PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559

คดีก่อการร้ายในอดีต

บันทึก ก่อการร้ายในประเทศไทย

ในวันที่ 11 มีนาคม 2537 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี รับแจ้งเหตุอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้อ อีซูซุ สีฟ้า ทะเบียน 71-7888 กรุงเทพมหานคร ชนรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นทีแซดอาร์ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มี นายบุญเสริม แสนดี เป็นเจ้าของ โดยอุบัติเหตุเกิดขึ้นใกล้กับห้างเซ็นทรัลชิดลม

ขณะที่ นายบุญเสริม ให้การในตอนนั้นว่า คนขับเป็นแขกอาหรับ พอชนเสร็จก็ควักเงินดอลลาร์ให้ แล้วก็รีบหนีไปทันที ตนจึงแปลกใจในพฤติกรรมจึงรีบแจ้งตำรวจ เนื่องจากเกรงว่าเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมา

จากนั้นแทบไม่น่าเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจลากรถคันดังกล่าวไปจอดเก็บไว้ที่สน.ลุมพินีนานถึง 7 วัน ก่อนที่เจ้าของรถตัวจริง คือ บริษัท ธรรมวุฒิการขนส่ง จำกัด ได้เข้ามาแสดงตัวว่า เป็นเจ้าของรถ ที่ให้ชาวอาหรับเช่า โดยเข้าใจว่าจะขนของไปในจ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจพิสูจน์ก่อนส่งมอบ ในวันที่ 17 มีนาคม 2537 เมื่อตรวจสอบโดยละเอียด ถึงกับตะลึง เมื่อพบว่า มีระเบิดบรรจุอยู่ในแท็งก์น้ำเหล็กบนกระบะหลังรถบรรทุก 6 ล้อ แท็งก์น้ำมีขนาด 120 เซนติเมตร คูณ 120 เซนติเมตร ภายในบรรจุปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรตคลุกน้ำมันโซล่าไว้แน่นแท็งก์ ท้ายรถกระบะมีกระป๋องน้ำมันโซล่า 4 แกลลอน ใช้ไปแล้ว 2 แกลลอน

เมื่อเจ้าหน้าที่สรรพาวุธ ตักแอมโมเนียมไนเตรตออก พบวัตถุระเบิดชนิดซีโฟร์บรรจุในขวดน้ำอัดลมขนาด 2 ลิตร ขนาด 2 ปอนด์ จำนวน 2 ลูก ภายในมีเชื้อปะทุไฟฟ้า 10 ดอก และยังพบดินระเบิดซีโฟร์ขนาด 1 ส่วน 4 ปอนด์อีก 5 ลูก มีเชื้อปะทุภายในรวม 6 ดอกอีกทั้งยังพบหลักฐานสำคัญ คือ การพบศพ นายชม ทิหล้า อายุ 43 ปี คนขับรถของบริษัท ธรรมวุฒิการขนส่ง จำกัด ถูกห่อด้วยพลาสติก คาดว่าเสียชีวิตมาแล้ว 4-5 วันและสถาบันนิติเวชวิทยา กรมตำรวจ ชันสูตรศพพบว่า รอบบริเวณลำคอมีรอยเป็นแนวคล้ายถูกบีบอย่างแรง ศีรษะบวมมีเลือดคั่ง กระดูกกล่องเสียงหัก
สันนิษฐานว่า...ตายเพราะขาดอากาศหายใจเนื่องจากถูกรัดคอ

จ.ส.ต.สมเกียรติ นาคอ่อน เจ้าหน้าที่ตรวจงานเก็บกู้วัตถุระเบิด กก.3 กองสรรพาวุธ กรมตำรวจ(ชื่อหน่วยงานในสมัยนั้น) บอกว่า ระเบิดแสวงเครื่องที่พบ พร้อมจะระเบิดทุกเวลา หากมีใครมาเคลื่อนที่หรือแตะต้องฟิวส์ ที่ต่อเชื่อมกับแบตเตอรี่ เมื่อกลไกแรกทำงาน แอมโมเนียมไนเตรตที่ผสมกับน้ำมันโซล่า น้ำหนัก 1 ตัน หรือ 1,000 กิโลกรัมก็กลายเป็นดินระเบิดเพิ่มแรงดันอีกเท่าตัว ระเบิดชุดนี้ ถือเป็นระเบิดแสวงเครื่องขนาดใหญ่ที่สุด เท่าที่เคยเห็นมา

ในช่วงที่พบระเบิดครั้งแรก ผู้เชี่ยวชาญระเบิดบอกว่า อำนาจการทำลายสูง สามารถพังตึกได้ทั้งหลัง รัศมีการทำลายไกลถึง 1-2 กิโลเมตร

การสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า ในวันที่ 8 มีนาคม 2537 มีชายลักษณะเป็นชาวตะวันออกกลาง พูดไทยได้น้อยมาก รูปร่างอ้วน ผิวดำ สูงประมาณ 178 เซนติเมตร อายุประมาณ 30 ปี มาขอเช่ารถกับ นายถวิล ปวรัตน์วิจิตร เจ้าของบริษัทธรรมวุฒิการขนส่ง จำกัด บอกว่าจะขนสินค้าไปเชียงใหม่ ตกลงกันในอัตราค่าจ้าง 12,000 บาท มัดจำไว้ 500 บาท จนเมื่อเจ้าของรถบรรทุกนำเอกสารมาติดต่อรับรถคืน ...จึงพบระเบิด

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ ครั้งนั้นคาดว่า รถบรรทุกระเบิดมุ่งหน้าสถานทูตสำคัญแห่งใดแห่งหนึ่งและจากนั้น ไม่กี่วันต่อมา เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง มอสสาด จากอิสราเอล เดินทางลงตรวจสอบ และเชื่อว่าเป้าหมายรถบรรทุกระเบิดอยู่ที่สถานทูตอิสราเอล ขณะที่ ผู้เชี่ยวชาญจากอิสราเอล ประเมินรัศมีทำลาย รถบรรทุกระเบิดว่า ไม่น่าจะระเบิดได้แค่ 1-2 กิโลเมตร

ขนาดนี้จะมีรัศมีการทำลายล้างไกลไปถึง 7 กิโลเมตร

ผู้เชี่ยวชาญระเบิดฝ่ายไทยบอกว่าอานุภาพของระเบิดแบบนี้ ตึกไม่ว่าจะกี่ชั้นก็ถล่มได้ถ้าอยู่ในที่โล่งอานุภาพก็จะลดลง พร้อมให้ข้อมูล อีกว่า สารแอมโมเนียมไนเตรตที่พบ และระเบิดซีโฟร์ เป็นประจุเพื่อทำลายล้าง หากมีปุ๋ยกับเชื้อปะทุอย่างเดียว อาจทำให้อำนาจการทำลายล้างไม่สมบูรณ์ และแอมโมเนียมไนเตรต ผสมน้ำมันโซล่าหรือเบนซิน เมื่อต่อเข้ากับเชื้อปะทุไฟฟ้าและระเบิดซีโฟร์ จะเป็นระเบิดที่มีชื่อเรียกว่า เอเอ็นเอฟโอ มีลักษณะเป็นดินพลาสติกคล้ายดินน้ำมัน ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น

อย่างไรก็ตาม ในภายหลังมีการรายงานข้อมูลอย่างเป็นทางการ ยืนยันว่าสารประกอบระเบิดไม่ใช่ปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรท แต่เป็นปุ๋ยยูเรีย จึงมีการปรับลดอำนาจการทำลายล้างลง เพราะจะไม่รุนแรงเหมือนกับปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรท ถือว่าเป็นโชคช่วย ที่เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่สำเร็จ แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่าผู้ก่อการร้าย สามารถประกอบระเบิด ขนย้ายระเบิดได้ แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดรถมาถึง 7 วัน ยังไม่ทราบรายละเอียด มารู้เมื่อตรวจสอบก่อนส่งหลักฐานคืนให้เจ้าของตัวจริง ส่วนคดีในตอนนั้น สุดท้ายศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง พร้อมส่งชาวอาหรับดังกล่าวกลับประเทศไปในทันที

รูปภาพของ ตำนาน คดีดัง
รูปภาพของ ตำนาน คดีดัง
รูปภาพของ ตำนาน คดีดัง
รูปภาพของ ตำนาน คดีดัง

บิ๊กตู่ พบน้องนวลนรดิศ บอกไม่ใช่คนดี แต่ประชาธิปไตยมีปัญหา ทหารต้องมาปกป้อง!

นายกรัฐมนตรี พบ นักเรียนวัดนวลนรดิศ สอนให้กำหนดอนาคตตัวเอง ระบุไม่ใช่คนดี คนเก่ง แต่ต้องปกป้องประชาธิปไตย แม้จะมีปัญหา ยันไม่อยากเป็นวีรบุรุษ-ดารา แต่อยากได้ความจริงใจ
http://www.matichon.co.th/online/2016/01/14528475561452847626l.jpg
15 มกราคม - ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเดินทางไปเยี่ยมชมอาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแห่งใหม่ นายกรัฐมนตรีได้เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อมาพบกับคณะครูและนักเรียนจากโรงเรียนวัดนวลนรดิศ จำนวน 200 คนที่มีกำหนดการศึกษาดูงานที่พม.ตลาดน้ำใจวิถีไทยผดุง ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งโรงเรียนวัดนวลนรดิศเป็นโรงเรียนที่นายกรัฐมนตรีเคยศึกษาเมื่อสมัยมัธยมศึกษาตอนต้น

โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้โอวาทกับนักเรียนว่าโรงเรียนได้สอนให้รู้จักพื้นฐานในการใช้ความคิด จากบทเรียนต่างๆ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังสร้างสังคมการเรียนรู้ตลอดชีวิตและจะทำระบบไอทีโดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศฯ เพื่อเพิ่มระบบการศึกษา ให้สามารถเรียนรู้ผ่านระบบไอซีทีได้ โดยจะต้องขอความร่วมมือคุณครูในการส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตเพื่อเพิ่มพูนความรู้นอกห้องเรียน

http://www.matichon.co.th/online/2016/01/14528475561452847633l.jpg

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า ปัจจุบันมีเยาวชนที่จบปริญญาตรีและยังไม่มีงานทำกว่าร้อยละ 40 ดังนั้นจึงต้องมีระบบแนะแนวให้นักเรียนทราบว่าตนเองมีความถนัดด้านใด ก่อนที่จะเลือกคณะสาขาก่อนเข้าระดับอุดมศึกษา ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ยกตัวอย่างสมัยเมื่อตนเรียน ว่าได้มีการสอนการเรียนรู้ให้ตนเย็บผ้า รีดผ้า แกะสลัก หรือกระทั่งเชื่อมเหล็ก ซึ่งตนมีความคิดอยากเป็นทหารตั้งแต่เด็ก เพราะชะตาชีวิตเลือกเดินบนเส้นทางนี้ จึงฝากไปยังเยาวชนให้กำหนดอนาคตของตัวเอง เพราะทุกอย่างชะตาลิขิตไว้ ดังนั้นขึ้นอยู่ที่ใจในการตัดสินใจ และอยากให้เด็กสมัยนี้มีความคิดที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้วางแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อทุกคนในอนาคต

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงสมัยที่ตนเรียนที่โรงเรียนวัดนวลนรดิศ และต่อในโรงเรียนเตรียมทหาร ซึ่งโรงเรียนเตรียมทหารไม่ได้สอนให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่สอนให้เป็นทหาร ทุกวันนี้ที่เข้ามาทำหน้าที่ ตนไม่ใช่คนดี ตนไม่ใช่คนเก่ง แต่เมื่อประเทศเราเป็นประชาธิปไตย และเมื่อประชาธิปไตยมีปัญหา ทหารจึงเข้ามาพิทักษ์ปกป้อง ไม่ใช่หวงความรับผิดชอบหรือความรักชาติแต่อย่างใด

http://www.matichon.co.th/online/2016/01/14528475561452847638l.jpg

พร้อมกันนี้ได้ฝากถึงคุณครู ให้สอนนักเรียนในหลักเศรษฐศาสตร์ เศรษฐกิจและความมั่นคง รวมถึงสถานการณ์ทั้งในและนอกประเทศ ไม่ใช่เพียงหน้าที่ของทหารและตำรวจเพียงอย่างเดียว เพราะเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน และอย่าขัดแย้งกัน ซึ่งรัฐบาลทำทุกวิถีทางให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ไม่ใช่ตนที่จะปฏิรูปประเทศเพียงคนเดียว เพราะไม่ต้องการเป็นวีรบุรุษหรือดารา แต่อยากได้ความจริงใจ ความเข้าใจจากทุกคน และขอให้เยาวชนในวันนี้เป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต 

โฆษกศาลยธ. เผยเตรียมเอาผิดกลุ่มแฮกเกอร์ป่วนเว็บศาล ชี้ผิดพ.ร.บ.คอมฯ




โฆษกศาลยธ. เผยเตรียมเอาผิดกลุ่มแฮกเกอร์ป่วนเว็บศาล ชี้ผิดพ.ร.บ.คอมฯ

Wed, 2016-01-13
ที่มา ประชาไท

13 ม.ค.2559 จากกรณีเฟซบุ๊กชื่อ "We Are Annonymous" ประกาศถล่มเว็บไซต์เครือศาลยุติธรรม ประท้วงคำพิพากษาคดีเกาะเต่า และรณรงค์นักท่องเที่ยวเลิกเยือนไทย จนกว่าตำรวจจะเปลี่ยนวิธีการทำคดีที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จนกระทั่งเมื่อเวลา 18.00 น. ที่ผ่านมา เว็บเกือบ 290 แห่งที่เกี่ยวข้องกับศาลยุติธรรม อาญา แพ่ง อุทธรณ์ เว็บระบบเงินเดือนข้าราชการล่ม (อ่านรายละเอียด) นั้น

สำนักข่าวไทย รายงานว่า นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบการเชื่อมต่อโครงข่ายข้อมูลหน้าเว็บไซต์สำนักงานศาลยุติธรรมนั้นไม่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่เวลา 22.00 น.ของวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยครั้งแรกที่ตรวจสอบพบว่า หน้าเว็บเพจหน้าแรกของสำนักงานศาลยุติธรรม กลายเป็นบนพื้นสีดำ และมีรูปสัญลักษณ์คล้ายหน้ากากสีขาว พร้อมข้อความภาษาอังกฤษ เขียนว่า “ BLINK HACKER GROUP” และ “ Failed Law We Want Justice ! # Boycott Thailand ” และจากการสืบค้นพบว่า “ BLINK HACKER GROUP ” เชื่อมโยงกลุ่มที่ใช้ชื่อ Anonymous Myanmar Hacker ซึ่งเหตุดังกล่าวจนถึงวันนี้ (13 ม.ค.) หน้าเว็บไซต์ของสำนักงานศาลยุติธรรม ยังไม่สามารถเข้าใช้งานได้ตามปกติ แต่ก็เป็นเพียงการที่บุคคลภายนอกไม่สามารถใช้งานได้เท่านั้น แต่ระบบปฏิบัติงานภายในระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรมกับหน่วยงานภายในที่เกี่ยวข้องไม่ได้รับความเสียหายใดๆ โดยระหว่างนี้เรายังเฝ้าระวังตรวจสอบหาช่องโหว่ที่จะป้องกันการบุกรุกทางคอมพิวเตอร์ต่อไป และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแก้ไขให้มีการเชื่อมต่อเพื่อสื่อสารภายในได้

นายสืบพงษ์ โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวอีกว่า สำหรับการตรวจสอบเพื่อหาผู้กระทำผิดนั้น ในส่วนของระบบโครงการข่ายคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่เกิดเหตุสำนักงานศาลยุติธรรม ได้ประสานสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเลคทรอนิกส์ ซึ่งเป็นองค์กรมหาชน โดยศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย (ไทยเซิร์ต) ให้ตรวจสอบหาการบุกรุกและช่องโหว่ระบบเครือข่าย ขณะที่การตรวจสอบรายละเอียด IP ADDRESS พบว่ามีประมาณ 10 IP ADDRESS ของผู้ที่เข้ามาบุกรุกระบบโครงข่ายหน้าเว็บไซต์ซึ่งอยู่ในต่างประเทศ แต่ยังไม่ขอระบุรายละเอียดในส่วนนี้

นายสืบพงษ์ โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า การกระทำดังกล่าว ที่ทำให้หน้าเว็บแรกของสำนักงานศาลยุติธรรมเสียหายครั้งนี้ ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ซึ่งมีโทษตาม มาตรา 10 ฐานรบกวน ขัดขวาง ระบบคอมพิวเตอร์ ที่บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวน จนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 12 ผู้ใดกระทำโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการใก้บริการสาธารณะหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ ระวางโทษตั้งแต่ 3 – 15 ปี และปรับ 60,000 – 300,000 บาท โดยสำนักงานศาลยุติธรรม จะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไปภายใต้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง:
Anonymous ถล่มเว็บไซต์ในเครือศาลยุติธรรม ประท้วงคดีเกาะเต่า

ด่วน!! DSIเตรียมเข้าตรวจรถหรูวัดปากน้ำฯ เจ้าคุณประสารชี้เจตนาสร้างมลทินสมเด็จช่วง



http://www.matichon.co.th/online/2016/01/14528491861452851050l.jpg
พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร)

พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย (ศพศ.) เปิดเผยกรณีที่มีกระแสข่าวว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะเข้าตรวจสอบรถโบราณ และรถหรู ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช หลังจากมีผู้ร้องเรียนว่าสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ สะสมรถหรู และรถโบราณ รวมถึงกล่าวหาว่าอาจมีรถจดประกอบไม่ถูกกฎหมายปะปนอยู่ ว่า ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่หวังดีว่าเร็วๆ นี้ ดีเอสไอจะนำสื่อมวลชนเข้าตรวจสอบรถโบราณ และรถหรูของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ทั้งนี้ อาตมาตั้งข้อสังเกตว่าการออกมาตรวจสอบรถหรูของดีเอสไอ ทำไมถึงทำในช่วงที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ หรือผู้ที่อยู่เบื้องหลังมีเจตนาสร้างมลทินให้สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เพื่อหาเหตุผลให้รัฐบาลชะลอการเสนอชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ

ผบ.ทร. นำ ศปมผ.ร่วมลงนามMOU 36 หน่วย รัฐ/เอกชน ไม่ซื้อ นำเข้า จำหน่าย สัตว์น้ำ ผลิตภัณฑ์ประมง ที่ผิดกม. IUU Fishing

