PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2561

"ป๋าเปรม" แว้บบบ!! งาน"สานใจไทยฯ"

"ป๋าเปรม" แว้บบบ!! งาน"สานใจไทยฯ" ปัด เพราะหลบสื่อ เรื่อง"เช็ค มูลนิธิฯ" มอบ "บิ๊กแอ้ด" แทน แต่ ฝาก"โน้ต"ถึง เยาวชนใตั "เราจะได้พบกัน เมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น"
บิ๊กแอ้ด พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และประธานมูลนิธิรัฐบุรุษฯ เปิด โครงการ "สานใจไทย สู่ใจใต้" รุ่น33 แทน พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
พลเอกสุรยุทธ์ บอกกับ เยาวชนชายแดนใต้
320 คน ว่า พลเอกเปรม ได้ฝากข้อความถึง ด้วยรักความห่วงใยในเยาวชน และได้มอบสาส์นถึงเยาวชน
"หลานรักทุกคน เสียดายและเสียใจจริงๆ ที่ไม่ได้พบกัน เมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น เราจะได้พบกันอีก หลานรักทุกคนต้อง ไม่ลืมความเป็นไทย และความเป็นธรรม 2 วลี นี้ก่อให้เกิดความรัก ในประเทศของเราที่ทุกคนเป็นเจ้าของ" สาส์น พลเอกเปรม
ด้าน พลโท พิศณุ พุทธวงศ์ นายทหารคนสนิทฯ กล่าวว่า ที่ พลเอกเปรม. ไม่มาร่วมงานนี้ ไม่ใช่เพราะข่าวเรื่องเช็คมูลนิธิฯ ที่ถูก "โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร" พาดพิง และไม่ใช่ว่า เพราะไม่สบาย เพราะสุขภาพร่างกาย ก็แข็งแรง ตามปกติของท่าน และ
ไม่ได้ติดภารกิจใด แต่เห็นว่าเป็นงานที่ พลเอกสุรยุทธ์ ดูแลอยู่แล้ว จึงมอบหมายให้เป็นประธาน แทน

เมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น เราจะได้พบกันอีก

"ป๋าเปรม" เขียนด้วยลายมือ "สาส์น"
ถึง ."หลานรักทุกคน"..."เมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น เราจะได้พบกันอีก"
"หลานรักทุกคน... เสียดาย และ เสียใจจริงๆ ที่ไม่ได้พบกัน เมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น เราจะได้พบกันอีก หลานรักทุกคน ต้อง ไม่ลืม"ความเป็นไทย"และ"ความเป็นธรรม" สองวลี นี้ก่อให้เกิดความรัก ในประเทศของเรา ที่ทุกคนเป็นเจ้าของ"
"เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน"
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ
มีถึง เยาวชนชายแดนใต้ ในโครงการ "สานใจไทย สู่ใจใต้" รุ่นที่33 ฝาก บิ๊กแอ้ด พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และประธานมูลนิธิรัฐบุรุษฯ มา หลัง พลเอกเปรม ยกเลิก มาร่วมงาน

