PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

"วิษณุ"ยันบรรจุลูกชายเพราะ"บวรศักดิ์"ขอมา

รองนายกรัฐมนตรี ยืนยัน เรื่องลูกชาย ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะที่ปรึกษาเพื่อกำกับการปฏิรูปกฎหมาย เพราะนายบวรศักดิ์ ขอให้มาทำงาน หากไม่เหมาะสมก็ลาออกมาได้ 
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่ามีชื่อนายวิชญะ เครืองาม ลูกชายของนายวิษณุ ดำรงตำแหน่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อกำกับการปฏิรูปกฎหมาย ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ลงนามแต่งตั้งตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่านายบวรศักดิ์ อุวรรณโน เป็นคนติดตามเรียกมาเอง เนื่องจากนั่งเป็นที่ปรึกษาเรื่องกฎหมายเท่านั้น ไม่ได้ทำเรื่องปรองดองหรือเรื่องความลับ หากไม่ถูกต้องหรือไม่สบายใจก็ออกได้ เพราะลำพังเข้าไปทำไรไม่ได้มาก เพราะมีคณะทำงานและคนเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกชายก็ไม่เคยมาปรึกษาตน ซึ่งการทำงานก็แล้วแต่นายบวรศักดิ์มอบหมาย หากไม่เหมาะสมก็ลาออกมาได้

ประวัตรของ นายวิชญะ เครืองาม ลูกชายของนายวิษณุ
สัญชาติ: ไทย 
อายุ: 35 ปี 
วันที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการครั้งแรก: 12 พฤศจิกายน 2557 
จำนวนปีที่เป็นกรรมการ: 2 ปี 1 เดือน 
คุณวุฒิทางการศึกษา 
Doctor of Juridical Science (J.S.D.), University of California, Berkeley, School of Law, U.S.A. 
Master of Laws (LL.M.), University of California, Berkeley, School of Law, U.S.A. 
เนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา 
นิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
ประวัติการอบรม 
จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย 
หลักสูตรประกาศนียบัตร Corporate Governance for Executives (CGE) รุ่นที่ 6 ปี 2559 
หลักสูตรประกาศนียบัตร Advanced Audit Committee Program (AACP) รุ่นที่ 22 ปี 2559 
หลักสูตรประกาศนียบัตร Director Accreditation Program (DAP) รุ่นที่ 116 ปี 2558 
หลักสูตรประกาศนียบัตร Corporate Governance for Capital Market Intermediaries (CGI) รุ่นที่ 8 ปี 2558 
อื่นๆ 
ประกาศนียบัตรผู้นำยุคใหม่ในระบบประชาธิปไตย (ปนป.) รุ่นที่ 1 สถาบันพระปกเกล้า 
ประกาศนียบัตรนักบริหารการยุติธรรมทางปกครองระดับสูง (บยป.) รุ่นที่ 6 สำนักงานศาลปกครอง 
ประกาศนียบัตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) รุ่นที่ 16 สำนักงานศาลยุติธรรม 
ประกาศนียบัตรสำนักฝึกอบรมวิชาว่าความสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์