ผบ.ทร. นำ ศปมผ.ร่วมลงนามMOU 36 หน่วย รัฐ/เอกชน ไม่ซื้อ นำเข้า จำหน่าย สัตว์น้ำ ผลิตภัณฑ์ประมง ที่ผิดกม. IUU Fishing ยันเปล่าบังคับเซ็น ทุกคนสมัครใจ เผยเขาตรวจสอบ และเตือนกันเองด้วย
ที่ กองทัพเรือ พลเรือเอก ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย เป็นประธานในการลงนาม ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการ จำนวน 36หน่วยงาน" บันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการไม่ซื้อ นำเข้า ส่งออก นำผ่าน จำหน่าย ซึ่งสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่ได้จากการทำประมงผิดกฎหมาย การใช้แรงงานผิดกฎหมาย และการค้ามนุษย์ มาผลิตในอุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำ และจัดจำหน่ายเป็นสินค้าอาหารทะเล "
โดย บันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการไม่ซื้อ นำเข้า ส่งออก นำผ่าน จำหน่าย ซึ่งสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่ได้จากการทำประมง
ผิดกฎหมาย การใช้แรงงานผิดกฎหมาย และการค้ามนุษย์ มาผลิตในอุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำ และจัดจำหน่ายเป็นสินค้าอาหารทะเล นึ้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหากระบวนการด้านประมงตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางให้สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการประมงทั้งหมดมีมาตรฐานสากล อันจะเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ ซึ่งหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการได้ตระหนักถึงความสำคัญ และเห็นชอบร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาอย่างถึงที่สุด
โดยมีข้อกำหนด ดังนี้
1. ให้หน่วยงานภาครัฐ และผู้ประกอบการ ร่วมมือกันในการรักษามาตรฐานการประกอบการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน และให้มีการประมงอย่างยั่งยืน โดยผู้ประกอบการจะไม่ซื้อ นำเข้า ส่งออก นำผ่าน จำหน่าย ซึ่งสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ ที่ได้จากการทำประมงผิดกฎหมาย การใช้แรงงานผิดกฎหมาย และการค้ามนุษย์ มาผลิตในอุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำ
และจัดจำหน่ายเป็นสินค้าอาหารทะเล รวมทั้งจะปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการประมง แรงงาน และการค้ามนุษย์อย่างเคร่งครัด และส่งมอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้แก่หน่วยงานภาครัฐ
2. ให้ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมมือกันในการแลกเปลี่ยนความรู้ จัดกิจกรรม จัดให้มีการบรรยายทางวิชาการ การฝึกอบรม และการศึกษาวิจัยในหัวข้อและโครงการที่เหมาะสม
พลเรือเอก ณะ ผบ.ทร. กล่าวว่า ภาค เอกชน โรงงาน ผู้ประกอบการ ที่มาเซ็นMOUไม่ซื้อ นำเข้า ขายสัตว์น้ำ ผลิตภัณฑ์ประมงที่ผิดกม. นั้น ล้วนมาด้วยความสมัครใจ เราไม่ได้บังคับใดๆ ทั้งนี้ เพิ่อช่วยกันแก้ปัญหาชาติ ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี ทึ่ภาคเอกชนให้ความร่วมมือโดยภาคเอกชนนึ้ เขาจะมีการตรวจสอบกันเอง และเตือนกันเองด้วย
สำหรับหน่วยงานที่ร่วมลงนาม MOU จำนวน 34 หน่วยงาน ประกอบด้วย
1. หน่วยงานภาครัฐ จำนวน 12 หน่วยงาน
- ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย
- ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเล (ศรชล.)
- กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
- กระทรวงแรงงาน
- กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์
- สำนักงานอัยการสูงสุด
- กรมสอบสวนคดีพิเศษ
- กรมประมง
- กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
- กรมเจ้าท่า
- กรมศุลากากร
- กองบังคับการตำรวจน้ำ
2. องค์กรภาคเอกชน 19 หน่วยงาน
- สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย
- สมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย
- สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย
- สมาคมการประมงทะเลไทย
- สมาคมอุตสาหกรรรมทูน่าไทย
- บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ยูเนี่ยนโฟรเซน โปรดักส์ จำกัด
- บริษัท อันดามัน ซีฟู้ด จำกัด
- บริษัท ห้องเย็นกู้ดฟอร์จูน จำกัด
- บริษัท แปซิฟิคแปรรูปสัตว์น้ำ จำกัด
- บริษัท เซียนหนิง ซีฟู้ด จำกัด
- บริษัท องกรณ์ห้องเย็น จำกัด
- บริษัท ห้องเย็นเอเชี่ยนซีฟู้ด จำกัด (มหาชน)
- บริษัท มารีนโกลด์โปรดัก จำกัด
- บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)
- บริษัท แพ็คฟู้ด จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ไทยรอแยลฟรอเซนฟู้ด จำกัด
- บริษัท เมย์โอฟู้ดส์ จำกัด
- บริษัท พัฒนาโฟรเซ่นฟู้ด
-บริษัทยูเนี่ยนโฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด
- บริษัท ศูนย์อภิบาลผู้เดินทางทะเล ศรีราชา สเตลล่ามาลิส จำกัด
3. องค์กรที่เป็นกลาง 3 หน่วยงาน (ลงนามในฐานะพยาน)
- กรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- องค์การแรงงานระหว่างประเทศ
- มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน

"บิ๊กหมู" สั่งทหาร ช่วยชาวสวนยาง ทั้งเป็นชุดรับซื้อ ลงพื้นที่ และ หาทาง นำยาง มาใช้ในกิจการทหาร


"บิ๊กหมู" สั่งทหาร ช่วยชาวสวนยาง ทั้งเป็นชุดรับซื้อ ลงพื้นที่ และ หาทาง นำยาง มาใช้ในกิจการทหาร ทั้งปลิตผลิตภัณฑ์ สิ่งอุปกรณ์ทางทหาร เครื่องช่วยฝึก รถยนต์ทหาร อุปกรณ์ทางการแพทย์ในโรงพยาบาลทบ.ใช้ยางพาราเป็นส่วนผสมในงานก่อสร้างซ่อมแซมถนน เป็นฉนวนกันซึมในงานก่อสร้างของทหารช่าง ผลิตอุปกรณ์ทางทหาร ที่นอนทหาร ที่นอนผู้ป่วยในโรงพยาบาลทหาร หมอน รองเท้าผ้าใบ รองเท้าทรงสูงครึ่งน่อง(รองเท้าฝึก) ถุงมือยาง ผลิตยางรถยนต์ทหาร ยันคสช. ช่วยขับเคลื่อนการบริหารจัดการการรับซื้อยางจากชาวสวนตามนโยบายรัฐบาล

พันเอก วินธัย สุวารี โฆษก คสช. กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลมีมติที่จะช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง นั้น ในส่วน คสช.โดยหน่วยในพื้นที่ได้เริ่มเตรียมความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนในทุกรูปแบบ เพื่อให้กระบวนการรับซื้อเป็นไปตามวัตถุประสงค์ตรงตามเจตนารมณ์ และประโยชน์ต้องตรงไปที่เกษตรกรชาวสวนยางโดยตรงเป็นหลัก
สำหรับการสนับสนุนการนำยางพารามาใช้ในกิจการ เพื่อเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศตามนโยบายรัฐบาลนั้น พลเอกธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก/เลขาฯคสช./ผบ.กกล.รส. ได้สั่งการให้หน่วยงานในกองทัพบก พิจารณานำยางพารามาใช้ผลิตสิ่งอุปกรณ์ประเภทต่างๆ โดยเร็วที่สุด
พร้อมให้พิจารณาปรับเปลี่ยนสิ่งอุปกรณ์เครื่องใช้ที่มีอยู่ ให้ มีส่วนประกอบที่ใช้วัตถุดิบพื้นฐานมาจากยางพาราก่อนวัตถุดิบประเภทอื่น
โดยล่าสุดในส่วนการใช้ยางพาราในหน่วยงานของกองทัพบก มีแนวทางเบื้องต้นว่า จะเพิ่มการใช้ยางพารากับ ผลิตภัณฑ์ สิ่งอุปกรณ์ทางทหาร เครื่องช่วยฝึก รถยนต์ทหาร อุปกรณ์ทางการแพทย์ในโรงพยาบาลกองทัพบก
โดยนำไปดำเนินการได้ในหลายลักษณะ เช่นใช้ยางพาราเป็นส่วนผสมในงานก่อสร้างซ่อมแซมถนนและเป็นวัสดุสำหรับงานฉนวนกันซึมในงานก่อสร้างของทหารช่าง
รวมทั้งการใช้ยางพาราในการผลิต สิ่งอุปกรณ์ทางทหาร เช่น ที่นอนทหาร ที่นอนผู้ป่วยในโรงพยาบาลทหาร หมอน รองเท้าผ้าใบ รองเท้าทรงสูงครึ่งน่อง(รองเท้าฝึก) ถุงมือยาง ผลิตยางรถยนต์ทหาร เป็นต้น
ทั้งนี้กองทัพบกกำลังเร่งดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนยาง ให้คลี่คลายตามแนวทางที่รัฐบาลและ คสช.กำหนดไว้

นายกฯ บ่น ขัดแย้งกันทั้ง สงฆ์ ฆราวาส การเมือง ขอฝ่ายกฎหมายช่วยกันหาแนวทาง

นายกฯ บ่น ขัดแย้งกันทั้ง สงฆ์ ฆราวาส การเมือง ขอฝ่ายกฎหมายช่วยกันหาแนวทาง แบ่งเบาภาระ ลดปัญหาขัดแย้งลง เร่งเดินหน้าสู่ประชารัฐ /นายกฯ พร้อม สมคิด พล.อ.ไพบูลย์ พล.อ.กัมปนาท /ผบทร./พล.อ.ชาตอุดม ประชุมกก.ต่อต้านการทุจริตฯ(คตช.)ระบุงานคืบหน้า
ที่ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) โดยมี นายสมคืด จาตุศรีพิทักษ์ พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา พลเอก ชาตอุดม ดิตถสิริ ประธานคตร. พลเอกกัมปนาท รุดดิษฐ์ ผช.ผบทบ. พล ร อ ณะ อารีนิจ ผบทร. ร่วมด้วย
นายกฯ กล่าว ตอนเริ่มการประชุมว่า การแก้ปัญหาการทุจริต มีความก้าวหน้าโดยลำดับ
จากนี้ ในช่วงหนึ่ง ได้ระบุว่า ขณะนี้ ที่มีปัญหา ขัดแย้ง กันทั้ง สงฆ์ ฆราวาส การเมือง ดังนั้น ฝ่ายกฎหมาย ก็ต้องช่วยกันหาแนวทาง แบ่งเบาภาระ ทำอย่างไรจะช่วยลดปัญหาขณะนี้ลง ซึ่งการปฏิบัติตามกฎหมาย นั้นมีขั้นตอนอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน เรากำลังขับเคลื่อนนโยบายประชารัฐ ดังนั้นสิ่งใดก็ตามที่ทำได้ ก็ให้เดินหน้าต่อไป แต่อะไรที่เป็นปัญหา หรือมีข้อสังเกตที่ต้องแก้ไขก็ต้องสอบสวน และดำเนินการต่อไปให้ได้ในเรื่องที่ไม่ร้ายแรง

นายกฯ ลุงตู่ ถามเด็กๆ รุ่นน้อง วัดนวลฯ"ใครอยากเป็นนายกฯบ้าง มาเอาไปเลยนะ กำลังยุ่งๆ เลยล่ะ"


