PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สถานการณ์ข่าว17Dec14

สปช.

สภาปฏิรูปแห่งชาติ นัดประชุม 09.30 น. เตรียมพิจารณาข้อเสนอกรรมาธิการประกอบจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ วันสุดท้าย

บรรยากาศที่รัฐสภา เช้านี้ การรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด เนื่องจากวันนี้ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นัดสมาชิกประชุมในเวลา 09.30 น. โดยเป็นวันสุดท้ายของการพิจารณารายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญ 18 คณะ ก่อนส่งรายงานไปยังคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ

ซึ่งการประชุมวานนี้ ใช้เวลากว่า 11 ชั่วโมง ในการรับฟังข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญประจำสภาทั้ง 7 คณะ ทั้งนี้ สมาชิก สปช. ต่างอภิปรายสนับสนุนข้อเสนอของคณะกรรมาธิการปฏิรูปทั้งหมด โดยประเด็นที่ให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือ ข้อเสนอของคณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ที่เห็นว่าควรให้รัฐต้องจัดทำกฎหมายให้สอดคล้องกับหลักนิติธรรม ธรรมาภิบาล ทันสมัย และปรับปรุงกฎหมายที่สร้างความไม่เป็นธรรมในสังคม
-------
พล.อ.เลิศรัตน์ รับข้อเสนอ สปช.หลายประเด็นน่าสนใจ มีประโยชน์ในการบัญญัติใน รธน. ขณะบางประเด็นทำได้เลย เสนอร่างกฎหมายเข้า สนช.

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวาณิช คณะกรรมการธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ เปิดเผยกับ สำนักข่าวINN ว่า ในการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อเสนอความเห็นยกร่างรัฐธรรมนูญวันที่ 2 เมื่อวานนี้ ได้รับข้อเสนอที่แปลกใหม่ มีความหลากหลาย และเป็นประโยชน์เป็นอย่างมาก

โดยข้อเสนอที่ค่อนข้างหวือหวา น่าสนใจ เป็นของ กมธ.ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ที่เสนอให้มีการปฏิรูปตำรวจ และอัยการสูงสุด รองลงมาคือ กมธ.เศรษฐกิจ ที่เสนอให้มีการควบคุมนโยบายประชานิยมของฝ่ายการเมือง เป็นต้น ซึ่ง กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ จะมีการนำความเห็นทั้งหมดเข้าที่ประชุมในวันพฤหัสบดีทันที เพื่อสรุปและเตรียมการสำหรับการเขียนเนื้อหาในรายมาตราต่อไป

ทั้งนี้ พล.อ.เลิศรัตน์ ยังกล่าวด้วยว่า ข้อเสนอของ กมธ. ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา มีข้อเสนอหลายประเด็นที่เป็นนามธรรม สามารถดำเนินการได้เลย ด้วยการเสนอเป็นร่างกฎหมายต่อ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อออกเป็นกฎหมายในทันที ขณะที่บางประเด็นก็สามารถนำมาบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ส่วนการรับฟังความเห็นวันนี้ จะเป็นส่วนของ กมธ. 3 คณะสุดท้าย ประกอบด้วย ด้านบริหารราชการแผ่นดิน ด้านการปกครองส่วนท้องถิ่น และด้านการเมือง ซึ่งถือเป็นไฮไลท์สำคัญ
-------------
สมาชิก สปช. ทยอยประชุมวันสุดท้าย พิจารณาข้อเสนอกรรมาธิการปฏิรูปต่ออีก 3คณะ พร้อมขอมติเห็นชอบวันนี้

บรรยากาศก่อนการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ล่าสุด สมาชิกทยอยเตรียมตัวประชุมที่จะเริ่มในเวลา 09.30 น. เพื่อพิจารณารายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญ 18 คณะ ก่อนส่งรายงานไปยังคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ

โดยการพิจารณาวันสุดท้าย มี 3 คณะ คือ คณะกรรมาธิการปฏิรูปการปกครองท้องถิ่น คณะกรรมาธิการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน และคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สำหรับการพิจารณาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ตลอด 3 วัน จะใช้เวลารวมกว่า 29 ชั่วโมง เมื่อพิจารณารายละเอียดและให้สมาชิก สปช. อภิปรายเสนอแนะเพิ่มเติมแล้ว จะมีการลงมติเพื่อขอความเห็นชอบต่อข้อเสนอแนะในวันนี้ ก่อนจะมีการส่งมอบข้อเสนอของ สปช. อย่างเป็นทางการต่อ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 19 ธ.ค. 2557 เวลา 14.00 น.
----------------
"สมบัติ" ยัน เลือกตั้ง นายกฯ-ครม.โดยตรง ยังยึดมั่น ปชต.อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มั่นใจ แยกอำนาจบริหาร นิติบัญญัติเด็ดขาดช่วยตรวจสอบได้ดีขึ้น

นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปด้านการเมือง เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า ขอยืนยันข้อเสนอของ กมธ. ที่เสนอให้มีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีโดยตรง ยังคงยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนแปลงในเรื่องของที่มาเท่านั้น คือในระหว่างมีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง จะต้องมี นายกฯ และ ครม. รักษาการที่มาจากปลัดกระทรวง เพื่อเป็นกลางในระหว่างการเลือกตั้ง และเมื่อเลือกตั้งเสร็จ ก็ให้ นายกฯ รักษาการนำชื่อ นายกฯ และ ครม.ใหม่ ขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป

ทั้งนี้ นายสมบัติ ยังย้ำว่าการแบ่งแยกอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและบริหารออกจากกัน จะช่วยทำให้การบริหารงานและการตรวจสอบมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนที่หลายฝ่ายแสดงความเป็นห่วงว่า หากเลือกตั้งมาทางตรงทั้งหมดจะตรวจสอบไม่ได้โดยอ้างเสียงของประชาชนนั้นก็ไม่สามารถทำได้ เพราะว่าหากมีการกระทำที่ทุจริต ผิดกฎหมาย ประชาชนก็จะออกมาต่อต้านโดยอัตโนมัติ รวมถึงสภาก็สามารถตรวจสอบและส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ทันทีเช่นกัน
----------------
การประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ วันสุดท้าย เพื่อพิจารณารายงานข้อเสนอของกรรมาธิการต่ออีก3คณะ โดยต้องจับตาคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง ประเด็นที่มาของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี

 การประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช.วันสุดท้าย เริ่มขึ้นเวลา  09.30น. โดยมีนางสาวทัศนาบุญทอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาข้อเสนอของคณะกรรมาธิการวิสามัญประจำสภาปฏิรูปแห่งชาติ ต่อแนวทางยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการประชุมต่อเนื่องเป็นวันที่3 โดยตลอด2วันที่ผ่านมา ที่ประชุมสปช. ได้รับทราบการรายงานความเห็นจากกรรมาธิการวิสามัญประจำสภาไปแล้วรวม15คณะ และในวันนี้จะรับทราบความเห็นเพิ่มเติมใน3คณะที่เหลือ ประกอบด้วย กรรมาธิการปฎิรูปการปกครองท้องถิ่น,กรรมาธิการปฎิรูปการบริหารราชการแผ่นดินและกรรมาธิการปฎิรูปการเมือง

โดยทั้ง3คณะจะรายงานความเห็นต่อสปช. ซึ่งถือเป็นคณะที่น่าจับตา และอยู่ในความสนใจของสังคม เนื่องจากเป็นการเสนอความเห็นที่เกี่ยวข้องกับการเมืองและโครงสร้างทางการเมือง โดยเฉพาะการได้มาของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ที่จะเสนอให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน การเสนอให้จัดตั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญขึ้น เพื่อให้มีอำนาจหน้าที่ส่งเสริมและธำรงรักษาจริยธรรมและหลักธรรมมาภิบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน

ด้านนายพงศ์พโยม วาศภูติ (วาด-สะ-พู-ติ) ประธานคณะกรรมาธิการปฎิรูปการปกครองท้องถิ่น กล่าวเสนอรายงานต่อที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติว่า รัฐต้องกระจายอำนาจ ส่ง

เสริมให้ประชาชนและท้องถิ่น มีความสามารถ ความเป็นอิสระในการปกครองตนเองภายใต้เอกภาพแห่งรัฐ เพื่อแก้ไขปัญหาและสนองความต้องการของพื้นที่โดยการมีส่วนร่วมอย่างมีประสิทธิภาพ

รวมถึงการกำหนดขอบเขตภารกิจ อำนาจหน้าที่ และจัดดุลอำนาจ ตลอดจนความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างราชการบริหารส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ ต้องส่งเสริมความเป็นอิสระ

ทางการคลังท้องถิ่น เพื่อให้เกิดหลักประกันในการกระจายงบประมาณไปสู่ประชาชนและท้องถิ่น
------------------------
สมาชิก สปช. อภิปรายหนุน กมธ.ปกครองส่วนท้องถิ่น แนะตั้งสภาพลเมือง ชี้กระจายอำนาจแก้ปัญหาทุจริตภาพรวมได้

บรรยากาศการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการปฏิรูปการปกครองส่วนท้องถิ่น มีสมาชิกแสดงความจำนงอภิปราย จำนวน 18 คน โดย นาย

สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อภิปรายสนับสนุนข้อเสนอของกรรมาธิการ แต่ต้องยอมรับว่า การบริหารแบบแยกส่วนทำให้ชุมชน ท้องถิ่นอ่อนแอลง ทั้งนี้ หัวใจอยู่ที่การสร้างความเข้มแข็งในชุมชน ดังนั้น

หากจะทำให้ท้องถิ่นเข้มแข็ง ต้องเพิ่มอำนาจการถ่วงดุล โดยการจัดตั้งสภาพลเมือง ที่รวบรวมบุคลากรทุกภาคส่วน ทำงานแบบสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยให้ประชาชนมีสัดส่วนสูงสุด

ด้าน นายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง อภิปรายว่า ท้องถิ่นมีความสำคัญอย่างยิ่ง และที่ผ่านมารัฐบาลเทงบประมาณลงมาน้อยมากและไม่ทั่วถึง ซึ่งกระบวนการทุจริตเกิดมากสุดอยู่ที่การบริหารส่วนกลาง

หากจะแก้ปัญหาทุจริต ต้องกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น
------------------
กมธ.ปฏิรูปบริหารราชการแผ่นดิน เสนอ 7 ประเด็น บรรจุในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

นายธีระยุทธ์ หล่อเลิศรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน รายงานข้อเสนอแนะต่อที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยเห็นควรให้บรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ 7 ประเด็น

อาทิ การจัดตั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญให้มีอำนาจส่งเสริม ธำรงรักษาจริยธรรม และหลักธรรมาธิบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน การกำหนดขอบเขตอำนาจ ภารกิจ และจัดดุลอำนาจระหว่าง

