PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

โรดแมป 3ระยะคสช.

                ระยะที่ 1 ช่วงแรกของการควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ  จะดำเนินการในเรื่องการปรองดองสมานฉันท์ ให้เร็วที่สุด ในกรอบเวลา 2-3 เดือน นอกจากงานความมั่นคงและขับเคลื่อนได้ เริ่มจัดตั้งศูนย์การปรองดองสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูปทั้งในส่วนกลาง และในระดับพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปในระยะที่  2 ทั้งนี้      ทุกพื้นที่ต้องเริ่มจากครอบครัว หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด  คสช. ได้มอบหมายให้ กอ.รมน. ดำเนินการโดยเริ่มรวมกลุ่มจากเล็ก มาใหญ่ เพื่อให้ผู้เห็นต่างได้พบปะพูดคุยกันแต่เนิ่นและมิให้เป็นปัญหาต่อไปในระยะที่ 2 รวมทั้งจัดตั้งคณะทำงานเตรียมการปฏิรูปเพื่อเตรียมการสู่การปฏิบัติให้พร้อมในระยะที่  2  โดยปราศจากความขัดแย้งตั้งแต่บัดนี้ ซึ่งมิได้มีการดำเนินการในเรื่องการปรับโครงสร้างของส่วนราชการใดๆ หรือเรียกผลประโยชน์ค่าตอบแทน หรือการนิรโทษกรรมใดๆทั้งสิ้น

                ระยะที่  2  การใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว ซึ่งกำลังดำเนินการจัดทำอยู่โดยฝ่ายกฎหมาย  จะมีการจัดตั้งสภานิติบัญญัติ สรรหานายกรัฐมนตรี ตั้งคณะรัฐมนตรี เพื่อบริหารราชการ ร่าง/จัดทำรัฐธรรมนูญ พร้อมกับการตั้งสภาปฏิรูปเพื่อปฏิรูปแก้ไขในทุกเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องการ และเป็นที่ยอมรับ โดยน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี  มากหรือน้อยกว่านั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์  หากสถานการณ์เรียบร้อยเป็นปกติ ปฏิรูปสำเร็จ  ปรองดอง สมานฉันท์กันทุกฝ่าย ประชาชนมีความรักความสามัคคีกัน ก็จะเริ่มดำเนินการก้าวเข้าสู่ระยะที่ 3

                ระยะที่  3  การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ที่ทุกคนทุกพวกทุกฝ่ายพอใจ กฎหมายทันสมัยในทุกด้าน รวมทั้งกฎระเบียบ กติกาต่างๆ ได้รับการแก้ไข เพื่อให้ได้คนดี สุจริต มีคุณธรรม มาปกครองบ้านเมืองด้วยหลักธรรมาภิบาล

                สิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นจะไม่สำเร็จโดยเร็วอย่างที่ทุกคนต้องการได้เลย หากยังไม่มีความสงบเกิดขึ้น การประท้วงด้วยความไม่เข้าใจในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และไม่เข้าใจในเหตุผลการควบคุมอำนาจในครั้งนี้ ว่าทำเพื่อประเทศไทยและคนไทยทุกคน  รวมทั้งส่งผลดีต่อการพัฒนาความสัมพันธ์และเพิ่มผลประโยชน์ของไทยและมิตรประเทศได้ในอนาคตอันใกล้

                “ผมคิดว่าคนไทยทุกคนเหมือนผม  ไม่มีความสุข มาประมาณ  9 ปีแล้ว  ขณะนี้ทุกคนอยู่ในความสุขสงบมาก ตั้งแต่  20 และ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา  คสช.ไม่ต้องการก้าวเข้าสู่อำนาจ ไม่ต้องการใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ใดๆ เลย แต่ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปไม่ได้  ถ้าทหารและข้าราชการทุกคนไม่ทำอะไรเลย  ใครจะมาดูแลท่าน ใครจะแก้ปัญหาให้ท่าน  ในเมื่อประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์เดินหน้าต่อไปไม่ได้  ด้วยความขัดแย้ง เจ้าหน้าที่ถูกตำหนิ ประชาชนเกิดความไม่ไว้วางใจ  การบังคับใช้กฎหมายปกติทำไม่ได้  ทั้งนี้ขอให้เชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือ ทั้งข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน  ประเทศชาติต้องมาก่อนเสมอ”พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยัน

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. (อังกฤษ: National Council for Peace and Order (NCPO) เดิมใช้ชื่อ National Peace and Order Maintaining Council (NPOMC) ) เป็นคณะผู้ยึดอำนาจการปกครอง โดยรัฐประหารยึดอำนาจการปกครอง เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ตั้งแต่เวลา 16:30 น. หลังเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร พร้อมทั้งจัดตั้งกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) ได้สองวัน และมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะ

วันที่ 21-22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ผอ.รส.) เรียกประชุมผู้แทนรัฐบาล, วุฒิสภา, คณะกรรมการการเลือกตั้ง, พรรคเพื่อไทย, พรรคประชาธิปัตย์, นปช. และ กปปส. ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อหาข้อสรุปในการก้าวผ่านวิกฤตการณ์ทางการเมือง แต่ไม่อาจหาข้อสรุปได้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และผู้บัญชาการเหล่าทัพ จึงประกาศกระทำรัฐประหารในที่ประชุม และควบคุมตัวผู้เข้าร่วมประชุม ยกเว้นตัวแทนวุฒิสภา และคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยนำตัวไปยังกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ซึ่งใช้เป็นกองบัญชาการของ คสช.

วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ทหารได้แจกใบปลิวให้ประชาชนที่สัญจรย่าน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยใบปลิวนั้นได้ระบุถึง เหตุผลในการยึดอำนาจของคสช. ว่า[1]

1มีความขัดแย้งทางความคิดการเมืองอย่างรุนแรง หยั่งลึกจากระดับประเทศไปถึงระดับครอบครัวคนไทย

2การใช้อำนาจการปกครองที่กระทำอยู่เดิม ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ความแตกแยก และการกระทำผิดของกลุ่มต่าง ๆ ได้อีกต่อไป

3แนวทางการเลือกตั้งในรูปแบบเดิมมีการต่อต้านอย่างกว้างขวาง ถ้าเลือกตั้งต่อไปในสถานการณ์เช่นนี้ อาจเกิดปัญหาความวุ่นวายไม่จบสิ้น

4การชุมนุมทางการเมืองที่มีต่อเนื่องมาถึง 6 เดือน ซึ่งมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งทางความคิด และการแก่งแย่งผลประโยชน์ทางการเมือง ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา (วิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2548–2553 และ พ.ศ. 2556–2557) ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนทุกหมู่เหล่า ทำให้ประชาชนแตกความสามัคคี จนไม่อาจปรองดองกันได้

5ปัญหาทุจริต มีคดีความจำนวนมากอยู่ในชั้นศาล และยังรอกระบวนการยุติธรรมตัดสิน

6การบังคับใช้กฎหมายปกติต่อปัญหาข้างต้น บังคับใช้ไม่ได้ทุกกลุ่ม ทำให้เกิดความหวาดระแวง เกลียดชังกันในหมู่ประชาชนเป็นวงกว้าง ความเคลื่อนไหวของทุกฝ่าย โดยเฉพาะแกนนำที่มีความผิด ตามกระบวนการยุติธรรม นำไปสู่การยุยงปลุกปั่นแนวร่วมของฝ่ายตน ให้พร้อมที่จะกระทำการใด ๆ ต่อฝ่ายตรงข้ามด้วยความรุนแรง

7การบริหารราชการแผ่นดินในห้วงที่ผ่านมาไม่สามารถกระทำได้ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของชาติ และก่อปัญหาความเดือดร้อนต่อประชาชนทุกระดับจนถึงรากหญ้า

8มีการล่วงละเมิดสถาบันกษัตริย์ตามมาตรา 112 ทั้งทางลับและเปิดเผย สร้างความไม่พอใจและเกลียดชังของประชาชนโดยรวม ที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ

9การปลุกระดมมวลชนที่มุ่งเอาชนะฝ่ายตรงข้ามโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ทวีความรุนแรงและเป็นไปอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ

10ปรากฏชัดว่ามีการจัดตั้งและใช้กองกำลังติดอาวุธรวมถึงการตระเวนอาวุธสงครามจำนวนมาก เพื่อปฏิบัติการอย่างรุนแรงต่อฝ่ายตรงข้ามของตน โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งกองทัพจะยอมให้เกิดขึ้นในประเทศชาติไม่ได้โดยเด็ดขาด

คสช.จัดทีมใหม่-รวมสมาชิก 15 คน "พล.อ.ประวิตร" ขึ้นรอง คสช.(ข้อมูล)

คสช.จัดทีมใหม่-รวมสมาชิก 15 คน "พล.อ.ประวิตร" ขึ้นรอง คสช.

