PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2558

"บิ๊กตู่" ท้า คนด่าข้าราชการ ให้มาด่าผมคนเดียว ผมสู้


"บิ๊กตู่" ท้า คนด่าข้าราชการ ให้มาด่าผมคนเดียว ผมสู้ เผย เอาเริ่องที่ขัดแย้งกันอยู่ปัจจุบัน เข้ากระบวนการยุติธรรมแล้ว ย้ำบังคับใช้กฎหมายจริงจัง เผย ทำหน้าที่นำคนทุจริตเข้าสู่กระบวนการทุกคดี เล็ง รื้อระบบบรรจุข้าราชการ ต้องตรงกับพันธกิจงาน หวังอนาคตต้องเป็นมืออาชีพ ชี้ อย่านับถือคนรวยที่ไม่สุจริต ระบุ ไม่ต้องมายืนตรงนี้ หากไม่มีคนโกง บอก แก้ปัญหาในประเทศ อย่าไปร้องแรกแหกกระเชอข้างนอก ยึดมั่นศักดิ์ศรีของประเทศ
ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ อาคารรัฐประศาสนภักดีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต เนื่องในงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล วันที่ 9 ธันวาคม 2558
มูลนิธิองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทยได้เปิดเผยการจัดอันดับดัชนีชี้วัดการคอรัปชั่น พ.ศ. 2557 พบว่า ประเทศไทยได้คะแนน 38 คะแนน จาก 100 คะแนน อยู่ลำดับที่ 85 จากการจัดอันดับทั้งหมด 175 ประเทศทั่วโลก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาการทุจริตในสังคมไทยและทั่วโลก ถือเป็นปัญหาเรื้อรัง เว้นแต่ประเทศที่มีการพัฒนาแล้ว แต่ไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาจึงแก้ไขได้ไม่เร็วนัก
ขณะนี้รัฐบาลจะร่วมกับองค์กรต่างๆ แก้ไขให้เร็วขึ้น แต่หากแก้เพียงคนเดียวก็ไม่สำเร็จ หรือผมคนเดียวก็ทำไม่สำเร็จ ต้องร่วมกับประชาชนคนไทยทุกคนและต่างประเทศจะแก้ปัญหาให้เร็วขึ้น เราเป็นในสังคมโลกต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องนำสู่การปฏิบัติให้ได้
จากการทำงานของข้าราชการและหน่วยงานของรัฐบาล ในส่วนภาคธุรกิจก็เช่นกัน ก็มีข้อมูลต่างๆ และแนวทางดำเนินงานประกอบธุรกิจ เพื่อให้การประกอบการมีการเปลี่ยนแปลง ลดเวลา ลดขั้นตอน และเวลาในการประกอบธุรกิจ แต่ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ รัฐบาลทำแล้ว ดังนั้นเมื่อหน่วยงานราชการมีความสะอาดโปร่งใสแล้วก็เป็นเรื่องที่หน่วยงานอื่นนอกจากหน่วยราชการ การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ทุกคนต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ เฝ้าระวัง ป้องกันปัญหาการคอร์รัปชั่นทุจริตเพื่อให้ผลลัพธ์การบริหารตกที่ประชาขนเต็มร้อยเปอร์เซนต์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องทำ 2 เรื่อง คือ การเฝ้าระวัง ป้องกันและปราบปราบ และต้องพัฒนาประเทศไปด้วย แม้ว่าจะติดขัดในเรื่องระยะเวลา แต่ต้องไม่มีการทุจริต และต้องเดินหน้าต่อไปได้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้หยุดชะงัก ซึ่งหลายเรื่องหยุดชะงักไปแล้ว ทำให้เกิดผลเสียหายมากมาย การที่จะให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วม นอกจากการเฝ้าระวังและตรวจสอบแล้ว ยังมีการร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งมีวิถีทางกฎหมายอยู่แล้ว ทุกคนต้องรู้ว่าระบบราชการเป็นอย่างไร การพัฒนาประเทศเป็นอย่างไรบ้าง ทุกคนต้องเรียนรู้ ถ้าไม่รู้ก็ไปด้วยกันไม่ได้
"ไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไร องค์กรอิสระหรือหน่วยงานที่ตรวจสอบจะทำอะไร ทุกอย่างรัฐบาล นำเข้ากระบวนการยุติธรรมทั้งสิ้น ทุกเรื่อง แม้กระทั่ง เรื่องที่มีความขัดแย้งในปัจจุบัน ก็นำเข้าไปแล้ว แต่ที่ผ่านมามีหลายเรื่องไม่เอาเข้า ก็มีการต่อต้านเป็นธรรมดา" นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้เรากำลังเดินเข้าสู่โรดแมป ระยะ ที่ 2 เดินหน้าประเทศไทย
ทุกอย่างจะเดินตามขั้นตอน ตามโรดแมป โดยรัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด เพื่อประโยชน์ของทุกคน ในโรดแมประยะที่ 2 มีเวลาถึงเดือนกรกฎาคม ปี 60 เรามีเวลาเท่านี้ตามโรดแมปที่วางไว้
"ขอเรียนต่างประเทศต่างๆ ให้เข้าใจว่า ยืนยันตนจะเดินหน้าตามโรดแมป และเรื่องการทุจริตเป็นหัวข้อหนึ่งในการปฏิรูปประเทศ ซึ่งจะต้องมีส่งต่อรัฐบาลต่อไป ไปแต่หากไม่ทำต่อก็เป็นเรื่องของประชาขนที่ไปเลือกมา จึงขอฝากด้วยและต้องข่วยกันคิดว่าทำอย่างไรให้เขาทำกันต่อไป อะไรไม่ดีก็ไม่ต้องทำ อะไรดีก็ต้องทำให้ได้ "
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้สังคมต้องรับรู้ และที่ตนพูดมากเพื่อให้สังคมรับรู้ และตนไม่ได้ปกปิดอะไรทั้งสิ้น เรื่องที่ประชาชน ข้าราชการ ต้องรับทราบ ตนก็ต้องพูด ถ้าไม่พูเแล้วใครจะพูด ยืนยันว่าตนไม่มีเจตนาอย่างอื่น ในหัวใจของตนมีแต่คำว่าประเทศไทยเท่านั้น และประเทศคือเสาหลักที่ทุกคนต้องยึดเหนี่ยว ทุกคนเป็นคนกำหนดว่าประเทศจะเป็นอย่างไรในอนาคตไม่ใช่นักการเมือง จึงต้องเลือกคนที่ดีเข้ามาเพื่อรับผิดชอบแผ่นดินนี้ ดังนั้นแนวทางการบังคับใช้กฎหมาย
"เรื่องต้องทำให้โปร่งใสให้ได้รับความน่าเชื่อถือ ไม่ถูกกล่าวอ้างในทางที่ไม่ถูกต้อง คนเลวมันพูดทุกอย่างอยู่แล้ว เราพูดอะไรมากไม่ได้เพราะเราไม่สามารถพูดนอกกรอบเหมือนบางคน
วันนี้ แนวทางการใช้กฎหมายในการป้องกันการทุจริต สำนักงานป.ป.ช. และหน่วยงานที่มีอำนาจในการบังคับใช้กฎหมายจะต้องจริงจัง เคร่งครัด ต่อเนื่อง
ซึ่งจากการพูดคุยกับประธานป.ป.ช.ยืนยันว่าจะทำงานอย่างเต็มที่
ที่สำคัญอำนาจรัฐต้องไม่ไปทับซ้อน วันนี้ปัญหาคือการบริหารที่เข้าไปทับซ้อน แต่ตนมาอย่างนี้จะไม่ไปทับซ้อน แม้จะมีอำนาจอย่างไรก็ตาม เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของผู้ที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในฐานะองค์อิสระต่างๆ สำหรับตนมีหน้าที่ในการนำเข้าสู่กระบวนการ
นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของปปช. จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือกกต. สตง. ปปท. ปปง. สตช. ดีเอสไอ ทั้ง 7 องค์กรนี้ถือเป็นองค์กรหลักโดยตรงในการปราบปรามการทุจริต และสำนักงานอัยการสูงสุด จะรับต่อช่วงจาก 7 องค์กรนี้ ในการทำงานปราบปรามการทุจริตมาบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ฉะนั้นจะต้องมีการวางแผนร่วมกัน ซึ่งวันนี้ก็ทำกันอยู่แล้ว
