PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2560

ตั้ง กก.พิเศษแก้ร่าง รธน.ใหม่ ใช้คนจากกฤษฎีกา-'วิษณุ'ยันไม่แตะการเมือง

ตั้ง กก.พิเศษแก้ร่าง รธน.ใหม่ ใช้คนจากกฤษฎีกา-'วิษณุ'ยันไม่แตะการเมือง

เขียนวันที่ วันอังคาร ที่ 10 มกราคม 2560 เวลา 19:15 น.เขียนโดยisranewsหมวดหมู่ข่าวTagsแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

'วิษณุ' เผยนายกฯเตรียมตั้ง 'คณะกรรมการพิเศษ' ใช้คนจากกฤษฎีกา 8-10 คน แก้ไขร่าง รธน.ฉบับใหม่ หลังมีพระกระแสรับสั่งให้ปรับแก้ 3-4 รายการ ยันดำเนินการเฉพาะหมวดพระมหากษัตริย์ ไม่แตะการเมือง

จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า สำนักราชเลขาธิการ แจ้งรัฐบาลภายหลังทูลเกล้าฯร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งลงมาให้แก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 3-4 รายการ ในหมวดพระมหากษัตริย์ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชอำนาจ โดยที่ประชุมร่วมคณะรัฐมนตรี และ คสช. ได้ส่งเรื่องให้กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 เพื่อเปิดช่องขอพระราชทานร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กลับมาแก้ไขได้นั้น

(อ่านประกอบ : พระราชกระแสรับสั่งให้แก้ รธน. ใหม่หมวดพระมหากษัตริย์-เข้าวาระ สนช. 13 ม.ค.)

ล่าสุด นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนี้ว่า เป็นการดำเนินการให้สามารถขอรับพระราชทานร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ทูลเกล้าฯไปแล้วกลับมาปรับปรุงบางตามมาตราที่มีการแจ้งมา ซึ่งมีไม่กี่มาตรา โดยทั้งหมดต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หลังได้รับพระราชทานกลับคืนมา

ส่วนใครจะเป็นผู้ดำเนินการแก้ไขนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ตามหลักการจะให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้แก้ตามที่ได้รับการแจ้งมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีดำริจะตั้งคณะกรรมการพิเศษ เป็นบุคคลจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาประมาณ 8-10 คน เพื่อดำเนินการ สิ่งที่จะดำเนินการไม่เกี่ยวพันกับเรื่องสิทธิเสรีภาพ โครงสร้างทางการเมือง การเลือกตั้ง หรือกระบวนการใด ๆ ทางการเมืองทั้งสิ้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับหมวดพระมหากษัตริย์ และเข้าใจว่าเมื่อแก้ไขเสร็จแล้วจะเข้าเงื่อนไขเดิม ตามกรอบระยะเวลา 90 วัน นับจากที่นายกรัฐมนตรี ได้นำร่างรัฐธรรมนูญที่แก้ไขครั้งใหม่แล้วขึ้นทูลเกล้าฯ

เมื่อถามว่า มาตราที่จะแก้ไข คือ มาตรา 5, 17 และ 182 ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ในหลักการเป็นเช่นนั้น แต่ก็ต้องดูว่าทั้ง 3 มาตราที่พูดถึงจะเกี่ยวพันกับมาตราใดอีกบ้าง หากมีต้องตามไปแก้ด้วย แต่ยืนยันจะไม่มีส่วนใดไปกระทบกับสิทธิเสรีภาพ โครสร้างทางการเมือง รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และวันนี้ รัฐบาล ยังคงยืนยันในโรดแม็พเดิมเพราะในที่ประชุมร่วมเมื่อเช้าได้พูดเรื่องนี้ชัดเจนแล้ว

ขณะที่นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีนี้ว่า กระบวนการนี้เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีที่จะดำเนินการ เพราะมาตรา 4 ที่ขอแก้ไขมาตรา 39/1 วรรคสิบเอ็ดให้เป็นข้อความใหม่ ระบุชัดเจนว่า กรณีที่พระมหากษัตริย์พระราชทานข้อสังเกตว่าสมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อความใด ภายใน 90 วัน ให้นายกรัฐมนตรีต้องขอรับพระราชทานรัฐธรรมนูญนั้นคืนมา เพื่อ
ดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมเฉพาะประเด็นตามข้อสังเกตนั้น ดังนั้นนายกรัฐมนตรีต้องดำเนินการ ไม่ได้เป็นหน้าที่ของ กรธ. เพราะหน้าที่ของ กรธ. เสร็จสิ้นไปแล้ว ตั้งแต่ที่ส่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับผ่าน
ประชามติให้นายกรัฐมนตรีดำเนินกระบวนการทูลเกล้าฯ

ประกาศแล้ว! ม.44 ปรับโครงสร้างศึกษาธิการ ปลดล็อกปัญหาขัดข้อง

ประกาศแล้ว! ม.44 ปรับโครงสร้างศึกษาธิการ ปลดล็อกปัญหาขัดข้อง
ราชกิจจาเผยแพร่คำสั่ง คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑/๒๕๖๐ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการบริหารงานบุคคลของกระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า
โดยที่ปัจจุบันกระทรวงศึกษาธิการมี อ.ก.พ. กรม ที่ปฏิบัติหน้าที่ อ.ก.พ. กระทรวง จํานวนห้าคณะ ตามที่กฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการกําหนดไว้ แต่การดําเนินการ ในลักษณะดังกล่าวส่งผลให้การบริหารงานบุคคลของกระทรวงศึกษาธิการมีความแตกต่างและไม่เป็น เอกภาพในด้านมาตรฐานของการบริหารงานบุคคล นอกจากนี้ ในการบริหารราชการของ กระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาคยังมีปัญหาเกี่ยวกับอัตรากําลังและการกําหนดตําแหน่งศึกษาธิการภาคและรองศึกษาธิการภาคเพื่อรองรับการจัดตั้งสํานักงานศึกษาธิการภาค ตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๑/๒๕๕๙ เรื่อง การบริหารราชการของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาคลงวันที่ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร่งด่วนจึงจําเป็นต้องกําหนดให้กระทรวงศึกษาธิการมี อ.ก.พ. ขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อทําหน้าที่ อ.ก.พ. กระทรวงเพียงคณะเดียว และให้มีการเกลี่ยอัตรากําลังในกระทรวงศึกษาธิการเพื่อกําหนดตําแหน่งและแต่งตั้งเป็นศึกษาธิการภาคและรองศึกษาธิการภาค อันจะทําให้สามารถขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาและการบริหารราชการของกระทรวงศึกษาธิการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการมี อ.ก.พ. กระทรวง คณะหนึ่ง ประกอบด้วย
(๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน
(๒) ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นรองประธาน
(๓) อนุกรรมการโดยตําแหน่ง ได้แก่ เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาและผู้แทน ก.พ. ซึ่งตั้งจากข้าราชการพลเรือนในสํานักงาน ก.พ. จํานวนหนึ่งคน
(๔) อนุกรรมการซึ่งประธานแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลด้านการบริหารและการจัดการ และด้านกฎหมาย ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในความสามารถมาแล้วและมิได้เป็นข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ จํานวนไม่เกินสามคน
(๕) อนุกรรมการซึ่งประธานแต่งตั้งจากข้าราชการพลเรือนผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการซึ่งต้องมิใช่อนุกรรมการตาม (๓) โดยให้คัดเลือกกันเองจากข้าราชการพลเรือนผู้ดํารงตําแหน่งดังกล่าว จํานวนไม่เกินห้าคนให้ อ.ก.พ. นี้ตั้งเลขานุการ จํานวนหนึ่งคน
ข้อ ๒ ให้ อ.ก.พ. กระทรวง มีอํานาจหน้าที่ตามที่กําหนดไว้ในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ และตามกฎหมายอื่น
ข้อ ๓ หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาหรือการเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการตามข้อ ๑ (๔) และ (๕) วาระการดํารงตําแหน่ง และจํานวนขั้นต่ําของอนุกรรมการดังกล่าว ให้เป็นไปตามที่กําหนดในกฎ ก.พ. ในกรณีที่ไม่สามารถดําเนินการให้เป็นไปตามกฎ ก.พ. ตามวรรคหนึ่งได้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ ทําความตกลงกับ ก.พ.
ข้อ ๔ ให้สํานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ รับผิดชอบงานธุรการของอ.ก.พ. กระทรวง
ข้อ ๕ มิให้นําความในมาตรา ๒๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. ๒๕๕๑ มาใช้บังคับแก่ อ.ก.พ. กรม ของสํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สํานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ทั้งนี้ ให้ อ.ก.พ. กรม ดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่ตามอํานาจหน้าที่ของ อ.ก.พ. กรม ตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน
พ.ศ. ๒๕๕๑
ข้อ ๖ ในวาระเริ่มแรกให้ อ.ก.พ. กระทรวง ประกอบด้วยอนุกรรมการตามข้อ ๑ (๑)(๒) และ (๓) จนกว่าจะได้แต่งตั้งอนุกรรมการตามข้อ ๑ (๔) และ (๕) ซึ่งต้องดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับ
ข้อ ๗ การใดที่อยู่ในระหว่างการดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ของ อ.ก.พ. กรม ของสํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สํานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่ปฏิบัติหน้าที่ อ.ก.พ. กระทรวง ตามมาตรา ๒๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ อยู่ในวันก่อนวันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับ ให้ อ.ก.พ. กระทรวงตามคําสั่งนี้เป็นผู้ดําเนินการต่อไป
ให้คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือคณะทํางานอื่นใด ซึ่ง อ.ก.พ. กรม ที่ปฏิบัติหน้าที่ อ.ก.พ. กระทรวง แต่งตั้งไว้อยู่ในวันก่อนวันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าอ.ก.พ. กระทรวง ตามคําสั่งนี้จะได้มีคําสั่งเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๘ ให้กระทรวงศึกษาธิการมีตําแหน่งศึกษาธิการภาค จํานวนสิบสองตําแหน่ง เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง และมีตําแหน่งรองศึกษาธิการภาค จํานวนสิบสองตําแหน่ง เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญตําแหน่งประเภทบริหารระดับต้น โดยให้กระทรวงศึกษาธิการดําเนินการเกลี่ยอัตรากําลังภายในกระทรวงศึกษาธิการเพื่อนําไปใช้ในการกําหนดตําแหน่งการเกลี่ยอัตรากําลังตามวรรคหนึ่ง ให้ตัดโอนอัตราตําแหน่งและเงินงบประมาณแผ่นดินประจําอัตรารวมตลอดทั้งงบบุคลากรที่จ่ายในลักษณะเงินเดือน ค่าจ้างประจํา และเงินอื่นที่เกี่ยวข้องซึ่งตั้งไว้สําหรับตําแหน่งที่เกลี่ยนั้นมาเป็นของสํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และการโอนหรือการนํารายจ่ายที่กําหนดไว้สําหรับส่วนราชการใดในกระทรวงศึกษาธิการตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีหรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมไปใช้สําหรับสํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการนอกเหนือจากกรณีตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ ให้กระทําได้
ข้อ ๙ ในกรณีเห็นสมควรนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีอาจเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้
ข้อ ๑๐ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ ๑๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ใช้ที่อยู่เดียวบ.น้าเน็ก! ตามไปดู 'ไทยฟู้ดฯ' ผู้ขายหุ้น'a-day' ฟันกำไร 124 ล.

