PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560

“สก อาน” รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เสียชีวิตในจีน

สำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้แถลงการณ์ถึงการเสียชีวิตของรองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมเด็จ วิบลปัญญา (ซก อาน)โดยสมเด็จ วิบลปัญญาได้เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 18 นาฬิกา 32 นาที ณ กรุงปักกิ่งประเทศจีน รวมอายุครบ 66 ปี
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เพิ่งได้รับพระบรมราชโองการจากกษัตริย์กัมพูชา โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น"สมเด็จวิบลปัญญา(อ่านตามอักขระเขมรว่า'วิบลปอนเยีย') สก อาน"
และเมื่อไม่นานนี้เช่นกันที่รองนายกรัฐมนตรี "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" ต้องเลื่อนการเยือนกัมพูชาออกไปก่อน…แหล่งข่าวด้านหนึ่งบอกว่าฝ่ายกัมพูชาขอเลื่อน เพราะมีภารกิจเร่งด่วนที่คาดว่าแกนนำรัฐบาลกัมพูชาไปเยี่ยมดูใจ"สก อาน" ที่เมืองจีน..แต่แหล่งข่าวอีกด้านบอกว่าฝ่ายไทยเป็นผู้ขอเลื่อน

"สก อาน" รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา หนึ่งในนักการเมืองที่ทรงอิทธิพลของกัมพูชา เสียชีวิตแล้วในวัย 66 ปี ขณะรักษาอาการป่วยที่ประเทศจีน
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เพิ่งได้รับพระบรมราชโองการจากกษัตริย์กัมพูชา โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น"สมเด็จวิบลปัญญา(อ่านตามอักขระเขมรว่า'วิบลปอนเยีย') สก อาน"
และเมื่อไม่นานนี้เช่นกันที่รองนายกรัฐมนตรี "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" ต้องเลื่อนการเยือนกัมพูชาออกไปก่อน…แหล่งข่าวด้านหนึ่งบอกว่าฝ่ายกัมพูชาขอเลื่อน เพราะมีภารกิจเร่งด่วนที่คาดว่าแกนนำรัฐบาลกัมพูชาไปเยี่ยมดูใจ"สก อาน" ที่เมืองจีน..แต่แหล่งข่าวอีกด้านบอกว่าฝ่ายไทยเป็นผู้ขอเลื่อน
///////
S__6612134

ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ก่อนหน้าเมื่อวาน(14มี.ค.)โฆษกรัฐบาลกัมพูชา ออกโรงปฏิเสธข่าวลือ รองนายกรัฐมนตรี สก อาน เสียชีวิต ‘ไม่เป็นความจริง’ หลังลือสนั่นทางโซเชียล มีเดีย ตั้งแต่สุดสัปดาห์ ขณะที่สื่อเขมร ยังรายงาน สก อาน ได้รับทูลเกล้าฯแต่งตั้งได้ตำแหน่ง ‘สมเด็จ’ แล้ว

เมื่อ 14 มี.ค. สื่อในกัมพูชา รายงานนายฟาย สิฟาน โฆษกรัฐบาลกัมพูชาออกโรงปฏิเสธข่าวลือของนายสก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเสียชีวิต หลังได้เริ่มลือกันอย่างแพร่หลาย ผ่านมาทางโซเชียล มีเดีย ตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยโฆษกรัฐบาลกัมพูชา ปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวผ่านทางเซฟบุ๊ก โดยยืนยันว่า ข่าวที่ลือกันทางสื่อสังคมออนไลน์ที่ว่าดร.สก อาน เสียชีวิตนั้น ‘ไม่เป็นความจริง’

ขณะเดียวกัน สื่อในกัมพูชารายงานด้วยว่า ท่ามกลางข่าวลือถึงเรื่องปัญหาสุขภาพของนายสก อาน ในวัย 66 ปี จนถึงขั้นเสียชีวิต หลังจากเขาไม่ได้ปรากฏตัวในที่สาธารณะมานานหลายเดือนแล้วนั้น อีกทั้งขณะนี้ ยังไม่รู้แน่ชัดว่าขณะนี้นายสก อาน อยู่ที่ใด ปรากฏว่า รัฐบาลกัมพูชาได้มีการทูลเกล้าฯ แต่งตั้งให้นายสก อาน ได้รับพระราชทานตำแหน่งเป็น ‘สมเด็จ’ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นตำแหน่งเกียรติยศสูงสุดและยากที่พลเรือนคนใดจะได้รับ หลังจากก่อนหน้านี้ นายซอร์ เค็ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายซาย ชุม ประธานวุฒิสภา ได้รับแต่งตั้ง เป็นสมเด็จ เมื่อปี 2558


สื่อในกัมพูชา รายงานด้วยว่า การแต่งตั้งนายสก อาน ได้รับ ตำแหน่งสมเด็จนั้น มีเหตุผลหลายประการ รวมทั้ง ความพยายามของเขาในการปกป้องประชาธิปไตย, การเสริมสร้างสันติสุขในประเทศ, การทำให้สังคมในกัมพูชามีเสถียรภาพภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ซึ่งได้รับตำแหน่ง ‘สมเด็จ’ แล้วเช่นกัน

