PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เกม 'แห่ปู' มุ่งที่เลือกตั้ง

เกม 'แห่ปู' มุ่งที่เลือกตั้ง

จริงๆก็ยังมีโอกาสหายใจหายคออยู่
ฟังจาก “ซือแป๋” นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ “คนเขียนกติกา” ประเทศไทย ชี้ช่องเอง คดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังมีสิทธิยื่นอุทธรณ์และประกันตัวได้ ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญปัจจุบัน

นั่นหมายถึงวันชี้ชะตา 25 สิงหาคม ถ้าผลออกมาเป็นลบ

“น้องปู”ก็ยังมีช่องยื้อสู้ต่อ ไม่ได้จบแล้วจบเลยแบบศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ

ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญเก่า ที่คนโดนตัดสินผิดต้องโดนล็อกเข้าเรือนจำทันที

นี่คิดในแง่ร้ายสุดๆ ไม่ได้พูดถึงผลที่จะออกมาเป็นกลางหรือเป็นบวก

ว่ากันตามเงื่อนไขสถานการณ์ เกมมวลชนจึงยังก้ำกึ่งกับช็อตที่ยังไม่ถึงจุดเด็ดขาดจริงๆ

เรื่องของเรื่อง โดยปรากฏการณ์ของม็อบถึงตรงนี้คง “ฝ่อ” ไปเยอะ

กับสภาพของแกนนำมืออาชีพอย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานเสื้อแดง นปช. นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ฯลฯ ที่พากันเดินเข้าคุก โดนขังยาวอยู่ในเรือนจำ ขณะที่ฝั่งแกนนำม็อบพันธมิตรฯก็จ่อเอาขาข้างหนึ่งเข้าไปอยู่ในคุก จากที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินคดียึดทำเนียบรัฐบาล

จุดจบของ “กฎหมู่เหนือกฎหมาย” อยู่ที่เรือนจำ

ใครจะนำมวลชนออกมาต้องคิดกันหลายตลบ

และอ่านทางรัฐบาล คสช.แม้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.จะพะวงกับม็อบอย่างเห็นได้ชัด

กดดันในฐานะผู้นำต้องรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย

แต่ลึกๆกว่านั้นน่าจะมองข้ามช็อตไปถึงเหลี่ยมของพี่ชายที่อยู่แดนไกลและทีมงานพรรคเพื่อไทย จะใช้ชะตากรรมของ “ยิ่งลักษณ์” ผู้น่าสงสาร ปลุกพลังมวลชน

ผู้สนับสนุนที่เงียบไปนานให้ตื่นขึ้นมา ชิงจังหวะ “คิกออฟ” ยุทธศาสตร์เลือกตั้ง ดันเรตติ้งพรรคเพื่อไทยให้กระฉูด

เข้าสูตรเก่งของยี่ห้อ “ทักษิณ” โกยแต้มแบบถล่มทลาย

ตรงนั้นแหละน่าห่วงมากกว่า เพราะพลังแฝงของ “น้องปู” สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนแบบที่ประเมินไม่ได้

แต่อย่างไรก็ตาม โดยแนวโน้มกระแสกำลังไหลเข้าทางเกมเลือกตั้ง แต่ตามสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยก็ยังติดโจทย์ปัญหาสำคัญในการจัดทัพ

โดยเฉพาะตัวแม่ทัพนำสู้ศึกในสนาม ถึงตรงนี้ชัดเจนแค่คิว ของ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง ที่เคลื่อนไหวแสดงตัวแสดงตนเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคคนใหม่

“หงายไพ่” เกหมดหน้าตักแล้ว

แต่ก็ยังไร้วี่แววการสำทับอย่างเป็นทางการจากอดีตนายกฯทักษิณ ตามสไตล์ “นายใหญ่” ใครอาสาก็เออออด้วยทั้งนั้น แต่ถึงช็อตสุดท้ายที่ต้องฟันธง

ต้องเฟ้นคนที่ “ไว้วางใจ” ได้จริงๆ

ที่แน่ๆในมุมของ “เจ๊หน่อย” ที่เดินหมากรุกฆาตมาถึงขั้นนี้ รู้กันไปทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว ถ้าไม่ได้ตามเป้าหมายก็คงไม่ทนเขินอายอยู่ในพรรคเพื่อไทย

หนทางสุดท้ายต้องแหกค่ายออกไปตั้งพรรคใหม่ลุยสู้เอง

โดยสถานการณ์ไม่แตกต่างกันกับ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิ กปปส. ที่บท “ขุนอาสา” เข้าไปยึดป้อมค่ายประชาธิปัตย์ไม่สำเร็จ

แถมรายการกล่อม “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ให้ร่วมเป็นกองหนุน “นายกฯลุงตู่” เป็นผู้นำรัฐบาลช่วงเปลี่ยนผ่านก็ยังส่อเค้าล้มเหลวไม่เป็นท่า

เจอลูกดื้อยาของ “หนุ่มมาร์ค” แถมแกล้งตั้งแง่ให้ทหารหมั่นไส้

ถ้า “อภิสิทธิ์” ยังเป็นหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ยากจะจูนกับทหาร

โดยไฟต์บังคับของ “ลุงกำนัน” ก็คงต้องฮึดพาลูกทีมออกไปตั้งป้อมค่าย เพื่อสานนโยบายที่ประกาศหนุน “นายกฯลุงตู่” แบบสุดลิ่มทิ่มประตู

แม้จะดูเป็นเรื่องยาก แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นในเกมภาคบังคับ

กปปส.ก็หวังเจาะคะแนน “เลือดสะตอ” ยุคใหม่ที่ไม่ยึดติดกับยี่ห้อประชาธิปัตย์

ได้มากได้น้อยก็ตีตั๋วร่วมรัฐบาลแน่นอน.

