PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สถานการณ์ข่าว5ก.พ.58

Jab05Feb15

ความมั่นคง

"วินธัย" คาด จนท. ใช้เวลาซักถามสอบสวนผู้ต้องหาปลอมแถลงการณ์ 7 วัน ไม่เปิดเผยสถานที่ควบคุมตัว

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีความคืบหน้าในการดำเนินการกับผู้ต้องหาปลอมแปลงแถลงการณ์สำนักพระราชวังฉบับที่

13 ว่า ขณะนี้ผู้ต้องหาอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการในขั้นตอนการสอบสวนซักถาม ซึ่งอาจใช้เวลาระยะหนึ่ง ซึ่งไม่เกิน 7 วัน เนื่องจากเป็นคดีที่ละเอียดอ่อน มีผลกระทบต่อจิตใจ

คนไทย เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้ความระมัดระวังและใช้เวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้ได้ตัวผู้ที่กระทำผิด และผู้เกี่ยวข้องมาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ส่วนสถานที่ที่ใช้ในการ

ควบคุมตัวนั้นส่วนโฆษกฯ ยังไม่มีข้อมูล ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ แต่มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่จะมีการดูแลให้อย่างเหมาะสม เหมือนกรณีอื่น ๆ ที่ผ่านมา และถ้ายังไม่มีการแจ้งข้อหา ก็จะไม่

มีการปฏิบัติต่อผู้ถูกควบคุม ในลักษณะของผู้ทำความผิด ซึ่งก็เป็นตามแนวทางเหมือนปกติที่ผ่านมา
---------------------
"ดุสิตโพล" ปชช. 48.81% เชื่อ ระเบิดพารากอนเกี่ยวกับการเมือง 80.46% ต้องการให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น

“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ คิดอย่างไร? กับ เหตุการณ์ระเบิดหน้าสยามพารากอน จำนวน 1,209 คน ระหว่างวันที่ 2-5

กุมภาพันธ์ 2558 พบว่า ร้อยละ 77.21 หวาดกลัว ไม่มั่นใจในความปลอดภัย มาตรการรักษาความปลอดภัยยังไม่ดีพอ ร้อยละ 73.58 เป็นการสร้างสถานการณ์ ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย อาจเกี่ยว
ข้องกับการเมือง ร้อยละ 69.23 รู้สึกตกใจ ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้นอีกในใจกลางเมือง ร้อยละ 64.14 กระทบต่อภาพลักษณ์และเสถียรภาพของประเทศ

ทั้งนี้ เมื่อถามว่า "คิดว่ามีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่" ประชาชน ร้อยละ 48.81 เชื่อมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเหตุเกิดในช่วงที่มีประเด็นสำคัญทางการเมือง เช่น การถอดถอนยิ่ง

ลักษณ์ สหรัฐฯ ให้ยกเลิกกฎอัยการศึก ขณะที่ ร้อยละ 31.53 ไม่แน่ใจ เพราะยังไม่ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงในการก่อเหตุ ต้องรอเจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลให้แน่ชัดก่อน และ ร้อยละ 19.66 ไม่น่าจะมี
เรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง          

นอกจากนี้ ร้อยละ 80.46 ต้องการให้รัฐบาล เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ ให้มากขึ้น ร้อยละ 78.97 เร่งติดตามตัวคนร้ายมาลงโทษและสืบสวนข้อเท็จจริงโดยเร็ว และ

ร้อยละ 74.91 เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ คอยดูแลเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก
-----------------------
โฆษก ตร. เผยได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลังตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุเพื่อตามหามือบึ้ม BTS สยาม เชื่อคนร้ายยังอยู่ในพื้นที่ 

พลตำรวจโท ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าคดีระเบิดบริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม ว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างตรวจ

สอบกล้องวงจรปิดย้อนหลัง ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุเพื่อหาจุดที่ผู้ก่อเหตุขึ้นรถ ไปจนถึงต้นทาง ขณะเดียวกัน ฝ่ายสืบสวน ยังเฝ้าระวังและตรวจสอบกลุ่มผู้ต้องสงสัยอีกหลายกลุ่ม ซึ่งเคยมีประวัติ
เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธและวัตถุระเบิด รวมถึงผู้ต้องหาในคดีเก่า เนื่องจากเมื่อพิจารณาจากการประกอบระเบิดแล้ว เชื่อว่า คนร้ายน่าจะมีความชำนาญพอสมควร อีกทั้งจะต้องมีมาดูลาดเลาก่อน

โดยยังไม่ทราบตัวบุคคลที่ชัดเจน แต่เชื่อว่า ยังหลบหนีอยู่ในพื้นที่รอบนอกกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน อยู่ระหว่างตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงที่พบบริเวณจุดเกิดเหตุ แต่

เนื่องจากต้องตรวจสอบกับฐานข้อมูลจำนวนมาก จึงต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร

อย่างไรก็ตาม โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับกระแสข่าวลือต่าง ๆ ในขณะนี้ เพราะจะกระทบการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยการดำเนินคดีจะพิจารณาไป

ตามพยานหลักฐาน และหากประชาชนทราบเบาะแสของคนร้าย สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที
--------------------
โฆษก ตร. พร้อมกำลัง ออกตรวจทางเดิน skywalk แยกราชประสงค์ ถึงแยกชิดลม เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ประชาชน

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำตำรวจท่องเที่ยว และกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ออกตรวจเพื่อป้องกันอาชญากรรม บริเวณทางเดิน skywalk ระหว่าง

เส้นทางแยกราชประสงค์ไปถึงแยกชิดลม ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน พร้อมเปิดเผยว่า การตรวจตราครั้งนี้เพื่อความเชื่อมั่นด้าน
ความปลอดภัยให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว หลังเกิดเหตุระเบิดที่บริเวณหน้าพารากอน และทางเชื่อม bts โดยจะเพิ่มการตรวจตราอย่างเข้มข้นในจุดเสี่ยง กว่า 100 จุด ใน กทม. ซึ่งจะมีการจัดเจ้า

หน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ตำรวจพื้นที่ ประจำตามจุดต่าง ๆ เพื่อเฝ้าระวัง

นอกจากนี้ จะสุ่มตรวจผู้ต้องสงสัย โดยจะใช้กำลังตำรวจในเครื่องแบบ พร้อมขอความร่วมมือ รปภ.ของห้างสรรพสินค้า ในการเฝ้าระวัง ซึ่งทางการข่าวด้านความมั่นคงยังไม่มีรายงานก่อเหตุร้ายใน

ช่วงนี้แต่ไม่ประมาท

สำหรับเหตุระเบิดที่ผ่านมาเป็นการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก ซึ่งตำรวจได้เพิ่มมาตรการอย่างเข้มข้นแล้ว หากประชาชนได้เบาะแส แจ้ง 191 หรือ 1155

ตำรวจท่องเที่ยวได้ตลอด 24 ช.ม.
----------------------
โฆษก ตร. ชี้ได้เบาะแสใกล้ถึงตัว คนทำแถลงการณ์ปลอมแล้ว ยันผู้จัดทำอยู่เมืองไทย ลั่นหากพบเผยแพร่อีกถูกจับแน่

พลตำรวจโท ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าการติดตามจับกุมตัวผู้จัดทำแถลงการณ์สำนักพระราชวังปลอม ซึ่งถูกเผยแพร่เมื่อค่ำวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ว่า จากการไล่ตรวจสอบเส้นทางที่มาข้อการเผยแพร่แถลงการณ์ดังกล่าว ได้เบาะแสใกล้ถึงตัวคนจัดทำแล้ว ซึ่งมีหลักฐานยืนยันได้ว่าคนจัดทำอยู่ประเทศไทย และมีการพิมพ์แล้ว
แสกนเอกสาร ส่งต่อไปมาทางโซเชียลมีเดียทั้งไทยและต่างประเทศ คาดมีความชัดเจนมากขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ส่วนที่แกนนำเสื้อแดงหลายคนออกมาปฏิเสธว่า นายกฤษณ์ บุดดีจีน อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นผู้

ต้องหาที่จับกุมมาได้ ไม่ใช่ นปช. หรือเป็นแดงเทียมนั้น ยืนยันว่าผู้ต้องหาให้การรับสารภาพเองและจากการตรวจสอบประวัติ หรือเพจของผู้ต้องหารายนี้ มีการเคลื่อนไหวและทำกิจกรรมร่วมกับคน

เสื้อแดงมาตลอด ส่วนตัวผู้ต้องหาขณะนี้อยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ทหารที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ตามกฎอัยการศึก ซึ่งยังไม่สามารถประกันตัวได้

พร้อมกันนี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังกล่าวด้วยว่า หากพบว่าบุคคลใดยังเผยแพร่แถลงการณ์ดังกล่าวอยู่หากตรวจสอบพบจะต้องถูกดำเนินคดี แต่ยอมรับว่าหลังจากที่รู้ว่าแถลงการณ์ดัง

กล่าวเป็นของปลอมส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือและหยุดเผยแพร่ทันที
---------------------------------
โฆษก ตร. เผยเร่งตรวจสอบ CCTV ย้อนหลังหาเบาะแสคนร้าย จับตากลุ่มต้องสงสัย - ลงตรวจ Skywalk เรียกความเชื่อมั่นต่างชาติ

พลตำรวจโท ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าของชายผู้ต้องสงสัยวางระเบิดบริเวณทางเดินเชื่อมรถไฟฟ้า BTS ว่า ผู้ก่อเหตุนั้นน่าจะมีมากกว่า 2 คน และมี