ตูมตอกย้ำความจำเป็น

ตูมตอกย้ำความจำเป็น

แค่...เสียงดังคล้ายระเบิด
บทสรุปเบื้องต้นของปรากฏการณ์ตูมตามที่หน้าโรงละครแห่งชาติ สนามหลวง
เขตพื้นที่ “ควบคุมอย่างเข้มงวด”
ตามรูปการณ์ที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ที่เข้าถึงจุดเกิดเหตุตั้งแต่นาทีแรกๆ ยืนยันว่าไม่มีการวางระเบิดแต่อย่างใด ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก
ไล่เลี่ยๆกับ “บิ๊กแดง” พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ก็สรุปข้อมูลเบื้องต้นพบว่าลักษณะของระเบิดเป็นท่อพีวีซี แต่แนวโน้มน่าจะเป็นประทัดยักษ์มากกว่า เมื่อระเบิดแล้วกระเด็นไปโดนป้ายโฆษณา
ซึ่งนั่นก็เป็นข้อมูลพื้นฐานให้ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. บอกปัดสถานการณ์ร้อนๆว่าไม่ได้ป่วน
มุมเดียวกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ก็ออกตัวเลยว่า ไม่ได้เป็นการกระทำเชิงสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับครบรอบ 3 ปี คสช.ที่ใกล้จะถึงนี้ และไม่ใช่ความพยายามของกลุ่มใดทั้งนั้น
ขณะที่ พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการ สมช. ก็พยายามมองโลกในแง่ดีว่า อาจเป็นแค่อุบัติเหตุ แต่ฝ่ายความมั่นคงก็ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง เพื่อให้มั่นใจว่าการตรวจสอบครอบคลุมทุกประเด็น
พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ก็ยืนยัน จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่พบการเผาไหม้ เขม่าหรือร่องรอยสารระเบิด
โดยลักษณะเบื้องต้นเหมือนท่อแตกระเบิดเอง แต่กองพิสูจน์หลักฐานก็ต้องตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อยืนยันผลที่ชัดเจน โดยนำชิ้นส่วนวัตถุพยานทั้งหมดเข้าห้องปฏิบัติการไปสกัดหาสารต่างๆที่ติดแฝงอยู่
ทีมฝ่ายความมั่นคง คสช.พยายามคุมโทนไปในทิศทางเดียวกัน
นั่นคือไม่ต้องการให้เกิดความตื่นตระหนก
แต่อย่างไรก็ตาม โดยฉากสถานการณ์ที่ค่อนข้างชัด แบบที่ยากจะทำให้มองโลกในแง่ดีได้ เพราะอีกด้านก็มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้พบหลักฐานสำคัญคือ ไอซีไทเมอร์ หนึ่งในชิ้นส่วนใช้ประกอบระเบิดไปป์บอมบ์ตกบริเวณพื้นห่างจากจุดที่เกิดเหตุระเบิดประมาณ 15 เมตร
และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบด้วยว่า ไอซีไทเมอร์ดังกล่าว ลักษณะเดียวกับเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดไปป์บอมบ์ที่บริเวณหน้ากองสลากเก่า ถนนราชดำเนินกลาง เมื่อช่วงค่ำวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา
สรุปตามรูปการณ์ที่ประเมินว่า ผู้ก่อเหตุลงมือเพื่อต้องการสร้างสถานการณ์
ไม่ได้มุ่งประสงค์ต่อชีวิตแต่อย่างใด
ในเครื่องหมายคำถาม “ตูม” นี้กระตุกหนวดใคร
แน่นอนคนที่อยู่ในข่าย 2-3 ราย นั่นคือ เบอร์หนึ่งด้านความมั่นคงอย่าง พล.อ.ประวิตร หรือเบอร์หนึ่งที่คุมกำลังอย่าง “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. หรือ พล.ท.อภิรัชต์ ในฐานะเบอร์หนึ่งคุมความมั่นคงในพื้นที่เมืองกรุง
เป้าหมายหนีไม่พ้นพุ่งเป้ากระแทก 3 คนสำคัญนี้
โจทย์ต่อไปเป็นฝีมือของฝ่ายไหน
ตามเงื่อนสถานการณ์ ถ้าเป็นฝั่งตรงข้าม ปฏิบัติการของฝ่ายต้านอำนาจ คสช. ก็ต้องถามว่า มีศักยภาพมากพอเจาะทะลุเข้าพื้นควบคุมพิเศษได้เชียวหรือ
และที่ตัดไปเลยไม่ได้ กับปมฝ่ายเดียวกันที่จ้อง “เจาะยาง” กันเองตามสถานการณ์อำนาจพิเศษที่เดินมาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผลจากตูมนี้ที่กระตุก คสช.ให้สะเทือนนิดหน่อย
มันกลับยิ่งเป็นความชอบธรรม ตอกย้ำความจำเป็นที่รัฐบาลทหารต้องยกระดับการใช้อำนาจพิเศษคุมความมั่นคงลากยาวต่อไป เพื่อสยบแรงกระเพื่อมที่เริ่มโผล่กลับมา
ว่ากันไม่ได้ ในเมื่อเงื่อนสถานการณ์มันบังคับ.
ทีมข่าวการเมือง

สูตรที่ยังไงก็หนีไม่ออก

สูตรที่ยังไงก็หนีไม่ออก

ตีกินกันเนียนๆเลย
ตามแบบฉบับลูกเขี้ยวของ “นักการเมืองอาชีพ” ทุกป้อมค่าย ทั้งยี่ห้อเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ได้จังหวะร่วมวงโหมโรงคิวแถลงผลงานรอบ 3 ปีรัฐบาลคสช.
ถือโอกาสลูกนัว เหน็บ ด่า เบิ้ล บลัฟ รัฐบาลทหารไม่มีผลงาน
แท็กทีมจี้ให้ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. คืนอำนาจให้ประชาชน เลือกตั้งตามกำหนดโรดแม็ป
แบบที่แกล้งลืมกันไปเลยว่า คสช.ยังไม่ปลดล็อกกฎเหล็ก
ป้ายเตือนนักการเมืองห้ามล้ำเส้นเขตรัฐบาลทหารยังแขวนคาอยู่
แต่ถึงตรงนี้เบรกไม่อยู่แล้ว ตามแนวโน้ม พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา ได้คิวกระโดดโหนกระแส กระตุกเรตติ้ง
ขยับแข้งขยับขา วอร์มอัพเตรียมตัวเลือกตั้งกันแต่หัววัน
ตามรูปการณ์อย่างที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ก็จับไต๋อ่านทางถูก ช่วงใกล้เลือกตั้ง บางคนเลยอยากปรากฏตัวให้เห็นว่า ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้
แม้จะออกตัวเร็วไป เพราะยังเหลืออีก 1-2 ปี
แต่ที่พลิกฟอร์มไปก็คือรายของ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เปิดบ้านรับแขกร่วมอวยพรวันเกิดครบรอบปีที่ 85
ปีนี้พ่อใหญ่มาในโทนไว้ไมตรี ญาติดีกับรุ่นน้องในรัฐบาล คสช.
สวนกระแสชูธงเชียร์โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำเมด อิน ไชน่า ของกองทัพเรือ
แถมออกตัวเลยว่า ส่วนตัวพยายามเอาใจช่วยรัฐบาล และเชื่อว่าประชาชนทราบว่ารัฐบาลชุดนี้เอาจริงกับสิ่งที่ทำอยู่ ซึ่งหลักการปกครองของโลกปัจจุบันหนีไม่พ้นระบอบประชาธิปไตยที่เป็นหลักที่ถูกต้อง และทุกคนเคยผ่านการต่อสู้แบบนี้มาแล้ว ดังนั้น จึงต้องให้ความรัก ความอดทน และความจริงใจต่อประชาชน และเชื่อว่ารัฐบาลพยายามทำในสิ่งนี้อยู่แล้ว
เชื่อว่า คสช.จะคืนอำนาจให้กับประชาชนอย่างแน่นอน
“บิ๊กจิ๋ว” ไม่ดุเด็ดเผ็ดร้อนเหมือนรอบ 2-3 ปีก่อนหน้า ที่ถึงขั้น คสช.ต้องส่งทหารมาประกบไม่ให้โจมตีรัฐบาล และตัว “พ่อใหญ่จิ๋ว” เองก็ต้องย้ายออกจากคอนโดของนายทหารคนสนิทที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของนายที่ล้อไปในทิศทางเดียวกับเครือข่ายฝ่ายต้าน คสช.
ห้วงเปลี่ยนผ่านสำคัญ “บิ๊กจิ๋ว” เปลี่ยนท่าทีไป
ที่แน่ๆ ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ ยี่ห้อ “บิ๊กจิ๋ว” ผู้โคจรใกล้กับศูนย์อำนาจประเทศไทยมาทั้งชีวิต
ในระดับที่สามารถรับสัญญาณคลื่นความถี่พิเศษได้
มันจึงเป็นอะไรที่คนซึ่งรู้ทิศทางลม ย่อมไม่มองข้ามท่าทีของ พล.อ.ชวลิต อ่านลึกไปถึงสัญญาณที่สะท้อนทิศทางเกมอำนาจในช่วงเปลี่ยนผ่าน
บ่งบอกนัยสถานการณ์ได้พอสมควร
โดยเฉพาะกับการที่ “บิ๊กจิ๋ว” การันตีว่า รัฐบาลชุดนี้เอาจริงกับสิ่งที่ทำอยู่ นั่นหมายถึง พล.อ.ชวลิตก็ยอมรับในสิ่งที่ คสช.ดำเนินการมานั้น “ถูกทาง”
จะสามารถสร้างความปรองดองได้
และก็เป็นอะไรที่สังเกตว่า พวกที่หายหน้าหายตาไปนานอย่าง “ป๋าเหนาะ” นายเสนาะ เทียนทอง นักการเมืองรุ่นเดอะ ก็หอบกระเช้าดอกไม้มาร่วมอวยพรอดีตคนคุ้นเคย
สะท้อนบารมีเจ้าของวันเกิดยังแน่นปึ้ก
พรรคพวกเพื่อนฝูงยังอุ่นหนาฝาคั่ง
ที่แน่ๆ วันเกิด “บิ๊กจิ๋ว” ทำให้ฉากการเมืองเริ่มมีสีสัน ท่ามกลางความเคลื่อนไหว เบื้องลึก เบื้องหลัง ป้อมค่ายการเมืองขยับปรับทัพ
จับมือฟอร์มทีม เตรียมรับสูตรอำนาจการเมืองช่วงเปลี่ยนผ่าน
พรรคเพื่อไทยเล็งแม่ทัพคนใหม่ที่ไม่ล่อบาทาท็อปบูตจนเกินไป ประชาธิปัตย์จ่อเปิดศึกสายเลือดยึดป้อมค่ายกันเอง ชาติ-ไทยพัฒนายืนยันเดินหน้าต่อไม่เซ้งพรรคให้ใคร
ภายใต้เงื่อนไขทุกป้อมค่ายต่างเจอไฟต์บังคับ โจทย์ล็อกช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี
ยังไงก็หนีไม่พ้น ต้องร่วมงานกับทหาร.
ทีมข่าวการเมือง