ทีมข่าวการเมือง

"สมชาย" ความจริงที่นักการเมืองไม่รู้กรณีคดีย่งลักษณ์

ความจริงที่นักการเมืองบางกลุ่ม นักปลุกระดมมวลชน นักกฎหมายของบางพรรค และทนายความของคุณยิ่งลักษณ์ไม่ยอมบอกประชาชนที่กำลังถูกชักจูงให้เคลื่อนมาให้กำลังใจหรือเพื่อกดดันศาลฎีกาในวันตัดสินคดีจำนำข้าว 25 ส.ค.2560 ว่า

"ไม่ว่าคำพิพากษาของศาลจะออกมาเช่นไร ทั้งตัดสินให้จำหรือปรับหรือรอลงอาญาหรืออื่นใด คุณยิ่งลักษณ์ก็มีสิทธิอุทธรณ์ได้ตามรัฐธรรมนูญใหม่และตามพระราชบัญัตติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่สนชเพิ่งผ่านออกมาเป็นกฎหมาย คุณยิ่งลักษณ์จึงไม่มีเหตุที่จะถูกขังคุกโดยไม่ได้รับการประกันตัวใดๆหรือจะมีเหตุหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา เพราะกฎหมายและกติกาใหม่ได้เปิดโอกาสอย่างเที่ยงธรรมในการให้ได้อุทธรณ์สู้คดีได้อีกเต็มที่. กระบวนการยุติธรรมให้ความยุติธรรมมากมายขนาดนี้ ยังไม่ถูกใจหรือแกล้งไม่เข้าใจใดๆอีกครับ หรือต้องการหลอกใช้ประชาชนให้ออกหน้ามาติดคุกหรือมาตายแทนเพื่อประโยชน์เฉพาะตนเฉพาะกลุ่มตระกูลแบบที่เคยทำมาแล้วได้ผลในอดีต."

แต่เชื่อเถอะครับว่า ถ้าพี่น้องประชาชนได้รับคำอธิบายจนเข้าใจในรัฐธรรมนูญมาตรา195 ว่าด้วยการพิจารณาคดีและการอุทธรณ์และทราบถึงกติกาใหม่ในพรบประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา62,63,64,65 แล้ว จะไม่เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมืองที่ซ่อนเร้นเจตนาที่ศาลฎีกาในวันดังกล่าว แน่นอน

จากที่หลายคนออกมาคุยโวว่าจะมีมวลชนมาเป็นล้านเป็นสิบล้านนั้น อาจไม่สมหวังสู้นอนดูทีวีให้กำลังใจอยู่ที่บ้านที่ไร่นา แล้วปล่อยให้นักปลุกระดม นักการเมืองที่แค่หวังลงสส และญาติพี่น้องใกล้ชิดสัก10ถึง100คนมาให้กำลังใจกันก็พอแล้วครับ

ศาลสถิตย์ยุติธรรมและกฎหมายไทยให้ความยุติธรรมเที่ยงตรงมากมายขนาดนี้แล้ว. ยังไม่พออีกเหรอครับ

หลักกฎหมายนั้นจะให้ถูกใจใครทั้งหมดไม่ได้. แต่จะต้องดำรงไว้ซึ่งความถูกต้อง เพื่อประโยชน์สุของสังคมประเทศชาติโดยรวม

หาใช่เฉพาะแค่บางคนบางกลุ่มบางพรรคบางตระกูลเท่านั้นครับ

สมชาย แสวงการ สมาชิกสภานติบัญญัติแห่งชาติ 26 กค60
////
@ข้อมูลที่ควรอ่านประกอบตามความเห็นข้างต้น

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย2560

มาตรา ๑๙๕ ให้มีแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา โดยองค์คณะ ผู้พิพากษาประกอบด้วยผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดํารงตําแหน่งไม่ต่ํากว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาหรือผู้พิพากษา อาวุโสซึ่งเคยดํารงตําแหน่งไม่ต่ํากว่าผู้พิพากษาศาลฎีกา ซึ่งได้รับคัดเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา จํานวนไม่น้อยกว่าห้าคนแต่ไม่เกินเก้าคนตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง โดยให้เลือกเป็นรายคดี
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองมีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีตามที่ บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง

***คําพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ให้อุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ ศาลฎีกาได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองมีคําพิพากษา

***การวินิจฉัยอุทธรณ์ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตามวรรคสี่ ให้ดําเนินการโดยองค์คณะของศาลฎีกา ซึ่งประกอบด้วยผู้พิพากษาในศาลฎีกาซ่ึงดํารงตําแหน่งไม่ต่ํากว่าผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา หรือผู้พิพากษาอาวุโสซึ่งเคยดํารงตําแหน่งไม่ต่ํากว่าผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาซึ่งไม่เคยพิจารณา คดีนั้นมาก่อน และได้รับคัดเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจํานวนเก้าคน โดยให้เลือกเป็นรายคดี และเมื่อองค์คณะของศาลฎีกาดังกล่าวได้วินิจฉัยแล้ว ให้ถือว่าคําวินิจฉัยนั้นเป็นคําวินิจฉัยอุทธรณ์ของ ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา

**หลักเกณฑ์และวิธีการอุทธรณ์ตามวรรคสี่ และการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ตามวรรคห้า ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่ง ทางการเมือง

@พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.
หมวด 6 อุทธรณ์

***มาตรา 62 คำพิพากษาของศาลให้อุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ภายใน สามสิบวันนับแต่วันที่ศาลมีคาพิพากษา

***มาตรา 63ในกรณีที่จาเลยซึ่งไม่ได้ถูกคุมขังเป็นผู้อุทธรณ์ จำเลยจะยื่นอุทธรณ์ได้ ต่อเมื่อแสดงตนต่อเจ้าพนักงานศาลในขณะยื่นอุทธรณ์ มิฉะนั้นให้ศาลมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์

***มาตรา 64 คดีที่ไม่มีอุทธรณ์คาพิพากษา ให้เป็นที่สุดตั้งแต่วันที่ได้อ่านหรือ ถือว่าได้อ่านคำพิพากษาของศาล

***มาตรา 65 การวินิจฉัยอุทธรณ์ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ให้ดำเนินการโดย องค์คณะของศาลฎีกาซึ่งประกอบด้วยผู้พิพากษาจำนวนเก้าคน ซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาคัดเลือก จากผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดารงตาแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาหรือ ผู้พิพากษาอาวุโสซึ่งเคยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ซึ่งไม่เคยพิจารณา คดีนั้นมาก่อน

พระพุทธอิสระพูดถึงการระดมมวลชนเชียร์ปู

หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุค ระบุว่า เสียงปี่ ฆ้อง กลอง ถัง ระฆัง ครก เริ่มบรรเลงส่งสัญญาณระดมพลคนเสื้อแดงแล้วพี่น้อง

๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐

พี่น้องชาวนา ชาวบ้านธรรมดา หลายจังหวัดรายงานมาว่า ช่วงนี้มีบรรดาหัวคะแนนแกนนำเสื้อแดงพากันออกเดินสายเชิญชวนพี่น้องชาวนาและชาวบ้าน ให้เดินทางไปร่วมมอบดอกไม้เป็นกำลังใจอดีตนายกปู
ในวันที่ ๒๕ ส.ค. นี้ ซึ่งมีกำหนดการออกเดินทางในช่วงค่ำคืน กะว่ามาถึงหน้าศาลในเวลาเช้าพอดี
ได้ยินมาว่า งานนี้ค่าเดินทาง ค่ากินอยู่มีเจ้าภาพจัดหนักให้

ซึ่งดูจะสอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของพวกอดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทยหลายคน ที่ออกมาเชิญชวนแฟนคลับให้เดินทางมาร่วมแสดงน้ำใจ โดยมีคำชักชวนประมาณว่า

“หากไปกันให้มาก ๆ ศาลจะได้ให้ความเป็นธรรม”

ตรงกับข้อความที่นายวัฒนาโพสต์ลงเฟซบุ๊คส่วนตัว ตอนหนึ่งว่า “ความถูกต้อง ต้องมีที่ยืน”

ประมาณว่า พวกพ้องพรรคเพื่อไทยเขาทำถูกต้องมาตลอด ไม่รู้ว่าโครงการรับจำนำข้าวของพวกเขามีการทุจริต มีการนำข้าวเขมร ข้าวลาว ข้าวพม่า มาจำนำกับรัฐบาลไทยด้วย

ทุจริตไม่เว้นแม้ยอดตัวเลขที่รับจำนำเอาไว้กลับมีมากกว่าจำนวนข้าวจริง ๆ เรียกว่า จำนำแต่ตัวเลข มีข้าวไม่เต็มจำนวน

ขณะนั้นเวลามีการตรวจโกดังข้าวจึงเกิดขบวนข้าวบินกันทั้งคืน เพื่อจะให้ตรวจข้าวครบจำนวน

นี่ยังไม่นับรวมการแหกตาหลอกชาวนาว่า ข้าวที่รับจำนำไว้สามารถขายให้จีนได้ด้วยวิธีรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี

พอสอบเข้าจริง ๆ ปรากฏว่า จากจีทูจีกลายเป็นเจี๊ยะกูเจี๊ยะ
รวมความว่าโครงการจำนำข้าวแทนที่จะได้ประโยชน์แก่ชาวนาเต็มเม็ดเต็มหน่วย กลายเป็นว่าประโยชน์เกิดกับพวกพ้องของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ชาวนาได้จริง ๆ แค่เศษเงินเท่านั้น
งานนี้ทำเอารัฐต้องสูญเสียเงินไปถึงห้าแสนกว่าล้านบาท
แทนที่พวกพรรคเพื่อไทยจะรับรู้ถึงความผิดพลาดนี้ กลับตะแบงโพทนาว่าชาวนาได้ประโยชน์
แต่กลับไม่ยอมรับว่ามีการทุจริต ไม่ยอมรับความผิดที่เกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของพวกตนเอง
มาวันนี้คดีใกล้จะมีคำพิพากษาจากศาลฎีกาฝ่ายคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันที่ ๒๕ ส.ค. นี้
แทนที่จะรอรับพังคำพิพากษาของคณะตุลาการด้วยความสงบ เคารพและยอมรับ เพราะสถาบันตุลาการคือเป็นหลักของบ้านเมือง แต่คนพวกนี้กลับระดมพาผู้คนมากดดันศาล
งานนี้คงต้องดูว่ารัฐบาล คสช. นายกลุงตู๋ สามารถรับสถานการณ์ได้แค่ไหน
พวกเราคนไทยผู้มีหัวใจรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ก็จงตั้งอยู่ด้วยความไม่ประมาท เห็นอะไร รู้อะไร ที่จะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายไม่สงบ ก็ต้องช่วยกันส่งสัญญาณแจ้งแก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่งคงให้ได้รับรู้ เพื่อจะได้ป้องกันปัญหาไว้แต่เนิ่น ๆ

