PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ในความโชคดีและร้าย

คิวชุกยิ่งกว่าวงดนตรีลูกทุ่งชื่อดัง ล่าสุด “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ขนหางเครื่องชุดใหญ่เดินสายไปตรวจสถานการณ์ภัยแล้งที่จังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์

จังหวะเด้งเชือกหลบเกมฝ่ายค้านต้อนเข้ามุมสภาฯแบบมีเชิง

ขณะที่อีกด้านก็แลกหมัดกันแบบ “ซี้ดซ้าด” คอการเมืองพันธุ์ซาดิสต์ ตามลีลา

ที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เล่นบท “ทนาย” รัฐบาล แก้ต่างให้ “นายกฯลุงตู่” ที่ไม่ไปตอบกระทู้สดของฝ่ายค้านกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ

ศอกกลับพรรคเพื่อไทยที่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เย้ยหยันอาการแหยงสภาฯของนายกฯเหมือน “เด็กกลัวบ้านผีสิง” ที่แสบกว่าคือย้อนศร “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เคยหนีกระทู้สด “ว.5 โฟร์ซีซันส์” ตีกรรเชียงชิ่งให้คนอื่นมาชี้แจงสภาฯแทนเหมือนกัน

การเมืองยังบลัฟ ชิงเหลี่ยมเบิ้ลกระแสกันอย่างเมามัน

แห่กองเชียร์เย้วๆด่ากันลั่นโซเชียลมีเดีย ยิ่งกว่าเชียร์มวยเวทีราชดำเนิน เวทีลุมพินี

กลบเสียงที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ส่งสัญญาณเตือนถี่ๆ สั่งการฝ่ายที่เกี่ยวข้องตั้งรับ “สึนามิ” เศรษฐกิจที่กำลังตั้งเค้าจากสถานการณ์ไม่สู้ดีทั้งตัวเลขส่งออก ดัชนีตลาดหุ้น ความเชื่อมั่นด้านต่างๆที่ลดลงฮวบฮาบ จากแรงกระแทกสงครามการค้าสหรัฐอเมริกากับพญามังกรจีน ฮ่องกงเอฟเฟกต์

ขนาดที่ “บิ๊กตู่” ยังออกปากยอมรับเป็นนัย ตอนนี้คนไทยต้องใส่ใจเรื่องเศรษฐกิจให้มาก

ไม่อยากพูดตรงๆว่ารอบนี้ “เผาจริง” ไม่ใช่ “เผาหลอก”

ในสถานการณ์สะท้อนชัดๆจากการที่รัฐบาลต้องเร่งเข็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อัดฉีดแพ็กเกจใหญ่ตามตัวเลขกลมๆวงเงินกว่า 3 แสนล้านบาท

ลุ้นเชิดหัวตัวเลขจีดีพีที่ปักหัวดิ่งในไตรมาสสุดท้ายปลายปี

เรื่องของเรื่องในมุมบริหารต้องยอมรับว่าทีม “ประยุทธ์ ภาค 2” เตรียมการตั้งรับสึนามิเศรษฐกิจได้รวดเร็วทันต่อสถานการณ์ ตามฟอร์มรัฐบาลเลือกตั้งที่ “ความรู้สึกไว”

ท่ามกลางโจทย์หนักๆที่กดทับ ไฟต์บังคับการเมืองมั่วๆแบบไทยๆ

อย่างที่เข้าใจได้ เศรษฐกิจชะลอจากปัจจัยเหตุ 2 เด้ง เศรษฐกิจโลกสงครามการค้าสหรัฐฯกับจีน ขณะที่การเมืองภายในป่วนหลังเลือกตั้งกว่า จะยื้อตั้งรัฐบาลได้ก็ผ่านไปเกือบ 4-5 เดือน ตามฟอร์มหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจที่ใส่เกียร์ว่างรอรัฐบาลใหม่มาตีเมืองขึ้น

การบริหารเบิกจ่ายงบฯไม่เต็มสูบ ทำให้เศรษฐกิจไตรมาส 2 ดิ่งพสุธา

การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล “ประยุทธ์ ภาค 2” ในห้วงตั้งลำเรือเหล็กออกจากท่า จึงเป็นเสมือนการสร้างความอุ่นใจ เพิ่มความมั่นใจ อัดฉีดเม็ดเงินให้เกิดหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ

ที่สำคัญใช้เงินงบประมาณจริงๆไม่เกิน 5 หมื่นล้านบาท

นอกนั้นเป็นการสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยสินเชื่อผ่านแบงก์รัฐบาล ทั้งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์

และงานนี้คนที่เป็นโต้โผหลักในการ “ชง” มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “แพ็กเกจใหญ่” คือนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ที่รู้สถานการณ์ล่วงหน้าและทำงานอย่างหนักมาตั้งแต่ตอนฟอร์มรัฐบาล

ทำการบ้านมาก่อนที่จะนั่ง “ขุนคลัง” อย่างเป็นทางการ

อีกทั้งการบริหารจัดการโดยกระทรวงการคลังที่ยึดกฎเหล็กวินัยการเงินการคลัง จึงประกันได้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ที่ออกมามีความ “รัดกุม” ระดับหนึ่ง

ไม่แจกกันโฉ่งฉ่างแบบ “สามล้อถูกหวย” แน่

และตามรูปการณ์แบบที่เห็นการจัดการอย่างเป็นระบบในการประชุม ครม.เศรษฐกิจล็อบบี้กันล่วงหน้า ทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คลอดออกมาก่อนเข้าที่ประชุม ครม.ชุดใหญ่ โดยไม่มีปัญหายึกๆยักๆตามฟอร์มยี่ห้อประชาธิปัตย์ที่ตั้งท่าปั่นตัวเลขงบฯประกันรายได้เกษตรกร ทีมภูมิใจไทยก็ลุ้นเข็นงบฯอัดฉีดผ่านกระทรวงในโควตา

ถือว่าแก้เกมรัฐบาลผสมที่ไม่มีกัปตันเศรษฐกิจแท้จริงได้นิ่งๆ

ขณะที่ประเทศไทยยังโชคดีตรงที่ “local economy” การพัฒนาการเศรษฐกิจในประเทศหรือเศรษฐกิจท้องถิ่นขนาดใหญ่ จึงไม่หนักเหมือนฮ่องกงหรือสิงคโปร์ที่เป็นแค่ตลาดทุน ตลาดเงิน

แต่ในความโชคดีก็แฝงโชคร้าย คือการเมืองยังเป็นตัวถ่วงไม่

เลิกราแบบที่เห็น แค่แพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน ครม.เศรษฐกิจออกมาไม่กี่นาที ก็เจออิทธิฤทธิ์เพจ “fake news” กระพือ “ข่าวปลอม” สนั่นโซเชียลมีเดีย

ประจานทีม “ลุงตู่” ไล่แจกเงินดะ ละเลงงบฯ 3 แสนล้าน

สถานการณ์อย่างที่นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกรัฐบาล ต้องปฏิเสธ รัฐบาลไม่มีการตัดงบประมาณ “บัตรทอง” แบบที่เพจ “ข่าวปลอม” กระจายข่าวลือ ตรงกันข้ามยังแถมเพิ่มสิทธิการรักษา

รับมือเศรษฐกิจก็หนัก ยังต้องเหนื่อยกับแก๊งดักเจาะยาง.

ทีมข่าวการเมือง