ราชการส่วนกลาง ภูมิภาค และท้องถิ่นให้ชัดเจน เพิ่มอำนาจประชาชนในการมีส่วนร่วมและมีบทบาทการบริหารงานมากขึ้น รวมถึงการบริหารราชการแผ่นดินทุกระดับต้องยึดหลักการให้บริการ

ที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน

นอกจากนี้ ควรจัดทำงบประมาณที่เน้นการควบคุมที่ผลงาน สร้างกลไกบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานตามภารกิจต่าง ๆ และควรจัดระบบงบประมาณเป็นระบบคู่ขนานคือการจัดสรร

งบประมาณตามภารกิจ ที่เพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาของท้องถิ่น
-----------------------
"อำพล" อภิปรายเสนอ ปรับดุลอำนาจโดยจัดสรรอำนาจในสังคมให้เกิดความเท่าเทียมกัน สปช.ส่วนใหญ่หนุนกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น

บรรยากาศการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในการพิจารณาข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญปฏิรูปทั้ง 18 คณะ  ที่รัฐสภา ล่าสุด นายอำพล จินดาวัฒนะ กล่าวอภิปรายถึงประเด็นการปฏิรูปบริหารราชการแผ่นดิน ว่า ที่ผ่านมาระเบียบโครงสร้างของรัฐจัดมีการจัดการแบบรวมศูนย์ แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปทำให้สังคมเปลี่ยนแปลงจึงต้องมีการพัฒนาเพราะการรวมศูนย์อำนาจ ทำให้ท้องถิ่นอ่อนแอ ดังนั้นต้องปรับดุลอำนาจโดยจัดสรรอำนาจในสังคมให้เกิดความเท่าเทียมกันและทรัพยากรต้องเข้าถึงทุกพื้นที่

ขณะที่สมาชิกสปช.ส่วนใหญ่ได้อภิปรายโดยย้ำว่าส่วนกลางต้องกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมากที่สุด รวมถึงยังต้องกระจายให้ภูมิภาคเพื่อช่วยดูแลโดยการมอบอำนาจในการบริหารจัดการงบประมาณให้จังหวัดได้จัดการด้วยตนเอง เพื่อความสะดวกต่อการกระจายงบประมานได้สู่ท้องถิ่น นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดทำงบประมาน ติดตามและประเมินผลงานอย่างชัดเจนอีกด้วย
------------------
"ดิเรก" อภิปราย ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอ ให้มี พ.ร.บ.ระเบียบบริหารจังหวัดปกครองตนเอง ชี้เป็นอันตรายต่อความมั่นคง

บรรยากาศการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน มีสมาชิกแสดงความจำนงอภิปราย จำนวน 15 คน โดย นายดิเรก ถึงฝั่ง สมาชิก สปช. ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอขององค์กรต่างๆ ที่ให้มี พ.ร.บ.ระเบียบบริหารจังหวัดปกครองตนเอง เพราะเป็นอันตรายต่อความมั่นคง เนื่องจากต้องยกเลิกหน่วยงานของท้องถิ่น แต่เห็นด้วยกับการกระจายอำนาจการปกครองท้องถิ่น และให้คงการปกครองส่วนภูมิภาคไว้ ซึ่งส่วนตัวขอเสนอเพิ่มเติมให้มีการมอบอำนาจการบริหารจัดการงบประมาณให้จังหวัด โดยจังหวัดสามารถตั้งงบประมาณขึ้นมาตามโครงการต่าง ๆ ที่ท้องถิ่นเสนอ ทั้งนี้ จะสามารถลดภาระการบริหารงานของส่วนกลาง และทำให้เกิดความเท่าเทียมของประชาชนในแต่ละท้องถิ่นได้ พร้อมกันนี้ ยังเสนอให้จังหวัดเป็นศูนย์รวมอำนาจในการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาในจังหวัดของตัวเองได้โดยไม่ขึ้นกับส่วนกลาง
------------------------
กมธ.ปฏิรูปการเมือง เสนอความเห็น ให้ ปชช. เลือกนายกฯ-ครม. โดยตรง มี 2 สภา ส.ส. 350 คน

นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปด้านการเมือง กล่าวชี้แจงข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญและที่ประชุม สปช. โดยเสนอให้ประชาชนเลือกคณะรัฐมนตรีโดยตรง โดยระบุชื่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทั้งคณะตามที่กฎหมายกำหนด และนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่บริหารอย่างเดียว โดยไม่ต้องทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจยุบสภา ส่วนในระบบรัฐสภานั้นเสนอให้มี 2 สภา โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มาจากการเลือกตั้งจำนวน 350 คน ส่วนสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มาจากการเลือกตั้งมีจำนวน 154 คน โดยแบ่งให้ 77 คนมาจากการเลือกตั้งจังหวัดละหนึ่งคน และอีก 77 คน ให้มาจากการเลือกตั้งจากองค์กรวิชาชีพด้านพรรคการเมืองต้องมีสมาชิกพรรคทั่วภูมิภาค และการยุบพรรคจะกระทำได้ในกรณีที่พรรคกระทำผิดอย่างร้ายเท่านั้น นอกจากนี้ ส.ส. จะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองหรือไม่ก็ได้ ขณะที่องค์กรอิสระต้องปลอดการแทรกแซงทางการเมือง นอกจากนี้ ยังเสนอให้มีการจัดตั้งสภาพลเมืองเพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจและทรัพยากรของรัฐ
--------------------
"ชัย ชิดชอบ" ไม่เห็นด้วยข้อเสนอกรรมาธิการปฏิรูปการเมืองเลือกตั้งคณะรัฐมนตรีโดยตรง - "ดิเรก" เชื่อไม่สามารถแก้ปัญหาซื้อเสียงได้

บรรยากาศการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในการพิจารณาข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญปฏิรูปทั้ง 18 คณะที่รัฐสภา ล่าสุด นายชัย ชิดชอบ สมาชิก สปช. อภิปรายถึงข้อเสนอแนะ
ของคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง ในกรณีการเสนอให้เลือกนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีโดยตรง ว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งข้อเสนอดังกล่าว เพราะไม่สามารถขจัดนายทุนพรรคการเมืองและการซื้อเสียงได้อย่างแท้จริง จึงอยากให้ผู้ร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะมีการแก้ไขการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ให้มีความเด็ดขาด และรัฐธรรมนูญ ต้องให้นายกรัฐมนตรี ต้องมาจากหัวหน้าพรรคการเมือง และได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ด้วย

ขณะที่ นายดิเรก ถึงฝั่ง กล่าวว่า การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี ไม่มีผู้ใดระบุว่า ระบบดังกล่าวดีกว่าการใช้ระบบเดิมอย่างไร นอกเหนือจากนั้นยังไม่สามารถแก้ปัญหาการซื้อสิทธิ์เสียงได้อีกด้วย ดังนั้น จึงขอเสนอให้คงระบบควบอำนาจแบบเดิมไว้เพราะเป็นระบบที่ดีอยู่แล้ว นอกจากนี้ พรรคการเมือง ต้องเข้มแข็งมั่นคง ดังนั้น ส.ส. ต้องสังกัดพรรคการเมือง เท่านั้น
--------------------------
"ประสาร" ชี้ ปัญหาอยู่ที่คนไม่ใช่ระบบ-ไม่เห็นด้วยเลือกคณะรัฐมนตรีโดยตรง เปิดพื้นที่ให้ประชาชนผลักดันประชาธิปไตยท้องถิ่น

นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิก สปช. ระบุว่า ขอคัดค้านประเด็นที่เสนอให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี โดยตรงเพราะเป็นการเพิ่มปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะเป็นการเพิ่มอำนาจให้พรรคการเมืองที่ผูกขาดเหลือเพียงสองพรรคเท่านั้น ทั้งนี้ แม้ตนเองไม่เห็นด้วยกับการเลือกพรรคโดยตรง แต่ไม่เห็นด้วยกับระบบเดิมเช่นกัน จึงขอเสนอให้ลดการผู้ขาดพรรคการเมือง โดยให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ไม่ได้มาจากพรรคการเมือง ให้เข้ามามีส่วนในการเลือกนายกรัฐมนตรี ร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่มาจากพรรคการเมืองด้วย

ด้าน นายประสาร มฤคพิทักษ์ สมาชิก สปช. อภิปรายไม่เห็นด้วยในการเลือกคณะรัฐมนตรีโดยตรง เช่นกัน เพราะไม่สามารถแก้ไขปัญหาระบบอุปถัมภ์ เนื่องจาก ประเทศไทยกับระบบอุปถัมภ์เป็นเนื้อเดียวกันมานาน ส่งผลให้เกิดท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ พร้อมย้ำว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ที่คนไม่ใช่ระบบ เพราะที่ผ่านมา คนไม่ปฏิบัติตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด จึงเสนอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องเป็นอิสระไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองอีกต่อไป นอกจากนี้ ต้องการให้มีการเปิดพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนได้ร่วมผลักดันสร้างเงื่อนไขในการใช้ประชาธิปไตยท้องถิ่นอีกด้วย
///////////////
คสช.ม.112

พล.อ.อุดมเดช ยันเร่งดำเนินการจับกุมคนทำผิด ม.112 ไม่กลั่นแกล้งใคร ไม่กังวลเหตุก่อการร้ายเหมือนปากีสถาน แต่ไม่ประมาท 

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีกำชับให้เร่งดำเนินการติดตามบุคคลที่กระทำความผิด ม.112 ว่า ต้องยอมรับว่ามีการกระทำผิดกรณีดังกล่าวจริง ซึ่งทางกองทัพก็ได้ดำเนินการติดตามอยู่ แต่เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่รักและปกป้องสถาบันฯ

ส่วนกรณีที่มีการให้กฎหมายดังกล่าวเพื่อกลั่นแกล้งกันทางการเมืองนั้น พล.อ.อุดมเดช บอกว่าในช่วงที่ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศนั้นยังไม่มี ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้มีคุณธรรมในการดูแลประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน

กรณีที่มีการก่อการร้ายในประเทศปากีสถานเมื่อวานนี้ ผู้บัญชาการทหารบกบอกว่าไม่กังวลว่าจะเกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้ประมาท ซึ่งได้มีการติดตามข้อมูลและความเคลื่อนไหวทางการข่าวอยู่ตลอด
------------------
เสธ.ทบ. สั่ง กอ.รมน. เร่งรัดการบูรณาการงบประมาณ 2558

พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. เปิดเผยถึงการประชุมติดตามสถานการณ์ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ว่า พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก ได้สั่งการให้ทุกหน่วยของ กอ.รมน. ประสานงาน เร่งรัดการบูรณาการงบประมาณ 2558 ทั้ง 17 กระทรวง 55 หน่วยงาน ในแต่ละจังหวัด เพื่อตอบสนองแผนชุมชนตามลำดับความเร่งด่วนของแต่ละพื้นที่ที่ได้รวบรวมความต้องการจากประชาชนมาแล้ว โดยพยายามปรับเปลี่ยนแผนงาน/โครงการให้อยู่ในงวดแรกของปีงบประมาณ พร้อมกับฝากให้นำมินิ UAV มาใช้งานตามขีดความสามารถอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันเครือข่ายสังคมออนไลน์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มมีบทบาทแทนที่การเผยแพร่ข่าวสารแบบปากต่อปาก จึงขอให้หน่วยเข้าไปเสริมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
------------------------
พล.อ.ประวิตร จี้เอาผิดผู้ทำผิดกฎหมาย ม.112 โดยไม่มีข้อยกเว้น รับยังมีช่องโหว่กฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนไม่ได้

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงการติดตามตัวผู้กระทำผิดกฎหมาย ว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินการขั้นเด็ดขาด ตามกฎ

อัยการศึก ซึ่งรัฐบาลตัองการติดตามตัวทั้งหมดมาดำเนินการโดยไม่มีข้อยกเว้นในทุก ๆ ประเทศ โดยเฉพาะผู้ที่กระทำผิดตามมาตรา 112

ขณะเดียวกันยอมรับว่าอาจจะมีช่องโหว่ด้านกฎหมายในการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนในบางประเทศ ส่วนการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการติดตาม

ตัวมาโดยตลอด ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่จะสามารถนำกลับมารับโทษได้หรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ตอบในเรื่องดังกล่าว

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงกรณีการปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับสถาบันว่าเป็นเพียงข่าวลือและขอให้ประชาชนอย่าเชื่อข่าวลือที่เกิดขึ้น เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายให้กับประเทศ เช่น กรณี

ตลาดหุ้นตก พร้อมยอมรับว่าข่าวลือที่เกิดขึ้นเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองในอีกรูปแบบหนึ่ง
-------------------
พล.ท.บุญธรรม เผยยุทธศาสตร์ กอ.รมน. ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม - ใช้งบกว่า 300 ล้านบาท

พล.ท.บุญธรรม โอริส รองผู้อำนวยการศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป(ศปป.)  กอ.รมน. เปิดเผยว่า ความรัก ความสามัคคี สมานฉันท์ และมีจิตสำนึกที่ดีงามของประชาชน เป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสังคมไทย ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) กำหนดแผนยุทธศาสตร์ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมต่อแนวทางการปฏิรูปประเทศและแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งโดยปราศจากความรุนแรง โดยมีแผนงานทั้งหมด 6 แผนงาน ได้รับงบประมาณจำนวน 320,531,500 บาท เพื่อดำเนินกิจกรรม ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2557-กันยายน 2558 แผนงานที่สำคัญคือโครงการคนไทยหัวใจเดียวกัน ซึ่งเป็นการเปิดเวทีให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นทั่วประเทศ

โดยทุกเวทีจะเป็นการเปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นโดยไม่มีการชี้นำจากฝ่ายทหาร เพียงแต่ขอให้แสดงความคิดเห็นด้วยท่าทีและภาษาที่สุภาพ ไม่มีการว่ากล่าวบุคคลที่สามให้ได้รับความเสียหาย ปัจจุบัน ศปป. เห็นว่าสื่อมวลชนมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการสร้างความเข้าใจที่ถูกต่อต้องต่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในจังหวัดและภูมิภาคต่าง ๆ
////////////////
นายกฯ/แถลงผลงาน

นายกฯ ย้ำ ให้ความสำคัญกับเยาวชน ยันปฏิรูปประเทศต้องใช้ระยะเวลา ขอช่วยลดแรงกดดัน พร้อมใช้อำนาจให้ชาติสงบ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน "คืนความสุขให้เธอ...เยาวชน" ที่ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ท้องฟ้าจำลอง ถนนสุขุมวิท เขตคลองเตย กรุงเทพโดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะผู้บริหารระดับสูง ตลอดจนคณะครูนักเรียนให้การต้อนรับ ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเป็นอย่างยิ่ง โดยมีการตรวจสอบบุคคลรวมถึงสิ่งของที่จะเดินทางเข้าพื้นที่อย่างละเอียด

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องพัฒนาในวันนี้คือเรื่องความรู้และการศึกษา ซึ่งประเทศเดินหน้าได้ช้าเพราะขาดแคลนบุคลากรทางด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งวิทยาศาตร์มีความสำคัญที่จะนำมาใช้ในการพัฒนา และสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างจะต้องเดินหน้าไปพร้อมกัน ทั้งวิทยาศาสตร์และการรักษาสิ่งแวดล้อม และยืนยันว่าส่วนตัวให้ความสำคัญกับเยาวชน ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า การปฏิรูปประเทศต้องใช้ระยะเวลา จึงขอให้ช่วยกันลดแรงกดดัน ซึ่งรัฐบาลกำลังแก้ไขทุกอย่างให้ดีขึ้น แต่ทุกอย่างจะต้องดำเนินการตามกระบวนการ ทั้งนี้ พร้อมใช้อำนาจเพื่อทำให้ประเทศชาติมีความปลอดภัย
------------------
กิ่งไม้หล่นใส่รถจักรยานยนต์ ประกอบขบวนนายกฯ ล้ม ไม่มีผู้บาดเจ็บ ขบวนถึงทำเนียบแล้ว

มีรายงานว่า รถจักรยานยนต์ประกอบขบวน ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประสบอุบัติเหตุเล็กน้อย ถูกกิ่งไม้ขนาดใหญ่หล่นใส่ทำให้รถล้ม หลังจากเดินทางออกจากศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ท้องฟ้าจำลอง เข้าสู่ถนนสุขุมวิท ได้ประมาณ 50 เมตร

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ซึ่งล่าสุด นายกรัฐมนตรีเดินทางถึงทำเนียบรัฐบาลแล้ว
-------------------
นายกฯ ส่งสารแสดงความเสียใจถึงนายกฯ ออสเตรเลีย ต่อเหตุจับตัวประกันในซิดนีย์ 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ส่งสารแสดงความเสียใจถึงนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย ต่อเหตุการณ์คนร้ายจับตัวประกันที่ นครซิดนีย์  โดยเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 รายและได้รับบาดเจ็บอีก 5 ราย โดยสารแสดงความเสียใจถึงนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย มีใจความสำคัญว่า ได้ทราบข่าวเหตุการณ์จับตัวประกันที่ซิดนีย์แล้ว ในนามของรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทย รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว และอยากที่จะถ่ายทอดความรู้สึกเสียใจนี้ผ่าน ฯพณฯท่าน ผ่านคุณ ไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บด้วย

เช่นเดียวกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีสารแสดงความเสียใจถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย
------------------
"สุวพันธ์" เผยมีการวางกรอบแถลงผลงาน รบ. เรียบร้อยแล้ว กำชับทุกกระทรวงเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล

หลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการเตรียมข้อมูลผลการทำงานของรัฐบาลว่า ขณะนี้ ร.อ.น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำลังสรุปผลงานของรัฐบาล เพื่อเตรียมไว้สำหรับการแถลงผลงานนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 25 ธ.ค. 2557 ส่วนการแถลงผลงานของนายกรัฐมนตรี ขณะนี้มีกรอบระยะเวลาคร่าว ๆ ว่า จะให้รองนายกรัฐมนตรีแต่ละคนแถลงผลงานคนละ 10 นาที ส่วนการแถลงของนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาไว้

สำหรับการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ขณะนี้ทุกกระทรวงกำลังอยู่ระหว่างการสรุปผลคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสุดสัปดาห์นี้ เช่นเดียวกับของขวัญปีใหม่ที่แต่ละกระทรวงจะมอบต่อประชาชน ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจทานและเตรียมนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า โดยของขวัญจะแบ่งออกเป็น ของขวัญรูปธรรม กับ ของขวัญประเทศที่เป็นโครงการระยะยาว

นอกจากนี้ กรณีที่มีข่าวว่าตำรวจไทยรีดไถนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย ทำให้ประเทศออสเตรเลียได้ออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวที่มาประเทศไทยให้พกบัตรแสดงตนไว้ นายสุวพันธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้รับข้อมูลชัดเจน แต่เข้าใจว่าตอนนี้อยู่ในระหว่างกฎอัยการศึก ซึ่งทำให้ตำรวจเข้มงวดในการตรวจสอบกว่าปกติอยู่แล้ว แต่สำหรับเหตุการณ์นี้จะต้องให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบอีกครั้ง ยืนยันว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
-------------------------
"อำนวย" ยันเร่งช่วยเหลือแก้ราคายางเต็มที่ คาดฉุดถึง 60บ./กก. ได้ก่อนสิ้นปีนี้ ประสานทุกกระทรวงใช้ยางเพิ่มขึ้น

นายอำนวย ปะติเส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหายางพาราว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งแก้ไขปัญหาให้ยางพารามีราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 60 บาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ก่อนกำหนดคือสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่และตั้งเป้าหมายชัดเจน และเข้าใจถึงความเดือดร้อน ส่วนกลุ่มที่ออกมาคัดค้านก็ทราบถึงเป้าหมายของรัฐบาลและเชื่อว่าไม่มีประเด็นทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องเพราะรัฐบาลเปิดโอกาสให้ตัวแทนเกษตรกรมีส่วนร่วมในคณะกรรมเรื่องยางด้วย

ขณะเดียวกัน นายอำนวย ระบุว่า สำหรับการนำยางพารามาแปรรูปเพื่อใช้ในประเทศนั้น ได้มีการประสานแต่ละกระทรวงดำเนินการเพื่อหาทางใช้ยางให้เพิ่มมากขึ้นกว่า ร้อยละ14 อาทิ การทำลู่วิ่ง และการทำถนน แต่ยังคงติดขัดในเรื่องของระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง จึงต้องมีการพิจารณาเรื่องระเบียบต่าง ๆ อีกครั้ง
---------------------
นิพิฏฐ์-สาธิต อดีต ส.ส.ปชป. เข้าพบ "ปิติพงศ์" ทวงความคืบหน้าแก้ราคายาง 

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ และ นายสาธิต ปิตุเตชะ 2 รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อม อดีต ส.ส. ซึ่งมีพื้นที่มีการปลูกยางพารา ในภาคใต้ และภาคตะวันออก อาทิ นายวิรัช ร่มเย็น, นางสุพัชรี ธรรมเพชร, นายนริศ ขำนุรักษ์, นายประกอบ รัตนพันธุ์, นายอภิชาติ ศักดิเศรษฐ์, นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล และ น.พ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ อดีต ส.ส.ตรัง เดินทางเข้าพบ นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรเเละสหกรณ์ ที่กระทรวงเกษตรฯ เพื่อทวงถามความคืบหน้าการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ

นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า เคยยื่น 5 มาตรการเร่งด่วนให้รัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหายางพาราตกต่ำแล้ว เมื่อ 2 เดือนก่อน จึงขอเข้าพบเพื่อขอทราบความคืบหน้าว่ารัฐบาลได้ดำเนินการใน 5 มาตรการด่วนที่ได้เสนอไปแล้วหรือไม่ อย่างไร และจะขอทราบมาตรการแก้ไขปัญหานี้ของรัฐบาลว่า ทำอะไรไปแล้ว เพื่อจะได้ชี้แจงต่อเกษตรชาวสวนยางในพื้นที่ต่อไป
////////////////
ปปช.