"แต่จะทำอย่างไรให้กระบวนการยุติธรรมไม่ล่าช้า และไม่เร็วจนเกินไป ตรงนี้สำคัญ แต่ทำอย่างไรคนก็ไม่ทันใจหรอก ใจมันเร็วนึกอะไรก็ไปนู่นแล้ว ฉะนั้นต้องตั้งสติให้ดี เข้าใจขั้นตอนการทำงาน และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ถ้าอยากให้มันจบเร็วก็มีเรื่องทุกที แต่จะต้องไม่ช้าจนเกินไป ให้ความเป็นธรรม สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชน" นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญอีกอย่างคือการลดการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ วันนี้เรามีการเตรียมปฏิรูประบบราชการ เพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ เป็นข้าราชการรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ ตนมีนโยบายที่จะสร้างข้าราชการยุคใหม่ในอนาคต โดยวันหน้าจะต้องมีข้าราชการที่ดี เป็นมืออาชีพ และจะมีมาตรการบรรจุข้าราชการใหม่ให้ตรงตามพันธกิจแต่ละกระทรวง ฉะนั้นจะเรียนสาขาไหนขอให้เลือกให้ดี แต่ตนไม่ต้องการให้เรียนเพื่อได้ปริญญาอย่างเดียว จบแล้วต้องมีงานทำ เพราะต้องมีการใช้จ่ายเงินทอง ตรงนี้ต้องช่วยกันคิด เรียนอะไรต้องนึกถึงพ่อแม่ เฉพาะผู้มีรายได้น้อยอย่าใช้จ่ายสุร่ยสุร่าย
"ผมอยากให้ทุกส่วนราชการชี้แจงการทำงานให้ชัดเจนว่า งบประมาณ แผนการดำเนินงานมาอย่างไร ถ้าตรวจสอบพบแล้วจะทำอย่างไรต่อ ถ้าไม่พูด ก็จะเป็นอยู่แบบนี้ จะเกิดความขัดแย้งไปเรื่อยๆ เพราะแต่ละส่วนย่อมมีคนดีและไม่ดี มีในทุกประเทศ อยู่ที่ว่าเราจะมีมาตรการในการปฏิบัติต่อกลุ่มบุคคลเหล่านี้อย่างไร สิ่งสำคัญคือคนส่วนใหญ่ต้องเข้าใจกฎหมาย เรียนรู้ตั้งแต่ในโรงเรียน สถาบันการศึกษาต่างๆเรียนรู้เพื่ออยู่ในสังคมอย่างปกติสุข ถ้าไม่มีกฎหมายจะขัดแย้งกันทุกเรื่อง ไม่เชื่อมั่นในกฎหมายก็ขัดแย้งอีก ฉะนั้นกฎหมายเป็นสิ่งที่ทำให้บ้านเมืองเกิดความเป็นธรรมเท่าเทียม มีสองอย่างที่มีการกล่าวคือ เรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน แต่ท่านอย่าลืมว่าต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดของทุกประเทศ ซึ่งมันสำคัญทั้งหมด จะใช้อย่างหนึ่งอย่างใดก็แก้ปัญหาไม่ได้ โดยเฉพาะประเทศเราเป็นประเทศกำลังพัฒนา ฉะนั้นต้องมองทุกคนอย่างเป็นธรรมว่าจะทำอย่างไรในการสร้างความเข้าใจ"
นายกรัฐมนตรี กล่าว่า ในส่วนของภาคเอกชนมีความชัดเจนด้วยการลงนามทำสัญญาคุณธรรม การให้หน่วยงานตรวจสอบการทุจริตจากต่างประเทศเข้ามาตรวจสอบโครงการใหญ่ๆได้ รัฐบาลนี้ทำทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมาไม่มี ฉะนั้นในทางกฎหมายจะทำอย่างไร ไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการในสิ่งที่ขัดระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคล และส่วนรวม ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต ซึ่งวันนี้กฎหมายมีเป็นร้อยมาตรา โดยเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ต้องรู้ แต่สิ่งที่เราต้องรู้คือไม่ทุจริต และดูคนทุจริต เอาคนเหล่านั้นมาให้องค์กรที่เกี่ยวข้องพิจารณาตามขั้นตอน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเอื้อประโยชน์นำไปสู่การหลีกเลี่ยงภาษีตรงนี้เราต้องช่วยกันดูแล ฉะนั้นใครที่มันรวยแล้วไม่สุจริต ตนว่าไม่ควรไปนับถือ ถ้าจะนับถือคนแบบนี้ก็จะทำให้วันข้างหน้าเกิดวงจรเหล่านี้ขึ้นอีก ทุกคนอยากมีเงินอยากร่ำรวยถูกผิดไม่รู้แล้วขึ้นมามีอำนาจต่อไปพอรวยมากไม่รู้จะทำอะไร ก็อยากมีอำนาจ เมื่อมีอำนาจก็ใช้อำนาจไปสู่ผลประโยชน์เพิ่มขึ้นไม่มีเพียงพอ
