PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

บิ๊กป้อม คุย ผลงานความมั่นคง ทำบ้านเมืองสงบ ชม นายกฯใช้ความเด็ดขาดเข้ามายุติศึก ห่วง โซเชี่ยล มีเดีย-สื่อ


บิ๊กป้อม คุย ผลงานความมั่นคง ทำบ้านเมืองสงบ ชม นายกฯใช้ความเด็ดขาดเข้ามายุติศึก ห่วง โซเชี่ยล มีเดีย-สื่อ เกอดประเด็น ขัดแย้ง แตกแยก เผยรัฐบาลกำลัง "ตั้งไข่อยู่" แต่มาเตะตัดขาแล้ว มันก็ไปไม่รอด ผมถึงบอกให้อยู่เฉยๆ ตอนนี้เป็นเวลาของคสช. โวย พวก ถามว่า "มีทหารไว้ทำไม" ยันประเทศจะไม่ให้มีทหารได้ไง ผมไม่เข้าใจคนถามว่าใช้สมองไหนถาม เผย ตำรวจ กำลังปฏิรูป ขั้น1
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงผลงานด้านความมั่นคงในรอบ 1 ปีว่า คสช.เข้ามาเพราะเกิดปัญหาความแตกแยก มีการใช้อาวุธสงคราม เผาบ้านเผาเมือง เยอะแยะไปหมดในช่วงที่ผ่านมา
"นายกฯจึงใช้ความเด็ดขาดในการเข้ามาเพื่อยุติศึกต่างๆ ดังจะเห็นว่า วันนี้สงบ ซึ่งการสงบไม่ได้เกิดจากทหาร ตำรวจ ข้าราชการ เท่านั้น แต่ประชาชนต้องมีส่วนร่วม
แต่วันนี้ก็ยังมีโซเชียลมีเดีย หรือคำถามจากทางผู้สื่อข่าว ทำให้มันเกิดเป็นประเด็น ที่จะทำไม่ให้เกิดความสงบ เหมือนที่นายกฯบอกว่ากำลัง "ตั้งไข่อยู่" แต่มาเตะตัดขาแล้ว มันก็ไปไม่รอด
" ผมถึงบอกให้อยู่เฉยๆ ตอนนี้เป็นเวลาของคสช. และรัฐบาลที่จะทำงาน เพื่อให้อนาคตจาก 5 ปี 10 ปี 15 ปี 20 ปี "
พลเอกประวิตร กล่าวว่า หน่วยงานต่างๆ กำลังมองไปข้างหน้า อยากที่จะให้กระทรวงกลาโหมเป็นอย่างไรในอนาคต อยากที่จะให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นอย่างไร สร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชนได้อย่างไร จะมีความเชื่อมั่นในสตช.ได้อย่างไร
“บางคนถามว่าทหารมีไว้ทำไม โอ้โห ! ตั้งคำถามแบบนี้เสียหาย ทีโรงงานตัวเองมีคนเฝ้า มีภารโรง มียาม อุตลุดไปหมด เพราะกลัวคนขโมย แล้วประเทศจะไม่ให้มีทหารได้อย่างไร ผมไม่เข้าใจคนถามว่าใช้สมองไหนถาม
ส่วนตำรวจเองขณะนี้เขาก็กำลังปฏิรูป ซึ่งอยู่ในระยะที่ 1 กำลังดูว่าเขาจะทำงานเชื่อมโยงกับทางศาล อัยการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัดได้อย่างไร เขากำลังปฏิรูปอยู่ ไม่ใช่เอะอะก็จะปรับโครงสร้าง มันไม่ใช่ แต่จะทำอย่างไรให้ตำรวจเขามีประสิทธิภาพ มีความเข้มแข็ง มียุทโธปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อม ในการที่จะดูแลประชาชน หรือสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตำรวจกำลังทำอยู่ ไม่ได้อยู่เฉยๆ กำลังปฏิรูปในขั้นที่ 1 เพื่อจะส่งต่อให้รัฐบาลต่อไป”
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สำหรับบริเวณแนวชายแดน รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนในการที่จะดูแลรักษาอธิปไตย ให้ประชาชนแต่ละประเทศไปมาหาสู่ซึ่งกันและกันได้
ขณะเดียวกัน ก็มีการตั้งกองกำลังในพื้นที่ทั้งหมด ทั้งตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพื่อที่จะป้องกันปัญหายาเสพติด การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งจะต้องใช้ยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีต่างๆ ในการที่จะดูแล

บิ๊กปัอม พลเอกประวิตร เผยมีblacklist ผู้มีอิทธิพลในมือแล้ว เตือน ประเทศปั่นป่วนแน่ คสช.เตรียมแสกนมาเฟีย


เลิกซะเถอะ.....
บิ๊กปัอม พลเอกประวิตร เผยมีblacklist ผู้มีอิทธิพลในมือแล้ว เตือน ประเทศปั่นป่วนแน่ คสช.เตรียมแสกนมาเฟีย เผยได้รายชื่อในมือเพียบ หลังหาข่าว2เดือน ขออนุมัตินายกฯจัดการ เตือนคนที่สร้างความไม่เรียบร้อยให้เกิดในแผ่นดินนี้ จงเลิกซะเถอะ
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม กล่าวในการแถลงผลงานรัฐบาลว่า สิ่งที่เราดำเนินการอีกเรื่องคือ ในเรื่องผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ซึ่งนายกฯให้เวลา 6 เดือน ตนได้ซอยการทำงานใน 6 เดือนแล้ว ซึ่งมีการร่วมมือกันหลายหน่วยงาน ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และสตช.ที่จะต้องร่วมกันในเรื่องการหาข่าวเป็นเวลา 2 เดือน
"ขณะนี้ครบแล้ว เราได้รายชื่อเยอะมาก มาอยู่ที่ผมแล้ว ในการที่จะสกรีนคนทั้งหมด โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ลงไป ดังนั้น ใครมีรายชื่อหรือไม่มีรายชื่อ ผมไม่รู้ ดูแล้วกันเพราะเขาจะลงไปดูว่าอันไหนจริง อันไหนไม่จริง ใช้เวลา 2 เดือน ถ้าเสร็จแล้วผมจะเริ่มทำงาน
โดยการดำเนินการสามขาคือ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และสตช. ที่จะลงไปในทุกพื้นที่ ต้องขออนุมัตินายกฯก่อน อาจจะปั่นป่วนทั้งประเทศ
"ฉะนั้น ฝากไว้เลยว่า ใครที่ดำเนินการในสิ่งที่สร้างความไม่เรียบร้อยให้เกิดในแผ่นดินนี้ จงเลิกซะเถอะ"พลเอกประวิตร กล่าว