ความชำนาญการพอสมควร เนื่องจากว่าก่อนเกิดเหตุนั้นได้มีการดูลาดเลาก่อนที่จะวางระเบิด ทั้งนี้ ยังไม่ทราบว่าเป็นกลุ่มใดคาดว่าทำเป็นขบวนการ โดยชาย 2 คนอาจจะถูกจ้าง
มาอีกทอดหนึ่ง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เร่งตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดเพื่อมาเปรียบเทียบภาพพื้นที่ว่าผู้ต้องหานั้นมาจากสถานที่ใดรวมไปถึงการตรวจสอบจากลายนิ้วมือของคนร้ายที่ทิ้งร่อง

รอยไว้และเช็กดูประวัติผู้ก่ออาชญากรรมเหตุการณ์ประมาณนี้รายเก่าซึ่งอาจจะย้อนประวัติไปถึง 10 ปี ทั้งนี้ คดีนี้ยากพอสมควร เนื่องจากว่าต้องตรวจสอบหลายอย่างและคาด
ว่าคนร้ายน่าจะยังหลบหนีอยู่ในประเทศไทย

ทั้งนี้ ภายหลังการให้สำภาษณ์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังได้นำตำรวจท่องเที่ยว เดินทางตรวจตราดูแลความปลอดภัยบนทางเดิน Skywalk สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอ็สสยามไปจนถึงสถานีชิดลม

หลังจากเกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยของประชาชนพร้อมทั้งขอความร่วมมือ รปภ.ของห้างสรรพสินค้าในการเฝ้าระวังด้วย
-------------------------
ผบช.น. เผย คืบคดีวางระเบิด คืบไปมากแล้ว ยันคนทำมีมากกว่าสองคนแน่นอน ขอประชาชนให้เบาะแส

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยหลังการประชุมความคืบหน้าร่วมกับเจ้าหน้าที่
ชุดคลี่คลาย คดีลอบวางระเบิดบริเวณด้านหน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งการ
ติดตามตัวผู้ต้องสงสัยตามหมายจับในขณะนี้อยู่ในขั้นดำเนินการ ส่วนชื่อหรือข้อมูลอื่น ๆ ของผู้ต้องสงสัย ยังไม่
สามารถเปิดเผยได้ กรณีการออกหมายจับผู้ต้องสงสัยที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบและสอบปากคำพยาน เชื่อการ
ก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวจะต้องมีผู้ร่วมกระบวนการมากกว่าสองคนแน่นอน

ซึ่งในวันนี้ ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ก็ได้มีการเปิดเผยภาพชายต้องสงสัยที่พบในกล้องวงจรปิดให้กับสื่อมวลชน
เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่พบเห็นผู้ต้องสงสัยดังกล่าวแจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตรวจสอบต่อไป
ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-354-8226

ซึ่งภาพดังกล่าวค่อนข้างชัดเจนเป็นชายรูปร่างสูง สวมเสื้อเชิ้ตสีเหลือง กางเกงยีนส์ ตัดผมทรงสกินเฮด และอีกคน
สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว กางเกงยีนส์ขายาว ผิวสองสี

โดย พล.ต.ท.ศรีวราห์ ยังกล่าวอีกว่า ยืนยันขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่มีการจับกุมผู้ใด มีเพียงการเรียกพยาน และผู้ต้องสงสัย
มาสอบถามข้อมูลเท่านั้น
------------------------
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยัน ยังจับมือวางระเบิดสยามพารากอนไม่ได้ ชี้ แค่กระแสข่าวลือเท่านั้น

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง กล่าวถึงกระแสข่าวเจ้าหน้าที่
มีการรวบตัวผู้ต้องหาคดีวางระเบิด 2 จุด บริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าสยามกับห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ที่ จ.ภูเก็ต
ว่า กรณีดังกล่าวเป็นเพียงกระแสข่าว ขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ที่ถูกออกหมายจับได้ แต่ยืนยันว่าขณะนี้
ชุดสืบสวนกำลังเร่งติดตามตัวคนร้ายอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าจะได้ตัวมาดำเนินคดีอย่างแน่นอน
-------------------------------
ทนายความ นปช. รับมอบหมายจาก "จตุพร" ติดตามคดี หนุ่มปลอมแถลงการณ์ฉบับ 13 ร้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ นปช. เปิดเผย ว่า ในวันนี้ได้รับมอบหมายจาก นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.
ให้มาติดตามคดีและขอพบ นายกฤษณ์ บุดดีจีน ที่ถูกควบคุมตัวไว้ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ หลังถูกกล่าวหาว่า
เผยแพร่เอกสารพาดพิงสถาบันเบื้องสูง ซึ่งตนในฐานะที่เป็นทนายของ นปช. และได้รับการประสานจากญาติของ นายกฤษณ์
เนื่องจากเห็นว่า นายกฤษณ์ ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้ประสานนายทหารพระธรรมนูญติดต่อ เข้าพบ นายกฤษณ์ ในวันนี้
แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพบ โดยนายทหารพระธรรมนูญ ระบุว่า นายกฤษณ์ ถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกไดั 7 วัน พร้อม
ย้ำด้วยว่า สถานการณ์ขณะนี้อยู่ในช่วงการประกาศกฎอัยการศึก จึงถือเป็นกฎหมายหลักที่บังคับใช้

ทั้งนี้ ขอเรียกร้องผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายว่า แม้จะบังคับใช้กฎอัยการศึก แต่ผู้ต้องหาก็ต้องได้รับการคุ้มครองตามหลักสิทธิมนุษยชน
และตามรัฐธรรมนูญกำหนด

ด้าน นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ โฆษก นปช. กล่าวว่า กรณีนี้ควรต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ด้วยว่า เข้าองค์ประกอบความผิดตาม
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ เพราะเป็นการโพสต์จากการแชร์ต่อกันมา แต่กลับเลือกจับกุมตัวเฉพาะ
ผู้ที่เป็นเครือข่ายประสานงานของ นปช. จึงขอให้ผู้เกี่ยวข้องได้ทบทวนอีกครั้งว่า มีเจตนากลั่นแกล้งทางการเมืองกับ
คนเสื้อแดงหรือไม่
//////////
กมธ.พิจารณารายมาตราต่อเนื่อง เห็นตรงกัน ใช้ชื่อหมวด 7 ตามที่เสนอ "การกระจายอำนาจและการบริหารส่วนท้องถิ่น"

บรรยากาศการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ล่าสุด ที่มี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดยจะพิจารณาร่างรัฐ

ธรรมนูญเป็นรายมาตราในภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดีและสถาบันการเมือง หมวด 7 กระจายอำนาจและการปกครองส่วนท้องถิ่น มีทั้งหมด 6 มาตรา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการอภิปรายในส่วนชื่อหมวด

โดยสมาชิกได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่มองไปถึงเรื่องของการใช้ความหมายให้ครอบคลุม

ทั้งนี้ สมาชิกส่วนใหญ่เห็นด้วยที่ให้ใช้ชื่อหมวดตามที่ร่างที่คณะกรรมาธิการฯ เสนอ โดยใช้ชื่อหมวดว่า "การกระจายอำนาจและการบริหารส่วนท้องถิ่น"
----------------------------
กมธ.ยกร่าง พิจารณา ม.1 รัฐต้องเป็นอิสระในการปกครองท้องถิ่น ต้องมีการกระจายอำนาจอย่างทั่วถึงในทุกส่วน 

บรรยากาศการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ล่าสุด ที่มี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดยพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ

เป็นรายมาตราในหมวด 7 กระจายอำนาจและการปกครองส่วนท้องถิ่น และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในมาตรา 1 รัฐต้องเป็นอิสระในการปกครองท้องถิ่น ให้มีการบริหารที่หลากหลายและ

ต้องมีการกระจายอำนาจอย่างทั่วถึงในทุกส่วน และต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม มีการนำความเห็นของ สปช. ที่เสนอว่าควรกำหนดอำนาจหน้าที่ให้ชัดเจน เพิ่มอำนาจให้ประชาชนให้มีส่วนร่วมใน

การบริหาร รวมถึงรัฐต้องกระจายอำนาจ ส่งเสริมให้ประชาชนและท้องถิ่นมีอำนาจในการดูแลตนเอง และการดูแลของรัฐให้ทำเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ให้มีองค์กรระดับชาติในการส่งเสริมการปกครอง

ส่วนท้องถิ่น และความเห็นของ สนช.ที่เสนอให้ รัฐต้องกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นทั้งหมด จัดเก็บรายได้เพื่อบริการที่ดีแก่ประชาชนในชุมชนอย่างทั่วถึง มีอิสระในการกำหนดนโยบายการปกครอง

ท้องถิ่นของตนเองภายใต้แนวนโบายแห่งรัฐ เข้ามาพิจารณา ในที่ประชุมด้วย

นอกจากนี้ สมาชิกเห็นควรให้บัญญัติเรื่องของอำนาจหน้าที่ของรัฐให้ชัดเจนในเรื่องของการปกครองท้องถิ่น

อย่างไรก็ตาม การกำหนดให้องค์ปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำบริการสาธารณะ เพื่อต้องการให้ประชาชนในท้องถิ่นได้บริการที่ตรงตามความต้องการ และสะดวกรวดเร็ว
-------------------
ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ย้ำว่ารัฐธรรมนูญร่างแรกที่จะต้องส่งภายในวันที่ 17 เมษายนนี้ เสร็จทันอย่างแน่นอน พร้อมปฏิเสธว่า นากรัฐมนตรีกดดันการทำงาน ขณะเดียวกัน ต้อง