ไม่ได้ทุจริตแค่ไม่ได้ขออนุมัติอีกครั้ง คำแถลง คกก.นโยบายTPPS

ไม่ได้ขออนุมัติอีกครั้ง! เปิดคำแถลง คกก.นโยบายฯ ปม ผอ.ส.ส.ท.ไขก๊อกหุ้นกู้ซีพีเอฟ

เขียนวันที่
วันพุธ ที่ 15 มีนาคม 2560 เวลา 21:28 น.
เขียนโดย
isranews
38
 
1
 
0
 
39
 
"...คณะกรรมการนโยบายได้พิจารณาเรื่องขั้นตอนการดำเนินการ และมีมติว่า ฝ่ายบริหารต้องนำแผนบริหารการเงินมาขออนุมัติอีกครั้งหนึ่ง หลังจากได้นับความเห็นชอบเรื่องกรอบนโยบายการบริหารการเงินแล้ว ซึ่งผู้อำนวยการ ส.ส.ท.ไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าว เพราะเข้าใจว่าได้รับความเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบาย วันที่ 15 พ.ย.2555.."
picthai00
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org : ภายหลังจากที่ ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือ ‘ไทยพีบีเอส’ ได้ประกาศลาออกกลางที่ประชุมคณะกรรมการนโยบาย ส.ส.ท. ในระหว่างวาระประชุมด่วน เพื่อแสดงความรับผิดชอบกรณีลงทุนซื้อตราสารหนี้ (หุ้นกู้) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ซึ่งสร้างผลกระทบต่อองค์กรจนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง 
ล่าสุด คณะกรรมการนโยบาย ส.ส.ท. ได้ออกคำแถลง กรณีการซื้อตราสารหนี้ซีพีเอฟ โดยยืนยันว่า การบริหารเงินให้เกิดประโยชน์ด้วยการนำเงินไปซื้อตราสารหนี้ เพื่อให้เกิดดอกผลนำไปพัฒนาตามเป้าหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ นั้น คณะกรรมการนโยบายยืนยันว่าสามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย และระเบียบ ส.ส.ท. 
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการนโยบายได้พิจารณาเรื่องขั้นตอนการดำเนินการ และมีมติว่า ฝ่ายบริหารต้องนำแผนบริหารการเงินมาขออนุมัติอีกครั้งหนึ่ง หลังจากได้รับความเห็นชอบเรื่องกรอบนโยบายการบริหารการเงินแล้ว ซึ่งผู้อำนวยการ ส.ส.ท.ไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าว เพราะเข้าใจว่าได้รับความเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบาย วันที่ 15 พ.ย.2555 
ส่วนการที่ ผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ขอลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ต่อการดำเนินการครั้งนี้ นั้น 
คำแถลงของคณะกรรมการนโยบาย ส.ส.ท. ระบุว่า คณะกรรมการนโยบายชื่นชมการตัดสินใจของผู้อำนวยการและฝ่ายบริหาร ว่าเป็นการสดงความรับผิดชอบต่อองค์กรในฐานะสื่อสาธารณะของประเทศ แม้กรณีนี้ จะไม่ใช่เรื่องการทุจริตแต่อย่างใด 
นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบาย ยังมีมติให้ขายตราสารหนี้ดังกล่าวตามความเหมาะต่อไป (อ่านคำแถลงฉบับเต็มประกอบ)

วิษณุ ชี้ รีดภาษีหุ้นชินฯเรื่องยาก แต่ต้องยอมเสี่ยง จ่อประเมินใหม่-ต่ออายุความอีก10ปี

‘วิษณุ’เรียก’สรรพากร’เตรียมพร้อมออกใบประเมินภาษีหุ้นชินคอร์ป เผยแม้วมีสิทธิอุทรณ์ ใน 30 วัน แนะพูดในชั้นศาลให้หมดจะได้จบ แจงอภินิหารทางกฎหมาย Miracle Of Law รัฐบาลเสี่ยงในช่องทางที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เรียกนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง เข้าหารือเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อนให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้กรมสรรพากรได้มารายงานการเตรียมการเรียกเก็บภาษีตามที่ได้รับมอบหมายไป แต่มีปัญหาอยู่ 2-3 เรื่อง เลยอยากรู้ว่าวิธีการแก้ของเขาถูกหรือผิด แต่ถึงอย่างไร การประเมินภาษีจะทำภายในวันที่ 31 มีนาคมนี้ ซึ่งกรมสรรพากรมีฐานตัวเลขอยู่แล้ว ก่อนส่งคำประเมินดังกล่าวไปยังนายทักษิณอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จากนั้นถือว่าอายุความที่จะครบ 10 ปี หยุดลงทันที แล้วเริ่มนับหนึ่งใหม่ไปอีก 10 ปี ซึ่งเป็นกระบวนการปกติในคดีทางแพ่ง โดยนายทักษิณมีสิทธิอุทธรณ์คำประเมินภาษีนั้นได้ภายใน 30 วัน ยืนยันกรมสรรพากรพร้อมดำเนินการ ส่วนข้อกังวลว่ากรมสรรพากรจะถูกฟ้องกลับนั้น การถูกฟ้องคงห้ามไม่ได้ แต่เมื่อถูกฟ้องแล้วแพ้หรือชนะ เป็นสิ่งที่ให้ความมั่นใจกันได้ และไม่ต้องมีมาตรการพิเศษคุ้มครองเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ รัฐบาลดำเนินการไปตามกฎหมายปกติ ส่วนที่อธิบายว่าเป็นอภินิหารทางกฎหมาย หรือ Miracle Of Law นั้น เพราะเราเจอช่องทางที่สมควรจะเสี่ยงดูในเรื่องที่คิดว่าไปไม่ได้
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะเก็บภาษีได้ นายวิษณุกล่าวว่า เราไม่ใช่คำว่ามั่นใจ แต่เราต้องทำตามกระบวนการ ส่วนจะได้หรือไม่ก็ว่าไปตามกระบวนการ ตนอธิบายต่อที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมาว่า ถ้าเรื่องนี้เป็นสีดำกับขาว เราจะไม่ทำให้เป็นสีดำ แต่เรื่องนี้เป็นสีเทา กรมสรรพากรตอบคำถามไม่ได้ว่าสิ่งที่ไม่เคยทำเพราะปิดเรื่อง ถูกหรือผิด ถ้ายืนยันว่าถูกและเห็นด้วย เราก็จบแล้วปิดเรื่อง สังคมจะด่าอย่างไรก็ช่าง แต่เมื่อไม่มั่นใจ อาจจะตีความได้ก็ให้ศาลดำเนินการ จะได้เป็นมาตรฐานต่อไป
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่านายทักษิณถูกคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านแล้ว จึงไม่ต้องเสียภาษีส่วนนี้ นายวิษณุกล่าวว่า มันเป็นคนละเรื่องกัน จำนวนเงินดังกล่าวไม่ใช่ภาษี เป็นการถูกยึดตามคดีอาญาเรื่องทุจริต ภาษีเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะบางอาชีพที่ผิดกฎหมายยังต้องเสียภาษี
“ภาษีที่จะเรียกเก็บคือส่วนต่างราคาหุ้นที่รับมา 1 บาท แต่ไปขาย 49 บาทในตลาดหลักทรัพย์” นายวิษณุกล่าว เมื่อถามย้ำว่า มีการระบุว่าการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องเสียภาษี นายวิษณุ กล่าวว่า “มันเป็นเทคนิคหนึ่งที่เอาไว้ไปพูดในศาล สตง.ยืนยันว่าต้องเสีย รัฐบาลก็บอกกับกรมสรรพากรไปพิจารณาที่มีช่องทางให้ไปแปลความกันในศาลแล้วกัน ว่าต้องเสียหรือไม่ บางคนก็บอกว่ากฎหมายระบุชัดอยู่แล้วว่าไม่ต้องเสีย แต่กฎหมายอย่างนี้มันแปลได้หลายอย่างในบางกรณี ซึ่งไม่ใช่สองมาตรฐาน แต่เป็นเจตนาซึ่งผมไม่อยากไปเปรียบเทียบ กรมสรรพากรไม่เคยคิดว่าเป็นอย่างนี้มาก่อน ดังนั้น จึงต้องไปตีความกันในศาล คุณอย่าคิดเองว่าถูกหรือผิด อย่าเพิ่งไปเดาใจว่าเขาจะฟ้องกันอย่างไร ทุกอย่างไปพูดกันในศาลให้หมดจะได้จบ” นายวิษณุกล่าว
เมื่อถามว่า กรมสรรพากรได้ชี้แจงหรือไม่ ว่าเหตุใดถึงไม่ดำเนินการในช่วงเวลาที่ผ่านมา นายวิษณุกล่าวว่า มีการชี้แจงแล้ว ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่อธิบายสั้นๆ กับสื่อไม่ได้ เขามีเหตุผลไม่ดำเนินการอยู่ ซึ่งกระทรวงการคลังได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่ปี 50-55 แต่อาจจะใช้เวลา เพราะต้องรอฟังข้อเท็จจริงที่เพิ่งปรากฏ หากมีมูลจะดำเนินการสอบวินัย ส่วนผู้ที่เกษียณไปแล้วก็ดำเนินการทางวินัยไม่ได้ แต่ถ้ามีมูลทางอาญามันมีอายุความอยู่
ด้าน พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสรรพากร สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ ปปง. หารือถึงแนวทางตามกระบวนการกฎหมาย ทั้งนี้ ในส่วนของ ปปง.มีหน้าที่สนับสนุนข้อมูลในเรื่องของการติดตามทรัพย์สินของนายทักษิณ ซึ่งตามกฎหมายการฟอกเงินถือว่าไม่มีปัญหาอะไร เพราะหากกลายเป็นคดีฟอกเงิน คดีจะไม่มีหมดอายุความ และสามารถสืบและยึดทรัพย์ย้อนหลังไปได้ ต่อให้เวลาผ่านไปแล้วหลายปีก็ตาม
นอกจากนี้ พล.ต.อ.ชัยยะยังกล่าวว่า ตั้งแต่เข้ามาดำรงตำแหน่งเพียง 8 เดือน สามารถดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์ในคดีสำคัญไปมากกว่า 5 หมื่นล้านบาทแล้ว และยังมีคดีใหญ่ๆ ที่มีมูลค่าสูง ที่คาดว่าจะสามารถดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์ได้อีกจำนวนมาก
///
สตง. พร้อมร่วมประเมินภาษีชินคอร์ป หากกรมสรรพากรไม่พร้อมดำเนินการ พร้อมระบุ การออกหมายเรียกเก็บภาษีไปยังบุตร เสมือนออกหมายเรียกถึง ดร.ทักษิณ ชินวัตร 