131ปีกลาโหม

131 ปี กลาโหม "บิ๊กป้อม" ลั่น ทำบ้านเมืองให้เกิดความสงบเรียบร้อย ไม่ความแตกแยก โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ยันจะทำให้ประชาชน มั่นใจได้ในทุกเรื่อง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ได้กระทำพิธีถวายราชสักการะและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในศาลาว่าการกลาโหม อาทิ เจ้าพ่อหอกลอง พระบวรฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมรูปหล่อและพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รูปหล่อจอมพลและมหาอำมาตย์เอกเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง - ชูโต) ​เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหมครบรอบ 131 ปี ซึ่งจะตรงกับวันที่ 8 เม.ย.ของทุกปี
จากนั้นได้เป็นประธานในพิธีสงฆ์ เพื่อประกาศเกียรติคุณของกระทรวงกลาโหม และเพื่อความเป็นศิริมงคลแก่กำลังพล ตลอดจนอุทิศส่วนกุศลให้กับนักรบไทยผู้ล่วงลับ โดยมี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของแต่ละเหล่าทัพเข้าร่วมพิธี
พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงกลาโหมสถาปนาครบรอบ 131 ปี ที่ผ่านมาสามารถทำให้ประชาชนมีความมั่นใจได้ในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคง การสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน รวมถึงการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศและพื้นที่รอบประเทศตามแนวชายแดน ซึ่งกระทรวงกลาโหมได้ดำเนินการมาโดยตลอด 131 ปี ส่วนนโยบายในการดำเนินงานต่อไปก็ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เพราะผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และรักษากฎระเบียบทุกอย่าง ตนจึงมั่นใจในตัวผู้ใต้บังคับบัญชาในทุกคน
เมื่อถามถึงการทำงานของกระทรวงกลาโหมในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย และไม่ให้เกิดความแตกแยก

สมติด/สุชาติ

สมคิด-สุชาติ"กลางควันข่าวลือภารกิจพรรคตระกูล ส.?

 

          เป็นข่าวครึกโครมเมื่อกลางสัปดาห์ ข่าววันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ “ประมุขบ้านริมน้ำ” จะเปิดบ้านต้อนรับอดีต ส.ส.กลุ่ม 16 รับประทานอาหารกลางวัน แถมมีแขกพิเศษชื่อ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อีกด้วย

          แต่ไม่ทันข้ามสัปดาห์ สุชาติ ตันเจริญ นักการเมืองรุ่นใหญ่ ในฐานะแกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว และไม่ได้นัดหมายรองนายกฯ สมคิด เพราะตนเองยังติดธุระอยู่ที่เมืองจีน และวันที่ 1 เมษายน จะกลับไปงานเช็งเม้งที่พนมสารคาม

          ประเด็นข่าวการขยับตัวของ “สุชาติ ตันเจริญ” นัั้น น่าจะเริ่มต้นจาก “ไพศาล พืชมงคล”กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี(พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้โพสต์กระจายข่าวทางเฟซบุ๊ก “Paisal Puechmongkol” ว่า “นายสุชาติ ตันเจริญ อดีตแกนนำพรรคความหวังใหม่ พร้อมหวนคืนสู่สมรภูมิการเมืองอีกครั้ง ประกาศพร้อมประสานนักการเมืองเก่าใหม่และประชาชนผู้รักชาติทั่วประเทศ สนับสนุนความปรารถนาของประชาชนในการปฏิรูปประเทศ จะสนับสนุนคนที่เป็นความหวังของประชาชนที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดเป็นนายกรัฐมนตรี”

          พร้อมกับนำภาพ สุชาติ ตันเจริญ และคณะ เดินทางเยือนมณฑลไหหลำมาโพสต์ ทำไม “ไพศาล” ต้องพูดถึงสุชาติ ตันเจริญ ? คำตอบคือ ทั้งคู่ร่วมกันทำงานใน “สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน” องค์กรที่คลาคล่ำไปด้วยนักการทหาร นักการเมือง และนักธุรกิจ

          สรุปว่า 1 เมษายน สุชาติกลับบ้านไปพบญาติๆ เนื่องในเทศกาลเช็งเม้ง ไม่มีการเปิดบ้านริมน้ำ และไม่ได้ไปร่วมงานที่พรรคภูมิใจไทย 

          50 กว่าปีที่แล้ว คนพนมสารคาม รู้จักบ้านโรงเลื่อยจักร ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของตระกูลการเมือง “ตันเจริญ”