พลเอกธีรชัย ผบทบ.ลั่น ทหาร กกล.รส.เอาจริง ยึดรถ พวกเมาแล้วขับ ไว้หลังปีใหม่ ค่อยมาเอาคืน


lพลเอกธีรชัย ผบทบ.ลั่น ทหาร กกล.รส.เอาจริง ยึดรถ พวกเมาแล้วขับ ไว้หลังปีใหม่ ค่อยมาเอาคืน พวกดิ่มสุราโดนกักตัวด้วยจนกว่าจะหายเมา ส่วนรถ ฝากทหารไว้ก่อน/วอนสื่อ อย่าให้ความสำคัญ คนที่สร้างความแตกแยก
ขออย่าทำเลย ใกล้จะปีใหม่แล้ว ทุกคนต้องเป็นมิตรกันและเป็นเพื่อนกันอย่างมีความสุข เลิกแตกแยกกัน เราต้องไปข้างหน้า
พลเอก ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส. กล่าวถึงการดูแลสถานการณ์ช่วงเทศกาลปีใหม่ ว่า ได้สั่งให้หน่วยทหารในพื้นที่ทั่วประเทศตั้งจุดตรวจยานพาหนะ เน้นถนนสายรองภายในหมู่บ้าน โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์
"ถ้าตรวจพบว่าผู้ขับขี่ดื่มสุรา ทางเจ้าหน้าที่จะขอยึดรถไว้ก่อน แล้วหลังเทศกาลปีใหม่ทางเจ้าของรถค่อยมานำคืนไปภายหลัง เพื่อให้ปีใหม่ปีหน้าจะได้ฉลองอีก"
ส่วนถนนสายหลัก รถสาธารณะทั้งหมดจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบตามคำสั่งของ คสช. ซึ่งผู้ขับรถสาธารณะทั้งหมดต้องไม่มีการดื่มสุราอย่างเด็ดขาด
"หากตรวจพบจะยึดใบอนุญาตขับขี่ พร้อมทั้งดำเนินการเอาผิดกับเจ้าของรถด้วย "
สำหรับกองกำลังชายแดนต่างๆ ตนได้มอบนโยบายให้ดูแลชาวบ้านในพื้นที่ให้มีความสุข ไม่ว่าจะดื่มสุราหรือจัดงานรื่นเริงก็ขอให้อยู่บ้าน ไม่ต้องออกไปไหน และอย่าใช้ยานพาหนะให้คนอื่นเดือดร้อน
อย่างไรก็ตามในส่วนของการเตรียมความพร้อมเรื่องเลือดสำรองนั้น ทางกองทัพบกได้แจ้งให้โรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบกทั้งหมดประสานกับกระทรวงสาธารณสุขแบ่งพื้นที่ดูแล เพราะเราร่วมมือกันทุกด้านดูแลประชาชน แต่ตนคิดว่าอย่าให้มีอุบัติเหตุจะดีกว่า
“การดูแลประชาชนของเจ้าหน้าที่ถือว่าเป็นการให้ของขวัญปีใหม่กับประชาชน ไม่ใช่ว่าดื่มสุราแล้วจะไปทำให้คนอื่นเดือดร้อน
โดยเฉพาะถนนสายรองได้เน้นย้ำกำนันและผู้ใหญ่บ้าน ถ้าพบผู้ขับขี่มีกลิ่นแอลกอฮอล์ขอให้ยึดรถไว้ชั่วคราวทันที เพื่อประโยชน์ของเจ้าของรถเอง "
สำหรับพื้นที่ กทม.ก็เช่นกัน ทางกกล.รส.ไม่ได้หยุดพัก ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.ได้กวดขันให้ดูแลแหล่งที่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ขอให้ทุกคนเห็นใจเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและพลเรือนด้วย”
พล.อ.ธีรชัย กล่าวถึงสถานการณ์ภาพรวมในขณะนี้ว่า ขอร้องสื่อว่าอย่าไปเพิ่มช่องทางให้กับคนไม่ดี ได้ทำความแตกแยก คนดีๆ คนอื่นจึงไม่ค่อยอยากให้สัมภาษณ์ เพราะสื่อไปนำเสนอข่าวให้กับคนที่ต้องการมีปัญหา และให้ความสำคัญกับใครก็ไม่รู้ เพียงคนเดียวจนสร้างความแตกแยกนั้น
" อย่าทำเลย ผมคิดว่าใกล้จะปีใหม่แล้ว ทุกคนต้องเป็นมิตรกันและเป็นเพื่อนกันอย่างมีความสุข เลิกแตกแยกกัน เราต้องไปข้างหน้าเพื่อให้บ้านเมืองเราสงบสุขและลูกหลานเราจะได้อยู่อย่างสบาย" ผบทบ. กล่าว

“บิ๊กตู่” ระบุ ประเทศไทยป่วยเรื้อรัง มา 10 ปี คสช.ขออาสาเป็น "หมออาสา" มารักษา 3 ระยะ

“บิ๊กตู่” ระบุ ประเทศไทยป่วยเรื้อรัง มา 10 ปี คสช.ขออาสาเป็น "หมออาสา" มารักษา 3 ระยะ เป้าหมายสุดท้ายให้นักกีฬากลับสู่สนาม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เขียนบทความ ในคอลัมน์ "จากใจนายกรัฐมนตรี" ลงในจดหมายข่าวรัฐบาลเพื่อประชาชน ฉบับที่ 16
นายกฯ ระบุว่า 10 ปีแล้วที่ประเทศไทยป่วยร่างกายอ่อนแอ เพราะไม่เข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ไม่ได้รับการส่งเสริมศักยภาพทางการแข่งขัน ปราศจากการวางรากฐานการพัฒนาที่ดีอย่างต่อเนื่อง ขาดภูมิคุ้มกัน ปล่อยให้เชื้อโรคร้ายกัดกินสังคมไทย ทั้ง การทุจริตคอรัปชั่น ความเหลื่อมล้ำ คนจนถูกเอาเปรียบ จิตใจไม่สงบจนขาดสติ ขัดแย้งกันทางการเมืองนำไปสู่การแตกแยก และไม่มีทุนชีวิตในการต่อสู้โรคร้าย เนื่องจากทรัพยากรธรรมชาติถูกดึงมาใช้อย่างไร้วินัย ปราศจากการทดแทนจนขาดความมั่นคง ประเทศไทยจึงป่วยเรื้อรัง ด้วยขาดสมดุลย์ใน 4 มิติ คือการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม
นายกฯ กล่าวว่า 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา คสช.เปรียบเสมือน "หมออาสา" เข้ามาดูแลและรักษาอาการป่วยของประเทศด้วยแผนการรักษา 3 ระยะ
1.การให้ยาตามอาการป่วยและผลข้างเคียง มุ่งระงับความขัดแย้งทางการเมือง แก้ไขปัญหาเร่งด่วนทางสังคม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศต่อไปให้ได้
2.การผ่าตัดเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับอวัยวะทั้งภายในและภายนอก อาศัยความร่วมมือร่วมใจจากหมอในหลายสาขาด้วยกัน อาสา รัฐบาลบริหารขับเคลื่อนประเทศ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่ล้าสมัย สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)ในเบื้องต้น และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)ในปัจจุบัน กำหนดกรอบแนวทางการปฏิรูปประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีและคณะกรรมการธิการยกร่างรัฐธรรมนูญในการปกครองและบริหารประเทศที่มีกลไกเครื่องมือแก้ไขปัญหาในอดีต ป้องกันปัญหาในอนาคต
3.การคืนนักกีฬาสู่สนามแข่งขันคือเป้าหมายสุดท้ายในการทำงานของผม รัฐบาลและคสช.ในการเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่อนาคตที่ดีกว่า
นายกฯ กล่าวว่า 12 กันยายน 2557 ถึงวันนี้ผมนำทีมประเทศไทยมุ่งมั่นทำงานภายใต้นโยบาย “ทำก่อน ทำจริง ทำทันที” มีผลสัมฤทธิ์และยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า สร้างความปรองดองให้คนในชาติ จัดระเบียบสังคมและของประเทศเพื่อรองรับความท้าทายใหม่และการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยหลัก 3 ประการ คือ น้อมนำหลักปรัญญาเศรษฐกิจพอเพียง การใช้โครงสร้างการทำงาน การยึดแนวทางประชารัฐ
“ทุกคือและวันที่ผมตื่นเช้าขึ้นมา ผมคิดอยู่เสมอว่าทำอย่างไรให้คนไทยทุกคนมีร่างกายเข้มแข็ง กินอิ่มนอนหลับ มีแรงทำงาน มีรายได้เลี้ยงครอบครัวและมีจิตใจที่สุขสงบ ยึดมั่นในค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการเพราะการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนต้องยึดถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง” นายกฯ กล่าว

