PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2560

กลเกมการเมืองการศึก

กลเกม การเมือง “การศึก” มิหน่าย “เล่ห์” “ชาติไทยพัฒนา”

เห็นท่าทีของ นายประภัตร โพธสุธน เห็นท่าทีของ นายวราวุธ ศิลปอาชา ณ เบื้องหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จังหวัดสุพรรณบุรี
พาดหัวข่าวของ “สื่อ” หลายฉบับไปในทางเดียวกัน
หากไม่สรุปว่า “ปลาไหล” ซบ “คสช.” ก็มองว่าเส้นทางการต่อท่ออำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำเนินไปอย่างราบรื่น
เข้าทำนอง “ฉลุย” ในแบบ “มาดเฉลา”
และเมื่อประสบเข้ากับการออกมา “แก้ต่าง” ไม่ว่าจะมาจาก นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ไม่ว่าจะมาจาก นายนิกร จำนง หลายคนอาจงุนงง
ทั้งๆ ที่ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเรื่อง “การเมือง”
เป็นบรรยากาศแห่งการหาเสียงอย่างแน่นอน แต่ก็เป็นไปอย่างที่สำนวนจีนสรุปออกมาอย่างรวบรัดยิ่งว่า
“นอนเตียงเดียวกัน แต่ฝันคนละเรื่อง”

เร็วเกินไปที่จะฟันธงว่าพรรคชาติไทยพัฒนาจะต้องเป็นอย่างนั้น จะต้องเป็นอย่างนี้ แม้ว่าคนพูดจะเป็น นาย วราวุธ ศิลปอาชา หรือ นายประภัตร โพธสุธน
จากความจัดเจนระดับ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล
“ในเมื่อ คสช.ไม่ให้นักการเมืองทำกิจกรรม ไม่ให้มีประชุมพรรค แล้วจะมาบอกว่าเป็นความเห็นของพรรคคงจะไม่ได้ ถือเป็นความเห็นส่วนตัว”
โป๊ะเชะ ชัดเจน
หากย้อนไปศึกษา “คำพูด” ของ นายบรรหาร ศิลปอาชา ต่อรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 หากย้อนไปศึกษา “กระบวนท่า” ของพรรคชาติไทยพัฒนา ตั้งแต่ยังใช้ชื่อว่าพรรคชาติไทย ก็จะมีความเข้าใจในท่วงทีและลีลาได้
ทั้งหมดนี้เสมอเป็นเพียงการเริ่มต้นของ “ปี่กลอง” ในทางการเมือง
เป็นการเริ่มต้นไม่ว่าจะมองผ่าน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นการเริ่มต้นไม่ว่าจะมองผ่าน นายวราวุธ ศิลปอาชา
เพราะคำตอบสุดท้ายอยู่ที่ “การเลือกตั้ง”

ต้องยอมรับว่าพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติไทย ยืนยันในหลักการอันเรียกว่า “สัจนิยม” ไม่เคยทรยศไม่เคยหักหลังต่อเพื่อนมิตรทางการเมือง
ถามว่าอะไรคือ “บรรทัดฐาน” ในการตัดสินใจ
คำตอบที่แม้กระทั่งพรรคไทยรักไทยก็ยอมรับ คำตอบที่แม้กระทั่งพรรคพลังประชาชนก็ยอมรับคำตอบที่แม้กระทั่งพรรคเพื่อไทยก็ยอมรับ
คือ คำตอบจาก “การเลือกตั้ง”
อาจจะดูประหนึ่งว่า พรรคชาติไทยก็ดี พรรคชาติไทยพัฒนาก็ดี จะสามารถหลอมตัวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลได้เสมอ
แต่นั่นก็ประเมินจาก “ความชอบธรรม” ของแต่ละ “สถานการณ์”
ประเด็นจึงอยู่ที่ว่า คสช.จะกำหนด “วันเลือกตั้ง” เมื่อใด และที่แหลมคมกว่านั้นก็คือ ผลการเลือกตั้งออกมาอย่างไร
หากชัยชนะเป็นของ “คสช.” ก็เป็นไปตามนั้น
กรณีของพรรคชาติไทยพัฒนาจึงต้องดูกันอีกยาว เหมือนกับการนิยามความหมายของความเป็นพรรค ความหมายของการเป็นคน
คนต้องคนให้ทั่ว คนตั้งแต่หัวถึงตีน จึงจะเรียกว่าคน
พรรคการเมืองหนึ่ง จึงมิได้อยู่ที่การเคลื่อนไหวในลักษณะอันเป็น “ปรากฏการณ์” จักต้องดูที่การตัดสินใจในยามหน้าสิ่วหน้าขวานทางการเมือง จึงจะพิสูจน์พรรคการเมืองนั้นได้
อย่าลืมอนุศาสน์ “การศึกมิหน่ายเล่ห์” เป็นอันขาด