          "เตี่ยเชียร” หรือ วิเชียร ตันเจริญ ร่วมทำไม้กับบริษัท เอื้อวิทยาพานิชย์ จำกัด ผู้รับสัมปทานทำไม้ ในเขตพนมสารคามและสนามชัยเขต สมัยโน้นยังเป็นป่าดิบดงดำ ทั่วถิ่น “พนมสารคาม” ไม่มีใครไม่รู้จัก “เตี่ยเชียร” คหบดีผู้ใจบุญ สร้างถนน สร้างวัด สร้างโรงเรียน และสาธารณกุศล

          ด้วยต้นทุนที่สร้างงาน สร้างบุญไว้เยอะ เลือกตั้ง 2529 “เตี่ยเชียร” ก็ให้ลูกชายที่เพิ่งเรียนจบนอกหมาดๆ ลงสมัคร ส.ส.เขต 2 ฉะเชิงเทรา โดย “สุชาติ ตันเจริญ” ได้คะแนนสูงสุด และเป็น ส.ส.สมัยแรก สังกัดพรรคประชาธิปัตย์

          จากนั้น สุชาติย้ายไปชาติไทย และทำสถิติย้ายพรรคทุกครั้งที่ลงสมัคร ส.ส. อย่างเลือกตั้ง 2539 สุชาติเผชิญวิกฤติการเมืองหาพรรคสังกัดไม่ได้ ต้องไปจัดตั้งพรรคขนาดเล็กชื่อพรรคไท ลงสนาม จากนั้นกลับมารุ่งเรืองสมัยไทยรักไทย และเว้นวรรคทางการเมืองไป 5 ปี
“สุชาติ” รับบทคนการเมืองหลังม่าน ในฐานะประมุข “บ้านริมน้ำ” ได้เข้าร่วมรัฐบาลอภิสิทธิ์ และยังเกาะเกี่ยวอยู่กับนักเลือกตั้งที่ย้ายออกมาจากพรรคไทยรักไทย

          ปี 2559 สุชาติเปิดบ้านริมน้ำ ย่านเมืองนนท์ พบปะเพื่อนพ้องน้องพี่ “กลุ่ม 16” โดยสมาชิกกลุ่มนี้ที่ยังไปมาหาสู่กัน อาทิ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์, วราเทพ รัตนากร, สนธยา คุณปลื้ม, สรอรรถ กลิ่นประทุม, เกษม รุ่งธนเกียรติ และ ประวัฒน์ อุตโมท

          กลุ่ม 16 เป็นการรวมตัวกันของนักการเมืองหนุ่ม (สมัยโน้น) และมีพี่ใหญ่คือ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หลังรัฐประหาร 2549 พวกเขาก็แยกย้ายกันไป ส่วนใหญ่ยังอยู่พรรคเพื่อไทย บางส่วนอยู่พรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังชล

          เลือกตั้ง 2550 นักเลือกตั้งสายสุชาติลงสนามในนามพรรคเพื่อแผ่นดิน และเลือกตั้ง 2554 ย้ายไปสวมเสื้อพรรคภูมิใจไทย แต่โชคร้ายสอบตกหมด แม้กระทั่งหลานของสุชาติ ที่สนามบ้านเกิด

          สุชาติเป็นนักการเมืองสูตรโบราณ ที่คบหาอดีต ส.ส.ทุกสีเสื้อ และที่เหนียวแน่นคือ เพื่อนอดีต ส.ส.กลุ่ม 16

          ทุกวันนี้ สุชาติเป็นอุปนายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน และเพิ่งได้เป็นประธานคณะกรรมการบริหารกิจการบ้านพี่เมืองน้อง
ที่สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน สุชาติจึงรู้จักไพศาล พืชมงคล อุปนายกและเลขาธิการสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน และผองเพื่อนนักการเมืองอย่างพินิจ จารุสมบัติ, ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง(เสียชีวิตแล้ว) และโภคิน พลกุล

          สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ก่อตั้งโดย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และไพศาลเป็นคนหนึ่งที่เป็นแกนหลักของสมาคม และปัจจุบัน “โภคิน พลกุล" เป็นนายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน คนที่ 5

