PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

อนุก.ต.เอกฉันต์ผ่านคุณสมบัติ “ชีพ จุลมนต์” ชงที่ประชุมก.ต. 11 ก.ค.

อนุก.ต.เอกฉันต์ผ่านคุณสมบัติ “ชีพ จุลมนต์” ชงที่ประชุมก.ต. 11 ก.ค.

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม อนุ ก.ต.วันนี้ที่มีวาระการพิจารณาการกลั่นกรองคุณสมบัติ บัญชีรายชื่อที่สำนักงานศาลยุติธรรม เสนอ นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกาคนที่ 1 ขึ้นดำรงตำเเหน่งประธานศาลฎีกาคนที่44ต่อจากนายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกาที่จะพ้นวาระในวันที่ 30กันยายน

รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมอนุ ก.ต.ที่มีการประชุมตั้งเเต่ 09.30น.-12.00น.มีมติเห็นชอบเอกฉันต์ผ่านคุณสมบัติ นายชีพ

ขั้นตอนหลังจากนี้ สำนักงานศาลยุติธรรมจะนำมติเห็นชอบพร้อมรายงานการประชุมของอนุ ก.ต.เสนอในที่ประชุม ก.ต. วันที่ 11 กรกฎาคม ที่มีวาระเห็นชอบพิจารณาบุคคลขึ้นดำรงตำเเหน่งประธานศาลฎีกาคนต่อไป

ก้าวต่อไปประดาบก็เลือดเดือด

ก้าวต่อไปประดาบก็เลือดเดือด

ปลาไม่กินเหยื่อ ตกเบ็ดเสียเวลาเปล่า

ขึ้นต้นอย่างนี้ก็เพราะว่าการเมืองเรื่องเลือกตั้งกำลังเข้มข้นขึ้นตามลำดับ หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯปล่อยลีลามาก่อนหน้านี้ว่า แล้วการเมืองข้างหน้าขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในอนาคต

พูดอย่างนี้ภาษาการเมืองก็ต้องบอกว่าพลิกได้สองหน้า คือเล่นต่อก็ได้ ไม่เล่นต่อก็ได้ ตีความได้ทั้ง 2 อย่าง

แต่นักการเมืองนั้นเห็นคำตอบอย่างนี้ย่อมรู้เท่ารู้ทันว่าคิดอะไรอยู่

ประเด็นสำคัญก็คือตีความกันแล้วว่าเล่นต่อแน่ เพียงแต่จะใช้รูปแบบไหนเท่านั้น เมื่อคิดจะเล่นก็ต้องโยนคำถามใส่ เริ่มจากให้ตอบมาตรงๆเลยว่า จะเล่นหรือไม่เล่น เอาให้ชัดเจนกันไปเลย

หรือหากคิดจะเล่นต่อก็ให้มันสง่างามไปเลย คือการลงสมัครเลือกตั้ง จะไปสังกัดพรรคไหนหรือจะตั้งพรรคทหารก็ได้

นั่นเป็นกระแสที่นักการเมืองส่งเสียงกันแบบแผ่นเสียงตกร่อง

ทั้งๆที่รู้ดีแล้วว่าไม่มีทางเดินเส้นทางนี้แน่ อีกทั้งการที่ไม่ได้ลาออกก่อน 90 วัน หลังจากรัฐธรรมนูญได้ประกาศใช้ไม่ว่าจะเป็น สนช.-สปท.-ครม.-คสช.

ไม่สามารถจะลงสมัครเลือกตั้งได้ ซึ่งก็เลยเวลาไปแล้ว จึงเป็นอันว่าไม่ต้องถามว่านายกฯจะลงสมัครเลือกตั้งหรือไม่

เห็นถามกันมากๆนายกฯก็เลยบอกว่าไม่ต้องมาถามเรื่องนี้แล้ว

ทำไม พล.อ.ประยุทธ์ไม่เลือกทางนี้ ก็เพราะไม่ต้องการตกเป็นเหยื่อให้นักการเมืองรุมกินโต๊ะเมื่อกระโดดลงไปร่วมเวทีกับพวกเขา ซึ่งมีความชำนาญและเป็นเจ้าสนามตัวจริง