พล.อ.ประยุทธ์ ขอย้ำว่าการตรวจสอบการดำเนินการตามกฎหมายจะต้องสมดุลกับการพัฒนาประเทศ ซึ่งคนอย่างส่วนราชการ องค์กรอิสระ กระทรวงยุติธรรมต้องทำหน้าที่ตรงนี้ ส่วนในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงรัฐบาลนำมาปฎิบัติอย่างจริงจัง ในหลายๆประเทศก็มีความสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาที่นำรูปแบบเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ เขาชื่นชมเราว่าเรามีการบริหารจัดการที่ดี แต่พวกเรากันเองไม่ค่อยรู้คุณค่า วันนี้สังคมต้องเป็นหูเป็นตาสอดส่งส่งเรื่องร้องเรียน ซึ่งหากมีการร้องเรียนมาก็ต้องรับทุกเรื่อง แต่จะต้องมีขั้นตอนในการดำเนินการ ที่ผ่านมามีปัญหามากร่วมถึงเรื่องความขัดแย้ง
“หากไม่มีเรื่องเหล่านี้ป.ป.ช.ก็ไม่มีงานทำก็หมายความว่าประเทศชาติมีความก้าวหน้า ผมก็ไม่ต้องมายืนตรงนี้ เพราะไม่มีใครโกง แต่มันเป็นไปไม่ได้ โลกใบนี้ต้องมีการบริหารราชการ ต้องมีการติดต่อระหว่างประเทศ เราต้องใช้ความเป็นไทยติดต่อกับเขา ใช้ศักดิ์ศรีของคนไทยทุกคนที่ทำอย่างไรให้ได้รับความเชื่อมั่น เชื่อถือ และอะไรที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายก็ต้องแก้ไขภายในประเทศ ไม่ใช่ไปร้องแรกแหกกระเชออยู่ข้างนอก มันไม่ได้ อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระมันมาก ให้ผมพูดคนเดียว มาเล่นงานผมคนเดียว ผมสู้อยู่แล้ว อย่าไปว่าคนอื่นเขา ข้าราชการเขาก็เสียน้ำใจ คนดีเขาก็มีเยอะเยะ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนรับไม่ได้กับความไม่ถูกต้อง แต่ก็ให้กระบวนการทางกฎหมายตรวจสอบไป ทุกเรื่องตนพูดหมดแล้ว พูดทุกวัน จะให้ตนพูดน้อยลง ตนก็อยากพูดน้อยเหมือนกันแต่ก็ทำไม่ได้ ถ้าไม่พูดคนก็ไม่เข้าใจกัน กฎหมายคือกฎหมาย โลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นธรรมเท่าเทียมอย่างแท้จริง ทุกประเทศเป็นประชาธิปไตยหรอ ไม่ใช่ เพราะถ้าเป็นประชาธิปไตยที่ไม่นึกถึงประชาชนทั้งประเทศ ตนถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ตนนึกถึงประชาชน 70 ล้านคนที่จะต้องเดินหน้าไปได้ เราเหน็ดเหนื่อยกันมากมากเพียงพอแล้วกับความขัดแย้ง มากเพียงพอแล้วกับการพัฒนาประเทศที่ล่าช้า ฉะนั้นเวลาช่วงนี้เท่านั้นที่จะทำได้ เราจะได้มีเกียรติยศและศักดิ์ศรี ไม่อายเขา บังคับต่างประเทศได้ แต่จะต้องทำตามพันธะสัญญาระหว่างประเทศด้วย เราต้องรักกันทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่เป็นมิตรกับเรา เราทะเลาะกับใครไ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนรับไม่ได้กับความไม่ถูกต้อง แต่ก็ให้กระบวนการทางกฎหมายตรวจสอบไป ทุกเรื่องตนพูดหมดแล้ว พูดทุกวัน จะให้ตนพูดน้อยลง ตนก็อยากพูดน้อยเหมือนกันแต่ก็ทำไม่ได้ ถ้าไม่พูดคนก็ไม่เข้าใจกัน
