PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2558

แถลงการณ์จากกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตยตอบโต้แถลงการณ์ฝ่ายการนักศึกษา


แถลงการณ์จากกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตยตอบโต้แถลงการณ์ฝ่ายการนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรณี นักศึกษาธรรมศาสตร์เคลื่อนไหวทางการเมืองภายนอกมหาวิทยาลัย
สืบเนื่องจากปรากฏการณ์ที่กลุ่มประชาธิปไตยศึกษา จัดกิจกรรม “นั่งรถไฟ ไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง” เพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เรียกร้องให้ตรวจสอบการทุจริตโครงการสร้างอุทยานราชภักดิ์ โดยเป็นเสรีภาพในการแสดงออกตามหลักประชาธิปไตยสากล โดยมีมุมมองอย่างรอบด้านในบริบทที่ประเทศไทยกำลังตกอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหาร ไร้ซึ่งการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจ กล่าวอ้างการปฏิรูปและการปรองดองเพื่อกีดกันและปิดกั้นสิทธิ เสรีภาพของประชาชน ซึ่งทางกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตยมีความเห็นว่า ทางผู้จัดงานและกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา ไม่เคยกล่าวอ้างถึงความเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในการทำกิจกรรมแต่อย่างใด แม้ว่าสมาชิกกลุ่มและผู้ร่วมกิจกรรมส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเมื่อถูกจับ ถูกกักขังสอบปากคำอย่างไม่ชอบธรรม ก็มิได้เรียกร้องให้ “ฝ่ายการนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” เข้ามาช่วยปกป้องสิทธิเสรีภาพในสถานะนักศึกษา จึงอยากโต้แย้งเพื่อแก้ไขความเข้าใจให้แก่ฝ่ายกิจการนักศึกษาที่ได้ออกแถลงการณ์ด้วยความไม่สัตย์จริง ดังนี้
1. กลุ่มประชาธิปไตยศึกษาและผู้จัดงาน มีทั้งสมาชิกที่เป็นนักศึกษาและอดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับการอบรมสั่งสอนจากคณาจารย์เป็นอย่างดี จัดกิจกรรมโดยอยู่บนพื้นฐานของศีลธรรมอันดีและเป็นไปโดยบริสุทธิ์ใจเพื่อประโยชน์ของประชาชน
2. กิจกรรมที่เป็นการนั่งรถไฟเพื่อไปส่องแสงปลุกจิตสำนึกอันดีงาม สุจริต และเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการสร้างอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งดำเนินการอย่างไม่โปร่งใส มหาวิทยาธรรมศาสตร์และฝ่ายการนักศึกษาจึงควรส่งเสริม สนับสนุนกิจกรรมดังกล่าว อันเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอย่างรับผิดชอบ และไม่มีผลกระทบต่อส่วนรวมแต่อย่างใด
3. หากฝ่ายการนักศึกษามีความห่วงใยในสวัสดิภาพและความปลอดภัยของนักศึกษาอย่างที่กล่าวอ้าง ก็จงเรียกร้องให้รัฐบาล และเจ้าหน้าที่รัฐ เลิกใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ ขัดขวางการแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพ และหันมาใช้แนวทางที่ซื่อสัตย์สุจริตในการปกครองบ้านเมือง
ทั้งนี้กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีประชาธิปไตยยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์อันดีงามของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ผ่านการพิสูจน์แล้วตลอดมาทุกยุคทุกสมัยและมีความปรารถนาที่จะเห็นสังคมที่เป็นธรรม ปราศจากการคอร์รัปชั่น การทุจริต การปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน และมุ่งหวังให้ประชาธิปไตยกลับคืนมาสู่บ้านเมืองอีกครั้ง

รัสเซียยิงจรวดมิสซายด์ใส่IS

รัสเซียยิงมิสไซล์ใส่ฐานที่มั่นไอเอสจากเรือดำน้ำในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซียเซอร์เก ซอยกู กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่ารัสเซียโจมตีที่มั่นของไอเอสในซีเรียด้วยการยิงขีปนาวุธKalibr จากเรือดำน้ำที่อยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
สำนักข่าว Tass รายงานว่าซอยกูกล่าวในขระประชุมกับประธานาธิบดีปูตินว่าขีปนาวุธดังกล่าวถูกยิงออกมาจากเรือที่ดำอยู่ใต้น้ำและโจมตีเป้าหมายที่เป็นกลุ่มไอเอสถึงสองแห่ง พร้อมกล่าวว่านี่เป็นครั้งแรกที่เรือดำน้ำRostov-on-Donของรัสเซียยิงขีปนาวุธจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
“เป้าหมายของเราคือสองจุดสำคัญในจังหวัดRaqqaของซีเรียซึ่งเป็นดินแดนของผู้ก่อการร้าย...เรามีความมั่นใจที่จะบอกว่าการโจมตีครั้งนี้สร้างความเสียหายอย่างมากต่อคลังแสงและโรงงานเหมืองรวมถึงคลังน้ำมันของผู้ก่อการร้าย " ซอยกูกล่าว
จากคำกล่าวของซอยกู รัสเซียได้แจ้งสหรัฐฯและอิสราเอลถึงแผนการโจมตีโดยเรือดำน้ำในครั้งนี้แล้ว
นอกจากนี้เขายังกล่าวว่าในช่วงเวลาสามวันที่ผ่านมา เครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกล Tu-22 และเครื่องบินรบรัสเซียที่ประจำการในฐานทัพอากาศเฮไมมีม ได้ทำผลงานไปแล้วกว่า 300 ครั้ง และโจมตีเป้าหมายแล้วกว่า 600 เป้า
ในระหว่างการประชุม ปูตินได้สั่งให้วิเคราะห์ความเสียหายและการทำงานต่างๆของอาวุธที่มีความแม่นยำสูงที่ถูกใช้ในปฏิบัติการทางอากาศในซีเรีย
“ขีปนาวุธทั้ง Kalibr และ Kh-101 มีการทำงานที่ดี อาวุธเหล่านี้เป็นอาวุธใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง และตอนนี้เราก็ได้เห็นถึงประสิทธิภาพของมันแล้ว”
ปูตินกล่าวพร้อมเสริมว่า“อาวุธเหล่านี้สามารถติดตั้งได้ทั้งแบบธรรมดาและพิเศษแม้แต่หัวรบขีปนาวุธนิวเคลียร์จริงๆแล้วอาวุธเช่นนี้ไม่จำเป็นจะต้องนำมาใช้ในการสู้ก่อการร้ายและผมหวังว่าจะไม่จำเป็นต้องใช้มันอีก”
ทั้งนี้ในระหว่างการประชุมยังมีการนำกล่องดำของเครื่องบินรบ Su-24 ของรัสเซียที่ถูกยิงตกมาให้ปูตินได้ดูในที่ประชุมอีกด้วย
“ตามที่ผมเข้าใจ บันทึกข้อมูลการบินจะทำให้สามารถยืนยันวิถีการบินของ Su-24 ตั้งแต่ตอนออกบินจนถึงตอนที่ตก ซึ่งหมายความว่าเราจะสามารถเข้าใจว่าเครื่องบินอยู่ที่ไหน(ตอนที่ถูกยิง) และการโจมตีแบบลอบกัดของกองทัพอากาศตุรกีได้เกิดขึ้นในช่วงใด" ปูตินกล่าว

เก็บตก นายกฯปรี๊ด สื่อวันวาน


เก็บตก.....วันนี้(8/12/58) นายกฯ ฉุน สื่อ-คอลัมนิสต์ วิจารณ์ เสนอข่าว ท้ามาเป็นนายกฯ-รมต.เลย เปรย ไม่ต้องให้มีนสพ.สักฉบับดีมั้ย ยันผมไม่ใช่กุ๊ย อย่ามาใช้คำ "โว ปัด ฟุ้ง"กับผม ผมมีเกียรติ บ่นปวดหัว ปัญหาบ้านเมืองเยอะ เอ่ยชื่อ หังสือพิมพ์ หลักๆหมด
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในการแถลงข่าว หลังประชุม ครม. แบบไม่ให้ถาม โดยบ่น ว่า วันนี้ผมอารมณ์เสียแน่นอน ตั้งแต่เช้าแล้ว ในที่ประชุม ครม.ผมก็เป็นแบบนี้
"แล้วทำไมผมจะแสดงอารมณ์ของผมเองไม่ได้รึไง จะต้องให้อารมณ์ดีทั้งวันเลยหรือ ไปหากันมาเองแล้วกัน นายกฯ อารมณ์ดี ไม่ต้องทำอะไร หรือทำน้อยๆ ไปหามา"
โดยในตอนท้าย ก็กล่าวอีกว่า วันนี้ต้องขอโทษที่เสียงดัง ไม่มีอะไร ปวดหัวไปหน่อย หลายวันมาแล้วที่ต้องเคลียร์ปัญหาของประเทศนี้ ตอนนี้อารมณ์ดีแล้ว
" แต่พอพูดก็หาว่าบ่น ผมเพียงแต่ต้องการชี้แจงปัญหา ชี้แจงการแก้ปัญหาและข้อความร่วมมือ แต่ทั้ง 3 ข้อก็ไม่ได้สักที
ไม่เชื่อจะให้ผมเอาหนังสือพิมพ์มากางให้ดูหรือไม่เล่า ดูสิว่าของใคร หัวหนังสือพิมพ์ไหน ผู้จัดการ มติชน ข่าวสด ไทยรัฐ เดลินิวส์ บางคอลัมน์ เอาหรือไม่เล่า ไม่ต้องมาบอกให้ผมพอ ทีเวลาเขียนด่าผม ผมไม่เห็นว่าอะไรพวกท่านเลย ให้ความเป็นธรรมกับผมบ้างสิ ทีมข่าวการเมืองมันเก่งอะไรนักหนา มาเป็นนายกฯ สิ มาเลยไอ้พวกคอลัมนิสต์ต่างๆ สมัครเข้ามาเป็นรัฐมนตรี สมัครคราวหน้าผมจะเลือกให้ ปัดโธ่ ! คิดเป็นแต่ปัญหา คิดแต่ต้องการอะไร มีอยู่แค่นี้ แล้วก็ด่าคนอื่นเขาไปทั่วทั้งหมด แล้วมันใช่หรือไม่ แล้วประเทศจะเด้นหน้ากันได้อย่างไร วันนี้ถ้าประเทศเป็นปกติ ผมไม่ว่า เหมือนที่เขาเจริญแล้วมันถือเป็นเรื่องธรรมดา สื่อจะพูดอะไรก็พูดไม่มีใครไปยุ่ง
วันนี้บ้านเมืองจะล่มอยู่แล้ว ยังจะมาพูดแบบนี้กันอยู่แล้วมันจะไปอย่างไร ข้าราชการก็ท้อแท้หัวใจ
ผมไม่ท้อแท้อยู่แล้ว แต่ยอมรับว่าโมโห แต่ไม่มีท้อแท้ ไม่มีถอยอยู่แล้ว สู้ทุกอย่างอยู่แล้ว พอพูดอย่างนี้ก็ไปเรียกมากันอีก ให้มาสู้กับผมอีกสิ หาว่าท้าทาย โว ปัด คำแบบนี้ไม่พูดไม่ได้หรือว่ะ การชี้แจงก็หาว่าโว คำพวกนี้ไปพูดกันในวงเหล้าเถอะ อย่ามาใช้กับผม ผมมีเกียรติ ไม่ใช่กุ้ยที่ไหน ผมไม่ใช่กุ้ย คำว่า โว ปัด ฟุ้ง อย่ามาใช้กับผม โดยเฉพาะคำว่า ฟุ้ง มันเป่าขี้เถ้าหรือยังไง"