ดีไม่ดีอาจเสียผู้เสียคนตกเวทีการเมืองตั้งแต่เริ่มต้น

อีกทั้งการที่จะต้องลาออกก่อนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เพื่อลงเลือกตั้งนั้น ก็หมายความว่าจะต้องเปลี่ยนตัวนายกฯ เปลี่ยนตัวหัวหน้า คสช. จะให้ใครบริหารจัดการแทนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ การเลือกตั้งก็ไม่ใช่วันนี้วันพรุ่ง อย่างน้อยก็ปีกว่าๆ

และยังไม่แน่ด้วยว่าจะเลือกตั้งเมื่อใดและจะมีหรือไม่?

การจะหาใครมาแทนแม้จะเป็นการชั่วคราวก็ตาม เพราะภารกิจในฐานะนายกฯและหัวหน้า คสช.นั้น ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการเมืองในปัจจุบัน หากผิดพลาดกระบวนท่าขึ้นมาก็จบกันเลย ลงหลังเสือถูกเสือกัดแน่

งานในภาระของนายกฯก็มีเรื่องสำคัญๆอีกเยอะที่จะต้องใช้ศักยภาพเฉพาะตัวมากพอสมควร ขนาดว่าตัว พล.อ.ประยุทธ์เองซึ่งมีประชาชนสนับสนุนไม่น้อยก็ยังเหนื่อยแทบขาดใจ

เพลงยุทธ์และลีลาอย่างที่ปรากฏให้เห็นมาแล้วนั้น ก็เป็นเรื่องเฉพาะตัว สามารถรับคลื่นแรงต่อต้านทั้งจากนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม และประดากลุ่มคนที่ยึดธงประชาธิปไตยเป็นที่ตั้ง

หากจะเล่นต่อไปก็มีหนทางที่วางเป็นสะพานให้เดินได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดให้ “คนนอก” สามารถเป็นนายกฯ และให้มี ส.ว.ที่ คสช.แต่งตั้ง 250 คน เป็นเสียงสนับสนุนชัดเจนอยู่แล้ว

พียงแต่หาพรรคการเมืองและนักการเมืองมาสนับสนุนให้ได้เสียงข้างมากเกินครึ่งหนึ่งจาก 250 คน ก็เรียบร้อย

ถามว่าพรรคการเมืองและนักการเมืองต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์เดินหน้าต่อหลังเลือกตั้งหรือไม่
ร้อยคำตอบก็คงได้ว่าไม่ต้องการแน่ เพราะถือว่าเป็นคู่แข่งที่ประมือได้ยากลำบากกว่านักการเมืองร่วมเวทีเดียวกัน

ดังนั้น ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะตัดสินใจเดินหน้าต่อไปด้วยวิธีการไหนก็ตาม จะต้องถูกต่อต้านด้วยวิธีการต่างๆ

ไม่ว่าจะในรูปแบบหรือไร้รูปแบบก็ตาม...

“สายล่อฟ้า”

โปรโมชั่น 6 เดือน

โปรโมชั่น 6 เดือน

เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการประกาศใช้ พ.ร.ก. แรงงานต่างด้าวฉบับใหม่ ไม่ให้เกิดโกลาหลวุ่นวายบานปลายใหญ่โต

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงตัดสินใจใช้อำนาจ หน.คสช. ออกคำสั่ง ม.44 ให้ชะลอหรือเลื่อนการบังคับใช้ พ.ร.ก.แรงงานต่างด้าว เฉพาะ 4 มาตราสำคัญไปอีก 180 วัน หรือ 6 เดือน

เพื่อเปิดโอกาสให้นายจ้างชาวไทย และลูกจ้างแรงงานต่างด้าว มีเวลาแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายให้เป็นแรงงานถูกกฎหมาย ภายในช่วง โปรโมชั่น 180 วัน

และเพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่รัฐฉวยโอกาสใช้ พ.ร.ก.ฉบับนี้ไปไล่บี้รีดไถตบทรัพย์นายจ้าง และแรงงานต่างด้าวตามอำเภอใจ

“แม่ลูกจันทร์” สรุปย่อๆว่า คำสั่ง ม.44 ให้ชะลอหรือเลื่อนการบังคับใช้ พ.ร.ก.แรงงานต่างด้าว เฉพาะมาตรา 101 มาตรา 102 มาตรา 119 และมาตรา 122 ออกไปอีก 180 วัน

เช่น กรณีนายจ้างรับแรงงานต่าง-ด้าวทำงานในอาชีพที่สงวนไว้สำหรับคนไทย ต้องโดนโทษปรับสี่แสนบาทถึง แปดแสนบาทต่อลูกจ้างต่างด้าว 1 คน

หรือกรณีนายจ้างรับคนต่างด้าวเข้าทำงาน โดยไม่มีหนังสือแจ้งให้นายทะเบียนรับทราบ ต้องโดนโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาท ถึงหนึ่งแสนบาท ต่อลูกจ้างต่างด้าว 1 คน

หรือกรณีนายจ้างยินยอมรับคนต่างด้าวซึ่งไม่มีใบอนุญาตทำงาน ให้เข้าทำงาน ต้องโดนโทษปรับเต็มพิกัด สี่แสนบาท ถึงแปดแสนบาทต่อลูกจ้างต่างด้าว 1 คน

โทษปรับแรงและแพงขนาดนี้ ...ไม่ช็อกก็ใจเย็น

“แม่ลูกจันทร์” ย้ำอีกครั้งว่าเห็นด้วยที่รัฐบาลใช้ พ.ร.ก.ฉบับนี้ เป็นเครื่อง มือจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวให้เข้ารูปเข้ารอย เพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ปัญหาแรงงานเถื่อน ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมไม่เละตุ้มเป๊ะอย่างที่ผ่านมา

แต่ปัญหาเกิดจากรัฐบาลเองที่เร่งรีบประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉบับนี้ปุบปับเกิน ไปจนทำให้นายจ้างและลูกจ้าง ไม่มีเวลาเตรียมดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ อย่างพอเพียง

เพราะการทำแรงงานผิดกฎหมายให้เป็นแรงงานถูกกฎหมายต้องใช้เวลา และต้องใช้เงินลงทุน

เริ่มจากต้องปล่อยแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้ลงทะเบียนกว่า 1 ล้านคน กลับบ้านใครบ้านมันไปขอหนังสือเดินทาง หรือเอกสารรับรองจากประเทศต้นทาง ก่อนจะเดินทางกลับเข้ามาในเมืองไทย
ต้องผ่านการพิสูจน์สัญชาติ ต้องได้รับใบอนุญาตทำงาน ต้องมีนายจ้างรับรอง ระบุสถานที่ทำงาน และประเภทงานรับจ้างอย่างชัดเจน ฯลฯ

การดำเนินการจดทะเบียนแรง-งานต่างด้าวให้ครบตามขั้นตอนจะต้องใช้เวลาอย่างตํ่าๆ 2 เดือน หรือ 3 เดือน

ต้องใช้ค่าเดินทาง ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมอีก 2 หมื่นบาทต่อคน

เป็นภาระที่นายจ้างต้องควักกระเป๋าลงทุน

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆ ร้านก๋วยเตี๋ยว 1 ร้าน มีลูกจ้างแรงงานต่างด้าวทำงาน 5 คน เจ้าของร้านต้องปล่อยให้ ลูกจ้างทยอยกลับคนละ 2 เดือน

ร้านก๋วยเตี๋ยว 1 ร้าน มีลูกจ้างแรง-งานต่างด้าว 5 คน ต้องควักกระเป๋าลงทุน 1 แสนบาทขาดตัว

ปัญหาคือ อุตส่าห์ลงทุนไปแล้ว แต่ลูกจ้างหายหัวไปเลย หรือกลับมาเมืองไทย แต่ดันย้ายไปทำงานที่อื่น...

จะทำอย่างไร??

จะต้องทำอย่างไร??...ก็เสียเงินฟรีน่ะซีโยม.

“แม่ลูกจันทร์”

โฟกัสจุดอันตรายก่อน

โฟกัสจุดอันตรายก่อน

ปัญหาใหญ่ระดับเอเชีย ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย

ข่าวต่างประเทศรายงาน ผลการสำรวจความมั่นใจของภาคธุรกิจญี่ปุ่นที่มีต่อเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นแสดงให้เห็นว่า การขาดแคลนแรงงานอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 25 ปี 

ส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง

ญี่ปุ่นถึงขั้นเตรียมแผนใช้หุ่นยนต์แทนแรงงานมนุษย์

ในจังหวะที่รัฐบาลทหารของไทยต้องใช้มาตรา 44 เพื่อยืดการบังคับใช้ พ.ร.ก. ต่างด้าวบางมาตราออกไปอีก 180 วัน ตามเสียงเรียกร้องของภาคธุรกิจที่เกิดปัญหา ขาดแคลนแรงงาน

สะท้อนอาการลักลั่นในการแก้ปัญหา ชักเข้าชักออก

ที่แน่ๆตามรูปการณ์ที่ล้อกับภาวะการขาดแคลนแรงงานของประเทศญี่ปุ่น มันก็เป็นตัวอย่างตรงหน้า ถ้าประเทศไทยไม่รีบยกเครื่องแรงงานต่างด้าวให้ชัดเจนตั้งแต่วันนี้

เศรษฐกิจไทยมีปัญหาใหญ่จากภาวะขาดแคลนแรงงานแน่

แต่ในขณะที่ปมแรงงานต่างด้าวยังคาราคาซัง มันก็ยังมีสถานการณ์เร่งด่วนที่รัฐบาล คสช.ต้องรีบบริหารจัดการประคองภาวะเศรษฐกิจเฉพาะหน้า

อัดฉีดเงินลงฐานราก เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนไม่ให้สะดุด

ล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติการดำเนินโครงการพัฒนาด้านการเกษตร “โครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อฯ” วงเงินงบประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท เพื่อจ้างงาน เกษตรกร ผ่านชุมชนเกษตรกร 9101 ชุมชน ชุมชนละ 2.5 ล้านบาท

คิวเดียวกันที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติงบกลางประจำปี 2560 จำนวน 1,705 ล้านบาท เพื่อให้กรมบัญชีกลางนำไปจัดทำบัตรสวัสดิการ 2 โครงการ คือ โครงการบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ เพื่อแก้ปัญหาการเบิกจ่ายซ้ำซ้อน งบประมาณบานทะโรค

และโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 ครอบคลุมกลุ่มผู้มีรายได้น้อยกว่า 14 ล้านคน

เร่งให้ผู้มีรายได้น้อยมีบัตรใช้ได้ทันวันที่ 1 ตุลาคม 2560 นี้

โดยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถนำไปใช้แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ทั้งการเดินทางโดยรถเมล์ ขสมก. รถ บขส. ซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้า หรือใช้จ่ายเป็นค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปาได้ด้วย

เงินกำลังจะหมุนไป รัฐบาลส่งตรงให้แบบเร่งด่วน

ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ เดินหน้าบริหารเศรษฐกิจ พร้อมๆไปกับการ “มัดจำ” แต้มทางการเมือง

ตามท้องเรื่อง “ปลดล็อก” จุดอันตราย

โฟกัส 3 จุดใหญ่ๆที่ทีมยุทธศาสตร์ของรัฐบาล คสช.ต้องสกัดไฟลาม

จุดแรกคือการบรรเทาความเดือดร้อนปากท้องชาวบ้าน การประคองสภาวะพืชผลเกษตรราคาตกต่ำ ทั้งข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย

ต้องจ่ายเงินสดให้เลย ขืนชักช้าไม่ทันสถานการณ์ ชาวบ้านไม่ทันกิน

จุดที่สองคือเรื่องของสิทธิการรักษาพยาบาล ที่ชาวบ้านกลัวจะเสียสิทธิบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค แบบที่เห็นอาการต่อต้าน พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ

จนรัฐบาลต้องออกมายืนยันจะไม่มีการยกเลิกบัตรทองแต่อย่างใด

และปมสุดท้าย เรื่องของตัวบุคคล โดยสถานการณ์ปฏิเสธไม่ได้ว่า ฝ่ายคุมเกมอำนาจยังกังวลกับพลังแฝงในตัวของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

อย่างที่เห็น “น้ำตานารีพิฆาต” อดีตผู้นำหญิงร้องไห้ในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 50 ปี

เล่นเอากระแสดราม่ากระหึ่มเมือง

ตามรูปการณ์อย่างที่ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. เปิดทางให้มวลชนผู้สนับสนุนเข้าให้กำลังใจ “น้องปู” ในการเดินทางขึ้นศาลสืบพยานฝ่ายจำเลยในโครงการปล่อยปละ ละเลยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวนัดสุดท้ายในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้

เชื่อว่าคนที่มาคงเข้าใจดีว่าควรปฏิบัติอย่างไรไม่ให้เกิดความขัดแย้ง

ต้องเจาะรูระบาย แก้โจทย์ประคองสถานการณ์ไป ไม่หักดิบ.

ทีมข่าวการเมือง

นายกฯ ปัด คสช.สั่ง สร้างละคร ให้พระเอก เป็น ทหาร ร.21รอ.แบบ บิ๊กตู่....

นายกฯ ปัด คสช.สั่ง สร้างละคร ให้พระเอก เป็น ทหาร ร.21รอ.แบบ บิ๊กตู่....
"ถ้าพระเอกเป็น ฉั้น คงไม่มีคนดู...
"วันนี้ผม เป็นผู้ร้ายไปหมดแล้ว”
"นายกฯบิ๊กตู่" เผย มัวแต่วุ่นเรื่องการเมือง เลยยังไม่เคยดู ซีรี่ส์ "ภารกิจรัก" ละครที่พระเอก เป็น 4เหล่าทัพ ยัน คสช.ไม่ได้สั่ง ให้พระเอกเป็นทหารเสือฯ ร.21รอ. เปล่า หมายถึง ผม ที่เคยอยู่ ร.21รอ. พ้อ ผมเป็นผู้ร้ายไปหมดแล้ว
ซี่รีส์ ตอนแรก "เหนี่ยวหัวใจสุดไกปืน" พระเอก "เวียร์"เป็น"ผู้กองภูริช"นายทหารเสือราชินีฯ สังกัด กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
"ผมยังไม่ได้ดู ยังไม่เห็น เพิ่งจะรู้ เนี่ย" พชเอกประยุทธ์. กล่าว
ก่อนถามกลับว่า "แล้วใครทำล่ะ ตอนนี้ผมมัววุ่นอยู่กับการเมืองที่นักข่าวถาม เลยไม่ได้สนใจเรื่องอื่นเท่าไร"
เมื่อถามว่า คสช.จะเป็นผู้สนับสนุนการสร้างละครเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ก็คงมั้ง ไม่รู้เดี่ยวต้องถามก่อน ถ้าคสช.ทำ เดี๋ยวเขาก็รายงานผม
แต่ทำไมต้องไปมองว่า พระเอกเป็นทหารร. 21 รอ. ผมไม่ได้เป็นคนสร้างละครเรื่องนี้”
เมื่อถามว่า จะสนับสนุนให้ประชาชนดูละครเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ดูสิ”
เมื่อถามว่า ละครเรื่องนี้มีทหารหลายเหล่าทัพ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีหลายเหล่า ก็หลายเหล่าไปซิ ก็เป็นกิจการหนึ่งของกองทัพบกหรือคสช. โดยกองทัพบกเป็นคนทำในนามคสช. โดยใส่ ภารกิจ ของ กองทัพบกไปในละคร และเอา ภารกิจของหลายเหล่าทัพใส่ไปในเรื่องด้วย ส่วนเขาจะใส่ใครเป็นพระเอก ผู้ร้าย ผมก็ไม่รู้
เมื่อถามว่าย้ำว่า พระเอกเล่นบททหารบก
ร. 21 รอ. เหมือนแสดงแทนเป็นตัวนายกฯหรือเปล่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เป็นร.21 รอ. แล้วเป็นไง”
เมื่อนักข่าว บอกว่า พระเอกหน้าตาหล่อ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เหรอ ไม่ใช่ฉันนี่ ถ้าเป็น ผม ไม่มีคนดูอยู่แล้ว
"วันนี้ผมเป็นผู้ร้ายไปหมดแล้ว”