ว่าด้วยเรื่องเรือเหาะ

อย่ามองมุมเดียว !

"บิ๊กเจี๊ยบ" แถลงยัน "เรือเหาะ" ใช้งานได้ผลดี ในชายแดนใต้ แต่อาจไม่ 100% ชี้ สามารถป้องปราม จนเหตุลดลง เพราะกลุ่มก่อความไม่สงบ ก็รู้ว่า เรือเหาะ ทำงานอยู่ ขี้มีสถิติการใข้งาน เผยแรกๆ ขึ้นบิน 30ครั้ง มีมาช่วงหลังที่มีปัญหา แต่ยอมรับว่า เป็นยุทโธปกรณ์ที่ เราไม่เคยมีใช้มาก่อน แม้แต่ในภูมิภาคนี้  ยันพร้อมให้ สตง.หรือ ปปช. ตรวจสอบ อีกครั้ง แม้จะเคยตรวจมาแล้ว ไม่พบสิ่งผิดปกติ เผยไปพบ นายกฯที่ทำเนียบฯ เพื่อฟังข้อมูลเหตุผลในการจัดซื้อ เรือเหาะ ก่อนนำมาชี้แจงสื่อ 

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. กล่าวถึงเรือเหาะตรวจการณ์ของทบ.ว่า แนวคิดในการดูแลตรวจการณ์พื้นที่สำคัญ และสนับสนุนปิดล้อมตรวจค้น แต่ แต่ไม่ใช่ยุทโธปกรณ์ที่ไว้ใช้ในการจับกลุ่มแต่เป็นการป้องปรามจึงทำให้ดูเหมือนไม่มีผลงานแต่จริงๆแล้วสามารถใช้งานได้ดี สามารถป้องปรามทำให้เกิดเหตุความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ลดน้อยลงอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนสถิติเหตุการณ์ในแต่ละปี  และคุ้มค่าใช้งาน เทียบซื้อของตามห้าง คิดว่าดี วัตถุประสงค์ในการจัดซื้อดี แต่ใช่ไม่ได้ 100% วอนเห็นใจทหารภาคใต้

ทั้งนี้ในช่วงแรกที่จัดซื้อมานั้น มีการขึ้นปฎิบัติการตามปกติ ปีหนึ่งกว่า 30 ครั้ง ซึ่งเรามีตัวเลขสถิติการทำงานอยู่กำลังให้เจ้าหน้าที่รวบรวมเพื่อชี้แจง

แต่ก็ต้องยอมรับว่า เรือเหาะเป็นยุทโธปกรณ์ใหม่ ที่เราไม่เคยมีใช้ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้มาก่อน และไม่เคยใช้ในภูมิภาคนี้ แต่จำเป็นต้องจัดหาเพื่อเป็นเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานใน 3 จชต. 