พล.อ.ประยุทธ์ ลงนามประกาศ คสช. 122/2557 จัดทีม 15 คสช. เพิ่ม "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" เป็นรองหัวหน้า คสช. - พล.ต.อ.สมยศ - พล.อ.ไพบูลย์ - มีชัย ฤชุพันธุ์ - สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ฯลฯ เป็นสมาชิก คสช.
ภาพก่อนเข้ารายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" เมื่อวันศุกร์ที่ 19 กันยายน เป็นภาพสมาชิก คสช.  ที่ปรับตำแหน่งใหม่ตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 122/2557 เรียงกันเป็นรูปหัวใจ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี อยู่ตรงกลาง

เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 131 ตอนพิเศษ 181 ง เผยแพร่ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 122/2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้ดํารงตําแหน่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีรายละเอียดดังนี้
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 122/2557
เรื่อง แต่งตั้งผู้ดํารงตําแหน่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 42 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 6/2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้ดํารงตําแหน่งสําคัญในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
ข้อ 2 แต่งตั้งให้บุคคลดังต่อไปนี้ดํารงตําแหน่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
1. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
2. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
3. พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เป็น รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
4. พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย เป็น รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
5. พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง เป็น รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
6. พลตํารวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็น รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
7. พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล เป็น สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
8. พลเอก วรพงษ์ สง่าเนตร เป็น สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
9. พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็น สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
10. พลเรือเอก ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ เป็น สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
11. พลอากาศเอก ตรีทศ สนแจ้ง เป็น สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
12. พลตํารวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็น สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
13. นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็น สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
14. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็น สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
15. พลเอก อุดมเดช สีตบุตร เป็น เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ข้อ 3 ให้สํานักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทําหน้าที่เป็นหน่วยธุรการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 11 กันยายน พุทธศักราช 2557
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ยกเลิกกรรมการเลือก สปช. เหตุ รธน.ให้เป็นอำนาจ คสช.

ยกเลิกกรรมการเลือก สปช. เหตุ รธน.ให้เป็นอำนาจ คสช.

คสช.มีคำสั่งยกเลิกการตั้งคณะกรรมการคัดเลือก สปช. ทั้ง 14 คน ระบุเนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดให้เป็นอำนาจของ คสช. อยู่แล้ว




20 ก.ย. 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งที่ 121/2557 เรื่อง ยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่ 117/2557 ใจความ ยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่ 117/2557 ลงวันที่ 17 ส.ค. 2557 เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทำหน้าที่พิจารณาคัดเลือก สปช. จำนวนไม่เกิน 250 คน เนื่องจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2557 มาตรา 30 วรรค 6 ได้กำหนดให้ คสช. คัดเลือก สปช. จากบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาเสนอจำนวนไม่เกิน 250 คน

โดยเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2557 ที่ผ่านมาเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ คําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 121/2557 เรื่อง ยกเลิกคําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 117/2557 ที่ได้กําหนดให้มีคณะกรรมการคัดเลือกสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ทําหน้าที่พิจารณาคัดเลือกบุคคล ซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ นั้น โดยที่มาตรา 30 (6) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ได้กําหนดให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ คัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติจากบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาเสนอ จํานวนไม่เกินสองร้อยห้าสิบคน ดังนั้น อํานาจในการพิจารณาคัดเลือกผู้ที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติให้เหลือจํานวนดังกล่าว จึงเป็นอํานาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามที่รัฐธรรมนูญกําหนด
     
เพื่อให้กระบวนการคัดเลือกสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 30 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 และมาตรา 15 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ พ.ศ. 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่งให้ยกเลิกคําสั่งดังกล่าว สั่ง ณ วันที่ 19 กันยายน พุทธศักราช 2557 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
     
อนึ่งคำสั่งที่ 117 ได้กำหนดคณะกรรมการคัดเลือกฯ ขึ้นมา 14 คน ประกอบด้วย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงาน พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม พล.อ.จิระเดช โมกขะสมิต ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รอง ผบ.สส. พล.ร.อ.ชุมนุม อาจวงษ์ หัวหน้าคณะทำงานเตรียมการปฎิรูป กห. พล.ร.อ.จักรชัย ภู่เจริญยศ รอง ผบ.ทร. พล.อ.อ.สฤษดิ์พงษ์ โกมุทานนท์ รองผบ.ทอ. พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาการผบ.ตร. และพล.อ.อุทิศ สุนทร หัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายและสั่งการของผู้บังคับบัญชาในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำหน้าที่เพื่อพิจารณาคัดเลือกบุคคล ซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิก สปช.จากบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัดเสนอ จังหวัดละหนึ่งคน และในแต่ละด้าน พร้อมทั้งนำรายชื่อบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกเสนอต่อหัวหน้า คสช. เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ

สูญเสียนักสันติวิธีชายแดนใต้ 'อัฮหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง'

สูญเสียนักสันติวิธีชายแดนใต้ 'อัฮหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง'

สูญเสียอีกหนึ่งนักสันติวิธีชายแดนใต้คนสำคัญ นายอัฮหมัด สมบูรณ์ บัวหลวง เสียชีวิตกะทันหันที่ประเทศสวีเดนอาการหัวใจวายขณะเดินทาง ด้วยภารกิจเพื่อสร้างสันติภาพจนวาระสุดท้ายของชีวิต
นายอัฮหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง (แฟ้มภาพ)
รายงานข่าวแจ้งว่า นายอัฮหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง นักสันติวิธีคนสำคัญที่เคลื่อนไหวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะในด้านการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันขณะเดินทางด้วยรถไฟอยู่ในประเทศสวีเดน โดยมีอาการแน่นหน้าอก จึงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตที่โรงพยาบาล Helsingborg Lasarett เมือง Lund ในช่วงเช้าวันที่ 20 กันยายน 2557

นายอัฮหมัดสมบูรณ์ เดินทางออกจากประเทศไทยเมื่อวันที่ 15 กันยายน ไปประเทศสวีเดน เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนขององค์กรภาคประชาสังคมในการประสานกับตัวแทนฝ่ายต่างๆ ในเรื่องการพูดคุยเพื่อสันติภาพ ซึ่งหลังจากญาติๆที่จังหวัดปัตตานีทราบข่าว ได้มารวมตัวกันที่บ้านพักของนายอัฮหมัดสมบูรณ์ที่บ้านเลขที่ 23 ม.6 ต.ปูยุด อ.เมือง จ.ปัตตานี เพื่อหารือถึงการสูญเสียดังกล่าว ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้า โดยญาติต้องการให้นำศพกลับมาประกอบศาสนกิจตามหลักศาสนาอิสลามที่จังหวัดปัตตานี แต่อาจต้องใช้เวลาดำเนินการ 2-3 วัน

นายอัฮหมัดสมบูรณ์ เดินทางไปประเทศสวีเดนรวมทั้งประเทศต่างๆ บ่อยครั้งเพื่อพบปะกับตัวแทนกลุ่มขบวนการต่อสู่กับรัฐไทยที่เคลื่อนไหวในต่างประเทศ เพื่อหาทางออกในเรื่องการแก้ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ โดยเขามักยืนยันต่อแกนนำขบวนการหลายคนถึงแนวทางการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีและไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง

นายอัฮหมัดสมบูรณ์ นอกจากจะเป็นนักวิชาการอิสระแล้ว เขายังเป็นนักประชาสังคมและทำงานชุมชนมานานหลายปี ที่ผ่านมาเคยดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ หรือ กอส. ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน ตำแหน่งล่าสุดที่เขาเป็นคือ ผู้อำนวยการหลักสูตรเสริมสร้างสันติสุขของสถาบันพระปกเกล้า ซึ่งการเสียชีวิตของเขานับเป็นการสูญเสียบุคคลากรที่มีความสำคัญในการแก้ปัญหาความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ทุ่มเทอย่างจริงจังในการทำหน้าที่เพื่อสันติภาพจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

เปลว สีเงิน:เปลี่ยนพูดเป็นทำ นั่นคือตามสัญญา

เปลี่ยนพูดเป็นทำ นั่นคือตามสัญญา
โดย เปลว สีเงิน

• @ เปลว สีเงิน ชี้ถึงสภาพสังคม นิสัยคนไทยและมาจบที่คสช. รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ต้องรีบดำเนินการทันที ตามคำมั่นสัญญาทำอย่างเด็ดขาดเอาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง
……………………………………..

• เพื่อนผม "คุณมกร์ รุ่งกมล" ซื้อตั๋วเรือมา ๒ ใบชวนไปล่องแปซิฟิก ผมเลยถือโอกาสไปลอยอังคารตัวเองซะหลายวัน กลับมาหวัดดัดจริตกินงอม ทั้งไอ-ทั้งน้ำมูกไหลเป็นน้ำตกหลี่ผี เปิดโทรทัศน์ดูข่าวสะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยา จับความได้ว่า.....

เดี๋ยวนี้นายกฯ ประยุทธ์ เปลี่ยนจาก "นักปฏิวัติ" เพื่อปฏิรูปสังคมบ้านเมือง ไปเป็น "นักพูดเจ๊าะแจ๊ะ" เพื่อให้ถูกใจแฟนคลับและนักข่าวสาวน้อย-สาวใหญ่ประจำทำเนียบฯ ไปซะแล้ว!

@ จะเป็น "นักปฏิบัติ" หรือ "นักพูด" ก็ตัดสินใจให้ดีนะ เพราะตอนนี้ เข้าสู่โหมดรัฐบาลบริหารประเทศเต็มตัวแล้วเข้าสู่เดือนที่ ๔ ที่ ๕ แล้ว ที่พูด-ที่สัญญา "ว่าจะทำ" หลายเรื่อง-หลายอย่างน่ะ 
ได้ลงมือทำอะไรให้เห็นเป็นสัญญาณคืบหน้าเป็นรูปธรรมบ้าง?นอกจาก ขนเงินไปใช้หนี้แทนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่จบ-ไม่สิ้น! 

มีแต่เงินไหลออก ยังไม่เคยเห็นว่า ในหัวเลี้ยว-หัวต่อเศรษฐกิจชะลอ-รอฟุบ รัฐบาล คสช.จะมีนโยบาย หรือได้ทำอะไรเป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศบ้าง?
ก็น่าเสียดายนะ...!

@ "การท่องเที่ยว" ที่เป็นตลาดเงินสด และเป็นเงินสดที่กระจายสร้างสภาพคล่องให้ระบบทันที-ทันควันแต่รัฐบาล คสช.เล่นบท "ไก่ได้พลอย"!ทำลายทั้งโอกาสตัวเองและโอกาสสังคมประเทศ ที่
ตอนนี้ตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจซึมเซาประเทศไทยนั้น ลองส่งออกสะดุด เกษตรมีปัญหา ท่องเที่ยวไม่เดิน....ทุกอย่างก็...ดับ!

@ รัฐบาลที่มีสัญญา ตุลา ๕๘ จะมีเลือกตั้ง ขืนเอาแต่เจ๊าะแจ๊ะไปวันๆ ผลงานเป็นรูปธรรมไม่เกิด ระวังนะ....ถ้าไม่รีบปรับทิศทางการทำงาน อย่างเก่งสุด ให้ถึงไตรมาส ๔ ต่อจากนั้น รัฐบาล คสช.จะสิ้นมนต์ขลัง
เศรษฐกิจจะพัง ไร่นาสาโทจะวิบัติด้วยแห้งแล้งจัด ความหวังสู่อาเซียนเคว้งคว้าง ไม่เห็นทางจับต้องได้ ทุกอย่างมีแต่แผน...แผน..และแผน และคำว่า...กำลังศึกษา

@ ถึงตอนนั้น ทุกปลายหอกจะหันเข้าหาเจ้าของเพลง "เราจะทำตามสัญญา"ซึ่งเอาเข้าจริง ทุกสิ่ง... แล้วเราก็ทำไม่ได้ตามสัญญาาาา?!

@ คสช.มาพร้อมคำสัญญาจะปฏิรูปประเทศ ชาวบ้านอยากเห็นปฏิรูปรถไฟที่เหลวแหลก ใช้อำนาจไปครึ่งเดียว ก็ทิ้งคา จนวันนี้ ก็ยังคา ไม่รู้ว่ารถไฟไทยจะไปทางไหนกันจะปฏิรูประบบตำรวจ

กราบแทบเท้าถามท่าน...

ถึง ณ วันนี้ มีอะไรในสถาบันตำรวจที่เรียกว่าปฏิรูปบ้าง กระทั่งการแต่งตั้ง ตั้งแต่หัวยันหางก่อนปฏิรูป "หนอนยุ่บ" ยังไง .....หลัง คสช.ปฏิรูป "หนอนยุ่บ" ยังงั้น!

กับสถาบันอัยการก็เถอะ คสช.ก็ปฏิรูปครึ่งๆ กลางๆ ขอนไม้ที่เปลี่ยนใหม่กับขอนไม้ขอนเดิม มันต่างกันตรงไหน และ คสช.เปลี่ยนด้วยประสงค์ใด ในเมื่อผลที่ออกมาวันนี้
มีแต่คนพูด มึน...ว่ะ?

@ "ข้าว" คืออนาคตชาวนา ฟังข่าววานซืน ข้าวหอมมะลิไทยที่เคยครองปาก-ครองท้อง ชาวฮ่องกงร้อยละ ๙๐ มาวันนี้ ลดเหลือร้อยละ ๔๐ กว่าๆ เท่านั้น เพราะคนฮ่องกงวันนี้ หันไปกินข้าวหอมมะลิเขมร!
เหตุผลคือ นอกจากราคาถูกกว่าแล้ว ที่สำคัญ คุณภาพไม่ต่างจากข้าวหอมมะลิไทย และคนฮ่องกงกินจนคุ้นเคยรสชาติแล้ว
ที่สำคัญเหนือสำคัญคือ...คนฮ่องกงบอกว่า....."ข้าวหอมมะลิไทยชอบปลอมปน ไม่ซื่อสัตย์ ไม่รักษาคุณภาพ"!
สะใจดีมั้ย.......?