นายกฯ ลุงตู่ ถามเด็กๆ รุ่นน้อง วัดนวลฯ"ใครอยากเป็นนายกฯบ้าง มาเอาไปเลยนะ กำลังยุ่งๆ เลยล่ะ" สอนอย่าขัดแย้ง มุ่งสู่ปชต. ยันเมื่อชาติเสียหาย ทหารคือผู้พิทักษ์ปกป้องชาติ เล่าชีวิตวัยเด็ก เย็บผ้าเป็น ซ่อมกระดุมเองได้ รีดผา อ๊อกเหล็ก ก็เป็น ระบุ ชะตาชีวิตถูกกำหนดมาแล้ว ใครจะเป็นอะไร พร้อมให้คำขวัญวันครู สดๆกลางวงครู-นร.วัดนวลฯ "เด็กดี ครูดี มีคุณภาพ สู่อนาคต" ถามเด็กดีคืออะไร เด็กดีคือไม่ทำเลวไง เผย สิ่งที่ครูสอนเป็นพื้นฐาน เมื่อนักเรียนได้รับการถ่ายทอดมา ถือเป็นการสอนกระบวนการเรียนรู้ในหัว เป็นพัฒนาสมอง
บริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ลงมาพบปะกล่าวทักทายครู อาจารย์และนักเรียนจากโรงเรียนวัดนวลนรดิศ ชั้นมัธยมศึกษาปี1, 4 และ 5 จำนวน 200 ค ที่ถือเป็นนร.รุ่นน้อง(หลาน)รร.วัดนวลนรดิศ ที่มางาน "พม.ตลาดน้ำใจ วิถีไทยผดุง" ที่ ตลาดนายกฯ ซึ่งได้นำสบู่และคุ๊กกี้มามอบให้นายกรัฐมนตรี
นายกฯ ได้กล่าวกับครู และ นร. ว่า "เป็นยังไงบ้างใครอยากเป็นนายกฯบ้าง มาเอาไปเลยนะ กำลังยุ่งๆ เลยล่ะ "
นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่ครูสอนเป็นการสอนพื้นฐาน เมื่อนักเรียนได้รับการถ่ายทอดมา เขาเรียกว่าเป็นการสอนกระบวนการเรียนรู้ในหัวของเรา ไม่ใช่ว่าทุกคนบอกว่าเรียนไปแล้วไม่เห็นได้ใช้ เรียนจบมาแล้วไม่ได้ใช้อะไรเลย นั่นแสดงว่าไม่ได้ใช้อะไรเลย ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาสอนมาทำให้เกิดพัฒนาการทางสมองทุกช่วงวัย ตั้งแต่ก่อนวัยเรียน อนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อุดมศึกษา อาชีวะศึกษาหรืออะไรก็แล้วแต่ รวมถึงการศึกษานอกโรงเรียน นอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เรากำลังสร้างสังคมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เด็ก คนแก่ ทุกคนสามารถเรียนได้ตลอดไป เรากำลังทำเรื่องของไอทีซึ่งกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เน้นเรื่องการศึกษา เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ทุกคนก็เรียนจากไอซีทีของลุง ของนายกฯ นี่แหละเพิ่มจากครูกู (กูเกิล) แต่ครูกูก็สู้ครูที่สอนเราไม่ได้เพราะครูกูตอบแค่สองบรรทัด เพราะฉะนั้นกระบวนการเรียนรู้
ต้องขอฝากอาจารย์ไว้ด้วยหากเป็นไปได้ เราจะล้มไปทางไหนไม่ได้ จึงต้องร่วมมือกันผ่านทั้งครูและอาจารย์ไปเข้าระบบ หามาว่าคำถามคำตอบอะไรในกูเกิลอันไหนสำคัญ แล้วเอาทั้งหมดมาพูดคุยกัน
ในช่วงบ่ายโดยตั้งโจทย์แล้วให้ไปค้นหา แล้วมาถกเถียงกันให้นักเรียนชี้แจง โดยให้ครูเป็นผู้กำหนดโจทย์ แบบนี้ถือเป็นตัวอย่างในการสร้างการเรียนรู้ไม่ใช่แค่เรียนอย่างเดียว เรียนแล้วได้แค่ปริญญาแล้วไม่มีงานทำแล้วจะทำอย่างไร ก็ไปเดือดร้อนพ่อแม่อีก
วันนี้จบมา 40 เปอร์เซ็นต์แล้วไม่มีงานทำ วันนี้จะจบปริญญามาอย่างเดียวไม่ได้ บางคนอาจจะชอบเรื่องของอาชีพก็เรียนอาชีวะ
ลุงเลยให้มีการเข้าไปสอนแนะแนวตั้งแต่ชั้นมัธยมให้เด็กได้รู้ตัวว่าไปไม่ไหวหรือไม่ ถ้าไม่มีการแนะแนวแล้วพ่อแม่ก็อยากให้ไปเรียนปริญญาถ้าเด็กรู้ตัวก็จะได้บอกพ่อแม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สมัยเด็กๆ ตนจำได้ว่าโรงเรียนวัดนวลนรดิศ สอนตนมาเยอะเรื่องการเรียนรู้ วันนี้ตนเย็บผ้าเป็น ซ่อมกระดุมเองได้ รีดผ้าก็เป็น อ๊อกเหล็กก็เป็น เพราะโรงเรียนสอนมา เคยตาแฉะด้วยเพราะไม่ใส่แว่น ครูให้ใส่แว่น ลุงก็ไม่ใส่ เลื่อยไม้ก็เป็น แกะสลักก็เป็น บางอย่างพอเป็นแล้วก็ชอบ เราก็ชอบเรื่องวิศวกรรม พ่อแม่ก็อยากให้เป็นวิศวกร แต่เราอยากเป็นทหาร ชะตาชีวิตก็เป็นแบบนี้
"บางอย่างเราฝืนชะตาชีวิตได้ อย่าไปคิดว่าเขากำหนดไว้หมดแล้วทุกอย่างอยู่ที่ตัวเองทั้งสิ้นในการกำหนดอนาคตของตัวเอง
วันนี้อยากเป็นหมอ พยาบาล ทหาร ตำรวจ มันก็เปลี่ยนได้ตลอดปีนี้อาจจะอยากเป็น ปีหน้าอาจจะไม่อยากเป็น ซึ่งทุกคนมีการพัฒนาทางความคิดอยู่เสมอ
และสิ่งที่ผมเป็นห่วงขณะนี้ก็คือเด็กรุ่นหลังต้องคิดให้มันซับซ้อนนิดหนึ่ง จะมาคิด 1+1 เป็น 2 อย่างเดียวไม่พอ 1+1 ผลออกมาอาจจะเป็น 3 4 5 ซึ่งจะต้องคิดเป็นกระบวนการ วิชาที่หายไปเดี๋ยวนี้ คือคิดเลขในใจ เช่น ในรายการโทรทัศน์ที่จีนมีกระบวนการสอนบวกลบคูณหารในครั้งเดียวกัน เราต้องไปหาแบบนี้มา เราต้องดึงความฉลาด เพราะทุกคนไม่รู้หรอกว่า แต่ละคนมีความฉลาดมากแค่ไหน สมองส่วนหนึ่งจะเป็นเรื่องของความจำในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เช่น คนแก่จะถอยกลับมาอดีต อนาคตจะคิดไม่ไปแล้ว คนแก่ๆ จะจำอดีตได้ พอวันนี้ก็ลืมแล้วก็ค่อยๆ ถอยกลับมาเป็นเด็ก
ส่วนสมองอีกซีกจะควบคุมการสั่งการ การเดินนั่ง อะไรก็แล้วแต่ต้องไปดูให้มันลึกซึ้งจะได้รู้จักว่าจะใช้อะไรกับคนเราเอง ไม่ใช่คิดแต่จะบอกพ่อว่าโทรศัพท์ไอโฟนเปลี่ยนรุ่นแล้ว จะขอเงินซื้อหน่อย แต่พ่อก็ไม่มีรายได้ เงินก็ไม่มี พ่อก็ต้องไปกู้เงิน ตามมาด้วยหนี้สิน แล้ววันหน้าลูกจะเรียนหนังสือกันอย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลมีรายได้จำกัดพอสมควร มี 275,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบขาดดุลเพราะตั้งเกินรายได้ที่มี วันนี้รายได้ที่คาดไว้ แล้วที่ต่ำอยู่แล้วยังไม่ได้อีก เพราะรายได้เข้าประเทศไม่มี ราคาน้ำมันก็ตก เราได้ภาษีจากน้ำมันเยอะ เมื่อน้ำมันลดราคาภาษีก็ตก สินค้าการเกษตรที่ส่งออก 70 เปอร์เซ็นต์เป็นวัตถุดิบทั้งสิ้น ราคาตกภาษีก็ตก รายได้ก็ตก มันตกไปหมดทุกอย่าง มีแต่รายจ่ายอย่างเดียว แต่ละกระทรวงก็จะเอา นี่คือปัญหาด้านงบประมาณของประเทศ
"เพราะฉะนั้น ลุงถึงบอกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสอนเรื่องของความมีเหตุมีผล ความพอประมาณและการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีที่จะเดินไปข้างหน้า แล้วจะล้มเราก็ชะลอไว้ก่อนดูว่าแข็งแรงหรือไม่แล้วค่อยเดินต่อ การลงทุนอะไรก็หยุดไว้ก่อน จะเริ่มต้นเล็กๆ ก่อนดีไหม ไม่ใช่ทำอะไรก็เต็มที่ ใหญ่ๆ แล้วก็ล้ม แล้วก็ล้มละลาย นี่คือภูมิคุ้มกันที่ดีภายใต้ความรู้คู่คุณธรรม แบบ"สามห่วงสองเงื่อนไข"
นี่คือหลักการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ครูไปออกข้อสอบแบบนี้หนึ่งข้อเพราะเราจะรู้อะไรต้องรู้ให้ลึกซึ้ง
นายกฯ กล่าวว่า การที่จะคุยกับคนได้จะต้องอ่านหนังสือทุกประเภท แต่เรื่องฉาวโฉ่ไม่ต้องไปศึกษา เราต้องหนังสืออ่านให้รู้ ให้เข้าใจสังคมได้ จะไม่รู้สักเรื่องไม่ได้ เพราะไม่อ่านไม่คิดต่อ จะเอาแต่สอบอย่างเดียว วันหน้าจะอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่แข็งแรงเพียงพอ
"ผมในฐานะที่เป็นศิษย์เก่า สมัยนั้นเป็นเด็กต่างจังหวัด เรียนม.ศ.1-3 แล้วเผอิญว่าเรียนดี เพราะอยู่ต่างจังหวัด ตอนนั้นยังเด็กอยู่ ยังไม่เกเร อายุประมาณ 14 ปี แล้วก็เรียนจบตอนอายุ 15 ปีตามเกณฑ์
แต่ลุงดันเรียนม.ศ.1 ไป 2 ปีเพราะเรียนเร็วเกินไป จะมาสอบเข้าก็ไม่ได้เรียนเพราะขาดไป 11 เดือน ต้องกลับไปเรียนกับแม่ใหม่ แล้วกลับมาสอบใหม่อีกรอบ ซึ่งอาจจะดี แต่ไปสอบเตรียมทหาร โอ้โห! ม.ศ.4-5 มาสอน เรียนไม่ทันเขา เกือบตาย กว่าจะฟื้นได้ก็ขึ้นนักเรียนนายร้อยแล้ว เรียนไป 7 ปีกว่าจะจบ เขาสอนจบมาให้เป็นทหาร ไม่ได้สอนให้เป็นนายกฯ แต่ที่ต้องเป็นเพราะบ้านเมืองเป็นแบบนี้ ลุงไม่ได้ว่าลุงดี ลุงเก่งเราเป็นประเทศประชาธิปไตย แต่เมื่อใดที่ประชาธิปไตยมันเสียหาย มีปัญหาทหารเป็นอย่างเดียวเท่านั้นที่จะพิทักษ์ปกป้องได้ไม่ใช่ไปหวงความรับผิดชอบหรือความรักไว้ มันไม่ใช่
วันนี้ลุงทำงานเยอะมาก ใครที่อยากเป็นนายกฯ ต้องรู้งานทั้ง 19 กระทรวง แล้วมีกี่กิจกรรมที่ต้องรู้เพื่อสั่งงานเขาได้ กำกับติดตามดูแลเขาได้ ลุงเคยสอนเรื่องนี้มาหรือเปล่า เศรษฐศาสตร์ เศรษฐกิจ ความมั่นคง นี่คือสิ่งที่ต้องเรียนรู้ ขอฝากอาจารย์ไว้ด้วย ต้องรู้สถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศ ว่าโลกวันนี้เป็นอย่างไร ความมั่นคงไม่ใช่จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ทหารตำรวจอย่างเดียว ต้องเป็นหน้าที่ของคนทุกคน อย่าขัดแย้งกัน
วันนี้เราทำสองอย่างคือ 1.ทำให้เด็กหรือคนในปัจจุบันอยู่ร่วมกันอย่างสันติ นี่คือหน้าที่ลุง หน้าที่ของทุกคนที่ต้องช่วยกัน ไม่ใช่ให้ลุงปฏิรูปคนเดียวปฏิรูปไม่เสร็จ เลือกตั้งไม่ได้ก็โดนอีก หรือประชามติไม่ผ่านก็โดนอีก ทั้งหมดกลับมาที่ลุงหมดเลย แล้วผมเข้ามาทำไมทำเพื่อใคร ในเมื่อผมไม่ได้อะไรสักอย่าง ไม่ได้ต้องการเป็นวีรบุรุษ ไม่ใช่ดาราเพราะฉะนั้น
สิ่งที่วันนี้อยากได้คือความจริงใจและความเข้าใจจากทุกคน และเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต ขณะเดียวกันในยุทธศาสตร์ชาติ 20ปีอนาคตมีเรื่องการศึกษา เราต้องมีการเตรียมการคนรุ่นใหม่ที่กำลังอยู่ในท้องเพื่อให้อีก 20 ปีข้างหน้าเราได้คนรุ่นใหม่จริงๆ ซึ่งเรียกว่าเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระยะยาว วันนี้กำลังแก้ปัญหาทั้งหมด เพื่อให้เรามีงานทำ มีการศึกษาที่ดีขึ้น"
ภายหลังจากนายกฯ กล่าวให้โอวาทเสร็จ นายกฯก็ได้บันทึกภาพเป็นที่ระลึกร่วมครูและเด็กนักเรียน อย่างเป็นกันเอง พร้อมกับให้เด็กๆ กล่าวคำขวัญวันเด็ก โดยนายกฯ ถามเด็กๆว่า "เด็กดีคืออะไร ไปหามา รู้ไหม เด็กดีคือไม่ทำเลวไง ให้คำขวัญวันเด็กแล้วให้คำขวัญวันครูด้วย อะไรดีล่ะ" เด็กดี ครูดี มีคุณภาพ สู่อนาคต"