" กฎหมายคือกฎหมาย โลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นธรรมเท่าเทียมอย่างแท้จริง ทุกประเทศเป็นประชาธิปไตยหรอ ไม่ใช่ เพราะถ้าเป็นประชาธิปไตยที่ไม่นึกถึงประชาชนทั้งประเทศ ตนถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ตนนึกถึงประชาชน 70 ล้านคนที่จะต้องเดินหน้าไปได้ เราเหน็ดเหนื่อยกันมากมากเพียงพอแล้วกับความขัดแย้ง มากเพียงพอแล้วกับการพัฒนาประเทศที่ล่าช้า ฉะนั้นเวลาช่วงนี้เท่านั้นที่จะทำได้ เราจะได้มีเกียรติยศและศักดิ์ศรี ไม่อายเขา บังคับต่างประเทศได้ แต่จะต้องทำตามพันธะสัญญาระหว่างประเทศด้วย เราต้องรักกันทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่เป็นมิตรกับเรา เราทะเลาะกับใครไม่ได้ ไม่เคยไปโกรธ ไม่เคยไปขัดแย้งกับใคร เพราะเราเป็นประเทศเล็ก
"สิ่งที่เรามีอยู่คือศักดิ์ศรีความเป็นประเทศไทย และคำว่าคนไทยต้องไม่ลืมคำนี้ ทุกคนต้องมีคุณธรรม รู้ว่าอะไรดีและไม่ดี ถ้าไม่ดีก็อย่าไปทำ แล้วก็ต้องไม่ให้คนอื่นเขาทำด้วย ถ้าดีบอกให้คนทำตาม ซึ่งค่านิยม 12 ประการแตกออกมาจากคุณธรรม ว่าจะต้องเป็นอย่างไร ผมไม่ได้บังคับว่าใครจะต้องทำ แต่ที่สำคัญคือ หากมีหนึ่งคนที่มีคุณธรรมครอบครัวนั้นก็จะเป็นจริยธรรมนำไปสู่ประเทศที่มีคุณธรรมและสร้างจริยธรรมที่ดีงามให้กับประเทศ ฉะนั้นใครที่มาปกครองบ้านเมืองจะต้องมีธรรมาภิบาลด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ประชาชนต้องรู้ทุกเรื่อง ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ต่างประเทศ นี่คือโอกาสของพวกเรา หากเราไม่ทำในวันนี้วันหน้าจะล้มเหลวทั้งหมด ประเทศไทยจะถูกลบเลือนหายไปทั้งหมดซึ่งการทุจริตเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำลายชาติอย่างมหาศาล ต้องมีการร่วมมือกันเป็นประชารัฐในทุกมิติ ถ้าประชาชนเข้มแข็ง ประเทศชาติก็เข้มแข็ง ต้องร่วมมือกันในทุกภาคส่วน ซึ่งรัฐบาลกำลังทำเรื่องประชารัฐอยู่ ซึ่งวันนี้เป็นวันครบรอบวันต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นสากล ขอให้พวกเราทุกคนร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ รณรงค์สร้างชาติ ตามหลักธรรมาภิบาล ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นไปพร้อมๆ กัน
จากนั้น พลเอกประยุทธ นำกล่สวคำปฏิญาณตน ว่า“ข้าพเจ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอประกาศเจตนารมณ์ว่าจะประพฤติปฏิบัติตนในสัมมาชีพ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เป็นหลักสำคัญมั่นคง ดำรงตนอยู่ด้วยความมีเกียรติและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ยึดความยุติธรรมความเป็นธรรมเป็นที่ตั้ง จะยับยั้งชั่งใจ ไม่กระทำการโกงกินแผ่นดิน หรือใช้ตำแหน่งหน้าที่หาประโยชน์ บนความทุกข์ยากของประชาชน จะเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท ในปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และยืนเคียงข้างสุจริตชน ร่วมสร้างเยาวชนให้โตไปไม่โกง เพื่อจรรโลงและนำพาประเทศไทยให้รุ่งเรืองสืบไป” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ขอให้ร่วมมือกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โตไปไม่โกง ขอยืนยันว่าประเทศไทยพร้อมเคียงข้างทุกประเทศในโลก ตามพันธะสัญญาที่มีอยู่ เพียงแต่ขอเวลาทำให้ประเทศไทยเข้มแข็งไปพร้อมๆ กันด้วย

ไม่มีความคิดเห็น: