PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ไม่ได้เซ็นซีโร่พรรค

ไม่ได้ช่วยพรรคใหม่ ไม่ได้set zero

"บิ๊กป้อม" ยัน คำสั่ง คสช. ไม่ได้set zero พรรคการเมือง ไม่ได้ช่วยพรรคใหม่ แค่ให้เริ่มต้น พร้อมกัน พรรคใหม่-เก่า ยัน ไม่เลิ่อนเลือกตั้ง ยึดตามโรดแมพ  เผย คสช.ยังไม่เคยคุยกันเริ่องเลื่อนเลือกตั้ง

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีแกนนำพรรคการเมือง ระบุว่าคำสั่งคสช.ที่ 53 / 2560 เรื่องการดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เป็นการเซ็ตซีโร่พรรคการเมือง นั้นว่า ไม่ได้เป็นการเซ็ตซีโร่ พรรคการเมืองยังอยู่เหมือนเดิม แต่เป็นการให้พรรคใหม่และพรรคเก่าเริ่มพร้อมๆกัน ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคใหม่ เพราะพรรคใหม่ได้เริ่มก่อนเพียงแค่ 1 เดือน 

ส่วนพรรคเก่านั้น สมาชิกพรรคก็ยังอยู่กันเหมือนเดิม รวมถึงคณะกรรมการบริหารพรรคเช่นกัน 

หลังวันที่ 1 เมษายน 2561 จะมีการปลดล็อคพรรคการเมืองใน 2 ขั้นตอน ขั้นตอนแรกคือ ทางด้านธุรการ ส่วนขั้นตอนที่ 2 คือการหาเสียง ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมพที่ตั้งไว้ 

ซึ่งการออกคำสั่ง นึ้ จะทำให้พรรคใหม่ และเก่าเริ่มต้นพร้อมๆกัน และขอย้ำว่าเราไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้พรรคใหม่เลย เพราะพรรคใหม่ก็เริ่มต้นได้เดือนเดียว

ไม่ได้เซตซีโรพรรค เพราะพรรคการเมือง คณะกรรมการบริหารพรรคก็ยังอยู่ เพียงแค่ไปหาสมาชิกพรรคทั้ง4 ภาค จังหวัดละ100 คน และจ่ายตังค์ ให้พรรคการเมืองเท่านั้นเอง

เมื่อถามถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่าคำสั่ง นี้มีเหตุผลต้องการเลื่อนการเลือกตั้ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯในฐานะหัวหน้าคสช.ชี้แจงแล้ว

"คำสั่งนี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์จะเลื่อนการเลือกตั้ง เพราะที่ประชุม คสช.ไม่ได้หารือแบบนั้นเลย"

ยืนยันว่า ไม่มีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป ยังยึดตามโรดแมพ เพราะในที่ประชุมที่ผ่านมา ไม่เคยพูดเรื่องนี้เลย

"นักการเมืองมืออาชีพ"??

"นักการเมืองมืออาชีพ"??
ผบ.ทบ. สอนมวย นักการเมือง ระบุ "นักการเมืองมืออาชีพ"จะรู้ว่า ไม่ทำอะไรนอกกรอบ เป็นแค่การแสดงความเห็น เท่านั้น เพราะนักการเมืองมืออาชีพ จะไม่ทำอะไรนอกกรอบ ยันไม่เลื่อนเลือกตั้ง
พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. /เลขาฯคสช. กล่าวว่า ทั้ง พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร ยืนยันว่า บึดตามโรดแมพ ไม่มีเลื่อนเลือกตั้ง หลังมีเสียงวิจารณ์ คำสั่ง 53/2560 ว่าทำให้เลือกตั้งเลื่อนออกไป จาก พย.61
ส่วน การแสดงความคิดเห็นของนักการเมือง ที่เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ ในกรอบ เพราะเป็น นักการเมือง อยู่แล้ว แต่ก็ไม่มั่นใจว่า จะเป็นไปตามกรอบ หรือไม่
"ส่วนใหญ่เป็นการแสดงความคิดเห็น ซึ่งถ่าเป็น "นักการเมืองมืออาชีพ"จะรู้ว่า จะไม่ทำอะไรนอกกรอบ เป็นแค่การแสดงความเห็น เท่านั้น"