เร่งเดินหน้าออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญก่อนการเลือกตั้ง

โดยนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่า ไม่ได้กดดันในการทำงาน หลังนายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงผลการประชุมแม่น้ำ 5 สาย ว่า รัฐธรรมนูญอาจจะเสร็จเร็ว

กว่ากำหนด ซึ่งกรรมาธิการยกร่างฯ มั่นใจว่าจะเสร็จทันเวลา แต่อาจมีความเป็นไปได้ ที่จะเสร็จก่อนกำหนด อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถบอกกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนว่าจะยกร่างเสร็จเมื่อใด

เพราะหลังจากร่างแรกที่เสนอต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ 17 เมษายน จะทราบว่าฝ่ายใดจะมาดำเนินการออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญซึ่งต้องทำให้เสร็จก่อนการเลือกตั้งจะมีขึ้น โดยหลังวันที่ 6

ส.ค.ซึ่ง สภาปฏิรูปจะลงมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ จึงจะเดินหน้าออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้

ทั้งนี้ นายบวรศักดิ์ ยังย้ำว่า จะต้องทำประชามติก่อนรัฐธรรมนูญประกาศใช้ แต่ต้องแก้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 ก่อน โดยจะต้องให้ ครม. และ คสช เป็นผู้เสนอร่าง และ สนช. จะทำหน้าที่

พิจารณาให้ความเห็นชอบ ส่วนการเลือกตั้งจะเลื่อนขึ้นมาเร็วขึ้นหรือไม่ ต้องดูหลายปัจจัย ทั้งการทำประชามติ และการออกกฎหมายลูก

(ภาพห้องประชุม สนช.) ขณะที่การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันนี้ มีการพิจารณาวาระสำคัญหลายเรื่อง อาทิ การตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ

และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ประเภทผู้ที่มีผลงาน หรือมีความรู้ และ

ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ทางด้านกฎหมาย แทนตำแหน่งที่ว่าง ร่างพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมการอุทธรณ์ฎีกา) คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
------------
เวทีสานพลังประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย ภาคใต้ตอนบนเริ่มแล้ว "ทัศนา" ปธ.เปิด ปชช.สนใจเข้าร่วมคับคั่ง

บรรยากาศเวทีประชาเสวนาหาทางออก "สานพลังประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย" ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ที่โรงแรมร้อยเกาะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งจัดโดยคณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วม

และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า ล่าสุด ได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยมีตัวแทนของภาคประชาชน

จาก 7 จังหวัด เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ประกอบด้วย ตัวแทนจากจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง ภูเก็ต พังงา และกระบี่ รวมถึงตัวแทนจาก สปช. กรรมาธิการยกร่างรัฐ

ธรรมนูญ สถาบันพระปกเกล้า และสื่อมวลชน จำนวน 350 คน ซึ่งในวันนี้ รศ.ดร.ทัศนา บุญทอง รองประธาน สปช.คนที่สอง ได้เดินทางมาเป็นประธานในการเปิดเวทีเสวนาครั้งนี้
--------------
ประธาน สปช. หารือ ป.ป.ช. แนวทางปฏิรูปโครงสร้างองค์กร อำนาจหน้าที่ รองรับ พ.ร.บ.ประกอบ รธน.ฉบับใหม่ ย้ำไม่ยุบแน่นอน

นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวภายหลังการหารือกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า การหารือในวันนี้เป็นวาระปกติที่ทำ

ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบและเมินผล ป.ป.ช. ซึ่งเป็นการหารือในวาระทั่วไป โดยตนได้มอบหมายให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. หาแนวทางในการปฏิรูปโครงสร้างองค์กร ทั้งอำนาจหน้าที่

และแนวทางการปฏิบัติงาน เพื่อรองรับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะจะต้องมีการประสานงานกับองค์กรอิสระหลายองค์กร แต่ก็เป็นเพียงการวางกรอบเท่านั้น ส่วนราย

ละเอียด ป.ป.ช. จะเป็นผู้คิดทั้งหมด

โดยให้เน้นการแก้ไขการจุดอ่อนเรื่องประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งจะต้องแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการยุบ ป.ป.ช. อย่างแน่นอน เพราะเป็นหน่วยงานทำหน้าที่ใน

การป้องกันและปราบปรามการทุจริต

นอกจากนี้ นายเทียนฉาย ยังกล่าวว่า การหารือกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการประชุมแม่น้ำ 5 สาย ที่มีนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมด้วยแต่อย่างใด
----------------------
"สรรเสริญ" ระบุ หารือ "เทียนฉาย" แค่กรอบแนวคิดเบื้องต้น รอที่ประชุมสรุปอีกครั้งใน 2 ประเด็นหลัก

นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปรายปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงการหารือร่วมกับ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า เป็น

การเข้ามาดูแนวคิดการทำงานของ ป.ป.ช. ว่าเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ เป็นเพียงข้อเสนอและหารือกันเท่านั้น ส่วนรายละเอียดยังไม่ชัดเจน ต้องรอให้กรรมการ ป.ป.ช. คุยกันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งประเด็นหลักที่คุยจะเป็นการปฏิรูป 2 ส่วน คือ การอนุวัฒน์กฎหมาย

ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันการทุจริต (UNCAC) ที่ประเทศไทยจะต้องทำอย่างจริงจัง และแก้ไขกฎหมายนี้ อีกส่วนคือการเพิ่มประสิทธิภาพ หากเราไม่ได้เสนอตอนนี้
ก็ต้องเสนอตอนฉบับที่แก้ไข ซึ่ง ป.ป.ช. มองว่าเป็นอุปสรรคและชะลอประสิทธิภาพ
--------------------
"ถวิลวดี" หวังได้รับฟังความคิดเห็นที่แท้จริงของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อเป็นประโยชน์ สำหรับการยกร่าง รธน.

นางถวิลวดี บุรีกุล กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และประธานอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน กล่าวภายในการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออก สานพลัง

ประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย ที่ โรงแรมร้อยเกาะจังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่า ในวันนี้คาดหวังที่จะได้รับฟังความคิดเห็นที่แท้จริงของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งประเด็นต่าง ๆ ก็คงจะมีทั้งที่

เหมือนกันและต่างกันกับเวทีอื่น ๆ ในพื้นที่อื่นที่ได้จัดมาก่อนหน้านี้ และเชื่อว่าบรรยากาศของการเสวนาในครั้งนี้จะเป็นไปด้วยความคึกคักเนื่องจากพื้นฐานของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้นั้นได้มี

ความสนใจในเรื่องของการเมืองอยู่แล้ว จึงขอให้ประชาชนที่เข้าร่วมงานแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ และเมื่อมีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญรายมาตราเสร็จสิ้นในช่วงเดือนเมษายน ก็จะมีการเปิดเวที

รับฟังความเห็นอีกครั้ง เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน พร้อมทั้งสอบถามความพอใจรวมถึงข้อเสนอแนะที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไรบ้าง
---------------------
ที่ประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พิจารณาเป็นรายมาตราต่อเนื่อง โดยวันนี้พิจารณาหมวด7 การกระจายและการบริหารท้องถิ่น ซึ่งรัฐจะต้องให้ความเป็นอิสระแก่องค์กรบิหารท้องถิ่น

ตามหลักแห่งการปกครองตนเอง ขณะเดียวกัน สนช. มีมติเห็นชอบให้ร่าง พรบ.สวนป่า ประกาศใช้เป็นกฎหมาย  พลเอกเลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงความ

คืบหน้าการพิจารณาร่างบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญรายมาตราของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งวันนี้พิจารณาตั้งแต่หมวด7 การกระจายอำนาจและการบริหารท้องถิ่น โดยรัฐต้องให้ความ

เป็นอิสระแก่องค์กรบริหารท้องถิ่นตามหลักแห่งการปกครองตนเองตามเจตนารมณ์ของประชานในท้องถิ่น โดยมีรูปแบบองค์กรท้องถิ่นที่หลากหลาย เหมาะสมกับการบริหารจัดการตามภูมิสังคม

แต่ละพิ้นที่ รวมทั้งต้องกระจายอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ และต้องส่งเสริมให้องค์กรบริหารท้อวถิ่นเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำบริการสาธารณะ ตลอดจนให้ประชาชนมีส่วนร่วมใน

การร่วมตัดสินใจแก้ปัญหาในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ การจัดทำบริการสาธารณะใดที่ชุมชน หรือบุคคล สมารถดำเนินการได้โดยมีมาตรฐาน คุณภาพ และ

ประสิทธิภาพไม่น้อยกว่าองค์กรบริหารท้องถิ่น รัฐหรือองค์กรบริหารท้องถิ่น ต้องกระจายภารกิจ ภายใต้การกำกับดูแลที่เหมาะสม

ขณะที่การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ล่าสุด ได้ให้ความเห็นชอบประกาศใช้เป็นกฎหมายด้วยมติ 185 ต่อ 2 งดออกเสียง 5 เสียง ในร่างพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะ

กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยร่างกฎหมายนี้ กำลังถูกต่อต้านอย่างหนักจากกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยาง เนื่องจากในร่างได้กำหนดให้การตัด โค่น และเคลื่อนย้ายไม้ยางพารา จะต้องได้

รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ก่อน จากเดิมที่กฎหมายไม่ได้บังคับเอาไว้ โดยสมาชิกอภิปรายเน้นประเด็นการกำหนดให้ลดอัตราโทษผู้ที่ทำสวนกระทำการฝ่าฝืน แจ้งบัญชีการทำสวนเป็นเท็จ

/ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เตรียมจัดโครงการสัมมนา เรื่องหลักการใหม่เกี่ยวกับระบอบการเมือง นักการเมือง และสถาบันการเมือง ในวันที่ 16กพ.
----------------------
พล.อ.เลิศรัตน์ เผย ยกร่างหมวดผู้นำทางการเมือง และกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น คาดได้ข้อสรุปในวันพรุ่งนี้

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ที่ปรึกษาและโฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยความคืบหน้า การดำเนินการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยในวันนี้เป็นการพิจารณารายมาตราภาค 2 ผู้นำการ

เมืองที่ดี และสถาบันการเมือง ในหมวด 7 เรื่องการกระจายอำนาจและการบริหารท้องถิ่น ซึ่งการประชุมตลอดทั้งวัน คณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาเสร็จสิ้นในมาตรา 1 ที่ระบุว่า รัฐต้อง
ให้ความเป็นอิสระแก่องค์กรบริหารท้องถิ่นตามหลักแห่งการปกครองตนเองตามเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถิ่น โดยให้มีรูปแบบองค์กรบริหารท้องถิ่นที่หลากหลาย เหมาะสมกับการบริหาร

จัดการตามภูมิสังคมแต่ละพื้นที่ รวมทั้งต้องกระจายอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบและต้องส่งเสริมให้องค์กรบริหารท้องถิ่น เป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำบริการสาธารณะ ตลอดจน
ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจแก้ปัญหาในพื้นที่

อย่างไรก็ตาม ในมาตรา 2 เรื่องอำนาจหน้าที่ของการบริหารท้องถิ่น คาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันพรุ่งนี้
///////////////////
เคลื่อนไหวนายกฯ

นายกฯ เยือน ญี่ปุ่น กระชับความสัมพันธ์ ผลักดันร่วมมือทางเศรษฐกิจ ย้ำ นักธุรกิจญี่ปุ่น ไม่ได้กดดันคืนประชาธิปไตย

ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงกำหนดการเยือนญี่ปุ่น ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี และภริยา ระหว่างวันที่ 8-10 กุมภาพันธ์ 2558 ตามคำเชิญ นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น โดย
สำนักพระราชวังญี่ปุ่น ได้จัดให้คณะเข้าเฝ้ามกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่นอีกด้วย ซึ่งการเยือนครั้งนี้ จะเป็นการกระชับความ
สัมพันธ์ทั้งในระดับราชวงศ์ ประเทศชาติ และประชาชน

ทั้งนี้ การเดินทางเยือนญี่ปุ่น ในครั้งนี้ เพื่อผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจที่สำคัญกับญี่ปุ่น คือ การพัฒนาความร่วมมือ
ด้านระบบรางของไทย การพัฒนาโครงการทวาย และการส่งเสริมการค้าและการลงทุน ให้เกิดความคืบหน้าเป็นรูปธรรม
รักษาดุลยภาพของความสัมพันธ์กับทั้งจีนและญี่ปุ่น เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อภาคส่วนต่าง ๆ ของญี่ปุ่น ซึ่งมีความ
สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทย รวมทั้งต่อประชาคมระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี จะร่วมหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และจะได้หารือกับประธานกลุ่มมิตรภาพรัฐสภา
ญี่ปุ่น-ไทย การพบปะกับภาคเอกชนของญี่ปุ่น คือ ประธานและผู้บริหารระดับสูงของสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น เคดันเรน
ที่กรุงโตเกียว ประธานและผู้บริหารระดับสูงขององค์กรเศรษฐกิจที่สำคัญในเขตคันไซ ที่นครโอซากา รวมถึงประธาน
และผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต่างๆ ในญี่ปุ่น เช่น ฮอนด้า และ มิตซุย

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า กลุ่มนักธุรกิจได้ออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี คืนประชาธิปไตยให้กับประชาชน โฆษก
ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นความเข้าใจที่คาดเคลื่อน ซึ่งกลุ่มนักธุรกิจที่ได้เข้าพบกับนายกรัฐมนตรี ไม่ได้
มีการพูดคุยในเรื่องนี้ และได้ชื่นชมเสถียรภาพทางการไทย ที่เป็นอยู่ในขณะนี้อีกด้วย
---------------------
"ยงยุทธ" เผย ทูตพิเศษจีน เข้าใจสถานการณ์ไทย ร่วมผลักดันเส้นทางรถไฟซื้อสินค้าเกษตร กระชับความสัมพันธ์ 40 ปี

ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลัง นายเมิ่ง เจี้ยนจู้ กรรมการกรมการเมืองกลางพรรคคอมมิวนิสต์ เลขาธิการฝ่ายกฎหมายและการเมืองส่วนกลางของจีน ใน

ฐานะทูตพิเศษของ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสมาเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 4-8 กุมภาพันธ์ โดยนายกรัฐมนตรี ได้มี

การพูดคุยเพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านต่าง ๆ พร้อมจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ฝากความปรารถนาดีไปยัง นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีจีน ได้ฝากความประทับใจครั้งนายกรัฐมนตรีไปเยือนจีนด้วยเช่นกัน นอกจากนี้จีน

พร้อมเดินหน้าในการพัฒนาในเรื่องของรถไฟ พลังงาน เศรษฐกิจ และการศึกษา พร้อมผลักดันเส้นทางรถไฟ และซื้อสินค้าเกษตรทั้งข้าวและยางพารา

อย่างไรก็ตาม จีนมีความเข้าใจสถานการณ์ในประเทศไทย พร้อมชื่นชมการทำงานของรัฐบาลในการดำเนินการตามโรดแมป และไม่ได้มีการพูดถึงสถานการณ์ความรุนแรงของโลก
-------------------------------------
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติเห็นชอบ 185:2 ให้ร่างพระราชบัญญัติสวนป่า ประกาศใช้เป็นกฎหมาย

การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ล่าสุด ได้ให้ความเห็นชอบประกาศใช้เป็นกฎหมายด้วยมติ 185 ต่อ 2 งดออกเสียง 5 เสียง ในร่างพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... ที่คณะ

กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยร่างกฎหมายนี้ กำลังถูกต่อต้านอย่างหนักจากกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยาง เนื่องจากในร่างได้กำหนดให้การตัด โค่น และเคลื่อนย้ายไม้ยางพารา
จะต้องได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ก่อน จากเดิมที่กฎหมายไม่ได้บังคับเอาไว้

โดยสมาชิกอภิปรายเน้นประเด็นการกำหนดให้ลดอัตราโทษผู้ที่ทำสวนกระทำการฝ่าฝืน แจ้งบัญชีการทำสวนเป็นเท็จ จากนั้น เข้าสู่การพิจารณากระทู้ถาม เรื่องปัญหาความขัดแย้งระหว่าง

กระทรวงสาธารณสุข และ สปสช. นายเจตน์ ศิรธรานนท์ เป็นผู้ตั้งถาม ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเรื่องที่เลื่อนมาจากการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2558
วันศุกร์ที่ 16 มกราคม 2558

ทางบังคับ “ต้องเดิน”ไปสู่สถานการณ์แตกหัก : เอาไม่อยู่ ไทยพัง!