ทบ.ซ้อมสวนสนามสาบานธง วันกองทัพบกและกองทัพไทย18มค.นี้ 20กองพัน 3,320 นาย

ทบ.ซ้อมสวนสนามสาบานธง วันกองทัพบกและกองทัพไทย18มค.นี้ 20กองพัน 3,320 นาย ทั้งรถถัง ปืนใหญ่ จรวด ฮ.พรึ่บ!! ที่ร.11รอ.
วันนี้ กองทัพบก ได้ทำการซ้อมใหญ่ พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลของหน่วยทหาร เนื่องในโอกาสวันกองทัพบกและวันกองทัพไทย ที่ ลานอเนกประสงค์ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ หรือ การสวนสนามสาบานธง มีกำลังพลสวนสนาม จำนวน 20 กองพัน รวม 3,320 นาย โดย มี บิ๊กบี้พล.ต.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ เป็นผู้บังคับกองผสม โดยปีนี้มีการสวนสนามยานยนต์ ทางบก และทางอากาศ ด้วย โดยนำอาวุธยุทโธปกรณ์มาจัดแสดง ทั้ง เฮลิคอปเตอร์จรวดหลายลำกล้อง ปืนใหญ่ และ รถถัง รวมทั้ง รถถัง แบบ T84 OPLOT จากยูเครน ด้วย

"บิ๊กตู่ "กราบขอโทษ"บรรดาหมออาวุโส สสส. ยันไม่ต้องการทำลายใคร


"บิ๊กตู่ "กราบขอโทษ"บรรดาหมออาวุโส สสส. ยันไม่ต้องการทำลายใคร แต่ต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจเท่านั้น เตรียมออกคำสั่ง 18 ม.ค.นี้ให้บอร์ด สสส.กลับทำงานได้ตามปกติ ย้ำขอโทษหลายครั้ง วอนอย่ามาทะเลาะกับผมเลย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และหน.คสช.กล่าวตอนหนึ่งในการให้โอวาทแก่คณะผู้บริหารและผู้แทนองค์กรในสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เรื่องบอร์ดสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)ว่า สำหรับเรื่อง สสส.ที่มีการออกคำสั่งพักงานผู้บริหารนั้น "ผมต้องกราบขอโทษจริงๆ ผมไม่ต้องการจะไปทำลายท่าน
แต่วันนี้ ผมอยากสร้างการรับรู้ สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และสนับสนุนให้เดินหน้าเท่านั้นเอง "
โดยในวันที่ 18 ม.ค. จะมีการออกคำสั่งให้ทุกอย่างเดินหน้าได้ เพราะเมื่อไปทบทวนแล้ว บอร์ดไม่ครบ ทำให้ไม่สามารถประชุมได้
"ทำไมไม่บอกตั้งแต่วันนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมจึงออกคำสั่งให้บอร์ดที่เหลือทำงานได้ สามารถอนุมัติได้ รวมถึงแต่งตั้งผู้บริหาร กรรมการต่างๆ ได้ "
ส่วนที่บอกว่าคสช.จะไปครอบครอง สสส.นั้น จะไปแบกไว้ทำไม และบอกว่าจะแต่งตั้งคนนั้นคนนี้ เพื่อผลประโยชน์ เพื่อบริษัทนั้น บริษัทนี้ ใครมาขอ ผมจะเล่นงาน โดยที่ทำทั้งหมดนั้นเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ
“เรื่องนี้ไม่ใช่ผมเป็นคนเริ่ม แต่ก็ต้องเสียเวลากันหน่อย เพื่อทำให้ถูกต้อง พอผลตรวจสอบออกมาแล้ว ไม่มีการทุจริต ซึ่งผมไม่เคยบอกว่ามีทุจริตเลย ในคำสั่งที่เขียนก็ไม่มีคำว่าทุจริต แต่สื่อไปขยายความ เพียงแต่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ให้มีความชัดเจน เมื่อถึงเวลาคัดสรรบุคลากรก็ให้มาคัดสรร ถือเป็นเรื่องของท่าน ผมจะไปเกี่ยวอะไรด้วย ฝากขอโทษด้วย ซึ่งทำให้อย่างอื่นเสียหาย
แต่ที่ผมทำคือการสร้างความไว้ใจให้เกิดขึ้นกับพวกท่านและไม่ต้องการให้โครงการหยุดชะงัก ให้ทำตามวัตถุประสงค์ และตามกฎหมาย” นายกฯ กล่าว
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากไปดูอีกครั้งหนึ่ง ก็เห็นว่ามีการส่งข่าวสารกันไม่ครบถ้วน ซึ่งจริงๆ แล้วเขาอาจไม่กล้าบอกก็ได้ว่าทำได้หรือไม่
ก่อนหน้านี้ บอกว่าทำได้ แต่ต่อมาก็บอกว่าทำไม่ได้ ผมไม่ได้เป็นผู้เข้าไปดึงเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบอร์ด เมื่อเห็นว่าทำไม่ได้ ผมก็จะให้ออกคำสั่งให้ คนทำงานที่เหลืออยู่สามารถทำงานได้
หากไม่พอก็จะแต่งตั้งเพิ่ม มีการคัดสรรอย่างไรก็ให้ว่ากันมา ซึ่งวันจันทร์ 18 ม.ค. นี้จะต้องทำงานได้
ส่วนการอนุมัติแผนงานโครงการก็มีขั้นตอนอยู่แล้ว อะไรที่มีปัญหาหรือเป็นข้อสังเกต เพื่อให้เกิดความชัดเจนก็ขอให้รีบทบทวน เพื่อจะดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง
"เรื่องนี้ผมอยากจะทำความเข้าใจอีกครั้งและฝากขอโทษผู้อาวุโสทั้งหลายด้วย ขอโทษพี่หมอทุกคน ผมไม่ได้ต้องการจะทำลายท่านเลย แต่หวังสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับท่านเพราะที่ผ่านมาไม่ใช่ผม แต่เป็นเรื่องของสังคมที่มีหลายอย่างด้วยกัน ในเมื่อเราอยากให้ทุกอย่างดีขึ้น ทุกคนทำงานอย่างสบายใจจำเป็นต้องเคลียร์ให้เรียบร้อย ซึ่งท่านสามารถเข้าไปใหม่ได้ ผมบอกว่าให้คัดสรรไม่ได้บอกว่าท่านทุจริต แต่บังเอิญคำสั่งนั้นไปรวมอยู่ในกลุ่มเหล่านี้ นี่เป็นเพียงการหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว เพื่อการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ทำตามข้อสังเกต
เพราะหากทุกคนยังอยู่ที่เดิมหมดก็จะขาดความไว้เนื้อเชื่อใจ ท่านอยู่ในระดับบน อย่างน้อยก็ร่วมมือกับเรา และอย่ามาทะเลาะกับผมอยู่เลย มันไม่มีประโยชน์ เพราะอย่างไรก็ต้องเดินตามหลักการที่ถูกต้อง แต่จะทำอย่างไรให้เร็วขึ้น"นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะต้องดูว่า สสส.ปฏิบัติตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ เพราะจากเดิมการปฏิบัติงานไม่ค่อยมีความชัดเจน วันนี้มีการแก้ไข ทบทวน ซึ่งอะไรที่มีผลกระทบต่อประชาชนเราจะดูแลให้
" ขอโทษทุกๆ คนอีกครั้ง และขอให้อย่าตำหนิติเตียนใครเลย "
ส่วนที่นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป บอร์ด สสส.เข้ามาคุยก็นึกว่าเรื่องจะจบ แต่ก็ไม่จบ ซึ่งรัฐบาลจะรับผิดชอบอยู่แล้ว แม้จะล่าช้าไปบ้าง แต่อย่าไปปลุกปั่น ปลุกปั่น ผมไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ได้ขู่ แต่จะพยายามแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด โดยวันที่ 18 ม.ค.จะออกคำสั่งให้บอร์ดที่เหลือสามารถทำงานได้ตามปกติ
เมื่อถามว่า หลังจากที่ออกคำสั่งแล้วจะสามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ตามปกติใบ่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ไปดูงบประมาณว่าจ่ายกันอย่างไร มันจ่ายกันยังไง ก็เดี๋ยวค่อยจ่ายสิ

"ท่านใหม่"เตือน"บิ๊กตู่"ปมตั้งสังฆราช

วันศุกร์ ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559, 16.40 น.
 
 
15 ม.ค. 59 พล.ต.ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือ พระนามลำลองว่า "ท่านใหม่" โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว"Chulcherm Yugala" เกี่ยวกับกรณีที่มหาเถรสมาคม (มส.) มีมติลับพิเศษ ถึงสำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.) เสนอให้สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 โดย พล.ต.ม.จ.จุลเจิม เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พิจารณาตรวจสอบให้ดีก่อนนำมติดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้ง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า
"สมเด็จพระราชาคณะที่ได้รับการเสอชื่อ แบบลับๆ จาก มหาเถรสมาคม (มส.) ว่า สมเด็จพระราชาคณะ รูปนั้น มีความสง่างาม สมกับเป็น "สกลมหาสังฆปริณายก" ประธานการปกครองคณะสงฆ์ หรือไม่........เป็นแบบอย่างจริยวัตรที่พอเพียงให้กับคณะสงฆ์ ทั่วประเทศ มิใช่แค่กลุ่มใด กลุ่มหนึ่ง หรือไม่....... ถูกสังคมพุทธบริษัทวิพากษ์วิจารณ์ ต่อต้านอย่างรุนแรง มีมลทินที่ยุ่งเกี่ยวกับลัทธิอลัชชี ที่ทำลาย สังฆมณฑล หรือไม่...... มัวหมอง ไม่บริสุทธิ์ มีศีลด่างพร้อยหรือไม่ ฯลฯ..... โจทย์ ทั้งหมดนี้ รัฐบาล และ ฯพณฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี จะต้องช่วยกันลดพระราชภาระ จำเป็น จะต้องหาทางคลี่คลาย แก้ปัญหาก่อน มิใช่ว่าจะบ้าจี้นำเรื่องที่มหาเถรสมาคม (มส.) เสมอมาขึ้นถวาย เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย เพื่อปัดภาระให้พ้นๆ ไปจากตัวเอง ต้องตอบโจท์ และทำให้สังคม และพุทธบริษัท ทั้งประเทศได้รับทราบ"
"ถ้า ฯพณฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ไม่หาแนวทางปฏิบัติที่ดี และถูกต้อง นำเรื่องที่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม หรือเป็นเรื่องที่มีความ มีมูลวิพากษ์วิจารณ์ ต่อต้าน เกิดความขัดแย้งไม่สงบ แล้วนำชื่อ สมเด็จพระราชาคณะ ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้รับมติการเสนอชื่อแต่งตั้ง สมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่จากมหาเถรสมาคม นำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย......... ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง จะเป็นตราบาป ที่จะติดตัว ฯพณฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา และวงศ์ตระกูลไปตลอดชีวิต"

กษ.ตั้งจุดรับซื้อยางทั่วปท.เริ่ม25ม.ค.-ใต้แห่ขายยางคึก


ข่าวเศรษฐกิจ วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ.2559 16:20 น.
671950
กระทรวงเกษตรฯ เตรียมตั้งจุดรับซื้อยางพาราทั่วประเทศ 3,000 จุด รายละไม่เกิน 150 กิโลกรัม แก้ปัญหาราคาตกต่ำเริ่ม 25 มกราคมนี้ ขณะที่ สงขลาแห่ขายยาง คึกคัก หลังปรับขึ้นราคา
นายสุรพล จารุพงศ์ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึง ผลการหารือร่วมกับแกนนำชาวสวนยางภาคเหนือและภาคอีสาน หลังเข้ารับฟังแนวนโยบายการรับซื้อยางพาราของรัฐบาล ว่า ทางกระทรวงเกษตรฯ จะร่วมกับองค์การคลังสินค้า หรือ อคส. จัดตั้งจุดรับซื้อยางพาราปริมาณ 100,000 ตัน จากเกษตรกรรายย่อยโดยตรง ในพื้นที่ภาคใต้จำนวน 2,000 แห่ง ภาคเหนือ และภาคอีสานอีกจำนวน 1,000 แห่ง โดยจะรับซื้อรายละไม่เกิน 150 กิโลกรัม ซึ่งจะเริ่มเปิดให้รับซื้อตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม นี้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรที่มีรายได้นอกเหนือจากยางพารา ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีมาตรการผ่านทั้ง 15 โครงการ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรรองรับปัญหาดังกล่าวแล้ว

เกษตรกรยอมรับรัฐซื้อยางราคา45บ./กก.
นายสาย อิ่นคำ คณะกรรมการบอร์ดการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เกษตรกรจำใจยอมรับราคาที่รัฐบาลกำหนดให้ราคาการซื้อยางพาราแผ่นดิบชั้น 3 ที่ราคา 45 บาท แต่เข้าใจถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังถดถอยและเข้าใจถึงภาวะการรับซื้อของภาครัฐบาลว่า หากรับซื้อในขณะนี้และไม่สามารถระบายออกได้ก็จะทำให้เกิดผลกระทบในระยะยาว แต่สิ่งที่อยากฝากให้รัฐบาลแก้ไข คือ การเข้าไปดูแลเรื่องสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่มีแนวโน้มลดลง เช่น ราคาปลากระป๋องและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เป็นอาหารหลักของเกษตรกร และหากเศรษฐกิจดีขึ้นก็อยากให้ภาครัฐบาลเพิ่มสัดส่วนการรับซื้อยางพาราเพื่อใช้ในประเทศ เป็นร้อยละ 40 จากปัจจุบันอยู่ร้อยละ 14 ของปริมาณการผลิตรวมทั้งปี เพราะเชื่อว่าตลาดโลกยังต้องการยางธรรมชาติในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม
ขณะที่ปริมาณยางพาราภาคเหนือและภาคอีสานขณะนี้มีอยู่ประมาณร้อยละ 80 ที่สามารถจำหน่ายให้รัฐบาลได้ในโครงการนี้ จึงอยากเสนอให้รัฐบาลเปิดรับซื้อในภาคเหนือและภาคอีสานก่อนวันที่ 25 มกราคม เนื่องด้วยสภาพอากาศของพื้นที่ปลูกยางภาคเหนือและภาคอีสาน ส่งผลต่อการกรีดยางของเกษตรกรที่สามารถกรีดยางและน่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดเพียงในช่วงวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้เท่านั้น