          ระหว่างวันที่ 23-26 มีนาคม ที่ผ่านมา สุชาตินำคณะรวม 8 คน เดินทางเยือนมณฑลไหหลำ เพื่อไหว้บรรพบุรุษ ในเทศกาลเช็งเม้ง และหารือร่วมกับสมาคมมิตรภาพระหว่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีสองอดีต ส.ส.ยโสธร “พิกิฏ ศรีชนะ“ และ "รณฤทธิชัย คานเขต” ติดตามไปด้วย

          ว่ากันว่า ตระกูลตันเจริญมีเชื้อสายไหหลำ สุชาติจึงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น เขาได้พบปะกับผู้นำของมณฑล, นายกสมาคมไหหลำ, นายกสมาคมแต้จิ๋ว ฯลฯ ซึ่งแต่ละคนมีเงินพันล้านขึ้นไป ทุกคนให้ความสนใจจะมาลงทุนในเมืองไทย

          อันสืบเนื่องจากสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน หรือ “ไทย-จีนคอนเนกชั่น” จึงทำให้ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" นายกสมาคมฯ คนที่ 2 กับสุชาติสนิทสนมกันดี

          ไม่ว่า “สมคิด” จะพยายามบอกกับนักข่าวที่ใกล้ชิดเกี่ยวกับการตั้งพรรคใหม่ว่า “ไม่เป็นความจริง” พร้อมขยายความว่า “ผมอายุมากแล้ว สุขภาพไม่ดีด้วย” แต่แหล่งข่าวจากวงการเมืองยืนยันว่า “มีแน่..พรรคการเมืองในสายสมคิด”

          บุคคลใกล้ชิดสมคิดคนหนึ่งที่จัดเจนเรื่องงานการเมืองและงานมวลชน นั่นคือ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดย “สมคิด” เป็นนักคิด นักพูด แต่ “สนธิรัตน์” เป็นนักปฏิบัติการ และมือประสานสิบทิศ

          ช่วงสมคิดเว้นวรรคทางการเมือง ได้จัดตั้งมูลนิธิสัมมาชีพ และมอบหมายให้สนธิรัตน์เข้าไปบริหารจัดการ ซึ่งมูลนิธิสัมมาชีพเป็นจุดนัดพบของภาคประชาสังคมกับภาคธุรกิจ ที่ถูกต่อยอดมาเป็นยุทธศาสตร์ “ประชารัฐ” ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

          นอกจาก ส.สนธิรัตน์ สมคิดยังมีอะไหล่ทางการเมืองอีก 1 ส.คือ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา โดยขุมกำลังสมศักดิ์ อยู่ที่สุโขทัย, ชัยนาท และราชบุรี 

          เมื่อการเลือกตั้ง 2554 สุชาติ ตันเจริญ พากลุ่มบ้านริมน้ำออกจากพรรคเพื่อแผ่นดินไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย และสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็พากลุ่มวังน้ำยมไปซบภูมิใจไทยเช่นเดียวกัน

          ในรายของสมศักดิ์ชัดเจนว่า ไม่กลับค่ายสีน้ำเงิน แต่จะไปอยู่พรรคไหน รู้สึกว่าช่วงนี้เงียบมาก ขณะที่สุชาติ ก็ยังไปมาหาสู่กับแกนนำภูมิใจไทย แต่อนาคตนั้นยังไม่ตัดสินใจว่าอยู่ค่ายเดิมหรือไม่ ? และการจัดกิจกรรมครบรอบ 10 ปี พรรคภูมิใจไทย สุชาติแจงแล้วว่าติดงานเช็งเม้ง

          ขณะที่สื่อมวลชนยังจับจ้องไปที่ “พรรคพลังประชารัฐ” ของ ชวน ชูจันทร์ ประธานตลาดน้ำคลองลัดมะยม ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เมื่อครั้งเป็นนักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

          พรรคพลังประชารัฐจะเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มนักการเมือง “ตระกูล ส.” หรือไม่ ? ช่วงเดือนเมษายนนี้ คงมีคำตอบ


/////

เรื่องของตระกูล ส.