ใช้ที่อยู่เดียวบ.น้าเน็ก! ตามไปดู 'ไทยฟู้ดฯ' ผู้ขายหุ้น'a-day' ฟันกำไร 124 ล.

เขียนวันที่
วันอังคาร ที่ 10 มกราคม 2560 เวลา 20:00 น.
เขียนโดย
isranews
เปิดตัว 'ไทยฟู้ดฯ' ผู้ถือหุ้นอันดับ 2 'a-day' แค่ 2 เดือน ก่อนขายต่อ บมจ.โพลาลิส ฟันกำไร 124 ล. พบแจ้งใช้ที่อยู่เดียว 'บ.น้าเน็ก' ใน 'เวิ้งโบราณ' บริเวณปากซอยเอกมัย 10-เดย์โพเอทส์ ถือหุ้นใหญ่ พิลึกคนในไม่เคยได้ยินชื่อ 
picmkjjhhh
 บริษัท ไทยฟู้ด โลจิสติกส์ จำกัด (ชื่อเดิมบริษัท เอ แอนด์ ดับบลิว เรสเตอรองต์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบกิจการร้านอาหาร เอ แอนด์ ดับบลิว) ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของ บริษัทเดย์ โพเอทส์ จำกัด (เจ้าของนิตยสาร a day และเว็บไซต์ Momentum) ที่เพิ่งแจ้งขายหุ้นจำนวน 245,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 630 บาทต่อหุ้น คิดเป็นวงเงิน 154,350,000 บาท ต่อให้กับ บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) (พร้อมกับ บริษัท ธนวรินทร์ จำกัด ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ในจำนวนหุ้นและราคาเดียวกัน) กำลังถูกจับตามองมากขึ้น!
เมื่อปรากฎข้อมูลว่า ที่อยู่ปัจจุบันของ บริษัท ไทยฟู้ด โลจิสติกส์ฯ เป็นที่อยู่เดียวกับ บริษัท เน็ก แอนด์ เดอะ ซิตี้ จำกัด ซึ่งปรากฎชื่อ นาย เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา หรือ น้าเน็ก พิธีกรชื่อดัง เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ บริษัทเดย์ โพเอทส์ จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 
ทั้งนี้ ภายหลังจากสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า บริษัท ไทยฟู้ด โลจิสติกส์ จำกัด มีชื่อเดิมว่า บริษัท เอ แอนด์ ดับบลิว เรสเตอรองต์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่จดทะเบียนทำธุรกิจประกอบกิจการร้านอาหาร เอ แอนด์ ดับบลิว มาตั้งแต่ปี 2531 โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ในมาเลเซีย เพิ่งประกาศขายกิจการให้กับนักธุรกิจไทยกลุ่มหนึ่ง ในช่วงเดือนธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา ในราคา 73.5 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการซื้อขายกิจการเรียบร้อยแล้ว บริษัทฯ มีนโยบายที่จะหยุดดำเนินการกิจการร้านอาหาร และพิจารณาหาธุรกิจใหม่
และจากการตรวจสอบข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.2558 บริษัท เอ แอนด์ ดับบลิวฯ ได้แจ้งเปลี่ยนตัวกรรมการผู้มีอำนาจบริษัทฯใหม่ จากกลุ่มนักธุรกิจชาวมาเลเซีย มาเป็นคนไทย จำนวน 3 คือ น.ส.กุลปวีร์ เฉลิมเมธีวงศ์ นางประไพ โอตตัปปานนท์ และน.ส.เพลินจิตร วงศ์บุดศรี
จากนั้นวันที่ 3 ต.ค.2559 บริษัท เอ แอนด์ ดับบลิวฯ ได้แจ้งเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บริษัท ไทยฟู้ด โลจิสติกส์ และแจ้งย้ายที่อยู่ใหม่ เป็นเลขที่ 3 ซอยเจริญมิตร ถนนสุขุมวิท 63 แขวงคลองตัน เขตวัฒนา กทม. จากที่อยู่เดิม เลขที่ 9 อาคารยูเอ็ม ทาวเวอร์ ชั้น 25 ถนนรามคำแหง แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กทม. 
ล่าสุด จากการตรวจสอบฐานข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเอกชน ของ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเพิ่มเติม พบว่า ที่อยู่เลขที่ 3 ซอยเจริญมิตร ถนนสุขุมวิท 63 แขวงคลองตัน เขตวัฒนา กทม. ปัจจุบันถูกใช้เป็นที่ตั้งบริษัทเอกชน 2 แห่ง คือ1. บริษัท กิซโม จำกัด และ 2.บริษัท เน็ก แอนด์ เดอะ ซิตี้ จำกัด
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า  บริษัท กิซโม จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อ 17 มิถุนายน 2540 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจบริการตัดต่อภาพและเสียง
ปรากฎชื่อ นายวิชัย ลาภไชยยง เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ณ 30 เมษายน 2559  นาย วิชัย ลาภไชยยง ถือหุ้นใหญ่สุด 
ส่วน บริษัท เน็ก แอนด์ เดอะ ซิตี้ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อ 25 ธันวาคม 2555 ทุน 5 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจรับจ้างผลิตรายการโทรทัศน์ 
ปรากฎชื่อ นาย เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา (น้าเน็ก) และ นาย นิติพัฒน์ สุขสวย หนึ่งในกรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัทเดย์ โพเอทส์ จำกัด เป็นกรรมการ 
รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 30 เมษายน 2559 บริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 29,999 หุ้น มูลค่า 2,999,900 บาท  นายเกตุเสพสวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ถืออยู่ 20,000 หุ้น มูลค่า 2,000,000 บาท  นางสาวจันฑรัศมิ์ เกียรติยศ 1 หุ้น มูลค่า 100 บาท
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ในช่วงบ่ายวันที่ 10 ม.ค. 2560 ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปตรวจสอบข้อมูล บริษัท ไทยฟู้ด โลจิสติกส์ จำกัด ตามที่อยู่เลขที่ 3 ซ.ร่วมมิตร ถ.สุขุมวิท 63 แขวงคลองตัน เขตวัฒนา กรุงเทพฯ  พบว่า อยู่ใน 'เวิ้งโบราณ' บริเวณปากซอยเอกมัย 10 มีลักษณะเป็นอาคาร 3 ชั้น แบ่งเป็นห้อง ๆ หลายห้องไว้สำหรับให้เช่า
เจ้าหน้าที่ รปภ.รายหนึ่งยืนยันว่า  'เวิ้งโบราณ' ใช้บ้านเลขที่ 3 เป็นที่ตั้ง แต่ไม่เคยได้ยินชื่อบริษัท ไทยฟู้ดฯ จึงแนะนำให้เข้าไปสอบถามภายในอาคาร
ต่อมา ผู้สื่อข่าวจึงเข้าไปภายในอาคารดังกล่าว โดยแม่บ้านทำความสะอาดรายหนึ่ง กล่าวว่า "ที่นี่เปิดมามากกว่า 10 ปีแล้ว ไม่คุ้นชื่อบริษัท ไทยฟู้ดฯ เลย อย่างไร ลองขึ้นไปดูก่อน อาจเพิ่งย้ายเข้ามา"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า บริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด ตั้งอยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่ บุคคลดังกล่าวเปิดเผยว่า "บริษัทที่ทำนิตยสาร A Day ใช่ไหม ใช่ ๆ เขาเคยอยู่ที่นี่ตั้งหลายปี อยู่บนชั้น 2 เพิ่งย้ายออกไปยังไม่ครบปีเลย รู้สึกจะย้ายไปอยู่แถว ๆ ซ.ศูนย์วิจัยฯ เมื่อก่อนนี้เขาจัดงานหนังสือกันทุกปี คนมากันเยอะ"
ต่อมา ผู้สื่อข่าวจึงเข้าไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ บริษัท เนค แอนด์ เดอะ ซิตี้ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้นล่างของอาคารดังกล่าว แจ้งที่อยู่เดียวกับ บริษัท ไทยฟู้ดฯ  
เจ้าหน้าที่รายหนึ่งยืนยันว่า ไม่เคยได้ยินชื่อบริษัท ไทยฟู้ดฯ เหมือนกัน รวมถึงไม่มีใครเคยได้ยินชื่อ น.ส.กุลปวีร์ เฉลิมเมธีวงศ์ กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ ด้วย พร้อมระบุว่า เพิ่งทราบจากผู้สื่อข่าวว่า นิตยสาร A Day ย้ายออกจากอาคารดังกล่าวไปแล้ว (ดูรูปภาพ)
picnaggsssss10
picnaggsssss0010
picnaggsssss0110
picnaggsssss0210
จากข้อมูลทั้งหมด ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า ทำไมข้อมูลเกี่ยวกับ บริษัท ไทยฟู้ด โลจิสติกส์ จำกัด ร่วมถึงกรรมการผู้ถือหุ้นบริษัทฯ ถึงมีความลึกลับซับซ้อนมากขนาดนี้? 