เพื่อไทยยื่น ปานเทพ ตรวจสอบคุณสมบัติ ภักดี - เป็นกรรมการบริษัท ไม่เหมาะสมเป็น ป.ป.ช.

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อม นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึง นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบคุณสมบัติของ นายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช.

โดย นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตามที่ นายภักดี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการ ป.ป.ช. โดยประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2549 และได้ปฏิบัติหน้าที่มาจนถึงปัจจุบัน และได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน และอนุกรรมการไต่สวนหลายครั้ง แต่จากการตรวจสอบพบว่า นายภักดี ขาดคุณสมบัติการเป็นกรรมการ ป.ป.ช. และไม่น่าจะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น เนื่องจากในช่วงที่ได้รับการแต่งตั้ง นายภักดี ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัท องค์การเภสัชกรรม-เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่แสวงผลกำไร ดังนั้น จึงต้องลาออกจากการเป็นกรรมการของบริษัทดังกล่าวให้ถูกต้องตามมาตรา 1153/1 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

อย่างไรก็ตาม หลักฐานจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า หนังสือลาออกจากกรรมการบริษัทของ นายภักดี ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2549 ต่อมาบริษัท องค์การเภสัชกรรมฯ ชี้แจงว่า
การลาออกของ นายภักดี ไม่มีหนังสือลาออกจากกรรมการ แต่เป็นไปตามมติที่ประชุมเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2549 แม้ข้อเท็จจริง นายภักดี จะอ้างว่าได้ทำหนังสือลาออกจากกรรมการบริษัทเมื่อ
วันที่ 29 กันยายน 2549 แล้ว แต่เป็นการลาออกที่ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ดังนั้น ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. ถือว่า นายภักดี ไม่เคยได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการ ป.ป.ช.
///////////////////
ตำรวจ

โฆษก สตช. เผย นายกฯ สั่งให้เร่งนำตัวคนผิด ม.112 มาลงโทษ ประสาน ไอซีที บล็อกช่องทางโซเชียลแล้ว

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ทางนายกรัฐมนตรีกำชับให้เร่งรัดดำเนินนำตัวผู้กระทำผิดฐานหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตั้งคณะกรรมการในการตรวจสอบคดีหมิ่นรวมถึงตรวจสอบตามสื่อโซเชียลมีเดีย โดยได้รับความร่วมมือจากต่างประเทศ เนื่องจากตรวจสอบแล้วผู้ที่เผยแพร่ข้อความดังกล่าวอยู่ที่ต่างประเทศ 2-3 ราย ซึ่งยอมรับว่าเป็นเรื่องยากในการติดตามตัวผู้กระทำความผิด ประกอบกับกฎหมายข้อตกลงในประเทศนั้น ๆ ไม่ครอบคลุมข้อหานี้ จึงทำได้เพียงการประสานงานร่วมกัน เบื้องต้นทางกระทรวงไอซีที บล็อกช่องทางต่าง ๆ ไม่ให้สามารถกระทำผิดได้

ขณะที่ประเด็นการปรับแก้กฎหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลมีอำนาจตรวจค้นโดยไม่ต้องมีหมายจับได้นั้นปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นการให้อำนาจมากจนเกินไป แต่เป็นการเพิ่มกำลังและประสิทธิภาพการทำงานเกี่ยวกับคดีความมั่นคงและการหมิ่นสถาบัน เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญด้านการสืบสวนและการข่าว

สำหรับกรณีหุ้นของไทยตกลงอย่างต่อเนื่องนั้น จากการตรวจสอบทราบว่าผู้ที่ปล่อยข่าวเป็นกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ และเป็นการปล่อยข่าวลักษณะให้ประชาชนเกิดความหวาดระแวง พร้อมระบุว่าสามารถดำเนินการเอาผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
------------------
โฆษก สตช. เผย การโยกย้าย ตร.บช.ก. มีคนสมัครใจย้าย 10-20 นาย ไม่ใช่ฟอกตัวแต่เพื่อทดแทนตำแหน่งเท่านั้น

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงประเด็นการโยกย้ายข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีผู้สมัครใจที่จะขอย้ายเองประมาณ 10-20 ราย ซึ่งมีทั้งผู้เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเครือข่ายของอดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางบางส่วนและบางส่วนสมัครใจ ซึ่งไม่ใช่เป็นการย้ายเพื่อการฟอกตัว หรือไปตำแหน่งสูงขึ้น แต่เป็นการสับเปลี่ยนทดแทนในตำแหน่ง โดยผู้บังคับบัญชาตรวจสอบประวัติได้

ส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการรับสินบนน้ำมันเถื่อน 150 ล้านบาทนั้น ยอมรับว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นเรื่องจริงและจากการถอดรหัสจากบัญชีรายชื่อรับส่วยตรงกับคำให้การรับสารภาพของผู้ต้องหา รวมทั้งจำนวนเงินและรายชื่อค่อนข้างตรงกัน ซึ่งหลังจากนี้จะมีออกคำสั่งให้ตำรวจอีกจำนวนหนึ่งมาช่วยราชการอีก แต่ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง

นอกจากนี้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ยังกล่าวถึงกรณีที่สื่อในประเทศออสเตรเลียมีการนำเสนอว่าตำรวจไทยรีดไถนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญนั้น ยอมรับว่าได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว พบว่ามีความไม่เรียบร้อยเกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับมาเป็นตำรวจในพื้นที่ไม่ใช่ตำรวจท่องเที่ยว และภายหลังจากการตรวจสอบแล้วจะมีการชี้แจงต่างประเทศอีกครั้ง
---------------------
ผบช.ภ.1 เผย เร่งรัดหากพบใครทำผิด ม.112 จะถูกออกหมายจับใน 3 วัน รับ มี ตร.ภ.1 ขอไปอยู่ บช.ก.

พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 กล่าวถึงการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่กระทำผิด หมิ่นสถาบัน ว่า เป็นนโยบายที่ตนได้ประกาศชัดเจน ว่า หากพบบุคคลที่กระทำความผิดในลักษณะหมิ่นสถาบัน ตนจะให้เวลาไม่เกิน 3 วัน ในการออกหมายจับ และจับกุมดำเนินคดี เพราะขณะนี้ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เริ่มพบการกระทำความผิดกันบ้างแล้ว และตำรวจได้ออกหมายจับไว้แล้ว 1 ราย อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ยังกล่าวถึงการโยกย้ายกำลังพลในพื้นที่ เพื่อไปแทนตำแหน่งตำรวจในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ บช.ก. หลังจากถูกย้ายออกจากสังกัด โดยยอมรับว่า ขณะนี้ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ก็มีความประสงค์ จะขอย้ายไป บช.ก. กันบ้างแล้ว พร้อมกันนี้ พล.ต.ท.อำนวย ได้นำป้ายไปติดหน้าห้องที่สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ว่า เป็นเขตปลอดการวิ่งเต้น เพราะต้องการจะเตือนสติผู้ใต้บังคับบัญชา ว่าเป็นตำรวจ ไม่ใช่นักวิ่ง ขอให้ตั้งใจทำงานจะเป็นประโยชน์กว่า
--------------------------
พงส. ตามคำสั่ง สตช. ยื่นฝากขัง พงศ์พัฒน์ และพวก ครั้งที่ 3 - ค้านประกัน หวั่นหนี

พ.ต.ท.สมเกียรติ ตันติกนกพร พนักงานสอบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ยื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 3 พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อายุ 58 ปี อดีต ผบช.ก. และ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อายุ 59 ปี อดีต รอง ผบช.ก. กับพวก ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทฯ, เจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ฯ, เจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ฯ, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และข้อหาอื่น ซึ่งศาลอาญา อนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหา ทั้ง 6 คน มีกำหนด 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 6-17 ธ.ค.นั้น การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องทำการสอบปากคำพยานสำคัญอีก 35 ปาก รอผลการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินจากธนาคารที่เกี่ยวข้อง รอตรวจสอบและประเมินราคาทรัพย์ที่ตรวจยึดจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และรอผลการตรวจพิสูจน์หรือเปรียบเทียบของกลางกับผู้ต้องหาจากกองพิสูจน์หลักฐาน ด้วยเหตุและความจำเป็นดังกล่าว จึงขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งหกอีก เป็นครั้งที่ 3 มีกำหนด 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 18-29 ธ.ค. นี้ พนักงานสอบสวน ขอคัดค้านขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน รวมถึงเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของพนักงานสอบสวนได้

วันเดียวกันนี้ พ.ต.ท.สมเกียรติ ตันติกนกพร ได้ยื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 3 พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อายุ 55 ปี อดีต ผบก.รน. นายเริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช อายุ 57 ปี และ นางสวงค์ มุ่งเที่ยง อายุ 54 ปี สองสามีภรรยา

ทั้งนี้ การฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 10 คน ศาลดำเนินการผ่านระบบการสื่อสารทางจอภาพ หรือ วิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง ที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ขณะที่ผู้ต้องหาไม่คัดค้าน ศาลจึงอนุญาตฝากขังครั้งที่ 3 ผู้ต้องหาทั้งหมดได้ตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ
/////////////////
หุ้น/น้ำมัน

ปลัดกระทรวงการคลัง เผย ราคาน้ำมันลด ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยปีหน้า คาดขยายตัว 4% ขณะการเบิกจ่ายงบประมาณเห็นผลไตรมาส 2 ปี 58 


นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า การที่ราคาน้ำมันปรับลดต่อเนื่อง ซึ่งหากช่วยลดต้นทุน การส่งออกแข่งขันกับต่างประเทศได้ ก็จะมีส่วน

ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้า โดยคาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ ร้อยละ 4 ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณ หน่วยงาน ๆ ต่างยังอยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน แต่คาดว่าช่วงไตรมาส

สองของปีหน้าจะสามารถเบิกจ่ายงบได้ ทั้งนี้ ได้เร่งรัดให้หน่วยงานใช้งบในส่วนที่เริ่มได้ก่อนคือการสัมมนาและการประชุมต่าง ๆ

นายรังสรรค์ กล่าวต่อว่า ช่วงที่ผ่านมาตนเองได้เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น โดยได้มีการหารือร่วมกับรัฐมนตรีคลังของญี่ปุ่น ซึ่งได้บอกว่ายังอยากมาลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากมีที่ตั้งเป็น