อารมณ์ การเมือง ภายใน ‘ประชาธิปัตย์’ อ่อนไหว ประณีต



อาการขวัญเสียของพรรคประชาธิปัตย์อย่างที่ นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค ออกมายอมรับและปลอบประโลมดำเนินไปในลักษณะ 2 ด้าน

ด้าน 1 มาจากผลสะเทือนของคำคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560

ขณะเดียวกัน ด้าน 1 ผลสะเทือนในลักษณะเช่นนี้เมื่อผ่านการทำความเข้าใจตามความเป็นจริงน่าจะส่งผลดี มากกว่าผลเสีย

นั่นก็คือ รู้ว่าใครเป็น “มิตร” ใครเป็น “ศัตรู”

นั่นก็คือ รู้ด้วยว่ามิตรที่อยู่ภายใน แสดงว่าเป็นพวกเดียวกัน นั่นแหละมีโอกาสแปรเปลี่ยนและกลับกลายเป็นศัตรูที่ร้ายกาจ เลือดเย็นอย่างที่สุด

ใครกันเล่าที่เสนอแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง

ใครกันเล่าที่มีอิทธิพลอย่างเป็นจริง กระทั่งไม่จำเป็นต้องแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง หากแต่ออกมาเป็นคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560

กระเทือนถึง 2.8 ล้านคนโดยพลัน

ไม่เพียงแต่จะต้องทบทวนจากคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 เท่านั้นหรอก หากแต่จำเป็นต้องย้อนไปยังก่อนสถานการณ์รัฐประหารเดือนกันยายน 2549 ด้วยซ้ำ

ตอนนั้น บทบาทพรรคประชาธิปัตย์อาจยังไม่โดดเด่น

เพราะด้านหลักก็ยังเป็นการร่วมกับพันธมิตรในแนวร่วมบางพรรคการเมืองเพื่อร่วมกัน “บอยคอต” การเลือกตั้ง

กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็เพียงแตะเบาๆ

การจัดวางบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ก่อนและหลังรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 อาจส่งผลให้ได้เป็นรัฐบาลหลังพรรคพลังประชาชนระส่ำระสายนับแต่เดือนพฤศจิกายน 2551

แต่ก็ต้องประสบเข้ากับความพ่ายแพ้ในเดือนกรกฎาคม 2554 อีก

สถานการณ์นี้ผลักรุนให้ภายในพรรคประชาธิปัตย์เลือกที่จะเล่นบทเหมือนกับที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเล่นผ่าน “กปปส.”


และนำไปสู่รัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 ในที่สุด

หากเปรียบเทียบระหว่างรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 กับ รัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ต่อพรรคประชาธิปัตย์

เหมือนกับเมื่อเดือนกันยายน 2549 จะเป็นคุณ

อย่างน้อยก็ส่งผลให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี

แต่พอมาถึงรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557

รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจเข้าข่ายเป็น “รัฐบาลของเรา” ตามการนิยามของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์

ยิ่งเมื่อคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 53/2560 ประกาศและบังคับใช้ ยิ่งแจ่มชัดว่าพรรคประชาธิปัตย์ถูกกวาดไปรวมอยู่กับพรรคเพื่อไทยแล้วอย่างบริบูรณ์

นั่นก็คือ เป็นเป้าหมายที่จะต้องถูก “จัดระบบ”

ผลสะเทือนจะทำให้จำนวนสมาชิกพรรค 2.8 ล้านคน อันสะสมมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2489 แตกกระจายหรือไม่น่าพิจารณาอย่างจริงจัง

สถานการณ์เช่นนี้ไม่เพียงแต่พรรคประชาธิปัตย์จำเป็นต้องปลอบขวัญสมาชิกของตน หากแต่ข้อเสนอของอดีตหัวหน้าพรรคท่านหนึ่งก็ดังก้องขึ้น

รู้แล้วหรือยังว่าใครเป็นมิตร ใครเป็นศัตรู

รู้แล้วหรือยังว่าใครขยายผลแห่งความขัดแย้ง แตกแยกในสังคม และอาศัยความขัดแย้ง แตกแยกนั้นมาเป็นภักษาหารอันโอชะ

หากป่านนี้ยังตอบไม่ได้ก็เหนื่อยเป็นอย่างยิ่ง

ถึงขั้นดวงแตกเลยหรือ

ถึงขั้นดวงแตกเลยหรือ


แว้นมอเตอร์ไซค์ ซิ่งตุ๊กตุ๊ก
ตามอารมณ์ที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.สนุกสนานกับกิจกรรมอีเวนต์ก่อนประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดสุโขทัย
จัดช็อตเด็ดๆให้ช่างภาพสื่อมวลชนกดชัตเตอร์แทบไม่ทัน
เป็นฉากต่อเนื่องกับวันสุกดิบก่อนหน้าที่จังหวัดพิษณุโลก “นายกฯลุงตู่” คุยกับไก่ชนพันธุ์เหลืองหางขาว พูดดังให้เป็นข่าวขำๆเลยว่า ไม่ต้องกลัว คสช. คสช.ไม่ดุ
แถมยังรับมุกเสียงเชียร์ชาวบ้านที่บอกให้นายกฯอยู่ต่อยาวๆ “ยังไม่ถึงเวลาพูด”
มาสูตรเดียวกัน แต่ทำได้เนียนกว่านักการเมืองอาชีพ
“ลุงตู่” เป็นพระเอกเล่นบทเด่นตลอดเวลา ยึดพื้นที่ข่าว ครองสื่อกระแสหลัก
นี่คือคำตอบ ไม่ว่ารัฐบาลจะตกอยู่ในสภาวะไหน ขาขึ้นขาลง แต่ชื่อของ
พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังรั้งเบอร์ต้นๆของตำแหน่งบุคคลแห่งปีที่ประชาชนคนไทยชื่นชอบ
เบียดนักการเมืองตกขอบ ตกเวทีไปหมด
ถึงตรงนี้ชื่อของ “นายกฯลุงตู่” คือ “เต็งหนึ่ง” ทั้งปัจจุบันและในอนาคต วางยาวช่วงเปลี่ยนผ่านหลังเลือกตั้งอีก 5 ปี ตามเงื่อนไขที่ล็อกไว้ในบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งกระแส ทั้งหมากเกมอำนาจ ต้นทุนหน้าตักหนากว่าคู่แข่งเยอะ
และในการประชุม ครม.สัญจรสุโขทัยราชธานีเก่า ภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่ โฟกัสจากการเปิดโอกาสให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรองนายกฯ แกนนำกลุ่มมัชฌิมา
ในฐานะนักการเมืองจอมเก๋าเจ้าของพื้นที่ นำทีมนักการเมืองท้องถิ่นเข้าพูดคุยกับนายกฯและ ครม.
ชงโครงการพัฒนาจังหวัด ของบประมาณจากรัฐบาล 5-6 พันล้าน
ตามจังหวะก่อนหน้าที่นายสมศักดิ์ออกมา “ชง” สูตร ส.ส.ไม่ต้องสังกัดพรรคการเมือง เพื่อ “ตัดตอน” ปัญหาป่วนระหว่างมวลชนกับพรรคการเมือง
ยุติเกมระดมม็อบมาล้มล้างขั้วตรงข้ามจนบ้านเมืองวิกฤติ
ตามรูปการณ์แม้จะโดนป้อมค่ายการเมืองใหญ่รุมด่า แต่อย่าคิดว่าจะเป็นไปไม่ได้ ในมุมที่จับทางจากสิ่งที่นายสมศักดิ์เสนอ มันก็ตรงกับพิมพ์เขียวของฝ่ายคุมเกมอำนาจที่วางธงรีเซตการเมืองมาตั้งแต่ต้นของการยึดอำนาจ ล็อกธงอยู่ที่ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
นั่นหมายถึงทุกอย่างต้องนับหนึ่งใหม่ รีเซตสมาชิก เซ็ตซีโร่พรรคการเมือง
ว่ากันตามเหลี่ยมเกม “สมศักดิ์” ก็แค่เขี่ยลูกเข้าทาง ท่ามกลางสถานการณ์
ฝุ่นตลบเป๋ไปเป๋มา แต่จะเห็นได้ว่า หมากกลของ คสช.ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
นั่นคือการล้างบางนักการเมืองพันธุ์เก่าให้เหลือน้อยที่สุด
ถึงจุดนี้แรงต้านของพวกดิ้นสู้สถานการณ์ “สูญพันธุ์” จึงดุเดือดขึ้นตามเงื่อนไขสถานการณ์
ตามท้องเรื่องล่าสุด “เจ๊ฟอง” ฟองสนาน จามรจันทร์ นักจัดรายการวิทยุ อดีตนักข่าวรุ่นใหญ่ประจำทำเนียบรัฐบาล ที่ผันตัวเองไปเป็นนักโหราศาสตร์ชื่อดัง
เปิดตำราฟันธงเลยว่า “นายกฯลุงตู่” ดวงแตก
เพราะปมปัญหาเรื่องหุ้นส่วนชีวิตที่ร่วมสู้กันมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2560 และจะเป็นไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 พวกที่เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิต มีส่วนได้ส่วนเสีย ร่วมปฏิวัติด้วยกันมา
น้องแท้พี่เทียมจะทำให้ “นายกฯลุงตู่” มีปัญหาชะตาแตก
โหรการเมืองเขย่าขวัญ ล้อตามกระแสขาลงรัฐบาล
ในจังหวะแนวรบด้านประชาธิปัตย์ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ หลัง “ปรมาจารย์ชวน หลีกภัย” ผู้อาวุโสใหญ่แห่งค่ายประชาธิปัตย์ ต้องขยับออกจากมุมมาสกัดเกมของ “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่ม กปปส.
ไม่ให้แยกป้อมค่ายประชาธิปัตย์ไปสนับสนุน “นายกฯลุงตู่”
ตามอาการเฮี้ยวของ “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยกระดับเกมบู๊ เปิดฉากซัดเหลี่ยมผู้นำ คสช.ใช้มาตรา 44 ปลดล็อกพรรคการเมืองแบบมีเงื่อนไขเอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมืองป้อมค่ายใหม่ แต่จงใจเตะสกัด
พรรคการเมืองเก่าแก่ให้ตั้งหลักไม่ทัน
ยี่ห้อประชาธิปัตย์หันปลายกระบอกปืนใหญ่ ล็อกเป้าถล่มรัฐบาล คสช.
แต่ก็อีกนั่นแหละ ยิ่งออกอาการมาก ก็ยิ่งกระตุกอาการสะใจพวกหมั่นไส้ สุดท้ายประชาธิปัตย์ก็หนีไม่พ้นโดนย้อนคอหอย เล่นการเมืองในสภาแบบแพ้แล้วไม่ยอมแพ้ ปลุกม็อบ ลากทหารเข้ามาเอง
ถึงตรงนี้จะร้องแรกแหกกระเชอให้คนหัวเราะทำไม.

ทีมข่าวการเมือง

เอ๊ะ! ยังไง สุโขทัย..ไม่ระทม แต่ กปปส.ระทวย?

เอ๊ะ! ยังไง สุโขทัย..ไม่ระทม แต่ กปปส.ระทวย?

ว่ากันว่า บรรยากาศ การพบกันของผู้มาเยือน "ลุงตู่"กับเจ้าบ้าน สมศักดิ์เจ้าค่ายมวย ท.เทพสุทิน ชื่นมื่น จนต้องร้องเพลงใหม่ สุโขทัยไม่ระทม" เสียแล้ว!
               เป็นข่าวใหญ่โตไปตามความคาดหมาย เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะรัฐมนตรีไปเปิดประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดสุโขทัย โดยเจ้าบ้าน “แม่ทัพค้างคาวไฟสมศักดิ์ เทพสุทิน นำทีมนักการเมืองระดับชาติและท้องถิ่น เข้าหารือกับ นายกฯ ลุงตู่ แถมชง 134 โครงการ มูลค่า 6,500 ล้านบาท เพื่อพัฒนาแผ่นดินพ่อขุนรามคำแหง
               ในรายงานข่าว ไม่ปรากฏว่า มีสองอดีต ส.ส.สุโขทัย พรรคประชาธิปัตย์ อย่าง วิรัตน์ วิริยะพงษ์ และ สัมพันธ์ ตั้งเบญจผล เข้าพบนายกฯด้วยหรือไม่?
               ว่ากันว่า บรรยากาศการพบกันของผู้มาเยือนกับเจ้าบ้านเป็นไปอย่างชื่นมื่น หลังงานนี้ สมศักดิ์เจ้าค่ายมวย ท.เทพสุทิน คงต้องร้องเพลงใหม่ สุโขทัยไม่ระทมเสียแล้ว
               ตรงกันข้าม ฟากฝ่ายแนวร่วม กปปส. ดูจะไม่พออกพอใจที่เห็นภาพลุงตู่จ้อกับสมศักดิ์ อย่างเฟซบุ๊ค Kanjanee Valyasevi ของติ๊งต่างกาญจนี วัลยเสวี ไฮโซสปอร์ตคลับ และผู้มั่นคงในอุดมการณ์ต้านระบอบทักษิณ ได้แปะเพลทที่มีข้อความทำนองตัดพ้อว่า 
               “เห็นข่าวนี้แล้วหนักใจมาก อุต๊ะ! ก็นายกด่านักการเมืองมาตลอด นายสมศักดิ์ มีอะไรดีจนท่านต้องให้เข้าพบ
               ที่น่าสนใจ อิสสระ สมชัย อดีตแกนนำ กปปส. ได้เข้ามาเมนท์สเตตัสนี้ของ ติ๊งต่างว่า 
               “บทบาทที่นายกประยุทธ์แสดงอยู่เวลานี้ คือนักการเมืองเต็มตัว ลืมหมดแล้วที่ว่าจะล้างระบอบทักษิณ แต่เดี๋ยวนี้เริ่มเอาคนของฝ่ายทักษิณเข้ามาทำงานในทีมมากขึ้นและถึงขนาดปิดห้องคุยกับสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น ไม่เหยียบย่ำหัวใจพวก กปปส. และมวลมหาประชาชนมากไปหน่อยหรือ ขอถามหน่อยถ้าไม่มีพวกเขาเหล่านี้ท่านจะมาอยู่จุดนี้ได้หรือ
               จะว่าไปแล้ว นี่ไม่ใช่แรกที่นายกฯ ลุงตู่ ได้พบกับนักการเมือง ระหว่างการลงพื้นที่ประชุม ครม.สัญจร ถ้ายังจำกันได้ ตอนที่ไปสุพรรณบุรี เสี่ยท็อปวราวุธ ศิลปอาชา ก็ทำทีมอดีต ส.ส.สุพรรณบุรี และอ่างทอง เข้าพูดคุยกับนายกฯอย่างเป็นกันเอง
               บังเอิญว่า หนนี้นักการเมืองชื่อ สมศักดิ์ เทพสุทิน นั้น สนิทชิดเชื้อกับ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นแม่ทัพประชารัฐของรัฐบาลลุงตู่ ก็เลยมีปฏิกิริยาเชิงลบออกมาจากฟากฝ่าย ปชป. และ กปปส.(บางคน) ชัดเจน
               ถ้ายังไม่ลืมกัน หลังอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ประกาศยุบสภา และเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2556 สมศักดิ์ เทพสุทินได้นำสมาชิก กลุ่มมัชฌิมา ประกอบด้วย อนงค์วรรณ เทพสุทิน, เรืองศักดิ์ งามสมภาค, มนู พุกประเสริฐ อดีต ส.ส.สุโขทัย , จักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล อดีต ส.ส.สุโขทัย ,มานิต นพอมรบดี อดีต ส.ส.ราชบุรี, บุญยิ่ง นิติกาญจนา อดีต ส.ส.ราชบุรี, วิวัฒน์ นิติกาญจนา อดีต ส.ส.ราชบุรี , อนุชา นาคาศัย อดีต ส.ส.ชัยนาท และนันทนา สงฆ์ประชา อดีต ส.ส.ชัยนาท มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยมีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ให้การต้อนรับ
               เมื่อเกิดรัฐประหาร 2557 กลุ่มสมศักดิ์ก็ถอยทัพออกมาจากเพื่อไทย และดำรงความเป็นกลุ่มมัชฌิมาไว้ดังเดิม โดยกลุ่มก้อนของสมศักดิ์ ยังยึดพื้นที่สุโขทัย ,ชัยนาท และราชบุรี ด้วยการสร้างสโมสรฟุตบอล และใช้เกมลูกหนังเป็นเครื่องมือสร้างแบรนด์การเมืองในท้องถิ่น
               วันนี้ สุโขทัย เอฟซี ของตระกูลเทพสุทิน, ราชบุรี มิตรผล ของตระกูลนิติกาญจนา และชัยนาท ฮอร์นบิล ของตระกูลนาคาศัย ล้วนโลดแล่นอยู่ในไทยลีก 1
               ถามใจดรีมทีมของสมศักดิ์ คงไม่ฟันธงว่า จะไปสังกัดพรรคไหนหรือตั้งพรรคใหม่..ต้องวางตัวให้สมกับเป็นกลุ่มมัชฌิมาคือทางสายกลางเอาไว้ให้นานๆหน่อย ว่างั้นเถอะ!!