เปิดร่างรธน.2557 ให้นำร่างฉบับ 'มีชัย' แก้ไขเรื่องพระราชอำนาจ-ตั้งผู้สำเร็จราชการ

“...ในเมื่อพระมหากษัตริย์จะไม่ประทับอยู่ในราชอาณาจักร หรือจะทรงบริหารพระราชภาระไม่ได้ด้วยเหตุใดก็ตาม จะทรงแต่งตั้งผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์หรือไม่ก็ได้และให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้ง...”
picnhygtgdddd
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org  : เป็นรายละเอียดบันทึกหลักการและเหตุผล ประกอบร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช... โดยเบื้องต้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่า ได้หารือกับองคมนตรี ได้แจ้งว่า ภายหลังทูลเกล้าฯร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ องคมนตรีได้นำขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว มีพระราชกระแสรับสั่งลงมา 3-4 รายการ แก้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่จำเป็นต้องแก้ไขให้เป็นไปตามพระราชอำนาจพระองค์ท่าน 
------------- 
บันทึกหลักการและเหตุผล 
ประกอบร่างรัฐธรรมนูแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557
แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...)
พุทธศักราช... 
--------------------
หลักการ 
แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557
เหตุผล
        ตามที่นายกรัฐมนตรี ได้นำร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช...ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อทรงพิจารณานั้น ต่อมาคณะรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้พิจารณาร่วมกันเห็นว่า สมควรแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรญนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 เพื่อให้สามารถขอรับพระราชทานร่างรัฐธรรมนูที่ได้ทูลเกล้า ฯ ถวายไปแล้วนั้น มาแก้ไขเพิ่มเติมเฉพาะประเด็นตามที่สำนักราชเลขาธิการแจ้งมาเท่านั้นแล้วนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายใหม่ภายในเวลาที่กำหนด จึงจำเป็นต้องตราร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ 
--------------------
ร่างรัฐธรรมนูแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557
แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...)
พุทธศักราช... 
------------------------
----------------
----------------
----------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาตรา 1 รัฐธรรมนูญฉบับนี้เรียกว่า “รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช....” 
มาตรา 2 รัฐธรรมนูญนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้เพิ่มความต่อไปนี้ เป็นวรรคสามของมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557
“ในเมื่อพระมหากษัตริย์จะไม่ประทับอยู่ในราชอาณาจักร หรือจะทรงบริหารพระราชภาระไม่ได้ด้วยเหตุใดก็ตาม จะทรงแต่งตั้งผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์หรือไม่ก็ได้และให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้ง”
มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในวรรคสิบเอ็ดของมาตรา 39/1 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2559 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“เมื่อนายกรัฐมนตรีนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายตามวรรคเก้าประกอบกับวรรคสิบแล้ว หากมีกรณีที่พระมหากษัตริย์พระราชทานข้อสังเกตว่าสมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อความใดภายในเก้าสิบวัน ให้นายกรัฐมนตรีขอรับพระราชทานร่างรัฐธรรมนูญนั้นคืนมา เพื่อดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมเฉพาะประเด็นตามข้อสังเกตนั้น และแก้ไขเพิ่มเติมคำปรารภของร่างรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกัน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำร่างรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติมขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายใหม่ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับพระราชทานคืนมาตามที่ขอ เมื่อนายกรัฐมนตรีนำร่างรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติมขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายและทรงลงพระปรมาภิไธยแล้วให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและใช้บังคับได้ โดยให้นายกรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ในกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่ทรงเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญหรือร่างรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติมและพระราชทานคืนมาหรือเมื่อพ้นเก้าสิบวันที่นายกรัฐมนตรีนำร่างรัฐธรรมนูญหรือร่างรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติม แล้วแต่กรณี ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วมิได้พระราชทานคืนมาให้ร่างรัฐธรรมนูญหรือร่างรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติมนั้นเป็นอันตกไป" 
ผู้รับสนองพระราชโองการ 
..................................
นายกรัฐมนตรี 

พระราชกระแสรับสั่งให้แก้ รธน. ใหม่หมวดพระมหากษัตริย์-เข้าวาระ สนช. 13 ม.ค.

นายกฯ เผยมีพระราชกระแสรับสั่งให้ รบ. แก้หมวดพระมหากษัตริย์ใน รธน.ฉบับใหม่ ให้เป็นไปตามพระราชอำนาจ คาดทำเสร็จไม่เกิน 2-3 เดือน ก่อนทูลเกล้าฯถวายอีกครั้ง – สนช. บรรจุวาระแล้ว 13 ม.ค.นี้
PIC prayuthhh 10 1 60 1
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกระแสข่าวการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 เพื่อเปิดช่องให้แก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ปัจจุบันทูลเกล้าฯถวายแล้วว่า เมื่อวานนี้ได้หารือกับองคมนตรี ได้แจ้งว่า ภายหลังทูลเกล้าฯร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ องคมนตรีได้นำขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว มีพระราชกระแสรับสั่งลงมา 3-4 รายการ แก้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่จำเป็นต้องแก้ไขให้เป็นไปตามพระราชอำนาจพระองค์ท่าน สำนักราชเลขาธิการจึงทำเรื่องมาที่รัฐบาล รัฐบาลจึงรับสนองพระบรมราชโองการฯเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 คาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน เมื่อแก้เสร็จแล้ว จะแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อ โดยใช้เวลาไม่เกิน 2-3 เดือน ถึงจะทูลเกล้าฯอีกครั้ง ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน เป็นเรื่องของพระราชอำนาจของพระองค์ท่าน
ด้านทีมโฆษกรัฐบาล ระบุว่า ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวไม่ได้ใช้อำนาจมาตรา 44 แต่เป็นมติที่ประชุม ครม. และ คสช. ก่อนจะส่งให้ที่ประชุมสนช.พิจารณาต่อไป 
ขณะที่ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงผลการประชุวิป สนช. ว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีหนังสือถึงประธาน สนช. (นายพรเพชร วิชิตชลชัย) ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 โดยประธาน สนช. ได้นำเข้าปรึกษาในวิป สนช. เห็นว่า ขั้นตอนของ สนช.ในการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติม จำเป็นต้องใช้ความรวดเร็ว จึงบรรจุวาระการประชุม สนช. ในวันที่ 13 ม.ค. 2560 โดยกำหนดให้พิจารณา 3 วาระ และการพิจาณาให้แล้วเสร็จ 15 วันนับตั้งแต่วันนี้ ซึ่งในการพิจารณาจะมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตอบคำถาม
@ลั่นปฏิรูปสืบทอดอำนาจให้ รบ.ใหม่-รับคุยกับคนหนีโทษได้ แต่ต้องปรองดองคนใน ปท. ก่อน
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการปฏิรูป และปรองดองว่า การตั้งคณะกรรมการปฏิรูปขึ้นมาเพื่อให้รู้ว่าอะไรคือการปฏิรูป ความปรอดอง ยุทธศาสตร์ชาติ ต้องเอางานใส่กล่องให้ชัดเจน อะไรทำไม่ได้ ก็เร่งออกกฎหมายให้ได้ อันไหนทำไม่ได้ ก็ใช้มาตรา 44 ทำให้ได้ โดยในปี 2560 เป็นการปฏิรูประยะที่ 1 จากแผนปฏิรูป 20 ปี แต่ตนไม่อยู่ถึง 20 ปีหรอก อยู่ไม่ได้แน่ ถ้ารัฐบาลนี้ทำไม่ได้ จะวางเป็นแผนแม่บทไว้ให้ทวงรัฐบาลหน้า อะไรยังไม่ปฏิรูปก็ทำใหม่ อะไรทำแล้วก็ทำต่อ นี่เรียกว่าการสืบทอดอำนาจให้รัฐบาลใหม่ ไม่ได้สืบทอดอำนาจให้ใคร
“ปรองดอง ไม่ใช่คุยกับคนหนีโทษ หรือความผิดทางการเมือง คุยได้ แต่การปรองดองคือ คนไทยจะทะเลาะกันอีกหรือไม่ ทำไมที่ผ่านมาปฏิสัมพันธ์กันไม่ได้ คนในบ้านไม่คุยกัน คนข้างบ้านไม่คุยกัน นิยมกันคนละฝ่าย สนใจตรงนี้ด้วย อย่าสนใจว่าจะเอาคนติดคุกออก เอาคนเมืองนอกกลับมาหรือไม่ ดูก่อนว่าคนในประเทศเดือดร้อนหรือไม่ คนอยู่นอกประเทศเดือดร้อนไหม ใครเดือดร้อนกว่ากัน คิดให้เป็น ปฏิรูปทางความคิดด้วย อย่าหาเหตุแล้วทำอะไรไม่ได้เลย ปรองดองหลายเรื่อง จะให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาเสนออย่างไร ถ้าเสนอร่วมไม่ได้ จะให้นักข่าวดูว่าเขาเสนออะไร ให้ประชาชนตัดสินใจ อะไรทำได้ว่ามาตามกฏหมาย” พล.อ.ประยุทธ์
พล.อ.ประยุทธ์ กลาวอีกว่า สำหรับฝ่ายการเมืองที่ต้องการเคลื่อนไหว หรือประชุมพรรคการเมืองนั้น ต้องรอให้ผ่านพ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ และหลังพระราชพิธีพระบรมราชภิเษกพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่เสร็จสิ้นก่อน โดยจะมีรัฐบาลใหม่ช่วงปี 2561
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้ดูแลเรื่องปรองดอง ดังนั้นจะพยายามทำให้เกิดความปรองดองให้ได้ โดยกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และเหล่าทัพ เข้ามามีบทบาทร่วมกันในการทำให้เกิดความปรองดอง เบื้องต้นอาจจะเชิญผู้แทนพรรคการเมืองเข้ามาพูดคุยทีละพรรคการเมือง ส่วนกลุ่ม กปปส. และ นปช. ต้องพูดคุยสอบถามความต้องการด้วย ซึ่งต้องให้เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ประชุมหารือกันก่อน ทั้งนี้ยืนยันว่า จะไมมีนิรโทษกรรมให้กลุ่มการเมืองทุกสี อะไรทีเป็นกฎหมายไม่พูดถึง เพราะถือเป็นเรื่องการกระทำผิดกฎหมาย ทุกคนที่กระทำผิดรู้อยู่แล้ว
“รัฐบาลจะพยายามหาข้อยุติให้ได้มากที่สุดว่าการอยู่ร่วมกันอย่างสันติจะต้องทำอย่างไรบ้าง เรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตต้องว่ากันอย่างไร แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องของกฎหมาย ต้องดำเนินการให้เสร็จก่อนจัดการเลือกตั้ง เพราะอยากให้อยู่กันให้ได้ อยากให้ทุกฝ่ายตกลงกันให้ได้ ทั้งหมดมันต้องมีกติกา การจะปรองดองก็ต้องมีกติกาที่ใช้ร่วมกัน ผมจะพยายามทำ แม้ไม่รู้จะทำได้แค่ไหน” พล.อ.ประวิตร กล่าว

‘สุวิทย์’แจงกรอบ 4 คณะกก.ปฏิรูป-ปรองดอง ‘บิ๊กตู่’ ถก’โครงสร้าง-แบ่งงาน’สัปดาห์หน้า