@ แล้วท่านนายกฯ ประยุทธ์พอมองเห็นหรือยังว่า จุดอ่อน-จุดบกพร่อง ของประเทศไทย-คนไทยที่ต้องรีบปฏิรูปก่อนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน นั้น เมื่ออำนาจปกครองประเทศตกอยู่ในกำมือท่านควรทำอะไร...ควรจัดการแก้ไขตรงไหนก่อน?

@ ผมไปดูโลกภายนอกเขามา เมื่อกลับสู่โลกเป็นจริง คือบ้านเมืองของตัวเอง แต่โลกทัศน์ผมก็ไม่เปลี่ยน เราก็คือเรา-เขาก็คือเขา
ผมเป็นคนไม่ชอบยกบ้านเมืองอื่นมาทับถมบ้านเมืองตัวเอง เท่าๆ กับชอบศึกษาวิถีคนในชาตินั้นๆ
เรือเขาพาล่องไม่เห็นฝั่ง เห็นแต่ฟ้ากับน้ำ แวะตามเกาะแก่งต่างๆ ห่างไกลโตเกียวจนไปจรดรัสเซีย เรียกว่าไป "บ้านนอก" ตามซอกเกาะว่างั้นเถอะ
แต่ญี่ปุ่นมีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งคือ "ไม่มีบ้านนอก" ขึ้นท่าไหน-เมืองไหน ไม่ว่าเมืองใหญ่ เมืองเล็ก ทุกเมือง มีความเป็นโตเกียว-เป็นญี่ปุ่น เหมือนกันหมด!
สะอาด ระเบียบ มีมรรยาท ซื่อสัตย์ มีวัฒนธรรม เข้าแถว ถนอมรักษาของเก่าและธรรมชาติ ให้เกียรติในความเป็นคนทัดเทียมกัน

@ สะท้อนถึงสิ่งต้องคิดคือ ต้องตีโจทย์ "ความเจริญ" ให้แตกว่า ความเจริญของญี่ปุ่นนั้น หมายถึงอะไร?
หมายถึง ต้องสร้างตึกรามบ้านช่องใหญ่ๆ ก่อน หมายถึงต้องมีรถไฟความเร็วสูงก่อน หมายถึงต้องตัดถนนหนทางระโยงระยางเป็นใยแมงมุมก่อนหรือหมายถึง....?
ต้องสร้าง "จิตสำนึก" ความเป็นคนในชาติก่อน แล้วให้จิตสำนึกความเป็นคนนั้น สร้างสิ่งอื่นๆ อันเป็นวัตถุขึ้นมารองรับสังคมบนมาตรฐานจิตสำนึกในชาติด้วยกัน
ญี่ปุ่นไม่มีทรัพยากรวัตถุ-ทรัพยากรบุคคลเหนือกว่าไทย ตรงกันข้าม ของเราเหนือกว่าเขาด้วยซ้ำ
เพียงแต่เขาสามารถกะเทาะ-เจียระไน "แก่นสำนึก" ในคนของเขาออกมาใช้ได้แล้วเท่านั้นส่วนเรา....ผู้นำบริหารแต่ละยุคสมัย ยังใจเย็น ยังไม่คิดที่จะกะเทาะ-จะเจียระไน
"ทรัพยากรบุคคล" ที่ซ่อนอยู่ในรูปขี้ตะกรันออกมาเป็น "แทนทาลัม" เพื่อใช้พัฒนาชาติเท่านั้นเอง!

@ คนไทยนั้น ถ้าได้รับการเจียระไนวันไหน ต่อให้อเมริกัน-ญี่ปุ่น-เยอรมนี เรียงหน้าเข้ามาเลย หรือดาหน้าเข้ามาพร้อมๆ กันก็ได้ สูง-ใหญ่ ไม่ใช่ประเด็น
ดูอย่างเมื่อวาน (๒๑ ก.ย.๕๗) วอลเลย์บอลหญิงไทย ประเดิมสนามนัดแรกในกีฬาเอเชียนเกมส์ ที่เกาหลีใต้ตบสาวญี่ปุ่นล้มคว่ำคะมำหงายไปเลย!
แต่คนญี่ปุ่นต่างกับไทยอยู่นิดตรงที่ คนญี่ปุ่นมีความเจ็บปวดร่วมกัน ที่ต้องสู้ ฟันฝ่าร่วมกันอยู่มาก
ความเจ็บปวดร่วมกันนั้นจึงหลอมคนญี่ปุ่นให้ตกผลึกดังทุกวันนี้

@ ส่วนสภาพสังคมเรา ฟ้าประทานแผ่นดินไทยให้สมบูรณ์ทุกอย่าง อยู่สบาย กินสบาย การที่มีความสุขร่วมกัน ขี้เกียจร่วมกัน ด้วยความสบายร่วมกันนั้น จึงหลอมคนไทยให้อยู่กันแบบมนุษย์สุขนิยม
ใคร-อะไรมากระทบสุขกูเมื่อไหร่...โวยเมื่อนั้น!
ไทยจึงเป็นสังคม "ตัวใคร-ตัวมัน" วัดค่าคนตรง ใครสุขมาก-สบายมาก-รวยมาก-ยศมากกว่ากัน
ดังนั้น การบริหารปัญหาสังคมไทย ยากจะยึดแนวทางที่อื่นมาใช้ ต้องใช้วิธีแบบไทยๆ จึงจะถูกจริตคนไทย นั่นคือ

@ บางสิ่ง-บางอย่าง ถ้ารอประชามติ รอสำรวจความคิดเห็นก่อน รอความยินยอมพร้อมใจ ทั้งชาติ จะไม่ได้ทำอะไรให้เป็นมรรค-เป็นผลเลย!เพราะมนุษย์สุขนิยมนั้น ชอบการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบตัวเอง ไม่ว่าด้านบวกหรือลบ
คือถ้าเปลี่ยนแปลงเริ่มที่ตัว จะโวย จะมีปฏิกิริยาคัดค้าน-ต้านต่อก่อนทันที ทั้งที่เปลี่ยนแปลงแล้ว ตัวเองจะได้มากกว่า-ดีกว่าเดิมก็ตาม

@ ฉะนั้น การเป็นผู้นำบริหารประเทศไทย ต้องนำให้คนด่า-คนค้าน อนาคตชาติจึงจะดีอย่าง การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน หรือนิวเคลียร์ ผู้นำต้องใช้อำนาจเบ็ดเสร็จทุบโต๊ะสร้างไปเลย
ทุบโต๊ะวันนี้ ถูกด่า ถูกค้านวันนี้ ล้านเปอร์เซ็นต์แต่จะได้รับเครื่องเซ่น การกราบไหว้ สรรเสริญคุณ ในวันหน้า ล้านเปอร์เซ็นต์เช่นกัน!
อย่างรถไฟ จะปฏิรูป-ผ่าตัด จากระบบที่ล้มเหลวเรื้อรังวันนี้ให้สะเด็ดน้ำไปทางใด-ทางหนึ่ง ต้องทุบโต๊ะให้เด็ดขาดไปเสียทาง แล้วทุกอย่างจะเดินหน้าไม่ใช่ปล่อยให้เป็นป่าช้าผีสิงเกาะกินไม่จบ-ไม่สิ้นกันอย่างทุกวันนี้

"การบินไทย" ก็เถอะ!
การปฏิวัติที่เรียกว่า "เข้ามาควบคุมอำนาจปกครองประเทศ" ของ คสช.โดยพลเอกประยุทธ์เป็นตัวนำนั้น ต้องเข้าใจให้ชัด

ท่านปฏิวัติเพื่อเข้ามาใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ "ทุบโต๊ะ" แก้ปัญหาไม่ใช่ปฏิวัติแล้วเลียนลีลาผู้นำระบบรัฐสภา ทำทุกอย่างต้องรักษาฐานเสียง-ฐานคะแนน เลี้ยงปัญหาให้เป็นมะเร็งชาติ แลกคำชมเชย

วันนี้ งาน คสช.หนักไปทางกวาดขยะ ส่วนงาน รื้อ-ล้าง-สร้างใหม่ ยังไม่ปรากฏ และอย่าลืม ที่นายกฯ ประยุทธ์สัญญาจะนำไม้พะยูงที่ยึดไว้มากมายสร้าง "อาคารไม้พะยูง" ทั้งหลัง เป็นแลนด์มาร์ก
แห่งยุคสมัย แห่งรัชกาล ฝากไว้ในแผ่นดิน นั้นไหนล่ะ...ตรงไหน เมื่อไหร่จะทำ?

ยุทธศาสตร์ 3 ป.

เอามาใช้งาน

โดย แม่ลูกจันทร์ 19 ก.ย. 2557 05:01 น.
http://www.thairath.co.th/content/451019

คลื่นลูกใหม่ไล่กระแทกคลื่นลูกเก่า แล้วคลื่นลูกเก่าก็ม้วนกลับไปไล่กระแทกคลื่นลูกใหม่
ทำให้คลื่นลูกใหม่กลายเป็นคลื่นลูกเก่าและคลื่นลูกเก่ากลายเป็นคลื่นลูกใหม่ วนเวียนเรื่อยไปไม่รู้จบ

“แม่ลูกจันทร์” จึงไม่แปลกใจที่มีชื่อ “ดร.ปณิธาน วัฒนายากร” คลื่น ลูกเก่าจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ โผล่กลับมาเป็นที่ปรึกษารองนายกฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ไม่แปลกใจที่มีชื่อ “เสธ.ไก่อู” โฆษก ศอฉ.คนดังช่วงปราบม็อบเสื้อแดงกลับมาแจ้งเกิดใหม่ในฐานะรองโฆษกรัฐบาล

เพราะทั้ง 2 คนมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ตรงสเปกที่รัฐบาลจะจับใส่ตะกร้าล้างน้ำเอากลับมาใช้งานอีกครั้งหนึ่ง

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า ถึงเวลาที่สังคมไทยต้องก้าวข้ามความขัดแย้งเก่าๆไปก่อน

ถ้าเราเชื่อมั่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เป็นผู้นำปฏิรูปประเทศไทยไปสู่ความปรองดอง

ก็อย่าไปคิดเล็กคิดน้อย หรือคิดมากคิดมายกับใครบางคนที่ พล.อ.ประยุทธ์ เรียกมาใช้ทำงาน

เพราะแมวสีอะไรก็จับหนูได้เหมือนกัน

ยกเว้น แมวตายจับหนูไม่ได้ ต้องเอาไปฝังอย่างเดียว

“แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยที่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่งตั้งสมาชิก คสช.ชุดใหม่เพิ่มเติม

จากเดิม คสช.มีเพียง หน.คสช. 1 คน, รอง หน.คสช. 4 คน และเลขาธิการ คสช.อีก 1 คน

ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ ดาวน์โหลดเพิ่มอีก 9 คน รวมเป็น 15 คน เต็มโควตาที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ

เห็นด้วย เพราะสิ้นเดือนนี้ 5 แกนนำ คสช.จะเกษียณอายุราชการพร้อมกัน ทำให้อำนาจสั่งใช้กำลังเปลี่ยนไปขึ้นตรงกับ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ที่ผงาดขึ้นมาแทน

จึงเป็นการเหมาะสมที่จะดึงผู้นำเหล่าทัพรุ่นใหม่เข้าร่วมเป็นสมาชิก คสช.ครบเซตทั้ง 5 คน ได้แก่...

1, พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกลาโหมคนใหม่

2, พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.สูงสุดคนใหม่

3, พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร.คนใหม่

4, พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ.คนใหม่

5, พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.คนใหม่

เพื่อกระชับอำนาจ คสช.ให้แข็งโป๊กตลอดไป

อนึ่ง...เพื่อปรับบทบาท คสช.ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จึงแต่งตั้งสมาชิก คสช.พ่วงมาอีก 4 คน

1, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตประธานที่ปรึกษา คสช.เพื่อช่วยให้คำปรึกษาด้านการเมือง

2, พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รองผบ.สูงสุด และ รมว.ยุติธรรม ซึ่งเป็นมือขวาที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ให้ความสำคัญ

3, นายมีชัย ฤชุพันธุ์ กุนซือใหญ่ด้านกฎหมายที่เป็นเสือซุ่มมานาน ถึงเวลาต้องเปิดหน้าเล่นซะที

4, ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งถูกวางตัวเป็นรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ ควบตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ แต่ไม่มีโอกาสแสดงฝีมือ

“แม่ลูกจันทร์” เสียดาย ดร.สมคิด มือเศรษฐกิจระดับหัวกะทิของประเทศไทย ที่ไม่มีโอกาสเข้าไปทำงานให้รัฐบาลเต็มตัว

ดร.สมคิด เป็นรัฐมนตรีไม่ได้ เพราะโดนนักเลงดีเขียนล็อกไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว...

ห้าม ผู้เคยถูกตัดสิทธิเลือกตั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

ถ้าไม่โดนคนกันเองเจาะยาง ดร.สมคิด จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

ไม่รู้ป่านนี้ ดร.สมคิด หายปวดตับหรือยัง??

"แม่ลูกจันทร์"
///////////
ยุทธศาสตร์ 3 ป.

โดย หมัดเหล็ก 19 ก.ย. 2557 05:01 น.
http://www.thairath.co.th/content/451047

นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แถลงยุทธศาสตร์ชาติ ของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เนื้อหา นอกจากจะเร่งคืนความสุขในทุกๆด้าน ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจและสังคม วัฒนธรรม การเงินการคลัง ซึ่งจะเกิดขึ้นจากความร่วมมือของภาครัฐ เอกชนและประชาชน ที่ประเทศไทยกำลังจะก้าวสู่ ประชาคมอาเซียน ในปีหน้านี้ รวมทั้ง การปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันทุกๆด้าน เน้นเรื่องของความเข้มแข็งด้านการศึกษา โดยมีค่านิยม 12 ประการเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา วิสัยทัศน์ของยุทธศาสตร์ชาติ ที่พล.อ.ประยุทธ์เน้นคือการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ที่จะต้องระดมสมองของคนไทยมาช่วยกันแก้ปัญหาทุกมิติ แต่ต้องปราศจากปัญหาทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่นการทุจริตคอร์รัปชัน ความขัดแย้งทางการเมือง หรือการกีดกันทางการค้า ซึ่งปัญหาพันกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคง เศรษฐกิจและสังคม

“วันนี้อย่าเพิ่งโทษว่า เป็นความผิดของใคร เราต้องเดินหน้า นโยบายนอกจาก ทำก่อน ทำจริง ทำทันที ยังมี 3 ป. คือ เป็นธรรม โปร่งใส และปรองดอง วันนี้ประเทศไทยมีทั้งวิกฤติและโอกาส แต่จะทำอย่างไรให้วิกฤติเป็นโอกาส”

โรดแม็ป ขั้นที่ 2 จะเป็นบทพิสูจน์ยุทธศาสตร์ชาติ 3 ป. เริ่มจาก การสรรหา สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ จากคณะกรรมการสรรหาด้านต่างๆจากจำนวน 550 คน ส่งให้ คสช.คัดให้เหลือ 173 คน

จากระดับจังหวัด อีก 77 คน รวมเป็น 250 คน ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ชี้เป็นชี้ตายอนาคตประเทศไทย