ศูนย์กลางของอาเซียน
--------------------
กระทรวงคมนาคม เตรียมหารือค่าโดยสารใหม่หลังราคาพลังงานลด ขณะขนส่งฯ เผย 22 ธ.ค.Taxi 5,000 คัน วิ่งมิเตอร์ใหม่เช็กสภาพครบ 85,000 คัน ม.ค. 58

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวในงานเปิดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2558 ว่า หลังจากที่ภาครัฐบาลได้ทำการอนุมัติปรับลดราคา

พลังงานในส่วนของน้ำมันเบนซินและดีเซลลงนั้น ส่งผลให้กระทรวงคมนาคมต้องกลับมาหารือถึงภาพรวมแนวทางการปรับลดราคาค่าโดยสารรถสาธารณะใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับราคา
พลังงานในปัจจุบัน ซึ่งจะต้องมีการประชุมหารือและรับนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนปีใหม่

ส่วนความคืบหน้าการปรับราคาค่าโดยสารรถแท็กซี่นั้น นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจเช็กสภาพรถ ซึ่งทางกรมการขนส่งฯ

สามารถตรวจเช็กไปแล้วประมาณ 45,000 คัน จากจำนวนรถแท็กซี่ในระบบทั้งหมด 85,000 คัน ซึ่งคาดว่ารถแท็กซี่ทั้งระบบจะสามารถตรวจสภาพได้ทั้งหมดภายในเดือนมกราคม อย่างไรก็ตาม
ในวันจันทร์ที่ 22 ธันวาคมนี้จะมีรถแท็กซี่ประมาณ 5,000 คันที่ได้รับการปรับจูนมิเตอร์และสามารถเริ่มใช้อัตราค่าโดยสารใหม่ได้หลังจากผ่านการตรวจสภาพ
-----------------------
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผย 7 วันลดราคาสินค้าเงินสะพัด 5 หมื่นล. ชี้ช่วยกระตุ้นศก.ปีใหม่ได้

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงการจัดกิจกรรมลดราคาสินค้าเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนระหว่างวันที่ 24-30 ธันวาคม นี้ ร่วมกับภาคเอกชนว่า การจัดงาน

ดังกล่าวภายใต้ชื่อ เทใจ..คืนสุข..สู่ประชาชน ได้รับความร่วมมือจากผู้ผลิตสินค้าและห้างสรรพสินค้ารวมทั้งห้างค้าปลีกต่าง ๆ ทั่วประเทศ จำนวน 12,800 สาขา จำหน่ายสินค้าในราคาคืนความสุข

ลดต่ำกว่าท้องตลาดร้อยละ 70 ซึ่งคาดว่าในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีเงินสะพัดทั่วประเทศประมาณ 50,000 ล้านบาท ลดค่าครองชีพให้กับประชาชนได้ 15,000 ล้านบาท เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจใน

ช่วงปลายปีได้เป็นอย่างดีและเป็นปัจจัยที่จะไม่ทำให้ผู้ประกอบการมีการปรับราคาสินค้าสูงขึ้น
---------------------
กระทรวงคมนาคม มอบของขวัญปีใหม่ ปชช. เน้นอำนวยความสะดวกผู้พิการ พร้อมเปิดสะพานข้ามแม่น้ำนนทบุรี แก้ปัญหาจราจร

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2558 เน้นแนวคิด "SLOW DOWN SAVE
YOUR LIFE" ช้าลงอีกนิด ชีวิตปลอดภัย ว่า กระทรวงคมนาคม ได้มอบของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน โดยเน้นอำนวยความสะดวกให้ผู้พิการ และการเปิดให้บริการสะพานข้ามแม่น้ำนนทบุรี 1 ในวันที่ 26 ธันวาคมนี้ ซึ่งมั่นใจว่าการเปิดใช้สะพานดังกล่าวจะช่วยแก้ปัญหาจราจรฝั่งนนทบุรีได้ ทั้งนี้ สำหรับผู้พิการนั้นทางกระทรวงจะทำการมอบวีลแชร์ จำนวน 2,500 คัน ให้แก่ผู้พิการเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่

นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกได้จัดกิจกรรมตรวจรถก่อนใช้ เดินทางปลอดภัย โดยร่วมมือกับเอกชน 20 แห่งให้บริการตรวจสภาพรถเบื้องต้น 20 รายการ โดยไม่คิดค่าแรง ที่ศูนย์บริการและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ อู่ซ่อมกลาง สถานตรวจสภาพรถเอกชน และสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ถึง 5 มกราคม 2558
-----------------
บล.เคที ซีมิโก้ เผย หุ้นไทยมีโอกาสรีบาวด์ ให้แนวรับ 1442 จุด หลังจากที่ราคาน้ำมันมีท่าทีว่าจะดีดกลับ

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (17 ธ.ค.) ว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวด์ขึ้นได้ ตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่อยู่ในแดนบวกเล็กน้อย เป็นไปตามตลาดในยุโรปที่ได้ปรับตัวขึ้นไป หลังจากที่ราคาน้ำมันมีท่าทีว่าจะดีดกลับ นอกจากนี้ ยังมีลุ้นการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ด้วย ทั้งนี้ตลาดฯ ยังวิตกในเรื่องของกระแสเงินตรา (currency) ที่อาจจะวิกฤตได้ เนื่องจากราคาน้ำมันได้ปรับตัวลงเกือบครึ่งหนึ่งจากเดิมทำให้อาจมีปัญหาค่าเงินกับบางประเทศที่ผลิตน้ำมัน และฐานะการเงินไม่ค่อยดี และปัญหาก็มีโอกาสที่จะลามไปยังประเทศอื่น

ขณะที่ปัจจัยในประเทศต้องติดตามผลการประชุม กนง. ซึ่งตามโผคาดว่าจะมีการคงอัตราดอกเบี้ย แต่ก็เป็นไปได้ที่จะลดอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี ตลาดได้รับรู้ข่าวลบไปมากแล้ว ทำให้ตลาดฯ อาจรีบาวด์ได้บ้างหลังจากที่ร่วงไปแรง เพียงแต่ขณะนี้ตลาดฯ กำลังหาจุดที่จะรีบาวด์ ซึ่งนักลงทุนต่างชาติยังขายอยู่ แต่ยังคาดหวังแรงซื้อจากกองทุน LTF, RMF โดยในวันนี้ให้แนวรับที่ 1,442 จุด แนวต้านที่ 1,478-1,500 จุด
----------------------
สำหรับการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ปิดตลาดดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.93  จุด มาปิดที่ 1476.67 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 29,001.32 ล้านบาท 

ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ของธนาคารกสิกรไทย ล่าสุด เมื่อเวลา 08.05 น. มีดังนี้ ดอลลาร์สหรัฐ รับซื้อที่ 31.80 บาท ขายออก 33.24 บาท
----------------
มติ กนง. เสียงแตก 5 ต่อ 2 คงดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 2 ต่อไป ชี้เอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะ 26 ธ.ค. แถลงหั่นเป้า จีดีพี 

นายเมธี สุภาพงษ์ เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. และผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยว่า ที่ประชุม กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2 ต่อไป โดยเห็นว่า นโยบายการเงินในระดับดังกล่าว ยังผ่อนปรนเพียงพอต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและสอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว ส่วนอีก 2 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ยังฟื้นตัวได้ช้า ขณะที่ การส่งออก ยังมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และการท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นแต่ยังต่ำกว่าปกติ

นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย จะประกาศปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทย ในปี 2557 และ 2558 ใหม่ ในวันที่ 26 ธันวาคม นี้ ในการรายงานนโยบายการเงิน
---------------
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยภาคบ่าย วันนี้ (17 ธ.ค.) เปิดตลาดเมื่อเวลา 14.27 น. ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.15 จุด แตะที่ระดับ 1,475.89 จุด มูลค่าการซื้อขาย 29,711.06 ล้านบาท

ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ของธนาคารกสิกรไทย ล่าสุด เมื่อเวลา 13.53 น. มีดังนี้ ดอลลาร์สหรัฐ รับซื้อที่ 31.75 บาท ขายออก 33.19 บาท
-----------------------
เซเว่น อีเลฟเว่น พร้อมร่วมมือกระทรวงพาณิชย์ ลดราคาสินค้ากว่า 642 รายการ ใน 8,000 สาขา พร้อมขอความร่วมมือซื้อครอบครัวละ 1 ชิ้น

นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด ผู้ให้บริการร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น กล่าวว่า หลังร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ มอบความสุขคืนให้กับประชาชนด้วยการลดราคาสินค้าก่อนปีใหม่นั้น อยากขอความร่วมมือประชาชนให้ซื้อสินค้าที่ลดราคาพิเศษเพียง 1 ครอบครัวต่อ 1 ชิ้นเท่านั้น เพื่อให้มีการกระจายสินค้าอย่างทั่วถึง เพราะกิจกรรมในครั้งนี้ มีทั้งชนิดสินค้า และลดราคามากกว่าทุกครั้ง โดยเฉพาะสินค้าจำเป็น เช่น ข้าวสาร น้ำมันพืช ไข่ไก่ และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ยังมีสินค้าที่จำหน่ายปกติในร้าน มาลดราคาเพิ่มเติมอีกกว่า 642 รายการ เพื่อให้ประชาชนเลือกซื้อได้อย่างทั่วถึงทั่วประเทศกว่า 8,000 สาขา
---------------------------
นายกสมาคมค้าส่ง-ค้าปลีกไทย คาด ราคาสินค้าจะไม่ปรับขึ้นถึงต้นปีหน้า แต่หากรายใหญ่ปรับลดราคาลง ผู้ค้าปลายทางจะลดลงด้วย

นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงในขณะนี้ทำให้ราคาสินค้าจะยังไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนถึงไตรมาส 1 ของปีหน้า ส่วนราคา

สินค้าจะปรับตัวลดลงได้หรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับผู้ผลิตรายใหญ่ว่า ปรับราคาส่งสินค้าต้นทางหรือไม่ หากปรับราคาลง เชื่อว่าผู้ค้าปลายทางจะปรับราคาลดลงได้ด้วย ซึ่งแนวโน้มกำลังซื้อของ

ประชาชนในปีหน้า คาดว่าจะยังไม่ปรับตัวดีขึ้น ตามการคาดการณ์ว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ยังจะไม่ดีขึ้นมาก เนื่องจากรายได้ของประชาชนยังไม่เพิ่มขึ้น จากราคาสินค้าเกษตรที่ยังตกต่ำ
---------------------
ธปท. ชี้ ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลง ส่งผลต้นทุนการผลิตลด ส่งผลให้เงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอีกด้วย

นายเมธี สุภาพงษ์ เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. และผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่