ว่าด้วยกระแสข่าวปรับครม.กับคำปฏิเสธของนายกฯวันวาน

นายกฯ ลั่น การปรับ ครม. มันเรื่องของผม จะเอาใครเข้าใครออก สื่อรู้ไป แล้วได้อะไร ติงสื่อเขียนนิยายดึง "บิ๊กโชย" เข้าครม. ยันยไม่คิด ยันยึดหลักการแต่งตั้งโยกย้าย ถ้าดีแต่ไม่อาวุโส ก็ขึ้นไม่ได้ ต้องทั้งดี และอาวุโส เหน็บพวกอาวุโส แต่ห่วย ก็มี ไม่เอาคนประจบสอพลอ บ่นเลือกตั้งผบ.ตร.บอกยังไม่พร้อม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. แถลงข่าวภายหลังการประชุมครม. ว่า ได้สั่งการว่าทุกกระทรวงต้องมีโรดแมปให้ชัดเจน บอกทุกกระทรวงแล้วว่าต้องเขียนให้ชัดเจน ว่าจากนี้ไปถึง กรกฎาคม 2560 จะทำอะไร นี่คือระยะที่ 1 จะปฏิรูปอะไรต้องทำให้เสร็จ ตนพูดไปหลายครั้ง แล้วมาทวงอยู่นั่นแหละว่าตรงนี้ยังไม่ทำ มันจะทันได้อย่างไร เพราะปล่อยมากี่รัฐบาลแล้ว พอจะเริ่มก็มาขัดแย้งกันอีก
“ประเทศนี้ตนว่ามันอยู่กันไม่ได้แล้ว ถ้าชอบให้ใครมายึดครองไปก็เอา ชอบหรือเปล่า แบบนั้น ผมถามประชาชนทั้งประเทศ ว่าจะเอาอย่างไรกับผม จะให้มันขัดแย้งไป ใครเป็นรัฐบาลก็ไม่เป็นไร หมักหมมปัญหาไว้ วันหน้าผมรู้ว่าต้องเจออะไรอีก ประชามติผ่านหรือไม่ผ่าน เลือกตั้งได้หรือไม่ได้ ก็กลับมาที่คสช.อีก มันอะไรกันวะ ปัญหาทั้งหมดใครเป็นคนสร้าง คสช.สร้างหรือ ท่านไม่อยากมีความสุขกันหรือ หรืออยู่แบบนี้ดี หากินได้ทุกวัน มีข่าวให้เขียนขัดแย้งไปเรื่อยๆ สนุกหรือ เชียร์มวยกันหรือ”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ตนขอฝากไปถึงข้าราชการ วันนี้สิ่งที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล อดีตรมว.กต. บอกว่า วันนี้รัฐบาลอย่ามาอ้างที่ไปยุบคณะกรรมการจัดการน้ำของเขา และยกเลิกโครงการรถไฟของเขา ถ้ามันเกิดขึ้นไม่ได้แสดงว่าข้าราชการต้องรับผิดชอบ ที่ผ่านมาทำไมไม่ทำตามหน้าที่ ดูซิเขาโยนความผิดให้ข้าราชการแล้ว ทำไมบางคนยังไปสนองตอบอยู่ได้ ท่านต้องไปช่วยสู้ให้ตน ถ้าจะให้ตนทำแต่ไม่ช่วย แล้วให้อีกพวกมาตีอยู่ทุกวันแบบนี้มันไม่ถูก เห็นแก่ตัวกันเกินไปหรือเปล่าไม่รู้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงเรื่องที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่ารัฐบาลจะหาเกณฑ์ประเมินผลข้าราชการเพิ่มเติม ว่า วันนี้มีการสั่งการย้ำลงไปอีกครั้งในที่ประชุม ไม่ได้ทำเพื่อขู่ข้าราชการ แต่ตนต้องการยกระดับข้าราชการ ไม่ให้เขามาดูถูก เรามีวิสัยทัศน์ มีความคิดริเริ่ม มีความแตกต่าง ใช้สมองตัวเองต่อสู้ไม่ใช่ประจบสอพลอ ตนไม่ชอบคนแบบนี้ และไม่ให้ใครเป็นด้วย
“ไม่ต้องมาเขียน ไอ้นี่พวกผม ไอ้นั่นพวกใคร สร้างนิยายกันอยู่ได้ ไอ้นี่จะตั้งเป็นอันนี้ คนนี้จะออกคนนี้จะเข้า บิ๊กโชยบิ๊กอะไร ผมไม่เคยคิดเลย มันรู้ได้อย่างไรว่าจะเอาคนนั้นคนนี้มา เข้ามาเพราะอย่างนั้นอย่างนี้ เอามารองหลังผม
ผมบอกตั้งแต่วันแรกแล้วว่าไม่จำเป็น ในเมื่อผมทำความดีผมก็ทำของผมไป ถ้าทำดีไม่ได้ก็ไม่ได้ ทำไมต้องเอาคนมาปกปิดอะไรผม ไม่ต้องการ คุณเขียนอย่างนั้นไปก็เป็นปัญหาแบบครั้งที่แล้วว่า จะตั้งน้องชายผมบ้าง วุ่นไปหมด หรือจะเอาอำนาจแต่งตั้งทั้งหมดให้กับพวกท่าน สื่อ ประชาชน หรือใคร มันเรื่องของเขาก็เรื่องเขา เขาตั้งของเขา
"ครม.ก็เรื่องของผม รู้ไปแล้วได้อะไร ไม่เห็นได้อะไรนี่ เรื่องของผมตัดสินใจจะเอาใครเข้าใครออก อย่าไปยุ่งกองทัพมากนักเลย
เวลาจะแต่งตั้งเขาดูว่าแต่งตั้งมาเมื่อไหร่ อาวุโสหรือยัง ครองยศกี่ปี คิดมาอย่างนี้ ไม่ใช่คิดส่งเดชว่ามชอบหน้าไอ้นี่ ไอ้นี่ ไม่เอา วันนี้ผมยึดหลักของผมแบบนี้ ไม่ใช่ตั้งส่งเดช ถ้าคนมันดี แต่อาวุโสไม่ถึงก็เป็นไม่ได้ ต้องทั้งดีและอาวุโส ถ้าอาวุโสแต่ห่วย ก็เอาคนที่รองลงไปขึ้นมา ตั้งคนที่ทำงานเป็นรู้งาน ไม่ใช่คนประจบสอพลอ มันจะทำงานสำเร็จหรือถ้าตั้งแบบนั้น มันจะสร้างระบบไปถึงข้างล่าง ถ้าตั้งคนแบบนี้ขึ้นมาปกครองคน”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สมัยที่ผมเป็นผบ.ทบ.ก็ตั้งรองผบ.ทบ. 5 คน กับแม่ทัพ ที่เหลือไปตั้งกันมา ไม่ใช่ตั้งทั้งหมด วันนี้ตำรวจก็รับผิดชอบมาถ้าไม่ดี พวก ผบ.ภาค มีร้องเรียนตรงไหนก็สอบสวนมา ไม่ใช่ขึ้นมาก็ด่า ก.ตร. ด่านายกฯ สอนให้มีความรับผิดชอบตามลำดับชั้น ไม่ดีไปเล่นงานตรงนู้น ไม่ใช่จะมาเอาอำนาจให้ ผบ.ตร. ให้เขารับผิดชอบ ที่ผ่านมามันก็เป็นแบบนั้น แต่การเมืองไม่ต้องการให้เขารับผิดชอบ จึงตั้งก.ตร. เพื่อแต่งตั้งตรงไหนก็ได้ วันนี้ไม่ใช่ ทำไมไม่มองมุมนี้ ถ้าทำไม่ดีก็ไปเล่นงานมา มีระบบไหนดีกว่านี้หรือไม่ หากจะเลือกตั้งผบ.ตร. เลือกตั้งนักการเมืองยังแย่เลย ยังจะเลือกตั้งส่งเดชอีก
“พร้อมหรือยัง ผมไม่ว่าหรอกถ้ามันพร้อมนะ ทุกเรื่องไม่พร้อมซักเรื่อง แต่จะเอา อยากได้ หาคนตำหนิ เป็นอย่างนี้ประเทศไทยจะอยู่อย่างไร ผมอยากจะถาม ท่านไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลงหรือ ท่านไม่ต้องการการปฏิรูปหรือ การปฏิรูปไม่ใช่แบบนี้”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมอยากจะบอกข้าราชการด้วยว่า อย่าให้การเมืองมาดูถูกท่าน วันนี้เขาโยนความรับผิดชอบมาให้ท่านแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องน้ำ ข้าว ยาง เขาบอกว่าในเมื่อเขาไม่ได้เป็นแสดงว่าความผิดอยู่ที่ข้าราชการ ที่ผ่านมาทำไมไม่ทำ จำไว้นะเขาพูดแบบนี้ เดือดร้อนกันซะบ้าง ผมยังเดือดร้อนแทนท่านเลย เกียรติยศศักดิ์ศรีข้าราชการไปไหนหมด หรือจะรอเขาเข้ามาครอบหัวอีกก็เอาเถอะ ผมไม่ว่า”

ประวิตร ด่าพวกเคลื่อนไหวตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์


"พลเอกประวิตร" ถาม รู้มั้ย เมื่อเดือนที่แล้วเขารายงานว่า มีคนไปเที่ยว "อุทยานราชภักดิ์" เป็นล้านคน ยกพระมหากษัตริย์รักษาชาติเอาไว้ได้ แต่พวกนี้เล่นอะไรกันไม่รู้ ....ถามว่าเชื่อกันหรือเรื่องแผนผัง ขอให้เลิกทำเสียที เขียนในโซเชียลมีเดียเสียหายมาก คนไม่ฟังหรอก เขารำคาญ เผย ตร.จับคนทำ "ผังทุจริต ราชภักดิ์"ได้แล้ว เตรียมจับอีก 2 คน อุบเกี่ยวกลุ่มการเมืองหรือไม่ ยันจะฟ้องหมด มาพาดพิง....บอกสื่อ ผมไม่พูดแล้ว เรื่อง"ราชภักดิ์" จบแล้ว ยุติอยู่แล้ว จบอยู่แล้ว ไม่มีอะไรหรอก กรรมการฯสอบอยู่...บอก “จ่านิว” ไปไหว้ราชภักดิ์ได้ เหน็บจะใช้ไฟฉายตรวจสอบหรือ ยัน คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทำโปร่งใส ตรวจสอบ ไม่ยอมเสียชื่อแน่ ...
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงเรื่องความไม่ชอบมาพากลในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า ตนไม่พูดแล้ว เรื่องนี้ยุติอยู่แล้ว จบอยู่แล้ว ไม่มีอะไรหรอก
ตอนนี้เขาสอบกันอยู่แต่ยังไม่ได้สรุป ซึ่งเขาทำโปร่งใส ไม่ใช่ไปเขียนกันเองว่าทหารตั้งกันเอง เขาต้องดูเพราะมันมีรูปแบบอยู่ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงมีหลายคน เขาไม่ยอมเสียชื่อหรอก ทำเต็มที่
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขณะนี้สามารถจับคนที่เขียนแผนผังว่า นายกฯ ภรรยา และลูก รวมถึงหาว่า ผมเป็นคนเดียวกับพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ได้แล้ว และเดี๋ยวจะมีการจับอีก 2 คน ผมฟ้องหมด
เมื่อถามว่า เป็นกลุ่มไหนที่ทำแผนผังดังกล่าว พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไปดูเองแล้วกัน ตำรวจเขาจับได้เมื่อคืนวันที่ 8 ธ.ค. โดยตำรวจเขารายงานมา
ต่อข้อถามว่า ใช่กลุ่มการเมืองทำหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่รู้ เขากำลังสอบอยู่
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มันลึก พวกนี้สงสัยไม่มีอะไรทำ ตนว่าไปจ้างมันดีกว่าจะได้ให้มีเงินเดือน มันจะเลิกเขียนอะไรพวกนี้ สงสัยอยู่บ้านไม่มีอะไรทำ มันคิดไปเองเออเอง
"ผมถามว่าเชื่อกันหรือเรื่องแผนผัง ขอให้เลิกทำเสียที เขียนในโซเชียลมีเดียเสียหายมาก คนไม่ฟังหรอก เขารำคาญ" พลเอกประวิตร กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว ยืนยันที่จะเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์อีก พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ผมบอกแล้วว่าถ้าจะไปไหว้ไปเลย แต่ถามว่าจะไปทำอะไร หากตรวจสอบจะเอาอะไรตรวจสอบ ไฟฉายหรือ โธ่เอ้ย”
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าหากไปไหว้เฉยๆ ไปได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไปสิ
"รู้หรือไม่ เมื่อเดือนที่แล้วเขารายงานว่า มีคนเข้าไปดูอุทยานราชภักดิ์เป็นล้านคน อย่างไรก็ตาม พระมหากษัตริย์ในอดีตรักษาประเทศชาติเอาไว้ได้ แต่พวกนี้เล่นอะไรกันไม่รู้ "

นศ.ราม บุกทำเนียบให้กำลังใจ"บิ๊กตู่"ซัดกลุ่มจ่านิว หยิบ"ราชภักดิ์"มากดดันรัฐบาล


วันที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17:02:08 น.


เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 9 ธันวาคม กลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ในนาม เครือข่ายนักศึกษาเพื่อการปฏิรูป มหาวิทยาลัยรามคำแหง จำนวน 13 คน นำโดย นายจาตุรนต์ เฉตาไพย ประธานเครือข่ายนักศึกษาเพื่อการปฏิรูป มหาวิทยาลัยรามคำแหง เข้ายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เพื่อขอให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี เนื่องจากกรณีที่มีกลุ่มบุคคลพยายามหยิบยกประเด็นอุทยานราชภักดิ์ มาสร้างกระแสให้เป็นประเด็นทางการเมือง เพื่อกดดันการทำงานของรัฐบาล ทางเครือข่ายนักศึกษาเพื่อการปฏิรูปเห็นว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการทำลายบรรยากาศความปรองดอง ขัดขวางการปฏิรูปประเทศ และเห็นว่า การตรวจสอบการทุจริตนั้นเป็นหน้าที่ของทุกฝ่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวพยายามทำให้เป็นประเด็นทางการเมือง จนอาจก่อให้เกิดการแตกแยกระหว่างประชาชน จึงขอให้กลุ่มการเมืองต่างๆ ยุติการนำประเด็นอุทยานราชภักดิ์มากดดันรัฐบาล

บิ๊กป้อม เรียกผู้ว่าฯภาคเหนือ ผบ.หน่วย ทหาร-ตำรวจ สั่งการ รับมือภัยมี่นคง ที่ซับซ้อน มีมติเชื่อมโยง ไน-นอกประเทศ

บิ๊กป้อม เรียกผู้ว่าฯภาคเหนือ ผบ.หน่วย ทหาร-ตำรวจ สั่งการ รับมือภัยมี่นคง ที่ซับซ้อน มีมติเชื่อมโยง ไน-นอกประเทศ ลั่น ทหาร -ตำรวจ ขรก. ห้ามขัดแย้งกันเอง เน้นงานการข่าว บังคับใช้กม.จริงจัง แก้ปัญหาให้จบในพื้นที่ แก้มาเฟีย อาวุธสงคราม สี่งขรก. ยึดซื่อสัตย์ สุจริตและโปร่งใส/ควง บิ๊กโด่ง-บิ๊กหมู แทคทีม เดินสายถกผบ.หน่วย มั่นคง ทหาร-ตร.-ผู้ว่า เหนือ สยบข่าวร้าว กำชับดูแลความปลอดภัย ช่วงกิจกรรมสำคัญ และเทศกาล
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯมั่นคง/รมว.กห./รองหน.คสช. นำ บิ๊กโด่ง พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รมช.กห. บิ๊กหมู พลเอกธีรชัย นาควานิช ผบทบ./เลขาฯคสช./รองผอ.รมน. พร้อม บิ๊กติ๊ก พลเอกปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกลาโหม แทคทีม เดินทางไป กองทัพภาค3 พิษณุโลก ประชุมผบ.หน่วยทหาร ตร. และ ผู้ว่าฯภาคเหนือ เพื่อกำชับกวดขันงานมั่นคง โดยมี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รัวสิพราหมณกุล รอง ผบตร. ร่วมทีมไปด้วย บิ๊กปัอม แพคทีม เดินสายเยี่ยมทุกกองทัพภาค ในโอกาสจะปีใหม่ ด้วย มีทั้ง บิ๊กหมู บิ๊กโด่ง ไปด้วยกัน เพิ่อสยบข่าวร้าว โดยสัปดาห์ ที่แล้ว แทคทีม ไป กองทัพภาค2 นครราชสีมา ด้วยกันมาแล้ว
พลตรี คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกห. กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร . ได้นำคณะ อันประกอบด้วย รมช.กห. ปลัดกห. ผบ.ทบ.และ รองผบ.ตร. เดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติงานให้กับ เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ กองทัพภาค3 พิษณุโลกโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับหน่วยทหารและตำรวจ ตั้งแต่ ผบ.พันและผู้กำกับสถานีตำรวจในพื้นที่ขึ้นไป ร่วมรับฟัง
ภายหลังรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจและฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ที่ร่วมกันเสียสละทำหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ด้วยดีมาโดยตลอด
พร้อมเน้นย้ำถึง สถานการณ์ความมั่นคงปัจจุบัน มีความซับซ้อนยิ่งและมีมิติเชื่อมโยงทั้งภายในและต่างประเทศ มีความจำเป็นที่หน่วยงานความมั่นคงต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ
โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างทั่วถึง ความมั่นคงของประเทศจะเกิดขึ้นอย่างยั่งยืน มีความจำเป็นที่ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วน
ดังนั้น การทำงานร่วมกับภาคประชาชนจึงมีความสำคัญยิ่ง ที่ต้องสร้างการตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมกับประชาชนทุกภาคส่วน จนสามารถพัฒนาเป็นเครือข่ายประชาชนร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐในการทำหน้าที่เครือข่ายเฝ้าระวังในทุกพื้นที่ให้ได้ เพื่อแก้ปัญหาสำคัญต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งยาเสพติด การค้ามนุษย์ อาชญกรรมข้ามชาติ และการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของคนในชาติ เป็นต้น
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภาค 3 ซึ่งมีชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน ต้องบูรณาการการทำงานร่วมกับทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครองในระดับพื้นที่ ทั้งในระดับกลุ่มจังหวัด จนถึงระดับตำบลและหมู่บ้านในการดูแลความมั่นคง รวมทั้งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ควบคู่กันไปอย่างทั่วถึงให้ได้ตามนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนึ้ จำเป็นต้องมุ่งบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจัง มีประสิทธิภาพ และสามารถแก้ปัญหาให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จในพื้นที่
เน้นการแก้ปัญหาที่สำคัญได้แก่ ปัญหายาเสพติด การบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ การลักลอบเข้าเมืองผิดกฏหมายและการค้ามนุษย์เป็นพิเศษ
ในระดับจังหวัด ผู้ว่าราชการต้องทำหน้าที่หลักบูรณาการทำงานร่วมกับทุกส่วนราชการในจังหวัด ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขและเป็นที่พึ่งของประชาชน ทั้งความมั่นคงและการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย การทำงานของศูนย์ดำรงธรรมทั้งระดับจังหวัดและอำเภอ ต้องสามารถแก้ปัญหาให้ได้เบ็ดเสร็จในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ
การทำงานของตำรวจในพื้นที่ เน้นการทำงานของกองกำกับการในพื้นที่ ต้องลงพื้นที่ ทำหน้าที่เป็นที่พึ่งของประชาชนให้ได้ ทั้งงานการข่าว การสร้างความเข้าใจกับประชาชน โดยต้องบังคับใช้กฏหมายอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมอย่างจริงจัง ดำเนินการทั้งมาตรการป้องกันและแก้ปัญหาควบคู่กับการสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เพื่อให้ปัญหาอาชญกรรมในพื้นที่ลดลงให้ได้
"ขอเน้นย้ำ เป็นนโยบายว่า ข้าราชการต้องไม่ขัดแย้งกับใคร สร้างความสงบสุขและลดความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้น"พลเอกประวิตร กล่าว
รวมทั้งต้องไม่ให้มีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นในพื้นที่ โดยต้องร่วมกันเอ๊กซเรย์ ไม่ให้มีกลุ่มอิทธิลหรือกลุ่มบุคคลใด มีและใช้อาวุธสงครามในครอบครอง หรือมีอำนาจเหนือกฏหมายโดยเด็ดขาด
พร้อมทั้งให้ดำเนินมาตรการข่าวอย่างเข้มข้นในทุกพื้นที่ต่อกลุ่มอิทธิพลใน 16 ฐานความผิดที่กำหนด เพื่อดำเนินมาตรการทางกฏหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป
ขณะเดียวกันก็ขอให้ร่วมกันสร้างความเข้าใจกับประชาชน ถึงนโยบายของรัฐบาล ที่มีความตั้งใจที่จะปฏิรูปและขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้า เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมและวากรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข."
"ขณะเดียวกัน ก็ขอให้ทุ่มเททำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตและโปร่งใส โดยจำเป็นต้องลงไปกำกับดูแลการทำงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
พร้อมทั้ง ขอให้ติดตามการเสนอข้อมูลที่เป็นเท็จ บิดเบือน โดยไม่ยอมให้กลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีกับประเทศ ใช้สื่อนำเสนอเรื่องราวที่เป็นเท็จแก่ประชาชน ให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความแตกแยกของคนในชาติและกระทบต่อสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของประชาชน อย่างเช่นที่เกิดขึ้นในอดีตโดยเด็ดขาด."
พร้อมกันนี้ พลเอกประวิตร ได้ส่งความปรารถนาดีและแสดงความขอบคุณพร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครองทุกคนในพื้นที่ ผ่านผู้บังคับหน่วยที่เข้าร่วมประชุมทุกคน

FCCTเผย ถูกตร.ไทยขอให้ร่วมมือสอบทูตสหรัฐฯขัด112 ด้าน"ศานิตย์"ปัดยังไม่ดำเนินคดี

วันนี้ (9 ธ.ค.) เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทยหรือ FCCTเปิดเผยโดยยืนยันว่าได้รับการติดต่อจากตำรวจไทยให้ร่วมมือกับการสอบสวนว่า ความเห็นของ นายกลิน ที เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ที่สมาคมฯ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ขัดต่อประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือไม่

ด้านพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รรท.ผบช.น.) กล่าวถึงกรณีมีสำนักข่าวต่างประเทศระบุว่ามีการสอบสวนดำเนินคดี นายกลิน ที เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ตามความผิดประมวลกฎหมาย อาญามาตรา 112 ว่า ขอยืนยันว่าไม่มีการดำเนินคดีใดๆตามที่เป็นข่าว

"บิ๊กตู่"ลั่นต้านคอร์รัปชั่น ระบุมายืนตรงนี้เพราะมีคนโกง แนะอย่านับถือคนรวยทุจริต



"บิ๊กตู่" ประกาศเจตนารมณ์วันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล ย้ำบังคับใช้ก.ม.จริงจัง ทำหน้าที่นำคนทุจริตเข้าสู่กระบวนการ เล็ง รื้อระบบบรรจุข้าราชการ ต้องตรงกับพันธกิจงาน หวังอนาคตเป็นมืออาชีพ ชี้ อย่านับถือคนรวยที่ไม่สุจริต ระบุไม่มายืนตรงนี้ หากไม่มีคนโกง


เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 ธันวาคม ที่อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต เนื่องในงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล วันที่ 9 ธันวาคม 2558 โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นที่รุนแรงมากขึ้นในประเทศไทย โดยดูจากที่มูลนิธิองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทยได้เปิดเผยการจัดอันดับดัชนีชี้วัดการคอรัปชั่น พ.ศ.  2557 พบว่า ประเทศไทยได้คะแนน 38 คะแนน จาก 100 คะแนน อยู่ลำดับที่ 85 จากการจัดอันดับทั้งหมด 175 ประเทศทั่วโลก จึงแสดงให้เห็นว่าปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นยังเป็นปัญหาสำคัญที่ประเทศต้องเร่งแก้ไข สำนักงานป.ป.ช.คาดหวังว่าความร่วมมือระหว่างองค์กรกับภาคีทุกภาคส่วนในการป้องกันการทุจริต จะเป็นการกระตุ้นเตือนให้สังคมตระหนักในผลเสียหายร้ายแรงที่เกิดจากการทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นการสร้างกลุ่มเครือข่ายป้องกันทุจริตที่ยั่งยืน รวมทั้งสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่ประเทศ อันจะส่งผลให้ค่าคะแนนดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นของไทย ถึง 50 คะแนน ในปี 2560


ขณะนี้เรากำลังเดินเข้าสู่โรดแมป ระยะ ที่ 2 เดินหน้าประเทศไทย ทุกอย่างจะเดินตามขั้นตอน ตามโรดแมป โดยรัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด เพื่อประโยชน์ของทุกคน ในโรดแมประยะที่ 2 มีเวลาถึงเดือนกรกฎาคม ปี 60 เรามีเวลาเท่านี้ตามโรดแมปที่วางไว้ และขอเรียนต่างประเทศต่างๆ ให้เข้าใจว่า ยืนยันตนจะเดินหน้าตามโรดแมป และเรื่องการทุจริตเป็นหัวข้อหนึ่งในการปฏิรูปประเทศ ซึ่งจะต้องมีส่งต่อรัฐบาลต่อไป ไปแต่หากไม่ทำต่อก็เป็นเรื่องของประชาชนที่ไปเลือกมา จึงขอฝากด้วยและต้องช่วยกันคิดว่าทำอย่างไรให้เขาทำกันต่อไป อะไรไม่ดีก็ไม่ต้องทำ อะไรดีก็ต้องทำให้ได้

ขณะนี้สังคมต้องรับรู้ และที่ตนพูดมากเพื่อให้สังคมรับรู้ และตนไม่ได้ปกปิดอะไรทั้งสิ้น เรื่องที่ประชาชน ข้าราชการ ต้องรับทราบ ตนก็ต้องพูด ถ้าไม่พูดแล้วใครจะพูด ยืนยันว่าตนไม่มีเจตนาอย่างอื่น ในหัวใจของตนมีแต่คำว่าประเทศไทยเท่านั้น และประเทศคือเสาหลักที่ทุกคนต้องยึดเหนี่ยว ทุกคนเป็นคนกำหนดว่าประเทศจะเป็นอย่างไรในอนาคตไม่ใช่นักการเมือง จึงต้องเลือกคนที่ดีเข้ามาเพื่อรับผิดชอบแผ่นดินนี้ ดังนั้นแนวทางการบังคับใช้กฎหมาย เรื่องต้องทำให้โปร่งใสให้ได้รับความน่าเชื่อถือ ไม่ถูกกล่าวอ้างในทางที่ไม่ถูกต้อง คนเลวมันพูดทุกอย่างอยู่แล้ว เราพูดอะไรมากไม่ได้เพราะเราไม่สามารถพูดนอกกรอบเหมือนบางคนวันนี้ แนวทางการใช้กฎหมายในการป้องกันการทุจริต สำนักงานป.ป.ช. และหน่วยงานที่มีอำนาจในการบังคับใช้กฎหมายจะต้องจริงจัง เคร่งครัด ต่อเนื่อง ซึ่งจากการพูดคุยกับประธานป.ป.ช.ยืนยันว่าจะทำงานอย่างเต็มที่ ที่สำคัญอำนาจรัฐต้องไม่ไปทับซ้อน วันนี้ปัญหาคือการบริหารที่เข้าไปทับซ้อน แต่ตนมาอย่างนี้จะไม่ไปทับซ้อน แม้จะมีอำนาจอย่างไรก็ตาม เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของผู้ที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในฐานะองค์อิสระต่างๆ สำหรับตนมีหน้าที่ในการนำเข้าสู่กระบวนการ

นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของปปช. จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือกกต. สตง. ปปท. ปปง. สตช. ดีเอสไอ ทั้ง 7 องค์กรนี้ถือเป็นองค์กรหลักโดยตรงในการปราบปรามการทุจริต และสำนักงานอัยการสูงสุด จะรับต่อช่วงจาก 7 องค์กรนี้ ในการทำงานปราบปรามการทุจริตมาบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ฉะนั้นจะต้องมีการวางแผนร่วมกัน ซึ่งวันนี้ก็ทำกันอยู่แล้ว

"แต่จะทำอย่างไรให้กระบวนการยุติธรรมไม่ล่าช้า และไม่เร็วจนเกินไป ตรงนี้สำคัญ แต่ทำอย่างไรคนก็ไม่ทันใจหรอก ใจมันเร็วนึกอะไรก็ไปนู่นแล้ว ฉะนั้นต้องตั้งสติให้ดี เข้าใจขั้นตอนการทำงาน และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ถ้าอยากให้มันจบเร็วก็มีเรื่องทุกที แต่จะต้องไม่ช้าจนเกินไป ให้ความเป็นธรรม สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชน" นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนรับไม่ได้กับความไม่ถูกต้อง แต่ก็ให้กระบวนการทางกฎหมายตรวจสอบไป ทุกเรื่องตนพูดหมดแล้ว พูดทุกวัน จะให้ตนพูดน้อยลง ตนก็อยากพูดน้อยเหมือนกันแต่ก็ทำไม่ได้ ถ้าไม่พูดคนก็ไม่เข้าใจกัน กฎหมายคือกฎหมาย โลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นธรรมเท่าเทียมอย่างแท้จริง ทุกประเทศเป็นประชาธิปไตยหรอ ไม่ใช่ เพราะถ้าเป็นประชาธิปไตยที่ไม่นึกถึงประชาชนทั้งประเทศ ตนถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ตนนึกถึงประชาชน 70 ล้านคนที่จะต้องเดินหน้าไปได้ เราเหน็ดเหนื่อยกันมากมากเพียงพอแล้วกับความขัดแย้ง มากเพียงพอแล้วกับการพัฒนาประเทศที่ล่าช้า ฉะนั้นเวลาช่วงนี้เท่านั้นที่จะทำได้ เราจะได้มีเกียรติยศและศักดิ์ศรี ไม่อายเขา บังคับต่างประเทศได้ แต่จะต้องทำตามพันธะสัญญาระหว่างประเทศด้วย เราต้องรักกันทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่เป็นมิตรกับเรา เราทะเลาะกับใครไม่ได้ ไม่เคยไปโกรธ ไม่เคยไปขัดแย้งกับใคร เพราะเราเป็นประเทศเล็ก สิ่งที่เรามีอยู่คือศักดิ์ศรีความเป็นประเทศไทย และคำว่าคนไทยต้องไม่ลืมคำนี้


พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า วันนี้ประชาชนต้องรู้ทุกเรื่อง ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ต่างประเทศ นี่คือโอกาสของพวกเรา หากเราไม่ทำในวันนี้วันหน้าจะล้มเหลวทั้งหมด ประเทศไทยจะถูกลบเลือนหายไปทั้งหมดซึ่งการทุจริตเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำลายชาติอย่างมหาศาล ต้องมีการร่วมมือกันเป็นประชารัฐในทุกมิติ ถ้าประชาชนเข้มแข็ง ประเทศชาติก็เข้มแข็ง ต้องร่วมมือกันในทุกภาคส่วน ซึ่งรัฐบาลกำลังทำเรื่องประชารัฐอยู่ ซึ่งวันนี้เป็นวันครบรอบวันต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นสากล ขอให้พวกเราทุกคนร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ รณรงค์สร้างชาติ ตามหลักธรรมาภิบาล ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นไปพร้อมๆ กัน

“ข้าพเจ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอประกาศเจตนารมณ์ว่าจะประพฤติปฏิบัติตนในสัมมาชีพ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เป็นหลักสำคัญมั่นคง ดำรงตนอยู่ด้วยความมีเกียรติและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ยึดความยุติธรรมความเป็นธรรมเป็นที่ตั้ง จะยับยั้งชั่งใจ ไม่กระทำการโกงกินแผ่นดิน หรือใช้ตำแหน่งหน้าที่หาประโยชน์ บนความทุกข์ยากของประชาชน จะเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท ในปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และยืนเคียงข้างสุจริตชน ร่วมสร้างเยาวชนให้โตไปไม่โกง เพื่อจรรโลงและนำพาประเทศไทยให้รุ่งเรืองสืบไป” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ขอให้ร่วมมือกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โตไปไม่โกง ขอยืนยันว่าประเทศไทยพร้อมเคียงข้างทุกประเทศในโลก ตามพันธะสัญญาที่มีอยู่ เพียงแต่ขอเวลาทำให้ประเทศไทยเข้มแข็งไปพร้อมๆ กันด้วย

‘ภุชงค์’แฉยับ5เสือกกต.ล้วงลูกแต่งตั้งจนท. ขึ้นเงินเดือนที่ปรึกษา จ่ออุทธรณ์ศาลปค.

วันที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 13:01 น.
จำนวนคนอ่านล่าสุด 4471 คน

 

 เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ บริเวณด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ อดีตเลขาธิการ กกต.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประชุมกรรมการ กกต.มีมติเลิกจ้าง เนื่องจากผลการดำเนินงานไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินนั้นว่า หลังจากนี้ตนจะยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกกต. ภายใน 15 วัน แต่หากกกต.ยังยืนยันมติเดิมตนก็จะยื่นต่อศาลปกครองเพื่อขอความเป็นธรรมตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป เพราะต้องการให้เป็นบทเรียนแก่องค์กร และยืนยันว่าตนไม่ต้องการกลับมารับตำแหน่งเลขาธิการกกต.อีกต่อไป

 

 นายภุชงค์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเชื่อมั่นว่าทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ตลอดระยะเวลา 18 ปีที่ผ่าน แต่การทำงานกับคณะกรรมการกกต. ชุดนี้ตลอด 2 ปีนั้นมีการล้วงลูกการทำงานภายในสำนักงาน ทั้งๆที่เป็นอำนาจของเลขาธิการ ซึ่งต่างจากกรรมการชุดก่อนหน้าที่ให้เกียติการทำงานของสำนักงานมาโดยตลอด กลายเป็นว่ากรรมการอยากทำอะไรก็ได้ เพียงแค่มีมติ กกต.มีการเข้ามาล้วงลูกการทำงาน โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ มีการตั้งขึ้นเงินเดือนที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญประจำตัวกกต.แต่ละคน ทำให้แต่ละเดือนกกต.ต้องจ่ายเงินให้กับคนเหล่านั้นถึง 2 ล้านบาท เป็นเงิน 24 ล้านบาทต่อปี ทำให้ขณะนี้งบของ กกต.ร่อยหรอลงมากนอกจากนั้นการดำเนินงานในโครงการต่างๆ จนเป็นผลให้มีความล่าช้า เพราะทุกโครงการถูกกรรมการกกต.สั่งรื้อ ถูกสั่งให้แก้ไข และบางโครงการกรรมการกกต.ก็มีคำสั่งให้ขยายเวลาการดำเนินโครงการออกไปเองและบางโครงการ กรรมการกกต.ก็มีการสั่งระงับโครงการ ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ และในการประเมินผลการทำงานที่ผ่านมาก็ไม่เคยเปิดโอกาสให้ตนเข้าไปชี้แจงเลย


 “ผมไม่น้อยใจที่โดนทำแบบนี้ ที่โดนปลดกลางอากาศ แต่ขอเรียกร้องให้กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) โดยเฉพาะนายอภิชาต สุขัคคานนท์ อดีต ประธาน กกต.และนายประพันธ์ นัยโกวิท อดีต กกต.เขียนรัฐธรรมนูญกำหนดโครงสร้างขอบเขตอำนาจของกรรมการกกต. กับ สำนักงานกกต. ให้มีเส้นแบ่งที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการล้วงลูกอย่างที่เกิดขึ้น ถึงแม้ กรธ.จะให้คณะกรรมการชุดนี้มีวาระอยู่อีก 7 ปีก็ไม่เป็นไร แต่ต้องเขียนกฎหมายให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้มีการล้วงลูก และไม่ให้มีเจ้าหน้าที่ถูกกระทำเหมือนผมอีก”นายภุชงค์กล่าว


 นายภุชงค์ กล่าวอีกว่า หลังจากสภาปฏิรูปแห่งชาติมีมติไม่ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้านี้ ตนรู้สึกดีใจมาก เพราะหากร่างรัฐธรรมนูญผ่าน กกต.ต้องเป็นผู้ดำเนินการจัดพิมพ์เอกสารร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 20 ล้านฉบับ ซึ่งในขณะนั้นมีใบสั่งเรื่องเกี่ยวกับโรงพิมพ์สะพัด ทั้งที่ กกต.อยากให้มีโรงพิมพ์ทั้งภาครัฐและเอกชนมาร่วมพิมพ์ไม่ใช่ให้โรงพิมพ์เดียวมารับงาน และอยากให้จับตาดูการพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ว่าจะเป็นอย่างไร


 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์นายภุชงค์มีน้ำตาคลอเบ้า ตาแดงกล่ำ หลังจากการให้สัมภาษณ์ก็มีเจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต.หลายคนมามอบดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจให้นายภุชงค์ด้วย ก่อนที่นางพรวรินทร์ นุตราวงศ์ ภรรยานางภุชงค์จะโผเข้ากอดเพื่อให้กำลังใจ ก่อนที่นายภุชงค์จะเดินทางไปเก็บของในห้องทำงาน

 


"บิ๊กตู่" ท้า คนด่าข้าราชการ ให้มาด่าผมคนเดียว ผมสู้


"บิ๊กตู่" ท้า คนด่าข้าราชการ ให้มาด่าผมคนเดียว ผมสู้ เผย เอาเริ่องที่ขัดแย้งกันอยู่ปัจจุบัน เข้ากระบวนการยุติธรรมแล้ว ย้ำบังคับใช้กฎหมายจริงจัง เผย ทำหน้าที่นำคนทุจริตเข้าสู่กระบวนการทุกคดี เล็ง รื้อระบบบรรจุข้าราชการ ต้องตรงกับพันธกิจงาน หวังอนาคตต้องเป็นมืออาชีพ ชี้ อย่านับถือคนรวยที่ไม่สุจริต ระบุ ไม่ต้องมายืนตรงนี้ หากไม่มีคนโกง บอก แก้ปัญหาในประเทศ อย่าไปร้องแรกแหกกระเชอข้างนอก ยึดมั่นศักดิ์ศรีของประเทศ
ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ อาคารรัฐประศาสนภักดีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต เนื่องในงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล วันที่ 9 ธันวาคม 2558
มูลนิธิองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทยได้เปิดเผยการจัดอันดับดัชนีชี้วัดการคอรัปชั่น พ.ศ. 2557 พบว่า ประเทศไทยได้คะแนน 38 คะแนน จาก 100 คะแนน อยู่ลำดับที่ 85 จากการจัดอันดับทั้งหมด 175 ประเทศทั่วโลก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาการทุจริตในสังคมไทยและทั่วโลก ถือเป็นปัญหาเรื้อรัง เว้นแต่ประเทศที่มีการพัฒนาแล้ว แต่ไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาจึงแก้ไขได้ไม่เร็วนัก
ขณะนี้รัฐบาลจะร่วมกับองค์กรต่างๆ แก้ไขให้เร็วขึ้น แต่หากแก้เพียงคนเดียวก็ไม่สำเร็จ หรือผมคนเดียวก็ทำไม่สำเร็จ ต้องร่วมกับประชาชนคนไทยทุกคนและต่างประเทศจะแก้ปัญหาให้เร็วขึ้น เราเป็นในสังคมโลกต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องนำสู่การปฏิบัติให้ได้
จากการทำงานของข้าราชการและหน่วยงานของรัฐบาล ในส่วนภาคธุรกิจก็เช่นกัน ก็มีข้อมูลต่างๆ และแนวทางดำเนินงานประกอบธุรกิจ เพื่อให้การประกอบการมีการเปลี่ยนแปลง ลดเวลา ลดขั้นตอน และเวลาในการประกอบธุรกิจ แต่ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ รัฐบาลทำแล้ว ดังนั้นเมื่อหน่วยงานราชการมีความสะอาดโปร่งใสแล้วก็เป็นเรื่องที่หน่วยงานอื่นนอกจากหน่วยราชการ การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ทุกคนต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ เฝ้าระวัง ป้องกันปัญหาการคอร์รัปชั่นทุจริตเพื่อให้ผลลัพธ์การบริหารตกที่ประชาขนเต็มร้อยเปอร์เซนต์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องทำ 2 เรื่อง คือ การเฝ้าระวัง ป้องกันและปราบปราบ และต้องพัฒนาประเทศไปด้วย แม้ว่าจะติดขัดในเรื่องระยะเวลา แต่ต้องไม่มีการทุจริต และต้องเดินหน้าต่อไปได้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้หยุดชะงัก ซึ่งหลายเรื่องหยุดชะงักไปแล้ว ทำให้เกิดผลเสียหายมากมาย การที่จะให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วม นอกจากการเฝ้าระวังและตรวจสอบแล้ว ยังมีการร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งมีวิถีทางกฎหมายอยู่แล้ว ทุกคนต้องรู้ว่าระบบราชการเป็นอย่างไร การพัฒนาประเทศเป็นอย่างไรบ้าง ทุกคนต้องเรียนรู้ ถ้าไม่รู้ก็ไปด้วยกันไม่ได้
"ไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไร องค์กรอิสระหรือหน่วยงานที่ตรวจสอบจะทำอะไร ทุกอย่างรัฐบาล นำเข้ากระบวนการยุติธรรมทั้งสิ้น ทุกเรื่อง แม้กระทั่ง เรื่องที่มีความขัดแย้งในปัจจุบัน ก็นำเข้าไปแล้ว แต่ที่ผ่านมามีหลายเรื่องไม่เอาเข้า ก็มีการต่อต้านเป็นธรรมดา" นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้เรากำลังเดินเข้าสู่โรดแมป ระยะ ที่ 2 เดินหน้าประเทศไทย
ทุกอย่างจะเดินตามขั้นตอน ตามโรดแมป โดยรัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด เพื่อประโยชน์ของทุกคน ในโรดแมประยะที่ 2 มีเวลาถึงเดือนกรกฎาคม ปี 60 เรามีเวลาเท่านี้ตามโรดแมปที่วางไว้
"ขอเรียนต่างประเทศต่างๆ ให้เข้าใจว่า ยืนยันตนจะเดินหน้าตามโรดแมป และเรื่องการทุจริตเป็นหัวข้อหนึ่งในการปฏิรูปประเทศ ซึ่งจะต้องมีส่งต่อรัฐบาลต่อไป ไปแต่หากไม่ทำต่อก็เป็นเรื่องของประชาขนที่ไปเลือกมา จึงขอฝากด้วยและต้องข่วยกันคิดว่าทำอย่างไรให้เขาทำกันต่อไป อะไรไม่ดีก็ไม่ต้องทำ อะไรดีก็ต้องทำให้ได้ "
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้สังคมต้องรับรู้ และที่ตนพูดมากเพื่อให้สังคมรับรู้ และตนไม่ได้ปกปิดอะไรทั้งสิ้น เรื่องที่ประชาชน ข้าราชการ ต้องรับทราบ ตนก็ต้องพูด ถ้าไม่พูเแล้วใครจะพูด ยืนยันว่าตนไม่มีเจตนาอย่างอื่น ในหัวใจของตนมีแต่คำว่าประเทศไทยเท่านั้น และประเทศคือเสาหลักที่ทุกคนต้องยึดเหนี่ยว ทุกคนเป็นคนกำหนดว่าประเทศจะเป็นอย่างไรในอนาคตไม่ใช่นักการเมือง จึงต้องเลือกคนที่ดีเข้ามาเพื่อรับผิดชอบแผ่นดินนี้ ดังนั้นแนวทางการบังคับใช้กฎหมาย
"เรื่องต้องทำให้โปร่งใสให้ได้รับความน่าเชื่อถือ ไม่ถูกกล่าวอ้างในทางที่ไม่ถูกต้อง คนเลวมันพูดทุกอย่างอยู่แล้ว เราพูดอะไรมากไม่ได้เพราะเราไม่สามารถพูดนอกกรอบเหมือนบางคน
วันนี้ แนวทางการใช้กฎหมายในการป้องกันการทุจริต สำนักงานป.ป.ช. และหน่วยงานที่มีอำนาจในการบังคับใช้กฎหมายจะต้องจริงจัง เคร่งครัด ต่อเนื่อง
ซึ่งจากการพูดคุยกับประธานป.ป.ช.ยืนยันว่าจะทำงานอย่างเต็มที่
ที่สำคัญอำนาจรัฐต้องไม่ไปทับซ้อน วันนี้ปัญหาคือการบริหารที่เข้าไปทับซ้อน แต่ตนมาอย่างนี้จะไม่ไปทับซ้อน แม้จะมีอำนาจอย่างไรก็ตาม เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของผู้ที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในฐานะองค์อิสระต่างๆ สำหรับตนมีหน้าที่ในการนำเข้าสู่กระบวนการ
นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของปปช. จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือกกต. สตง. ปปท. ปปง. สตช. ดีเอสไอ ทั้ง 7 องค์กรนี้ถือเป็นองค์กรหลักโดยตรงในการปราบปรามการทุจริต และสำนักงานอัยการสูงสุด จะรับต่อช่วงจาก 7 องค์กรนี้ ในการทำงานปราบปรามการทุจริตมาบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ฉะนั้นจะต้องมีการวางแผนร่วมกัน ซึ่งวันนี้ก็ทำกันอยู่แล้ว
"แต่จะทำอย่างไรให้กระบวนการยุติธรรมไม่ล่าช้า และไม่เร็วจนเกินไป ตรงนี้สำคัญ แต่ทำอย่างไรคนก็ไม่ทันใจหรอก ใจมันเร็วนึกอะไรก็ไปนู่นแล้ว ฉะนั้นต้องตั้งสติให้ดี เข้าใจขั้นตอนการทำงาน และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ถ้าอยากให้มันจบเร็วก็มีเรื่องทุกที แต่จะต้องไม่ช้าจนเกินไป ให้ความเป็นธรรม สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชน" นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญอีกอย่างคือการลดการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ วันนี้เรามีการเตรียมปฏิรูประบบราชการ เพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ เป็นข้าราชการรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ ตนมีนโยบายที่จะสร้างข้าราชการยุคใหม่ในอนาคต โดยวันหน้าจะต้องมีข้าราชการที่ดี เป็นมืออาชีพ และจะมีมาตรการบรรจุข้าราชการใหม่ให้ตรงตามพันธกิจแต่ละกระทรวง ฉะนั้นจะเรียนสาขาไหนขอให้เลือกให้ดี แต่ตนไม่ต้องการให้เรียนเพื่อได้ปริญญาอย่างเดียว จบแล้วต้องมีงานทำ เพราะต้องมีการใช้จ่ายเงินทอง ตรงนี้ต้องช่วยกันคิด เรียนอะไรต้องนึกถึงพ่อแม่ เฉพาะผู้มีรายได้น้อยอย่าใช้จ่ายสุร่ยสุร่าย
"ผมอยากให้ทุกส่วนราชการชี้แจงการทำงานให้ชัดเจนว่า งบประมาณ แผนการดำเนินงานมาอย่างไร ถ้าตรวจสอบพบแล้วจะทำอย่างไรต่อ ถ้าไม่พูด ก็จะเป็นอยู่แบบนี้ จะเกิดความขัดแย้งไปเรื่อยๆ เพราะแต่ละส่วนย่อมมีคนดีและไม่ดี มีในทุกประเทศ อยู่ที่ว่าเราจะมีมาตรการในการปฏิบัติต่อกลุ่มบุคคลเหล่านี้อย่างไร สิ่งสำคัญคือคนส่วนใหญ่ต้องเข้าใจกฎหมาย เรียนรู้ตั้งแต่ในโรงเรียน สถาบันการศึกษาต่างๆเรียนรู้เพื่ออยู่ในสังคมอย่างปกติสุข ถ้าไม่มีกฎหมายจะขัดแย้งกันทุกเรื่อง ไม่เชื่อมั่นในกฎหมายก็ขัดแย้งอีก ฉะนั้นกฎหมายเป็นสิ่งที่ทำให้บ้านเมืองเกิดความเป็นธรรมเท่าเทียม มีสองอย่างที่มีการกล่าวคือ เรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน แต่ท่านอย่าลืมว่าต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดของทุกประเทศ ซึ่งมันสำคัญทั้งหมด จะใช้อย่างหนึ่งอย่างใดก็แก้ปัญหาไม่ได้ โดยเฉพาะประเทศเราเป็นประเทศกำลังพัฒนา ฉะนั้นต้องมองทุกคนอย่างเป็นธรรมว่าจะทำอย่างไรในการสร้างความเข้าใจ"
นายกรัฐมนตรี กล่าว่า ในส่วนของภาคเอกชนมีความชัดเจนด้วยการลงนามทำสัญญาคุณธรรม การให้หน่วยงานตรวจสอบการทุจริตจากต่างประเทศเข้ามาตรวจสอบโครงการใหญ่ๆได้ รัฐบาลนี้ทำทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมาไม่มี ฉะนั้นในทางกฎหมายจะทำอย่างไร ไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการในสิ่งที่ขัดระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคล และส่วนรวม ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต ซึ่งวันนี้กฎหมายมีเป็นร้อยมาตรา โดยเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ต้องรู้ แต่สิ่งที่เราต้องรู้คือไม่ทุจริต และดูคนทุจริต เอาคนเหล่านั้นมาให้องค์กรที่เกี่ยวข้องพิจารณาตามขั้นตอน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเอื้อประโยชน์นำไปสู่การหลีกเลี่ยงภาษีตรงนี้เราต้องช่วยกันดูแล ฉะนั้นใครที่มันรวยแล้วไม่สุจริต ตนว่าไม่ควรไปนับถือ ถ้าจะนับถือคนแบบนี้ก็จะทำให้วันข้างหน้าเกิดวงจรเหล่านี้ขึ้นอีก ทุกคนอยากมีเงินอยากร่ำรวยถูกผิดไม่รู้แล้วขึ้นมามีอำนาจต่อไปพอรวยมากไม่รู้จะทำอะไร ก็อยากมีอำนาจ เมื่อมีอำนาจก็ใช้อำนาจไปสู่ผลประโยชน์เพิ่มขึ้นไม่มีเพียงพอ
พล.อ.ประยุทธ์ ขอย้ำว่าการตรวจสอบการดำเนินการตามกฎหมายจะต้องสมดุลกับการพัฒนาประเทศ ซึ่งคนอย่างส่วนราชการ องค์กรอิสระ กระทรวงยุติธรรมต้องทำหน้าที่ตรงนี้ ส่วนในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงรัฐบาลนำมาปฎิบัติอย่างจริงจัง ในหลายๆประเทศก็มีความสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาที่นำรูปแบบเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ เขาชื่นชมเราว่าเรามีการบริหารจัดการที่ดี แต่พวกเรากันเองไม่ค่อยรู้คุณค่า วันนี้สังคมต้องเป็นหูเป็นตาสอดส่งส่งเรื่องร้องเรียน ซึ่งหากมีการร้องเรียนมาก็ต้องรับทุกเรื่อง แต่จะต้องมีขั้นตอนในการดำเนินการ ที่ผ่านมามีปัญหามากร่วมถึงเรื่องความขัดแย้ง
“หากไม่มีเรื่องเหล่านี้ป.ป.ช.ก็ไม่มีงานทำก็หมายความว่าประเทศชาติมีความก้าวหน้า ผมก็ไม่ต้องมายืนตรงนี้ เพราะไม่มีใครโกง แต่มันเป็นไปไม่ได้ โลกใบนี้ต้องมีการบริหารราชการ ต้องมีการติดต่อระหว่างประเทศ เราต้องใช้ความเป็นไทยติดต่อกับเขา ใช้ศักดิ์ศรีของคนไทยทุกคนที่ทำอย่างไรให้ได้รับความเชื่อมั่น เชื่อถือ และอะไรที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายก็ต้องแก้ไขภายในประเทศ ไม่ใช่ไปร้องแรกแหกกระเชออยู่ข้างนอก มันไม่ได้ อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระมันมาก ให้ผมพูดคนเดียว มาเล่นงานผมคนเดียว ผมสู้อยู่แล้ว อย่าไปว่าคนอื่นเขา ข้าราชการเขาก็เสียน้ำใจ คนดีเขาก็มีเยอะเยะ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนรับไม่ได้กับความไม่ถูกต้อง แต่ก็ให้กระบวนการทางกฎหมายตรวจสอบไป ทุกเรื่องตนพูดหมดแล้ว พูดทุกวัน จะให้ตนพูดน้อยลง ตนก็อยากพูดน้อยเหมือนกันแต่ก็ทำไม่ได้ ถ้าไม่พูดคนก็ไม่เข้าใจกัน กฎหมายคือกฎหมาย โลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นธรรมเท่าเทียมอย่างแท้จริง ทุกประเทศเป็นประชาธิปไตยหรอ ไม่ใช่ เพราะถ้าเป็นประชาธิปไตยที่ไม่นึกถึงประชาชนทั้งประเทศ ตนถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ตนนึกถึงประชาชน 70 ล้านคนที่จะต้องเดินหน้าไปได้ เราเหน็ดเหนื่อยกันมากมากเพียงพอแล้วกับความขัดแย้ง มากเพียงพอแล้วกับการพัฒนาประเทศที่ล่าช้า ฉะนั้นเวลาช่วงนี้เท่านั้นที่จะทำได้ เราจะได้มีเกียรติยศและศักดิ์ศรี ไม่อายเขา บังคับต่างประเทศได้ แต่จะต้องทำตามพันธะสัญญาระหว่างประเทศด้วย เราต้องรักกันทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่เป็นมิตรกับเรา เราทะเลาะกับใครไ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนรับไม่ได้กับความไม่ถูกต้อง แต่ก็ให้กระบวนการทางกฎหมายตรวจสอบไป ทุกเรื่องตนพูดหมดแล้ว พูดทุกวัน จะให้ตนพูดน้อยลง ตนก็อยากพูดน้อยเหมือนกันแต่ก็ทำไม่ได้ ถ้าไม่พูดคนก็ไม่เข้าใจกัน
" กฎหมายคือกฎหมาย โลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นธรรมเท่าเทียมอย่างแท้จริง ทุกประเทศเป็นประชาธิปไตยหรอ ไม่ใช่ เพราะถ้าเป็นประชาธิปไตยที่ไม่นึกถึงประชาชนทั้งประเทศ ตนถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ตนนึกถึงประชาชน 70 ล้านคนที่จะต้องเดินหน้าไปได้ เราเหน็ดเหนื่อยกันมากมากเพียงพอแล้วกับความขัดแย้ง มากเพียงพอแล้วกับการพัฒนาประเทศที่ล่าช้า ฉะนั้นเวลาช่วงนี้เท่านั้นที่จะทำได้ เราจะได้มีเกียรติยศและศักดิ์ศรี ไม่อายเขา บังคับต่างประเทศได้ แต่จะต้องทำตามพันธะสัญญาระหว่างประเทศด้วย เราต้องรักกันทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่เป็นมิตรกับเรา เราทะเลาะกับใครไม่ได้ ไม่เคยไปโกรธ ไม่เคยไปขัดแย้งกับใคร เพราะเราเป็นประเทศเล็ก
"สิ่งที่เรามีอยู่คือศักดิ์ศรีความเป็นประเทศไทย และคำว่าคนไทยต้องไม่ลืมคำนี้ ทุกคนต้องมีคุณธรรม รู้ว่าอะไรดีและไม่ดี ถ้าไม่ดีก็อย่าไปทำ แล้วก็ต้องไม่ให้คนอื่นเขาทำด้วย ถ้าดีบอกให้คนทำตาม ซึ่งค่านิยม 12 ประการแตกออกมาจากคุณธรรม ว่าจะต้องเป็นอย่างไร ผมไม่ได้บังคับว่าใครจะต้องทำ แต่ที่สำคัญคือ หากมีหนึ่งคนที่มีคุณธรรมครอบครัวนั้นก็จะเป็นจริยธรรมนำไปสู่ประเทศที่มีคุณธรรมและสร้างจริยธรรมที่ดีงามให้กับประเทศ ฉะนั้นใครที่มาปกครองบ้านเมืองจะต้องมีธรรมาภิบาลด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ประชาชนต้องรู้ทุกเรื่อง ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ต่างประเทศ นี่คือโอกาสของพวกเรา หากเราไม่ทำในวันนี้วันหน้าจะล้มเหลวทั้งหมด ประเทศไทยจะถูกลบเลือนหายไปทั้งหมดซึ่งการทุจริตเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำลายชาติอย่างมหาศาล ต้องมีการร่วมมือกันเป็นประชารัฐในทุกมิติ ถ้าประชาชนเข้มแข็ง ประเทศชาติก็เข้มแข็ง ต้องร่วมมือกันในทุกภาคส่วน ซึ่งรัฐบาลกำลังทำเรื่องประชารัฐอยู่ ซึ่งวันนี้เป็นวันครบรอบวันต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นสากล ขอให้พวกเราทุกคนร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ รณรงค์สร้างชาติ ตามหลักธรรมาภิบาล ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นไปพร้อมๆ กัน
จากนั้น พลเอกประยุทธ นำกล่สวคำปฏิญาณตน ว่า“ข้าพเจ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอประกาศเจตนารมณ์ว่าจะประพฤติปฏิบัติตนในสัมมาชีพ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เป็นหลักสำคัญมั่นคง ดำรงตนอยู่ด้วยความมีเกียรติและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ยึดความยุติธรรมความเป็นธรรมเป็นที่ตั้ง จะยับยั้งชั่งใจ ไม่กระทำการโกงกินแผ่นดิน หรือใช้ตำแหน่งหน้าที่หาประโยชน์ บนความทุกข์ยากของประชาชน จะเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท ในปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และยืนเคียงข้างสุจริตชน ร่วมสร้างเยาวชนให้โตไปไม่โกง เพื่อจรรโลงและนำพาประเทศไทยให้รุ่งเรืองสืบไป” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ขอให้ร่วมมือกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โตไปไม่โกง ขอยืนยันว่าประเทศไทยพร้อมเคียงข้างทุกประเทศในโลก ตามพันธะสัญญาที่มีอยู่ เพียงแต่ขอเวลาทำให้ประเทศไทยเข้มแข็งไปพร้อมๆ กันด้วย

บิ๊กป้อม ควง บิ๊กโด่ง-บิ๊กหมู แทคทีม เดินสายถกผบ.หน่วย มั่นคง ทหาร-ตร.-ผู้ว่า เหนือ สยบข่าวร้าว

บิ๊กป้อม ควง บิ๊กโด่ง-บิ๊กหมู แทคทีม เดินสายถกผบ.หน่วย มั่นคง ทหาร-ตร.-ผู้ว่า เหนือ สยบข่าวร้าว กำชับดูแลความปลอดภัย ช่วงกิจกรรมสำคัญ และเทศกาล
บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร รองนายกฯมั่นคง/รมว.กห./รองหน.คสช. นำ บิ๊กโด่ง พลเอกอุดมเดช รมช.กห. บิ๊กหมู พลเอกธีรชัย ผบทบ./เลขาฯคสช./รองผอ.รมน. พร้อม บิ๊กติ๊ก พลเอกปรีชา ปลัดกลาโหม แทคทีม เดินทางไป กองทัพภาค3 พิษณุโลก ประชุมผบ.หน่วยทหาร ตร. และ ผู้ว่าฯภาคเหนือ เพื่อกำชับกวดขันงานมั่นคง โดยมี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รอง ผบตร. ร่วมทีมไปด้วย บิ๊กปัอม แพคทีม เดินสายเยี่ยมทุกกองทัพภาค ในโอกาสจะปีใหม่ ด้วย มีทั้ง บิ๊กหมู บิ๊กโด่ง ไปด้วยกัน เพิ่อสยบข่าวร้าว โดยสัปดาห์ ที่แล้ว แทคทีม ไป กองทัพภาค2 นครราชสีมา ด้วยกันมาแล้ว

จับถึงบ้าน!! หนุ่มโพสต์ผังราชภักดิ์ แจ้งข้อหาผิดพ.ร.บ.คอมพ์ ส่งทหารจัดการต่อ


นที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15:16 น.
จำนวนคนอ่านล่าสุด 13288 คน
 เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองสมุทรปราการ เข้าจับกุมนายกฤชณา หรือฐนกร หรือเอฟ ศิริไพบูลย์ ได้ในบ้านพักอ.เมือง จ.สมุทรปราการ โดยบุคคลดังกล่าวโพสต์รูปในเฟซบุ๊ก สถาบันคนเสื้อแดงแห่งชาติ(สดช.ป) เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. เวลา 19.45 น. ลงข้อความแผนผังเปิดปมการทุจริตอุทยานราชภักดิ์ ตอนที่ 2 ตอนที่ 2 และตอนที่ 3 และอุทยานราชภักดิ์ต้องใช้ใบบัวปิด 5,920,000 ใบถึงจะปิดได้ โดยมีเนื้อหาสาระระบุว่าบุคคลที่ถูกพาดพิงเกี่ยวข้องได้รับประโยชน์จากโครงการนี้เป็นเงินจำนวนมาก เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นข้อมูลเท็จ นายธนกร จึงมีความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 มาตรา 14(1) พร้อมส่งตัวให้พ.ท.สุทธิชัย พร้อมเจริญ ผบ.ป.พัน 102 รอ. และร.อ.ณัฐวุฒิ ศรีพินิจ หน.ชป.พท.ป พัน 102 รอ. และพวก  ไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของทหารต่อไป

ทบ.ไม่ให้ข้อมูลสร้าง‘อุทยานราชภักดิ์’ กับ‘อิศรา’อ้างรอ สตง.สอบ

วันพุธ ที่ 09 ธันวาคม 2558 เวลา 12:33 น
ทบ. ไม่ให้รายละเอียดการก่อสร้าง ‘อุทยานราชภักดิ์’ กับ ‘อิศรา’ ภายหลังใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ อ้าง สตง. เข้ามาตรวจสอบเป็นทางการแล้ว รอผลสอบเสร็จก่อน
PIC tbtbtb 9 12 58 1
จากกรณีผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ทำหนังสือถึงกองทัพบก ขอใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารทางราชการ พ.ศ.2540 เพื่อขอให้เปิดเผยรายละเอียดการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมี พ.อ.หญิง รพีพัทธ์ ตรีจิตรฐิติกุล ผอ.ศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารกองทัพบก ประจำสำนักงานเลขานุการกองทัพบก เป็นผู้รับเรื่องนั้น
ล่าสุด สำนักข่าวอิศราได้รับโทรศัพท์จากนายทหารหน้าห้องเจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารบก กองบัญชาการกองทัพบก เพื่อชี้แจงกรณีการขอข้อมูลดังกล่าวว่า ขณะนี้กองทัพบกได้ส่งข้อมูลให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบอย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีเอกสารจำนวนมากจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ส่งให้ คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือน ธ.ค.นี้ หลังจากนั้นกองทัพบก และ สตง. อาจจะมีการแถลงข่าว หลังจากนั้นจึงจะส่งข้อมูลให้สื่อมวลชนตรวจสอบ เพื่อให้สาธารณชนคลายความสงสัยได้ 
“ขณะนี้กองทัพบกกำลังตกเป็นจำเลยของสังคม ทุกคนกำลังจับตาดูอยู่ เราได้เปิดโอกาสให้หน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือเข้ามาตรวจสอบแล้ว คาดว่าอย่างเร็วจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือนนี้ หลังจากนั้นจะเปิดเผยรายละเอียดในภาพรวม” ทหารรายนี้ ระบุ
เมื่อถามว่า หมายความว่าสำนักข่าวอิศราจะไม่ได้เอกสารรายละเอียดตามที่ใช้สิทธิ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ แล้วหรือไม่ ทหารรายนี้ กล่าวว่า รอให้ สตง. ตรวจสอบให้เสร็จก่อนจะดีกว่า จะได้ให้ข้อมูลไปทีเดียว และเพื่อให้สังคมคลายความสงสัยในส่วนนี้ด้วย

“หม่อมกร” ขอบคุณบิ๊กตู่ตีกลับ กม.ปิโตรเลียมฯ หนุนร่าง สนช.ชูตั้งบรรษัทฯ



9 ธันวาคม 2558 11:03 น. (แก้ไขล่าสุด 9 ธันวาคม 2558 11:09 น.)manager
“หม่อมกร” ขอบคุณบิ๊กตู่ตีกลับ กม.ปิโตรเลียมฯ หนุนร่าง สนช.ชูตั้งบรรษัทฯ
        “หม่อมกร” กราบงามๆ “ครม.” บิ๊กตู่วานนี้ (8 ธ.ค.) ที่ตีกลับร่างแก้ไขกฎหมายปิโตรเลียมฉบับกระทรวงพลังงานซึ่งถือว่าท่านได้ยินเสียงค้านแล้ว โดยหลังจากนี้ต้องกลับไปแก้ไขใน 26 ประเด็น หนุนร่าง “สนช.” แก้ 57 มาตรามีระบบแบ่งปันผลผลิต (PSC) และรับจ้างผลิต โดยตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติรองรับ
       
      
       ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี แกนนำเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงาน (คปพ.) เปิดเผยว่า ต้องขอขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ได้ตีกลับข้อเสนอของกระทรวงพลังงานในการขอยื่นร่างแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ…..และ พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ…..โดยมอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาปรับปรุงกฎหมายใหม่ ซึ่ง พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน ระบุไว้ว่าจะแก้ไขใน 26 ประเด็น
      
       “ครม.ตีกลับก็แสดงว่าท่านได้ยินเสียงประชาชน และชี้ให้เห็นว่าร่างแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียมทั้ง 2 ฉบับที่เสนอโดยกระทรวงพลังงานนั้นมีข้อบกพร่องจริงๆ เพราะก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าก่อนหน้านั้นสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ลงมติโหวตไม่ผ่านการเปิดสัมปทานปิโตรเลียม ต่อมานายกฯ ก็มอบให้คณะกรรมการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม และภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งก็ได้รวบรวมความเห็นจากทุกส่วนจนใกล้จะเสร็จแล้ว แต่ปลาย เม.ย.กระทรวงพลังงานก็กลับเสนอเข้า ครม.ในแบบฉบับของตนเอง” ม.ล.กรกสิวัฒน์กล่าว
      
       ทั้งนี้ คปพ.ได้แสดงจุดยืนมาตลอดว่าหนุนร่างแก้ไขของ สนช.ที่ศึกษาพบว่าจะต้องมีการแก้ไขปรับปรุงรวม 57 มาตรา แต่ฉบับกระทรวงพลังงานกลับมีการแก้ไขเพิ่มเติมหลักๆ แค่ 3 ประเด็น โดยเฉพาะมีการนำระบบแบ่งปันผลผลิต (PSC) เข้าไปจริงแต่ไม่ได้เขียนรายละเอียดต่างๆ รองรับไว้เลย ขณะที่ร่าง สนช.ศึกษาจะมีระบบเพิ่มที่ไม่เพียงแต่สัมปทาน แต่จะมี PSC และระบบรับจ้างผลิตเป็นระบบรองรับของแหล่งสัมปทานที่จะหมดอายุในอีก 5-6 ปีข้างหน้า ซึ่งจะต้องมีการตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติมาบริหารจัดการถ่วงดุลอำนาจ” ม.ล.กรกสิวัฒน์กล่าว
      
       อย่างไรก็ตาม หากกระทรวงพลังงานไม่คัดค้านแนวทางการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ที่จะถูกตีกลับไปยังกฤษฎีกาใหม่เพื่อปรับปรุงและนำร่างของ สนช.มาดำเนินการประกอบเชื่อว่าจะใช้เวลาเพียง 1 เดือน เพราะจริงๆ ร่างของ สนช.นั้นได้มีการทำกฎหมายประกอบพร้อมเข้าสภาฯ อยู่แล้ว และก็สามารถเดินหน้าเปิดให้เอกชนยื่นสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบที่ 21 ได้ทันที จึงขอย้ำว่าที่ทุกอย่างล่าช้าก็เพราะกระทรวงพลังงานเอง 

มธ. ออกแถลงการณ์ ขอ น.ศ.หยุดเคลื่อนไหว หวั่นขัดแย้ง ให้หันมาปรองดอง

ฝ่ายการนักศึกษา มธ. ออกแถลงการณ์ ขอ น.ศ.หยุดเคลื่อนไหว หวั่นขัดแย้ง ให้หันมาปรองดอง ทำสังคมเข้าใจผิด

ฝ่ายการนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยแพร่แถลงการณ์ กรณีนักศึกษาเคลื่อนไหวทางการเมืองภายนอกมหาวิทยาลัย ว่า สืบเนื่องจากปรากฏการณ์ที่มีนักศึกษาธรรมศาสตร์ได้มีการแสดงออกทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบที่อ้างถึงเสรีภาพในการแสดงออกตามหลักประชาธิปไตยสากล โดยปราศจากมุมมองที่รอบด้านในบริบทประเทศไทยปัจจุบัน ที่กำลังอยู่ในช่วงการปฏิรูปเปลี่ยนผ่านและต้องการสร้างความปรองดองนั้น ฝ่ายการนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นว่าการใช้สิทธิเสรีภาพดังกล่าวที่กระทำในนามนักศึกษาธรรมศาสตร์ เป็นการมุ่งทำให้การบริหารราชการแผ่นดินไม่เป็นไปโดยมั่นคงราบรื่น อีกทั้งกลุ่มผู้ร่วมเคลื่อนไหวทั้งหมดไม่ใช่นักศึกษาธรรมศาสตร์ หรือไม่ได้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แต่ประการใด จึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสังคมว่า เป็นความคิดเห็นของประชาคมธรรมศาสตร์ และอาจสมประโยชน์กลุ่มการเมืองบางกลุ่มที่ไม่ประสงค์ดีต่อประเทศชาติ หรือนำไปสู่ความขัดแย้งของสังคมในวงกว้าง และทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อนักศึกษาธรรมศาตร์ได้ ฝ่ายการนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงมีความเห็นว่า ขอเรียกร้องให้นักศึกษาธรรมศาสตร์ที่เคลื่อนไหวดังกล่าว หยุดการทำกิจกรรมนอกมหาวิทยาลัย ที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งหรือกระทบต่อความปลอดภัยของนักศึกษาธรรมศาสตร์ และหันมาใช้แนวทางสมานฉันท์อย่างสร้างสรรค์ เพื่อร่วมเสนอแนะทางออกแก่ประเทศชาติ ภายใต้สภาวะวิกฤตินี้และเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยศาสตร์ ยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์เดิมของธรรมศาสตร์ที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว ตลอดมาทุกยุคทุกสมัยและมีความปรารถนาที่จะเห็นสังคมที่เป็นธรรม ประชาชนมีโอกาสเท่าเทียมและอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยเร็ววันโดยไม่ปิดกั้นการแสดงออกของนักศึกษาที่มีความแตกต่างหลากหลาย บนพื้นฐานของศีลธรรมอันดีและเป็นไปโดยบริสุทธิ์ใจเพื่อประโยชน์ของประชาชน ส่งเสริมการใช้เสรีภาพอย่างรับผิดชอบ และคำนึงถึงผลกระทบต่อส่วนรวมอย่างรอบด้านทั้งระยะสั้นและระยะยาว

หุ้นไทย​ดิ่งลึกสุดใจ! ร่วงแรง 26.59 จุด

หุ้นไทย​ดิ่งลึกสุดใจ! ร่วงแรง 26.59 จุด

ผลจากที่ประชุมโอเปคไร้ข้อสรุปตัวเลขเพดานกำลังผลิตน้ำมัน ประกอบกับไม่มีปัจจัยบวก ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ (8 ธ.ค.)  ปิดตลาดร่วงลงแรงถึง 26.59 จุด อยู่ที่ 1,306.98 จุด  ซึ่งนับเป็นการทำสถิติต่ำสุดใหม่ในรอบปี
   
ดัชนีหุ้นไทยร่วงตั้งแต่ตลาดเปิดภาคเช้าและภาคบ่ายเปิดมาก็ยังลงต่อเนื่อง จนดัชนีเกือบปิดที่จุดต่ำสุดของวันที่ระดับ 1,306.98 จุด ลดลง 26.59 จุด หรือร้อยละ 1.99 มูลค่าการซื้อขายกว่า 36 ล้านบาท

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย เมื่อวานนี้ (8 ธ.ค.) ดัชนีปรับตัวลง ทำสถิติต่ำสุดใหม่ในรอบปี โดยได้รับแรงปัจจัยกดดันหลักมาจากหุ้นกลุ่มใหญ่ อาทิ หุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลงแรง เพราะราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวลงต่อเนื่อง

หลังกลุ่มผู้ค้าน้ำมันโลก หรือ โอเปก ที่คงกำลังการผลิต ประกอบกับความต้องการขายในสหรัฐฯยังคงล้นตลาด อีกทั้งประเทศอิหร่านยังเตรียมที่จะเพิ่มกำลังการผลิตหลังจากบรรลุการคว่ำบาตรจากประเทศมหาอำนาจ

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปยังปรับปรับตัวแดนลบเช่นกัน โดยได้รับแรงกดดันจากธนาคารกลาง(สหรัฐ)ที่มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ อีกทั้ง ยังมีผลต่อนักลงทุนต่างชาติให้เกิดแรงเทขายเพื่อหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งเตรียมเม็ดเงินสำหรับลงทุนในประเทศที่มีการเติบโตสูงอย่างสหรัฐฯ จึงส่งผลให้ต่างชาติยังไม่มีสัญญานซื้อที่ชัดเจนในเร็วๆนี้

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (9 ธ.ค.) คาดว่าดัชนีปรับตัวแดนลบ โดยประเมินแนวรับ 1290-1300จุด และแนวต้าน 1320-1325จุด มีผลมาจากราคาน้ำมันที่ภาพรวมยังคงปรับตัวลงแรงต่อเนื่อง

ไทยเคยสร้างเครื่องบินรบเอง ๒๐๐ ลำ ทำสงครามเวหาครั้งแรกในประวัติศาสตร์!!