สงขลาแห่ขายยางคึกคักหลังปรับขึ้นราคา
สถานการณ์ราคายางพารา ยังคงมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเล็กน้อย หลังรัฐบาลประกาศช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง โดยที่สำนักงานตลาดกลางยางพาราจังหวัดสงขลา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ราคายางพาราวันนี้ได้มีการขยับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยทั้งยางแผ่นดิบ ยางแผ่นร่มควัน และน้ำยางสด สูงขึ้นกว่าเมื่อวานนี้ โดยราคายางแผ่นดิบขยับขึ้นจากเดิม 36.05 บาท เป็น 37.05 บาท ราคายางแผ่นรมควันจากเดิม 39.39 บาท ขยับขึ้นเป็น 41.15 บาท น้ำยางสดจากเดิม 33.50 บาท ขยับขึ้นเป็น 34.00 บาท ซึ่งบรรยากาศการรับซื้อยางที่สำนักงานตลาดกลางยางพาราจังหวัดสงขลา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เริ่มคึกคักตั้งแต่เช้ามีเกษตรกรชาวสวนยางทยอยนำยางแผ่นบรรทุกรถยนต์มาเทขายกันจำนวนมาก เนื่องจากเกษตรกรเริ่มมีกำลังใจ หลังราคายางพาราปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สวนยางพาราส่วนใหญ่ทางภาคใต้เริ่มผลัดใบทำให้มีผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยกว่าปกติ ทั้งนี้ ยังมีเกษตรกรชาวสวนยางบางส่วนที่ยังไม่พอใจในราคาที่ขยับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย จึงไม่ยอมนำยางพาราออกมาขายในตอนนี้  และรอให้มีการปรับราคายางสูงขึ้นกว่านี้ถึงจะนำผลผลิตออกมาขาย

คสช.พร้อมสนับสนุนมาตรการช่วยเหลือสวนยาง
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลมีมติที่จะช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรชาวสวนยางนั้น ในส่วนแรก คสช. โดยหน่วยในพื้นที่ได้เริ่มเตรียมความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนในทุกรูปแบบ เพื่อให้กระบวนการรับซื้อเป็นไปตามวัตถุประสงค์ตรงตามเจตนารมณ์ และประโยชน์ต้องตรงไปที่เกษตรกรชาวสวนยางโดยตรงเป็นหลัก
ทั้งนี้ สำหรับการสนับสนุนการนำยางพารามาใช้ในกิจการ เพื่อเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศตามนโยบายรัฐบาลนั้น  ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้หน่วยงานในกองทัพบก พิจารณานำยางพารามาใช้ผลิตสิ่งอุปกรณ์ประเภทต่าง ๆ โดยเร็วที่สุด พร้อมให้พิจารณาปรับเปลี่ยนสิ่งอุปกรณ์เครื่องใช้ที่มีอยู่ ให้มีส่วนประกอบที่ใช้วัตถุดิบพื้นฐานมาจากยางพาราก่อนวัตถุดิบประเภทอื่น โดยล่าสุดในส่วนการใช้ยางพาราในหน่วยงานของกองทัพบก มีแนวทางเบื้องต้นว่า จะเพิ่มการใช้ยางพารากับผลิตภัณฑ์ สิ่งอุปกรณ์ทางทหาร เครื่องช่วยฝึก รถยนต์ทหาร  อุปกรณ์ทางการแพทย์ในโรงพยาบาลกองทัพบก โดยนำไปดำเนินการได้ในหลายลักษณะ อาทิ ใช้ยางพาราเป็นส่วนผสมในงานก่อสร้างซ่อมแซมถนนและเป็นวัสดุสำหรับงานฉนวนกันซึมในงานก่อสร้างของทหารช่าง, ใช้ยางพาราในการผลิต สิ่งอุปกรณ์ทางทหาร เช่น ที่นอนทหาร ที่นอนผู้ป่วยในโรงพยาบาลทหาร  หมอน รองเท้าผ้าใบ รองเท้าทรงสูงครึ่งน่อง (รองเท้าฝึก) ถุงมือยาง ผลิตยางรถยนต์ทหาร เป็นต้น ซึ่งกองทัพบกกำลังเร่งดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนยาง ให้คลี่คลายตามแนวทางที่รัฐบาลและ คสช. กำหนดไว้

Anonymous ปล่อยฐานข้อมูลที่แฮกจากเว็บศาลไทย



15 ม.ค. 2559 เว็บข่าวไอที Sofepedia รายงานว่า หลังกลุ่มแฮกเกอร์ Anonymous ประกาศปฏิบัติการ #BoycottThailand เพื่อประท้วงคำพิพากษาคดีเกาะเต่า และมีการถล่มเว็บไซต์ศาลไทยหลายแห่งด้วยการโจมตี DDos เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่ม Blink Hacker Group หนึ่งในกลุ่ม Anonymous ได้ปล่อยฐานข้อมูลขนาด 1.09 กิกะไบต์ โดยระบุว่าข้อมูลนี้ได้จากการแฮกเว็บศาลฎีกาของไทยเมื่อวันก่อน โดยเป็นข้อมูลเกี่ยวกับระบบการจัดการภายใน เช่น เงินเดือน เงินบำนาญ งบประมาณและการวางแผน และระบบคดีอาชญากรรม

สตช.เล็งทบทวนใช้ "ซิงเกิลเกตเวย์" หลังถูกแฮกเว็บบ่อย
วันเดียวกัน มติชนออนไลน์ รายงานว่า พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยอมรับ ทราบตัวแฮกเกอร์ที่แฮกเว็บไซต์ของศาลยุติธรรมแล้ว ซึ่งพบว่า เป็นกลุ่มที่มีการกระทำผิดจากต่างประเทศ โดยตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. อยู่ระหว่างรอสำนักงานศาลยุติธรรม เข้าแจ้งความร้องทุกข์ พร้อมเชื่อว่า เจตนาของกลุ่มแฮกเกอร์ ต้องการแสดงตัวและประกาศศักดาในโลกไซเบอร์ โดยอาศัยคดีเกาะเต่าสร้างชื่อเสียง แต่ยังไม่ยืนยันว่า กลุ่มแฮกเกอร์ดังกล่าว เป็นกลุ่มสัญชาติเมียนมาหรือไม่
ส่วนมาตรการป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำกับหน่วยงานราชการเป็นครั้งที่ 3 ตำรวจ ปอท. และหน่วยงานด้านความมั่นคง ก็มีการทบทวนและให้ความรู้ผู้ปฏิบัติเกี่ยวกับวิธีการแฮกเกอร์ และวิธีการโจมตี พร้อมยอมรับว่า อาจมีความจำเป็นต้องทบทวนแนวคิดการนำระบบซิงเกิลเกตเวย์มาใช้เพื่อความมั่นคง

