีวมวล การรายงานเรื่องการเร่งเปิดสัมปทาน

ปิโตรเลียมรอบที่ 21 และความคืบหน้าแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (พีดีพี) ปี 2558-2579

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ ทางกลุ่มเครือข่ายปฏิรูปพลังงานจะเดินทางมาที่ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อติดตามผลการประชุมในวันนี้ด้วย

ย้อนรอย...นพดล อินทปัญญา ข้อต่อ “ขั้วอำนาจใหม่” สางแค้น “อำมาตย์เก่า”

ย้อนรอย...นพดล อินทปัญญา ข้อต่อ “ขั้วอำนาจใหม่” สางแค้น “อำมาตย์เก่า”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
6 สิงหาคม 2552 00:34 น.  

ย้อนรอย...นพดล อินทปัญญา ข้อต่อ “ขั้วอำนาจใหม่” สางแค้น “อำมาตย์เก่า”

พล.อ.นพดล อินทปัญญา

เขาเป็นใคร มาจากไหน ไม่มีใครรู้ หรือถึงรู้ก็เฉพาะกลุ่ม รู้จักก็จำกัดเฉพาะวงแคบ ในหมู่ขุนศึกทหาร และนักการเมือง
     
       บิ๊กทหารที่โด่งดังเป็นพลุแตกด้วยวาจาเดือด พล.อ.นพดล อินทปัญญา เลขานุการ รมว.กลาโหม ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ปกป้อง “วงษ์สุวรรณแฟมิลี่”
     
       ว่าด้วยกรณีนายกรัฐมนตรีเล่นกับไฟ ในเกม “ขุดตอ”
     
       ในประเด็นร้อนเกี่ยวกับสถานะเก้าอี้ ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เกี่ยวโยงกับการสะสางคดีลอบยิง สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ
     
       “ครอบครัววงษ์สุวรรณไม่ยอมถูกกระทำฝ่ายเดียว ตอนนี้จะเดินหน้าฟ้องตามกฎหมายทุกอย่าง หรือนอกกฎหมายก็จะทำ”
     
       ขีดเส้นใต้ ใส่ตัวหนาไว้ “นอกกฎหมายก็จะทำ”
     
       ถ้าเป็นหนังคาวบอย ในดินแดนกันดารบ้านป่าเมืองเถื่อนที่ต้องพูดกันด้วยปืน เจรจากันด้วยลูกกระสุน หากหล่นคำพูดดิบๆ แนวนี้ก็ต้องถือว่า เล่นบทพระเอก
     
       แต่นี่คือประเทศไทย บ้านเมืองที่มีกฎเกณฑ์ มีกฎหมายไว้ควบคุมพฤติกรรมเกเรของผู้คนในสังคม ผู้ห้าวหาญใช้วาจาแข็งกร้าว ข่มขู่ จึงเป็นได้แค่มาเฟียนักเลงโต !!??
     
       ที่สำคัญ พล.อ.นพดล คงจะลืมไปว่า วันนี้ตัวเองอยู่ในสถานะใด การเป็นเลขานุการ รมว.กลาโหม กระทรวงที่ดูแล 3 เหล่าทัพ คุมนโยบายด้านความมั่นคงของชาติ
     
       ผู้มีอำนาจสูงสุดในฝ่ายบริหาร นายกฯ จะเพียงแค่ตักเตือนให้ระมัดระวังคำพูดคำจา ไม่รู้จะเพียงพอหรือไม่
     
       หุบปาก จะหยุดความคิดดิบเถื่อนได้หรือ?
     