ก็หนีไม่พ้นที่จะยึดหลัก 3 ป.ที่ว่า และคงหนีไม่พ้น การตรวจสอบที่มาที่ไปและเจตนาของ สปช.ชุดนี้ ความเป็นธรรมก็ดี ความโปร่งใสและตรวจสอบได้ก็ดี หรือการปรองดองก็ดี จะเป็นจุดเริ่มต้นของการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสและยุติความขัดแย้งที่ผ่านมา

ดังนั้น คนที่จะเข้ามาทำหน้าที่ สปช. จะต้องไม่เลือกข้าง ไม่มีอคติ กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หาก คสช.เลือกทางเดินที่จะเอา คนของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้ามาทำหน้าที่ สปช. ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของความขัด
แย้งทันที

และจะกระทบไปถึงโรดแม็ปในระยะที่ 2-3 ด้วย ถึงเวลานั้น คสช.จะอ้างอำนาจพิเศษใดๆก็ตามในการเข้ามาแก้ไขปัญหาขัดแย้งรอบใหม่ คงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก

เพราะ เมื่อ คสช. ตั้งใจเข้ามาทำหน้าที่ คนกลาง ก็ต้องสร้างความไว้วางใจ ไม่เฉพาะขั้วอำนาจความขัดแย้ง แต่หมายถึง ความไว้วางใจจากประชาชน ส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ใช่ข้างใดข้างหนึ่ง

นับจากนี้ไปจะเป็นก้าวย่างที่สำคัญ ที่จะเป็นบริบทไปสู่เป้าหมายของการ ยึดอำนาจ ว่าจะสูญเปล่าหรือไม่ และถ้าการยึดอำนาจ ต้องสูญเปล่า เพราะคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด ก็ไม่ต่างจาก วิกฤติการเมืองในอดีต อนาคตประเทศไทยจะดิ่งลงเหวทันที.

หมัดเหล็ก

สถานการณ์ข่าว22/9/57

นายกรัฐมนตรี เตรียมเข้าปฏิบัติงานบริหารราชการแผ่นดินเป็นสัปดาห์ที่ 2 ขณะ ยังไม่มีกำหนดภารกิจ ด้านรักษาความปลอดภัยเข้มงวด
บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล เช้านี้ การรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด เจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร แบ่งพื้นที่รับผิดชอบดูแลและคอยอำนวยความสะดวกให้รถที่เข้า-ออก โดยวันนี้ พลเอกประยุทธท์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. จะเดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นสัปดาห์ที่ 2 โดยยังไม่มีกำหนดการหรือภารกิจแต่อย่างใด ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นสัปดาห์แรกที่รัฐบาลและคณะรัฐมนตรี ได้ทำงานบริหารประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ภายหลังจากการแถลงนโยบายแก่สภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม วันนี้ ถือเป็นวันครบรอบ 4 เดือนที่ คสช. เข้ามาควบคุมอำนาจการปกครอง สำหรับการทำงานของรัฐบาล และคสช. ในระยะต่อไปนั้น มีความสำคัญมากกับประเทศ ทั้งการบริหารราชการแผ่นดิน การปฏิรูป และการสร้างปรองดองสมานฉันท์
-------
"พล.อ.อ.ประจิน" เตรียมมอบนโยบายส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงคมนาคมบ่ายนี้
ในวันนี้ เวลา 13.00 น. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีกำหนดการเป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจ เพื่อมอบและชี้แจงนโยบายการทำงาน ตลอดจนเป้าหมายการดำเนินงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ณ อาคารสโมสรและหอประชุมกระทรวงคมนาคม ชั้น 3
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ พล.อ.อ.ประจิน ได้แบ่งงานในกระทรวง โดยมอบหมายงานให้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ดูแลงานทางน้ำ และทางถนน ส่วนตัว พล.อ.อ.ประจิน คาดว่าจะดูแลงานระดับนโยบายและภาพรวมการขนส่งทั้งระบบ โดยเน้นการลงทุนโครงการขนส่งทางราง และทางอากาศ ตลอดจนทางหลวงชนบท
อย่างไรก็ตาม สำหรับนโยบายที่จะมอบให้กับส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในวันนี้ จะเน้นในเรื่องใดบ้าง ซึ่งจะมีการรายงานให้ทราบภายหลังจากที่ พล.อ.อ.ประจิน ได้มอบและชี้แจงนโยบายแล้วเสร็จ
-------
รัฐมนตรีฯ พาณิชย์ เรียกสภาหอการค้าคุยแนวโน้มราคาสินค้าพรุ่งนี้ ก่อนหารือ ส.อ.ท. ยัน ขึ้น LPG ไม่กระทบต้นทุนสินค้า

นางจินตนา ชัยยวรรณาการ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ 16.00 น. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เรียกสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เข้าหารือ ที่กองบัญชาการกองทัพบกและในวันที่ 24 ก.ย. จะประชุมร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เวลา 15.30 น. ที่ กระทรวงพาณิชย์ โดยจะหารือถึงแนวโน้มการค้า และราคาสินค้าต่างๆ ทั้งในปีนี้และปีหน้า หากเห็นว่าต้นทุนวัตถุดิบไม่ได้ปรับสูงขึ้นจะนำแนวทางดังกล่าวไปหารือกับอุตสาหหกรรมรายกลุ่ม ซึ่งมีแนวโน้มอาจจะขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้าต่อไป
ส่วนการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี ในเร็วๆ นี้ คาดว่าไม่กระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าเพราะปรับขึ้นในส่วนภาคขนส่ง ไม่ใช่ภาคการผลิต
---------
"วินธัย" แจง คสช. ยกเลิกคำสั่ง ตั้ง กก.สรรหา สปช. ไม่เกี่ยว ล็อกสเปก เชื่อ 1-2 วัน รายชื่อส่วนจังหวัดชัดเจน ขอ ปปช. เชื่อมั่น
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่าการประกาศยกเลิก คัดสรรสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ไม่เกี่ยวกับเรื่องการล็อกสเปก แต่ต้องทำให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 30 ที่ได้กำหนดชัดเจนให้อำนาจ คสช. ซึ่งขณะนี้ได้การคัดสรร สปช. ทั้ง 11 ด้าน ได้มีการส่งรายชื่อให้ คสช. แล้ว ส่วนจังหวัดต่าง ๆ น่าจะชัดเจนภายใน 1- 2 วัน
ทั้งนี้ กรณี คสช. ได้มีการระงับการจัดงานเสวนาวิชาการในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ นั้น เป็นเรื่องของความมั่นคง เพราะขณะนี้อยู่ในช่วงของการประกาศใช้กฎอัยการศึก และต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข ส่วนเรื่องจัดระเบียบสังคมใหม่ รวมทั้งในหน่วยงานต่าง ๆ คสช. จะต้องใช้มาตรการและสร้างกฎระเบียบขึ้น เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับความยุติธรรม และเท่าเทียมกัน
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในรัฐบาล และ คสช. จะนำพาประเทศต่อไปได้ และจะเร่งแก้ปัญหา แม้จะมีเวลาไม่นาน ส่วนรายการคืนความสุขนั้นที่มีการเปลี่ยนแปลงจะชี้แจงอีกครั้ง
--
"สุรชัย" ยัน สรรหา สปช. ไม่มีล็อกสเปก ชี้ไม่เปิดเผยรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก มีทั้งข้อดี-ข้อเสีย
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คนที่ 1 กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ด้านการเมือง ว่า ขณะนี้การสรรหาสมาชิกเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้ส่งรายชื่อผู้ที่ได้รับการสรรหาทั้งหมดไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. แล้ว มั่นใจไม่มีการล็อกสเปก โดยใช้วิธีให้กรรมการสรรหาลงคะแนนในทางลับ ร่วมกับการวิเคราะห์ของคณะกรรมการสรรหา เพื่อให้ได้บุคคลที่มีความเหมาะสมอย่างแท้จริง ก่อนส่งรายชื่อไปยัง คสช.

ส่วนจากนี้ไปจะมีการเปิดเผยรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกในรอบแรกหรือไม่นั้น นายสุรชัย กล่าวว่า เป็นอำนาจของ คสช. ซึ่งส่วนตัวไม่แน่ใจว่า ทาง คสช.จะมีการเปิดเผยรายชื่อหรือไม่ เพราะการเปิดเผยรายชื่อผู้รับการคัดเลือกมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
---------
รมว.มท. ยัน ไม่มีล็อกสเปก สปช. พร้อมให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน ขณะแต่งตั้ง ขรก.ซี 10 ไม่ทันสิ้นเดือน
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางเข้ากรมโยธาธิการและผังเมือง โดยกล่าวก่อนการมอบนโยบายการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่ว่า การสรรหาสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นั้น โดยส่วนตัวที่เคยเป็นประธานคณะกรรมการสรรหาในด้านการปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ส่งรายชื่อ 50 คน ให้กับ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แล้ว ซึ่งขั้นตอนต่อไปเป็นหน้าที่ของ คสช. ที่จะคัดเลือกให้เหลือ 173 คน ขอยืนยันว่า ไม่มีการล็อกสเปกแต่อย่างใด เพราะนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั้น ต้องการคนที่มีความรู้ ความสามารถ
ขณะที่ กรณีต้องให้สำนักคณะกรรมป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน นั้น โดยส่วนตัวพร้อมที่จะให้ตรวจสอบ เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ส่วนในการแต่งตั้งข้าราชการประจำของกระทรวงมหาดไทย ระดับ 9 ที่จะขึ้นระดับ 10 นั้น คงจะไม่ทันกำหนดเดิมในสิ้นเดือน
//////
พลเอกประวิตร นำถกสภากลาโหม เน้นย้ำ ผบ.เหล่าทัพ เพิ่มประสิทธิภาพกำลังพล ขณะที่ พลเอกประยุทธ์ มอบ พลเอกอุดมเดช เข้าแทน
สำหรับความเคลื่อนไหวที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม ประจำเดือนกันยายน พ.ศ. 2557 ซึ่งถือเป็นการประชุมครั้งแรกหลังจากการเข้ารับตำแหน่ง  โดยมี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในฐานะผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะปลัดกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก ได้มอบหมายให้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีด้วยว่าการกระทรวงกลาโหมและรองผู้บัญชาการทหารบเป็นตัวแทนเข้าร่วม เช่นเดียวกับทาง พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่มอบหมายให้ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เสนาธิการทหาร เป็นตัวแทนเข้าร่วม
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การประชุมในวันนี้จะเน้นย้ำกับทางผู้บัญชาการเหล่าทัพให้เพิ่มความสำคัญประสิทธิภาพของกำลังพลในแต่ละกองทัพ นอกจากนี้ ในการประชุมวันนี้จะมีวาระการพิจารณาแต่งตั้งผู้อำนวยองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกด้วย
--------
โฆษกรัฐบาล เผย นายกรัฐมนตรี สั่งคืนอุปกรณ์ไมโครโฟนเจ้าปัญหา ราคาแพงแล้ว โยน คตร. ตรวจสอบ
ภายใน 3 เดือน
ร.อ.นพ..ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้สั่งการคืนอุปกรณ์ทดลองใช้ระบบเสียง ซึ่งรวมถึงไมโครโฟนราคาแพง ที่ถูกวิจารณ์ก่อนหน้านี้ ให้กับบริษัทต้นสังกัด โดยจะไม่มีการเซ็นสัญญาซื้อขายใด ๆ ทั้งสิ้น ขณะเดียวกัน มอบหมายให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ หรือ คตร. เร่งตรวจสอบใน 3 เดือน สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ จะใช้ห้องประชุมที่ตึกสันติไมตรี หลังใน ส่วนจะกลับมาใช้ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 เป็นห้องประชุมคณะรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการความพร้อมให้เรียบร้อยก่อน ไม่ต้องรอเวลาจน คตร. ตรวจสอบ
--------
พล.อ.ไพบูลย์ ย้ำ รบ. ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการทุจริต ยกเป็นวาระแห่งชาติ เร่งผลักดัน พ.ร.บ.พิสูจน์หลักฐานการเงิน
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย กล่าวสุนทรพจน์ตอนหนึ่งในงานการประชุมเชิงปฏิบัติการภายใต้กรอบความร่วมมือเอเปค เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการดำเนินคดีทุจริตและฟอกเงินอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคนิคด้านข่าวกรองทางการเงินเพื่อความสำเร็จในการติดตามสินทรัพย์คืนว่า รัฐบาลไทยภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการทุจริตโดยส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเป็นวาระแห่งชาติ
พร้อมกันนี้ พล.อ.ไพบูลย์ เผยว่า รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม ผลักดัน พ.ร.บ.ว่าด้วยการพิสูจน์หลักฐานการเงินและบัญชี เพื่อพิสูจน์ขบวนการทุจริตทั้งในภาครัฐและเอกชน
-----------
นายกรัฐมนตรี ออกจากทำเนียบเข้ากองทัพบกแล้ว คาดตามงาน คสช. ขณะเจ้าหน้าที่เตรียมปรับปรุงห้องสื่อมวลชน
ความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธท์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ในช่วงบ่ายไม่มีภารกิจในส่วนงานบริหารราชการแผ่นดิน จึงเดินออกจากทำเนียบรัฐบาล แล้วเข้ากองบัญชาการกองทัพบก คาดว่า เพื่อติดตามงาน คสช. รวมถึงติดตามส่วนงานกองทัพบก ที่ต้องส่งมอบงานให้ว่าที่ผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จะเกษียณอายุราชการตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกในวันที่ 30 กันยายน นี้
ทั้งนี้ จะมีการปรับปรุงห้องสื่อมวลชน 1 หรือรังนกกระจอก 1 ที่อยู่บริเวณใกล้กับตึกนารีสโมสร ซึ่งเป็นรังเก่าแก่ ส่วนห้องสื่อมวลชน 2 และ3 ที่อยู่ฝั่งประตู 1 ก็จะมีการขยาย เพื่อรองรับสื่อมวลชนที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ระหว่างรังนกกระจอก 1 และตึกบัญชาการ 2 ซึ่งเป็นจุดที่สื่อมวลชนสามารถมองเห็นได้ว่ารองนายกรัฐมนตรีคนใดเดินทางเข้าทำงานที่ตึกบัญชาการ 2 แต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำต้นไทรอังกฤษ มาจัดเป็นลักษณะกำแพงสูงระหว่างตึก ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้เช่นเดิม
-------
จนท.ทหารซ้อมพิธี รับส่งหน้าที่ ผบ.ทบ.คนใหม่ ขณะบรรยากาศทั่วไป เป็นไปด้วยความเรียบร้อย - รปภ.เข้ม
ทุกประตูเข้าออก
บรรยากาศที่กองบัญชาการกองทัพบก ถ.ราชดำเนิน ในช่วงเช้าวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ทหารจำนวนหนึ่งได้ซักซ้อมการวางจุดตั้งแถวบริเวณลานหน้าเสาธงภายในกองบัญชาการกองทัพบก เพื่อการจัดเตรียมพิธีรับส่งหน้าที่ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งจะมีการจัดทำพิธีขึ้นในวันที่ 30 กันยายน นี้ ส่วนบรรยากาศบริเวณด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพบกยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล 1 จำนวน 1 กองร้อย พร้อมรถควบคุมผู้ต้องขังและรถขยายเสียงประจำการบริเวณด้านหน้าสนามมวยราชดำเนิน เพื่อดูแลความสงบและประสานประชาชนที่ต้องการยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ไปยื่นที่ทำเนียบรัฐบาล