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!ไทยสร้างเครื่องบินรบเอง ๒๐๐ ลำ ทำสงครามเวหาครั้งแรกในประวัติศาสตร์!!
โดย โรม บุนนาค
9 ธันวาคม 2558 09:28 น.
นักบินรุ่นแรกของไทย นายพันตรี หลวงศักดาศัลยาวุธ นายร้อยเอก หลวงอาวุธสิขิกร และ นายร้อยโท ทิพย์ เกตุทัตุ
ไม่ได้มโน แล้วก็ไม่ได้โม้ แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมาแล้วในประวัติศาสตร์ ไทยเราสร้างเครื่องบินรบเองถึง ๒๐๐ กว่าเครื่อง ส่งทะยานขึ้นฟ้าเข้าทำสงครามเวหาครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยคู่ต่อสู้มีตำแหน่งถึงจ้าวเวหาของยุโรป คือ ฝรั่งเศส
เรียกว่าขึ้นสังเวียนครั้งแรก ก็ชนกับแชมป์โลกเลย
ในการการรบ แม้สมรรถภาพของเครื่องบินที่ไทยสร้างจะด้อยกว่าของฝรั่งเศส แต่อาศัยที่ใจเหนือกว่า ขนาดลำเดียวยังกล้าสู้กับข้าศึกเป็นฝูง เพราะรบเพื่อชาติ ตายก็ไม่เสียดายชีวิต คนที่ถูกส่งมาข่มขู่ชาวบ้านเลยถอดใจ เสี่ยงชีวิตไปก็ตายเปล่า
ผลของสงคราม ฝรั่งเศสต้องไปขอให้ญี่ปุ่นมาช่วยเจรจาสงบศึก ยอมคืนดินแดนที่ยึดจากไทยไป ..แบบนี้ใครแพ้ใครชนะก็ลองคิดดู
ความจริงไทยเราเริ่มสร้างเครื่องบินรบใช้เองมาตั้งแต่ปี ๒๔๕๘ ในสมัยรัชกาลที่ ๖ แล้ว และสร้างจนเป็นชาติที่มีเครื่องบินรบมากที่สุดในเอเชีย รวมทั้งมีนักบินมากที่สุดด้วย
ประวัติศาสตร์การบินของไทยเริ่มตั้งแต่ปี ๒๔๕๒ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อ นายแวน เดอบอร์น ชาวเบลเยี่ยม ได้นำเครื่องบินปีก ๒ ชั้นแบบเออร์วิลไรท์ มาบินโชว์ที่สนามม้าปทุมวัน ซึ่ง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน และ สมเด็จเจ้าฟ้าจักพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ เสนาธิการทหารบก ทรงสนพระทัย ทดลองขึ้นบินทั้งสองพระองค์
ทรงเล็งเห็น ว่าเครื่องบินจะเป็นประโยชน์อย่างมากทั้งในด้านกิจการทหารและพลเรือน จึงได้ส่ง นายพันตรี หลวงศักดาศัลยาวุธ (สุณี สุวรรณประทีป) ต่อมาคือ พลอากาศโท พระยาเฉลิมอากาศ กับ นายร้อยเอก หลวงอาวุธสิขิกร (หลง สินสุข) ต่อมาคือ นายพันเอก พระยาเวหาสยานศิลปสิทธิ์ และนายร้อยโท ทิพย์ เกตุทัต ต่อมาคือ นายพันเอก พระยาทยานพิฆาต ไปเรียนการบินที่ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศผู้นำการบินของยุโรปในขณะนั้น
เมื่อนักบินทั้ง ๓ กลับมา ไทยได้สั่งซื้อเครื่องบินแบบเบรเกต์ ปีก ๒ ชั้น ซึ่งเป็นเครื่องที่ศิษย์การบินไทยใช้ฝึกบินที่ฝรั่งเศสมา ๓ เครื่องในปี ๒๔๕๖ ต่อมาเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (ชุ่ม อภัยวงศ์) ได้ซื้อให้อีก ๑ เครื่อง รวมเป็น ๔ เครื่อง
เมื่อซื้อเครื่องบินมาศึกษาได้ ๒ ปี ไทยก็แสดงฝีมือทันที โดยในปี ๒๔๕๘ สมัยรัชกาลที่ ๖ กองโรงงาน กองบินทหารบก ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีทหารอากาศ ก็สร้างเครื่องบินแบบเบรเกต์นี้ขึ้นเองเป็นเครื่องแรก โดยสั่งเครื่องยนต์มา แล้วสร้างปีกกับลำตัวเอง ใบพัดนั้นทำด้วยไม้โมกมัน ให้ชื่อว่า “ขัติยะนารี ๑” ซึ่งขณะนี้ก็ยังอยู่ในสภาพดี เก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑ์ของกองทัพอากาศ และเปิดให้ประชาชนชมทุกวัน
ในวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๔๖๐ ไทยได้เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ ๑ โดยประกาศสงครามกับเยอรมัน ออสเตรียฮังการี เข้าข้างฝ่ายสัมพันธมิตร และส่งทหาร ๔๐๐ นายไปร่วมรบที่ยุโรป ในจำนวนนี้ได้รับการคัดเลือก ๑๒๐ คนให้เข้ารับการฝึกบินในโรงเรียนการบินต่างๆของฝรั่งเศส มีทั้งฝึกบินฝึกทิ้งระเบิด และฝึกบินผาดโผน เมื่อสงครามสงบ นักบินเหล่านี้บางคนก็เข้าเรียนการบินชั้นสูงต่อไป และกลับมาเป็นครูฝึก สร้างนักบินให้กองทัพไทย
ต่อมาในปี ๒๔๗๐ นายพันโท หลวงเวชยันตร์รังสฤษฎ์ (มุนี มหาสันทนะ) ซึ่งเป็นผู้บังคับฝูงของโรงงาน กรมอากาศยาน ได้ออกแบบเครื่องบินเองแบบหนึ่ง แล้วสร้างขึ้น ใช้เครื่องจูปิเตอร์ ๔๕๐ แรงม้า ความเร็ว ๑๕๗ ไมล์ต่อชั่วโมง ได้รับพระราชทานนามจากรัชกาลที่ ๗ ว่า “บริพัตร” ตามพระนาม สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต เสนาบดีกระทรวงกลาโหม ซึ่งนับเป็นเครื่องบินลำแรกที่ออกแบบโดยคนไทย และได้บินไปโชว์ตัวถึงเมืองเดลฮีในปี ๒๔๗๒ ตามคำเชิญของรัฐบาลอินเดีย และบินไปไซ่ง่อนในปี ๒๔๗๓ ตามคำเชิญของรัฐบาลอินโดจีน ซึ่งตอนนี้ “บริพัตร” เครื่องนี้ก็ยังอยู่ในสภาพดีที่พิพิธภัณฑ์ของกองทัพอากาศเช่นกัน
ในปี ๒๔๗๒ ไทยได้ออกแบบและสร้างเครื่องบินขับไล่ขึ้นมาอีกลำหนึ่ง ได้รับพระราชทานนามจากรัชกาลที่ ๗ ว่า “ประชาธิปก” ตามพระนามพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ในปี ๒๔๗๗ ไทยได้สั่งเครื่องบินแบบคอร์แซร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินแบบตรวจการและทิ้งระเบิดของอเมริกามา ๑๒ เครื่อง จากนั้น ๒ ปีต่อมา ในปี ๒๔๗๙ ก็ขอสิทธิ์มาสร้างเอง ซื้อแต่เครื่องยนต์มา และสร้างอย่างเป็นล่ำเป็นสันถึง ๑๕๐ เครื่อง
ในปีเดียวกันนี้ ยังได้สร้างเครื่องบินแบบฮอล์ค ๓ ของอเมริกาขึ้นมาอีก ๕๐ เครื่อง โดยขอขอซื้อสิทธิ์เช่นเดียวกัน หลังจากที่ได้สั่งซื้อเครื่องบินแบบนี้มาศึกษา ๑๒ เครื่องในปี ๒๔๗๘
ในขณะนี้ ทั้งคอร์แซร์และฮอร์ค ๓ เหลืออยู่เพียงแบบละ ๑ เครื่อง เก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ของกองทัพอากาศ ซึ่งต่างก็เป็นหนึ่งเดียวในโลก ที่อเมริกาไม่เหลือเลย สถาบันสมิตโซเนียนของอเมริกาซึ่งสะสมเครื่องบินแบบต่างๆไว้มากมาย อยากซื้อเอาไปโชว์เหลือเกิน แต่กองทัพอากาศไทยก็ไม่สามารถขายให้ได้
ในปี ๒๔๘๓ ไทยเกิดความขัดแย้งกับฝรั่งเศสในปัญหาดินแดนในอินโดจีน จนถึงทำสงครามกัน ไทยได้ส่งคอร์แซร์และฮอล์ค ๓ ที่สร้างเองนี้เข้าสู่สมรภูมิ ซึ่งนับเป็นการทำสงครามทางอากาศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ตอนนั้นถือกันว่าฝรั่งเศสเป็นจ้าวเวหาของยุโรป มีความเชี่ยวชาญในการรบทางอากาศมาก ทั้งสมรรถภาพเครื่องบินก็เหนือกว่าไทย ฝรั่งเศสได้ส่งเครื่องบินขับไล่แบบโมรันและเครื่องบินทิ้งระเบิดฟาร์มัง ซึ่งเป็นทันสมัยทั้งคู่มาประจำในอินโดจีน แต่นักบินไทยก็สู้ด้วยหัวใจของนักรบ ที่ต้องปกป้องอธิปไตยและศักดิ์ศรีของชาติ จนได้สร้างวีรกรรมให้จดจำกันมากมายในสงครามครั้งนี้
หนึ่งในจำนวนนี้ที่คนไทยยุคนั้นรู้จักกันดี ก็คือ “ศานิต นวลมณี” ซึ่งเข้าสงครามครั้งนี้ในยศ เรืออากาศตรี และได้สร้างวีรกรรมประทับใจไว้หลายครั้ง จนได้เลื่อนยศเป็น เรืออากาศโท เรืออากาศเอก และนาวาอากาศตรี ภายในปีเดียว แต่แล้วในวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๘๓ได้รับคำสั่งให้ไปโจมตีสนามบิน เวียงจันทน์ ถูกปืนกลจากพื้นดินยิงต่อต้านอย่างหนัก แต่ น.ต.ศานิต นวลมณี ก็ฝ่าห่ากระสุนเข้าไปโจมตีเป้าหมายจนสำเร็จ แม้จะถูกยิงถังน้ำมันทะลุไฟไหม้ ถูกไฟลวก และถูกกระสุนที่เข่า ก็ประคองเครื่องกลับเข้าเขตไทยได้ และกระโดดร่มชูชีพออกจากเครื่อง แต่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคมในขณะอายุเพิ่ง ๒๓ ปี
วีรกรรม น.ต.ศานิตในครั้งนั้นเป็นที่กล่าวขานและปลุกใจให้คนไทยรักชาติมาก ผู้เขียนซึ่งอยู่ในวัย ๗ ขวบ ก็ยังจำชื่อ “ศานิต นวลมณี” มาได้จนบัดนี้ ในวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๔๘๔ ไทยได้ส่งฝูงบินคอร์แซร์และฮอล์ค ๓ รวม ๑๔ เครื่อง พร้อมลูกระเบิดเต็มท้อง เข้าไปถล่มฐานทัพของฝรั่งเศสที่ศรีโสภณเป็นการตอบโต้ฝรั่งเศสส่งฟาร์มังมามาบอมบ์อรัญประเทศ ฝรั่งเศสเตรียม ป.ต.อ.ไว้ต้อนรับเต็มที่ แต่เสืออากาศไทยก็หย่อนระเบิดใส่ ป.ต.อ.ฝรั่งเศสจนเงียบเสียง แล้วทำลายคลังอาวุธยับเยิน กลับมาได้ครบทั้ง ๑๔ ลำ
ฉากการรบครั้งนี้จะสนุกแค่ไหน ร.ต.ประเสริฐ สุดบรรทัด ซึ่งต่อมาเป็น ส.ส.จังหวัดสระบุรี ผู้เข้าสมรภูมิภาคพื้นดินและเห็นเหตุการณ์ด้านหนึ่ง ได้บันทึกไว้ว่า
“...ในตอนเย็น เสืออากาศไทยพาเครื่องบิน ๓ เครื่องพุ่งตรงไปศรีโสภณ พร้อมกับโปรยไข่เหล็กกระหน่ำเป้าหมายอย่างไม่หวั่นไหวในเสียงปืนต่อสู้ที่ยิงสนั่นฟ้า เครื่องบินของนักล่าเมืองขึ้นโผขึ้นเพื่อสกัดกั้น ๕ เครื่อง ๓ ต่อ ๕ พ่นกระสุนใส่กันอย่างใครดีใครอยู่ แต่ความกล้าที่เหนือกว่ากันแม้กำลังจะด้อยกว่า เครื่องหนึ่งของเราก็จิกหัวยิงในระยะต่ำเพียง ๕๐ เมตร ปล่อยระเบิดลงไปด้วย ๓ ลูก ตรงนั้นต้องเป็นคลังกระสุนของสัตรู เสียงระเบิดดังก้อง แผ่นดินสะเทือน กลุ่มควัน ป.ต.อ. ของฝรั่งเศสที่ระดมยิงนั้นรายล้อมเป็นวงๆ ราวกับถูกล้อมด้วยรัศมีระเบิด เครื่องบินของเราม้วนลงมาเหมือนนกปีกหัก เราสลดใจไปตามกันที่เห็นจุดจบของเสืออากาศ แต่ก็ยังเหลืออีก ๒ ที่ยังสู้อย่าทระนงองอาจสมชายชาตินักรบ
เครื่องบินที่เราคิดว่าต้องตกมาแหลกนั้น เมื่อร่วงลงมาจะถึงยอดไม้ กลับเบนหัวตั้งหลักได้อย่างประหลาด ยิ่งกว่านั้นยังเร่งเครื่องกระหึ่มอย่างแรง เชิดหัวโยนบอมบ์เข้าไปที่จุดหนึ่งจุดใดที่เสืออากาศของเราได้เห็นแล้ว ตูมเดียวควันดำก็คลุ้มเป็นกลุ่มขึ้นไปในอากาศ เครื่องบินที่คิดว่าจะตกของเรากลับมีลูกเล่นอย่างไม่มีใครคาดฝันสักคนเดียว เสียงร้องไชโยราวกับนัดกันไว้”
ในวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๔๘๔ หลังจากที่ฝรั่งเศสขอสงบศึก คืนดินแดนให้ไทยแล้ว ญี่ปุ่นผู้เป็นทูตสันติภาพก็ลงมือเอง ยกพลขึ้นบกทางชายทะเลฝั่งตะวันออกของไทย ตั้งแต่ภาคใต้จนถึงบางปู จังหวัดสมุทรสงคราม นอกจากใช้ปืนกลเรือยิงกราดคุมไม่ให้เครื่องบินไทยที่กองบินอ่าวมะนาว ประจวบคีรีขันธ์เงยหัวขึ้นจากรันเวย์ได้แล้ว ยังส่งฝูงบิน ๒๕ เครื่องโจมตีสนามบินวัฒนานคร จังหวัดปราจีนบุรี ไม่ให้ไทยใช้เครื่องบินที่สนามนี้ต่อต้านญี่ปุ่นด้วย แต่เสืออากาศของไทยก็นำฮอล์ค ๓ ฝ่าระเบิดขึ้นไปได้ ๓ เครื่อง หาญสู้กับฝูงบินขับไล่โอตะซึ่งทันสมัยที่สุดของญี่ปุ่น ๒๕ เครื่อง ผลก็คือฮอล์ค ๓ ทั้ง ๓ ลำถูกยำจนร่วงหมด
เมื่อจำต้องเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ ๒ ระหว่างปี ๒๔๘๔-๒๔๘๘ การสร้างเครื่องบินของไทยก็ต้องชะงักลง มาฟื้นฟูกันใหม่ในปี ๒๕๐๐ แต่ก็ตามไม่ทันเทคโนโลยีการสร้างเครื่องบินที่ไปไกลแล้ว ขืนสร้างขึ้นมาก็เอาไปรบกับใครไม่ได้ จึงหันไปศึกษาเครื่องบินแบบฝึกบิน โดยซื้อแบบจากต่างประเทศมา แล้ววิจัยสร้างแบบขึ้นมาเอง
ในปี ๒๕๑๐ ไทยเราได้สร้างเครื่องบินฝึกแบบ “จันทรา” ขึ้นมา ๑๒ เครื่อง โดยออกแบบเองทั้งหมด
ปี ๒๕๑๕ ร่วมกับบริษัทไวท์ฟลุค ซอยบาว ของเยอรมัน สร้างเครื่องแบบ “แฟรนเทรนเนอร์” ซึ่งเป็นเครื่องบินฝึกเช่นกัน จำนวน ๒๐ เครื่อง แต่ใช้ปีกเป็นโลหะ โดยไทยวิจัยสร้างขึ้นมาเอง และถือลิขสิทธิ์ปีกเครื่องบินแบบนี้ด้วย
การสร้างเครื่องบินฝึกของกองทัพอากาศ ได้ก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับจนถึงปัจจุบัน นอกจากสร้างขึ้นใช้เองแล้ว ยังมีเป้าหมายที่จะสร้างเครื่องบินแบบนี้ออกจำหน่ายด้วย
การเริ่มต้นการบินของไทยเรานับว่าสดใสไม่น้อย แต่ต้องชะงักไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ และเพราะเป็นประเทศที่ยากจน ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณศึกษาวิจัยในด้านนี้มากนัก กิจการสร้างเครื่องบินของไทยจึงล้าหลังไป แต่กระนั้นในด้านนักบิน คนไทยก็มีฝีมือเป็นนักบินเครื่องบินโดยสารของสายการบินใหญ่ๆอยู่หลายสาย ไม่น้อยหน้านักบินชาติใดในโลก
แต่อย่าเผลอไปมีลูกเล่นเหมือนตอนถล่มศรีโสภณเข้าล่ะ!
“ขัติยะนารี ๑” เครื่องบินลำแรกที่ไทยสร้างขึ้นในสมัย ร.๖
“บริพัตร” เครื่องบินที่ไทยออกแบบเองเครื่องแรก
“ประชาธิปก” เครื่องบินขับไล่ที่ไทยออกแบบและสร้างเองฝ
คอร์แซร์ ที่เหลือหนึ่งเดียวในโลก
ฮอล์ค ๓ ที่เหลือเครื่องเดียวในโลกเช่นกัน
สงครามเวหาครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย
♡Cr.MGR Online♡
************************