       อันที่จริง พล.อ.นพดล ก็ถือเป็นอดีตนายทหารใหญ่ ผ่านการทำงานในหน่วยงานของกองทัพ ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความเคร่งครัดในเรื่องกฎ ระเบียบ วินัย แบบแผนเป๊ะ
     
       เชื่อว่าในรั้วทหารคงขัดเกลาให้ดำรงตนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่ออกนอกลู่นอกทาง เพียงเพราะปลดประจำการ พ้นจากหน่วยงานกองทัพ
     
       เมื่อมาดูปูมประวัติของนายทหารรายนี้ พล.อ.นพดล หรือเรียนขานในหมู่ทหารว่า “บิ๊กกี่” คือเพื่อนรักเตรียมทหารรุ่น 6 ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
     
       ถึงจะไม่ได้ร่วมเครือข่ายทหารเสือราชินี ไม่เคยไปรับราชการในหน่วยทหารทางกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) ในภาคตะวันออก
     
       แต่ก็คือเพื่อนที่แนบแน่นกับ “บิ๊กบราเธอร์บูรพาพยัคฆ์” มากที่สุด
     
       เส้นทางในอาชีพทหารของภายหลังจบจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย สำเร็จการศึกษาโรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 6
     
       ชีวิตราชการของ พล.อ.นพดล จะอยู่ที่กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ พล. 1 รอ.เป็นหลัก
     
       และเมื่อปี 2541 ก็เติบโตพุ่งพรวดในอาชีพทหารแบบโชติช่วงชัชวาล เมื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.พล.1 รอ. ดูมีอนาคตที่สดใส มากกว่า “บิ๊กป้อม” เสียอีก
     
       แต่แล้วก็มีเหตุพลิกผัน เพราะความเป็นไปบนเส้นทางอนาคต ย่อมกำหนดด้วยตัวเอง เมื่อเกิดกรณีคณะนายทหาร พล.1 รอ.ไปตีกอล์ฟที่เมืองคุนหมิง ประเทศจีน
     
       โดยมี ผบ.พล.1 รอ. พล.อ.นพดล เป็นหัวหน้าคณะนำทีมดวลวงสวิงต่างแดน พร้อมกับมีข่าวในช่วงนั้นว่า หลายหน่วยงานในกองทัพบกได้ใช้เงินรายได้จากสถานีวิทยุของ พล.1 ไปในทางที่ไม่

คุ้มค่า ด้วยการพากำลังพลไปท่องเที่ยว
     
       ปะเหมาะเคราะห์ร้าย ที่ช่วงเดียวกันนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในสมัยที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางไปราชการพอดิบพอดี
     
       และมีการตั้งคณะกรรมการสอบ แม้ยังไม่มีบทสรุปว่า การยกคณะไปตีกอล์ฟต่างประเทศ มีการลาราชการหรือไม่
     
       แต่ “กอล์ฟคุนหมิง” ก็พ่นพิษ!
     
       อนาคตราชการ “บิ๊กกี่” ดับวูบ ถูกโยกไปเข้า “กรุ” ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ขณะที่นายทหารพล.1 และเพื่อนร่วมรุ่น ตท.6 ก็แป้กไปตามๆ กัน
     
       แม้แต่ “บิ๊กป้อม” ที่กำลังไต่ไลน์อำนาจ ในกองทัพภาคที่ 1 ก็ต้องโดนลูกหลง หลุดวงโคจร เส้นทางราชการสะดุดไปด้วย!
     
       ถึงยุค ผบ.ทบ.ที่ชื่อ “สุรยุทธ์” จะเป็นช่วงแห่งความยากลำบาก แต่เมื่อถึงยุคไทยรักไทย “บิ๊กเหวียง” พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ขึ้นเป็น รมว.กลาโหม
     
       กลายเป็นยุคทองของ ตท.6 “บิ๊กกี่-บิ๊กป้อม”
     
       โดยเฉพาะ พล.อ.นพดล ที่สนิทสนมกับ “บิ๊กเหวียง” ระดับพี่เลิฟน้องรัก สนับสนุนค้ำชูกันมา เมื่อพี่ขึ้นเป็นใหญ่ น้องก็ถูกเรียกใช้งาน “บิ๊กกี่” จึงพ้นจากกรุมาเป็นหัวหน้านายทหารฝ่าย

เสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม
     
       แม้เส้นทางจะสะดุดไปไม่ถึงฝัน แต่ก็ยังจบชีวิตราชการด้วยยศพลเอก ในที่สุด
     
       ส่วนสัมพันธ์ ระหว่าง “บิ๊กป้อม” กับ พล.อ.เชษฐา ที่ถือเป็นรุ่นพี่ที่น้องๆ ในหน่วยทหาร พล.ร.2 รอ. เคารพรัก และ “บิ๊กป้อม” ก็คือทายาทที่ก้าวเดินตามกันมา
     
       และ “บิ๊กเหวียง” ก็คือเสียงสำคัญ ที่สนับสนุน “บิ๊กป้อม” ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.
     
       ไม่เท่านั้น เมื่อ พล.อ.เชษฐา เข้าเล่นการเมือง ก็ช่วยขยายคอนเน็กชั่นของเครือบิ๊กทหาร ตท.6 สยายปีกไปกว้างไกล
     
       ในสาย “นักการเมือง”
     
       เริ่มต้นที่ภาคตะวันออก ในสาย “ไดโนเสาร์วังน้ำเย็น” เสนาะ เทียนทอง นักการเมืองถิ่นบูรพาทิศ จ.ปราจีนบุรี สระแก้ว ที่ตั้งหน่วยทหารที่ “บิ๊กเหวียง-บิ๊กป้อม" เติบโต
     
       ในสาย “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่มีลูกสะใภ้ของ “บิ๊กเหวียง” อย่าง “หมวยเหน่ง” อรทัย ฐานะจาโร อยู่ในเครือข่ายเจ้าแม่ กทม.ในพรรคไทยรักไทย
     
       “บิ๊กกี่-บิ๊กป้อม” ก็พลอยได้เชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองนี้
     
       โดยเฉพาะ “บิ๊กกี่” ที่บรรดาผู้แทนฯในระบอบทักษิณ ต่างรู้จักคุ้นเคยกันดี ว่าใจนักเลง พึ่งพาได้ การประสานงานเรื่องงบฯ เรื่องกำลังทหารไปพัฒนาหาเสียงพื้นที่ต่างๆ นายทหารรายนี้จัดการให้

เสร็จสรรพ ตามออเดอร์!
     
       เป็นขวัญใจของ ส.ส.ไทยรักไทย
     
       ถึงตรงนี้ จึงสรุปได้ว่า คอนเน็กชั่นของ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้มีแค่ก๊วน 3 ป.ในกองทัพ ไม่ได้เป็นแก๊ง 4ป. ที่รวมบิ๊กสีกากี น้องชาย “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท เข้าไปด้วย และไม่ใช่เป็นเพียงแค่

กลุ่ม 4 ป. บวก 1 น. และ 1 ท. ที่มี เนวิน ชิดชอบ และ “เทพเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ 2 นักการเมืองจากพรรคภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์เท่านั้น
     
       ที่สำคัญมี “บิ๊กกี่” เป็นข้อต่อเชื่อมสำคัญ สำหรับ “บิ๊กป้อม” และเครือข่าย
     
       จึงไม่แปลก วันนี้ที่จะมีการเชื่อมโยง “บิ๊กเหวียง-บิ๊กป้อม-บิ๊กกี่” และเครือข่าย 4 ป. ไปยัง จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ทหารชั้นประทวน ที่ถูกหมายจับคดีลอบสังหารสนธิ
     
       “จ่าปัญญา” มือดีที่ “บิ๊กเหวียง” วางใจใช้งาน และบรรดาน้องๆ ก็รู้จักมักคุ้นเช่นกัน
     
       สำหรับ “บิ๊กเหวียง” แม้จะถือเป็นจุดศูนย์กลาง แต่ก็ถูกกันออกไปแล้ว เพราะคอนเน็กชั่นที่มี... น้องๆ จะนำไปใช้อย่างไรในภายหลัง ผู้เป็นพี่ไม่จำเป็นต้องรับรู้ไปทุกเรื่อง !
     