ศาลสืบพยานครั้งแรกคดีข้าวร้อนแรง! งัดคลิปสัมภาษณ์‘ปู’มัดเซ็น MOU จีน

15มกราคม 2559
“…ช่วงซักถามนายนพดล และนายนิพนธ์ เป็นไปอย่างร้อนแรง เนื่องจากทนายฝ่ายจำเลยมักถามคำถามซ้ำ ๆ เดิม ๆ ทำนองว่า โครงการประกันราคาข้าวแตกต่างจากโครงการรับจำนำข้าวอย่างไร ข้อดีข้อเสียอย่างไร ทำให้ทั้งคู่ต้องชี้แจงกลับไปทำนองว่า เคยตอบ และอธิบายคำถามดังกล่าวไปหมดแล้ว…”
PIC puuuu 15 1 59 1 
เริ่มต้นการไต่สวนพยานในคดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ท่ามกลางมวลชนจำนวนไม่น้อยที่มากันตั้งแต่เช้าเพื่อให้กำลังใจ ‘อดีตนายกฯ ปู’ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 กองร้อยคอยรักษาความสงบอย่างเข้มงวด
สำหรับวันนี้เป็นการนัดไต่สวนพยาน ‘ฝ่ายโจทก์’ จำนวน 4 ปาก ได้แก่ นายนพดล ทิพยวาน บรรณาธิการข่าวการเมืองและความมั่นคง สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 โดยจะสอบถามเรื่องข่าวที่ได้รวบรวมเนื้อหาในโครงการรับจำนำข้าว นายนิพนธ์ พัวพงศกร อดีตประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เปิดประเด็นโครงการรับจำนำข้าวตั้งแต่เริ่มต้น โดยมีคำถามทั้งหมดกว่า 160 คำถาม
นายประจักษ์ บุญยัง รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นำสืบประเด็นการทำหนังสือเตือนรัฐบาล และการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวว่ามีข้อบกพร่องหรือไม่ และนายจิรชัย มูลทองโร่ย รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นำสืบเรื่องความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว
เห็นภาพบรรยากาศนอกศาลไปแล้ว บรรยากาศในศาลเป็นอย่างไร สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รวบรวมไว้ ดังนี้
การนำสืบพยานปากแรกเริ่มต้นที่นายนพดล โดยให้การยอมรับว่า ไม่เคยไปให้การในชั้นไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก่อนหน้านี้ และมีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวเป็นไปตามที่จำเลยให้การสัมภาษณ์ เช่น จำเลยให้ข่าวยอมรับว่ามีการเซ็นสัญญา MOU (ความร่วมมือ) กับบริษัทค้าข้าวกับประเทศจีนแล้ว โดยมีการเบิกพยานหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอด้วย
อย่างไรก็ดีประเด็นนี้ทนายฝ่ายจำเลยซักค้านว่า ทำไมเนื้อหาของข่าวกับพาดหัวข่าวไม่ตรงกัน อย่างไรก็ดีนายนพดล ยังยืนยันว่า นำเสนอข่าวเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวเป็นไปตามที่จำเลยให้สัมภาษณ์ทั้งหมด 
ทั้งนี้สำหรับคลิปวีดีโอดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2555 และฝ่าย อสส. นำมาใช้เป็นพยานหลักฐานในกรณีนี้ด้วย โดยนักข่าวถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า เคยเห็นสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจีหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบว่า “เคยเห็นค่ะ เป็น MOU” จากนั้นนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ที่ยืนอยู่ด้านหลังชี้แจงเพิ่มเติมว่า “เป็น Sale Contract ครับ ไม่ใช่ MOU” 
ต่อมานายนิพนธ์ เป็นพยานปากที่สอง ให้การโดยเปรียบเทียบความแตกต่างในผลวิจัยของนโยบายประกันราคาข้าว กับนโยบายจำนำข้าว พร้อมกับเพิ่มพยานหลักฐานเป็นเอกสาร และซีดี ที่เป็นข้อมูลดิบการวิจัยประกอบการให้ปากคำด้วยโดยยอมรับว่า นโยบายประกันราคาข้าว และจำนำข้าว เป็นนโยบายที่มีมานานกว่า 30 ปีแล้ว และโครงการประกันราคาข้าวสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถูกนำมาใช้ครั้งแรก ซึ่งรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไม่ได้ทำตามข้อเสนอทั้งหมด
ส่วนนโยบายจำนำข้าวเป็นการรับจำนำในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด ยกเว้นเมื่อมาถึงรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลของจำเลย ได้เปลี่ยนแปลงเงื่อนไข ให้มีการรับจำนำข้าวที่สูงกว่าท้องตลาด ซึ่งในทางเศรษฐศาสตร์ ถือว่าเป็นการประกันราคาข้าว ไม่ใช่การจำนำข้าว ดังนั้นโครงการดังกล่าวจึงเป็นการทำให้เกษตรกรมีฐานะร่ำรวย ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด
นายนิพนธ์ ยอมรับด้วยว่า TDRI ทำวิจัยเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว ก่อนที่ ป.ป.ช. จะไต่สวน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีนี้ ซึ่งงานวิจัยดังกล่าวเป็นการว่าจ้างของ ป.ป.ช. และถือเป็นลิขสิทธิ์ของ ป.ป.ช. โดยสามารถปรับแก้คำนำได้ แต่ไม่สามารถปรับแก้ในเนื้อหาที่มีการศึกษาวิจัยมาแล้วได้
ด้านพยานฝ่ายจำเลยซักค้านนายนิพนธ์ถึงความเหมาะสมในการทำหน้าที่นักวิจัย นายนิพนธ์ ยืนยันว่า ทำหน้าที่อย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่เคยเลือกปฏิบัติ 
อย่างไรก็ดีในช่วงซักถามนายนพดล และนายนิพนธ์ เป็นไปอย่างร้อนแรง เนื่องจากทนายฝ่ายจำเลยมักถามคำถามซ้ำ ๆ เดิม ๆ ทำนองว่า โครงการประกันราคาข้าวแตกต่างจากโครงการรับจำนำข้าวอย่างไร ข้อดีข้อเสียอย่างไร ทำให้ทั้งคู่ต้องชี้แจงกลับไปทำนองว่า เคยตอบ และอธิบายคำถามดังกล่าวไปหมดแล้ว 
เมื่อนายนิพนธ์เข้าให้ปากคำในฐานะพยานเสร็จสิ้น ศาลจึงมีคำสั่งให้พักการไต่สวนไว้ชั่วคราวเพื่อรับประทานอาหารในเวลาประมาณ 12.00 น. โดยในช่วงแรกถามคำถามไปแล้วประมาณ 30 คำถาม ยังเหลือคำถามอีกประมาณ 130 คำถาม
อย่างไรก็ดีคำถามวันนี้ ยังไม่มีประเด็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีพฤติการณ์ไม่ระงับความเสียหายโครงการรับจำนำข้าวแต่อย่างใด
ทั้งนี้มีรายงานข่าวแจ้งว่า พยานที่เหลืออีก 2 ปาก ได้แก่นายประจักษ์ และนายจิรชัย อาจจะเลื่อนการให้ปากคำในวันนี้ออกไปก่อนเนื่องจากติดภารกิจราชการในช่วงเวลาบ่าย ทำให้คาดว่าในวันนี้ศาลจะไต่สวนพยานได้แค่ 2 ปากเท่านั้น
ทั้งนี้ระหว่างพักรับประทานอาหาร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมยืนยันจะต่อสู้คดี โดยนำข้อมูลที่พยานฝ่ายโจทก์ชี้แจงไปเตรียมข้อมูลโต้แย้งเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อตัวเองอีกด้วย
สำหรับพยานฝ่ายโจทก์ที่น่าสนใจและต้องจับตามองคือ นพ.วรงค์ เดชวิกรม อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ผู้เปิดโปงพฤติการณ์ทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดที่แล้ว รวมถึงข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ และข้าราชการเกี่ยวกับการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวในกระทรวงการคลัง ที่ยังไม่ได้ถึงวันนัดสืบพยาน
ทั้งหมดคือความเคลื่อนไหว-บรรยากาศที่ศาลฎีกาฯ ในวันนัดไต่สวนพยานครั้งแรกในคดีโครงการรับจำนำข้าว และยังเหลืออีก 19 นัด โดยนัดต่อไปเป็นช่วงปลายเดือน ม.ค. นี้ ถัดจากนั้นแบ่งเป็นเดือนละ 2 นัด ลากยาวไปสิ้นสุดช่วงปลายปี 2559
ท้ายสุดคดีนี้จะมีบทสรุปเช่นไร ปลายปีนี้รู้ผล !

สตช.เล็งทบทวนนำ′ซิงเกิลเกตเวย์′มาใช้ หลังถูกแฮกเว็บไซต์บ่อย



วันนี้ (15 มกราคม) พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยอมรับ ทราบตัวแฮกเกอร์ที่แฮกเว็บไซต์ของศาลยุติธรรมแล้ว ซึ่งพบว่า เป็นกลุ่มที่มีการกระทำผิดจากต่างประเทศ โดยตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. อยู่ระหว่างรอสำนักงานศาลยุติธรรม เข้าแจ้งความร้องทุกข์ พร้อมเชื่อว่า เจตนาของกลุ่มแฮกเกอร์ ต้องการแสดงตัวและประกาศศักดาในโลกไซเบอร์ โดยอาศัยคดีเกาะเต่าสร้างชื่อเสียง แต่ยังไม่ยืนยันว่า กลุ่มแฮกเกอร์ดังกล่าว เป็นกลุ่มสัญชาติเมียนมาหรือไม่

ส่วนมาตรการป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำกับหน่วยงานราชการเป็นครั้งที่ 3 ตำรวจ ปอท. และหน่วยงานด้านความมั่นคง ก็มีการทบทวนและให้ความรู้ผู้ปฏิบัติเกี่ยวกับวิธีการแฮกเกอร์ และวิธีการโจมตี พร้อมยอมรับว่า อาจมีความจำเป็นต้องทบทวนแนวคิดการนำระบบซิงเกิลเกตเวย์มาใช้เพื่อความมั่นคง

สงครามชิงน้ำจืดทั่วโลก สงครามครั้งใหม่ของมวลมนุษยชาติ


แผนภาพแนวโน้มการขาดแคลนน้ำจืด
ในระหว่างที่หาข้อมูลเกี่ยวกับน้ำสะอาด และการปนเปื้อนของสารพิษและเชื้อโรคในน้ำดื่ม ผมก็ได้พบอินโฟกราฟิกชิ้นหนึ่ง ที่เป็นข้อมูลการทำนายว่าในอนาคตมีแน้วโน้มที่จะมีปัญหาการขาดแคลนน้ำสะอาดจนถึงขั้นมีการแย่งน้ำเกิดขึ้น และไม่แน่ว่าอาจจะเกิดเป็นสงครามเพื่อแย่งน้ำจืด
ปัญหาการขาดแคลนน้ำจืด: น้ำจืดที่เราดื่มทุกวันนี้ก็เหมือนกับน้ำจืดเมื่อร้อยล้านปีก่อน ตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ จนถึงวันนี้ปริมาณน้ำจืดในโลกใบนี้มีปริมาณคงที่ แต่ประชากรโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งหมายความว่าในทุกๆปี เราจำเป็นต้องมีภาระและกระบวนการทำให้น้ำสะอาดมากขึ้น เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ อย่างไรก็ตามปัญหาการขาดแคลนน้ำยังคงเป็นเรื่องนามธรรมสำหรับคนส่วนใหญ่
น้ำจืดมีปริมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับสัดส่วนของปริมาณน้ำทั้งหมดในโลกใบนี้ ในขณะที่เกือบ 70% ของพื้นที่โลกถูกปกคลุมไปด้วยน้ำ เพืยง 2.5% เท่านั้นที่เป็นน้ำจืด ที่เหลืิอเป็นน้ำกร่อยและน้ำทะเล และเพียง 1% ของน้ำจืดนั้นที่นำมาใช้ประโยชน์ดื่มกินได้เลย นอกนั้นเป็นหิมะและธารน้ำแข็ง ข้อสรุปก็คือ มีเพียง 0.007 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณน้ำจืดในโลกนี้ ที่ประชากรโลก 6.8 พันล้านคนสามารถนำมาใช้อุปโภคบริโภคได้
น้ำจืด ประเทศไทย
น้ำจืด ประเทศไทย
สำหรับประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน คือ พม่า ลาว กัมพูชา นั้นมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำจืดเช่นกัน ดังที่เราได้ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ปริมาณในแม่น้ำโขงลดลงไปอย่างมากนับแต่มีการสร้างเขื่อนพลังงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ในประเทศจีน อีกประการหนึ่งคือ น้ำจืดตามภูมิประเทศทางธรรมชาติจะไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ แม่น้ำโขงก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราดูจากแผนที่จะเห็นได้ว่า หากในประเทศจีนมีการขาดแคลนน้ำจืดเกิดขึ้น ก็อาจจะมีการสร้างเขื่อนเพื่อกักเก็บน้ำจืดไว้อีกเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนในประเทศของตน ซึ่งจะส่งผลต่อ พม่า และลาวทันที และหากพม่าและลาวจัดการแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำอีกโดยการสร้างเขื่อน ปัญหาก็จะส่งผลถึงไทย และกัมพูชาทันที เป็นลูกโซ่ต่อเนื่องกันไป อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าดูจากรูปการณ์แบบนี้แล้ว ประเทศไทยคงต้องหาวิธีป้องกันการขาดน้ำจืดในประเทศเราโดยการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำฝนจากธรรมชาติให้มากที่สุดเป็นหลัก โดยลดการพึ่งพาการใช้ประโยชน์จากสายแม่น้ำที่มีต้นธารไหลมาจากตอนบนของทวีป อย่างไรก็ตาม ไทยอินโฟเน็ตไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำ เพียงแต่นำข้อมูลที่อ่านพบเจอมาบอกเล่า คงต้องฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อและผู้เชี่ยวชาญได้นำไปพิจรณาหาทางป้องกันแก้ไขกันต่อไป