PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2560

อาการหนักจริงๆพ่อเมืองชลฯ

ประมวลเหตุการณ์ ชาวชลบุรี รวมตัวขับไล่ผู้ว่าฯ
18.44 น. ปชช. ชลบุรี ปักหลักลานศาลากลางจังหวัดชลบุรี แสดงจุดยืน ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ต้องลาออกเท่านั้น!
19.05 น. ผบ.มทบ.14 ใช้เครื่องขยายเสียง ขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ ผู้ว่าฯชลบุรี จึงจะออกมาชี้แจง เรื่องการจัดการพระราชพิธีถวายดอกไม้จันทน์ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น
19:58 ปชช. เริ่มนำป้ายประท้วงขับไล่ผู้ว่าฯ ชลบุรี มาชูแสดงจุดยืน หลังไม่พอใจการจัดระเบียบงานพระราชพิธีฯ ขณะตร.เพิ่มกำลังยืนกัน ปชช.ออกจากรถเครื่องขยายเสียง
20.06 น. ผู้ว่าฯชลบุรี ออกมาพบปชช.แล้ว และชี้แจง การจัดพระราชพิธีถวายดอกไม้จันทน์ ขณะที่ ปชช.ส่งเสียงโห่ร้องไม่พอใจ
PPTVHD36
via JZ

ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งยกร่างของทหารไทย

ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งยกร่างของทหารไทย
............
ในปี 2540 กองทัพได้จัดทำวิสัยทัศน์ 2030 หรือ 30 ปีที่จะนับจากปี 2543-2573 หรือปี ค.ศ. 2000 นั่นเอง
เอกสารที่ได้มาลงวันที่ 27 มีนาคม 2540 คือเวลา 5 ปีหลังทหารกลับเข้ากรมกองหลังเหตุการณ์ พฤษภา 2535 และ 4 เดือนก่อนเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง
บริบทนี้ก็เพียงที่จะบอกว่าในห้วงเวลาดังกล่าวคือ "ยุคมืด" ของกองทัพแต่เป็นช่วงที่ประชาธิปไตยกำลังทำงาน หลังจากไม่มีกองทัพมาแทรกแซงทางการเมือง
สิ่งที่น่าสนใจคือวิสัยทัศน์ด้านการเมืองการปกครอง ซึ่งบรรดานายทหารได้กล่าวไว้ว่า
"ภาพโดยรวมของระบบการเมืองการปกครองไทยใน 3 ทศวรรษข้างหน้า (2543-2573) ยังคงเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหาษัตริย์เป็นองค์พระประมุข แต่อำนาจอธิปไตยจะเน้นถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่เพิ่มมากขึ้น รัฐธรรมนุญกำหนดให้สิทธิเสรีภาพของประชาชนมีผลบังคับได้อย่างแท้จริง และประชาชนมีสิทธิ เสรีภาพในการมีส่วนร่วมทางการเมืองเพิ่มขึ้น " (หน้า49)
ทางด้านอำนาจนิติบํญญัตินั้น วิสัยทัศน์ 30 ปีคือการที่ รัฐสภาได้ทำหน้าที่นิติบัญญัติอย่างแท้จริง และปราศจากการแทรกแซงจากอำนาจอื่น
(แน่นอนว่าไม่มีวุฒิสภามาจากการแค่งตั้ง ไม่มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ 20 ปี และหมีมีผู้นำเหล่าทัพมานั่งทำหน้าที่ดังกล่าวด้วย)
ในส่วนการปกครองท้องถิ่นดูจะก้าวหน้าไปมาก กล่าวคือวิสัยทัศน์ 30 ปี คือการยกเลิกระบบราชการส่วนภุมิภาค อันประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทางออกคือการส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นคือ อบต.
ขณะที่ศาลนั้นดูเหมือนว่าจะก้าวหน้าไปมาก ข้อเสนอ 5 ปีคือให้ ประธานศาลฎีการต้องได้รับการรับรองจากรัฐสภา และวิสัยทัศน์ 30 ปี นั้นก็รวมถึงตำแหน่งอื่น ๆ ที่ต้องได้รับการตรวจสอบ ถ่วงดุลจากประชาชน
.............
อย่างที่ทราบว่า วิสัยทัศน์ทั้งหมดต้องถูกฉีกทิ้งเมื่อมีรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่บรรดา "ทหารพระราชา" ได้กลับเข้ามา แทรกแซงทางการเมือง พวกเขาได้ทำตรงข้ามกับวิสัยทัศน์ของตัวเองที่อำนาจทหารตกต่ำเมื่อทศวรรษ 2540
อำนาจนิติบัญญัติไม่เพียงแต่ไม่ถึงมือประชาชน แต่ทหารและระบบราชการยังเข้ามาแทรกแซงทุกขั้นตอน
ขณะที่การกระจายอำนาจก็ไม่เกิดขึ้นจริงหลังรัฐประหาร 2549 เป็นต้นมา เพราะมีการรื่อฟื้นอำนาจกำนันผู้ใหญ่บ้าน ความพยายามคุมกำเนิดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่้นเช่นอบต. ขณะที่อำนาจกระทรวงมหาดไทยก็เพิ่มขึ้นอย่างมากหลังรัฐประหาร
ในส่วนอำนาจตุลาการนั้นเล่า ไม่เพียงแต่ประชาชนไม่สามารถตรวจสอบศาลเท่านั้น ศาลหลังรัฐประหาร 2549 ยังมาเล่นการเมืองย่างเต็มตัว องค์กรอิสระต่าง ๆ มีคนของศาลเดินเพ่นพ่านเต็มไปหมด และที่เลวร้ายที่สุดคือศาลคือเครื่องมือรับรองอำนาจคณะรัฐประหาร จนกลายเป็น ศาลรัฐประหาร
.......
แต่ถ้าการเมืองในรอบ 10 ปีมานี้ผลิกผันได้ การเมืองอีก 10 ปีข้างหน้าก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่ามันจะไม่พลิกกลับมาอีก
แต่ทั้งหมดจะบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือ ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งกร่างของทหารไทย ไม่มีใครรับประกันได้หรอกว่าอำนาจนี้จะอยู่ยั้งยืนยงตลอดไป