′ประวิตร′ลั่น! ทหารจำเป็นต่อประเทศ โบ้ย นักข่าว-โซเชียลมีเดียต้นเหตุของความไม่สงบ

23ธันวาคม 2558


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 1 ปี ของรัฐบาลด้านความมั่นคงว่า ปัญหาต่างๆ มีจำนวนมาก โดยปัญหาทางการเมือง ปัญหาความมั่นคง คือ ความสงบ ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในความสงบ แต่ยังมีโซเชียลมีเดียและคำถามจากนักข่าวทำให้ไม่สงบ ตามที่นายกฯบอกกำลังตั้งไข่แต่ถูกสกัดขา เราอยากให้ความมั่นคงเป็นอย่างไรใน 5-10-20 ปี ฝ่ายความมั่นคงต้องให้รวมกันทั้งหมด ต้องประสานเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ใช่แค่เรามั่นคง ต้องมีการลงนามร่วมเพื่อสร้างความเชื่อมั่น เช่น การประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน การประชุมร่วมประเทศคู่เจรจา ผ่านการปฏิรูป 5 ปี ของกระทรวงกลาโหม กำลังพล ยุทโธปกรณ์

"การตั้งคำถามว่าทหารมีไว้ทำไมนั้น จึงเสียหาย การมีภารโรง ยาม ที่มีก็เพราะกลัวขโมย ประเทศจึงต้องมีทหาร" พล.อ.ประวิตรกล่าว

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงปัญหาตามแนวชายแดนว่า รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจในการแก้ปัญหา มีการตั้งกองกำลังในพื้นที่ ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การลักลอบขนยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย อีกทั้งไทยมียาเสพติดระบาดเพราะมีเงิน แม้ไม่ได้ผลิตเอง ขอให้ประชาชนช่วยกันแจ้งเข้ามา และความมั่นคงเกี่ยวเนื่องกับสังคมด้วย การที่ประชาชนมีรายได้น้อยก็ส่งผลให้มีอาชญากรรมเช่นกัน

พร้อมกันนี้กล่าวถึงการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า มีนโยบายให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น การให้ผู้เห็นต่างได้กลับบ้าน ที่ผ่านมาปัญหาลดลงจากปีที่แล้วกว่า 50 เปอร์เซ็นต์และเชื่อว่าปี 2559 จะยุติการใช้ความรุนแรงในพื้นที่ได้ อีกทั้งฝ่ายความมั่นคงเน้นยุทธศาสตร์เดินสามขา ระหว่าง ข้าราชการ พลเรือน ทหาร ตำรวจ เชื่อมโยงมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม โดยกระทรวงมหาดไทยทำทุกเรื่องเบ็ดเสร็จในจังหวัดผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด การจัดระเบียบในกรุงเทพฯ จัดระเบียบริมแม่น้ำเจ้าพระยา การจัดสรรพื้นที่ 12,000 ไร่ ให้ประชาชนมีที่อยู่ทำกินกว่า 2,600 ครอบครัว และการแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย การแก้ปัญหาการบินพลเรือน ให้ผ่านการประเมินให้ได้ทั้งการออกกฎหมาย การทำตามหลักเกณฑ์ต่างๆ พร้อมขอให้ผู้คิดก่อความไม่เรียบร้อยยุติการกระทำ

นักเลงโบราณ โดย ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์

วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20:00:58 น

ผมอายุหกสิบกว่าแล้ว เริ่มเข้าเขตของคนชรา จึงมักคิดย้อนหลังถึงเรื่องราวในอดีตและนำมาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน

เมื่อสี่ห้าสิบปีก่อน ผมยังอยู่ในวัยฉกรรจ์ สังคมไทยยุคนั้นนิยมอ่านนวนิยายที่เป็นเรื่องของลูกผู้ชายชาตรีที่เขียนโดยนักประพันธ์ชื่อดัง เช่น อรวรรณ (อกสามศอก, ชาติอาชาไนย) พนมเทียน (เล็บครุฑ, เพชรพระอุมา) ส.เนาวราช (เหยี่ยวราตรี) เศก ดุสิต (อินทรีแดง) ป.อินทรปาลิต (เสือใบ, เสือดำ) จ.ไตรปิ่น (ไอ้หน้าบาก) และอีกมากมายจาระไนไม่หมด 

ผมเองก็ติดตามอ่านนวนิยายเหล่านี้ด้วยความสนุกสนาน ดื่มด่ำ ซาบซึ้ง จนซึมซับเข้าไปในอุปนิสัยใจคอ ก่อให้เกิดค่านิยมที่อยากเป็นอย่างตัวเอกในนวนิยาย เป็นลูกผู้ชายในอุดมคติที่รักความเป็นธรรม รักษาคำพูด เสียสละ และกล้าหาญ นิยมการต่อสู้แบบซึ่งๆ หน้า ตัวต่อตัว ไม่อยากถูกประณามว่าเป็นหมาลอบกัดหรือหมาหมู่ ซึ่งหมายถึงลอบทำร้ายลับหลัง หรือใช้พวกมากรุมสกรัมฝ่ายตรงข้ามที่อาจจะเหลืออยู่เพียงแค่ตัวคนเดียวเท่านั้น 