***ทางบังคับ “ต้องเดิน”ไปสู่สถานการณ์แตกหัก : เอาไม่อยู่ ไทยพัง!***
ระอุ อย่างที่คาดการณ์ไว้
ตามปรากฏการณ์ที่ทหารได้เชิญตัวนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ แกนนำพรรคเพื่อไทย เข้าพบ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย
จากการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ “ยุติธรรม 2 มาตรฐาน”
เช่นเดียวกับรายของนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ ที่เคลื่อนไหวในเชิงต่อต้าน ก็โดนทหารบุกเชิญตัวคาร้านอาหาร
และยังรวมไปถึงนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีต รมช.พาณิชย์ แกนนำคนสำคัญของกลุ่มเสื้อแดง นปช.ก็โดนทหารเรียกตัวเข้าทำการปรับทัศนคติ
ซึ่งก่อนหน้านั้น คนที่โดนคิวแรกเลยก็คือนายสิงห์ทอง บัวชุม อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. หนึ่งในทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ที่ถูกเรียกเข้าค่ายทหาร
ฐานเปิดโพยเบื้องหลัง ออกมาระบุเลยว่า คสช.ได้ขอความร่วมมือไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค
คนของพรรคเพื่อไทยโดนข้อหา “ลองของ” ไปตามๆกัน
แต่ที่ระทึกกว่านั้น ก็คือคิวของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่มีกระแสข่าวว่า โดนทหารบุกถึงบ้าน
เพื่อขอความร่วมมือแกมบังคับให้หยุดปลุกระดมผ่านโซเชียลมีเดีย
รุกเข้าใกล้ “กล่องดวงใจ” ของ “นายใหญ่” เข้าไปทุกที
ทหารลุยบล็อกเครือข่าย “ทักษิณ” แบบถึงลูกถึงคน
ตามสัญญาณที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ออกมาพูดชัด จะยกระดับความเข้มข้นจากเบาไปหาหนัก
สถานการณ์มาถึงจุดหักดิบกันแล้ว
โดยปรากฏการณ์อันมีผลสะท้อนมาจากกรณีที่สภานิติ-บัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติถอดถอนอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์จากปมปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว
ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมรุนแรง ไม่ใช่แค่สถานการณ์ ปั่นป่วนภายในประเทศจากฝ่ายสนับสนุนอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์เท่านั้น มันยังก่อแรงเสียดทานจากภายนอกประเทศพุ่งเข้าใส่รัฐบาลทหาร
กระตุกฉาก “โลกล้อมประเทศไทย”
ตามจังหวะที่นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก เดินทางเยือนประเทศไทย
เจาะจงเลือกช่วงเกิดเหตุถอดถอนพอดิบพอดี
และก็ชัดเจนเข้าไปใหญ่ เมื่อมีการส่งเทียบเชิญให้อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์เข้าพบ ณ สถานทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย เพื่อขอทราบเหตุผลชัดเจนในกระบวนการถอดถอน
ก่อนที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯจะป่าวประกาศให้ได้ยินไปทั่วโลก
เชื่อว่าการถอดถอนอดีตนายกฯหญิงของไทยมีการแทรกแซงทางการเมือง และน่าเป็นห่วงว่าจะกระทบกระบวน การปรองดอง
อีกทั้งยังเรียกร้องให้รัฐบาลทหาร คสช.ยกเลิกกฎอัยการศึกอีกต่างหาก
ในขณะที่อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ก็ได้ทีซัดลูกตามน้ำ ด้วยการโพสต์แถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวทำนองว่า ประชาธิปไตยของประเทศไทยตายแล้ว
แนวโน้มพี่เบิ้มสหรัฐฯโดดถือหางฝ่ายอดีตนายกฯหญิงของไทย
เพิ่มน้ำหนักกดดันรัฐบาลทหารในเวทีโลก
ในอารมณ์ซีเรียสๆที่เห็นได้จากอาการของพลเอก ประยุทธ์ เล่าให้ที่ประชุม ครม.ฟังเกี่ยวกับข้อมูลบางส่วนที่เสนอต่อสังคมทำให้เข้าใจผิดว่าสหรัฐฯกดดันไทย
ก่อนออกมาแถลงข่าวตอบโต้อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ยืนยันประเทศชาติเป็นประชาธิปไตยกว่าปกติด้วยซ้ำ และไม่มีวันตาย
แถมยังขู่ออกอากาศกันซึ่งๆหน้า
“อดีตนายกฯจะเดินทางไปต่างประเทศ ถ้าศาลไม่ให้ไป หรือห้ามออกนอกประเทศ ก็ต้องเป็นไปตามนั้น ถ้าใครหนีกฎหมายออกไป ก็คงกลับมาอีกไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง”
ต่อเนื่องด้วยการเทกแอ็กชั่นแรงๆทางการทูต
รัฐบาล คสช.ได้มีการสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศเรียกนายแพทริค เมอร์ฟี อุปทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้ามาชี้แจง และแสดงความไม่พอใจที่ถูกแทรกแซงกิจการภายใน
ตอกกลับแบบไม่กลัวพญาอินทรี ไม่สนพี่เบิ้มจะเป็นมหาอำนาจโลก
ซึ่งนั่นก็มีสัญญาณข้ามโลกมาทันที ตามบทที่นางเจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงถึงการซ้อมรบคอบบร้าโกลด์ระหว่างกองทัพไทยกับสหรัฐฯ ปีนี้ก็จะมีขึ้นเหมือนที่ผ่านมา
แต่ว่าระดับความร่วมมือได้ลดลง โดยเหลือเพียงภารกิจด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาสาธารณภัยเป็นหลักเท่านั้น
ปล่อยมาตรการแบนกันทันควันในเบื้องต้น
โดยแรงตกกระทบจากกรณีการถอดถอนอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์กระตุกแรงกระเพื่อมภายในประเทศ และยังลามไปถึงปมการเมืองระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเหตุการณ์ที่คาดการณ์ได้ล่วงหน้าอยู่แล้ว
แววมีมาตลอด ถ้าเปิดเกมหักดิบกันเมื่อไหร่ ฝ่ายที่เสียไม่มีทางยอมแต่โดยดีแน่
แต่ทั้งหมดทั้งปวง ด้วย “เส้นทางบังคับต้องเดิน” ประเมินตามปรากฏการณ์เสียงถอดถอนอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ที่พุ่งทะลุเพดานขึ้นไปถึง 190 เสียง
ตัวเลขออกมาเหนือการคาดหมาย
บ่งบอก “ธง” สัญญาณไปในทิศทางเดียวกัน
มันก็ชัดเจนว่า คสช.ตัดสินใจตามเส้นทางที่ไหลไปเข้าทางฝ่ายต้านระบอบ “ทักษิณ”
เพราะไม่เช่นนั้นก็จะทำให้สูญเสียแนวร่วมฝ่ายเดียวกัน ทั้งเครือข่ายม็อบ กปปส. แนวร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ และทีมงานพรรคประชาธิปัตย์
ไม่กลัวขัดใจพรรคเพื่อไทยและแนวร่วมเสื้อแดง นปช.ที่ยังไงก็ไม่เป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว
แน่นอนเมื่อ คสช.ตัดสินใจอย่างนี้ ตามจังหวะก็ต้องเปิดไฟเขียวหมด
ด้วยยุทธการเคลียร์กันด้วยกระบวนการทางกฎหมายจะใส่เกียร์ห้า เหยียบคันเร่งเดินหน้าเต็มตัว
คดีของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์และเครือข่ายพรรคเพื่อไทยที่จ่ออยู่ในขั้นตอนของ สนช.รวมไปถึงองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อีกเกือบสิบคดี
จะพาเหรดเดินหน้าเข้าสู่จุดหักดิบ
ซึ่งนั่นก็แทบจะแหงหวยล่วงหน้าได้ สำหรับฝ่ายที่ตกเป็น “จำเลย” มีแต่เจ๊งกับเจ๊า
ชะตากรรมสุดท้ายไม่เหนือการคาดเดา
และตามฟอร์มเลย ฝ่าย “ทักษิณ” ที่ยืนกรานเชื่อมั่นในกฎหมาย แต่ไม่เชื่อมั่นในกระบวนการตัดสิน
ยังไงก็ไม่ยอมรับยุติธรรมสองมาตรฐาน
โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์อำนาจพิเศษ ก็ยิ่งมีเหตุให้ฝ่ายที่อยู่ขั้วตรงข้ามกับฝ่ายถืออำนาจ แสดงอาการหวาดระแวงฝ่ายจ้องขุดรากถอนโคน
ซึ่งมันก็จะลามเป็นหัวเชื้อ จุดชนวนความรุนแรง
โดยเงื่อนไขมันก็หนีไม่พ้นวนย้อนกลับไปหนังม้วนเก่า ในฉากเผาบ้านเผาเมืองเมื่อปี 2553
ตามท้องเรื่องที่ฝ่ายพ่ายแพ้ไม่ยอมรับอำนาจของรัฐบาลที่มีท็อปบูตคุมเกมอำนาจอยู่เบื้องหลัง ตั้งแง่ปฏิเสธกระบวนการใช้องค์กรอิสระจัดการทางกฎหมายกับฝ่ายทักษิณ
ผลก็คือบ้านเมืองพังหมดทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม
ประเทศเกือบล่มจม ฟุบยาวมาจนถึงวันนี้
อย่างไรก็ดี แม้ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนเกมถอดถอนอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์จะทำให้ฉากหนังวนย้อนกลับไปฉายหนังม้วนเก่า
แต่มันก็มีจุดที่ต่างกันออกไป ตรงที่ยุคนั้นเป็นรัฐบาลพลเรือนนอมินีที่ใช้อำนาจแบบครึ่งๆกลางๆ
แต่รอบนี้ทหารออกหน้าเล่นเองเต็มตัวในสถานะของรัฐบาล คสช.
และตามปรากฏการณ์ก็สะท้อนให้เห็นว่า มีการเตรียมการมาอย่างดี โดยเฉพาะมีการใช้หนังตัวอย่างความปั่นป่วนวุ่นวายเมื่อปี 2553 เป็นโมเดลตัวตั้ง
แล้วเดินยุทธศาสตร์ปิดช่องโหว่ ไม่ให้ซ้ำรอย
ที่เห็นความแตกต่างชัดๆ ก็คือเมื่อปี 2553 เหตุเกิดแล้ว รัฐบาลภายใต้การสนับสนุนของกองทัพค่อยประกาศกฎ อัยการศึกเข้าควบคุมสถานการณ์
ซึ่งไม่ทันกาล ความสูญเสียเกิดขึ้นไปแล้ว
แต่แนวโน้มรอบนี้ ก็อย่างที่เห็นตั้งแต่วันล็อกห้อง
ล็อกหัวโจกคู่ขัดแย้ง ประกาศยึดอำนาจการปกครองเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ปี 2557
รัฐบาล คสช.ยังคงลากยาวการประกาศกฎอัยการศึก
ยึดเป็น “กระบองยักษ์” ในการกำราบพวกป่วน
และก็อย่างที่เห็นกับการเรียกพวกมีพฤติกรรมท้าทายเข้าค่ายปรับทัศนคติทันทีที่มีรายการท้าทาย อำนาจท็อปบูตในห้วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ตัดตอนก่อนขยายผลบานปลาย
แต่แน่นอน ถ้าแนวรบสุดท้ายคือกองทัพโดดมาคุมเกมกันเข้มแบบนี้แล้ว ยังเอาไม่อยู่
เกิดปรากฏการณ์ลุกฮืออีกเมื่อไหร่
เมื่อนั้นจะเกิดความรุนแรงแบบที่ประเมินไม่ได้
เสี่ยงประเทศไทยพัง.
“ทีมการเมือง”


"ตู่"รับมือแชร์แถลงการณ์เป็น นปช.

