
ฟังจาก “ซือแป๋” นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ “คนเขียนกติกา” ประเทศไทย ชี้ช่องเอง คดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังมีสิทธิยื่นอุทธรณ์และประกันตัวได้ ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญปัจจุบัน
นั่นหมายถึงวันชี้ชะตา 25 สิงหาคม ถ้าผลออกมาเป็นลบ
“น้องปู”ก็ยังมีช่องยื้อสู้ต่อ ไม่ได้จบแล้วจบเลยแบบศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ
ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญเก่า ที่คนโดนตัดสินผิดต้องโดนล็อกเข้าเรือนจำทันที
นี่คิดในแง่ร้ายสุดๆ ไม่ได้พูดถึงผลที่จะออกมาเป็นกลางหรือเป็นบวก
ว่ากันตามเงื่อนไขสถานการณ์ เกมมวลชนจึงยังก้ำกึ่งกับช็อตที่ยังไม่ถึงจุดเด็ดขาดจริงๆ
เรื่องของเรื่อง โดยปรากฏการณ์ของม็อบถึงตรงนี้คง “ฝ่อ” ไปเยอะ
กับสภาพของแกนนำมืออาชีพอย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานเสื้อแดง นปช. นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ฯลฯ ที่พากันเดินเข้าคุก โดนขังยาวอยู่ในเรือนจำ ขณะที่ฝั่งแกนนำม็อบพันธมิตรฯก็จ่อเอาขาข้างหนึ่งเข้าไปอยู่ในคุก จากที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินคดียึดทำเนียบรัฐบาล
จุดจบของ “กฎหมู่เหนือกฎหมาย” อยู่ที่เรือนจำ
ใครจะนำมวลชนออกมาต้องคิดกันหลายตลบ
และอ่านทางรัฐบาล คสช.แม้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.จะพะวงกับม็อบอย่างเห็นได้ชัด
กดดันในฐานะผู้นำต้องรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย
แต่ลึกๆกว่านั้นน่าจะมองข้ามช็อตไปถึงเหลี่ยมของพี่ชายที่อยู่แดนไกลและทีมงานพรรคเพื่อไทย จะใช้ชะตากรรมของ “ยิ่งลักษณ์” ผู้น่าสงสาร ปลุกพลังมวลชน
ผู้สนับสนุนที่เงียบไปนานให้ตื่นขึ้นมา ชิงจังหวะ “คิกออฟ” ยุทธศาสตร์เลือกตั้ง ดันเรตติ้งพรรคเพื่อไทยให้กระฉูด
เข้าสูตรเก่งของยี่ห้อ “ทักษิณ” โกยแต้มแบบถล่มทลาย
ตรงนั้นแหละน่าห่วงมากกว่า เพราะพลังแฝงของ “น้องปู” สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนแบบที่ประเมินไม่ได้
แต่อย่างไรก็ตาม โดยแนวโน้มกระแสกำลังไหลเข้าทางเกมเลือกตั้ง แต่ตามสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยก็ยังติดโจทย์ปัญหาสำคัญในการจัดทัพ
โดยเฉพาะตัวแม่ทัพนำสู้ศึกในสนาม ถึงตรงนี้ชัดเจนแค่คิว ของ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง ที่เคลื่อนไหวแสดงตัวแสดงตนเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคคนใหม่
“หงายไพ่” เกหมดหน้าตักแล้ว
แต่ก็ยังไร้วี่แววการสำทับอย่างเป็นทางการจากอดีตนายกฯทักษิณ ตามสไตล์ “นายใหญ่” ใครอาสาก็เออออด้วยทั้งนั้น แต่ถึงช็อตสุดท้ายที่ต้องฟันธง
ต้องเฟ้นคนที่ “ไว้วางใจ” ได้จริงๆ
ที่แน่ๆในมุมของ “เจ๊หน่อย” ที่เดินหมากรุกฆาตมาถึงขั้นนี้ รู้กันไปทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว ถ้าไม่ได้ตามเป้าหมายก็คงไม่ทนเขินอายอยู่ในพรรคเพื่อไทย
หนทางสุดท้ายต้องแหกค่ายออกไปตั้งพรรคใหม่ลุยสู้เอง
โดยสถานการณ์ไม่แตกต่างกันกับ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิ กปปส. ที่บท “ขุนอาสา” เข้าไปยึดป้อมค่ายประชาธิปัตย์ไม่สำเร็จ
แถมรายการกล่อม “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ให้ร่วมเป็นกองหนุน “นายกฯลุงตู่” เป็นผู้นำรัฐบาลช่วงเปลี่ยนผ่านก็ยังส่อเค้าล้มเหลวไม่เป็นท่า
เจอลูกดื้อยาของ “หนุ่มมาร์ค” แถมแกล้งตั้งแง่ให้ทหารหมั่นไส้
ถ้า “อภิสิทธิ์” ยังเป็นหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ยากจะจูนกับทหาร
โดยไฟต์บังคับของ “ลุงกำนัน” ก็คงต้องฮึดพาลูกทีมออกไปตั้งป้อมค่าย เพื่อสานนโยบายที่ประกาศหนุน “นายกฯลุงตู่” แบบสุดลิ่มทิ่มประตู
แม้จะดูเป็นเรื่องยาก แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นในเกมภาคบังคับ
กปปส.ก็หวังเจาะคะแนน “เลือดสะตอ” ยุคใหม่ที่ไม่ยึดติดกับยี่ห้อประชาธิปัตย์
ได้มากได้น้อยก็ตีตั๋วร่วมรัฐบาลแน่นอน.
ทีมข่าวการเมือง