เมื่อวันที่ 7 มกราคม นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในการตั้ง 4 คณะกรรมการ ด้านยุทธศาสตร์ ปฏิรูป ปรองดอง ว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีความมุ่งมั่นที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 4 คณะเพื่อสานงานด้านยุทธศาสตร์ ปฏิรูป ปรองดอง โดยต้องการให้ปี 2560 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของรัฐบาล เป็นปีแห่งการปฏิรูปอย่างเป็นรูปธรรม เกิดผลอย่างแท้จริง โดยนำงานด้านการปฏิรูปจากสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และรัฐบาล มาพิจารณาหาแนวงานสานต่อ 
วัตถุประสงค์คือ 
1.ให้ออกมาเป็นรูปธรรมมากขึ้น เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง การบริหารงานด้านยุทธศาสตร์ จะมีทั้งการซ่อม เสริม และสร้างใหม่เพื่อเตรียมการสู่อนาคต 
2.ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะต้องมีเรื่องของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จึงต้องมีคณะกรรมการขึ้นมาสานต่อ 
3.เมื่อจะเข้าสู่การเลือกตั้ง จึงเห็นควรดำเนินการสร้างบรรยาการของความปรองดอง
นายสุวิทย์ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้เป็นที่มาของการตั้งสำนักงานบริหารยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดอง โดยการทำงานจะมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดอง ซึ่งเป็นคณะกรรมการชุดใหญ่ และ
แบ่งเป็น 4 ชุดย่อยได้แก่ 
1.คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี 
2.คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ 
3.คณะกรรมการปรองดอง และ 
4.คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ 
โดยคณะกรรมการชุดที่ 1และ 2 จะเป็นไปตามกรอบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขณะที่คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์นั้น เป็นไปเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น รัฐมนตรี สามารถขับเคลื่อนงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องต่าง ๆ เช่น ไทยแลนด์ 4.0 เป็นต้น

“สำนักงานบริหารยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดอง มีหน้าที่ติดตามตรวจสอบประเมินว่า แต่ละคณะทำงานเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อรายงานต่อนายกฯ โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมเพื่อแบ่งงาน และมอบหมายงานให้ผู้ที่มีความเหมาะสม ตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างการดูว่าองค์ประกอบใหญ่ – ย่อยนั้น ควรจะมีใครบ้าง จะสามารถเอาผู้ทรงคุณวุฒิและประชารัฐเข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร ซึ่งบางคณะมีความชัดเจนแล้ว เช่น คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ จะมีทั้งสนช. สปท.และรัฐบาลเข้ามาร่วมกันทำงาน”นายสุวิทย์ กล่าว

สัญญานปรองดอง?

"มีชัย" ปัดแสดงคงวามเห็น รบ. เตรียมแก้ รธน. ชั่วคราว รับรู้สึกสับสนกับกระแสข่าว เชื่อไม่กระทบการทำกฎหมายลูก 

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. ปฏิเสธให้ความเห็นถึงท่าทีของรัฐบาลที่จะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว เพื่อรองรับกระบวนการต่อจากนี้ โดยระบุว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ คสช. และรัฐบาลต้องพิจารณาร่วมกัน ส่วนตัวไม่ทราบแม้จะเป็นหนึ่งใน คสช. ก็ตาม พร้อมยอมรับว่ารู้สึกสับสนกับกระแสข่าวที่เกิดขึ้นแต่แม้ว่าจะมีแก้ไขรัฐธรรมนูญจริง ก็จะไม่กระทบต่อการร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่ กรธ. กำลังร่างอยู่ ส่วนหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญอีก ก็เป็นเรื่องของ รัฐบาล กับ คสช. ที่จะตัดสินใจ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจน ภายใน 2 วัน

ขณะเดียวกัน นายมีชัย ปฏิเสธที่จะให้คำยืนยันในโรดแมปเลือกตั้ง ว่า จะมีขึ้นในปลายปี 2560 หรือไม่ เนื่องจากขณะนี้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังไม่มีผลบังคับใช้ จึงยังไม่เริ่มนับหนึ่งในกระบวนการ
--------
นายกฯ มอบ พล.อ.ประวิตร ดูแลคืบหน้าการจัดตั้ง คกก.ปฏิรูปและปรองดอง ย้ำ ไม่เกี่ยวข้องกับ กม. นิรโทษ หวังสำเร็จก่อน เลือกตั้ง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดอง ว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบให้ตนเองเป็นผู้ดูแล ซึ่งยืนยันว่าจะพยายามทำให้เกิดความปรองดองให้ได้ ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้หน่วยงานสำคัญ อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ เข้ามาดูแลร่วมกัน โดยอาจเชิญผู้แทนพรรคการเมือง รวมถึงกลุ่ม นปช. และ กปปส. มาพูดคุย เพื่อหาข้อยุติให้ได้มากที่สุด ว่าการอยู่ร่วมกันอย่างสันติจะต้องทำอย่างไร รวมถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตจะต้องดำเนินการอย่างไร

ทั้งนี้ การพูดคุยกับตัวแทนพรรคการเมือง ส่วนตัวไม่ได้ลงไปพูดคุยเอง แต่จะมีเจ้าหน้าที่ผู้ใหญ่เป็นตัวแทนไปพูดคุย แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร กำลังคิดอยู่ ซึ่งทั้งหมดจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของ
กฎหมายและคดีความ เช่น การนิรโทษกรรม โดยทั้งหมดจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวอยากให้มีความเข้าใจกันในทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดความปรองดอง ซึ่งซึ่งหมดต้องมีกติการ่วมกันเพื่อให้เกิดความปรองดองให้ได้
------------
นายกฯ เผย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีรับสั่งให้แก้ร่าง รธน. หมวดพระมหากษัตริย์ เรื่องพระราชอำนาจ เตรียมเสนอแก้ รธน. ชั่วคราว ก่อน คาดแล้วเสร็จใน 1 เดือน 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า เมื่อวานนี้ได้หารือกับองคมนตรี โดยได้รับแจ้งว่า ภายหลังทูลเกล้าฯ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ องคมนตรีได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว มีพระราชกระแสรับสั่ง 3 - 4 รายการ แก้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้เป็นไปตามพระราชอำนาจพระองค์ท่าน สำนักราชเลขาธิการ จึงทำเรื่องมาที่รัฐบาล รัฐบาลจึงรับสนองพระบรมราชโองการฯ โดยจะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 เปิดช่องให้แก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน และเมื่อแก้ไขเสร็จแล้ว จะแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านประชามติต่อ โดยจะใช้เวลาไม่เกิน 2 - 3 เดือน ถึงจะทูลเกล้าฯ อีกครั้ง

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่เป็นเรื่องของพระราชอำนาจของพระองค์ท่าน ตลอดจน ย้ำว่ายังอยู่ในกรอบเวลาของโรดแมป เพราะทุกอย่างจะเริ่มเมื่อมีการโปรดเกล้าฯ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเมื่อเสร็จสิ้นพระราชพิธี งานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และพระราชพิธีราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ก็จะเปิดพื้นที่ให้นักการเมืองสามารถ เคลื่อนไหวจัดกิจกรรมพรรคได้ เพื่อเตรียมการไปสู่การเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ย้ำด้วยว่า ไม่เคยเลื่อนขั้นตอนของโรดแมป ซึ่งทุกขั้นตอน ยังคงเป็นเหมือนเดิมทุกประการ ส่วนเรื่องของการปฏิรูปนั้น ได้ตั้งคณะกรรมการเร่งดำเนินการปฏิรูปตาม
แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยขออย่ากังวลว่า รัฐบาลจะอยู่ต่อหรือสืบทอดอำนาจ ซึ่งการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลคือการส่งต่อการทำงานให้แก่รัฐบาลชุดต่อไป ส่วนการปรองดอง นั้น ไม่ใช่เป็น
การลดโทษหรือเอาคนที่อยู่ในคุกออกมา หรือนำคนที่อยู่ต่างประเทศกลับมา แต่เป็นการปฏิรูปทางความคิดที่ขัดแย้งกัน พร้อมขอให้ฝ่ายการเมือง เสนอแนวทางการแก้ปัญหาเข้ามาและให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
----------------
หัวหน้า คสช. เตรียมใช้ ม.44 จำนวน 2 ฉบับ อนุมัติหลักการขับเคลื่อนการปฏิรูป ยุทธศาสตร์ และการสร้างความสามัคคีสมานฉันท์ปรองดอง

พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า คสช. เตรียมออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ตามอำนาจมาตรา 44 จำนวน
2 ฉบับ ได้แก่ 1. คำสั่งหัวหน้า คสช. มาตรา 44 ยุบ คณะอนุกรรมการวิสามัญคณะต่าง ๆ เพื่อทำการแทนคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และรับผิดชอบภารกิจตามบทบาทหน้าที่ของ ก.พ. หรือเรียกว่า อ.ก.พ. ที่มีอยู่ในโครงสร้างหลักของกระทรวงศึกษาธิการทั้งหมด 5 คณะ ให้เหลือ อ.ก.พ. หลักของกระทรวงศึกษาธิการเพียงคณะเดียว เพื่อให้การเกลี่ยอัตราบุคลากรทำได้สะดวกยิ่งขึ้นและแก้ไขปัญหาการกระจายอัตราบุคลากรของกระทรวงศึกษาในอดีตที่ผ่านมา แต่ยังคงมีองค์กรหลัก 5 องค์กร (สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา และสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา) ที่มีข้าราชการระดับซี 11 เป็นผู้รับผิดชอบ

และ 2. คำสั่งหัวหน้า คสช. มาตรา 44 อนุมัติหลักการขับเคลื่อนการปฏิรูป ยุทธศาสตร์ และการสร้างความสามัคคีสมานฉันท์ปรองดอง ซึ่งกำหนดโครงสร้างของการขับเคลื่อนภารกิจดังกล่าวด้วย
โดยรายละเอียดของโครงสร้างดังกล่าว นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย จะเป็นผู้จัดทำและชี้แจงต่อสาธารณชนต่อไป
--------------
ศาลอาญาให้ประกันตัว "นายจตุพร พรหมพันธุ์" ปธ.นปช. จำเลยคดีก่อการร้าย - ตีราคา 6 แสน - ห้ามออกนอก ปท.

ศาลอาญา รัชดา มีคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. จำเลยในคดีร่วมกันก่อการร้าย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ทนายความของ นายจตุพร มีความพยายามในการยื่นขอประกันตัวจำเลยมาแล้วถึง 7 ครั้ง แต่ศาลยังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ก่อนที่ นายจตุพร จะมีอาการป่วย ระบบทางเดินปัสสาวะติดเชื้อ
เมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา

ล่าสุด ทนายความ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ในการขอปล่อยชั่วคราว นายจตุพร พร้อมความเห็นในเรื่องของอาการเจ็บป่วยเพื่อให้ศาลพิจารณาโดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นควรให้ปล่อยชั่วคราว นายจตุพร ได้โดยตีราคาประกัน 6 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

ซึ่งภายหลังศาลมีคำสั่งปล่อยชั่วคราวดังกล่าวแล้ว จะได้นำหมายปล่อยตัวไปยื่นต่อเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อทำการปล่อยตัว นายจตุพร ในช่วงเย็นวันนี้

รู้จัก "สะพาน" มั้ย



รู้จัก "สะพาน" มั้ย ....บิ๊กตู่ โปรโมทเพลง แนะไปฟัง ความหมาย ยันพร้อมจะเป็นสะพานให้ทุกคนก้าวข้ามสิ่งไม่ดี วอนช่วยกัน ทำให้มีคนดีมากกว่าคนไม่ดี แนะกราบพ่อแม่ คือพระในบ้าน /สอนเด็ก อย่าตามกระแส ใช้มือถือแพง
นายกฯ บ่นกับ เด็กๆนักเรียนและครู ที่มา้ชิญไปงานวันครู ว่า ผมเข้ามาทำหน้าที่เป็น "สะพาน" ให้ทุกคนก้าวข้าม สิ่งที่ไม่ดี ตามความหมายในเนื้อเพลงที่ ผมแต่งขึ้น
พร้อมถามเด็กๆว่า รู้จักเพลง สะพาน มั้ย ให้ไปฟังเพลง "สะพาน"
และบอกเด็กๆว่าสังคมมีทั้งคนดี และคนไม่ดี ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกัน ทำให้มีคนดีมากกว่าคนไม่ดี
ทุกคนต้องมีความกตัญญูและให้ความเคารพพ่อแม่ ครูอาจารย์ และอย่าทำสิ่งที่ไม่ดี
อย่าฟุ่มเฟื่อย อย่าไปตามกระแส เช่นเรื่องการใช้โทรศัพท์มือถือราคาแพง แนะให้ทุกคนกราบพ่อแม่ ซึ่งถือเป็นพระในบ้าน และกราบครูในวันครู

“วิษณุ” เผย กก.ยุทธศาสตร์ มี 4 คณะ คาดตั้งเสร็จเดือนนี้ ชี้ทำตามโรดแมป

รองนายกรัฐมนตรี เผย เตรียมใช้ ม.44 ตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดอง 4 คณะ มีนายกฯ เป็นประธาน รองนายกฯ เป็นกรรมการ ส่วนคนอื่นยังไม่รู้ใครเป็นบ้าง คาด คงมีไม่มาก แล้วเสร็จได้ในเดือนนี้ ชี้ ทำตามโรดแมปเดิม หากไม่เสร็จก็ส่งต่อรัฐบาลใหม่ แต่ทำต่อหรือเปล่าไม่ทราบ ชี้ บางเรื่องไม่จำเป็นต้องมีคู่ขัดแย้งเป็นกรรมการ
       
       วันนี้ (9 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 16.45 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดองขึ้นในการขับเคลื่อน มี 4 คณะ ได้แก่ 1. คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี 2. คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ 3. คณะกรรมการปรองดอง และ 4. คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ โดยจัดตั้งสำนักงานบริหารยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดองขึ้นด้วย ว่า การดำเนินการเรื่องดังกล่าวจะเริ่มต้นด้วยการออกคำสั่งตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 ที่จะมากำหนดโครงสร้าง ส่วนรายชื่อผู้ที่จะมาเป็นกรรมการแต่ละชุดนั้น คาดว่า จะมีการออกเป็นคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีต่อไป ขณะนี้ตนยังไม่ทราบว่าจะมีชื่อบุคคลจากภาคส่วนใดร่วมเป็นกรรมการบ้าง แต่คาดว่าแต่ละชุดจะมีกรรมการจำนวนไม่มาก เพื่อที่จะไม่ให้เสียเวลาในการหารือเรื่องต่างๆ มากเกินไป ซึ่งจะดำเนินการตั้งคณะกรรมการทั้งหมดได้ภายในเดือน ม.ค. นี้
       
       นายวิษณุ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเคยระบุว่า ไม่ว่าจะตั้งคณะกรรมการทั้งหมดแล้วเสร็จเมื่อใดก็จะเรียกประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดองที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รองนายกรัฐมนตรีทุกคนร่วมอยู่ในกรรมการ ภายในสัปดาห์นี้
       

       ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดนายกรัฐมนตรีจึงหยิบยกเรื่องการผลักดันเรื่องการปฏิรูปและการปรองดองขึ้นมาเป็นเรื่องสำคัญในช่วงเวลานี้ นายวิษณุ กล่าวว่า ความจริงแล้วนายกรัฐมนตรีพูดมาตลอดว่าเมื่อเข้าสู่ปี 2560 แล้วจะเป็นการเข้าสู่โรดแมปขั้นต่อไป ซึ่งสิ่งที่เราเตรียมไว้เดิมเมื่อเข้าสู่ปี 2560 แล้วนั่นจะเป็นเรื่องที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เริ่มบังคับใช้ ที่เดิมคาดว่าจะเป็นช่วงเดือน พ.ย.59 และตามมาด้วยการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องออกมาในช่วงเวลา 1 ปี ที่เหลือเราก็ตั้งใจว่าจะใช้ช่วงเวลาดังกล่าวสำหรับดำเนินการสร้างความปรองดอง เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมารัฐบาลต้องทำงานหลายอย่าง ทั้งเรื่องการปฏิรูป การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ การดำเนินงานเพื่อการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ พร้อมกับการแก้ปัญหาต่างๆ ของประเทศ จึงตั้งใจว่าหลังจากเริ่มใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วก็จะหยิบเรื่องการปรองดองมาดำเนินการ แต่ในเมื่อขณะนี้ล่วงเลยเวลาที่เราคาดการณ์ไว้มาประมาณ 1 เดือนเศษแล้ว จึงคิดว่าหยิบเรื่องการสร้างความปรองดองขึ้นมาทำเลย
       
       เมื่อถามว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวนี้ ถือว่าเป็นการมารับช่วงต่องานจากสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า สปท. จะส่งงานเรื่องการปฏิรูปมาให้คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ส่วนเรื่องงานที่เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ชาติก็จะส่งมาที่คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ส่วนเรื่องการสร้างความปรองดองนั้น ก่อนหน้านี้ กระทรวงกลาโหมเคยทำไว้ บวกกับงานที่ สปท. จะเสนอมาให้รัฐบาล รวมถึงบรรดาข้อเสนอต่างๆ จากนักการเมืองและฝ่ายต่างๆ ทั้งหมดจะถูกส่งมาที่คณะกรรมการปรองดอง
       
       เมื่อถามว่า คณะกรรมการทั้งหมดมีเวลาทำงานประมาณ 1 ปี คิดว่า จะสามารถทำงานเสร็จทันหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่รัฐบาลชุดปัจจุบันหมดวาระงานของคณะกรรมการเหล่านี้ยังไม่เสร็จสิ้นก็ต้องส่งต่อให้รัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งรับไปทำต่อ ซึ่งเขาจะทำตามหรือไม่ทำตามแนวทางเดิมก็ได้ แต่เราเห็นว่าอย่างน้อยในช่วงเวลานี้ก็ควรจะทำอะไรเป็นรูปเป็นร่าง เพื่อเป็นหน้าเป็นตาของรัฐบาล แต่คิดว่าการทำงานทั้งเรื่องการสร้างความปรองดอง ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูป คงไม่สามารถทำให้แล้วเสร็จพร้อมกันทั้งหมดก่อนที่จะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่
       
       เมื่อถามว่า จะนำชื่อตัวแทนคู่ขัดแย้งของแต่ละฝ่ายมาร่วมเป็นกรรมการปรองดองด้วยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า อันที่จริงแล้วการสร้างความปรองดองทำได้หลายอย่าง ซึ่งบางเรื่องก็จำเป็นต้องมีตัวแทนจากคู่ขัดแย้ง แต่บางเรื่องไม่จำเป็นต้องมี เพราะหากมีตัวแทนคู่ขัดแย้งเข้ามาก็จะเข้ามานั่งขัดแย้งกันในกรรมการ

ทบ.จะเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ รถถัง รถเกราะ ฮ. 12-13ม.ค.

ขออภัยในความไม่สะดวก
ทบ.จะเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ รถถัง รถเกราะ ฮ. 12-13ม.ค.นี้ มาจัดงานวันเด็ก ที่ พล.ม.2 รอ.สนามเป้า /เสร็จงานแล้ว ส่งกลับหน่วยทันที
​​พันเอกหญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกทบ. กล่าวว่า กองทัพบกจะทำการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์จากหน่วยทหารในพื้นที่ กทม., จ.ปราจีนบุรี, จ.สระบุรี และ จ.ลพบุรี ไปที่ กองพลทหารม้าที่ 2รักษาพระองค์ และกองบัญชาการกองทัพไทย กทม. เพื่อเตรียมจัดงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2560
โดยมีรายละเอียดการเคลื่อนย้ายดังนี้
​วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๐​- เวลา ๐๗.๐๐ – ๐๙.๐๐ น. เคลื่อนย้ายอากาศยานจากศูนย์การบินทหารบก จ.ลพบุรี มาที่กองพลทหารม้าที่ ๒ รักษาพระองค์
​- เวลา ๑๙.๐๐ – ๐๒.๐๐ น. เคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์และเครื่องมือบรรเทาสาธารณภัย จากที่ตั้งหน่วยทหาร จ.ปราจีนบุรี, สระบุรี และ กทม. มาที่กองพลทหารม้าที่ ๒ รักษาพระองค์ โดยผ่านถนนสำคัญ อาทิ ถ.วิภาวดีรังสิต, ถ.พหลโยธิน, ถ.ทหาร, ถ.ประดิพัทธ์, ถ.แจ้งวัฒนะ และ ถ.ติวานนท์

วันศุกร์ที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๐ 
เวลา ๑๗.๐๐ - ๒๓.๐๐ น. เคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ จาก จ.ปราจีนบุรี, สระบุรี และ กทม. ปลายทาง กองบัญชาการกองทัพไทย ผ่านถนนสำคัญ คือ ถ.ประดิพัทธ์, สี่แยกสะพานควาย ถ.พหลโยธิน, ถ.วิภาวดีรังสิต และ ถ.แจ้งวัฒนะ

โดยกองทัพบกจะเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์กลับที่ตั้งหน่วยทหาร หลังจากจบกิจกรรม
วันเด็กแล้ว ในวันที่ 14 มกราคม2560ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ตามเส้นทางเดิม
ทั้งนี้ในพื้นที่ต่างจังหวัดก็จะมีการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ในลักษณะเช่นนี้ด้วย จึงขอแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบ และขออภัยในความไม่สะดวกทั้งปวง ที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์

ขับเคลื่อนยุทธ์ศาสตร์ปฎิรูปปรองดอง

จ่อออก ม.44 สองฉบับ ปรับโครงสร้างศึกษาธิการ – ขับเคลื่อนยุทธ์ศาสตร์ปฎิรูปปรองดอง

“บิ๊กตู่” เตรียมออกม. 44 2 ฉบับ ยกเครื่อง ศธ. ยุบอ.ก.พ. เหลือแท่งเดียว แก้ปัญหาข้อขัดข้อง-หลักการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์-สร้างความปรองดอง”

เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 10 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในที่ประชุมร่วมครม.และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้รายงานเหตุผลของการเตรียมการออกมาตรา 44 อีก 2 ฉบับ โดยฉบับแรก เป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาโครงสร้างของกระทรวงศึกษาธิการ เพราะการทำงานของกระทรวงศึกษาธิการเป็นโครงสร้างที่มีปัญหาและเป็นโครงสร้างที่แตกต่างจากกระทรวงอื่นๆเพราะมีแท่งโครงสร้างถึง 5 แท่ง ทำให้มีข้าราชการระดับซี 11 ถึง 5 คนในกระทรวง จึงออกคำสั่งมาตรา44 เพื่อยุบรวมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.)ให้เหลือเพียงแท่งเดียว เพื่อให้การจัดการอัตรากำลังของกระทรวงเป็นไปโดยง่าย และเป็นการแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องที่กระทรวงศึกษาธิการประสบตลอดมา

ส่วนคำสั่งมาตรา 44 อีกฉบับ คือ เรื่องหลักการการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการสร้างความสามัคคีปรองดอง 

ทั้งนี้ มาตรา 44 ทั้ง 2 ฉบับจะยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาในวันนี้ (10 ม.ค.) แต่คาดว่าจะประกาศในเร็วๆนี้
//////
ทรงมีรับสั่ง ให้ แก้ ร่างรธน.

นายกฯเผย ได้รับแจ้งจาก องคมนตรี ที่มาพบที่ทำเนียบฯ ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10 มีพระราชประสงค์ให้แก้ร่าง รธน. ในหมวดพระมหากษัตริย์ เรื่องพระราชอำนาจ จะเร่งแก้ ใช้เวลา1 เดือน โดยจะแก้ รธน.ชั่วคราวก่อน เพราะ ร่างรธน.ฉบับนี้ ผ่านประชามติ ไป แล้ว แก้ได้ เพื่อไม่ตัองลงประชามติ อีกครั้งแล้วจะนำขึ้นทูลเกล้าอีกครั้งหนึ่ง คาด ใช้เวลาไม่เกิน2-3 เดือน เผยมีเวลาถึง 6 กพ. 60 ยันไม่เกี่ยวกับ ปชช. เป็นเรื่องพระราชอำนาจ ตัองทำให้พระองค์ เพราะเป็นเรื่องพระราชอำนาจ‪เผยถก คสข.เมื่อเช้า เพื่อใช้ ม.44 ออกคำสั่งให้แก้รธน.ชั่วคราว เพื้อแก้ร่างรธน.เรื่องพระราชอำนาจ ตามรับสั่ง โดยไม่ต้องลงประชามติอีก

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ๐ว่า สำหรับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว เป็นไปตามขั้นตอน เนื่องจากเมื่อวันที 9ม.ค. องคมนตรี ได้มาพบ ได้มีเรื่องสืบเนื่องจากทางสำนักราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง ได้ทำเรื่องมายังรัฐบาลว่ามีประเด็นที่ต้องหารือในเรื่องรัฐธรรมนูญหมวดพระมหากษัตริย์

ซึ่งทางฝ่ายองคมนตรีได้นำขึ้นทูลเกล้าฯถวายไปแล้ว และมีพระราชกระแสลงมาว่ามี 3-4 รายการที่จำเป็นต้องแก้ไขให้เป็นไปตามพระราชอำนาจของพระองค์ท่าน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่อง
สิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่เป็นเรื่องพระราชอำนาจของพระองค์ท่าน ซึ่งเราก็รับสนองพระบรมราชโองการ

ทั้งนี้การจะทำได้ต้องแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราว ซึ่งคงใช้เวลาไม่นาน ประมาณไม่เกิน 1 เดือน แต่รัฐธรรมนูญชั่วคราวจะแก้ได้ก่อน และแก้ในสาระตรงนี้ เมื่อนำลงมาแล้วก็แก้ฉบับที่ส่งขึ้นไป ก็จะ
ต้องเอาลงมาก่อนแล้วแก้และดำเนินการให้เร็วที่สุด ฉะนั้นก็ยังอยู่ในกรอบเวลา ซึ่งจะครบในวันที่ 6 ก.พ. เมื่อนำลงมา แก้ไขใช้เวลาประมาณ 1 เดือน น่าจะเสร็จได้ ไม่เกิน 2-3 เดือนข้างหน้านี้ จะได้
เสนอโปรดเกล้าฯ มาอีกครั้ง

“ก็ขอเถอะเป็นเรื่องของพระราชอำนาจของพระองค์ท่าน รัฐธรรมนูญชั่วคราวจำเป็นต้องทำ เพราะฉบับใหม่ผ่านประชามติไปแล้ว ดังนั้นก็ต้องหาวิธีการแก้ให้ได้ ไม่ต้องไปทำประชามติ เพราะไม่ได้เกี่ยวกับประชาชน ก็ถวายพระราชอำนาจพระองค์ท่านแค่นั้นเอง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า “เรื่องสำคัญคืออย่าไปสร้างปัญหาอีกเลยเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ การแก้ไขอะไรต่างๆเหล่านี้ ผมบอกแล้ว และสิ่งที่ผมพูดขอให้จำไว้ด้วย ผมไม่เคยไปเลื่อนขั้นตอน ขั้นตอนยังมีเหมือนเดิมทุกประการ เวลาทุกอย่างมีหมดตามเวลา 240 วัน 150 วัน 90 วัน มีหมด สุดแต่ว่าขั้นตอนไหนจะไปอยู่ตรงไหน มันทำได้แค่ไหนก็อยู่ตรงนั้น

ทุกอย่างเริ่มสตาร์ทเมื่อมีรัฐธรรมนูญถาวรลงมา เมื่อลงมาก็นับไปสิ คุณจะไปเลือกเมื่อไรก็ไปเลือกตามนั้น แต่ผมถามว่าถ้ามีเหตุการณ์มาแทรกในขั้นตอน การเลือกตั้ง หาเสียง หรือการประชุมพรรค

ในช่วงนั้นตามเวลาเดิม จะเกิดอะไรขึ้น ก็เรื่องงานราชพิธีพระบรมศพไง เข้าใจกันเสียบ้าง

พอทุกอย่างเรียบร้อยก็เดินต่อก็แค่นั้นเองเมื่อไรก็เมื่อนั้น ผมไม่ได้ไปดึงยืดเสียเมื่อไร มีใครรู้มาก่อนไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น คิดบ้างไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นสมมุติว่าผ่านไปถึงขั้นตอนการหาเสียงแล้วเลือกตั้งได้ จะตีกันอีกไหม ตอบได้ไหมตีกันหรือเปล่า ทะเลาะกันอีกรึเปล่า เมื่อตอบไม่ได้แล้วจะให้ผมยืนยันนี่โน่น ผมก็ยืนยันขั้นตอนของผม 240 วัน 150 วัน 90วัน บวกกันสิ โดยปลายปีนี้หลังราชพิธีผมก็จะให้เดินการเมืองได้หลังจากราชพิธีพระบรมศพ และบรมราชาภิเษก จากนั้นก็เริ่มจะพูดคุย เตรียมคน จะเลือกตั้งอะไรก็ว่าไป ซึ่งก็ต้องหลังพระราชพิธีพระบรมศพ เรื่องของการเมืองก็เดินไป แต่ถ้าตีกันอีกก็มีปัญหาอีก ผมก็ไม่รู้จะแก้ยังไงเหมือนกัน เมื่อเลือกมาแล้วก็เดินไปตามขั้นตอน ได้เมื่อไรผมไม่รู้ แล้วผมไปแก้ตรงไหน ถ้าผมแก้เหรอก็ให้ไม่ต้องมียกเลิก คัดใหม่ทั้งหมดต้องใช้สมองคิดสิ อย่าใช้อย่างอื่นคิด”

นายกฯ กล่าวว่า โดยที่ประชุมร่วมครม.-คสช.วันนี้ มีมติขอแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราว โดยขอสื่ออย่าเขียนให้เสียหาย รู้ว่าอะไรสูงอะไรต่ำบ้าง

นอกจากนี้ยังมีเรื่องคณะกรรมการยุทธศาสตร์ และเรื่องรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินให้ส่วนต่อขยายแล้วเสร็จก่อนเดือนส.ค.ปีหน้า

“ที่พูดมาทั้งหมดเป็นสาระ ไม่ใช่สาระแน นี่ไม่ใช่คำหยาบแต่เป็นคำไทย อย่าไปเขียนเองบิดเบือนไปเรื่อยเปื่อย ไม่เอา แต่ผมไม่ได้ว่าใคร ส่วนการเมืองวันนี้ถือว่าเดินหน้าอยู่แล้ว โดยรัฐธรรมนูญกฎหมายลูกเกิดหรือยัง ก็เดินไปสิ เมื่อหลังเสร็จสิ้นงานพระราชพิธีก็จะมีการให้หาเสียง เลือกตั้งปลายปี 2560 และได้รัฐบาลใหม่ในปี 2561” นายกฯ กล่าว
//////
นายกฯ จ่อ ใช้ม.44 แก้รธน.ชั่วคราว รับสนองพระบรมราชโองการ แก้รธน.หมวดกษัตริย์