ในที่สุด“ตู่ จตุพร” ยอมรับผ่านช่อง PeaceTV มือโพสต์แถลงการณ์ปลอม เป็น นปช. สั่งทีมทนายดูแล

“ตู่ จตุพร” จ้อผ่านช่อง Peace TV ยอมรับมือโพสต์แถลงการณ์ปลอม เป็น “นปช.” สั่งทีมทนายดูแล หลังโลกออนไลน์แชร์ภาพจับผิดหนุ่มเพชรบูรณ์มือโพสต์ใกล้ชิด “เพื่อไทย-เสื้อแดง”
วันนี้ (5 ก.พ. 58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวผ่านรายการ “มองไกล” ทางช่อง Peace TV ว่าจากการตรวจสอบยอมรับว่านายกฤษณ์ บุดดีจีน เป็นแนวร่วม นปช.จริง จึงได้มอบให้นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ นปช.ไปดูเรื่องนี้แล้ว
ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ นปช.เปิดเผยว่าได้รับมอบหมายมาจากนายจตุพร เพื่อให้การช่วยเหลือทางด้านคดีแก่นายกฤษณ์ ผู้ต้องสงสัยเป็นมือโพสต์ในคดีนี้ ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) ในฐานะทนายความ โดยเวลา 13.00 น. ตนพร้อมทีมทนายความของ นปช.จะเดินทางไปเยี่ยมนายกฤษณ์ การสอบสวนก็จะต้องเข้าร่วมสอบสวนด้วย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานกับเจ้าหน้าที่ทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 6 ชั่วโมงก่อนหน้านี้แกนนำคนเสื้อแดง เช่น นายจตุพร นางธิดา ถาวรเศรษฐ รวมทั้งนายก่อแก้ว พิกุลทอง ออกมาปฏิเสธตรงกันว่าไม่ใช่คนเสื้อแดง โดยเฉพาะนายจตุพรแสดงความแปลกใจและตั้งข้อสังเกตต่างๆ นานา เช่น มีตำแหน่งรองประธาน นปช.เพชรบูรณ์ จริงหรือ
อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งช่วงค่ำคืนโลกออนไลน์ เผยแพร่ภาพถ่ายนายกฤษณ์จากเฟซบุ๊กและเว็บไซต์กวีคนเสื้อแดง พบว่ามีการถ่ายภาพคู่กับแกนนำเสื้อแดงและอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคน ทั้งบนเวทีและสถานที่ต่างๆ หนึ่งในนั้นมีทั้งนายจตุพร และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ล่าสุดก็มีการเผยแพร่ภาพนายกฤษณ์ในเสื้อพรรคเพื่อไทย ถ่ายระหว่างช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หาเสียง
ขณะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ในฐานะคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ เพื่อดำเนินการในขั้นตอนการสอบสวนซักถาม อาจใช้เวลาระยะหนึ่งไม่เกิน 7 วัน เนื่องจากเป็นคดีที่ละเอียดอ่อน มีผลกระทบต่อจิตใจคนไทย ดังนั้น เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังและใช้เวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้ได้ตัวผู้ที่กระทำผิด และผู้เกี่ยวข้องมาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย
ส่วนสถานที่ควบคุมตัวยังไม่มีข้อมูล ถือเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ แต่มั่นใจทางเจ้าหน้าที่ดูแลให้อย่างเหมาะสม เหมือนกรณีอื่นๆที่ผ่านมา ซึ่งถ้ายังไม่มีการแจ้งข้อหาใดๆ ก็จะไม่มีการปฏิบัติต่อผู้ถูกควบคุมในลักษณะของผู้ทำความผิดตามแนวทางปกติที่ผ่านมา


เผานักบินจอร์แดนจัดฉาก?

วันที่ 3 ก.พ.58 แฉ..ปาหี่แหกตาคนทั้งโลก คลิปเผาตัวประกันนักบินจอร์แดน ขั้นเทพขนาดหนังฮอลีวู๊ด
Cr:แฉ..ความลับ @ เสธ นํ้าเงิน
ปี 2559 งบประมาณที่อเมริกา ตั้ง เอาไว้ใช้ต่อสู้กับกลุ่ม IS คือจำนวนมหาศาลถึง 2.9 แสนล้านบาท...เงินจำนวนนี้ คือ เงินซื้ออาวุธจากบริษัท ยิวไซออนิสต์ นี่เฉพาะงบจัดการกลุ่มนักรบ IS ในซีเรีย และอิรัก ยังไม่รวมงบประมาณที่ ยูเครน แอฟริกา เอเซีย และอีกหลายชาติ ที่อเมริกา เข้าไปหนุนก่อการร้ายประเทศต่างๆ
** ความเดิมตอนที่แล้ว แฉ ประเทศหัวหน้าใหญ่องค์กรก่อการร้ายสากลทั่วโลก คลิ๊กที่https://www.facebook.com/topsecretthai/posts/316947431828624
ก็เลยทำให้เศรษฐกิจอเมริกาล่มสลาย แต่ปากแข็ง คุยโว จนแล้วไม่เจียม ต้องทำ QE ทางการเงิน พิมพ์เงินกระดาษเพิ่ม โดยไม่ต้องมีทองคำสำรองค้ำประกัน รอบแล้วรอบเล่า เพราะทองคำอเมริกาไม่เหลือหรอแล้ว องค์กรนานาชาติไหนขอตรวจก็ไม่ยอม มีหนี้สาธารณะ 96 % ของ GDP ประเทศ และเป็นหนี้สินต่างชาติกว่า 590 ล้านล้านบาท
เดือนธันวาคม 2557 นายโมอัซ อัล-คัสซัสเบห์ นักบินรบหนุ่มวัย 26 ปี จากกองทัพอากาศจอร์แดน ที่ถูก กลุ่มนักรบ IS โจมตีจนเครื่องบินรบตกลงในหนองน้ำ ประเทศซีเรีย ต่อมากลุ่มนักรบ IS ได้ยื่นข้อเสนอถึงทางการจอร์แดนขอแลกตัวประกันกับนักโทษหญิง ซาจิดา อัล-ริชาวี มือระเบิดหญิงของ กลุ่มนักรบ IS ที่จอร์แดนคุมขังไว้
มีการขีดเส้นตายภายในเย็นวันที่ 29 มกราคม 2558 ที่ผ่านมา โดยเจรจาผ่านผู้นำชนเผ่า แต่ล้มเหลว เพราะทางการจอร์แดน ยื่นเงื่อนไขขอพิสูจน์จากกลุ่ม IS ว่า ตัวประกัน ยังมีชีวิตอยู่จริงหรือไม่ แต่จากนั้นไม่นานกลุ่ม IS ก็ได้ฆ่าตัดคอ ตัวประกันญี่ปุ่น 2 คน ซึ่งถูกจับตัวไป การเจรจาทั้งหมดล้มเหลวไม่เป็นท่า
วันนี้มีเรื่องช็อคโลก เมื่อกลุ่ม IS ได้สังหารตัวประกัน นักบินจอร์แดน ด้วยการ ให้เขาถูกขังอยู่ในกรงเหล็ก ก่อนจะถูกจุดไฟ "เผาทั้งเป็น" เปลวเพลิง ลุกท่วมทั่วร่างกาย ซึ่งเป็นวิธีการที่ต่างจากตัวประกันรายอื่น ๆ ของกลุ่ม IS ที่ถูกสังหารด้วยการฆ่าตัดคอไปก่อนหน้า
จอร์แดนได้ตอบโต้โดย นำนักโทษประหารที่เป็นนักรบจีฮัด ในเรือนจำจอร์แดน 5 คน ย้ายไปยังเรือนจำในกรุงอัมมาน ที่มีแดนประหารแล้วตาต่อตาฟันต่อฟันระหว่างกัน , ประธานาโอบามา ผู้นำอเมริกา ประกาศสร้างภาพส่วนหนึ่งว่า "... รัฐบาลของเรา และพันธมิตร จะอุทิศทุกสรรพกำลังที่จะหาจุดซ่อนตัวประกันอื่นๆ ที่ถูกกลุ่มสุดโต่งจับกุมไว้ในเขตรัศมีของซีเรียและอิรัก"
เหตุผลที่โอบามา ประกาศแบบนี้ก็เพื่อหาทางใช้เงิน 2.9 แสนล้านบาท งบสำหรับงาบค่าจัดซื้ออาวุธ โดยอ้างว่าเอามาจัดการกลุ่ม IS นั่นเอง ช่วงกลุ่ม IS ปล่อยคลิปเผาตัวประกันนั้น การข่าวคือ บุคคลระดับสำคัญสูงสุดของจอร์แดน บินไปอเมริกาพอดี พร้อมกับได้ความช่วยเหลือในรูปแบบอาวุธมูลค่าราว 6 หมื่นล้านบาท จากอเมริกาปลอบขวัญเผาตัวประกัน
-------------------------------->
ใครได้ดูคลิปวิดีโอ การเผาสังหารตัวประกันนักบินจอร์แดนฉบับเต็มๆ จะพบความผิดปกติอย่างมาก เพราะมุมกล้องแต่ละช็อต ตั้งแต่ตัวประกันเดินมา แหงนมองไปบนท้องฟ้า มันดร่ามาบีบคั้นอารมณ์เหลือกัน มีฉากซากตึกปรักพังอ้างว่าโดนถล่มด้วยระเบิด แต่ถ้าสังเกตุดีๆ กำแพงโดยรอบ กลับใหม่เอี่ยมอ่อง ไม่มีร่องรอยจากการโดนระเบิดสักนิด
ฉากต่อมามีนักรบ IS ยืนเรียงแถว โดยมีกล้องคุณภาพเลิศ จับภาพถ่ายทำอยู่หลายตัว หลายมุมมาก ทั้งมุมสูง และมุมต่ำ การโคลสอัพกล้อง ผ่านไหล่นักรบ การซูมกล้องผ่านช่องลำตัว ชุดที่นักรบ IS ใส่ มันชุดคล้ายลายผ้าของหน่วยซีลของอเมริกา วิธีการจับถือปืน วิธีการจัดวางกำลัง ในวันเผาสังหาร การเขียนสคริป ละเอียดละออ มีคนเขียนบท และวางเสต็ปเฟรมแต่ละช็อต
มีการจัดฉาก แสง สี เสียง การใช้รางเลื่อนในการควบคุมกล้องถ่ายทำ ถ้านักรบ IS ภาคสนามตัวจริง พวกเขา จะใช้เพียงกล้องจากมือถือ หรือกล้องแบกบ่าประทับไหล่ ภาพที่ออกมาก็จะเหมือนกับภาพข่าวช่วงหัวค่ำของไทย คือ ภาพไม่นิ่ง...แต่นี่เขาเล่นตั้งกล้องกับพื้นทุกตัว แถมอยู่บนรางเลื่อนซะด้วย..ภาพเลยออกมานิ่งสนิท
การตัดต่อภาพ...ขอบอกว่า ระดับฮอลิวู๊ดโน่นเลย ..เพราะมันโครตๆ เทคนิคจริงๆ ต้องกระทำการตัดต่อในสตูดิโอ ระดับที่ทันสมัยสุดๆ เท่านั้น จึงจะได้ภาพออกมาขนาดนี้ ต้องซูฮก ว่ามันขั้นเทพมากๆ ใครเคยดูหนังฝรั่งจากฮอลีวู๊ดบ่อยๆ ก็จะจับเทคนิค พวกหนังตัวอย่างไตเติ้ลเขาได้ นี่มันเทคนิคโปรดักชั่นเดียวกันเลย
กลุ่มนักรบ IS ธรรมดา ไม่มีทางจะมีผู้เชี่ยวชาญถ่ายทำฉาก และตัดต่อภาพขนาดนี้ได้ "เสร็จภายในไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น"..เผาประหารปุ๊บ ผ่านมาอึดใจคลิปออกซะแล้ว มันสุโค่ยที่สุด ถ้ากลุ่ม IS ถ่ายทำภาพยนต์ได้เร็วขนาดนี้ เขาไม่ต้องไปรับจ้างรบกับใครให้เมื่อยที่ตะวันออกกลางหรอกเพราะแค่เขายึดอาชีพถ่ายทำภาพยนต์มาแข่งฮอลีวู๊ด เขาก็รวยอื้อกว่าการรบในสมรภูมิแบบไม่รู้เรื่องแล้ว
ที่บอกมานี้ ไม่ได้พูดเรื่องเผาจริงหรือไม่ อาจตายจริงก็ได้ แต่แทงหวยว่า มีจัดฉากโปรดักชั่นถ่ายทำ เตรียมการมาอย่างดีแน่นอน คนทำแบบนี้ได้มีประเทศเดียวเท่านั้นในโลกนี้..นักรบการปฏิบัติการครั้งนี้ คือ " นักรบ IS ฮอลีวู๊ด" แห่งอเมริกา..นายแน่มาก !!
** ก่อนที่จะคอมเม้นท์ใดๆ ลองไปดูในคลิปที่สองจากด้านบน และคิดให้หนักๆ ว่าเคยเห็นไตเติ้ลหนังแบบนี้ที่ไหน..คลิ๊กไปที่ http://shoebat.com/…/watch-horrific-video-isis-burning-pow…/
-------------------------------->
ยังมีหลายคนที่เสพสื่อยิวไซออนิสต์มาก ไม่เชื่อว่าอเมริกา คือ เจ้าของนักรบ IS เพราะตามที่เคยบอกไว้นั้น นักรบ IS จะมีสองสาย คือ สายรับจ้างจากอเมริกา กับอีกสายเป็นคนในท้องถิ่นเอง ที่ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับอเมริกา งั้นเอาภาพหลักฐานเต็มๆ มาให้ดูเลย ว่ามันใช่ " นักรบ IS ฮอลีวู๊ด" จริงหรือไม่
ภาพที่ 1..คือทหารอเมริกัน ฝึกการรบและยิงปืนให้นักรบ IS ในค่ายประเทศซีเรีย ต่อกับอิรัก ภาพนี้ ถูกแฉปีที่แล้วดังมาก จนอเมริกาหมายเงิบ หุบปากสนิท อายไปหลายเดือน สังเกตุเครื่องแบบเสื้อผ้า กับรองเท้าดีๆ
ภาพที่ 2..อันนี้ไม่ต้องบรรยาย เพราะมัน Made in USA ทั้งหมด ดูอาวุธ ดูอักษรที่เต้นท์ แต่ตัวคนอยู่ในคราบนักรบ IS เท่านั้น
ภาพที่ 3..เครื่องแบบลายผ้าของนักรบ IS ที่เพิ่งเป็นผู้จุดไฟเผานักบินจอร์แดนวันนี้
ภาพที่ 4..ลายผ้าของเครื่องแบบหน่วย Seal ของอเมริกา ลองเปรียบเทียบลายผ้ากับภาพที่ 3
ภาพที่ 5..วิธีการจับอาวุธ และท่าเตรียมพร้อม ของทหารอเมริกา ลอง เปรียบเทียบกับท่าทางของนักรบ IS โดยย้อนเปิดคลิปดังกล่าวดูอีกที
ภาพต่อๆ ไปก็สังเกตุชุดเครื่องแบบ อาวุธปืน Made in USA และอื่นๆ ..ที่นี้เข้าใจแจ่มแจ้ง ตาสว่างหรือยัง ว่านักรบ IS สายอเมริกา ขนานแท้ต้องแบบนี้ และโหดเหี้ยม เช่น การตัดคอ การเผานักบินจอร์แดน เพราะคำสอนของอิสลามจริงๆ เขา " ห้ามการเผาสิ่งมีชิวิตแม้แต่มด " ดังนั้นนักรบกลุ่มนี้ จึงแหกกฎศาสนาฯ เพราะเขาเป็นแค่นักรบรับจ้างของอเมริกา ไม่ได้มีอุดมการณ์จริงๆ
ส่วนนักรบ IS ท้องถิ่นนั้น เขาไม่มีสื่อใหญ่ครอบครองโลก เหมือนกลับ IS สายอเมริกา ที่มี CNN , BBC ฯลฯ ที่จะแก้ตัวได้ เปรียบก็เหมือนชาวบ้านในชนบท (คือนักรบ IS ท้องถิ่น) กับกลุ่ม NGO (คือนักรบ IS สายอเมริกา) นั่นแหละ เพราะถ้านักรบ IS ท้องถิ่น พวกเขาจะเคร่งครัดศาสนา จะช่วยชาวบ้านในเขตยึดครอง สร้างโรงเรียนให้เด็ก ใครข่มขืนจะถูกประหาร