cr : 
Thanapol Eawsakul

อดีตปธน.กาตาลุญญาอยู่ในเบลเยียมจริง ยังไม่มีการยืนยันขอลี้ภัย

คอนเฟิร์ม! อดีตปธน.กาตาลุญญาอยู่ในเบลเยียมจริง ยังไม่มีการยืนยันขอลี้ภัย
วันจันทร์ที่ผ่านมา (30 ต.ค.) สื่อท้องถิ่นรายงานว่า การ์เลส ปิกเดมองต์ (Carles Puigdemont) อดีตประธานาธิบดีแคว้นกาตาลุญญาซึ่งเพิ่งโดนปลดออกจากตำแหน่ง กำลังอยู่ในประเทศเบลเยียม พร้อมด้วยที่ปรึกษาอีก 5 คน เวลานี้เริ่มมีหลายเสียงที่คาดเดาว่าเขาอาจขอลี้ภัยทางการเมือง
หลังจากสื่อเบลเยียมยืนยันว่าปิกเดมองต์ปรากฏตัวที่เบลเยียมเพื่อพบปะเป็นการส่วนตัวกับพรรคเอ็นวีเอ (N-VA) พรรคการเมืองฝ่ายชาตินิยมและอนุรักษนิยมของเบลเยียม สื่อท้องถิ่นก็ยังมีการถ่ายทอดข้อมูลจากฌอง ฌองบง (Jan Jambon) รองนายกรัฐมนตรีเบลเยียมว่า ปิกเดมองต์ไม่ได้ถูกเชิญมาโดยพรรคเอ็นวีเอ และไม่มีการเตรียมการใดๆ สำหรับกรณีดังกล่าวมาก่อน
อย่างไรก็ดี หนังสือพิมพ์ของสเปนนั้นรายงานว่าปิกเดมองต์กำลังอยู่ในเบลเยียมเพื่อขอลี้ภัยทางการเมือง
ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา (30 ต.ค.) โฮเซ มานูเอล มาซา (José Manuel Maza) อัยการสูงสุดของสเปนประกาศว่าปิกเดมองต์โดนดำเนินคดีเนื่องจากการประกาศเอกราชฝ่ายเดียวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปิกเดมองต์ซึ่งถูกปลดออกจากตำแหน่งโดนฟ้องร้องด้วยข้อหากบฏ รวมทั้งปลุกระดมมวลชนและใช้กองทุนสาธารณะในทางที่ผิด ส่งผลให้เขาอาจโดนโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 30 ปี
อย่างไรก็ดี ข่าวการลี้ภัยทางการเมืองนั้นยังไม่ได้รับการยืนยันโดยสื่อท้องถิ่น และนายกรัฐมนตรีเบลเยียมเองก็ไม่ได้ให้ความเห็นใดๆ ต่อกรณีนี้
ส่วนสำหรับรัฐบาลสเปน การขอลี้ภัยทางการเมืองนั้นเป็น “สัญญาณแห่งความสิ้นหวังโดยแท้จริง” หนังสือพิมพ์ La Libre ของเบลเยียมรายงาน

"เอาอย่างนั้นเลย เหรอ ผมอยู่คนเดียวจะไหวเหรอ แล้วใครจะดูแลผม"



"บิ๊กตู่" ไม่ปฏิเสธ หลังชาวบ้าน บอกให้ "อยู่ต่อ"....แค่แก้เกี้ยว.."จะเอาอย่างนั้นเลย เหรอ"
"นายกฯลูกอิสาน".....มุขนี้ ใช้ได้ตลอด.." บิ๊กตู่" เกิดในค่ายสุรนารี โคราช
ที่เมือง ขอนแก่น ...ระหว่างนายกฯกล่าว มี ชาวบ้าน ตะโกน บอก "อยากให้นายกฯ อยู่ต่อ"
พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า "เอาอย่างนั้นเลย เหรอ ผมอยู่คนเดียวจะไหวเหรอ แล้วใครจะดูแลผม"
"ขอทุกคน อย่าใช้ความรู้สึกในการเลือกคนมาบริหารบ้านเมือง แต่ต้องใช้หลักการและเหตุผล และให้ได้รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย ที่ทำในเรื่องที่ดีและถูกต้อง
และถ้าผมไม่พูดความจริง พูดโกหกมากๆ คงไม่กล้ามาพบกับทุกคนในวันนี้"

น่าจะอาการหนัก...ผู้ว้าชลฯ

"...ประชาชนที่เข้าไปด้านในจุดคัดกรอง ได้เตรียมที่นั่งไว้ 5,000 ที่นั่ง ส่วนด้านนอกก็เตรียมที่นั่งไว้ 5,000 ที่นั่ง พร้อมจัดซุ้มอาหาร ซุ้มนิทรรศการ แต่เนื่องจากประชาชนมาเป็นจำนวนมาก การจัดระเบียบไม่สามารถดำเนินการได้รวดเร็ว..."
นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ตอบคำถามเมื่อคืนนี้ แสดงว่าท่านยังไม่เห็นภาพนี้ที่แชร์กันให้ว่อน เต๊นท์ที่เตรียมไว้ กลายเป็นเต๊นท์นั่งพักของข้าราชการ! ส่วนประชาชนยังยืนตากแดดอยู่ในเขาวงกต..ยาวไป..ยาวไป..ออกทะเล!
ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่า ท่านได้เห็นจำนวนประชาชนมาต่อแถวมากมายจนหาหางแถวไม่เจอหรือไม่ ถ้าท่านเห็น (ซึ่งน่าจะเห็น) น่าจะรีบแก้ไขสถานการณ์ขณะนั้น ให้แถวประชาชนขยับบ้าง โดยไม่ต้องรอให้ข้าราชการได้วางจนหมดตามเวลา แถมยังมีข้าราชการไปวางตอน 1 ทุ่มอีก เพราะอย่างน้อย..ข้าราชการก็ได้วางไปเป็นลำดับแรกแล้วตามระเบียบประเพณี ที่ท่านผู้ว่าฯเคร่งครัด และได้วางไปไม่น้อยแล้วด้วย
นียังไม่รวมจิตอาสาบางคน ที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้สมกับที่ได้ชุดพระราชทานมา พอประชาชนเห็นจิตอาสาเข้าไปนั่งในเต๊นท์ หรือมีสิทธิ์เข้าไปวางดอกไม้จันทน์ก่อน ความไม่พอใจทั้งหลาย จะพุ่งไปลงที่ผู้ว่าฯอีก ..ขอย้ำว่า จิตอาสาบางส่วนเท่านั้น..ส่วนใหญ่เราเชื่อว่า ท่านเป็นผู้เสียสละ สมควรได้รับคำยกย่อง นับถือ
ส่วนทุ่งดอกดาวเรืองบนป้ายไวนิลนั้น!!!........ไม่พูดดีกว่า รอให้ท่านผู้ว่าฯชี้แจงกับประชาชนเอง
ส่วนบัตรวีไอพี...อันนี้ก็วิจารณ์แพร่หลาย ประชาชนอยากรู้ว่า คนถือบัตรนี้..เป็นกลุ่มคนประเภทไหน? ใช่นักธุรกิจใหญ่ในจังหวัดหรือไม่? หรือเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียง..หรือเป็นครอบครัวของข้าราชการ?
คือเขาสงสัยกันว่า ทำอย่างไร..ประชาชนจึงจะอัพเกรดขึ้นมาเป็นวีไอพีบ้าง วานช่วยชี้แนะ
การเป็นบุคคลวีไอพี แล้วได้เข้าไปวางดอกไม้จันทน์ก่อนประชาชนธรรมดา แถมยังได้ยืนเซลฟี เหมือนที่...บางนานั้น ไม่รู้คนเขาเห็นแล้วชื่นชม หรือก่นด่า!
รู้สึกหนักใจแทนท่านผู้ว่าฯ ที่จะพูดคุยกับประชาชนเย็นนี้ แต่ตัวท่านอาจจะไม่หนักใจ ท่านยืนยันว่า มีประชาชนส่วนน้อยที่ไม่พอใจ ประชาชนส่วนใหญ่เขาเข้าใจ (ดูจากมีมาชุมนุมเมื่อวานนี้แค่ 300 คน) และมีประชาชนมาให้กำลังใจท่านด้วย
ขอให้ท่านโชคดี เพราะจังหวัดใดก็ตาม ถ้าประชาชน "ไม่รับ" เจ้าเมืองแล้ว...อยู่ด้วยกัน...ยากครับ!

cr:FB kanok

"นายกฯบิ๊กตู่"....ลงพื้นที่ ขอนแก่น



"นายกฯบิ๊กตู่"....ลงพื้นที่ ขอนแก่น ..ทีมทหารเสือฯ รปภ.ฟุลทีม.....ถกแก้น้ำท่วม เตรียม ฟื้นฟู และช่วยเหลือเยียวยา และพบปะประชาชน ให้กำลังใจทหาร ซ่อมพนังกั้นน้ำ แตก
"นายกฯบิ๊กตู่" ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ถึงขอนแก่น แล้ว โดยเมื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์จากผู้ว่าฯขอนแก่น และสั่งการการฟื้นฟู และช่วยเหลือเยียวยาประชาชน แล้ว... นายกฯจะไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานปิดพนังคันดินคลองส่งน้ำชลประทาน 3L - RMC ณ บ้านคุยโพธิ์ หมู่ 6 ตำบลบึงเนียม อำเภอเมือง ขอนแก่น.
จากนั้น พบประชาชนพร้อมมอบถุงยังชีพ ณ บ้านบึงสวาง หมู่ 5 ตำบลบึงเนียม ละกลับ กทม. ราว 1 ทุ่ม