นอกจากนี้ก็ให้ทุกคนเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ในบ้านอย่างสงบอย่าได้ออกมาเพิ่มภาระให้รัฐบาล
หากเห็นว่า คสช. จะเอาไม่อยู่ พวกเราก็เตรียมพร้อมที่จะออกมาปกป้องบ้านเมืองในทันที
ดีเหมือนกัน หากพรรคเพื่อไทยขนคนมากดดันศาลกันมาก ๆ จนเกิดเหตุรุนแรงขึ้น คสช. จะได้ยืดโรดแมปการเลือกตั้งออกไปอีก จนกว่าบ้านเมืองสงบสุข

'สันดอนขุดได้-สันดานแก้ไม่ได้'

ก็ไม่อยากพูดอะไรหรอกนะ!
แต่ด้วยรักและสมเพช..........
ขอพูดนิด ตามประเด็นที่ Yingluck Shinawatra โพสต์ fb เมื่อวาน (๒๕ ก.ค.๖๐) ด้วยข้อความว่า
"ดิฉันอยากจะสะท้อนถึงความพยายามต่างๆ ในการกระทำที่เสมือนสร้างเป็นเงื่อนไขเพื่อชี้นำคดีก่อนที่จะมีผลตัดสินของศาลฎีกาฯ ในคดีโครงการรับจำนำข้าว
แต่ในที่สุด รัฐบาลก็เลือกที่จะทำ เพราะคิดว่าตนมีอำนาจจะใช้อำนาจอย่างไรก็ได้ รวมทั้งไม่รอคำสั่งศาลปกครองที่ดิฉันได้ขอให้ทุเลาการบังคับคดีไว้
แม้วันนี้ ดิฉันจะถูกอายัดบัญชีธนาคาร และกำลังจะถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมด จนต้องร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอทุเลา คงได้แต่บอกว่าดิฉันยังเข้มแข็ง และพร้อมยืนหยัดต่อสู้ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจว่า
'ดิฉันไม่ได้ทำอะไรผิด'
ผ่านการแถลงการณ์ปิดคดีด้วยวาจาต่อศาลอย่างหมดใจ ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ค่ะ ซึ่งดิฉันก็จะทำอย่างดีที่สุด
ดิฉันขอเปลี่ยนกำลังใจจากแฟนเพจและพี่น้องประชาชนมาเป็นพลังให้ดิฉันได้มีความเข้มแข็งและอดทนค่ะ"
ครับ...ก็ไม่อยากใช้คำว่า "ตัดแต่งประเด็น" เป็นคำพูดสร้างความถูกต้อง-ชอบธรรมให้ตัวเอง
เพราะผมเชื่อ เธอโพสต์เอง..........
แต่ไม่เชื่อว่าข้อความที่โพสต์ เธอคิดเอง เรียบเรียงเป็นข้อความออกมาเอง?
ฉะนั้น ก็อยากพูดบางอย่าง เพื่อให้เธอเข้าใจบางขั้นตอน เพื่อเวลาโพสต์-เวลาพูด "ตัวตนยิ่งลักษณ์" ที่มีคำว่า "อดีตนายกฯ" ต่อท้าย จะได้ไม่สะท้อนภาพลักษณ์ประเทศ
ว่าอัปลักษณ์ตามไปด้วย!
ก่อนอื่น ขอย้ำให้เข้าใจ รัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลไหนๆ ไม่มีอำนาจและไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายการตัดสินคดีใดๆ ของศาล
ถ้าจะมี ก็มีพวกเดียว คือพวกเธอนั่นแหละ จำได้มั้ยล่ะ?
ก็ทนายของ "ทักษิณ-พจมาน" ที่หิ้วถุงขนม ๒ ล้าน ไปแกล้งลืมที่ศาล จนต้องติดคุก ๖ เดือน เมื่อปี ๕๑ นั่นน่ะ
ถ้าจำไม่ได้ ลองถาม "นายพิชิฏ ชื่นบาน น.ส.ศุภศรี ศรีสวัสดิ์ และนายธนา ตันศิริ" ดูก็จะได้ความ
ฉะนั้น ที่เธอโพสต์หวังโน้มน้าวให้คนคล้อยตามด้วยข้อความทำนองว่า
"รัฐบาลใช้อำนาจกระทำเหมือนสร้างเงื่อนไขชี้นำคดี ก่อนศาลฎีกาฯ จะตัดสิน ๒๕ สิงหา" นั้น
ไหน...ชี้มาให้ชัดซิ ตรงไหน-อะไร ที่เธอว่า รัฐบาลใช้อำนาจสร้างเงื่อนไข "ชี้นำคดี"?
เรื่องที่เธอยื่นศาลปกครอง ขอทุเลาการบังคับคดีว่าด้วยการอายัดทรัพย์สินนั่นเหมือนกัน
เธอโพสต์ตีขลุม ว่าเป็นการสร้างเงื่อนไขชี้นำคดี ด้วยข้อความว่า.............
"รวมทั้งไม่รอคำสั่งศาลปกครองที่ดิฉันได้ขอให้ทุเลาการบังคับคดีไว้ แม้วันนี้ ดิฉันจะถูกอายัดบัญชีธนาคาร และกำลังจะถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมด จนต้องร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอทุเลา" นั้น
นั่นเป็นการสร้างเท็จในจริง-สร้างจริงในเท็จให้คนไขว้เขว-สับสน ในข้อเท็จจริง
ประเด็นนี้ เป็นเรื่องระบบราชการที่ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายเรื่อยมาแล้ว ตั้งแต่ตุลา ๕๙
กระทรวงการคลังให้ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ฐานเพิกเฉยปล่อยให้เกิดความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว มูลค่า ๓.๕ หมื่นล้าน
แค่มีคำสั่ง...........
ก็ให้ทนายวิ่งแร่ไปยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง ขอให้มีคำสั่งทุเลาการบังคับอายัดทรัพย์สิน
ศาลจึงยกคำร้อง เพราะยังไม่มีการใช้มาตรการบังคับทางปกครองยึดหรืออายัดทรัพย์สินใดๆ เลย
คือยังไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น แล้วจะให้ออกคำสั่งทุเลาอะไรล่ะ!
นั่นก็ครั้งหนึ่ง ตอนต้นปี เรื่องก็จบไป
จนกระทั่งทางคลังสืบทรัพย์ตามขั้นตอนได้เรื่องได้ราว ก็ส่งบัญชีเงินฝาก ๑๒ บัญชีของยิ่งลักษณ์ให้ "กรมบังคับคดี" เพื่ออายัด-ยึดทรัพย์
๑๙ ก.ค.๖๐.........
ยิ่งลักษณ์แต่งทนายไปร้องศาลปกครองอีกครั้ง ขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับอายัดทรัพย์สิน
จาก ๑๙ ก.ค.ถึง ๒๕ ก.ค. แค่ ๕-๖ วันเท่านั้น..........
ทั้งทนาย ทั้งตัวยิ่งลักษณ์ย่อมทราบ "ว่าเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล"
๒๑ ก.ค.๖๐
การไต่สวนจำเลยนัดสุดท้ายในคดียิ่งลักษณ์ที่ศาลฎีกาฯ จบแล้ว ศาลให้ยิ่งลักษณ์แถลงปิดคดีด้วยวาจาวันที่ ๑ สิงหา ๖๐
ให้คู่ความยื่นคำแถลงปิดคดีด้วยลายลักษณ์อักษรภายในวันที่ ๑๕ สิงหา ๖๐
และนัดฟังคำตัดสินวันที่ ๒๕ สิงหา ๖๐ เวลา ๙ โมงเช้า!
ที่ผมยกวัน-เวลามาให้ดู เพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน ว่า
"เธอแหลเกินความเป็นจริงมากไปแล้ว!"
ก็ ๑๙ ก.ค.ไปร้องศาล และคำร้องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
หมายความว่า คำสั่งอายัดทรัพย์ของคลังก็ดี การพิจารณาคำร้องทุเลาของศาลปกครองก็ดี
เกิดก่อนที่ศาลฎีกาฯ จะกำหนดวันตัดสินคดีจำนำข้าวที่ ๒๕ สิงหา!
แล้วเธอโพสต์ได้อย่างไร ว่า..........
"รัฐบาลสร้างเงื่อนไขชี้นำคดี 'ก่อนตัดสิน' โดยไม่รอคำสั่งศาลปกครอง....?"
และเมื่อวาน (๒๕ ก.ค.) ศาลปกครองก็แจ้งให้ทราบแล้วมิใช่หรือ ว่าให้เธอในฐานะผู้ฟ้องคดี
"ชี้แจงเพิ่มเติมกลับไปภายใน ๑๕ วัน"
อย่ามัวสะเป๊อะสะป๊ะอยู่เลย รีบทำคำชี้แจงไปให้ศาลปกครองไวๆ เถอะ
ศาลจะได้พิจารณา ว่าจะมีคำสั่งทุเลาตามที่ร้องขอหรือไม่?
จะทุเลาหรือไม่ทุเลา เพื่อคลายความทุร่าน-ทุรน ดูหลักเกณฑ์ในการพิจารณาของศาลพลางๆ ก่อนก็ได้
หากจะมีคำสั่งทุเลา ต้องเข้า ๓ องค์ประกอบนี้ คือ
๑.เป็นกรณีที่เห็นว่าคำสั่งนั้น น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย
๒.หากปล่อยให้คำสั่งนั้นมีผลใช้บังคับต่อไปจะเกิดความเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดีจนยากแก่การเยียวยาในภายหลัง
๓.การมีคำสั่งทุเลาการบังคับคดีของศาล จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของรัฐ
เอาล่ะ มาประเด็นต่อไป ที่โพสต์ว่า.....
"..........ดิฉันยังเข้มแข็ง และพร้อมยืนหยัดต่อสู้ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจว่า ดิฉันไม่ได้ทำอะไรผิด"
อยากถาม...........
ในเมื่อศาลยังไม่ได้ตัดสิน แล้วใครบอกว่า "เธอผิด"?
เธอว่า ตัวเธอ "ไม่ได้ทำอะไรผิด" ก็ดีแล้วนี่
ในเมื่อไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วจะทุรน-ทุราย พล่าน ส่อสันดานอันธพาลเมือง ตั้งแต่นิ้วโป้งยันนิ้วก้อยตีนข้างซ้ายไปเพื่ออะไรกัน?
มั่นใจว่าไม่ผิด ก็รักษาบุคลิกอดีตนายกฯ ไว้
ดู "ปัก กึนฮเย" เป็นแบบอย่างซิ
เห็นมั้ย...ด้วยศักดิ์ศรีของคนเป็นผู้นำหญิง ถูกถอดถอนจากตำแหน่งเหมือนกัน ส่วนจะเข้าคุกเหมือนกันหรือไม่ ยังรอพิสูจน์
ปัก กึนฮเย ไม่นำปัญหาส่วนตัวไปปลุกปั่น-ปลุกระดม ไปโพสต์บ้าๆ บอๆ เพื่อตัวเอง
จากสูงสุด "ประธานาธิบดีหญิง" ลงต่ำสุดที่ "นักโทษหญิง"
เธอยอมรับคำพิพากษาโดยสงบ.........
เสียส่วนตัว แต่สง่างามในศักดิ์ศรีนักการเมือง!
ไอ้ที่อ้อนแฟน.....
"ดิฉันขอเปลี่ยนกำลังใจจากแฟนเพจและพี่น้องประชาชนมาเป็นพลังให้ดิฉันได้มีความเข้มแข็งและอดทนค่ะ" นั่นน่ะ
จะอ้วก ก็เสียดาย!
ไอ้การขอเปลี่ยนกำลังใจเป็นพลังน่ะ ส่งสัญญาณให้มากันแบบปี ๕๓ หรือไง?
ทีหน้า-ทีหลัง จะโพสต์อะไรละก็ อ้างเสื้อแดงได้ แต่ขอร้อง อย่าใช้คำว่า "ประชาชน" อ้างว่าเป็นแฟนเพจของเธอเลย
ไม่มีใครเป็น "ประชาชน" ของเธอหรอก
ทุกวันนี้ เหลือแต่ทาสแม้ว "พันธุ์ทาก" เกาะเท้าไม่ยอมปล่อยเท่านั้น
๒๕ สิงหาจะประจักษ์..........
สิบล้านที่ว่าจะมา ระวัง จะเป็น "สิบล้านหยดน้ำตา"
เพราะวันนี้ ประชาชนตื่นรู้ในความเลวระบอบทักษิณ ที่เอาประโยชน์โคตรตัว มาเป็นปัญหาชาติแล้ว!

สงสัยจะซิ้อ ให้ ลูกสาว !!

สงสัยจะซิ้อ ให้ ลูกสาว !!
"นายกฯบิ๊กตู่"ซื้อ กีต้าร์ไม้ไผ่ขด. ตัวละ4หมื่น 2 ตัว ภูมิปัญญา นศ.ม.ขอนแก่น
โดยคาดการณ์ว่า นายกฯซื้อให้ ลูกสาวฝาแฝด ซึ่งเป็นนักดนตรี
มีรายงานว่า พลเอกประยุทธ์ เมื่อครั้งไปเปิดงาน “ตลาดนัดเปิดโลกผลงานวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยพบผู้ใช้” ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ สัปดาห์ก่อน ในระหว่างเดิมชมบู้ท กีต้าร์ไม้ไผ่ขด นายกฯสนใจมาก แล้ว ซื้อ2 ตัว ราคาตัวละ 40,000บาท
โดยเป็นกีตาร์ ที่สร้างจาก ภูมิปัญญาท้องถิ่น ของ พิชญ์ระวี สุรอารีกุล ศิษย์เก่าสาขาวิชาการออกแบบอุตสาหกรรม สถาปัตย์ ม.ขอนแก่น และกำลังเรียนปริญญาโท คณะสถาปัตย์ ม.ขอนแก่น ในสาขาเดิม
สร้างความฮือฮาให้กับผู้ที่มาร่วมงาน เนื่องจากเป็นผลงานวิจัยและนวัตกรรมประเภทเดียวในงานที่ท่านนายกรัฐมนตรีสั่งซื้อ และซื้อทีเดียวถึง 2 ตัว
Cr-คัมชัดลึก ออนไลน์

"นายกฯ'สั่งปฏิรูประบบงานข่าวกรองให้สอดคล้องภัยคุกคามมั่นคง และ ไซเบอร์



"นายกฯ'สั่งปฏิรูประบบงานข่าวกรองให้สอดคล้องภัยคุกคามมั่นคง และ ไซเบอร์/สั่งปรับองค์กร-โครงสร้าง หน่วยมั่นคง/ที่ประชุม สมช.เร่งสรุปผลศึกษา CCTV นำไปใช้ประโยชน์- กฎหมายผลประโยชน์ทางทะเล
พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงผลการประชุมสมช.ครั้งที่ 1/2560 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมรับทราบ 4 ประเด็น คือ
1.รับทราบผลการศึกษาระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) รายงานความคืบหน้าของคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบการใช้งานของระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ว่าได้บูรณาการเชื่อมโยงและตรวจสอบกล้องซีซีทีวีในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งกำหนดจุดที่มีความจำเป็นต้องติดตั้งกล้องCCTVเพิ่มเติม
2. นายกฯ สั่งการให้สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) ปฏิรูปข่าวกรอง เพื่อยกระดับงานด้านข่าวกรองตอบสนองการแก้ปัญหาภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ
3.รับทราบความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ. …
4.รับทราบสาระสำคัญของ พ.ร.บ.สภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ.2559 ที่บัญญัติขึ้นเพื่อรองรับและตอบสนองต่อภัยคุกคามด้านความมั่นคง รวมถึงเป็นการปฏิรูประบบงานความมั่นคงตามนโยบายรัฐบาล
โดยมีการปรับปรุงทั้งในส่วนขององค์กร อำนาจหน้าที่ และกลไกการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ
นอกจากนี้ที่ประชุมยังพิจารณาร่างนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ.2560 - 2564) ร่างยุทธศาสตร์การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (พ.ศ.2560 - 2564) ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับแรกของไทยที่จะนำมาใช้เป็นกรอบในการรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์
ตลอดจนงานด้านสืบสวนและงานข่าว ร่างยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมแห่งชาติ (พ.ศ.2560-2564) ร่างยุทธศาสตร์การต่อต้านการก่อการร้าย (พ.ศ.2560 - 2564) เพื่อตอบสนองสถานการณ์การก่อการร้ายทุกรูปแบบ และร่างประกาศ สมช. เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประกาศสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามและการกำหนดระดับความร้ายแรงของภัยคุกคามในด้านการก่อการร้าย
///

Set Zero พาคนกลับบ้าน

Set Zero พาคนกลับบ้าน
"บิ๊กโด่ง" พลเอกอุดมเดช รมช.กห./หัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษรัฐบาลฯ เผย Set zero โครงการ"พาคนกลับบ้าน"ใหม่ แล้ว เผย กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า คัดกรองใหม่แล้ว จากยอด 4,500 คน ตัดออก3,600 คน ที่เหลืออยู่ ราว900 คน ให้ในโครงการ โดยจนท.ติดตามดูแล ทั้งนี้ไม่เกินกำลัง จนท. และสนับสนุนให้เดินหน้าทำต่อ แต่ต้อง กลั่นกรองให้ดี ไม่ให้ซ้ำรอย คนในโครงการฯ ไปร่วมก่อเหตุระเบิด ที่บิ๊กซี ปัตตานี
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและหัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษรัฐบาล ประชุมคณะผู้แทนพิเศษรัฐบาลฯคณะใหญ่ โดย เชิญ สตช.หารือ เพิ่มประสิทธืภาพของตำรวจ ชายแดนใต้และการขาดแคลนตำรวจ โดยเฉพาะ พนักงานสอบสวน
รวมทั้งการ ปรับปรุงกลัองวงจรปิด ที่ไม่ใช่ใช้แค่ติดตามหลังเกิดเหตุ แต่เพื่อป้องกัน เชิงรุก ทำให้เป็น"กล้องCCTVที่มีชีวิต"จะมีประโยชน์มากขึ้น
รวมทั้งแก้ปัญหาพลังงาน ที่ขาดแคลน ตั้ง
โรงไฟฟ้า ชีวมวล.ขนาดใหญ่ โดยใชั เศษไม้ยางพารา หมดอายุ เกินความตัองการ กะลาปาล์ม ที่ปชช.ในพื้นที่ นำมาขาย มห้โรงไฟฟ้า เป็นรายได้ในระยะยาว

คุยกับแกนนำ แล้ว!!!

คุยกับแกนนำ แล้ว!!!
"บิ๊กป้อม" บอกไม่กังวลว่า วันตัดสินคดีจำนำข้าว"ยิ่งลักษณ์" จะเกิดความรุนแรง หรือการสร้างสถานการณ์ หรือจะเอาคำตัดสินของศาล มาเป็นเงื่อนไขนำไปสู่ความรุนแรง เผย คุยแกนนำแล้ว
ส่วนการข่าว ตอนนี้ ยังปกติ ยังไม่มีรายงานว่าจะมีการก่อเหตุร้าย ....ส่วนที่พบคาามเคลื่อนไหวมวลชน ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค(บช.ภ.) 5นั้น ตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้ว และจับตาอยู่ จริงๆเรื่องนี้การตัดสินเป็นเรื่องของศาล ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลเลย อยากให้มวลชน ไม่ต้องมาให้กำลังใจ หรือมาแค่ครึ่งเดียว หรือไม่ก็ให้กำลังใจอยู่บ้านก็ได้ แต่ ยืนยัน จนท.ไม่มีการสกัดกั้น แต่ยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกับแกนนำแล้ว. แต่ก็ปฏิเสธว่า ไม่ได้จับตาความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ในต่างประเทศ

ทุกอย่างที่เคยถูกบดบัง จะสว่างขึ้น

"ทุกอย่างที่เคยถูกบดบัง จะสว่างขึ้น"
พระครูพราหมณ์ ราชสำนัก เผยกำลังใจคนไทยหลังผ่านพ้น 2 พระราชพิธีจะทำชาติพัฒนาขึ้น บอกเวลานี้ "ยังอยู่กับที่" ชี้เมื่อทุกคนมีศูนย์รวมจิตใจ ทุกอย่างที่เคยถูกบดบัง จะสว่างขึ้น

พระครูสุริยาเทเวศร์ พระครูพราหมณ์ สำนักพราหมณ์พระราชครู ในสำนักพระราชวัง มาร่วมในพิธีทำบุญ5ศาสนา ถวายเป็นพระราชกุศล ที่ทำเนียบรัฐบาล
เชื่อว่า ประเทศไทย หลังจากผ่านพ้น 2 พระราชพิธีสำคัญ แล้ว กำลังใจของคนไทยทั้งหมด จะทำให้บ้านเมืองพัฒนาขึ้นไป
ดวงบ้านเมืองหลังจากนั้น มันอยู่ที่ศรัทธา การปฏิบัติตามหลักธรรมะ กุศลผลบุญที่ได้จะมีหลักว่า เมื่อทุกคนได้เสียสละให้กับองค์สมมุติเทพแล้ว เหมือนคนไทยมีศูนย์รวมจิตใจ ทุกอย่างที่เคยถูกบดบัง จะสว่างขึ้น บ้านเมืองจะเป็นปึกแผ่น เวลานี้คือยังอยู่กับที่ ไม่เดินหน้าและไม่ถอยหลัง
Cr-MGR online