โดยยืนยันว่า ทุกขั้นตอนผ่านคณะกรรมการจัดซื้อ  และยืนยันว่า เป็น เรือเหาะใหม่ 

ส่วนความคุ้มค่ากับงบประมาณที่เสียไปนั้น ตนกำลังให้เจ้าหน้าที่รวบรวมสติถิการใช้งานเรือเหาะตลอด 8 ปี อยู่ระหว่างดำเนินการ ต้องเข้าใจเรือเหาะเป็นยุทโธปกรณ์ในการป้องปราม ไม่ใช่ตรวจจับคน ในส่วนตัวตน คิดว่าคุ้มค่าใช้งาน เพราะสถิติ การก่อเหตุของฝ่ายตรงข้ามามลดลง แต่ต้องสรุปตัวเลขอีกที และพร้อมชี้แจงในทุกๆเรื่องกับ สตง.
    
" ผมเคยทำงานในพื้นๅที่ ผมเคยเห็นการปฏิบัติงาน คล้ายๆเราไปซื้อของตามห้าง คิดว่าดีแล้ว แต่พอใช้งานดีไม่ 100% แต่ยังใช้งานได้ "

พลเอกเฉลิมชัย กล่าวว่า ผมไม่ได้ คุย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย อดีต ผบ.ทบ. เนื่องจากขณะนี้ผมเป็น ผบ.ทบ. รับผิดชอบต่อไป 

"เรื่องเรือเหาะถือเป็นประสบการณ์จัดซื้อยุทโธปกรณ์ ขอเห็นใจทหารในภาคใต้ อย่ามองมุมเดียว เพราะเราต้องนึกถึงความปลอดภัยและชีวิตของกำลังพลที่ปฎิบัติการในพื้นที่ด้วย"

ปูหนีข้ามคลอง

"ปู" หนีข้ามคลอง !!

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. กล่าวถึงฃการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หนีไปช่องทางธรรมชาติว่า บริเวณ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีคลองลึกที่มีความกว้างประมาณ 1.50 เมตร ซึ่งถือว่าสามารถใช้ข้ามไปประเทศเพื่อนบ้านได้ทุกจุด โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดอยู่ และคาดว่าถ้ามีความชัดเจนเขาก็จะมาชี้แจงรายละเอียดให้สื่อมวลชนทราบต่อไป

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะลงจากรถและเดินข้ามคลองไป พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่การชี้แจงรายละเอียด ขอให้รอเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบเป็นฝ่ายชี้แจง เพื่อป้องกันความสับสน ให้ตำรวจ ชี้แจงสายเดียวดีกว่า อีก ทั้ง พลเอกประวิตร ชี้แจงไปแล้ว

"บิ๊กป้อม" เผย รู้แล้ว!! ใครสั่งพา"ปู"หนี

"บิ๊กป้อม" เผย รู้แล้ว!! ใครสั่งพา"ปู"หนี 

"บิ๊กป้อม" เผย รองผบก. สารภาพ รับคำสั่ง พา"ยิ่งลักษณ์"พร้อมเลขาฯออกชายแดนเขมร ช่องทางธรรมชาติ ที่มีหลายช่อง และช่องที่คาสิโน ใช้กัน เผย เอารถ แคมรี่ ไปรับ ต่อจาก รถเบนซ์ ไปส่งชายแดน แล้วไปส่งต่อรถอีกคันหนึ่ง ชี้มีคน"สั่ง" แต่ อุบบอกว่าใคร หรือเป็นอดีต ผบชน.หรือไม่   ขี้สั่งย้ายประจำ ออกจากตำแหน่งก่อน เผย มีความผิดฐานปลอมแปลง รถยนต์ และนำ ผู้ต้องหาในคดี หลบหนี ยอมรับ ยังมีตำรวจ มะเขือเทศ 

จากกรณีที่การนำตัวนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการ พร้อมรถยนต์โตโยต้า แคมรี่ สีบรอนซ์   ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร มาสอบสวน เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีนั้น