ลูกผู้ชายที่ดีจะไม่ทำร้ายผู้หญิงซึ่งเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า มิฉะนั้นจะถูกเรียกขานว่า "ไอ้หน้าตัวเมีย" (ยกเว้นผัวเมาเหล้าพลั้งมือทำร้ายเมียแล้วสำนึกเสียใจเมื่อสร่างเมาจนต้องคุกเข่าขอโทษ) ที่สำคัญก็คือ ลูกผู้ชายจะไม่หยามน้ำใจลูกผู้ชายด้วยกัน ถ้าเรารักศักดิ์ศรีของเรา คนอื่นก็รักศักดิ์ศรีของเขาเหมือนกับเรา จึงต้องให้เกียรติกัน เคารพศักดิ์ศรีซึ่งกันและกัน เช่น จีบผู้หญิงคนเดียวกันได้ แต่เมื่อหญิงสาวตกลงปลงใจแต่งงานกับใคร ผู้ชายอื่นๆ ก็จะไม่ไปเกาะแกะยุ่งเกี่ยวด้วยอีก มิฉะนั้นจะถือเป็นการหยามน้ำหน้าที่ให้อภัยกันไม่ได้ ค่านิยมของความเป็นลูกผู้ชายนี้ยังส่งผลให้ผู้ชายที่เรียบร้อยเกินไปหรือทำตัวกระตุ้งกระติ้งจะถูกล้อว่าเป็นกะเทย ซึ่งคนที่ถูกล้อก็ฮึดสู้ไปเรียนวิชาหมัดมวย แล้วกลับมาท้าชกกับคนที่ล้อเลียนเพื่อล้างอาย

นอกจากผมแล้ว ผู้ชายส่วนใหญ่ในยุคนั้นต่างก็ยกย่องและยึดถือในค่านิยมนี้เช่นเดียวกัน แต่เมื่อกาลเวลาผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ผมรู้สึกว่า ค่านิยมที่ดีนี้เลือนหายไปอย่างน่าเสียดาย สังเกตได้จากข่าวที่นักเรียนยกพวกรุมทำร้ายนักเรียนต่างสถาบัน ใช้คนมากรังแกคนน้อย ใช้มีดกับคนมือเปล่า ใช้อาวุธที่เหนือกว่าเอาเปรียบฝ่ายตรงข้าม ใช้ปืนและระเบิดจนคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต้องพลอยโดนลูกหลงบาดเจ็บล้มตายไปด้วย 

พฤติกรรมต่ำช้าเหล่านี้ไม่ใช่การกระทำของนักเลงที่แท้จริง แต่เป็นพฤติกรรมของอันธพาลซึ่งเกิดขึ้นจากการขาดความภาคภูมิใจในตนเอง ขอเพียงให้บรรลุเป้าหมายก็ทำได้ทุกอย่าง ดูเผินๆ เหมือนกล้าแกร่ง แต่ความจริงแล้วขี้ขลาด ไม่กล้าดวลกันตัวต่อตัวแล้วจบกันแค่นั้น ยืดอกยอมรับผลแพ้ชนะอย่างลูกผู้ชาย โดยไม่ต้องระแวงว่าอีกฝ่ายจะย้อนกลับมาแก้แค้นอีก

จะเห็นได้ว่า การมีค่านิยมที่ดีนั้นช่วยสนับสนุนให้เกิดพฤติกรรมที่พึงประสงค์ ตรงกันข้าม การขาดค่านิยมที่ดีทำให้ไม่มีอะไรคอยเหนี่ยวรั้งการกระทำที่ไม่เหมาะสม กลายเป็นสังคมที่ผู้คนป่าเถื่อน ไร้ยางอาย เจ้าเล่ห์เพทุบาย ทำร้ายคนที่ไม่มีทางสู้ ตระบัดสัตย์ ทรยศหักหลัง... 

มองไปก็เวิ้งว้างวังเวง...ทุกวันนี้ จะมีนักเลงจริงแบบโบราณหลงเหลืออยู่สักกี่คน!?

ทรัมป์ตอกกลับ ฮิลลารี “แต่งเรื่องโกหก”

ทรัมป์ตอกกลับ ฮิลลารี “แต่งเรื่องโกหก”
เมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครแถวหน้าจากพรรครีพับลิกันได้ประกาศผ่านสถานี NBC ว่าต้องการให้ ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครตกล่าวขอโทษตนต่อคำพูดที่กล่าวหาว่าตนเป็น"ผู้รวบรวมกองกำลังกลุ่มก่อการร้ายที่ยอดเยี่ยมที่สุด”
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมาในงานโต้วาทีที่จัดขึ้นภายในพรรครีพับลิกัน ฮิลลารีได้กล่าวว่า กลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลามกำลังใช้วาทะของทรัมป์ที่พูดถึงศาสนาอิสลามในการรวบรวมสมาชิกให้เพิ่มมากขึ้น “พวกเขา(ไอเอส)เอาคลิปวีดีโอที่ทรัมป์เหยียดหยามศาสนาอิสลามให้คนอื่นๆดู โดยมีจุดประสงค์เพื่อรับสมัครทหารเพิ่ม" เธอกล่าว พร้อมกล่าวว่าทรัมป์ได้กลายเป็น"ผู้รับสมัครสมาชิกรายใหญ่ของกลุ่มรัฐอิสลาม”
ในช่วงที่ผ่านมานี้ทรัมป์ได้ออกมากล่าวคำพูดที่เชื่อมโยงถึงศาสนาอิสลามอยู่บ่อยครั้ง หลังเกิดเหตุก่อการร้ายในปารีส เขาได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าควรที่จะมีการลงทะเบียนชาวมุสลิมในสหรัฐฯและสั่งปิดมัสยิด ต่อมาเมื่อรัฐแคลิฟอร์เนียเกิดเหตุกราดยิงขึ้นเขาก็ได้ออกมาพูดว่าควรห้ามชาวมุสลิมทั้งหมดเข้ามาในดินแดนสหรัฐอเมริกา
สำหรับการกล่าวหาของฮิลลารี ทรัมป์ที่ได้ปรากฏกายในรายการสัมภาษณ์หลายรายการในวันที่ 20 และ 21 ก็ได้ตอบโต้กลับว่า “สิ่งที่เธอพูดทั้งหมดนั้นล้วนแต่เป็นเรื่องโกหก” ทรัมป์กล่าวในระหว่างการสัมภาษณ์ ผ่านเป็นเครือข่ายสถานีโทรทัศน์NBCพร้อมกล่าวว่าเรื่องที่ฮิลลารีกล่าวนั้นเป็นการทำปลอมขึ้นมาเพราะจริงๆไม่มีคลิปวีดีโอและคลิปเสียงแต่อย่างใด
นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญที่คอยติดตามการเคลื่อนไหวต่างๆบนเว็บไซต์ขององค์กรก่อการร้ายก็ออกมากล่าวว่ายังไม่มีหลักฐานใดที่จะยืนยันว่า กลุ่มรัฐอิสลามได้ใช้วาทะของทรัมป์มาเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์โกรธของผู้คนเพื่อจะเผยแพร่ความคิดต่อต้านสหรัฐฯแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดีJohn Podesta คนของฮิลลารีก็ได้ออกมากล่าวว่าสิ่งที่ฮิลลาลี คลินตันพูดนั้นไม่ได้เจาะจงว่าเป็นวีดีโอช่วงใด “นี่เป็นเพียงแค่การอธิบายอย่างหนึ่งของพวกเรา”พร้อมกล่าวว่าตนคิดว่าคำพูดของฮิลลารีนั้นมีเหตุผล

'ตลาดหลักทรัพย์กับ CPALL' เปลว สีเงิน

'ตลาดหลักทรัพย์กับ CPALL' เปลว สีเงิน
ผมดูการจัดการของผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ไทย ต่อกรณีผู้บริหาร CPALL ใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้นสยามแม็คโคร จบแค่ "ปรับ" ..........ก็อยากจะถาม
"ที่บ้านเมืองเกือบล่มจมต่อหน้า-ต่อตาทุกวันนี้ นั่นไม่เพราะ 'คนพวกหนึ่ง สมประโยชน์' กับพวกโจรดอกหรือ?"
กรณี CPALL ซึ่งเป็นบริษัทมหาชน มีหุ้นซื้อขายอยู่ในตลาด...........
แล้ว ตลท.ก็ดี ก.ล.ต.ก็ดี บริหารให้เกิด "ความโปร่งใส" ด้านธรรมาภิบาลไม่ได้
ก็ลองตอบซิ อะไรจะเกิดตามมา?
เรื่องความโปร่งใสในตลาดหุ้น แค่นักลงทุนระแวง...แค่นั้น ความวินาศสันตะโร ก็ตั้งเค้าแล้ว!
และนี่.....ตลท.และ ก.ล.ต.กำลังทำให้นักลงทุนทั้งไทย-ทั้งเทศเชื่อว่า ทั้ง ตลท.และ ก.ล.ต. "เชื่อง" อยู่ใน CPALL ตามที่ส่วนใหญ่เชื่อ
เพราะนายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) แถลงวันก่อน
"ไม่ทราบว่าการเข้าซื้อหุ้นสยามแม็คโครเป็นความผิดตามกฎ ก.ล.ต.ซึ่งผมได้ชำระเงินเปรียบเทียบปรับ เพื่อจบเรื่อง เพราะหากไม่รับ ต้องสู้คดีชั้นศาล ทำให้ไม่สามารถเป็นคณะกรรมการบริษัทได้"
แล้วมันก็ "จบ" อย่างที่นายก่อศักดิ์พูดจริงๆ!
ผมดูเฉยๆ มาครึ่งเดือน วันนี้ ต้องขอคุยหน่อย
ถ้าระดับ CEO บริษัทมหาชน พูดง่ายๆ ผู้บริหารทุกบริษัท ที่มีหุ้นซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ
อ้าง "ไม่รู้กฎหมาย" เหมือนนายก่อศักดิ์ แล้วถือเคสนายก่อศักดิ์เป็นบรรทัดฐาน ...อินไซด์ ยอมให้ปรับก็จบ
แล้วพากันใช้ข้อมูลภายใน ปั่นหุ้น ซื้อ-ขายรวยกันเองยกใหญ่ เป็นพันล้าน-หมื่นล้าน บนความฉิบหายนักลงทุนทั่วไป
ถูกจับได้...ก็อ้าง "ผมไม่ทราบว่าเป็นความผิดตามกฎ ก.ล.ต.นี่ครับ"!
ถ้าเป็นแบบนี้ทั้งตลาด.........
ตลท.และ ก.ล.ต.คิดมั้ยว่า ความฉิบหายด้วยละเลยธรรมาภิบาล มันจะไม่อยู่ในวงจำกัดแค่ชื่อตลาดหุ้นไทยแค่นั้น
มันจะลามถึงความเป็น "ประเทศไทย" ใน-ภาพรวม บนการประทับ-รับรู้คนทั้งโลก ว่าประเทศไทยล้มละลายทางความเชื่อถือ!?
ใครล่ะ...
เป็นประธานบอร์ดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)?
อ้อ...นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ตัวละครหนึ่งที่มะลำ-มะเลืองอยู่ในวงจรวิกฤติ "ต้มยำกุ้ง" เมื่อปี ๒๕๔๐
แล้วใครล่ะ...
เป็นประธานบอร์ดกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ผู้ต้องรักษาคัมภีร์ธรรมาภิบาลเท่าชีวิต
"นายวรวิทย์ จำปีรัตน์"!
เอ้า...รู้กันแล้ว ใคร-เป็นใคร ในความเป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทีนี้มาดูเรื่องราวประกอบกันนิดหน่อย จำกันได้ใช่มั้ย เมื่อต้นเดือนธันวา ๕๘ นี้
ก.ล.ต.ได้รับแจ้งเรื่องจาก ตลท.แล้วคณะกรรมการเปรียบเทียบ จึงมีคำสั่งเปรียบเทียบ
๑.นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ เป็นเงิน ๓๐,๒๒๘,๐๐๐ บาท
๒.นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล เป็นเงิน ๗๒๕,๐๐๐ บาท
๓.นายพิทยา เจียรวิสิฐกุล เป็นเงิน ๙๗๙,๕๐๐ บาท
๔.นายอธึก อัศวานันท์ เป็นเงิน ๑,๔๐๗,๐๐๐ บาท
ทั้ง ๔ คนนี้อาศัยข้อมูลภายใน บางรายล่วงรู้จากการร่วมคณะผู้บริหาร CPALL ที่เข้าร่วมเจรจากับผู้ขายแม็คโคร และบางรายล่วงรู้ เนื่องจากเป็นกรรมการและผู้บริหาร CPALL
๕.นายสมศักดิ์ เจียรวิสิฐกุล และ
๖.นางสาวอารียา อัศวานันท์
กลุ่มนี้ ให้การช่วยเหลือสนับสนุนอินไซด์ ถูกเปรียบเทียบเป็นเงิน รายละ ๓๓๓,๓๓๓.๓๓ บาท
ประเด็นที่ข้องใจกันมาก เอ๊ะ...ยอมรับ ...ปรับ..แล้วจบ เอากันง่ายๆ แบบนี้นะหรือ?
Enron บริษัทยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ ที่คนทั้งโลกเชื่อว่าแข็งแกร่ง-ยิ่งใหญ่ อีกห้าร้อยชาติก็ไม่มีวันล้มนั่นน่ะ จำกันได้มั้ย?
"ถอนโคน" ล้มครืน .......
เพราะเอาเข้าจริง....."รากไม่มี"!
รากคือ ธรรมาภิบาล ซึ่งผู้บริหารเอ็นรอน ทั้งโกง ทั้งแต่งตัวเลข ทั้งปั่นข่าว-ปกปิด-สร้างราคา "ต้มคนทั้งโลก"
ใหญ่ขนาดนั้น "พัง" คาตา เพียงเพราะถูกจับได้ว่า "บริหารไม่มีธรรมาภิบาล"!
มาดูกรณี ผู้บริหาร CPALL ว่า ก.ล.ต.ผู้กำกับหลักทรัพย์ว่าไง....?
".....กรณีแม็คโคร ในส่วนของ ก.ล.ต.ถือว่าสิ้นสุดแล้ว หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการและผู้ถือหุ้นที่จะพิจารณา"
นายรพี สุจริตกุล เลขาฯ ก.ล.ต.ท่านว่างั้น!?
"การเปรียบเทียบปรับผู้บริหารกลุ่ม CPALL หลังใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น MAKRO นั้น ก.ล.ต.ได้ให้โอกาสผู้บริหารชี้แจง ซึ่งกลุ่มผู้บริหารยอมรับว่าเป็นผู้กระทำผิด และยอมรับการเปรียบเทียบปรับ
.....มองว่า เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลที่นำข้อมูลภายในของดีลขนาดใหญ่มาหาประโยชน์ให้ตัวเอง ไม่ใช่เรื่องของบริษัท ทำให้เรื่องความรับผิดชอบจึงมีเพียงการเปรียบเทียบปรับเท่านั้น"
ส่วนนางเกศรา มัญชุศรี ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ บอกว่า....
"การปรับลดระดับธรรมาภิบาลของกลุ่มบริษัทนั้น ไม่ได้เป็นหน้าที่ของ ตลท. แต่ขึ้นอยู่กับสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ที่จะตรวจสอบว่าเป็นเรื่องสมควรหรือไม่
แต่กรณี CPALL เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เมื่อผู้ทำผิดยอมเข้าสู่กระบวนการเปรียบเทียบปรับ ตามที่ ก.ล.ต.กำหนด ถือว่ายุติ แต่หากไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการดังกล่าวตามขั้นตอน จะมีการกล่าวโทษต่อไป"
ก็ชัดเจน....ชัดเจนม้ากกกกกด้วย
ชัดเจนตามมาตรา ก.ล.ต.ว่า สารภาพ...ยอมให้ปรับ...จบ!?
แล้ววานซืน (๒๑ ธ.ค.๕๘) บริษัท CPALL แจ้ง ตลท.เป็นทางการว่า....
"........คณะกรรมการได้พิจารณาว่าพฤติกรรมและผลงานในอดีต รวมทั้งคุณสมบัติและประสบการณ์อันโดดเด่นของบุคคลเหล่านี้ หาทดแทนได้ยาก โดยได้เปรียบเทียบกับผลกระทบและผลประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับ และความเชื่อมั่นว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
คณะกรรมการตรวจสอบและกรรมการอิสระ จึงลงความเห็นว่า ยังสมควรให้บุคคลเหล่านี้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้"
ครับ...เป็นปี่-เป็นขลุ่ย สอดรับกันดีจริง ระหว่าง ตลท.-ก.ล.ต.-CPALL ถึงขนาดนายก่อศักดิ์ ผู้หาใครทดแทนได้ยาก แหงนหน้าแถลงเต็มปาก-เต็มคำ
"ทางเครือซีพีได้รับทราบแล้ว และไม่ได้ว่าอะไร เพราะหากยอมรับการปรับก็จบไป ซึ่งผมยังเป็นคณะกรรมการต่อไป ในทั้งส่วนของ CPALL และ MAKRO"!
เอาล่ะ....จะจบกันไป หรือยังจบไม่ได้ มาดูตรงนี้ดีกว่า.....
ข้อกฎหมายที่ ก.ล.ต.ยกอ้างเปรียบเทียบบุคคลทั้ง ๖ นั้น ใน ๔ คนแรกเข้าข่าย
"ความผิดตามมาตรา ๒๔๑ ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.๒๕๓๕"
มาตรา ๒๔๑ ความวรรคแรกมีว่า......
"ในการซื้อหรือขายซึ่งหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์
ห้ามมิให้บุคคลใดทำการซื้อหรือขายหรือเสนอซื้อหรือเสนอขาย หรือชักชวนให้บุคคลอื่นซื้อหรือขายหรือเสนอซื้อหรือเสนอขายซึ่งหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
ในประการที่น่าจะเป็นการเอาเปรียบต่อบุคคลภายนอก โดยอาศัยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาของหลักทรัพย์ที่ยังมิได้เปิดเผยต่อประชาชนและตนได้ล่วงรู้มาในตำแหน่งหรือฐานะเช่นนั้น
และไม่ว่าการกระทำดังกล่าว จะกระทำเพื่อประโยชน์ต่อตนเองหรือผู้อื่น หรือนำข้อเท็จจริงเช่นนั้นออกเปิดเผยเพื่อให้ผู้อื่นกระทำดังกล่าว โดยตนได้รับประโยชน์ตอบแทน"
........ฯลฯ..............
ส่วน ๒ คนหลัง คือนายสมศักดิ์และ น.ส.อารียา เข้าข่าย.....
"ช่วยเหลือสนับสนุนการกระทำผิด เป็นความผิดตามมาตรา ๒๔๑ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ประกอบมาตรา ๘๖ ประมวลกฎหมายอาญา"
มาตรา ๘๖ ความว่า..........
"ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด ก่อนหรือขณะกระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม
ผู้นั้น เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น"
ครับ....ไม่มีมาตราไหน-วรรคไหนบอก...อ้างไม่รู้กฎหมาย สารภาพ-ปรับ แล้วจบกัน?
ปรับเป็นเรื่อง ก.ล.ต.
แต่อินไซด์ เป็นเรื่องอาญา แม้สารภาพ ก.ล.ต.ก็ต้องทำเรื่องส่งอัยการพิจารณาฟ้องศาล
ไปจบที่ศาล สุดแต่ศาลท่านจะตัดสิน ไม่ใช่จบที่ ก.ล.ต.ตัดสิน
ถ้า ก.ล.ต.บอก มีอำนาจชี้ขาดให้จบตรงนั้นได้
ระวัง....ต้องขึ้นศาลเอง ในฐานะจำเลย ตามมาตรา ๑๕๗!