เรื่อง“พรรคประชารัฐ”มีการพูดคุยกันมานานแล้ว โดยคนการเมืองกลุ่มหนึ่งที่หวังจะสานต่อ “ยุทธศาสตร์ชาติ” 

จากรัฐบาล คสช. สู่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแต่การจะทำพรรคการเมือง ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ ย่อมไม่ไว้วางใจหมากเกมการเมืองของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กับคณะทหาร คสช.

ในสายตาของแกนนำพรรคเพื่อไทยบางกลุ่ม มองว่า สมคิดเป็นแค่ “นักพูด” ไม่ใช่ “นักปฏิบัติ” ฉะนั้น นโยบายประชารัฐ อาจเป็นได้แค่ความฝัน

ตรงข้ามกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่หวั่นสะทกอกสะท้านเรื่องประชารัฐ หากรัฐบาลลุงตู่ทำสำเร็จขึ้นมา ประชาชนก็เฮโลสาระพาไปเลือกพรรคการเมืองที่หนุนลุงตู่ ปชป.ก็กินแห้วอีกครั้ง

จริงอยู่ สมคิดเก่งในการอธิบายความ แต่จุดอ่อนในการปฏิบัติ ก็ยังมี“มือทำงาน”ของสมคิดในชั่วโมงนี้ ก็มีอยู่ 2 คนคือ อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม และเคยเป็นแกนหลักของสถาบันอนาคตไทยศึกษา

อีกคนหนึ่ง สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ที่ปลุกปั้นมูลนิธิสัมมาชีพ จนกลายเป็นศูนย์รวมนักธุรกิจและเอ็นจีโอสายประเวศ

ถ้าจะคิดอ่านทำพรรคการเมือง ย่อมไม่ใช่สมคิด ที่จะมานั่งหัวหน้าพรรคเป็นแน่ เพราะจอมยุทธ์หั่งกวงยังมีมือทำงานอีกหลายคน ที่จะแปรแนวคิดทฤษฎีไปสู่การปฏิบัติที่เป็นจริง

สมคิด” ยังมีพันธมิตรคนการเมือง ที่ผูกมิตรชิดใกล้กันมาแต่สมัยก่อร่างสร้างพรรคไทยรักไทย ไม่ว่าจะอยู่ในพรรคเพื่อไทย หรือพรรคภูมิใจไทย

ขณะเดียวกัน สมคิด ยังมีตัวช่วยอีก “2 ส.” คือสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา ที่เปิดหน้าเล่นเป็นครั้งแรก นับแต่สมศักดิ์ พาลูกทีมออกจากพรรคภูมิใจไทย เมื่อปลายปี 2556 ก็ยังไม่พบการเคลื่อนไหวเรื่องตั้งพรรคการเมืองใหม่

ด้วยความสัมพันธ์ส่วนตัว สมศักดิ์ยังต่อสายคุยกับสมคิด และไปมาหาสู่กับแกนนำกลุ่มมัชฌิมาอย่าง “เสี่ยแฮงก์”อนุชา นาคาศัย อดีต ส.ส.ชัยนาท และ “กำนันตุ้ย” วิวัฒน์ นิติกาญจนา อดีต ส.ส.ราชบุรี อย่างสม่ำเสมอ

เชื่อกันว่า “ส.สมศักดิ์” ตั้งพรรคการเมืองแน่ แต่คงไม่รวมเป็นพรรคเดียวกันพรรค ส.สมคิด

อีก 1 ส.ที่ไม่ใกล้ชิดกันมากนัก แต่ สุเทพ เทือกสุบรรณ ก็มีท่าทีสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

การขยับตัวพร้อมกับข้อเสนอรีเซตสมาชิกพรรคการเมือง ทำให้แกนนำ ปชป. ต้องส่ง “เดอะแจ๊ค” ออกมาเปิดเกมแฉแหลก “กำนันดัง” จากภาคใต้

สายข่าวจากแดนทักษิณกระซิบว่า ส.สุเทพ เล่นการเมืองชัวร์ และคงต้องรอดูสถานการณ์ใน ปชป.เสียก่อน ค่อยคิดอ่านว่า จะยึดหรือจะแยก?

สรุปว่า เลือกตั้งสมัยหน้า มีพรรคการเมืองตระกูล ส.ส.ส.” ในสนามเลือกตั้งแน่นอน

อยู่ที่ปราบเฮี้ยวยังไง?

อยู่ที่ปราบเฮี้ยวยังไง?



ป้อมค่ายการเมือง เช็กยอดสมาชิกกันคึกคัก

แต่ที่ไม่ต้องตรวจดีกรีเผ็ดร้อน หนีไม่พ้น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ที่ปกติจะของขึ้นเป็นรายวันรายสัปดาห์อยู่แล้ว แต่แมตช์ล่าสุดออกอาการไม่สบอารมณ์หนัก

เอ่ยปากสวน “เด็กดื้อ” ที่เคยรู้กิตติศัพท์ แบบใส่กันชัดๆให้ได้ยินเป็นครั้งแรกๆ

ไม่ใช่ใครอื่น “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่พูดกับสมาชิก ใน ปชป.แต่กระตุกต่อมเดือดของท่านผู้นำ “หากใครจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯคนนอก ไม่ต้องมาที่พรรคประชาธิปัตย์”

เลยเจอดอกแรงๆสวนคืน ผู้นำส่งเสียงฮึ่มๆ “ต้องให้เกียรติกันด้วย”

แถมทิ้งทุ่นไว้ให้ตีปริศนา ผู้นำฝากประชาชนให้ติดตามชมตอนต่อไปของอดีตนายกฯรูปหล่อว่า “เขาจะเปลี่ยนท่าทีอะไรกันอย่างไร” แฝงนัยไปถึงหลังเลือกตั้ง สุดท้ายจะยังขึงขังอีกหรือไม่

จะเฮี้ยว หรือจะเกี้ยวขอร่วมวงอำนาจพิเศษเฟสใหม่หรือเปล่า อะไรทำนองนั้น

แต่ทั้งหมดทั้งปวง ท่าทีเปรี้ยวซ่าของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีต่อผู้นำรัฐบาลคสช.ในพักหลังถี่ขึ้น นั่นก็อ่านทางไม่ยาก ไม่ใช่แค่ถึงบทบังคับ ขายภาพเก่าๆ “ต้านท็อปบูต” โชว์ความเป็น “นักประชาธิปไตย”

อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ “มีของ” ตามที่ประเมินสูตรคณิตศาสตร์การเมืองตามกฎกติกาใหม่

ถ้าหากคาดการณ์จำนวนเสียงประชาธิปัตย์ ตรึงไว้ได้ระดับร้อยอัพ ก็มีโอกาสสูง จะเป็นค่าย “ซุปเปอร์ตัวแปร” อย่างไรแผนต่อตั๋วเก้าอี้ผู้นำ ก็ไม่กล้าเขี่ยทิ้ง

ปชป.ถึงได้มั่นใจไพ่ในมือ อำนาจต่อรองสูง

นั่นก็ต้องยกเว้น กรณีนโยบาย “ประชารัฐ” แผลงฤทธิ์ “ไทยนิยมยั่งยืน” พา “บิ๊กตู่” ทะลุเป้า ค่ายการเมืองที่ “ท็อปบูตรังสรรค์” กวาดคะแนนถล่มทลาย แย่งแต้มพรรคใหญ่ ประชาธิปัตย์-เพื่อไทย ได้เป็นกอบเป็นกำ

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ประชาธิปัตย์ก็มีโอกาสจ๋อยรับประทาน

หรืออาจจะยิ่งหงอยกว่านั้น ถ้าเกมพลิก สัญญาณบ้านเมืองเปลี่ยน พรรคเพื่อไทยเคลียร์ทางสะดวก มีคิวบังคับ “ปรองดอง” นายใหญ่จับมือท็อปบูต ที่วันนี้ก็ยังเป็นไปได้ยาก

“อภิสิทธิ์” และผองประชาธิปัตย์ ถึงได้ไม่แหยงผู้นำอำนาจพิเศษแต่ประการใด

และแน่นอน ฝ่าย “นายกฯลุงตู่” ก็ใช่ว่าจะไม่มีของ

ที่เห็นชัดแน่นอนจากลูกสวนกลับ ให้ชาวบ้านคอยติดตาม “อภิสิทธิ์” และประชาธิปัตย์กันยาวๆ สุดท้ายอย่างไร ค่ายขาเฮี้ยวมีโอกาสเปลี่ยนท่าที

เหตุผลข้ออ้างประเภท“เสียสละเพื่อชาติ”พลิกไปทางไหนก็ได้ เข้าสูตรรัฐบาลผสมอยู่ดี

วันนี้ “บิ๊กตู่” เลยได้ที ประจานลูกเล่นลีลารูปหล่อกันไว้ล่วงหน้ากับระยะเวลาก่อนเลือกตั้งที่ยังพอพลิกเกมได้ โดยเฉพาะที่ฝากเดิมพันไว้กับสารพัดโปรเจกต์อัดฉีด ไทยนิยมยั่งยืน-ประชารัฐ “นายกฯลุงตู่” ยังมีเวลาเติมแต้มตัวเอง และตัดแต้มค่ายขาเฮี้ยว

ไม่เท่านั้น พรรคการเมืองที่แบไต๋พร้อมเป็นเสลี่ยง สะสมกำลังไว้พอตัว

ยังไม่รวมค่ายใหม่ๆ ที่ล่าสุดมีรายงานข่าว มืองาน “ลุงตู่” ทยอย แต่งตัว จัดทัพไว้หลายสำนัก ทั้งมือดีลการเมือง ระดับพี่เลิฟ-เพื่อนรัก โดยเฉพาะมิสเตอร์คอนเน็กชันอย่าง “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เดินงานช่วยเต็มแรง

ในห้วงที่“เฟรนด์ออฟสมคิด”คึกคักอย่างยิ่ง นอกจากผู้กว้างขวางย่านเตาปูน กับค่ายการเมืองที่พุ่งเป้ากวาดบิ๊กเนมท้องถิ่นมาเสริมทัพ ตัดแต้มค่ายใหญ่ รวมทั้ง “ค่ายลุงกำนัน” ที่ประสานกันอยู่

นอกนั้น ยังมีอดีตรัฐมนตรี ส.เสือ ในวง “ก๊วนก๋วยเตี๋ยวเนื้อ” รัฐบาลไทยรักไทยมาด้วยกันกับ ดร.สมคิด มีแนวโน้มจะไหลมาเทมาหลายกลุ่มย่อย

จึงเริ่มมีข่าวการวางไพร่พล-ขุนพล-แม่ทัพ ติดแบรนด์ “สมคิดกรุ๊ป” ในพรรคการเมืองแห่งใหม่

“จอมยุทธ์กวง” ระดมฐานหนุน “บิ๊กตู่” ได้เนืองแน่น

ถึงแม้ว่าวันนี้ไพ่ในมือ ปชป.ยังเหนือกว่า “อภิสิทธิ์” ยังเฮี้ยว ได้ แต่ “นายกฯลุงตู่” เองก็เร่งสปีดเต็มพิกัด
อีกทางก็ต้องหาช่องแก้เกมเฮี้ยว สยบเด็กดื้ออยู่เหมือนกัน.

ทีมข่าวการเมือง