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม  กล่าวว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณ กุล รอง ผบ.ตร. รายงานว่า จากการสอบสวน รองผู้การฯ รับสารภาพว่า ได้รับ คุณยิ่งลักษณ์ พร้อมด้วยเลขาฯอีก คนหนึ่ง  ไปส่งต่อให้รถที่มารับช่วงต่อ แต่เรายังหารถคันนั้นไม่เจอ

ทั้งนี้. รองผู้การ บอกว่า ได้รับคำสั่งมาอีกที และเขาเปิดเผยชื่อคนสั่งมาแล้ว เป็นคนอยู่ในประเทศ แต่ผมยังไม่ขอเปิดเผยว่าใคร

ส่วนจะเกี่ยวข้องกับอดีต ผบ.ชน.ท่านหนึ่งหรือไม่นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ยังไม่ขอตอบ 

แต่ เบื้องต้น ให้รองผู้การ หยุดปฏิบัติหน้าที่  ย้ายประจำฯ และตั้งคณะกรรมสอบสวน  เพื่อตั้งข้อหาการดัดแปลงรถยนต์ และข้อหาพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนี
    
เมื่อถามว่า แสดงว่า ยังมีตำรวจมะเขือเทศอยู่ พล.อ.ประวิตร  หัวเราะ ก่อนจะตอบกลับมาว่า นักข่าวมะเขือเทศก็มี

ห้วงปรับโหมด ‘ช้าลง’

ห้วงปรับโหมด ‘ช้าลง’

เข้าตำราอยู่กับชาวบ้านแล้วมีความสุข ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่พอเจอหน้านักข่าว ต่อมหงุดหงิดอักเสบทุกที
ล่าสุด “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. กลับจากทริป ครม.สัญจร จ.สุพรรณบุรี-พระนครศรีอยุธยา กลับเข้ากรุง ออกงานก็ร่ายยาวชิลๆ แต่ถึงเวลาจะเลี่ยงพูดคุย ไม่ตอบคำถามนักข่าว

ล่าสุด 4 ประเด็นที่คณะสื่อมวลชนยื่นให้ทีมงานผู้นำอำนาจพิเศษตามที่ประสานงานกันไว้

คำถามกลายเป็นหมัน ต้องรอคำตอบจากผู้นำกันต่อไป

ทั้งคิวเยือนสหรัฐอเมริกา การหารือกับ ผบ.ทบ. กรณีโพลอีสานที่ยังหนุนพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลและเป็นนายกฯ และกรณีสื่อญี่ปุ่นเสนอข่าวโครงการรถไฟความเร็วสูงจีน-เวียดนาม ล่าช้า คุณภาพด้อย จะกระทบกับไทยหรือไม่

ดูแล้วไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง มีโอกาสทำผู้นำ “ของขึ้น” แน่

และแน่นอนที่โดนซักไซ้แทนนั่นก็ไม่ใช่ใครอื่น “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม อำนาจคู่แห่งรัฐบาล คสช.ต้องตอบคำถามสารพัด

ทั้งฟันธงคิว 27 ก.ย.นี้ ไม่น่าห่วง มวลชนเดินทางไปศาลฯนัดพิพากษาคดีจำนำข้าว ไม่มาก และ“ อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” คงไม่ไปศาล รวมทั้งชี้แจงปมปลดระวาง “เรือเหาะ” โยนลูกไปที่ ผบ.ทบ. เปิดทางให้ตรวจการใช้งบฯ

เอาเป็นว่าเมื่อผู้นำชะลอเกมให้ “นิ่ง” ในห้วงใกล้งานสำคัญในบ้านเมือง พี่ใหญ่ก็รับลูกแทน