"ผมเป็น คนรับผิดชอบคำพูด อยู่แล้ว"

"ผมเป็น คนรับผิดชอบคำพูด อยู่แล้ว" ..."บิ๊กตู่" บอกนักการเมือง หลังออกมาทวงสัญญา ปลดล็อค
"จึงขอกำลังใจจากทุกคนให้ช่วยขับเคลื่อนประเทศไปในลักษณะนี้ ส่วนเรื่องอื่น
ๆ ขอให้เอาไว้ที่หลัง มีระยะเวลาของมันอยู่แล้ว สื่อเองก็อย่าถามผมมาก ใครจะพูดอะไรก็พูดไป เพราะผมเป็นคนรับผิดชอบคำพูดอยู่แล้ว" พล.อ.ประยุทธ์ เปรย เรื่องนี้
หลังจากที่สื่อถามเรื่อง การปลดล็อคพรรคการเมือง

"บิ๊กป้อม" ยื่นเงื่อนไข ให้นักการเมือง สงบเรียบร้อย ไม่พูดจาบิดเบือน ก่อน ถึงจะปลดล็อค

ยังไม่พร้อม !!
"บิ๊กป้อม" ยื่นเงื่อนไข ให้นักการเมือง สงบเรียบร้อย ไม่พูดจาบิดเบือน ก่อน ถึงจะปลดล็อคพรรคการเมือง ให้ แต่ตอนนี้ยังมีอยู่ เลย ยังไม่พร้อมปลดล็อค รอดูเวลาเหมาะสม ยันมีกรอบเวลา
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการที่นักการเมืองเรียกร้องให้ปลดล็อกพรรคการเมือง ว่า รอให้คสช. มีการประชุมพิจารณาก่อน ซึ่งจะต้องดูความเหมาะสม เพราะตอนนี้ยังมีความเคลื่อนไหวกันอยู่ ไม่เรียบร้อย มีโจมตี บิดเบือน
แต่เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง ฝ่ายการเมืองสามารถดำเนินการเรื่องต่างๆ ตามกรอบเวลา ของพรป.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองทันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่สามารถบอกกรอบเวลาได้ ว่าจะภายในเดือน พย.หรือเดือนไหน
เนื่องจากยังไม่พร้อม ขอดูเวลาที่เหมาะสม เรายังไม่พร้อมพิจารณา แต่ยืนยันอยู่ในกรอบเวลาแน่นอน และ ยังไม่มีกำหนดการประชุมคสช.ครั้งต่อไป จึงยังไม่รู้ว่าจะมีการพิจารณาเรื่องนี้หรือไม่
เมื่อถามว่า ที่ระบุว่ายังมีการเคลื่อนไหวอยู่นั้นเป็นรูปแบบใด พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่เรียบร้อย ยังมีการโจมตี พูดจาบิดเบือนกันอยู่ ยังไม่ไปในทิศทางเดียวกัน
ส่วนการเคลื่อนไหวในพื้นที่นั้นยังมีไม่ได้ ห้ามชุมนุมเกิน5 คนด้วย

"บิ๊กตู่" ลั่น นักการเมือง ตัองหยุด

ต้องหยุด!!
"บิ๊กตู่" ลั่น นักการเมือง ตัองหยุด เผยตั้ง เงื่อนไข บ้านเมืองต้องสงบเรียบร้อยปลอดภัย ไม่เกิดความวุ่นวายสับสน จึงจะปลดล็อคให้ หวั่นเกิดโครมคราม ขู่ยิ่งทวงถาม ยิ่งคิดไม่ออก บอกไม่ต้องห่วงเงื่อนเวลา ยันทันแน่นอน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ฝ่ายการเมืองออกมาเรียกร้องให้ปลดล็อคทางการเมือง เพื่อดำเนินการกิจกรรมของพรรคการเมืองได้ว่า เรื่องนี้อย่าห่วงกังวล คสช.เป็นผู้กำกับดูแลและควบคุม
" ผมในฐานะเป็นหัวหน้าคสช. ได้ให้หลักการว่าบ้านเมืองต้องสงบเรียบร้อยปลอดภัย ไม่เกิดความวุ่นวายสับสนเพราะการเมือง"
ขณะเดียวกันต้องดูแลให้เป็นไปตามกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีอยู่แล้ว
"ขอให้เชื่อมั่น ผมเองก็รู้และคำนึงถึงเรื่องนี้อยู่ แต่ถ้าสมมุติว่า ทุกอย่างมันโครมครามกันทั้งหมด และท่านก็เห็นอยู่แล้วว่าวันนี้ยังไม่เรียบร้อย ยังมีการพูดจาให้ร้ายกันเยอะแยะไปหมด"
"ท่านต้องหยุดซิ หยุดเรื่องเหล่านี้ เพื่อให้ทุกคนสบายใจ ให้ประชาชนมีความสุข ผมไม่อยากให้ประชาชนรังเกียจการเมืองหรือนักการเมือง หรืออะไรต่าง ๆ ก็แล้วแต่ ผมไม่ต้องการเลย หรือว่าผมจะดีกว่า มันไม่ใช่ ผมต้องการให้ทุกคนสงบ และเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เป็นธรรมาภิบาล และเป็นรัฐบาลที่มีความโปร่งใสในวันข้างหน้า
วันนี้ผมพยายามทำทุกอย่าง จะเห็นได้ว่ากฎหมาย มาตรการปราบปรามการทุจริต ทยอยออกมาเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นเรื่องของกฎหมายที่เขาจะดำเนินการ ถ้าท่านจะมาบอกว่ารัฐบาลนี้ก็ทำเหมือนกัน ผมว่าไม่เหมือน ลองไปดูข้อเท็จจริงมีอะไรออกมาบ้างในช่วงที่ผมเป็นรัฐบาล ก็ได้รับการตรวจสอบทุกอัน จะผิดหรือถูกเป็นเรื่องของการตรวจสอบ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า เรื่องการเลือกตั้งต้องรอพ.ร.บ.การเลือกตั้ง ซึ่งก.ก.ต.ก็ต้องมีการคัดสรรออกมา จึงจะกำหนดร่างระเบียบกติกาออกมาได้ และประกาศพื้นที่ได้ ก็นำไปสู่ระยะเวลาการประกาศวันเลือกตั้งอีกครั้ง
ทั้งหมดมีส่วนประกอบเยอะ ไม่ใช่ประกาศปลดล็อคแล้วก็โครมคราม ในขณะที่อย่างอื่นยังไม่พร้อม มันก็จะวุ่นไปหมด เวลานี้บ้านเมืองก็สงบดีอยู่ การจะนำไปสู่การเลือกตั้ง ต้องไปโดยสงบ เมื่อเลือกตั้งแล้วก็ต้องสงบ ได้รัฐบาลที่ดี
ส่วนเรื่องสมัครสมาชิกพรรค ผมหาทางให้จนได้ จะปลดล็อคกันอย่างไร ก็อย่างถามผมบ่อยหนักแล้วกัน มันทำให้คิดไม่ออก มันก็เลยช้า ถ้าถามมากก็คิดไม่ค่อยออก ให้ผมคิดสรุปออกมาก่อน แล้วผมจะเปิดเผยออกมาทีเดียวจบ ทันเวลาอยู่แล้ว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ขอถามว่าวันนี้ท่านไม่ได้ทำอะไรกันเลยเหรอ ก็ทำกันอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้โครมครามใช่หรือไม่ หรือว่าไม่ได้กระดิกกระเดี้ยอะไรกันเลย 3 ปีที่ผ่านมา นักการเมืองไม่ได้ทำอะไรกันเลยเหรอ เขาก็ทำของเขา เพียงแต่ไม่เปิดเผย ไม่ต้องไปห่วงหรือกลัวว่าเขาจะทำอะไรทันหรือไม่ทัน ต้องนึกถึงคนเก่า คนใหม่ พรรคใหม่ พรรคเก่า พรรคเล็ก พรรคใหญ่ พรรคกลาง เยอะแยะไปหมด ก็ต้องมีมาตรการที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม

บิ๊กตู่" ถาม "วรชัย" เป็นใคร ผมเป็นใคร

"บิ๊กตู่" ถาม "วรชัย" เป็นใคร ผมเป็นใคร ลั่น ไม่จำเป็นต้องตอบคำถาม ชี้ อนาคตเป็นเรื่องของผม
จากกรณีที่ นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้นายกฯชี้แจงอนาคตของตัวเอง นั้น
"อยากถามว่า นายวรชัยเป็นใคร ผมเป็นใคร มันไม่ใช่ ผมไม่จำเป็นต้องไปตอบคำถามเขา แต่เขาควรจะตอบคำถามผมมากกว่า เอาแค่นั้น อนาคตเป็นเรื่องของผม
หลังจากนี้ไปผมจะตอบคำถามไม่ไปกระทบกระทั่งกับใคร แต่ขอให้เคารพสิทธิของผมบ้าง ผมก็มีหน้าที่ความรับผิดชอบของผมในการทำงานทุกอย่าง ทุกประเด็น ถ้าสื่อไม่ช่วยหรือคนทั่วไปไม่ช่วยและไม่เข้าใจ มันก็จะวุ่นวาย สับสน กลับไปเหมือนเดิม ทุกคนต้องการแบบนั้นหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ ต้องถามคนไทยทั้งประเทศด้วย อย่าไปถามคุณอะไรที่มาถามผมแบบนี้ ใครก็ตามที่ออกมาพูดเรื่องนี้ ก็ขอฝากถามกลับไปด้วยแล้วกันว่า สิ่งที่เขาจะทำให้ดีขึ้น มันเป็นอย่างไร และหลายคนที่ออกมาพูดก็เคยอยู่ในการบริหารมา แล้วเขาทำได้หรือเปล่า
และสถานการณ์ในวันนั้นกับวันนี้ต่างกันหรือไม่ หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปแล้ว วันนั้นอาจจะทำได้ แล้ววันนี้ทำไม่ได้เพราะเหตุผลอะไร ก็มีแต่คนมาติติง แต่ไม่บอกว่าแล้วจะทำอย่างไร ฉะนั้นอยากให้สื่อไปถามไอ้คนที่จะมาถามผมทุกคน ว่าถ้าเป็นเขาจะทำอย่างไร พูดมาตอนนี้เลย อย่ารอพูดตอนหาเสียง ต้องพูดตอนนี้เลย ประชาชนจะได้ชื่นชมว่ามันดีกว่าสิ่งที่ผมทำ ถ้าไม่ถามกลับไปมันก็อยู่อย่างนี้ มากดทับรัฐบาลอยู่แบบนี้ มันไม่เป็นธรรม การหาเสียงอะไรก็ไปเตรียมการของตัวเองไว้ จะหาเสียงอย่างไร