เมื่อผู้นำตุรกีท้ารัสเซียก็จัดให้

เตรียมแพ็กกระเป๋าได้เลย... ปธน. Erdogan ออกมาท้าอีกครั้งว่าจะลาออกจากตำแหน่งหากพิสูจน์ได้ว่าตุรกีซื้อน้ำมันเถื่อนจากกลุ่มก่อการร้ายดาอิช with pleasure! สื่อฯรัสเซียและตะวันตกจัดให้ นักการเมืองสหรัฐฯบางคนก็ร่วมด้วย คริๆ
-----------

1.) วันที่ 22 ธ.ค.58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "Erdoganให้สัญญาอีกครั้งว่าจะลาออกจากตำแหน่งหากข้อกล่าวหาว่าตุรกีซื้อน้ำมันเถื่อนจากพวกดาอิชได้รับการพิสูจน์" (Erdogan Renews Pledge to Resign If Claims of Turkey Buying Daesh Oil Proven)

วันที่ 1 ธันวาคม 2558 ปธน. Erdogan ผู้นำของตุรกีกล่าวว่า ตนพร้อมที่จะลาออกหากพบว่ากรุงอังการาซื้อน้ำมันเถื่อนจากขบวนการก่อการร้ายไอซิส ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายในประเทศรัสเซียและในอีกหลายประเทศ

"ผมจะไม่อยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีหากการซื้อน้ำมันเถื่อนจากไอซิสโดยตุรกีได้รับการพิสูจน์" Erdogan ประกาศในรายการโทรทัศน์ NTV เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

ปธน.ตุรกีตีโวหารว่า เขารู้สึกละอายใจต่อ "บรรพบุรุษและลูกหลาน" หากตุรกีซื้อน้ำมันดิบจากกลุ่มก่อการร้าย (According to the Turkish president, he would feel ashamed "to ancestors and descendants," if Turkey bought crude oil from terrorists.) [มีใครเชื่อบ้างไหมว่าหมอนี่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆตามที่เขาพูด? - ผู้แปล]