       แต่ที่แปลก และต้องจับตาว่าจะเกี่ยวข้องกับก๊วนเพื่อนรักกลุ่ม ตท.6 พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.นพดล กับคดีอุกฉกรรจ์
     
       เพราะในเวลาเดียวกับมรสุมที่โหมกระหนำ “3 ป.” โดย “เสธ.แดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ได้เปิดข้อมูลใหม่
     
       “เสธ.แดง” ผู้ที่เคยไปฝึกการใช้อาวุธ จัดตั้งกองกำลังให้คนเสื้อแดง และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เพียงสั่งตั้งกรรมการสอบ แต่ไม่มีบทสรุปใดๆ ออกมา
     
       “เสธ.แดง” ที่รู้ลึกเรื่องการลอบยิงระเบิดใส่ม็อบพันธมิตรฯ ว่าเป็น “กฐินสามัคคี” มี “หลายบิ๊ก” จากหลายวงการร่วม “ลงขัน”
     
       “เสธ.แดง” ที่เริ่มถูกระแวงจาก “คนเสื้อแดง” ว่าไม่ “แดงจริง” แต่เป็นมืองานของ “บิ๊กสีเขียว” ส่งไปแทรกซึมหาข่าว?
     
       วันนี้ “เสธ.แดง” นายทหารจากองทัพบก ภายใต้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดอย่าง “บิ๊กป๊อก” ออกมาปล่อยข้อมูลอีกด้าน ทั้งในรายการวิทยุ และผ่านเว็บไซต์ส่วนตัว
     
       ชี้เป้าไปที่ “ผู้บงการ” ในคดีลอบสังหารแกนนำพันธมิตรฯ ตัวจริงอยู่ในสาย “บ้านใหญ่” กลุ่มอำมาตย์เก่า ศูนย์รวมผู้มีบารมี ที่เสาฐานบัญชาการโยกคลอนด้วยถูกถล่มหนัก
     
       มืองาน ผบ.ทบ.เขี่ยลูกออกจากฝ่าย 3 ป. ?
     
       เหมือนจงใจพุ่งเป้าไปที่กลุ่ม “อำมาตย์เก่า” ที่มีสมาชิกคนสำคัญ ที่พี่เลิฟ ตท.6 ของ ผบ.ทบ. ที่ถูกจับตาว่ากำลังสร้างขั้วอำนาจ “อำมาตย์ใหม่” ขึ้นมาทาบบารมี
     
       “คนสำคัญ” ที่ “บิ๊กกี่-บิ๊กป้อม” แค้นฝังหุ่น!?

พล.อ.ประยุทธ์

(21/10/57)พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวภายหลังการประชุม ครม.เสร็จสิ้น โดยพูดถึงนายเทียนฉาย กีระนันท์ ประธาน สปช. ว่า ท่านเก่งกว่าผมเยอะ ความจริงทุกๆ คนมีคุณสมบัติและมีพื้นฐานดีทุกคน ใครก็เป็นได้ เพียงแต่ที่ประชุมจะเลือกใครเท่านั้นเอง ในเมื่อที่ประชุมเลือกอาจารย์เทียนฉายก็เป็นไปตามนั้น ผมบอกแล้วไงว่า ไม่ได้ไปก้าวล่วง ส่วนกรณีที่ นายเทียนฉาย เคยแสดงความเป็นห่วงเรื่องกรอบเวลาในการยกร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ท่านเทียนฉายห่วง พวกเราไม่ห่วงเลยมั้ง ก็แล้วแต่ ก็ทำให้เร็วๆ แค่นั้น

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวถึงกระแสข่าว คสช. มีคำสั่งให้ สนช.พยายามที่จะทำในเรื่องอำนาจการถอดถอน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภาว่า ไม่เคยล็อบบี้หรือสั่งการใดๆ เป็นเรื่องของกฎหมาย ไม่ใช่ว่าจะไปยกโทษหรือไม่ยกโทษให้ใคร ถ้าผิดต้องว่ากันไปตามผิด แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ต้องไปดูกฎหมายว่าทำได้หรือไม่