ล็อกที่ 'นักเลือกตั้ง' ขังตัวเอง

ออกทุกข์ "วันแรก" ปุ๊บ "เสียงแรก" ที่ได้ยินปั๊บ คือ
"เสียงนักการเมือง".............
รุกเร้าให้รัฐบาลปลดล็อก ทำกิจกรรมทางการเมืองได้
อ้างกฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมืองประกาศใช้แล้ว มีเวลาแค่ ๖ เดือน ที่แต่ละพรรคต้องแต่งตัวให้ถูกกติกา ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ฉะนั้น ถ้ายังไม่ปลดล็อก ที่นายกฯ บอก จะให้เลือกตั้งราวๆ พฤศจิกา ๖๑
พวกเขาอาจแต่งตัวพรรคไม่ทัน!
ครับ...ก็ไม่ว่าอะไร เพราะเขาพูดในด้านเหตุผลของเขา ซึ่งเขามีผลประโยชน์ได้-เสียโดยตรง
แต่ถ้าพูดถึงกาละ-เทศะ............
ประเทศเพิ่ง "ออกทุกข์" เป็นทางการ แต่ทางใจประชาชน ยังไม่อยู่ในอารมณ์กระสันการเมืองฉับพลันเหมือนนักเลือกตั้ง
ดังนั้น พอได้ยินเสียงลากหาง เกือบทุกคนมีความรู้สึก
"อยากเหยียบ"!
ปลดล็อกน่ะ รัฐบาล คสช.เขาปลดแน่ เพียงแต่ช่วงนี้ ยังไม่ปลดโซ่เท่านั้น
เลือกตั้งนั้น หัวเด็ด-ตีนขาด ยังไงๆ ก็ต้องได้เลือกแน่ เพราะฉะนั้น อย่าดิ้นกันมากนัก
เดี๋ยวโซ่ตึง มันรัดคอเอาน่ะ!
เรื่องต้องใช้เวลาจัดระบบพรรคตามกติกาใหม่นั่น มันแค่ข้ออ้าง ซึ่งตอนนี้ เขาห้ามกิจกรรมทางการเมืองก็จริง
แต่ในทางพฤตินัย กล้าปฏิเสธมั้ย ว่าแต่ละพรรค "เปล่าเคลื่อนไหว" ในทางร่างพิมพ์เขียวกันมาตลอด
ข้อเท็จจริงก็คือ.............
ที่ต้องการให้ปลดล็อกนั้น ก็ในความหมาย "ประชาธิปไตย กูจะทำอะไรก็ได้" ประมาณนั้นซะละมากกว่า
และอยากออกหาเสียง โชว์ตัว-โชว์บทบาท ในแต่ละพื้นที่ ด้วย "ชุดความคิดปฏิปักษ์" นั่นแหละหลักใหญ่
ของอย่างนี้ อ้าปากก็เห็นถึงรูตูด...........
นักการเมืองจริงๆ ที่มีคุณภาพนั้นน่ะ สังเกตดูเถอะ เขามีกาลเทศะ
ไม่ทำอะไรโฉ่งฉ่าง ไม่ทำตัวเป็นขยะสังคมชาติ
เขาจะดูอารมณ์ประชาชน เคารพทิศทางสังคม และเอื้อเฟื้อต่อปัญหาบ้าน-สถานการณ์เมือง
และที่สำคัญ...........
นักการเมืองอาชีพ (คนละประเภทกับนักเลือกตั้ง) ก็เหมือนนักฟุตบอล เขารู้ และมีแท็กติก
คือรู้ ทั้งตอนลูกอยู่ในตีนเราและในตีนเขา ว่าควรเตะแบบไหน แย่งตอนไหน จึงจะไม่ฟาวล์ เกิดประสิทธิภาพ-ประสิทธิผลทางบวก
ไม่ใช่มั่วไปเรื่อย แหย่ตีนไม่มีจังหวะ วิ่งพล่านไปทั่ว โดยไม่ดูว่า ลูกอยู่ไหน และในสถานการณ์อะไร?
ฉะนั้น จะเห็นว่า นักการเมือง "ของแท้" และมีประสบการณ์ เขาไม่เดือดร้อนเลย เรื่องล็อก-ไม่ล็อก
เพราะ "ล็อก" มีสำหรับพวกคิดแหก
และ "โซ่" มีสำหรับตรึงพวกดิ้น!
ผมดูอยู่ข้างนอก มองเข้าไปจึงค่อนข้างเห็นชัด คือเห็นความต่างระหว่าง "นักการเมือง" กับ "นักเลือกตั้ง" ในแต่ละพรรค
นักการเมืองจริงๆ นั้น เป็นผู้สร้างสรรค์ อยู่เหนือคำว่า "ล็อก"
จะเห็นว่า ตั้งแต่ ๒๒ พ.ค.๕๗ จนถึงวันนี้ บริหาร-ปกครองด้วยรัฐบาลเผด็จการ
แต่นักการเมืองจริงๆ เขาไม่เดือดร้อน เพราะเขารู้หลัก "หิโตปเทศ"
และโดยแท้จริงแล้ว เขาเคลื่อนไหวด้วยรู้ "ชั่ว-ดี" ในความเป็นนักการเมืองอยู่ตลอด
แม้วินาทีนี้ นักการเมืองแท้หลายคน ก็เคลื่อนไหว
ยกตัวอย่างให้เห็นก็ได้..........
อย่างอดีตนายกฯ "นายชวน หลีกภัย" นั่นปะไร!
ความเป็นสัปปุรุษ และความเป็นรัตตัญญูชนของท่าน
ในสถานการณ์หนึ่งๆ............
ท่านแยกแยะ "ประชาธิปไตย-เผด็จการ" โดยยึดคุณธรรม-คุณประโยชน์ ที่สังคมชาติได้ เป็นบทสรุปที่จะยอมรับ หรือปฏิเสธ
ไม่ใช่ยึดแค่ตัวหนังสือที่เขียน "ประชาธิปไตย-เผด็จการ" ก็หัวทิ่มตามคำ โดยไม่แยกแยะ "ผิด-ถูก" ในโลกเป็นจริง
ว่าเกิดคุณ-เกิดโทษ, ประโยชน์ตัว-ประโยชน์รวม เป็นสาระหลักทางชี้ขาด
ใครก็ตาม จะนักการเมือง นักเลือกตั้ง หรือนักไหนๆ ก็ตาม ถ้าทำอะไรยึดหลักหิโตปเทศ
จะอยู่เหนือคำว่าเคลื่อนไหวทางการเมือง, ติดล็อกทางการเมือง
เพราะ "ทุกเรื่อง"............
เขาจะทำและไม่ทำ บนฐานเกิดประโยชน์-ไม่เกิดประโยชน์ ต่อสังคมรวมเป็นหลักใหญ่
เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมอยู่เหนือคำว่าล็อกทางการเมือง!
ดังเช่น..........
รัฐบาลเผด็จการประยุทธ์ ปกครองประเทศมา เข้าปีที่ ๔
ผมก็เห็นอดีตนายกฯ ชวน "เคลื่อนไหว" มาตลอดเข้าปีที่ ๔ เหมือนกัน!
รูปธรรมที่เห็นชัด............
ทางการประกาศรับ "อาสาสมัคร" ไปเป็นลูกมือช่างในงานศิลป์ เพื่อการก่อสร้างพระเมรุมาศ
อดีตนายกฯ ชวน ถ้าจำไม่ผิด ท่านเป็นศิษย์เก่าช่างศิลป์ ท่านก็ใช้ความเป็นนายชวน ไม่ใช่นักการเมืองชื่อชวน
ไปเป็นอาสาสมัคร!
เป็นลูกมือทำตามเขาสั่ง เขาสั่งทำหน้าที่ลงสีจิตรกรรมฝาผนังพระที่นั่งทรงธรรม ก็ครับ..ครับ..ก้มหน้า-ก้มตาทำ
เขามอบงานให้วาด ให้ลงสีตัวเทวดานางฟ้า-นางสวรรค์บนฉากบังเพลิง ท่านก็เป็น ฒ.เฒ่า หน้าชิดอยู่กับฉากเป็นเดือนๆ
คุณชวนเคยออกมาคุยอวด-คุยอ้าง ขึ้นหลังคารถ ตระเวน-ตะโกนบอกชาวบ้านมั้ย?
ไม่มี......
มีแต่คนรู้ ก็แอบไปถ่ายรูป มาโพนทะนากันเอง เรียกว่า เป็นข่าวเงียบๆ ตามธรรมชาติ
ถามว่า นี่อดีตนายกฯ ชวนทำกิจกรรมทางการเมืองมั้ย?
คำตอบ คือ ใช่และไม่ใช่
คือมันเป็นกิจกรรมเพื่อบ้าน-เพื่อเมือง แต่ชาวบ้าน-ชาวเมือง มีทัศนคติสนองตอบโดยชอบในมุม "ทางการเมือง" กันเอง
ไม่มีใครบังคับขับไส หรือไปสร้างภาพให้เป็น!
นี่คือตัวอย่าง ขอให้บริสุทธิ์ในการทำเสียอย่าง อย่าบกพร่องโดยสุจริต และการทำนั้น
กอปรด้วยกาละ-เทศะ และคุณประโยชน์
จะไม่มีใครว่า นี่คือการเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ขัดคำสั่งใดๆ ของใครเลย!
ขนาด ผบ.ทบ.ยังสมัครเป็น "จิตอาสา" ไปกวาดถนนแกรกๆ ซึ่งระดับท่าน ไม่จำเป็นต้องสร้างภาพ-หาเสียง
แต่ด้วย "บริสุทธิ์แห่งจิต" ท่านทำ ก็ไม่มีใครมองท่านไปทางอื่น นอกจากทาง ชื่นชมยินดี
คนทั้ง "สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" เป็นจิตอาสา ลงไปลุยน้ำครำ "ลอกคู-ลอกคลอง" รอบเกาะรัตนโกสินทร์
เขาทำกันเงียบๆ ไม่ได้โพนทะนาบอกใคร แต่ความบริสุทธิ์แห่งจิตในการทำ ผมอยู่ในรูนี่ ยังมีคนนำมายกย่อง-สรรเสริญให้ฟัง
แล้วนักเลือกตั้ง-พรรคการเมืองทั้งหลาย
..........ไปมุดอยู่ที่ไหนล่ะ?
ทำไมไม่ใช้ความบริสุทธิ์แห่งจิตในการทำ ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ในรูปกิจกรรมเพื่อบ้าน-เพื่อเมือง อย่างคนอื่นๆ เขาทำกันบ้างล่ะ?
น้ำท่วมโครมๆ เป็นเดือนๆ ใน ๒๓-๒๔ จังหวัด นอกจากไม่ออกไปช่วยชาวบ้าน ซึ่งน่าละอายมากแล้ว
ยังคอยเอาแต่ปั้นข่าวหลอกให้ชาวบ้านระส่ำ ให้ชาวบ้านขัดแย้งกัน วันๆ หวังผลแต่ทางให้รัฐบาลวิบัติ
เนี่ย....ทำได้ ไม่เกี่ยวล็อก-ไม่ล็อก ก็ทำเหมือนกัน แต่ทำแบบ "เอาตีนราน้ำ"
ตรงข้ามกับชาวบ้านแท้ๆ ไม่มีผลประโยชน์อะไรกันเลยในทาง "ได้" เพื่อตน
แต่ด้วยจิตสำนึก-จิตกตัญญู ในงานออกพระเมรุ เขากลับช่วยกัน เสียสละกัน ด้วยความบริสุทธิ์แห่งจิต
เกิดเป็น "ความงาม" ประดับสังคมชาติ ขจายไปทั้งโลก!
พ่อค้าจนๆ พาลูกเมีย ขี่มอเตอร์ไซค์โกโรโกโส จากสระบุรี มาทอดปาท่องโก๋ "ช่วยงานพ่อ" ที่ราชดำเนิน
ชาวเขา-ชาวดอย กระเตงลูกไว้ข้างหลัง มือถือถุงเดินร้องทั่วสนามหลวง
"มีคาหยะทิงมายคะ คายมีคาหยะทิง บาคะ...."
นี่คือกิจกรรมเพื่อบ้าน-เพื่อเมือง ที่ทำได้ทันที ไม่ต้องรอและร้องให้ใครปลดล็อก!
เห็นมั้ย.......
ในสังคมมนุษย์ ทุกพฤติกรรมคือ "การเมือง-เพื่อบ้านเพื่อเมือง" ทั้งนั้น
มีแต่นักเลือกตั้งเท่านั้น ด้วยความไม่บริสุทธิ์แห่งจิต จึงมุ่งแต่ "ทางเอา" ไม่เคยคิดใน "ทางให้"
จึงใช้ความโมหะแห่งจิต จำกัดความคำว่า "การเมือง" คือกิจกรรมเพื่อการเลือกตั้งตะพึด-ตะพือ!
ผมไม่ใช่คนปฏิเสธการเลือกตั้ง เท่ากับไม่เคยศรัทธาว่าต้องประชาธิปไตยเท่านั้น ชาติจึงเจริญ
จึงอยากบอกด้วยหวังดี อย่าว่าแต่รัฐบาล คสช.เลย ต่อให้ฟ้าก็ห้ามบ่ได้
ถ้าทำอะไรด้วย "บริสุทธิ์แห่งจิต"........
อย่างที่อดีตนายกฯ ชวน อย่างที่จิตอาสา อย่างที่ชาวบ้าน "สามัญชนผู้ต่ำศักดิ์" ทั้งหลาย เขาทำ
ทำไปเลย......
ใครล็อกไว้ตรงไหน ผมไปจะปลดให้เอง!
-เปลว สีเงิน-31/10/60