นายพิศิษฐ์  ลีลาวชิโรภาส  ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. กล่าวว่า หลังหารือกับ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี สำนักงานกฤษฎีกา อัยการสูงสุด กรมสรรพากร  ป.ป.ช. และ ปปง.  เห็นชอบร่วมกันว่า การออกหมายเรียกเก็บภาษีนายพานทองแท้ และนางสาวพิณทองทา ชินวัตร ในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่า กรมสรรพากร ไม่ได้ออกหมายเรียกโดยตรงกับ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ถือเสมือนว่าเป็นหมายเรียกเก็บภาษีจาก ดร.ทักษิณ เช่นกัน เพราะเป็นตัวการซื้อขายหุ้น ยืนยันไม่ได้ใช้แทคติคทางกฎหมาย หาทางดำเนินการ  
          
ดังนั้น ขั้นตอนต่อไปจึงเริ่มใช้มาตรา 61 แห่งประมวลรัษฎากร เพื่อตั้งคณะกรรมการประเมินภาษี เรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นชินคอร์ป จาก ดร.ทักษิณ ทำให้การนับอายุความการเรียกเก็บภาษี เป็นเวลา 10 ปี สิ้นสุดลง และขั้นตอนการประเมินเรียกเก็บภาษี จะใช้เวลาเพียง 2-3 วัน คาดว่าทันสิ้นเดือนนี้(มี.ค.)  โดย สตง.พร้อมร่วมเป็นเจ้าหน้าที่ประเมินภาษี หากกรมสรรพากรไม่พร้อมดำเนินการ

ยึดทรัพย์เด็ก“เจ๊แดง”อดีตสส.เพื่อไทย แสดงบัญชีเท็จ-รวยผิดปกติ

ชดใช้กรรม!!!ยึดทรัพย์เด็ก“เจ๊แดง”อดีตสส.เพื่อไทย แสดงบัญชีเท็จ-รวยผิดปกติ ลุ้น“ศาลฏีกา”พิพากษายึด186 ล้านคืนแผ่นดิน-ตัดสิทธิ์การเมืองอีก5ปี
Publisher : 2017-03-15 10:43:05
จากรณีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการและโฆษกสำนักงานป.ป.ช. แถลงผลการตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สินของนายเกษม นิมมลรัตน์ กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่,กรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในตำแหน่งส.ส. และกรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ รวม 6 กรณี แล้วมีมติว่า นายเกษม จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ
ทั้งนี้นายสรรเสริญ เปิดเผยว่า นายเกษม แสดงเงินกู้ยืมของนางดวงสุดา นิมมลรัตน์ คู่สมรส ที่กู้ยืมจากนางบุญทอง สุภารังษี ซึ่งเป็นมารดาของนายเกษม จำนวน 72 ล้านบาท อันเป็นเท็จ และปกปิดเงินที่ได้จากการขายหุ้นบริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) (WIN) ในตลาดหลักทรัพย์ มูลค่า 26,193,205 บาท รวมทั้งปกปิดเงินลงทุนในบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (ASCON) มูลค่า 74,205,972 บาท ของนางดวงสุดา ที่ให้นางบุญทองถือครองแทน โดยคณะกรรมการป.ป.ช.มีมติให้เสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 เพื่อขอให้นายเกษม พ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และห้ามมิให้นายเกษมดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ศาลฎีกาฯ วินิจฉัย และขอให้ลงโทษตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ด้วย
นอกจากนี้ เลขาธิการป.ป.ช. ยังเปิดเผยอีกว่าได้พิจารณารายงานผลการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินของนายเกษม ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และตำแหน่งส.ส.แล้วมีมติว่า นายเกษมเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และตำแหน่ง ส.ส.มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ ตามมาตรา 38 วรรคสอง แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 รวมมูลค่า 186,620,637 บาท ตามรายการดังต่อไปนี้ 1.หุ้นบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (ASCON) ในชื่อของนางบุญทอง จำนวน 20,612,770 หุ้น รวมมูลค่า 74,205,972 บาท และหุ้นบริษัทแอสคอนฯ ในชื่อของนางดวงสุดา ที่ขายไปแล้ว จำนวน 923,000 หุ้น เป็นเงิน 3,015,214บาท
เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวอีกว่า 2.เงินที่ได้จากการขายหุ้นบริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) (WIN) ในตลาดหลักทรัพย์ จำนวนเงิน 16,585,537 บาท และหุ้นบริษัท วินโคสท์ฯ ที่เหลือจากการขายในตลาดหลักทรัพย์ จำนวน 1,000,168 หุ้น มูลค่า 390,065 บาท รวมมูลค่าสุทธิเป็นเงิน 16,975,602 บาท 3.เงินที่ได้จากการขายหุ้นบริษัท เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (MLINK) ของนางดวงสุดา จำนวน 4,187,700 หุ้น เป็นเงิน 5,407,163 บาท 4.เงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นของนายเกษมและนางดวงสุดา กรณีนายเกษม พ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ รวมมูลค่า 8,585,953 บาท 5.รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน กก 111 เชียงใหม่ มูลค่า 700,000 บาท ของนายเกษม 6.ที่ดินโฉนดเลขที่ 19767 อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ มูลค่า 1,200,000 บาท ของนางดวงสุดา 7.เงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นของนายเกษม และนางดวงสุดา กรณีนายเกษมพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ รวมมูลค่า 21,384,152บาท และ 8.เงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นของนางดวงสุดา กรณีนายเกษม พ้นจากตำแหน่งส.ส. รวม 8 แห่ง มูลค่า 55,146,579 บาท
“ คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติให้ส่งเอกสารทั้งหมดที่มีอยู่ พร้อมทั้งรายงานผลการตรวจสอบไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อให้ทรัพย์สินของนายเกษมที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ 186 ล้านบาทเศษ ตกเป็นของแผ่นดิน ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 38 วรรคสองต่อไป ทั้งนี้ หากไม่สามารถบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของนายเกษม ที่มีมติว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมด หรือแต่บางส่วนแล้ว ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของนายเกษม ตามนัยมาตรา 83 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ด้วย ” เลขาฯปปช. กล่าว
ล่าสุดศาลฏีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้นัดฟังคำพิพากษาคดีฟ้องนายเกษม อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยเป็นจำเลย กรณีแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเท็จ และร่ำรวยผิดปกติ 186 ล้านบาท ในวันพรุ่งนี้ (16 มี.ค.60)โดยปปช.ขอให้ศาลสั่งให้นายเกษม พ้นจากตำแหน่งรองนายกอบจ.เชียงใหม่ และห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีก 5ปีด้วย อย่างไรก็ตามนายเกษม เป็นอดีตส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยได้รับเลือกตั้งครั้งแรกในการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 3 เชียงใหม่ เมื่อปี2555 แทนน.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ลูกสาวนางเยาวภา ที่ถูกคณะกรรมการป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณียื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ แต่ในเดือนมี.ค.56 นายเกษมได้ลาออกจากตำแหน่งส.ส. ก่อนที่นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ จะลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แทนนายเกษมในเขตดังกล่าว ซึ่งนายเกษม ถือเป็นคนสนิทของตระกูลวงศ์สวัสดิ์ เคยเป็นผู้เชี่ยวชาญประจำตัวส.ส.ของนางเยาวภา เลขานุการส่วนตัวนางเยาวภา