ขณะที่กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีการขออนุญาตแล้ว ถ้าไม่ขออนุญาตจะไปได้อย่างไร ผมก็อนุมัติไป แต่ทั้งหมดมีมาตรการอยู่แล้วว่าไปไหนบ้าง ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทราบเรื่องทั้งหมด ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์อาจจะไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า เจอแล้วเป็นอะไรล่ะ ผมจะไปหวั่นไหวเรื่องอะไร จะไปหวั่นไหวทำไม ที่มีข่าวว่ามีอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะเดินทางไปด้วยหลายคนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร จะเป็นปัญหาอะไรล่ะ เขาก็ไปกันในฐานะประชาชน ไปเจอกันก็ไปเจอกันสิ ถ้าผิดก็เจอกันไม่ได้สิ อีกอย่างวันนี้ยังไม่มีความผิดก็ไปสิ ไปได้ไปเลย จะให้ผมหวั่นไหวเรื่องอะไร จะให้หวั่นไหวไปทุกเรื่องทำไม ไม่หวั่นไหวหรอก

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ถ้าจะวางแผนกันเขาวางแผนกันตรงนี้ก็ได้ ไม่ใช่ว่าไม่ห่วงสถานการณ์อะไร ก็ห่วง แต่ก็มีมาตรการซึ่งก็ต้องเตรียมมาตรการให้พร้อม ตนไม่ใช่ว่าจะใช้อำนาจใช้กฎหมายเพื่อจะไม่ห่วง แต่เท่าที่รับทราบคือ ประชาชนอยู่กับรัฐบาล เห็นว่ารัฐบาลแก้ปัญหาอย่างจริงจังในทุกมิติและทุกระบบ ไม่ใช่ว่าใช้วิธีการที่ไม่เท่าเทียม สร้างปัญหา ที่ผ่านมาประชาชนส่วนใหญ่ก็เห็นชอบกับรัฐบาล ซึ่งคนเหล่านี้ก็ดูแลรัฐบาลอยู่

กลุ่มจับตาปฏิรูปพลังงานไทยแถลงข่าวกรณีรัฐบาลเห็นชอบเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21

กลุ่มจับตาปฏิรูปพลังงานไทยแถลงข่าว กรณีรัฐบาลเห็นชอบเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 และให้ปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคขอเชิญประชาชนและสื่อมวลชนร่วมเวทีแถลงข่าวกรณีรัฐบาลเห็นชอบการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 และให้ปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ


ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)  เป็นประธาน มีมติเปิดให้สัมปทานปิโตรเลียมในพื้นที่ทั้งบนบก-ในทะเล รวม 29 แปลง โดยเปิดให้เอกชน ยื่นเรื่องภายใน 18 ก.พ.2558 นี้ และมีนโยบายจะทยอยปรับขึ้นราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ตามขั้นบันได ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ

“กลุ่มจับตาปฏิรูปพลังงานไทย” (จปพ.) โดย นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีต สว.กรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภาปฏิรูปสายพลังงาน ,นางสาวบุญยืน  ศิริธรรม อดีต สว.สมุทรสงคราม และประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค ,นายอิฐบูรณ์  อ้นวงษา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค รวมทั้งนักวิชาการด้านพลังงาน อ.เดชรัต สุขกำเนิด, รศ.ประสาท มีแต้ม, นายศุภกิจ นันทะวรการ และนางสาวจริยา เสนพงศ์ ผู้ประสานงานด้านพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จะร่วมแถลงข่าวให้ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อประเด็นดังกล่าวในวันพฤหัสบดีที่  23 ตุลาคม 2557 เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป ณ ห้องประชุมชั้น 2 มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ซ.ราชวิถี 7 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (สามารถนำรถไปจอดได้ที่ลานจอดรถห้างเซนเตอร์วัน เข้าได้ทางซอยราชวิถี 9)