แนวคิดนักรบ IS ท้องถิ่น จึงแตกต่างปานฟ้ากับเหว กับนักรบ IS สายอเมริกา ดังนั้น จึงต้องมีการสร้างภาพความโหดร้ายในสายตาชาวโลก เพื่อใส่ร้ายให้นักรบ IS ท้องถิ่น โดยนักแสดงเป็นนักรบ IS ฮอลีวู๊ด อเมริกา สวมรอย เพื่อสร้างความเกลียดชังทางศาสนา เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ อวยโอกาสให้อเมริกา และพันธมิตรอีก 12 ชาติ หาเหตุก่อสงครามในตะวันออกกลาง "ที่ไม่มีวันจบ "
หาเหตุใช้งบประมาณจัดซื้ออาวุธ จากบริษัทยิว เพราะถ้าไม่มีสงคราม แล้วจะกินอะไร? การทำคลิปวิดีโอครั้งนี้ จึงมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเกลียดชังระหว่างศาสนา มีการวางแผนจัดฉากถ่ายทำมาอย่างดี กระแสคนจอร์แดน ตอนนี้ คือการแก้แค้นแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน อเมริกาจึงไม่ต้องออกแรงมาก ในการโน้มน้าวให้จอร์แดน เข้าร่วมรบอีกนานหลายปี
แถมให้เงินขวัญถุงวันนี้มาให้ซื้ออาวุธอเมริกาอีก 6 หมื่นล้านบาท แต่ต้องปิดปากเรื่องเผาตัวประกัน ประชาชนจอร์แดน ที่หลงกลเคืองแค้น ก็จะให้การสนับสนุนรัฐบาลสู้กับกลุ่ม IS ไม่ขัดขวางอะไรทั้งสิ้น..การจัดซื้ออาวุธจากอเมริกา ต่อไปจะเกิดขึ้นอย่างมหาศาล เมื่อก่อนลูกค้ารายใหญ่ คือ ซาอุฯ ต่อไปอาจไม่ใช่แล้ว..
อีกเหตุผลหนึ่ง ก็คือ การปักหมุดยุทธศาสตร์ทางภูมิภาคของอเมริกา ที่ต้องการตรึงกำลังของอิหร่าน ไว้แค่ขอบเขตภูมิภาคตะวันออกกลางนี้ เพราะเป็นที่รู้กันว่า กลุ่มเฮชบุลลา คือ กองกำลังของอิหร่านสายชีอะห์ ที่เข้มแข็ง ต่อกรกับทหาร IDF อิสราเอล , อัลกออิดะห์ อัลนุสรา ของซาอุดิฯ , และกลุ่ม IS สายอเมริกา ได้อย่างถึงพริกถึงขิง
** ความเดิม..ความเป็นมาโดยย่อของนักรบ IS ในซีเรียและอิรัก คลิ๊กที่https://www.facebook.com/topsecretthai/posts/310555569134477
ขืนไม่มีนักรบกลุ่มต่างๆ ของอเมริกา และซาอุดิฯ พวกนี้ ยุทธศาสตร์การโค่นล้ม อัสซาด แห่งซีเรีย ที่เป็นคู่ซี้ปึกกับรัสเซีย ก็จะล้มเหลวไม่เป็นท่า เมื่อบล็อคอิหร่านไว้ ให้วุ่นวายกับสารพัดกลุ่มนักรบพวกนี้ได้ การบุกโจมตียุโรปไต้ ก็ไม่ถนัดละล้าละลัง
-------------------------------->
อีกทางก็บล็อครัสเซียไว้ ไม่ให้โจมตียุโรปตะวันออก โดยก่อสงครามที่ยูเครน แต่โชคไม่เข้าข้าง เพราะสถานการณ์การสู้รบ ระหว่างนักรบนิยมรัสเซีย ดันมีชัยชนะเหนือกองทัพยูเครน และภายใน 10 วันนี้ พวกเขาจะยกกำลังพล 100,000 นาย เข้าตะลุยลึกเข้าไปในยูเครน จะเกิดการรบแบบดุเดือดที่สุด
แผนการอเมริกาจึงผิดพลาด เพราะทุกสนามรบในยูเครน ทหารรัฐบาลพ่ายแพ้ยับเยิน และทหารยอมถูกจับเป็นเชลยดีกว่ายอมตาย และสู้แบบถวายหัว แถมมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย ก็ไม่ได้ทำให้หมีขาว ปูติน ยุติการสนับสนุนกลุ่มนักรบนิยมรัสเซีย แต่กลับสนับสนุนหนักกว่าเดิมเข้าไปอีกด้วยซ้ำ
รัฐบาลอเมริกา เลยใช้จังหวะที่ยูเครนถูกบีบให้ขอกู้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( IMF) ราว 1 แสนล้านบาท บังคับให้ต้องซื้ออาวุธจากอเมริกา แต่อ้างกลบเกลื่อนหลอกประชาชนยูเครนว่า " ส่งความช่วยเหลือด้านอาวุธ" โดยเป็น อาวุธ-ยุทโธปกรณ์ รวมถึงโดรนสอดแนม และ ขีปนาวุธต่อต้านยานยนต์หุ้มเกราะ รถฮัมวี และเรดาร์สำหรับ จับพิกัดจรวดและปืนใหญ่ของศัตรู รัฐบาลอเมริกา จึงได้ทั้งหน้า ได้ทั้งเงิน
อเมริกายังปักหมุดยุทธศาสตร์ทางทหารไว้อีกจุด คือ ที่ทวีปแอฟริกา โดยผลการศึกษาของคณะทำงานของสหภาพแอฟริกัน และสหประชาชาติ พบว่า แอฟริกาต้องสูญเงินปีละไม่ต่ำกว่า 1.65 ล้านล้านบาท จากพฤติกรรมทุจริต โดยเงินผิดกฎหมาย ซึ่งมีทั้งกรณีที่บริษัทข้ามชาติ เลี่ยงภาษี
ไปจนถึงการลักลอบค้าอาวุธ แร่ และ อัญมณีมีค่า จากชาติตะวันตก เป็นอุปสรรคต่อการสร้างงาน โดยมี มีบริษัทพาณิชย์ชาติตะวันตกขนาดใหญ่ ที่โอนเงินผิดกฎหมาย ให้แก่ขบวนการอาชญากรรม ก่อการร้าย เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบกิจการ ทำให้เศรษฐกิจของแอฟริกา เติบโตประมาณร้อยละ 5 ต่อปี
ยังห่างไกลกับเศรษฐกิจประเทศขนาดใหญ่อย่างอินเดีย และ จีน ที่มีการเติบโตด้วยตัวเลข 2 หลัก ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาของแอฟริกาเท่านั้น เพราะเงินผิดกฎหมายจำนวนมาก ถูกโอนเข้าบัญชีธนาคาร ในยุโรป และ อเมริกา
-------------------------------->
อเมริกา ยังปักหมุดยุทธศาสตร์ทางทหารไว้อีกจุด ที่ทะเลจีนใต้ทำให้ประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ขัดแย้งกันอีรุงตุงนัง ทะเลาะเบาะแว้ง แย่งชิงหมู่เกาะสแปลชลี่ ที่มีแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ นี้ก็แค่ยุทธศาตร์แบ่งแยกเพื่อปกครอง
แล้วอเมริกา ก็เที่ยวไปยุยงประเทศนั้นที แหย่ประเทศนั้นที หนุนให้ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ มีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์กว่า 20 เตา แต่พอเกาหลีเหนือจะทำบ้าง ก็บังคับให้ชาติอื่นๆ ไปคว่ำบาตรเขา ห้ามโน่น ห้ามนี่ ห้ามคบค้าสมาคม ห้ามค้าขาย ทั้งๆ ที่เป็นกิจการภายในของเกาหลีเหนือเขา ไม่ได้ขอเงินอเมริกามาทำ
-------------------------------->
อเมริกา ยัง พยายามจะมาปักหมุดยุทธศาสตร์ทางทหารที่เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไทย ในสมัยรัฐบาลปูข้าวเน่า โดยการส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูง มาล็อบบี้รัฐบาลเผาไทย เพื่อสร้างฐานทัพไว้สำหรับส่งอาวุธโดรน ไปโจมตีประเทศจีน จนไทยเกิดรัฐประหารปี 2557 อเมริกาเลยกินแห้วจนจุดลิ้นปี่ หน้าดำคร่ำเครียดมาจนบัดนี้
ตาสว่างกันทั้งโลกหรือยัง ว่าทำไมโลกทุกวันนี้วุ่นวายยุ่งเหยิง มั่วไปหมดแบบนี้ เพราะว่ามีประเทศขาใหญ่ ไปแทรกแซง ยุยง ภายในประเทศต่างๆ ให้การเมืองประเทศนั้นๆ แตกเป็นเสี่ยง ผู้คนขาดความสมัคคี เกิดการทะเลาะเบาะแว้งคนชาติเดียวกัน ใช้อาวุธเข้าประหัตประหารกัน
แก๊งค์เผาไทย และกลุ่มติดอาวุธแดง นปช. จึงมีนิสัยเหมือนอเมริกา คือ เรียกร้องแต่ประชาธิปไตย เลือกตั้ง วิธีอื่นไม่เอา , อ้างว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ตนเองนั่นแหละตัวดี ใครคิดต่างประเคน M79 ใส่หมด , อ้างเรื่องมาตรฐานสากล พอศาล หรือ ป.ป.ช. ตัดสินว่าผิด ก็เอา M79 ไปยิงใส่
ชอบแถ จนสีข้างถลอก , ดื้อด้านหัวชนฝา , ชอบยุให้ประท้วง , ชอบใช้ความรุนแรงด้วยอาวุธ , ก่อการร้าย , เห็นแก่เงินเป็นพระเจ้า , ฟุ้งเฟ้อ , ยาเสพติด , มัวเมา , ทุจริต คอรัปชั่น ฉ้อราษฎร์ บังหลวง , ขบวนการล้มเจ้า , แทรกแซงสื่อ , ปิดหูปิดตาประชาชน
ซึ่งวิธีการพวกนี้เป็นรูปแบบของทุนนิยม ที่เน้นการรวยกระจุก จนกระจาย อเมริกา และเผาไทย จึงไม่ปลื้มรัฐบาลอนุรักษ์นิยม ที่มีแนวคิดตรงข้ามนี้ทุกอย่าง ที่เน้นระบบเศรษฐกิจพอเพียง ให้ทุกคนพอเพียงตามอาชีพของตนเอง คนรวยไม่เอาเปรียบคนจน นักเลงไม่เอาเปรียบคนอ่อนแอ
ปฏิรูป จัดระเบียบสังคมไทยเสียใหม่ แบบเปลี่ยนผ่านค่อยเป็นค่อยไป สร้างค่านิยมให้เด็กๆ เสียใหม่ เพื่ออนาคตที่ดีอย่างยั่งยืนวันหน้า..วิธีแบบนี้ อเมริกา กับ แก็งค์เผาไทย ก็สูญพันธุ์แน่ๆ แล้วนักแสวงโชคทางการเมือง จะกินภาษีประชาชนได้อย่างไร ??
พวกนี้จึงออกอาการเห่าหอน แยกเขี้ยว ไล่กัด ดิ้นกันเร่าๆ เหมือนหมาเน่า ถูกสาดน้ำร้อนเดือดใส่หนังจนกลับ อย่างที่เห็นกันทุกวันนี้แหละ !!
@ เสธ นํ้าเงิน 2