“นายกฯ” แจงความจำเป็นแก้ รธน.ชั่วคราว ขอเวลา 1 เดือน แก้หมวดพระมหากษัตริย์ รธน.ใหม่ ก่อนทูลเกล้าฯประกาศใช้ใน 90 วัน เผย เตรียมไฟเขียว การเมืองขยับหลัง 2 งานพระราชพิธีสำคัญ

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 10 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวว่า เป็นไปตามขั้นตอน เนื่องจากวานนี้ (9 ม.ค.) องคมนตรี ได้มาพบ ได้มีเนื่องจากทางสำนักราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง ได้ทำเรื่องมาที่รัฐบาล ว่ามีประเด็นที่ต้องหารือในเรื่องรัฐธรรมนูญหมวดพระมหากษัตริย์ ซึ่งทางฝ่ายองคมนตรีได้นำขึ้นทูลเกล้าฯถวายไปแล้ว และมีพระราชกระแสลงมาว่ามี 3-4 รายการ ที่จำเป็นต้องแก้ไขให้เป็นไปตามพระราชอำนาจของพระองค์ท่าน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่เป็นเรื่องพระราชอำนาจของพระองค์ท่าน ซึ่งเราก็รับสนองพระบรมราชโองการ

“ทั้งนี้การจะทำได้ ต้องแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราว ซึ่งคงใช้เวลาไม่นาน ประมาณไม่เกิน 1 เดือน แต่รัฐธรรมนูญชั่วคราวจะแก้ได้ก่อน และแก้ในสาระตรงนี้ เมื่อนำลงมาแล้วก็แก้ฉบับที่ส่งขึ้นไป ก็จะ
ต้องเอาลงมาก่อนแล้วแก้และดำเนินการให้เร็วที่สุด ฉะนั้นก็ยังอยู่ในกรอบเวลา ซึ่งจะครบในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เมื่อนำลงมา แก้ไขใช้เวลาประมาณ 1 เดือน น่าจะเสร็จได้ ไม่เกิน 2-3 เดือนข้างหน้านี้
จะได้เสนอโปรดเกล้าฯ มาอีกครั้ง ก็ขอเถอะ เพราะเป็นเรื่องของพระราชอำนาจของพระองค์ท่าน” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญชั่วคราวจำเป็นต้องแก้ไข เพราะรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านประชามติไปแล้ว ฉะนั้นเมื่อจะแก้ในส่วนนี้ก็ต้องหาวิธีการแก้ให้ได้ โดยไม่ต้องไปทำประชามติ เพราะไม่ได้เกี่ยวกับประชาชน เป็นไปการถวายพระราชอำนาจพระองค์ท่านเท่านั้นเอง

“เรื่องสำคัญคืออย่าไปสร้างปัญหาอีกเลยเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ การแก้ไขอะไรต่างๆเหล่านี้ ผมบอกแล้ว และสิ่งที่ผมพูดขอให้จำไว้ด้วย ผมไม่เคยไปเลื่อนขั้นตอน ขั้นตอนยังมีเหมือนเดิมทุกประการ เวลาทุกอย่างมีหมดตามเวลา 240 วัน 150 วัน 90 วัน มีหมด สุดแต่ว่าขั้นตอนไหนจะไปอยู่ตรงไหน มันทำได้แค่ไหนก็อยู่ตรงนั้น ทุกอย่างเริ่มสตาร์ทเมื่อมีรัฐธรรมนูญถาวรลงมา เมื่อลงมาก็นับไปสิ คุณจะไปเลือกเมื่อไรก็ไปเลือกตามนั้น แต่ผมถามว่าถ้ามีเหตุการณ์มาแทรกในขั้นตอน การเลือกตั้ง หาเสียง หรือการประชุมพรรคในช่วงนั้นตามเวลาเดิม จะเกิดอะไรขึ้น ก็เรื่องงานราชพิธีพระบรมศพไง เข้าใจกันเสียบ้าง พอทุกอย่างเรียบร้อยก็เดินต่อก็แค่นั้นเองเมื่อไรก็เมื่อนั้น ผมไม่ได้ไปดึงยืดเสียเมื่อไร มีใครรู้มาก่อนไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น คิดบ้างไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นสมมุติว่าผ่านไปถึงขั้นตอนการหาเสียงแล้วเลือกตั้งได้ จะตีกันอีกไหม ตอบได้ไหมตีกันหรือเปล่า ทะเลาะกันอีกรึเปล่า เมื่อตอบไม่ได้แล้วจะให้ผมยืนยันนี่โน่น ผมก็ยืนยันขั้นตอนของผม 240 วัน 150 วัน 90 วัน บวกกันสิ โดยปลายปีนี้หลังราชพิธีผมก็จะให้เดินการเมืองได้หลังจากราชพิธีพระบรมศพ และบรมราชาภิเษก จากนั้นก็เริ่มจะพูดคุย เตรียมคน จะเลือกตั้งอะไรก็ว่าไป ซึ่งก็ต้องหลังพระราชพิธีพระบรมศพ เรื่องของการเมืองก็เดินไป แต่ถ้าตีกันอีกก็มีปัญหาอีก ผมก็ไม่รู้จะแก้ยังไงเหมือนกัน เมื่อเลือกมาแล้วก็เดินไปตามขั้นตอน ได้เมื่อไรผมไม่รู้ แล้วผมไปแก้ตรงไหน ถ้าผมแก้เหรอก็ให้ไม่ต้องมียกเลิก คัดใหม่ทั้งหมด ต้องใช้สมองคิดสิ อย่าใช้อย่างอื่นคิด”นายกฯ กล่าว

“ที่พูดมาทั้งหมดเป็นสาระ ไม่ใช่สาระแน นี่ไม่ใช่คำหยาบแต่เป็นคำไทย อย่าไปเขียนเองบิดเบือนไปเรื่อยเปื่อย ไม่เอา แต่ผมไม่ได้ว่าใคร ส่วนการเมืองวันนี้ถือว่าเดินหน้าอยู่แล้ว โดยรัฐธรรมนูญ กฎหมายลูกเกิดหรือยัง ก็เดินไปสิ เมื่อหลังเสร็จสิ้นงานพระราชพิธีก็จะมีการให้หาเสียง เลือกตั้งปลายปี 2560 และได้รัฐบาลต้นปี 2561” นายกฯ กล่าว
////
ประยุทธ์โว รัฐบาลมีแผนปฏิรูป-ปรองดอง ลั่นผลงานเพียบต่างชาติยอมรับ

ประยุทธ์เผยแผนปฏิรูป-ปรองดอง โวผลงานเพียบต่างชาติยอมรับ เปิดทางพรรคการเมืองเสนอข้อคิดเห็น

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 10 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดองว่า การปฏิรูปหมายคิดใหม่ทำใหม่ วันนี้รัฐบาลทำงานตามแผนงาน บูรณาการ ปฏิรูประบบราชการ และระบบงบประมาณแก้ไขปัญหาครบวงจร เดินหน้าตามนโยบาย การปฏิรูปของรัฐบาลมีความคืบหน้ามาก โดยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ ปฏิรูป ปรองดอง โดยนำงานที่ทำแล้วทั้งหมดมาดูเพื่อสร้างให้เกิดความชัดเจน ส่วนที่ยังทำไม่ได้เนื่องจากติดกฎหมายก็ต้องเร่งรัด หากมีความจำเป็นก็ต้องใช้มาตรา 44 ดำเนินการ นี่คือการปฏิรูประยะที่ 1 ปี 2560 เพราะตนไม่ได้อยู่ถึง 20 ปี แต่จะทำให้เกิดความชัดเจน ให้ทุกอย่างอยู่ในแผนแม่บท นี่คือการส่งต่อ สืบทอดอำนาจของตนให้แก่รัฐบาลใหม่

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับการปฏิรูปที่แล้วเสร็จ เช่น การแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย หรือไอยูยู มิเช่นนั้นไทยคงได้ธงแดงไปแล้ว ก่อนหน้านี้มีกฎหมายออกกว่า 90 ฉบับ ซึ่งต้องเข้าใจว่าเหล่านี้เป็นปัญหาที่ไม่เคยได้รับการแก้ไข การแก้ไขปัญหาองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) รัฐบาลได้ตั้งสำนักการบินพลเรือนขึ้นมาใหม่ นอกจากนี้ ยังปฏิรูปกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม มีกองทุนยุติธรรม รัฐบาลออกกฎหมายกว่า 180 ฉบับ กำลังพิจารณาอีกกว่า 200 ฉบับ ยังไม่เข้ามาอีก 200 ฉบับ รวมเป็น 580 ฉบับ เรายังอำนวยความสะดวกประชาชน โดยลดขั้นตอนการลงทุน จัดตั้งบริษัท มี พ.ร.บ.อำนายความสะดวก พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ตั้งศูนย์ดำรงธรรม 3 ปีรับเรื่องร้องเรียนกว่าแปดล้านเรื่อง แก้ไขปัญหาได้กว่า 90% ก่อนหน้านี้มีผู้หญิงนุ่งกระโจมอกอาบน้ำบนถนนเป็นบ่อหลุม เราก็แก้ไข ถือเป็นการปฏิรูปการทำงานของรัฐบาล ข้าราชการ

“ทุกเวทีโลกเขาก็ยอมรับ ผมไปไหนเขาไม่รังเกียจ ไม่ได้เดินมาถามว่าผมมาจากรัฐประหารแล้วมาทำไมวะนี่ เขารู้ว่าผมมาอย่างไร มีแต่คนไทยที่ไม่ได้รู้ว่าปัญหาใหญ่นั้นมีอย่างไร วันหน้าผมไม่ได้อยู่ตรงนี้ ผมจะฟังนักข่าวถามรัฐบาลใหม่ ว่าเขาทำอะไรบ้าง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนเรื่องการปรองดอง ขออย่าเข้าใจว่าต้องทำด้วยการพูดคุยกับนักโทษ หรือผู้มีความผิดเท่านั้น เพราะสิ่งสำคัญคือทำอย่างไรเพื่อไม่ให้คนไทยทะเลาะกันอีก ถามว่าที่ผ่านมาทะเลาะกันเพราะสาเหตุใด ทำไมคนไทยถึงปฏิสัมพันธ์กันไม่ได้ เพราะบ้านเดียวกันยังคุยหรือดูโทรทัศน์ช่องเดียวกันไม่ได้ อย่ามัวสนใจแต่ว่าจะเอาคนติดคุกออกมา หรือให้คนที่อยู่ต่างประเทศกลับมาหรือไม่