---------
ศาลฎีกา ให้ประกันตัว เจ๋งดอกจิก คดีหมิ่นเบื้องสูง  แล้ว  โดยศาลตีราคาประกัน 7 แสนบาท  -เตรียมปล่อยตัวจากเรือนจำฯ พรุ่งนี้
ทนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนาย ยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก  แกนนำ นปช. ที่ถูกศาลอุทธรณ์พิพากษา จำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา ในคดี หมิ่นเบื้องสูง เปิดเผยว่า วันนี้ ศาลอาญา ได้อ่านคำสั่งศาลฎีกาเรื่องการประกันตัว โดยศาลฎีกา มีคำสั่งอนุญาตให้ปรันตัว เจ๋ง ดอกจิกได้ โดยตีราคาประกัน 7 แสนบาท โดยไม่มีกำหนดเงื่อนไขใดๆ  ซึ่งทนายความ จะเตรียมหลักทรัพย์ 7 แสนบาท ไปทำสัญญาประกันที่ศาลอาญา ในวันพรุ่งนี้ จากนั้น เจ๋ง ดอกจิก
 จะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำฯ ในวันพรุ่งนี้ เช่นกัน
สำหรับคดีนี้  ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษา  เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา  ว่านายยศวริศ  ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก แกนนำ (นปช.) มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการขึ้นเวทีปราศรัยบนเวที นปช. เชิงสะพานมัฆวาน เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2553 โดยพิพากษายืนให้จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา  รวมระยะเวลา ที่นายยศวริศ ถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำฯ เกือบ 5 เดือน
/////////
"สุรชัย" ระบุ สนช. หารือเพิ่มเรื่องถอดถอน ขอตั้ง กมธ.กลั่นกรอง ขณะ ตั้งวิป รบ. ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คนที่ 1 กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุม สนช. ว่า เบื้องต้นมีสมาชิกขอแปรญัตติจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขของคณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุม ซึ่งขณะนี้ได้มีการหารือเพิ่มเติมในเรื่องการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยขอให้กรรมาธิการเป็นผู้พิจารณากลั่นกรองผู้ที่มีสิทธิ์เสนอเรื่องเข้ามาให้ชัดเจน รวมทั้งกรอบการพิจารณาว่าเรื่องใดที่ สนช. มีอำนาจในการถอดถอน เพื่อไม่มีข้อบังคับดังกล่าวมีลักษณะคล้ายพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม
นอกจากนี้ นายสุรชัย ยังระบุถึงความคืบหน้าการจัดตั้งคณะทำงานประสานงานระหว่างรัฐบาลกับ สนช. ว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ ซึ่งหากเป็นไปได้ สนช. ต้องการให้มีการตั้งคณะทำงานภายหลังที่ร่างข้อบังคับการประชุมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะจะเป็นการตั้ง วิป สนช. ชุดถาวร
//////////
"พ.ต.ท.อดุลย์" นักการเมืองชื่อดังเมืองพิจิตร เสียชีวิตกะทันหันด้วยโรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน รดน้ำศพ พรุ่งนี้ วัดเทพศิรินทร์
นายนาวิน บุญเสรฐ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า พ.ต.ท.อดุลย์ บุญเสรฐ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย บิดา ได้เสียชีวิตแล้ว เมื่อคืนวานนี้ ด้วยโรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ที่โรงพยาบาลเปาโลฯ กรุงเทพฯ รวมอายุ 72 ปี โดยญาติจะทำพิธีรดน้ำศพ วันพรุ่งนี้ เวลา 15.00 น. ที่วัดเทพศิรินทร์
สำหรับ พ.ต.ท.อดุลย์ เป็นนักการเมืองคนสำคัญของจังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นคู่แข่งทางการเมืองตลอดกาลของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ โดยในอดีตเคยสังกัดพรรคการเมืองมาหลายพรรค อาทิ พรรคสหประชาธิปไตย ความหวังใหม่ ไทยรักไทย และเป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ในชุด 111 คน ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ด้วย 
--------
ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เผยเรียกสอบเพื่อนเด็กสปีดโบ๊ทแล้ว 1 ราย พบมีสารเสพติด จนท. คุมตัวดำเนินคดี พร้อมเก็บดีเอ็นเอส่งตรวจ
พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ขาวสำอางค์ ผบก.ภ.8 จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยว 2 ราย ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ขณะนี้ได้เชิญตัวเพื่อนของเด็กเรือสปี๊ดโบ๊ท มาสอบปากคำแล้ว 1 ราย อีก 1ราย เจ้าหน้าที่ยังคงติดตามตัวอยู่ และยังไม่พบว่ามีพฤติกรรมหลบหนี
เบื้องต้น จากการตรวจสอบพบมีสารเสพติดในร่างกาย จึงได้ตั้งข้อหาและควบคุมตัวในคดียาเสพติด พร้อมเก็บดีเอ็นเอส่งให้แพทย์นิติเวช ร.พ.ตำรวจ กทม. ตรวจ เปรียบเทียมดีเอ็นเอของผู้เสียชีวิตอีกครั้ง
ด้านการเก็บดีเอ็นเอของเด็กเรือสปี๊ดโบ๊ทเมื่อวานนี้นั้นนั้น ยังไม่มีการส่งดีเอ็นเอให้แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจแต่อย่าง และยังไม่ทราบว่าจะส่งเมื่อใด และจะแล้วเสร็จเมื่อใด  โดย พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ยังปัดถึงแนวทางการสอบสวน และความเป็นไปได้ในกรณีนี้ ซึ่งบอกเพียงว่าต้องรอผลจากแพทย์นิติเวชก่อน เท่านั้น
--------
"สมยศ" เผย ผลตรวจ DNA ต่างด้าว กว่า 30 คน ไม่โยงฆ่า 2 ฝรั่ง เกาะเต่า - ยัน ตำรวจทำงานเต็มที่ เตรียมสอบแรงงานประมงเพิ่ม
พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.ราษฎร์ธานี ว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอของแรงงานต่างด้าว กว่า 30 คน เทียบเคียงกับอสุจิในศพผู้ตาย และวัตถุพยานต่าง ๆ ยังไม่พบความเชื่อมโยงแต่อย่างใด ส่วนผู้ต้องสงสัยอีก 2 ราย ที่มีรายงานว่าพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไว้นั้นยังไม่ได้รับรายงานผลการตรวจสอบ พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเร่งรัดคดีอย่างเต็มที่
โดยในวันนี้ได้มอบหมายให้ พลตำรวจตรีสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ รักษาราชการแทนผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาลพร้อมชุดสืบสวน ลงพื้นที่ไปช่วยคลี่คลายคดีแล้ว พร้อมเตรียมขอความร่วมมือขอเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของลูกเรือชาวประมงบนเกาะ รวมถึงบุคคลที่อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุมาตรวจพิสูจน์เพิ่มเติมด้วย ส่วนประเด็นการก่อเหตุครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง 
อย่างไรก็ตาม พลตำรวจเอกสมยศ กล่าวด้วยว่า ทางการประเทศอังกฤษยังคงมั่นใจการทำงานของตำรวจไทย โดยมีการประสานการทำงานกับเจ้าหน้าที่ประจำสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำเทศไทยตลอด ซึ่งทางสถานทูตเองได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดำเนินการอย่างเต็มที่ และเห็นว่ายังไม่จำเป็นต้องส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจากประเทศอังกฤษเข้ามาช่วยคลี่คลายคดี

-------