นพดล โผล่ช่วย ทักษิณ ยันหุนชินฯไม่ต้องเสียภาษี

'นพดล' อดีตรมต.ต่างประเทศ ชี้ ประเด็นปมขายหุ้นชินคอร์ปฯ ไม่ใช่เรื่องอายุความ แต่อยู่ที่การขายหุ้นทำผ่านตลาดหลักทรัพย์ ได้รับยกเว้นภาษีตามประมวลรัษฎากร
15 มี.ค.60 นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ตามที่ผู้นำในรัฐบาลให้สัมภาษณ์ว่าจะมีการประเมินเรียกเก็บภาษีจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้กับกลุ่มเทมาเส็ก เมื่อวันที่ 23 ม.ค.2549 นั้น ซึ่งคงหมายถึงหุ้นจำนวน 329.2 ล้านหุ้นนั้น ขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะมีการประเมินภาษีจากเงินได้ส่วนใด จากธุรกรรมตอนใด และจะอาศัยกฎหมายข้อใด ซึ่งในเบื้องต้น เห็นว่า
1.เคยมีคำพิพากษาซึ่งสรุปความตอนหนึ่งได้ว่าหุ้นในชินคอร์ปจำนวนดังกล่าวที่รวมขายให้กลุ่มเทมาเส็กในปี 2549 นั้น นายทักษิณ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ บุคคลอื่นๆ เป็นเพียงผู้ถือหุ้นแทน ไม่ใช่เจ้าของหุ้น
2.การขายหุ้นดังกล่าวให้กลุ่มเทมาเส็กได้ขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่ได้ขายนอกตลาด
3.ตามกฎหมายไทย เงินได้จากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นั้น ได้รับยกเว้นภาษีตามกฎกระทรวงฉบับที่ 126 ข้อ 23 ที่ออกตามประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งกฎกระทรวงดังกล่าวนี้ ใช้มานานแล้ว และใช้บังคับเป็นการทั่วไปกับทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น ดังนั้น การขายหุ้นชินคอร์ปผ่านตลาดหลักทรัพย์ก็อยู่ภายใต้กฎกระทรวงฉบับเดียวกันนี้ ตราบใดที่ไม่มีการแก้ไข และ
4.นอกจากเงินได้จากการขายหุ้นในตลาดจะได้รับยกเว้นภาษีแล้ว เงินได้จากการขายหุ้นชินคอร์ป และเงินปันผลจากหุ้นประมาณ 46,000 ล้านบาทถูกยึดตกเป็นของแผ่นดินไปตั้งแต่ 8 ปีที่แล้ว
นายนพดล กล่าวต่อว่า การขายหุ้นชินคอร์ป เกิดขึ้นมาสิบปีแล้ว ผ่านมาหลายรัฐบาล แม้แต่ท่านรองนายกรัฐมนตรี ก็ยังให้สัมภาษณ์ในสื่อต่างๆ ว่า เรื่องนี้ยังไม่แน่ชัดว่าใครผิดใครถูก เพราะกรมสรรพากร ระบุอาจดำเนินการไม่ได้ ที่จริงประเด็นไม่ใช่เรื่องอายุความว่าจะขาดหรือไม่ แต่ประเด็นหลักคือ การขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้รับยกเว้นภาษีตามกฎหมาย ดังนั้น จึงไม่เข้าใจว่า จะมีการประเมินภาษีบนพื้นฐานข้อกฎหมายใด กรมสรรพากร ซึ่งเป็นหน่วยงานจัดเก็บภาษีของประเทศเป็นผู้มีความรู้เรื่องกฎหมายภาษีเป็นอย่างดี ตนหวังว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะปฏิบัติหน้าที่โดยชอบและดำเนินการเรื่องนี้ตามกฎหมายและหลักนิติธรรม และยึดหลักความเท่าเทียมเสมอภาคกับทุกคน เชื่อว่า ถ้าทุกฝ่ายทำเช่นนั้น ก็จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับการค้าและการลงทุนในประเทศได้ 

มติปลดออก”รองอธ.สุภัฒ”ขโมยภาพโรงแรมญี่ปุ่น ชี้ผิดวินัยร้ายแรง เผยแจงเหตุไม่พอใจบริการ ฟังไม่ขึ้น

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 มีนาคม ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัยร้ายแรง กรณีนายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ก่อเหตุขโมยภาพเขียน3รูป ในโรงแรมแห่งหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่น โดยใช้เวลาในการประชุมประมาณ40นาที
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวหลังการประชุมว่า ในวันนี้ที่ประชุมมีความเห็นไล่ออกนายสุภัฒ เนื่องจากในสุภัฒก่อคดีขึ้นถึง 2 ครั้งในโรงแรมเดียวกัน โดยนายสุภัฒชี้แจงถึงสาเหตุที่ก่อเหตุดังกล่าว เพราะไม่พอใจการให้บริการของทางโรงแรมนั้น เป็นเหตุผลที่คณะกรรมการฟังไม่ขึ้น แต่หลังจากถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดและถูกดำเนินคดีที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว นายสุภัฒได้รับสารภาพกับตำรวจและอัยการญี่ปุ่น พร้อมทั้งมีการชดใช้ค่าเสียหายที่ตัวเองได้กระทำความผิดต่อโรงแรมแล้ว โดยกฎหมายต่างประเทศไม่ดำเนินคดี เพราะเห็นว่าผู้กระทำความผิดสำนึกแล้ว จึงให้โอกาสกลับตัว
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวต่อว่า ทางคณะกรรมการได้ตรวจสอบประวัติการรับราชการของนายสุภัฒ ทราบว่ารับราชการมาแล้วกว่า 30 ปี และไม่เคยกระทำความผิดทางวินัยหรือสร้างความเสียหายให้แก่ทางราชการเลยแม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้ง ยังได้ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกจนทราบว่า นายสุภัฒเคยแต่งงานกับภรรยาชาวญี่ปุ่น และได้หย่าร้างไปแล้ว ซึ่งปัจจุบันพบว่านายสุภัฒอาศัยอยู่เพียงลำพัง ไม่มีผู้ดูแล ดังนั้น คณะกรรมการจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลงโทษปลดออกจากราชการแทนการไล่ออก โดยนายสุภัฒยังมีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญ รวมถึงสิทธิในการรักษาพยาบาลด้วย
รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการชุดนี้พิจารณาทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอย่างละเอียด และเมื่อครั้งที่นายสุภัฒเดินทางกลับถึงประเทศไทย ได้ทำหนังสือขอโทษ แสดงให้เห็นถึงความสำนึกในการกระทำความผิด อีกทั้งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับข้าราชการระดับสูงหลายรายที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรง หรือยักยอกทรัพย์ของทางราชการ แต่ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหามาโดยตลอด แม้จะถูกศาลตัดสินว่ามีความผิด แต่รอการลงอาญาไว้ ปัจจุบันคนเหล่านี้ก็ยังรับราชการอยู่ ดังนั้น โทษปลดออกของนายสุภัฒจึงถือว่าสมเหตุสมผล
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้คณะกรรมการจะทำหนังสือแจ้งไปยังต้นสังกัดและนายสุภัฒ และจะมีผลทันที