“เอาคนที่อยู่ในประเทศวันนี้ก่อน เดือดร้อนมากไหม เทียบกับคนที่อยู่ต่างประเทศใครเดือดร้อนกว่ากัน แล้วเดือดร้อนเพราะอะไร คิดให้เป็น ต้องปฏิรูปทางความคิดด้วย อย่าหาเหตุจนกระทั่งทำอะไรไม่ได้เลย แต่ก็จะให้ฝ่ายการเมืองเข้ามา ดูสิว่าจะเสนอเรื่องปรองดองอย่างไร ถ้าเสนอรวมกันไม่ได้ ก็ให้แต่ละพรรคเสนอเข้ามา แล้วให้นักข่าวดูแล้วตัดสินเอา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
/////
สปท.ชงพักโทษคดีการเมืองไม่ร้ายแรงทั้งหมด ส่วนแกนนำรับสารภาพแลกลดโทษ

สปท.การเมืองกางโมเดลปรองดอง จ่อให้พักโทษ ปชช.ทำผิดคดีการเมืองไม่ร้ายแรง ส่วนแกนนำต้องรับสารภาพแลกลดโทษ

เมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่รัฐสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงข้อเสนอรายงานการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและการสร้างความปรองดองว่า คาดว่าในวันที่ 19 มกราคม จะนำรายงานดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมาธิการกิจการสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (วิป สปท.) ได้

จากนั้นประมาณวันที่ 23 หรือ 24 มกราคม จะนำเข้าสู่ที่ประชุม สปท.พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป โดยหลักการจะต้องเป็นคดีที่อยู่ในช่วงเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549-22 พฤษภาคม 2557 ในรายงานฉบับนี้จะแยกแนวทางสร้างความปรองดองออกเป็นประเภทคดี ได้แก่ คดีที่เกี่ยวกับประชาชน และคดีของแกนนำชุมนุม และแบ่งประเภทความผิดคดีเป็นคดีความผิดร้ายแรงกับคดีความผิดไม่ร้ายแรง

นายเสรีกล่าวว่า ในส่วนคดีความผิดไม่ร้ายแรง มีหลักเกณฑ์สร้างความปรองดองคือ หากเป็นคดีของประชาชนทั่วไปที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล หากจำเลยยอมรับผิดตามที่ถูกฟ้อง จะเสนอ
ให้ศาลจำหน่ายคดีออกไป แต่ระหว่างนั้น 5 ปี ห้ามไปก่อปัญหาต่อบ้านเมือง ห้ามชุมนุม ปลุกปั่นยุยง สร้างความแตกแยก ถ้าไปก่อเหตุวุ่นวายจะต้องถูกดำเนินคดีตามเดิม คดีที่อยู่ในข่ายไม่ร้ายแรงรวมถึงการบุกรุกสนามบิน บุกสถานที่ราชการ รวมถึงการก่อการร้าย แต่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าบุคคลนั้นๆ ไปร่วมชุมนุมเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ไปร่วมสร้างความเสียหายอื่นๆ หรือกรณีการเผาทรัพย์สินราชการ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่ผู้ลงมือเผา แค่ไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์ก็มีโอกาสได้รับการจำหน่ายคดี แต่ถ้าพบว่าเป็นผู้ลงมือเผาทรัพย์สิน จะไม่ได้รับโอกาสจำหน่ายคดี แต่ต้องไปต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนความผิดประเภทคดีร้ายแรง จะต้องไปต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม ขณะที่แกนนำการชุมนุม หากยอมรับว่าได้กระทำความผิด จะเสนอต่อศาลขอให้ใช้ดุลพินิจลงโทษสถานเบา

เมื่อถามว่า ข้อเสนอ สปท.การเมือง ไม่ต่างอะไรจากการนิรโทษกรรม นายเสรีกล่าวว่า ไม่เหมือน การนิรโทษกรรมคือ ทำผิดมาแล้ว แต่ไม่ต้องรับผิด แต่ในรายงานของ สปท.การเมืองนั้น ความผิดยังคงอยู่ เพียงแต่ถูกพักโทษ ห้ามไปกระทำความผิด อย่าเอามาปนกัน ยืนยันว่าไม่ใช่การทำลายหลักนิติธรรม หากจะคุยเรื่องปรองดอง ต้องมาหารือกันเรื่องทางออกในทางกฎหมาย ซึ่งตามหลักกฎหมายมีการพูดถึงการให้โอกาส การบรรเทาโทษเขียนไว้ชัดเจน หากรับสารภาพจะได้ลดโทษกึ่งหนึ่ง ส่วนข้อเสนอที่ให้โอกาสคนอยู่ต่างประเทศกลับมาสู้คดี โดยได้รับการประกันตัวนั้น ขณะนี้คนที่หนีคดีอยู่ต่างประเทศ ส่วนใหญ่ไปเคลื่อนไหวผ่านยูทูบ อินเตอร์เน็ตต่อต้านรัฐบาล ไม่กล้าเข้าประเทศ เพราะกลัวว่า เมื่อเข้ามาแล้ว จะไม่ได้รับการประกันตัว สปท.การเมืองจึงเสนอว่า หากกลับมาต่อสู้คดี จะมีสิทธิได้รับการประกันตัว

“ข้อเสนอของ สปท.ไม่รวมถึงกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาแล้ว แต่หนีคดีไปต่างประเทศ กรณีเช่นนี้ จะต้องกลับมารับโทษตามคำพิพากษา ไม่อยู่ในเงื่อนไขได้รับการพักโทษ รวมถึงคดีเกี่ยวกับมาตรา 112 คดีทุจริตจะไม่อยู่ในข่ายได้พักโทษ ขอปฏิเสธว่าก่อนที่จะมีรายงานฉบับนี้ออกมา ได้ไปหารือกับแกนนำกลุ่มต่างๆ มาแล้ว ในส่วนของแกนนำผู้ชุมนุมที่เสนอมาคราวนี้ หากเห็นว่าข้อกล่าวหาที่ถูกกล่าวหาไม่เป็นความจริง ไม่ยอมรับเพื่อจะได้รับการพักโทษ ก็ไปพิสูจน์ตัวในชั้นศาลได้ เราไม่ได้บังคับ เพราะคราวที่มีข้อเสนอออกมา ต้องยอมรับต่อศาลก่อนได้รับการพักโทษ ถูกแกนนำสีต่างๆ ต่อต้าน คราวนี้เลยปล่อยให้เป็นตามความสมัครใจ หากเห็นว่าไม่ผิด ก็ไม่ต้องยอมรับแล้วสู้คดีต่อไป” นายเสรีกล่าว
////////////////

ฟัง...แนวคิด ปรองดอง ของ บิ๊กป้อม พี่ใหญ่ เตรียมเรียก พรรคการเมือง -กปปส.-นปช. เจรจา

บิ๊กป้อม เผย นายกฯมอบให้เป็นหัวหน้า ทีมทำเรื่องปรองดอง จะตั้งทีมเจรจา กำลังลิสต์รายชื่ออยู่ ทั้งมหาดไทย กลาโหม เหล่าทัพ ไม่ตอบมีผบ.เหล่าทัพ ด้วยหรือไม่. แต่ในส่วนของกลาโหม มีการทำเรื่องปรองดองมาแล้ว ในช่วงที่ผ่านมา ก็จะเอามาใช้

โดยจะเชิญทุกพรรคการเมือง-นปช.-กปปส. ทุกกลุ่ม ทะยอยมาคุย กับทีมงาน แบบไม่พร้อมกัน ผมไม่ได้คุยเอง เพื่อให้ได้ข้อยุติว่า จะอยู่ร่วมกันอย่างไร ให้ปรองดอง เพราะมันต้องมีกติกา ก็ต้องมาคุยกัน เผยจะเร่งให้เสร็จก่อน มีการเลือกตั้ง
แต่ยันไม่เกี่ยวนิรโทษกรรม หรือข้อกม.ใดๆ ไม่เกี่ยวเรื่องคดีความใดๆ ไม่มีนิรโทษล้างโทษม็อบเสื้อสีต่างๆใดๆ เรื่องคนทำผิดกม.ไม่คุย เพราะแต่ละคนรู้ดีว่า ทำผิดกม.หรือไม่ ติงสื่ออย่าถาม แบบ ถ้า
สมตติ หรือมโน ไม่เอส ไม่ตอบ
----------------
ฟัง นายกฯ แจง การใช้ ม.44แก้รธน.ชั่วคราว เพื่อแก้ร่างรธน.ตามรับสั่ง เรืองพระราชอำนาจ

บิ๊กตู่ ชี้ ผมไม่ได้เลื่อนโรดแมพเลื่อน เลือกตั้ง แต่ต้องแก้ร่างรธน เผยเพราะมีเรื่องพระบรมศพ ไม่คาดคิด คาดปลดล้อคการเมือง ลต.หลังพิธีพระบรมศพ,บรมราชาภิเษก เผย เลือกตั้งเมื่อไหร่ ยังไง ก็มีรัฐบาลใหม่ ปี2561

นายกฯเผย ได้รับแจ้งจาก พลเอกดาว พงษ์ รัตนสุวรรณ พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ที่มาพบที่ทำเนียบฯ ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10 มีพระราชประสงค์ให้แก้ร่าง รธน. ในหมวดพระมหากษัตริย์ เรื่องพระราชอำนาจ จะเร่งแก้ ใช้เวลา1 เดือน โดยจะแก้ รธน.ชั่วคราวก่อน เพราะ ร่างรธน.ฉบับนี้ ผ่านประชามติ ไป แล้ว แก้ได้ เพื่อไม่ตัองลงประชามติ อีกครั้ง
แล้วจะนำขึ้นทูลเกล้าอีกครั้งหนึ่ง คาด ใช้เวลาไม่เกิน2-3 เดือน เผยมีเวลาถึง 6 กพ. 60 ยันไม่เกี่ยวกับ ปชช. เป็นเรื่องพระราชอำนาจ ตัองทำให้พระองค์ เพราะเป็นเรื่องพระราชอำนาจ
ชี้ ผมไม่ได้เลื่อนโรดแมพเลื่อน เลือกตั้ง แต่ต้องแก้ร่างรธน เผยเพราะมีเรื่องพระบรมศพ ไม่คาดคิด คาดปลดล้อคการเมือง ลต.หลังพิธีพระบรมศพ,และ บรมราชาภิเษก เผย เลือกตั้งเมื่อไหร่ ยังไง ก็มีรัฐบาลใหม่ ปี2561
---------------