ปรับตัวลดลงได้ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลง และยังส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอีก แต่ไม่ถึงที่อัตราเงินเฟ้อจะติดลบหรือเกิดภาวะเงินฝืด ซึ่งทาง ธปท. ยังคงติดตามพัฒนาการ

ของเงินเฟ้อในระยะต่อไป ว่าจะต่ำลงเพียงใด ส่วนภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแรงตลอดทั้งสัปดาห์ นั้น กนง. ได้หารือในประเด็นเสถียรภาพเศรษฐกิจ โดยยอมรับว่า พบ
สัญญาณการเก็บกำไรของหลักทรัพย์บางตัวในตลาดหุ้น ซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ดูแลอยู่ ขณะเดียวกัน

ว่า การที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ประชาชนออมลดลง และหันไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น และสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น จึงเกิดการเก็งกำไรสูง
--------------------
บิ๊กซี ร่วมกับ กระทรวงพาณิชย์ ลดราคาสินค้าสูงสุด 80% ยันสิ้นปี เป็นของขวัญ "เทใจ..คืนสุข..สู่ประชาชน"

นายกุฎาธาร นาควิโรจน์ ที่ปรึกษาบริหารฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บิ๊กซี พร้อมแล้วที่จะสนองนโยบายรัฐบาล และกระทรวงพาณิชย์ ด้วยการลด

ราคาสินค้าเป็นของขวัญคืนความสุขให้ชาวไทยทั่วประเทศในช่วงปีใหม่ ในแคมเปญ “เทใจ..คืนสุข..สู่ประชาชน” ระหว่างวันที่ 24-31 ธันวาคม นี้ โดยบิ๊กซีได้จัดเตรียมสินค้าจำเป็นและสินค้าที่ได้

รับความนิยมจากผู้บริโภคกว่า 20 ล้านชิ้น รวมกว่า 1,000 รายการ เพื่อนำมาลดราคาสูงสุดถึง 80% ที่บิ๊กซีทุกสาขาทั้ง 625 สาขาทั่วประเทศ โดยจะมีสินค้ารายการใหม่ๆ เปิดตัวในแคมเปญทุกวัน
เริ่มตั้งแต่สินค้าจำเป็น เช่น ข้าวหอมมะลิ น้ำมันถั่วเหลือง บะหมีกึ่งสำเร็จรูป ไข่ไก่ น้ำตาล น้ำดื่มและเครื่องดื่ม สบู่ ผงซักฟอก กระดาษชำระ ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งเล็กและใหญ่สำหรับเป็น

ของขวัญปีใหม่ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องนอนและเครื่องใช้ภายในบ้าน ของตกแต่งในเทศกาล และกระเช้าปีใหม่ ที่มีราคาเริ่มต้นเพียง 299 บาท ที่มาพร้อมกับเงินคืนสูงสุด 29% และสามารถ

ผ่อนชำระดอกเบี้ย 0% นานถึง 10 เดือน ถึงวันที่ 5 มกราคม 2558 ได้อีกด้วย
-------------------

สำหรับการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ปิดตลาดดัชนี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.46 จุด มาปิดที่ 1,480.20 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 63,479.09 ล้านบาท

ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ของธนาคารกสิกรไทย ล่าสุดเมื่อเวลา 13.53 น. มีดังนี้ดอลลาร์สหรัฐฯ รับซื้อที่ 31.75 บาท ขายออก 33.19 บาท
------------------
นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ ชี้ GDP ไทยปีนี้โต 1% ถือว่าดีแล้ว ขณะราคาพลังงานปรับลดทำอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน 

รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ภาพเศรษฐกิจไทยทั้งสามไตรมาสบวกเล็กน้อย ส่วน GDP ปีนี้จะมากหรือน้อยต้องรอดูตัวเลขไตรมาสที่สี่ โดยหากทั้งปีอยู่ที่ 1% ก็ถือว่าดีแล้ว ขณะงบประมาณที่ค้างท่อของภาครัฐมองว่าจะส่งผลดีกับเศรษฐกิจไทยปีหน้า รวมทั้งธุรกิจภาคเอกชนด้วย นอกจากนี้ การที่ราคาพลังงานปรับลดต่อเนื่องส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวน ส่วนนโยบายปรับขึ้น VAT ในปีหน้านั้นจะส่งผลให้ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และอาจมากกว่า 10% ด้วย

รศ.ดร.สมชาย กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาหนี้ครัวเรือนที่มาจากโครงการรถคันแรกนั้น จะต้องหาวิธีการที่ให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น เพื่อนำมาชำระหนี้

ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ของธนาคารกสิกรไทย ล่าสุดเมื่อเวลา 13.53 น. มีดังนี้ดอลลาร์สหรัฐฯ รับซื้อที่ 31.75 บาท ขายออก 33.19 บาท
------------------
นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ ชี้ GDP ไทยปีนี้โต 1% ถือว่าดีแล้ว ขณะราคาพลังงานปรับลดทำอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน 

รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ภาพเศรษฐกิจไทยทั้งสามไตรมาสบวกเล็กน้อย ส่วน GDP ปีนี้จะมากหรือน้อยต้องรอดูตัวเลขไตรมาสที่สี่ โดยหากทั้งปีอยู่ที่ 1% ก็ถือว่าดีแล้ว ขณะงบประมาณที่ค้างท่อของภาครัฐมองว่าจะส่งผลดีกับเศรษฐกิจไทยปีหน้า รวมทั้งธุรกิจภาคเอกชนด้วย นอกจากนี้ การที่ราคาพลังงานปรับลดต่อเนื่องส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวน ส่วนนโยบายปรับขึ้น VAT ในปีหน้านั้นจะส่งผลให้ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และอาจมากกว่า 10% ด้วย

รศ.ดร.สมชาย กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาหนี้ครัวเรือนที่มาจากโครงการรถคันแรกนั้น จะต้องหาวิธีการที่ให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น เพื่อนำมาชำระหนี้

ครม.เห็นชอบแบ่วงส่วนราชการตร.ให้สันตบาลค้นโดยไม่มีหมายได้

ครม.เห็นชอบ พ.ร.ฎ.แบ่งส่วนราชการ สตช. ให้ตำรวจสันติบาลเข้าค้นสถานที่ต้องสงสัยได้โดยไม่ต้องขอหมายค้น***
วันอังคาร 16 ธันวาคม 2557 เวลา 21:09 น.
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้เสนอ ครม.ให้ความเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการ สตช. และเสนอร่างกฎกระทรวงควบคู่กันไป เพื่อแบ่งส่วนราชการที่เป็นกองบังคับการ หรือส่วนราชการอื่นใน สตช. เรื่องนี้เกิดมาจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล มีภารกิจในการสืบสวนหาข่าวด้านความมั่นคง แต่ว่าไม่มีอำนาจตามประมวลกฎหมายพิจารณาความอาญา เป็นเหตุให้เวลาที่จะเข้าตรวจสอบ ตรวจค้นพื้นที่ต่าง ๆ อย่างเร่งด่วน ทำไม่ได้ ทำให้การปฏิบัติงานล่าช้า ขาดความคล่องตัว
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ดังนั้นเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผล จึงเห็นสมควรที่จะเพิ่มอำนาจให้กับกองบัญชาการตำรวจสันติบาล รวมทั้งหน่วยระดับกองบังคับการในสังกัดของกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ให้สามารถมีอำนาจ ทั้งในเรื่องสืบสวน และสามารถปฏิบัติงานตามประมวลกฎหมายพิจารณาความอาญาได้ด้วย ดังนั้นอำนาจหน้าที่ ไม่ว่าในกองบัญชาการตำรวจสันติบาลหรือกองบังคับการอำนวยการ กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 สันติบาล 2 และสันติบาล 4 ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายพิจารณาความอาญา และกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องได้.