แต่ก็แค่ว่ากันไปตามหน้าเสื่อ ไม่จุดชนวน กระพือแรงกระเพื่อม

ในจังหวะอำนาจพิเศษปรับโหมดให้ “ช้าลง” หลังจากถูกมองว่าเร่งเครื่องมาเต็มพิกัด ทั้งจัดคิวลงพื้นที่กระตุกแต้ม ข้องแวะพูดคุยกับนักการเมือง พร้อมๆกับ พลุรัฐบาลแห่งชาติ นำทางก่อนหน้า

สัญญาณเหมือนใกล้เวลาปล่อยมือ สู่โหมดเลือกตั้ง แต่อีกทางก็มีสูตรรัฐบาลปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
เตรียมไว้อีกช้อยส์ทางเลือก “ต่อตั๋ว” ยืดโรดแม็ป

อีกทางหนึ่ง จากคิว ครม.สัญจร “บิ๊กตู่” กับคิวพูดคุยกับแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา เจ้าของพื้นที่เดิม ก็กลายเป็น “สุพรรณฯโมเดล” ที่นักการเมืองรอรับสัญญาณ ร่วมขั้วรัฐบาลหลังเลือกตั้งตามสูตร “ผู้นำคนนอก”

แล้วว่ากันว่า ฝ่ายจัดแจงตั้ง “นั่งร้าน” ดีลงานไว้พร้อม

นอกจากชาติไทยพัฒนา ที่แว่วว่าพี่ๆ “ศิลปอาชา” เป็นตัวช่วย หนุน “ท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา ราศีจับ
ด้วยข้อต่อข้อเชื่อมระดับไฮเพาเวอร์ พลังแรง

อีกขั้วที่คึกคักไม่แพ้กัน “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ บิ๊ก กปปส. เล่นบทกองเชียร์ “บิ๊กตู่” ไม่หยุด
เข้าสูตรทอนแรงเฮี้ยวของ “เด็กดื้อออกซ์ฟอร์ด”

โดยปีกนี้ “ลุงกำนัน” ก็น่าจะคลิกต่อติดได้ ผ่านทาง “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่เพิ่งไปร่วมงานกับลุงกำนัน เป็นประธานตีฆ้องเปิดงานสมุยเฟสติวัล ที่เมืองสุราษฎร์ฯ

ช่วยดันตัวเองกลับเข้าสู่บัญชี “ผู้เล่น” สำเร็จ

ส่วนอีกค่ายเนื้อหอมอย่างพรรคภูมิใจไทย ต้องติดตาม “ศึกเจ้าสัว” ชิงการนำภายในถึงแม้ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าค่ายจะเคยโพสต์รูปร่วมโต๊ะเคลียร์กับอดีตตำรวจใหญ่ เหมือน “จบข่าว”

แต่ว่ากันว่า คิวนี้ยังมีอารมณ์กรุ่นๆ “คาใจ” ชนิดที่ “อำนาจพิเศษ” อาจต้องจัดทีมช่วยเคลียร์อีกรอบ
เช่นเดียวกับค่ายชาติพัฒนา นิ่งเป็นเด็กดี รอ “สัญญาณ” ต่อเชื่อม ส่วนค่ายเล็กค่ายน้อย เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน ได้ “บิ๊กท็อปบูต” ระดับ “ดาวรุ่งพุ่งแรง” อาศัยคอนเน็กชั่นประสานกันอยู่หลายพรรค

สรุปขั้วการเมืองทุกค่ายอ่านแล้ว พร้อมเข้าแผน อาจยึกยักตั้งเงื่อนไขตามสูตรเจรจาต่อรอง

ปรับโหมด “รอ” สัญญาณต่อเชื่อมจากอำนาจพิเศษเหมือนกัน

แต่ที่อ่านทางไม่ถูก ถึงแม้สนามเลือกตั้งคือเกมถนัด แต่วันนี้ค่ายเพื่อไทยยังซวนเซ มรสุมถาโถมใส่

นิ่งไว้ รอ “นายใหญ่” ส่งซิกกำหนดเกม.

ทีมข่าวการเมือง