รัสเซียได้เน้นย้ำอยู่บ่อยๆว่าตุรกีเป็นผู้ผลิตน้ำมันเถื่อนรายใหญ่จากซีเรียแลอิรัค โดยกล่าวว่า Erdogan และครอบครัวของเขามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในธุรกิจน้ำมันเถื่อนของกลุ่มก่อการร้าย

กระทรวงกลาโหมของรัสเซียได้เปิดเผยภาพถ่ายทางอากาศซึ่งแสดงให้เห็นถึงขบวนรถบรรทุกน้ำมันของพวกไอซิสถึง 200,000 บาร์เรลอย่างน้อยก็ 1,722 คนที่มุ่งไปยังประเทศที่สาม ส่วนมากเป็นตุรกี

2.) เมื่อ Erdogan อยากได้หลักฐาน ก็มีผู้ปรารถนาดีสนองความต้องการของ Erdogan จากฝั่งตะวันตกด้วยเช่นกัน วันที่ 20 ธ.ค.58 สำนักข่าว RT news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "การลักลอบน้ำมันเถื่อนของพวกไอซิสส่วนมากผ่านตุรกี ขายในราคาต่ำ - รายงานข่าวจากประเทศนอร์เวย์" (Most smuggled ISIS oil goes to Turkey, sold at low prices – Norwegian report)

รายงานข่าวบอกว่า รายงานที่หลุดออกมาเมื่อเร็วๆนี้เกี่ยวกับการค้าน้ำมันเถื่อนโดยขบวนการก่อการร้ายไอซิส ซึ่งมีคำสั่งให้จัดทำขึ้นโดยประเทศนอร์เวย์ ได้เปิดเผยว่า มีการลักลอบนำเข้าน้ำมันเถื่อนของพวกไอซิสโดยมุ่งหน้าไปยังประเทศตุรกี ซึ่งมีการต่อรองราคากันและขายในราคาที่ต่ำ

หนังสือพิมพ์ Klassekampen ของนอร์เวย์ได้เปิดเผยรายละเอียดของรายงานซึ่งรวบรวมโดย Rystad Energy ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาเกี่ยวกับน้ำมันและแก๊สโดยอิสระ ตามคำร้องขอของกระทรวงต่างประเทศนอร์เวย์

"น้ำมันปริมาณมหาศาลได้ถูกลักลอบขนข้ามชายแดนเข้าไปในประเทศตุรกี จากพื้นที่ควบคุมของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสในประเทศซีเรียและอิรัค" หนังสือพิมพ์ Klassekampen อ้างตามที่กล่าวไว้ในรายงาน "ได้มีการขนส่งน้ำมันโดยรถบรรทุกตามเส้นทางการลักลอบทั่วชายแดนซึ่งขายในราคาที่ต่ำมาก ระหว่าง $25 - $45 ต่อบาร์เร็ว"

รายงานยังบอกอีกว่า น้ำมันดิบถูกขายในตลาดมืดในราคาต่ำ ในขณะที่ปัจจุบันนี้ benchmark ของน้ำมันดิบ Brent อยู่ที่ $35-$50 ต่อบาร์เรล

ในการรวบรวมรายงานซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัท Rystad Energ ได้ใช้ฐานข้อมูลของตนเองและแหล่งข้อมูลในพื้นที่ด้วย

รายงานสรุปว่า "การส่งออกเกิดขึ้นในตลาดมืดที่มีการจัดตั้งไว้เป็นอย่างดีผ่านตุรกี ผู้ลักลอบและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณชายแดนจำนวนมาก ซึ่งเคยช่วยเหลือซัดดัม ฮุสเซนให้หลบเลี่ยงจากการแซงชั่นนานาชาติ ปัจจุบันนี้กำลังให้ความช่วยเหลือการนำเข้าและส่งออกน้ำมันเถื่อนของกลุ่มก่อการร้ายไอซิส"

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา David Cohen เลขาธิการหน่วยงานข่าวกรองเกี่ยวกับขบวนการก่อการร้ายและการสนับสนุนด้านการเงินของสหรัฐฯกล่าวว่า กลุ่มก่อการร้ายไอซิสมีรายได้วันละ 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯจากการค้าน้ำมัน "จากข้อมูลข่าวกรองของพวกเรา เมื่อเดือนที่ผ่านมา กลุ่มก่อการร้ายไอซิสได้ขายน้ำมันในราคาต่ำอย่างมีนัยสำคัญ ให้กับคนกลางจำนวนมาก ซึ่งรวมทั้งบางคนจากตุรกีด้วย ซึ่งจากนั้นก็จะขนส่งน้ำมันไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง ยังปรากฎอีกด้วยว่า มีน้ำมันบางส่วนที่เล็ดลอดออกไปจากดินแดนที่พวกไอซิสปฏิบัติการได้ขายไปยังชาวเคิร์ดในอิรัค และจากนั้นก็ขายกลับไปยังตุรกี"

นายกรัฐมนตรี Dmitry Medvedev ของรัสเซียกล่่าวว่า คนกลางในตุรกีไม่เพียงแต่เป็นบริษัทผู้ประกอบการรายใหญ่เท่านั้น แต่ยังเป็นพวกเจ้าหน้าที่ของตุรกีด้วย ตุรกีกับปกป้องไอซิส เพราะว่า "ผลประโยชน์ทางการเงินโดยตรงของเจ้าหน้าที่ตุรกีบางคนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการผลิตน้ำมันที่กลั่นโดยโรงงานที่ควบคุมโดยพวกไอซิส"

ความเกี่ยวข้องเหล่านี้ได้ปรากฎขึ้นเมื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ผ่านมติเสริมสร้างมาตรการทางกฎหมายให้เข้มแข็งต่อต้านการดำเนินการธุรกิจกับกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มต่างๆ มาตรการนี้เกิดขึ้นจากการดำเนินการของ UNSC เมื่อเดือนกุมภาพันธ์เพื่อต่อต้านการลักลอบค้าของผิดกฎหมายและวัตถุโบราณจากซีเรีย ซึ่งได้มีการข่มขู่ว่าจะทำการแซงชั่นใครก็ตามที่รับซื้อน้ำมันจากไอซิส อัลเคด้า และได้เรียกร้องไม่ให้มีการจ่ายค่าไถ่กับกลุ่มก่อการร้ายด้วย

3.) วันที่ 22 ธ.ค.58 RT news พาดหัวข่าวว่า "กรุงอังการาจะต้องทำความสะอาดและแสดงหลักฐานเกี่ยวกับการเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายไอซิสเพิ่มเติม - ส.ส.อิรัคกล่าวกับ RT" (Ankara must come clean & address mounting evidence of links with ISIS – Iraqi MP to RT) ส่วน Sputnik news พาดหัวข่าวในเรื่องเดียกวันนี้ว่า "แสดงหลักฐานออกมา: กรุงอังการา 'กำลังเล่นเกมที่สกปรกมากๆ' กับพวกดาอิช" (Mounting Evidence: Ankara 'Playing Not a Very Clean Game' With Daesh)