พุทธอิสระ พูดถึงจอม เพชรประดับ

คนมันไม่ยอมรับ ไม่รัก ไม่เคารพศรัทธา คงเป็นเรื่องยากที่จะวิพากษ์วิจารณ์ด้วยเจตนาดี
๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๗
ฉันอ่านบทความของนายจองเวร เพชรเก๊ แล้วยิ่งทำให้เข้าใจตัวตนของคนๆ นี้มากขึ้น ว่าเขาอยู่ข้างไหน ซึ่งก็มีสองข้างคือ ข้างล้มเจ้ากับข้างรักเจ้า
เป็นที่รู้กันทั้งแผ่นดินว่าพวกล้มเจ้ามีมาตั้งแต่ยุคคณะราษฎร จนนำมาซึ่งการปลงพระชนม์ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๘ ซึ่งตอนนั้นหัวหน้าคณะราษฎรมีทั้งเงินทั้งอำนาจ จึงกระทำการสำเร็จ แต่ก็มิอาจล้มล้างความรัก ความศรัทธาที่ประชาชนคนไทยมีให้แก่สถาบันพระมหากษัตริย์ ยิ่งมีการลอบปลงพระชนม์รัชกาลที่ ๘ ประชาชนยิ่งรักและหวงแหนสถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้น จนหัวหน้าคณะราษฎรซึ่งมีทั้งเงินและอำนาจรู้สึกผิดหวัง เป็นความผิดพลาดที่หมิ่นประมาทหัวใจจงรักภักดีของคนไทย พวกเขาคิดว่าเมื่อสามารถกำจัดยุวกษัตริย์ลงไปได้ ประชาชนคงจะหวาดกลัว ไม่กล้าแสดงการต่อต้านใดๆ พอนานไป สถาบันพระมหากษัตริย์จะหมดความสำคัญไปเอง
แต่เหตุการณ์หาเป็นเช่นนั้นไม่ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลสิ้นพระชนม์ลงด้วยน้ำมือคนชั่ว ผู้หวังแต่เพียงอำนาจ ประชาชนกลับรู้สึกรักและหวงแหนสถาบันพระมหากษัตริย์เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ดูได้จากเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะที่ยังเป็นยุวกษัตริย์อยู่ เวลาจะเสด็จไป ณ ที่ใด คลื่นมหาชนต่างพากันมาคอยต้อนรับกันเนืองแน่น มืดฟ้ามัวดิน เพื่อชมพระบารมี ทั้งได้เห็นพระราชจริยวัตรที่ทรงปฏิบัติต่อประชาชนทุกหมู่เหล่า ด้วยความเมตตาปราณี ทุกคนที่ได้เข้าเฝ้าล้วนแต่ปลาบปลื้มปิติ น้ำตาแห่งความสุขภาคภูมิใจที่แผ่นดินมีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรม ทรงมีความรัก ความเมตตามากล้น จนทุกคนสัมผัสได้ ทุกคนจึงรัก เทิดทูน ภักดี และหวงแหน จนสามารถเอาชีวิตถวายเป็นราชพลีเพื่อปกป้องพระองค์ได้
ด้วยเหตุผลดังกล่าว พวกขบวนการล้มเจ้าซึ่งได้รับมรดกตกทอดความชั่วช้าสืบๆ มาจากคณะราษฎรผู้ต่ำช้า ต่างพากันประชุมเปลี่ยนแผน จากที่เคยใช้ความรุนแรงแล้วไม่สำเร็จ ก็มาแกล้งภักดีตีสนิท ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ใกล้ชิด แล้วเดินแผนบ่อนทำลาย บ่อนทำลายชื่อเสียงพระเกียรติภูมิ ที่อดีตบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าได้ทรงสั่งสมมา เช่นกล่าวหาว่า ราชวงศ์จักรีมาแย่งชิงราชบัลลังก์จากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงกอบกู้บ้านเมืองได้ก็จริงแหละ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการเจรจาแบ่งผลประโยชน์ให้แก่ทหารต่างชาติที่มาช่วยรบ เช่น จีน ช่วยเรื่องเงินและเรือ สเปน ช่วยเรื่องกำลังและอาวุธ แถมยังมีโปรตุเกสและชาติอาหรับ ทหารต่างชาติเหล่านี้เขาไม่ได้มาช่วยแผ่นดินไทยฟรีๆ หรอก แต่มาช่วยเพราะมีการตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ ซึ่งบางประเทศก็ขอแบ่งดินแดน
ความจริงเหล่านี้เป็นความทุกข์อกหนักใจสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมาโดยตลอด พระองค์พยายามผัดผ่อนประวิงเวลาเลี้ยงมา จนทรงเห็นว่าแต่ละประเทศต่างรุมกันทวงถามสิทธิ์ที่ตนจะได้ตามข้อตกลงมากขึ้นๆ สุดที่จะหลีกเลี่ยงได้แล้ว
สำหรับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแล้ว พระองค์ทรงรักและหวงแหนแผ่นดินนี้ยิ่งกว่าชีวิต มีหรือจะยอมตกเป็นเบี้ยล่างให้กับชนต่างชาติเหล่านี้ สิ่งที่พระองค์ทรงดำริเอาไว้เป็นทางออกสุดท้ายก็คือผลัดแผ่นดิน เปลี่ยนเจ้าผู้ปกครองจึงจะยุติข้อตกลงที่เคยทำไว้ได้
ด้วยเหตุผลดังกล่าวมานี้ จึงเป็นที่มาของราชวงศ์จักรีเข้ามาขัดตาทัพ ทำหน้าที่ปกครองแผ่นดิน
คนไทยทั้งแผ่นดินต้องไม่ลืมว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ซึ่งเป็นต้นราชสกุลจักรี ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นเพื่อนร่วมคิด มิตรร่วมรบกันมาตั้งแต่ยังไม่ได้รับราชการ บวชก็วัดเดียวกัน มีพระอาจารย์องค์เดียวกัน รบพุ่งใช้อกใช้หลังเป็นโล่กำบังอาวุธให้แก่กันและกันมาจนสามารถกู้ชาติแปลงเมืองสำเร็จ
เมื่อเกิดเหตุการณ์ทวงหนี้จากพวกต่างชาติ พระเจ้าตากซึ่งเป็นเพื่อนผู้พี่มองไม่เห็นวิธีใดที่จะหลีกพ้นได้ นอกเสียจากการผลัดแผ่นดิน เอาไว้มีเวลาจะนำรายละเอียดในแต่ละเหตุการณ์ช่วงนั้นมาเล่าสู่กันฟัง
การผลัดแผ่นดินเปลี่ยนราชวงศ์โดยกะทันหันนี้แหละ ที่พวกล้มเจ้าเอามาเป็นเหตุผลหนึ่งในหลายเหตุผล ที่ปลุกเร้าปั่นหัวให้คนไทยบางกลุ่มลุ่มหลงเห็นผิด และแล้วแผนการณ์ทำลายความเชื่อความศรัทธา ความจงรักภักดีที่คนไทยมีต่อราชวงศ์จักรี ได้เริ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่างที่คนไทยทั้งประเทศหาได้ระแคะระคายใดๆ เลย พวกล้มเจ้าพวกนี้เมื่อได้มีโอกาสเข้าใกล้ จะพยายามหาจุดอ่อนของราชวงศ์นำออกมาโจมตี หากไม่มี ก็จะทำทุกวิธีเพื่อให้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นจุดอ่อนและข้อผิดพลาดต่างๆ ทั้งจริงและไม่จริง พยายามตีไข่ใส่สี พยายามทำทุกวิธีที่จะทำลายความรักความศรัทธา คนพวกนี้มันรวมหัวกันทำมานาน จนสามารถสร้างข้อกังขาให้แก่ผู้ไม่รู้ได้อย่างเหลือเชื่อ ตามด้วยการยุให้รำตำให้รั่ว พยายามทำให้พระญาติพระวงศ์พี่น้องแตกแยกกัน พวกมันทำถึงขนาดพยายามวางยาเพื่อจะควบคุมพระสติกำลังของเจ้านายสำคัญแต่ละพระองค์ โดยที่ไม่รู้สึกพระองค์เลย คนชั่วพวกนี้มันขยันหาสารพัดวิธีที่จะทำลายราชวงศ์จักรี
ดูตัวอย่างของนายจองเวร เพชรเก๊ ที่ออกมาเขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์พระบรมวงศานุวงศ์ แม้จะกล่าวอ้างว่าเป็นความจริงมาจากแหล่งข่าว ปัญหามันอยู่ที่ว่า พวกมึงอยู่ข้างไหน อยู่ข้างล้มเจ้าหรือรักเจ้า หากอยู่ฝ่ายล้มเจ้า ดูจะเป็นเรื่องน่าเศร้าที่เวลานี้บ้านเมืองมีกฎอัยการศึก ทหารมีอำนาจพิเศษ คสช.มีกฎอัยการศึกอยู่ในมือ ทั้งที่เห็นอยู่ว่าการกระทำของกลุ่มล้มเจ้ามีหลักฐานเป็นที่ประจักษ์ให้เห็นอยู่โทนโท่ แต่กลับปล่อยให้คนชั่วพวกนี้ทำการย่ำยีราชวงศ์จักรี ทำลายหัวใจประชาชนอยู่โดยไม่ทำอะไรเลยหรือยังไง คุณประยุทธ์ หรือจะต้องให้ชั้นออกไปบนถนนอีกรอบ เห็นๆ อยู่ว่าคนพวกนี้มันทำผิดกฎหมายชัดๆ
หากนายจองเวร เพชรเก๊ รักเจ้า บทความที่อ่อนไหวกระทบกระเทือนจิตใจคนทั้งชาติเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น
สรุปความว่า คนไทยทุกคนผู้จงรักภักดีและรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ต้องช่วยกันประณาม ขับไล่ ไอ้คนที่คิดจะล้มเจ้าให้มันพ้นไปจากแผ่นดินของพ่อเรา เมื่อพวกมันไม่รักพ่อเรา ไม่ศรัทธา ไม่เคารพบรรพบุรุษของพ่อเรา พวกเราต้องประณามขับไล่พวกมันออกไปให้พ้นจากแผ่นดินไทย ออกไป ออกไป ออกไป พาพ่อแม่โคตรเง่าพวกมึงออกไปด้วย
พุทธะอิสระ


รู้จัก กองกำลัง IS

มารู้จัก "กองกำลังรัฐอิสลาม" หรือ Islamic State ที่เรียกันว่า IS ที่กำลัง เป็นกลุ่มกองกำลังที่กำลังเติบโต มีพลังและมีอำนาจ ทั้วโลกหวาดผวา และจับตาดูด้วยความกังวล เกรงว่าจะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ ชนิดหนักข้อไปถึง "การก่อการร้าย" และสร้างความรุนแรง ต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ออสเตรเลีย เพิ่งเจอปัญหาความรุนแรง จากแนวร่วม IS ที่อยู่ทางตะวันตก ของนครซิดนีย์
ปัจจุบันนี้ โลกอยู่ในภาวะ unknown-unknown คือ ไม่สามารถคาดการณ์ ว่าจะมีการก่อการร้าย เกิดขึ้นเมื่อไร โดยเฉพาะ พวกที่ประเภท Homegrown Terrorists !! ดังนั้นอย่าได้ประมาท
IS ทำคลอดโดยสหรัฐฯ ไม่แตกต่างจากลุ่มตอลีบัน เคยเป็นยักษ์ใหญ่ ที่สหรัฐฯ สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์ แต่เมื่อหมดประโยชน์ กลุ่มพวกนี้ถูทอดทิ้งละเลย ทิ้งขวาง กลุ่มพวกนี้จึงเหมือนเงาปีศาจ ที่ย้อนกลับมาต่อต้านอเมริกา เสียเอง ตอนนี้ IS กำลังแพร่ระบาดไป ทั้งโลก ขณะที่ กลุ่ม Al-Qaeda แผ่วลง. เริ่มแรกกลุ่ม IS พยายามอยู่กับ Al-Qaeda แต่อยู่ด้วยกันไม่ได้ เพราะ IS ใช้ความรุนแรง ทำร้ายประชาชนทั่วไปสูงมาก แต่มีวิธีการที่เหมือนกัน คือ
ใช้อินเตอร์เน็ต เป็นหัวใจของการเชื่อมโยงไปทั้งโลก ในการเผยแพร่ความคิด แนวทางรุนแรง ขยายตัวแทรกซึม เข้าไปในสมองคนได้ง่าย รวมถึงวิธีการก่อการร้าย ผ่านอินเตอร์เนต แม้กระทั่งวิธีการประกอบระเบิด โดยไม่ต้องเข้ารับการฝึก เหมือนอย่างสมัยก่อน แต่ก็ยังมีกลุ่มคนหัวรุนแรงมักเดินทาง ไปประเทศที่เกิดเหตุรุนแรง เพื่อช่วยสนับสนุนร่วมรบ เหมือนดังขณะนี้ คนหัวรุนแรงเดินทาง ไปร่วมรบที่ซีเรีย
ขณะเดียวกัน มีคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่นิยมความรุนแรง เมื่อเกิดความรู้สึกร่วม ก็สามารถที่จะก่อการร้ายด้วยตัวเอง ในประเทศที่อาศัยอยู่ ที่ เรียกว่า Homegrown Terrorists พวกนี้เราไม่สามารถล่วงรู้ถึงความคิดได้ เมื่อเดินไปตามท้องถนน ในศูนย์การค้า แหล่งท่องเที่ยว คนหัวรุนแรงเดินไปทุกแห่ง เพื่อหาเป้าหมาย ที่จะลงมือก่อการร้าย เหมือนอย่างในออสเตรเลีย แถบประเทศบ้านเรา ก็มีคนหัวรุนแรงเดินทางไปร่วมรบ กับ IS มิใช่น้อย และยังมีคนที่มีอารมณ์ร่วมกับ IS โดยไม่ต้องเดินทาง ไปอีกมาก
พวกเขาอยู่หนใด เราไม่มีโอกาสได้รู้เลย
จนกว่าจะก่อเหตุ หรือแสดงท่าทีที่น่าสงสัย
ประชาชนเท่านั้นที่จะช่วยสอดส่องดูแล ห้างร้าน ศูนย์การค้า ต้องรักษาความปลอดภัย อย่างเข้มงวด อย่านอนใจ ไม่มีใครรับรองได้ว่าจะเกิดขึ้น


เจ็บเพื่อนาย...