คณะผู้บริหาร ส.ส.ท.ออกแถลงการณ์ ชี้แจงกรณีการซื้อตราสารหนี้ บริษัท ซีพีเอฟ

คณะผู้บริหาร ส.ส.ท.ออกแถลงการณ์ ชี้แจงกรณีการซื้อตราสารหนี้ บริษัท ซีพีเอฟ ยุติการลงทุนในตราสารหนี้บางบริษัท ที่อาจจะส่งผลให้ภาคประชาชนและสังคมโดยรวมเกิดข้อสงสัยและความคลางแคลงใจ โดยจะมีการนำเสนอให้คณะกรรมการนโยบาย ส.ส.ท. พิจารณาโดยเร็วที่สุด
วันนี้ ( 15 มี.ค.2560) คณะผู้บริหาร ส.ส.ท.ออกแถลงการณ์ ชี้แจงกรณีการซื้อตราสารหนี้ บริษัท ซีพีเอฟ ระบุว่า จากกรณีที่มีการแสดงความคิดเห็นจากสังคมถึงการบริหารสินทรัพย์สภาพคล่องขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ด้วยการนำสินทรัพย์สภาพคล่อง (รายได้ที่ยังไม่ถึงกำหนดใช้จ่าย) ไปซื้อตราสารหนี้ เพื่อทำให้สินทรัพย์สภาพคล่องนั้นสร้างรายได้และถูกนำไปพัฒนาองค์กร ซึ่งกรณีนี้มีผู้ชมผู้ฟังส่วนหนึ่ง ได้ตั้งข้อสังเกตถึงความเหมาะสมของการลงทุนดังกล่าว และกังวลว่าจะกระทบความเป็นอิสระในการทำหน้าที่สื่อสาธารณะ ผู้บริหาร ส.ส.ท. ขอขอบคุณในทุกข้อคิดความเห็นจากทุกภาคส่วน ทั้งนี้ ผู้บริหาร ส.ส.ท. รู้สึกเสียใจและขออภัยที่สร้างความกังวลใจให้กับประชาชนที่ติดตามไทยพีบีเอสมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหาร ส.ส.ท ขอเรียนชี้แจงว่า การบริหารสินทรัพย์สภาพคล่องมีจุดมุ่งหมายเพียงเพื่อให้การบริหารเงินรายได้ที่รอถึงกำหนดจ่าย มีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะมากที่สุด ภายใต้กรอบที่กฎหมายกำหนด โดยมีการจัดการบริหารความเสี่ยงทางการเงิน เป็นเงื่อนไขกำกับการลงทุน คือ ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีการจัดอันดับเครดิตในระดับ A (จัดอันดับโดย TRIS) ซึ่งหมายถึงตราสารที่มีความเสี่ยงในระดับต่ำ มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและคืนเงินต้นในเกณฑ์สูง
กลไกการใช้ดุลยพินิจ
กลไกการบริหารสินทรัพย์สภาพคล่อง ระเบียบ ส.ส.ท.กำหนดให้คณะกรรมการบริหารมีหน้าที่จัดทำกรอบนโยบายลงทุนเสนอให้คณะกรรมการนโยบายอนุมัติในทุกปีงบประมาณ โดยเสนอขออนุมัติพร้อมกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ เมื่อผ่านความเห็นชอบแล้ว ฝ่ายบริหารจึงดำเนินการบริหารจัดการในรูปแบบต่าง ๆ ภายใต้กรอบที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งเงินฝากในสถาบันการเงิน ตราสารหนี้ (พันธบัตรและหุ้นกู้) ซึ่งการบริหารสินทรัพย์สภาพคล่องในปีงบประมาณ 2560 ก็ดำเนินการตามกรอบนโยบายลงทุนที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบาย และการตัดสินใจเลือกลงทุนในตราสารหนี้บริษัทใดบริษัทหนึ่งนั้น ฝ่ายบริหารจะมีการปรึกษาหารือกับที่ปรึกษาทางการเงิน โดยลงทุนในตราสารหนี้เท่านั้น ไม่มีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญหรือตราสารทุนประเภทอื่นๆ อย่างเด็ดขาด ด้วยเหตุผลการบริหารความเสี่ยงทางการเงินที่ต่ำกว่า และบริหารจัดการสภาพคล่องได้ดีกว่า
อย่างไรก็ตาม เพื่อยืนยันในหลักการของสื่อสาธารณะ ที่ให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างรอบด้าน เสียงวิพากษ์วิจารณ์และข้อคิดความเห็นต่าง ๆ ต่อการบริหารสินทรัพย์สภาพคล่องของส.ส.ท. จึงเป็นสิ่งที่ฝ่ายบริหาร ส.ส.ท ตระหนัก และเล็งเห็นว่าจำเป็นต้องมีการพิจารณาทบทวนกรอบนโยบายลงทุน รวมทั้งการยุติการลงทุนในตราสารหนี้บางบริษัท ที่อาจจะส่งผลให้ภาคประชาชนและสังคมโดยรวมเกิดข้อสงสัยและความคลางแคลงใจ โดยจะมีการนำเสนอให้คณะกรรมการนโยบาย ส.ส.ท. พิจารณาโดยเร็วที่สุด