บิ๊กตู่"เตือน อย่าปลุกระดม บิดเบือน เรื่องยึดทรัพย์ "ยิ่งลักษณ์"

"บิ๊กตู่"เตือน อย่าปลุกระดม บิดเบือน เรื่องยึดทรัพย์ "ยิ่งลักษณ์" อย่าหาว่าเราไปรังแก ยึดทรัพย์ เพราะมันคนละเรื่อง
นายกฯ แจงมันคนละเรื่องกับคดีในศาลฎีกา ชี้อาจมีกรณีที่ 3 หากมีมาตรการทางแพ่งให้ชดใช้ค่าเสียหาย ถ้าศาลปกครองรับคำร้องทุเลายึด ก็ต้องหยุดชั่วคราว ลั่นกรมบังคับคดี ลุยจนกว่าจะสิ้นสุดอายุความ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.กล่าวถึงกรณีที่กรมบังคับคดี กระทรวงการคลัง ยึดและอายัดทรัพย์ในบัญชีธนาคารของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นคนละเรื่องกับกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีคำพิพากษาในคดีโครงการรับจำนำข้าวในวันที่ 25 ส.ค.นี้
ขออย่านำ 2 กรณีมาปนกัน เพราะการยึดทรัพย์ โดยกรมบังคับคดี ถือเป็นมาตรการทางปกครอง ซึ่งต้องทำตามเวลาที่กำหนด
ส่วนในวันที่ 25 ส.ค.เป็นเรื่องของศาล ซึ่งเป็นคดีอาญา วันนี้มี 2 กรณี แต่อาจะมี 3 กรณีก็ได้. หากมีมาตรการทางแพ่งให้ชดใช้ความเสียหาย
ขอยืนยันว่ากรณียึดและอายัดทรัพย์ไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา
เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ร้องต่อศาลปกครองให้ทุเลาการดำเนินการยึดทรัพย์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หากศาลรับคำร้องของน.ส.ยิ่งลักษณ์ การยึดทรัพย์ก็จะหยุดชั่วคราว ถ้าศาลไม่ให้ทุเลา ก็ต้องเดินหน้ายึดทรัพย์กันต่อไป ซึ่งขึ้นอยู่กับศาลว่าจะให้สิทธิแก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือไม่ ไม่ใช่ว่าเมื่อโดนคำสั่งศาลแล้ว จะไม่สามารถร้องขอความเป็นธรรมได้
แต่สิ่งสำคัญคือต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็สามารถร้องศาลปกครอง จนกว่าอายุความจะสิ้นสุด และระหว่างนี้ กรมบังคับคดี ก็จะดำเนินการยึดทรัพย์จนกว่า อายุความจะสิ้นสุดเหมือนกัน
“ขอว่าอย่าเอา 2 เรื่องมาพันกัน อย่าเอามากลายเป็นประเด็นเพื่อปลุกระดม เพื่อใช้ในการบิดเบือน เอาคนมาหาว่าเราไปรังแก ยึดทรัพย์ เพราะมันคนละเรื่อง เนื่องจากมีกฎหมายตั้งหลายตัว” นายกฯ กล่าว

ทร.ตั้ง"กรรมการสอบสวน"นาวาเอกนิวัธ" หลังภรรยา ถูกแฉในคลิป เอาพลทหาร ไปทำงานในร้านอาหาร

ทร.ตั้ง"กรรมการสอบสวน"นาวาเอกนิวัธ" หลังภรรยา ถูกแฉในคลิป เอาพลทหาร ไปทำงานในร้านอาหาร/ เจ้าตัว ชี้ ถูกกลัน่แกล้ง
พลเรือเอกจุมพล ลุมพิกานนท์ โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงกรณีคลิปภรรยา "นาวาเอก"ตำหนิทหาร ตามที่ ได้มีการเผยแพร่คลิปในสังคมออนไลน์ ระบุว่า พลทหารในสังกัดกองทัพเรือจำนวนหนึ่ง ถูกเกณฑ์มาเป็นคนงานในร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดระยอง กำลังถูกตำหนิอย่างรุนแรง จากหญิงคนหนึ่ง ซึ่งต่อมาได้มีการระบุว่า เป็นภรรยาของ นาวาเอก นิวัธ ฮะเจริญ รองผู้อำนวยการการท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมดังกล่าวอย่างกว้างขวาง
ทั้งนี้ กองทัพเรือ ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้บังคับบัญชาระดับสูงในกองทัพเรือ มีความห่วงใยในสวัสดิภาพของกำลังพลในกองทัพเรือ
ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนนายทหารที่ถูกระบุในข่าว
ซึ่งหากพบว่า ได้กระทำที่ผิดตามที่ถูกกล่าวอ้างจริง กองทัพเรือจะได้ดำเนินการลงโทษตามระเบียบของทางราชการอย่างเร่งด่วนต่อไป" พลเรือเอกจุมพล กล่าว
ด้าน นาวาเอกนิวัธ กล่าวว่า เป็นเรื่องของการกลั่นแกล้งกัน เพราะตนทราบดีและจากการกล่าวถึงชื่อร้านของตน ยอมรับว่าเป็นเจ้าของร้านจริง แต่ไม่ต้องการจะพูดอะไรอีก