รายงานข่าวบอกว่า ตุรกีต้องดำเนินการในเชิงรุกมากขึ้นในการตอบโต้ขบวนการก่อการร้ายในซีเรียและอิรัค หยุดหลับตาและให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายไอซิสผ่านการค้าน้ำมันเถื่อนซะ Mowaffak al Rubaie ส.ส.และอดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของอิรัคกล่าวกับสำนักข่าว RT

Rubaie กล่าวกับ RT ว่า "กรุงอังการากำลังลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนในอิรัคและซีเรียผ่านชายแดน และขายในตลาดมืดในตุรกี"

"ทางการตุรกีจำเป็นต้องดำเนินการมากกว่านี้ กว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ในปัจจุบันเพื่อฟอกตัวให้สะอาดจากข้อกล่าวหาที่ว่าพวกเขากำลังเข้าข้าง หรืออย่างน้อยก็ว่าพวกเขาหลับตาให้กับขบวนการผู้ก่อการร้ายเหล่านั้นจากตุรกีไปจนถึงซีเรียและอิรัค ในทางกลับกัน" ส.ส.อิรัคกล่าว

ส.ส.ของอิรัคยังได้เรียกร้องให้นอร์เวย์แสดงข้อมูลข่าวกรองกับประเทศสมาชิกของนาโต้รายอื่นๆด้วย ซึ่งรวมทั้งอียูด้วย Rubaie ยังได้เรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติในวงกว้างยึดมั่นในจุดยืนที่อยู่บนหลักฐานนี้ และกดดันให้ตุรกีกระทำการมากกว่านี้เพื่อตัดแหล่งสนับสนุนหลักทางการเงินของกลุ่มก่อการร้ายไอซิส กล่าวคือการค้าน้ำมันเถื่อนด้วย

[งานนี้นานาชาติจะไม่อาจจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เกี่ยวกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนของไอซิสได้อีกต่อไป หลายประเทศกำลังร่วมมือกันกดดันให้ตุรกีแสดงหลักฐานและหยุดข้องเกี่ยวกับการค้าน้ำมันเถื่อนกับไอซิสซะ ทั้งๆที่มีหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอเผยแพร่อย่างชัดเจนเกี่ยวกับขบวนรถบรรทุกน้ำมันวิ่งเข้าออกระหว่างชายแดนตุรกี-ซีเรียผ่านเขตอิทธิพลของไอซิสขนาดนั้น ตุรกีก็ยังปฏิเสธหน้าตาเฉย นาโต้ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เจริญหละอียูและสหรัฐฯงานนี้ - ผู้แปล]

เพจ: ปอกเปลือก ทรราช 
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
----------
http://sputniknews.com/politics/20151222/1032119084/erdogan-pledge-resign.html
https://www.rt.com/news/326567-is-export-oil-turkey/
https://www.rt.com/news/326728-iraq-rubaie-turkey-isis-oil/
http://sputniknews.com/middleeast/20151222/1032127353/turkey-isis-oil-smuggling-business.html
https://www.youtube.com/watch?v=wktWenhCiyk
https://www.youtube.com/watch?v=QBpr6o_ufH8

ทางรถไฟสายทรานส์เอเชีย(Trans-Asian Railway) เชื่อม "ระเบียงทอง" จีน-คาบสมุทรอินโดจีน

ทางรถไฟสายทรานส์เอเชีย(Trans-Asian Railway) เชื่อม "ระเบียงทอง" จีน-คาบสมุทรอินโดจีน
สำนักข่าวซินหวารายงานว่า ทางรถไฟหลายสายที่กำลังวางแผนหรือก่อสร้างอยู่ซึ่งเริ่มต้นจากเมืองคุนหมิง ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ผ่านประเทศเวียดนาม กัมพูชา พม่า ไทย มาเลเซีย กลายเป็นทางรถไฟระหว่างประเทศสายใหญ่ 3 สายคือสายตะวันออก สายกลาง และสายตะวันตก ที่มีจุดหมายปลายทางคือสิงคโปร์นั้นกำลังเป็นที่จับตามองของประชาคมโลก เพราะทางรถไฟสายทรานส์เอเชียสายนี้จะทำให้จีนกับประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เชื่อมถึงกันอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
นายหลิว จินซิน ผู้เชี่ยวชาญโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาของสหประชาชาติกล่าวถึงทางรถไฟสายนี้ว่า ทางรถไฟสายนี้มีรูปร่างเหมือนกับร่มคันหนึ่ง ซึ่งมีหัวร่มอยู่ที่เมืองคุนหมิงของจีน ปลายร่มคือสิงคโปร์ ส่วนใจกลางร่มคือกรุงเทพฯ ของไทย ขณะนี้ โครงร่มหรือทางรถไฟจากเมืองคุนหมิงผ่านเวียงจันทน์ กรุงเทพฯ ไปยังถึงสิงคโปร์นั้นเริ่มก่อตัวคืบหน้า ค่อยๆ กลายร่างเป็นร่มคันใหญ่แล้ว
โครงหลักของร่มคันนี้ในสายตาของนายหลิว จินซินก็คือเส้นทางรถไฟสายทรานส์เอเชียสายกลาง หรือทางรถไฟสายจีน-ลาว-ไทย โดยตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้เป็นต้นมา การก่อสร้างทางรถไฟสายดังกล่าวประสบผลคืบหน้าอย่างเห็นได้ชัด คือเริ่มมีการก่อสร้างทางรถไฟจากบ่อเต็นถึงกรุงเวียงจันทน์ซึ่งเป็นช่วงภายในประเทศของทางรถไฟจีน-ลาวแล้ว ต่อจากนี้ก็จะเริ่มโครงการความร่วมมือทางรถไฟจีน-ไทยอย่างเป็นทางการ
ตามแผนการ ทิศเหนือของทางรถไฟช่วงบ่อเต็น-เวียงจันทน์จะเชื่อมต่อกับทางรถไฟช่วงเมืองยวี่ซี-เมืองหมัวฮั่น ส่วนทิศใต้จะเชื่อมต่อกับทางรถไฟหนองคาย-ท่าเรือมาบตาพุด และจะเชี่อมถึงกรุงเทพฯ ด้วย ภายหลังแล้วเสร็จ สายกลางของทางรถไฟสายทรานส์เอเชียก็จะเชื่อมถึงกันโดยสมบูรณ์
นายเหลียง ชวน รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สภาสังคมศาสตร์ยูนนานกล่าวว่า ทางรถไฟสายทรานส์เอเชียจะเปิดเส้นทางการค้าระหว่างจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง และยุโรป และจะมีส่วนช่วยต่อความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างจีนกับคาบสมุทรอินโดจีน
ด้านนักวิเคราะห์และนักวิชาการเห็นว่า การสร้างทางรถไฟสายทรานส์เอเชียจะผลักดันความร่วมมือระหว่างจีนกับประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้สิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานด้านการคมนาคมของจีนและประเทศคาบสมุทรอินโดจีนเชื่อมต่อถึงกัน และทำให้เศรษฐกิจการค้าประเทศเหล่านี้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น
นึกถึง "จีน" นึกถึง "ซีอาร์ไอ"