อดีต แห่ง วันนี้ อ่านผ่าน ‘รัฐธรรมนูญ’ ปัจจัย กำหนด

อดีต แห่ง วันนี้ อ่านผ่าน ‘รัฐธรรมนูญ’ ปัจจัย กำหนด


จะทำความเข้าใจสถานการณ์หลังเดือนตุลาคมได้กระจ่าง สว่างแจ้งมากยิ่งขึ้นต้องย้อนกลับไปศึกษาจากสถานการณ์หลังรัฐประหารเมื่อเดือนตุลาคม 2501

เป็นรัฐประหาร “ซ้ำ”

นั่นก็คือ เป็นรัฐประหารอันเป็นความต่อเนื่องจากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2500 และภายหลังจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคม 2500

เพียง 1 ปีก็เกิดขึ้น

ที่เรียกว่ารัฐประหาร “ซ้ำ” ไม่เพียงมาจากคณะเดียวกัน หากแต่มาจากความยินยอมพร้อมใจของ พล.อ.ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรีอันเป็น “ลูกน้อง” ของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

จากนั้น รัฐบาลก็อยู่กระทั่ง จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ถึงแก่อนิจจกรรมในเดือนธันวาคม 2506 และจอมพลถนอม กิตติขจร ดำรงตำแหน่งต่อเนื่องมา

กระทั่งถึงเดือนมิถุนายน 2511 ก็เป็นเรื่อง

คําว่า “เป็นเรื่อง” ในที่นี้ก็คือ การดำรงอำนาจและสืบทอดอำนาจจากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2500 ก็เริ่มเกิดอาการสะดุด

สะดุดเพราะจำเป็นต้องมี “รัฐธรรมนูญ”

ที่จำเป็นเพราะมีการร่างรัฐธรรมนูญอย่างยาวนานตั้งแต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2502 โดยแทบไม่มีอะไรคืบหน้าเลย แต่เมื่อ จอมพลถนอม กิตติขจร สืบทอดอำนาจมาถึงปี 2510 ก็เริ่มเกิดแรงกดดัน

เป็นการกดดันจากกลุ่มการเมืองหลายกลุ่ม

ประกอบกับ นายทวี บุณยเกตุ ซึ่งเป็นสมาชิก “คณะราษฎร” ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ จึงร่วมส่วนในการเร่งในเรื่อง “รัฐธรรมนูญ”

กระทั่ง สามารถประกาศและบังคับใช้ได้ในเดือนมิถุนายน 2511

การมีรัฐธรรมนูญเท่ากับเป็น “การปลดล็อก” สร้างบรรยากาศทางการเมืองให้คึกคักและนำไปสู่การกำหนดวันเลือกตั้งขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2512

ถึงแม้ว่าหลังการเลือกตั้งพรรคสหประชาไทยจะได้จัดตั้งรัฐบาล และจอมพลถนอม กิตติขจร จะดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีพร้อมกับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

พร้อมกับดำรงตำแหน่งเป็น “ผู้บัญชาการทหารสูงสุด”

แต่รัฐบาล จอมพลถนอม กิตติขจร ก็บริหารงานได้เพียงเดือนพฤศจิกายน 2514 ก็หมดความอดทนหวนกลับมาใช้กระบวนการรัฐประหารอีก

โดย จอมพลถนอม กิตติขจร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยึดอำนาจจาก จอมพลถนอม กิตติขจร ที่เป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประภาส จารุเสถียร ที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้บัญชาการทหารบก

แต่อยู่ได้ถึงเดือนตุลาคม 2516 ก็เป็นเรื่อง

ครานี้ไม่ได้เป็นเรื่องเพราะการเลือกตั้ง หากแต่เป็นเรื่องเพราะประชาชนมิอาจทนอยู่ภายใต้อำนาจของระบอบ “ถนอม-ประภาส” ต่อไปได้อีก

เริ่มต้นจากการเรียกร้อง “รัฐธรรมนูญ” แล้วถูก “จับ”

สร้างความไม่พอใจให้แผ่ขยายกลายเป็นเชื้อไฟในทางการเมืองร้อนแรงจนนำไปสู่การชุมนุมและขับไล่ จอมพลถนอม กิตติขจร

ถามว่ารัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 มีพิมพ์เขียวมาจากประวัติศาสตร์ช่วงใด เป็นรัฐประหารเมื่อเดือนตุลาคม 2519 หรือรัฐประหารเมื่อเดือนตุลาคม 2501

ไม่ว่าจะเป็นเมื่อปี 2501 หรือปี 2519

แต่หากถือเอา “รัฐธรรมนูญ” เป็นบรรทัดฐาน หลังมีรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2511 ต้นปี 2512 ก็มีการเลือกตั้ง หลังมีรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2521 ต้นปี 2522 ก็มีการเลือกตั้ง

“รัฐธรรมนูญ” ต่างหากคือปัจจัย “กำหนด”

หลังเดือนตุลาฯ โดย นฤตย์ เสกธีระ

หลังเดือนตุลาฯ โดย นฤตย์ เสกธีระ


31 ตุลาคมเป็นวันสุดท้ายของเดือนตุลาฯ

รุ่งขึ้นปฏิทินเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน

เดือนพฤศจิกายนนี้มีความสำคัญเพราะเป็นเดือนที่หลายอย่างเริ่มปรากฏเป็นรูปธรรม

โดยเฉพาะรูปธรรมทางการเมือง

ทั้งนี้ การเมืองมีกำหนดการตามโรดแมปของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และกรอบเวลาตามรัฐธรรมนูญ 2560

ระบุให้ถนนทุกสายมุ่งสู่การเลือกตั้งในปี 2561

พล.อ.ประยุทธ์ประกาศว่าเดือนพฤศจิกายน 2561 จะมีการเลือกตั้ง!

ในเดือนพฤศจิกายน 2560 นี้ จึงเป็นวันเวลาที่ทุกอย่างที่เคยเข้มงวด ถึงเวลาที่ต้องผ่อน

เมื่อ พ.ร.ป.พรรคการเมืองประกาศใช้ และมีข้อบัญญัติให้พรรคการเมืองปรับตัว

มีกำหนดเวลาในการปรับตัวชัดแจ้งตามบทเฉพาะกาล

พรรคการเมืองที่จะปรับตัวได้ต้องมีการประชุมพรรค แต่ขณะนี้ คสช.สั่งแช่แข็งพรรคการเมือง

ดังนั้น หากจะให้ทุกอย่างขับเคลื่อนไปตามแผนก็ต้อง “ปลดล็อก”

ตามข่าวที่สดับ กกต.ซึ่งมีหน้าที่ร่างระเบียบให้สอดคล้องกับ พ.ร.ป.พรรคการเมือง รับปากว่าสิ้นตุลาคมระเบียบเสร็จ

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.เคยบอกว่า คสช.จะหารือเรื่องการปลดล็อกในเดือนนี้

เดือนพฤศจิกายนจึงเป็นเดือนที่การเมืองมีความเคลื่อนไหว

ขณะเดียวกัน เดือนพฤศจิกายนยังเป็นเดือนที่ กรธ.ต้องยกร่าง พ.ร.ป.ให้เสร็จสิ้นทั้ง 10 ฉบับเพื่อส่งต่อให้ สนช.พิจารณา

พ.ร.ป.ที่สำคัญต่อการเลือกตั้ง ขณะนี้ประกาศใช้ไปแล้ว 2 ฉบับ คือ พ.ร.ป.กกต. และ พ.ร.ป.พรรคการเมือง

ยังเหลือ พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.ป.การได้มา ส.ว. ที่มีกำหนดร่างเสร็จและส่งให้ สนช.ในเดือนพฤศจิกายน

หากเดือนพฤศจิกายน คสช.ปลดล็อกให้พรรคการเมือง

ถ้า คสช.ยุติการแช่แข็ง และเปิดให้นักการเมืองแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่

สถานการณ์การเมืองในเดือนพฤศจิกายนจะแตกต่างจากสถานการณ์ก่อนหน้า

จากเดิมที่ คสช.โดนวิพากษ์วิจารณ์ไม่มากนัก อาจต้องรับฟังคำวิจารณ์อย่างเต็มที่

พ.ร.ป.ที่ต้องผ่าน สนช. อาจถูกฝ่ายการเมืองชำแหละหนัก

ความขัดแย้งที่เคยเป็นสิ่งน่ารังเกียจเมื่อก่อนการยึดอำนาจ อาจกลับคืนมา

ปัญหาในท้องถิ่นที่เคยเงียบ เพราะไม่มีฝ่ายการเมืองตะโกนโหวกเหวก อาจกระหึ่มหลังจากปลดล็อก

ปัญหาราคายาง ปัญหาราคาพืชผล ปัญหาปากท้อง ปัญหาน้ำท่วม ภัยหนาว และอื่นๆ พร้อมจะกลายเป็นประเด็นการเมือง

ทุกอย่างจะค่อยๆ คืนกลับสู่สถานการณ์ก่อนยึดอำนาจ

ความขัดแย้ง การต่อรอง การคิดการพูด การปกป้องผลประโยชน์จะคืนมา

การเมืองจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

และบางทีอาจได้ยินเสียงเรียกร้องประชาธิปไตยดังขึ้นมากกว่านี้

สถานการณ์ต่างๆ จะเริ่มเปลี่ยน

ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะรับไหวไหม

การคืนกลับสู่ที่เดิม รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์จะรับไหวไหม

ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามหลักธรรม สถานการณ์เดือนพฤศจิกายนนี้ก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลง

เปลี่ยนแปลงคืนสู่ภาวะปกติ

ภาวะปกติที่เคยถูกมองว่าไม่ปกติเมื่อหลายปีที่ผ่านมา

………………
นฤตย์ เสกธีระ maxlui2810@gmail.com


เดินหน้าเสียที

เดินหน้าเสียที

หลังจากระดมสรรพกำลังจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสร็จเรียบร้อยอย่างยิ่งใหญ่สง่างามสมพระเกียรติยศทุกประการ

ก็ถึงเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องเร่งเกียร์ห้า แก้ปัญหาน้ำท่วมที่ยังค้างอีก 17 จังหวัดให้สุดลิ่มทิ่มประตู

ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย พิจิตร ขอนแก่น อุบลราชธานี หนองบัวลำภู มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สุพรรณบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา และปทุมธานี

พี่น้องประชาชนต้องใช้ชีวิตอยู่กับน้ำท่วมมานานนับเดือน

บางพื้นที่โดนน้ำท่วมมาแล้วเกือบ 3 เดือน

หากปล่อยให้น้ำท่วมคาราคาซังต่อไป ชาวบ้านจะตำหนิรัฐบาลว่าจัดการปัญหาน้ำท่วมไม่เป็นโล้เป็นพาย
แต่ถ้ารัฐบาลแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้รวดเร็วทันใจ เรตติ้ง “นายกฯบิ๊กตู่” จะยังแข็งโป๊กต่อไปอีกยาวๆ

การแก้ปัญหาน้ำท่วมจึงมีผลต่อคะแนนนิยมรัฐบาลด้วยประการฉะนี้แล

“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่าภายใน

เดือนพฤศจิกายนนี้ 17 จังหวัดที่โดนน้ำท่วมจะได้รับการฟื้นฟูคืนสภาพปกติได้ 90 เปอร์เซ็นต์

โดย นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จะบูรณาการแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างเร่งด่วนพร้อมกัน 5 ประการคือ

1, สั่งระดมเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ และเรือดันน้ำ เร่งระบายน้ำอย่างเต็มพิกัด เพื่อลดพื้นที่น้ำท่วมให้รวดเร็วทันใจ
2, สั่งระดมกำลังพลกองทัพ ออกปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ทั่วถึงเพื่อสร้างความอบอุ่นใจให้ประชาชน
3, สั่งเร่งสำรวจพื้นที่น้ำท่วมและประชาชนผู้ประสบภัย เพื่ออัดฉีดงบชดเชยเยียวยาโดยไม่ชักช้าร่ำไร
4, สั่งเร่งอัดฉีดงบซ่อมแซมฟื้นฟูถนนหนทาง สถานที่ราชการต่างๆที่เสียหายจากน้ำท่วมให้คืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว
5, เร่งอนุมัติแผนลงทุนโครงการขนาดใหญ่เพื่อแก้ปัญหาน้ำทั้งระบบที่ติดค้างลำกล้องมา 3 ปี ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาน้ำครบวงจรอย่างแท้จริง

“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่ารัฐบาลต้องเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อแก้ปัญหาน้ำทั้งระบบให้เกิดผลโดยเร็ว

ล่าสุด พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ เตรียมประเคน 2 โครงการใหญ่ให้ “นายกฯบิ๊กตู่” ตัดสินใจ
1, โครงการขุดคลองลัดสายใหม่บางบาล–บางไทร ระยะทาง 22 กม. เพื่อเพิ่มปริมาณการระบายน้ำขึ้นอีกเท่าตัว
ใช้งบลงทุน 1.7 หมื่นล้านบาท และใช้เวลาก่อสร้างอย่างเร็วที่สุดประมาณ 2 ปี
2, โครงการขุดขยายคลองชัยนาท–ป่าสัก ระยะทาง 134 กม. เพื่อตัดยอดน้ำก้อนใหญ่ ก่อนไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา แยกไปลงอ่าวไทยเพิ่มอีกหนึ่งเส้นทาง
ใช้เงินลงทุน 4 หมื่นล้านบาทใช้เวลาดำเนินการ 4 ปี
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าถ้ารัฐบาลตัดสินใจเดินหน้าพร้อมกัน 2 โครงการจะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วม–น้ำแล้ง อย่างยั่งยืน

แถมลดความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และ กทม.ได้อีก 50 เปอร์เซ็นต์

แต่ถ้าทำพร้อมกัน 2 โครงการไม่ไหว เพราะเงินลงทุนสูงเกินไป ขอเปิดซิงโครงการแรกก่อนก็ยังดี

ชาวบ้านรอมา 3 ปีแล้ว อย่าให้ต้องรอต่อไปอีกเลย.

"แม่ลูกจันทร์"

คืนสู่โหมดที่ต้องเผชิญ

คืนสู่โหมดที่ต้องเผชิญ

“ออกทุกข์” ประเทศไทยกลับคืนสู่โหมดปกติ

และแทบจะอัตโนมัติราวกับตั้งเวลาไว้ กับเสียงเจี๊ยวจ๊าวของนักการเมืองอาชีพ

ทุกป้อมค่าย ทั้งเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ไล่บี้ทวงสัญญาการปลดล็อกให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมเพื่อเตรียมเลือกตั้งล่วงหน้า หลัง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมีผลบังคับใช้
ตามที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม แบะท่าไว้

จะพิจารณาหลังผ่านพ้นพระราชพิธีในเดือนตุลาคมไปแล้ว

แนวโน้มยื้อแรงกระแทกจากนักการเมืองยาก อั้นลำบาก จากเงื่อนไขสถานการณ์บังคับรัฐบาล คสช. จำเป็นต้องผ่อนแรงกดดันที่ถาโถมเข้าใส่ทุกทิศทุกทาง

กับสารพัดปมแฝงอยู่ภายใต้ความเงียบในห้วงเวลาพิเศษ

แค่พักเบรกรอจังหวะเขย่ารัฐบาล

ตามคิวที่ขึ้นกระดานไว้ ไล่ตั้งแต่รายการจัดซื้อเครื่อง “ตรวจจับความเร็วฝังเพชร” ประเด็นร้อนๆที่ “พี่รอง” อย่าง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย คนเซ็นอนุมัติ ยังปัดเผือกร้อนไม่พ้นมือ
ถือเป็นดอกที่ 2–3 ปมฉาวซ้ำติดๆกัน จากประเด็นการเซ็นอนุมัติให้กลุ่มทุนใช้พื้นที่ป่าต้นน้ำที่จังหวัดขอนแก่น และเรือเหาะ “เรือเหี่ยว” ของกองทัพบก

ตำบลกระสุนตก “บิ๊กป๊อก” โดนล็อกเป้าถล่มแทบโงหัวไม่ขึ้น

อีกจุดที่พยายามชิ่งหลบสถานะ “บ่อน้ำมัน” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่เทกแอ็กชั่นโชว์ความกระตือรือร้นในการวางยุทธศาสตร์บริหารจัดการน้ำ เดินหน้าชงเมกะโปรเจกต์ 2 โครงการกว่า 5–6 หมื่นล้านบาท ในการผันน้ำ แก้ปัญหาน้ำท่วมระยะยาว

ท่ามกลางกระแสข่าวน้ำท่วมอ่วมภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง น้ำค้างทุ่งอีกมหาศาล

ชาวบ้านหวาดผวาฝันร้ายน้ำท่วมใหญ่ซ้ำรอยปี 2554

ตามรูปการณ์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องให้โฆษกรัฐบาลแถลงยืนยันว่า นายกฯได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ พร้อมทั้งแสดงความเป็นห่วงเรื่องการส่งต่อข้อมูลกันในโซเชียลมีเดีย

เคลียร์เสียงวิจารณ์เชิงตำหนิรัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรฯและกรมชลประทาน บริหารจัดการน้ำได้ไม่ดีพอ ล้อไปกับภาพระทึกขวัญคนในพื้นที่เสี่ยง ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น เอ่อล้นเข้าท่วมบางพื้นที่ใน จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา รวม 14 จุด และน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาได้ไหลลงมาถึง จ.ปทุมธานี จ.นนทบุรี และกรุงเทพฯ

น้ำจ่อครึ่งปากครึ่งจมูก “ลุงตู่” ต้องกู้ภาวะฉุกเฉินเฉพาะหน้า ลัดคิวลงเยี่ยมผู้ประสบภัยเร่งด่วน

ในจังหวะที่ไวรัสความโปร่งใสเริ่มลามเกาะกินภูมิคุ้มกันความชอบธรรมรัฐบาลอำนาจพิเศษ

สังเกตได้จากประเด็นคำสั่ง คสช.แต่งตั้งผู้ปฏิบัติงานในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ตัวแสบของ คสช.อย่างนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน เดินหน้าตามกัดติดเอง
โดยมีการโฟกัสเป้าไปที่ชื่อของ “มยุระ ช่วงโชติ” บุตรสาวของ “ซือแป๋” นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นรองเลขาธิการฯประจำนายมีชัย

ถามเลยว่า เหมาะสมหรือไม่ ตั้งคนใกล้ชิดกินเงินเดือนภาษีประชาชน

คสช.โดนแรงกระแทกชิ่งไม่เว้นทหาร พลเรือน

สัญญาณเตือนว่า “กระบองยักษ์” ไม่ได้ขลังเหมือนเดิม พวกขาประจำ ขาจร เริ่มกลับมาชิงพื้นที่เคลื่อนไหวทางการเมืองแบบไม่กลัวรัฐบาลท็อปบูต

กล้าด่า กล้าวิจารณ์ “ลองของ” กันซึ่งๆหน้า

อาการเดียวกับขบวนการ “เอ็นจีโอ” ที่เริ่มกลับมาโชว์ศักยภาพ ปฏิบัติการเตะสกัดโครงการรัฐบาล
ดาหน้าถล่มการใช้อำนาจ ม.44 ยกเลิกกฎหมายผังเมืองในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (อีอีซี) อ้างเป็นการเปิดทางให้มีการถมทะเลโครงการมาบตาพุด จังหวัดระยอง เฟสสาม

เพียงเพื่อต้องการให้โครงการในพื้นที่อีอีซีผ่านไวๆ โดยไม่ได้คำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน ไม่สนกฎหมายที่มีบังคับใช้อยู่ และขาดซึ่งธรรมาภิบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน

พูดกันแรงแบบที่ว่า ใช้อำนาจปืนประเคนทรัพยากรของประชาชนให้นายทุน

เรื่องของเรื่อง อีอีซีคือเมกะโปรเจกต์ที่ “นายกฯลุงตู่” ลุ้นเป็นผลงานโบแดงรัฐบาล เป็นตัวจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศตามแผนยุทธศาสตร์ประเทศ 20 ปี

ถ้างานนี้โดนเอ็นจีโอเตะตัดขาหัวทิ่ม ก็แทบจบเกมเลย.

ทีมข่าวการเมือง