เจ็บ เพื่อ "นาย" !!!
เบื้องหลังเหตุการณ์ ทีม รปภ.ทหารเสือฯ ของ นายกฯ ถูกกิ่งไม้ใหญ่ข้างทางโค่นใส่ ทีม "มดดำ" มอร์'ไซค์ รปภ.เฉียดรถนายกฯ/บาดเจ็บที่ขัอมือ-สะโพก / รองผู้การทหารเสือฯ หน.ทีม รปภ. รุดตรวจสอบ ไม่พบสิ่งผิดปกติ คาดไม้ผุใน ลมหนาวกระชากแรง ฉีกร่วงลงมา ยันไม่มีรอยเลื่อย ใดๆ แต่เป็นอุบัติเหตุ
เหตุกิ่งต้นชมพูพันธุ์ทิพย์(ตาเบบูญ่า) ขนาดใหญ่เส้นผ่ายศูนย์กลางประมาณ 1 ฟุตที่ปลูกอยู่บริเวณทางเท้า ได้หักโค่นลงมาใส่ ขบวนรถของ พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ที่ สุขุมวิท หลังเสร็จภารกิจที่ทัองฟ้าจำลอง นั้น เฉียดรถเบนซ์ทะเบียน ญค 1881 เพียงเล็กน้อย ของนายกฯ เพียงเล็กน้อย
แต่ได้ตกใส่ รถมอร์เตอร์ไซต์คาวาซากิ สีดำ. ซึ่งเป็นรถของทีมรักษาความปลอดภัย ของทหารเสือฯ จาก ร.21รอ. 2 นาย ซึ่งขี่ประกบข้างรถนายกรัฐมนตรีล้มลงอย่างแรง รถไถลไปประมาณ 10 เมตร ทำให้คนขับได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือขวา ส่วนคนซ้อนได้รับบาดเจ็บที่สะโพกด้านขวา
ส่วนรถเบนซ์ของนายกรัฐมนตรีมีเศษกิ่งไม้กระเด็นไปถูกประตูด้านซ้ายมีรอยบางๆ
ในช่วงที่เกิดเหตุพลเอกประยุทธ์ได้สั่งรถชะลอและสอบถามถึงอาการบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่ทหารทั้ง 2 นาย เมื่อได้รับทราบว่าไม่ได้รับบาดเจ็บมากจึงได้เคลื่อนขบวนรถเพื่อกลับมาปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในเวลา 10.30 น.
แต่ นายกฯได้สั่งการให้หัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยดูแลเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นาย รวมทั้งเมื่อนายกรัฐมนตรีเด้นทางถึงทำเนียบรัฐบาลได้แสดงความเป็นห่วงพร้อมสอบถามทีมรักษาความปลอดภัยด้วยว่า มีใครเป็นอะไรมากหรือไม่และสั่งการให้ดูแลเป็นอย่างดี พาไปรพ.เพื่อตรวจเชค
จาก ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ พบว่า ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ที่หักโค่นลงมานั้นมีอายุค่อนข้างมาก พบมีรอยผุกลวง ครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งหนึ่งยังสด แต่ไม่มีร่องรอยการถูกตัดเลื่อยใดๆ แต่เพราะเกิดลมแรง จึงทำให้กิ่งไม้ดังกล่าวหักโค่นลงมา
พ.อ.อมฤต บุญสุยา รองผบ.รอ.21 หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรีร่วมตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ โดยยืนยันว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุ ไม่ใช่การกระทำของมนุษย์หรือการลอบปองร้ายแต่อย่างใด


แพทยฺ์อเมริกาคนแรกที่ติดเชื้ออีโบล่าแล้วรอด

นพ. Kent Brantly เป็นอเมริกันคนแรก ๆ ที่ติดเชื้ออีโบลาจากการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคเดียวกันในไลบีเรีย ล่าสุดคุณหมอได้รับเลือกเป็นหนึ่งใน “Persons of the Year” ของ Time ในบทสัมภาษณ์ คุณหมอบอกว่าต้องใช้เวลาเกือบห้าเดือนกว่าจะฟื้นสภาพร่างกายจนสมบูรณ์ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นไม่คิดว่าตัวเองจะรอด ตอนที่ยังร่อแร่อยู่บนเตียงคนไข้ในแอฟริกา คุณหมอมองไปที่บุรุษพยาบาล และพูดกับเขาว่า “ช่วยหายใจแทนผมด้วย ตอนที่ผมไม่สามารถหายใจได้แล้ว“ “I don't know how you're going to breathe for me when I quit breathing.” ครับ คุณหมอกำลังจะ “quit breathing” แล้วตอนนั้น การได้หายใจเป็นเรื่องวิเศษอย่างนี้เอง
ตอนนั้น คุณหมอไปอยู่ที่นั่นทั้งครอบครัวเลย และทุกวันนี้ลูกชายวัยสี่ขวบยังสวดภาวนาให้กับเพื่อนวัยเดียวกันที่ประเทศนั้น ให้รอดพ้นจากโรคร้าย คุณหมอบอกว่าบทเรียนอย่างหนึ่งคือ
“เราจำเป็นต้องกังวลสนใจกับคนที่เราไม่รู้จักเช่นเดียวกับคนที่เรารู้จัก เรามีแนวโน้มจะใส่ใจเฉพาะคนที่เรารู้จัก คนที่เรารัก แต่ถ้าเราสามารถไปถึงจุดที่เกิดความใส่ใจและความกรุณากับคนที่เราไม่รู้จักด้วย แต่กำลังทนทุกข์ทรมาน ผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่พระเยซูกล่าวถึง เวลาที่พระองค์พูดว่าจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”
ครับ “รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง” คุณหมอวัยเพียง 33 ปีกล่าว
“A lesson I've learned through all of this is that we need to worry about the people we don't know just as much as we worry about the people we do know. We all have a tendency to have compassion for the people that we know and the people we love. When we can get to a point where we feel that same sense of empathy and compassion for people who are suffering, even though we don't know them, I think that's what Jesus is talking about when he says love your neighbor as yourself.


กิ่งไม้กล่นใส่ขบวนรถ"ประยุทธ์"

‘บิ๊กตู่’หวิดเดี้ยง!! กิ่งชมพูพันธุ์ทิพย์ล้มใส่ขบวนรถ ทับจยย.ตร.บาดเจ็บ 2 นาย
เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 17 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ขบวนรถของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. กำลังเคลื่อนออกมาจากศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลอง) ถนนสุขุมวิท ภายหลังจากไปเปิดงานคืนความสุขให้เธอ...เยาวชน และกำลังเดินทางกลับไปยังทำเนียบรัฐบาล ขณะนั้นมีลมพัดแรงมาก และเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น คือกิ่งต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ได้หักลงมาใส่ขบวนรถนายกฯ โดยเกือบจะโดนรถนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิ่งไม้ได้หักไปถูกรถจยย.ของตำรวจติดตาม ทำให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 2 นาย ซึ่งได้รีบนำส่งรพ.แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บก.น.5 รายงานเหตุพิเศษแจ้งผู้บังคับบัญชาว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ขณะที่ขบวน สร.1 เสร็จสิ้นภารกิจที่ท้องฟ้าจำลองและกำลังเดินทางกลับใช้เส้นทางสุขุมวิทขาเข้า เมื่อมาถึงหน้าอาคารยูเนสโก ได้มีกิ่งไม้หัก และร่วงตกลงใส่รถจักรยานยนต์ในขบวน สร.1 เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวล้ม และคนซ้อนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และรถ จยย.ได้รับความเสียหายเล็กน้อย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและหัวหน้าชุด รปภ. สร.1 ร่วมกันตรวจสอบแล้วน่าจะเป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช่เกิดจากการทำของมนุษย์แต่อย่างใด


ตอลีบันโจมตีโรงเรียนในปากีสถาน นร.ตายเจ็บนับร้อย

ด่วน! กลุ่มตอลีบานโจมตีโรงเรียนในปากีสถาน นร.ดับกว่า 84 ราย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วันนี้ (16 ธ.ค. 57) กลุ่มตอลีบานบุกเข้าโจมตีโรงเรียนทางตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน ซึ่งเป็นโรงเรียนที่กองทัพดูแลอยู่ ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งเป็นอย่างน้อย 104 คนแล้ว โดย 84 คนในนี้เป็นนักเรียน ส่วนที่เหลือมีครูและกองกำลังกึ่งพลเรือนรวมอยู่ด้วย
ทั้งนี้ กลุ่มติดอาวุธ 5–6 คน แกล้งสวมชุดเครื่องแบบกองกำลังความมั่นคงแล้วบุกเข้าไปในโรงเรียน โดยพวกเขาได้เลือกเวลาก่อเหตุ คือ ช่วงเช้า และลงมือยิงนักเรียนแบบสุ่มยิง
ด้าน นายมัมนูน ฮุสเซน ประธานาธิบดีปากีสถาน ได้ประณามการโจมตีในครั้งนี้ และแสดงความอาลัยต่อผู้บริสุทธิ์ทุกคนที่ต้องสูญเสียชีวิต พร้อมย้ำว่าจะนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้
ขณะที่ กลุ่ม เทห์รีก อี ตอลีบาน ปากีสถาน อ้างว่า ตนเองเป็นผู้ก่อเหตุ โดยระบุว่า กลุ่มที่ก่อเหตุได้รับคำสั่งให้ยิงเฉพาะนักเรียนที่โตแล้ว ไม่ใช่นักเรียนที่ยังเป็นเด็กเล็ก และที่ทำไปก็เพื่อล้างแค้นที่กองทัพปากีสถานเข้าไปกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธ จนทำให้มีนักรบตอลีบานเสียชีวิตไปหลายร้อยคน
อย่างไรก็ตาม กองทัพปากีสถาน ได้ตรงเข้าปิดล้อมพื้นที่เกิดเหตุไว้แล้ว และยังมีการยิงปะทะกับกลุ่มมือปืน ส่วนกลุ่มนักเรียนประมาณ 500 คน ได้รับการอพยพออกจากจุดเกิดเหตุ แต่ยังไม่ชัดเจนว่า มีนักเรียนอีกกี่คนติดอยู่ข้างใน แต่เว็บไซต์ของบลูมเบิร์ก รายงานว่า กลุ่มติดอาวุธได้จับตัวประกันในโรงเรียนมากถึง 1,500 คน