คณะผู้บริหาร ส.ส.ท.
15 มีนาคม 2560



ปราบธรรมกาย : มวยล้ม / โดย วสิษฐ เดชกุญชร

ปราบธรรมกาย : มวยล้ม / โดย วสิษฐ เดชกุญชร
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีออกดินตรวจในบริเวณวัดพระธรรมกายจากนั้นแถลงว่าไม่พบธัมมชโย ประกาศยุติการค้น
Last updated: 14 มีนาคม 2560 | 22:49
ในฐานะที่มีส่วนในการผลักดันให้เกิดกรมสอบสวนคดีพิเศษ และในฐานะที่เคยเป็นกรรมการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผมรู้สึกอับอายขายหน้าเป็นที่สุด เมื่อเห็นการตรวจค้นสำนักธรรมกายของ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีและเจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษเมื่อวันศุกร์ที่ 10 มีนาคมที่ผ่านไป
ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 อันเป็นวันที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองทัพบก เริ่มเข้าปิดล้อมและควบคุมพื้นที่สำนักธรรมกายตามอำนาจของนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ
ผมติดตามข่าวการทำงานของเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด เป็นที่เห็นได้ชัดว่าพระสำนักธรรมกายเป็นฝ่ายที่คุมสถานการณ์มาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน และฝ่ายเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามทุกเงื่อนไขที่พระกำหนด ไม่ว่าจะเป็นการปฏิเสธไม่ยอมให้เข้าไปตรวจค้นในวัด หรือการไม่ยอมออกจากพื้นที่ตลาดเอกชนคลองหลวง นอกจากนั้นพระยังมีโอกาสโดยเสรีในการแถลงข่าวโดยเจ้าหน้าที่ไม่พยายามที่จะขัดขวางหรือห้ามปราม
ขอบอกตรงๆ ว่า ผมรู้สึกอึดอัดและไม่แน่ใจเมื่อเห็นว่าทั้งเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตำรวจ และทหาร เข้าไปเผชิญหน้ากับพระและสาวกของสำนักธรรมกายโดยมีแต่มือเปล่า ปราศจากอุปกรณ์หรือเครื่องมือเช่นโล่หรือตะบอง ที่จำเป็นต้องใช้ในกรณีที่อาจเกิดการปะทะกัน
และเมื่อเห็นภาพเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจถูกพระและสาวกผลักตกสะพานจนได้รับบาดเจ็บขณะที่พยายามเข้าไปตรวจค้นสำนักธรรมกาย และเห็นภาพรถยนต์ของทหารถูกยิงด้วยของแข็งที่เชื่อว่าเป็นลูกแก้วจนรถเสียหาย ผมก็ยิ่งข้องใจมากขึ้นว่า เหตุใดผู้บังคับบัญชาจึงไม่ยอมให้ทหารและตำรวจใช้เครื่องป้องกันตัวชนิดใดชนิดหนึ่งเสียที
ครั้นพอเห็นภาพการ ตรวจค้น สำนักธรรมกายของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเมื่อวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม ผมก็สงสัยทันทีว่า คนไทยทั้งโลกที่กำลังติดตามข่าวการทำงานของเจ้าหน้าที่อยู่เช่นเดียวกับผมจะถูกต้มเสียแล้ว
การตรวจค้นในวันนั้น ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องเรียกว่าเป็นการรับเชิญจากพระให้เข้าไปชมห้องต่างๆในสำนักมากกว่า เพราะพระเป็นผู้นำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่กลุ่มเดียวเข้าไปในห้องต่างๆ เอง แทนที่เจ้าหน้าที่จะแยกออกเป็นชุด และตรวจพร้อมกันทุกจุด โดยมีพระเป็นเพียงผู้ดู นอกจากนั้นยังไม่ปรากฏด้วยว่ามีชุดพิสูจน์หลักฐานพร้อมด้วยเครื่องอุปกรณ์ตรวจที่เกิดเหตุตามอธิบดีเข้าไปในการตรวจค้นด้วย
เดินตามกันไปเหมือนขบวนแห่กองกฐินหรือแห่นางแมว
และเมื่อในตอนเย็นวันนั้น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษให้สัมภาษณ์อย่างรวบรัดว่า ไม่พบตัวนายไชยบูลย์ สุทธิผล ผู้ต้องหาคนสำคัญ และว่าจะเสนอให้ยกเลิกการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ โดยไม่ยอมให้โอกาสสื่อซักถาม ผมก็แน่ใจว่าการปิดล้อมและพยายามตรวจค้นสำนักธรรมกายเป็นมวยล้มมาตั้งแต่ต้น
ในฐานะที่เป็นผู้เสียภาษีอากรคนหนึ่ง ผมถือว่าผมมีสิทธิโดยสมบูรณ์ ที่จะถามอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และถามนายกรัฐมนตรีว่า เหตุใดการดำเนินมาตรการกับสำนักธรรมกายจึงจบลงเช่นนี้

และต่อไปนี้ท่านจะทำอะไรและอย่างไรกับสำนักธรรมกาย หรือจะให้สำนักนี้เป็นเขตปกครองพิเศษอิสระไม่อยู่ใต้บังคับของกฎหมาย

เจ้าหน้าที่มีมือเปล่าเข้าปควบคุมฝูงชนจนเกิดการผลักดันกับกำลังของสงฆ์ (ภาพโดยกลุ่มพลเมืองจิตอาสา)

ทดลองให้บริการ BTS "อ่อนนุช"-"แบริ่ง" 19 วัน- เปิดให้ประชาชน ใช้บริการ "ฟรี" แบริ่ง-สำโรง ตลอดเดือนเมษายน 2560

 

15 มี.ค. 2560 | 12:33:00
 
ผู้ว่าฯ กทม. "อัศวิน" เป็นประธานเปิด ทดลองวิ่งรถไฟฟ้า ข้ามจังหวัด สถานีสำโรง บริษัทฯ ทดลองเดินรถเสมือนจริง 15 มี.ค. - 2 เม.ย. 60 พร้อมเปิดให้บริการ ปชช. สถานีแบริ่ง - สำโรง "ฟรี" ตลอดเดือนเมษายนนี้ 

วันที่ 15 มีนาคม 2560 พล.ต.อ.
อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร, คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร, คณะผู้บริหาร การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.), ผู้บริหารบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC), ผู้บริหารบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด และสื่อมวลชน เดินทางโดยรถไฟฟ้า บีทีเอส ส่วนต่อขยายสายสีเขียว จากสถานีอ่อนนุช ไปยังสถานีแบริ่ง เพื่อเปิดการทดลองเดินรถเสมือนจริง โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย สายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ จากสถานีแบริ่ง – สถานีสำโรง จำนวน 1 สถานี มีนายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ให้การต้อนรับ และร่วมในพิธีเปิดการเดินรถเสมือนจริง

ผู้สื่อข่าวรายงาน จากนั้นคณะผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางจากสถานนีแบริ่ง ไปยังสถานีสำโรง 

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผย
ว่า โครงการรถไฟฟ้า ส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ เป็นเป็นความร่วมมือระหว่าง กรุงเทพมหานคร การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อให้บริการประชาชน ทั้ง 2 เมือง สามารถเดินทางเชื่อมต่อเข้าสู่ย่านธุรกิจ และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และเมื่อเปิดให้บริการเดินรถทั้งระบบ ประมาณปลายปี 2561 จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรในเขตบางนา และจังหวัดสมุทรปราการ อีกทั้งสถานีสำโรงเป็นสถานีใหญ่ พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชน อื่นๆ ในอนาคต อาทิ โครงการ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง ซึ่งจะส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเชิงพาณิชย์ และกลายเป็นศูนย์กลางพัฒนาแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ใต้ อีกด้วย

ทั้งนี้ แผนการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย ของกรุงเทพมหานคร ช่วงสถานีแบริ่ง -สมุทรปราการ กำหนดเปิดให้บริการสถานีแรกที่ สถานีสำโรง โดยจะทดลองเดินรถเสมือนจริง ระหว่าง วันที่ 15 มีนาคม - วันที่ 2 เมษายน 2560

โดยจะเปิดให้บริการเดินรถแก่ประชาชน ช่วงสถานีแบริ่ง-สำโรง ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2560 เป็นต้นไป ซึ่งจะยกเว้นค่าโดยสารในช่วงแรกตลอดเดือนเมษายนนี้

นิชานันท์’ผู้ถูกอายัดทรัพย์คดีฟอกเงินงบภัยพิบัติ มีเงินฝาก 19 บัญชี 80 ล.

พลิกปูมสาวน้อย ‘นิชานันท์’ ตัวละคร ผู้ถูกอายัด ที่ดิน 4 แปลง เงิน ฝาก 19 บัญชี 131 ล.คดีฟอกเงินจัดซื้อสารเคมีกำจัดศัตรูพืช งบภัยพิบัติ 3 จังหวัดอีสานเป็นใคร?
picmoney14 3 17
คดีฟอกเงินจัดซื้อสารเคมีกำจัดศัตรูพืช จากการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (การเกิดโรคระบาดของแมลงศัตรูพืช) จ.อุบลราชธานี อำนาจเจริญและมหาสารคาม กลุ่มนายสุรพล สายพันธ์ อดีตผู้ว่าราชการ จ.อุบลราชธานี นางนฤมล มะลิวัลย์ และ นายเกรียงไกร วรรณเสริมสกุล คณะกรรมการธุรกรรมของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)ได้อายัดทรัพย์สินผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตเบิกจ่ายเงินจากกรณีดังกล่าวซึ่งเป็นบุคคลและนิติบุคคลจำนวน 16 ราย 229 รายการ รวมมูลค่า 384 ล้านบาท ตามที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อมูลมารายงานอย่างต่อเนื่อง
กรณีของ น.ส.นิชานันท์ วรรณเสริมสกุล 1 ใน 16 ราย ถูกอายัดทรัพย์สิน 31 รายการ ประกอบด้วย รถยนต์ 4 คัน บัญชีเงินฝาก 19 บัญชี 80,476,173.48 ที่ดินตามโฉนด 4 แปลง ได้แก่ เนื้อที่ 2 ไร่ 19.1 ตารางวา (ร่วมกับ น.ส.นิธิกานต์ และดช.วริษฐ์ วรรณเสริมกุล), 3 งาน 59.9 ตารางวา (ร่วมกับ น.ส.นิธิกานต์ และดช.วริษฐ์ วรรณเสริมกุล), 1 งาน 59.1 ตารางวา (ร่วมกับ น.ส.นิธิกานต์ และดช.วริษฐ์ วรรณเสริมกุล), 1 ไร่ 1 งาน 0.9 ตารางวา และ สิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่าห้องพัก 2 สิทธิ (ร่วมกับ นายศักดา และน.ส.สุดา หอมจันทร์, นายสืบพงษ์ แสงทองสุข) รวมมูลค่า 131.2 ล้านบาท (ไม่รวมสิทธิเรียกร้อง)
picmoney0014 3 17
picmoney0114 3 17
picmoney0214 3 17
picmoney0314 3 17
picbaan0514 3 17
picbaan0614 3 17
จากการตรวจสอบพบว่า น.ส.นิชานันท์เคยปรากฎชื่อเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในช่วงปี 2555 
ข้อมูลทางธุรกิจพบว่า ณ วันที่ 30 เม.ย. 2559 ถือหุ้น บริษัท ฟิวเจอร์ อิมพอร์ต คาร์ จำกัด จำนวน 3,900 หุ้น (39.90%) โดยมี น.ส.วิมลสิริ โตวิริยะกุล ถือ 6,000 หุ้น (60%) และ น.ส.ปิยวรรณ ปุยะติ 10 หุ้น รวม 10,000 หุ้นมูลค่าหุ้นละ 100 บาท
ทั้งนี้ บริษัท ฟิวเจอร์ อิมพอร์ต คาร์ จำกัด จดทะเบียนก่อตั้งวันที่ 26 มิ.ย. 2557 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ ขายรถยนต์ ที่ตั้งเลขที่ 207/49 ถนนกลางเมือง ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น น.ส.วิมลสิริ โตวิริยะกุล เป็นกรรมการ แจ้งผลประกอบการรอบปี 2558 รายได้ 528,019 บาท ขาดทุนสุทธิ 4,254,708 บาท 
น.ส.นิชานันท์นั้นนามสกุลเดียวกับ นายเกรียงไกร วรรณเสริมสกุล เจ้าของ บริษัท เสริมสินการช่าง จำกัด ซึ่งถูกศาลล้มละลายกลางพิพากษาให้ล้มละลาย เมื่อวันที่ 15 ก.พ.2559 (อ่านประกอบ:ล้มละลาย! เจาะเครือข่ายนักธุรกิจขอนแก่น ถูกปปง.อายัดทรัพย์พร้อมอดีตผู้ว่าฯอุบล)
บริษัทดังกล่าวจดทะเบียนจัดตั้ง 19 ส.ค. 2545 ทุน 10 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 295/69 หมู่ที่ 19 ตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น แจ้งประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ปรากฎชื่อนายเกรียงไกร วรรณเสริมสกุล เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ
น่าสังเกตว่า น.ส.นิชานันท์ ซึ่งเคยมีสถานภาพเป็นนักศึกษาในปี 2555 แต่กลับถือครองทรัพย์สินกว่า 131 ล้านบาท และยังถือหุ้นธุรกิจอย่างน้อย 1 แห่ง
ต้องติดตามผลตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป