PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2561

ลูกเขี้ยวของพวกตัวแปร

2 ขั้วใหญ่ “เพื่อไทย–ประชาธิปัตย์” เปิดประชุมเป็นทางการ ปรับระเบียบยกร่างข้อบังคับพรรคใหม่ แกนนำและสมาชิกพรรคขยับตัวเอิกเกริก ไม่ต้องลับๆล่อๆซุ่มคุยกันเหมือนที่ผ่านมา
ถือโอกาสเช็กขุมกำลังไปในตัว ใครยังอยู่หรือใครหมดใจ
ภายหลัง 2 ค่ายใหญ่ตกอยู่ในภาวะเลือดไหลไม่หยุด ไพร่พลในสังกัดหอบกระเป๋าหนีออกจากพรรค ไม่ฟูลทีมเหมือนเก่า
บรรยากาศทวีความเข้มข้น ปรอทการเมืองพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
อย่างที่เห็นช็อตรุ่นลายครามของ “ป๋าเหนาะ” เสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาเพื่อไทย กระโจนรุมสกรัม “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. หลังประกาศตัวสนใจการเมือง
ร่วมทริปจัดหนักรับน้องใหม่ทันที ตั้งแต่ยังไม่ได้ใส่เสื้อทีม เกทับล่วงหน้าแต้มต่อ 250 ส.ว.ในมือ ไม่ได้ช่วยให้บริหารประเทศได้ ท้ายสุดต้องมีอันเป็นไป
เขี่ยลูกเปิดศึกท้าทาย “ลุงตู่” ที่สวนคืนทันควัน ไล่ “ป๋าเหนาะ” ให้ไปพักผ่อน แก่แล้ว อย่ามาดูถูกคนไทย
“บิ๊กตู่” ไม่ยอมถูกรุมกินโต๊ะฝ่ายเดียว สาดหมัดตอบโต้ กล้าเปิดหน้าท้าแลกหมัดลุยเต็มที่ ไม่เกี่ยงน้ำหนักจะเป็นรุ่นเล็ก หรือรุ่นใหญ่
สะสมชั่วโมงบินมา 4 ปีเต็ม มาถึงวันนี้แอ็กชัน ลีลา ท่าทางสะท้อนให้เห็นความมั่นใจ กล้าชนแรงเสียดทานจากทุกสารทิศ
อย่างที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เอ่ยปากสนับสนุน “น้องเล็ก” ต่ออายุอำนาจ เพื่อไม่ให้เสียของ
โดยพี่ใหญ่ขอหลีกทาง ไม่ลงสนามต่อ วางตัวเป็นกองหนุนช่วยงานการเมืองอยู่ข้างหลัง
เลี่ยงการเป็นตำบลกระสุนตกให้เส้นทางไปต่อของ “น้องเล็ก” เจออุปสรรค
นาทีนี้ “บิ๊กตู่” พร้อมลุยไฟเป็นนักการเมืองมืออาชีพอย่างเป็นทางการแล้ว
ผิดกับสถานการณ์ฝั่งลูกทีม “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร ที่นั่งกันไม่ติด เห็นอาการแกว่งมากขึ้นเรื่อยๆ หนาวๆร้อนๆไม่รู้จะโดนยุบพรรครอบสามหรือไม่
จากท่าทีเปิดทางถอยไปตั้งพรรคเพื่อธรรม วางศูนย์บัญชาการที่ภาคเหนือ เป็นอะไหล่สำรอง กันเหนียวไว้เป็นทางออกฉุกเฉิน
ตามกระแสข่าววางตัว “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกรัฐมนตรี นั่งหัวหน้าพรรคเพื่อธรรม เป็นสาขาพรรคเพื่อไทยในภาคเหนือ
แตกตัวเป็นพรรคปลีกย่อยในภูมิภาคต่างๆ แบ่งงานกันทำ พรรคเพื่อไทยคุมโซนภาคอีสาน ภาคเหนือมีพรรคเพื่อธรรม จังหวัดชายแดนภาคใต้ใช้บริการพรรคประชาชาติของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา
เดินตามยุทธศาสตร์แยกกันเดิน รวมกันตี ปรับกลยุทธ์สู้ความแรงของพรรคพลังประชารัฐเต็มที่ เพื่อช่วงชิงการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
โดยมีตัวแปรชี้ขาดคือ พรรคประชาธิปัตย์ที่แผ่วไปดื้อๆ เรตติ้ง “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค หล่นวูบไปอยู่ที่ 4 ตามหลัง “ลุงตู่” และ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หลายช่วงตัว
ผลโพลชี้แพ้แม้กระทั่งเด็กฟันน้ำนมการเมืองอย่าง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
ต้องปรับจูนถ่ายเลือดใหม่กันวุ่นวาย เผลอๆอาจถึงขั้นโค่น “เดอะมาร์ค” ลงจากตำแหน่งหัวขบวน
อีกพรรคที่เป็นตัวแปรสำคัญคือ “ภูมิใจไทย” ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่เดินสายดูดอดีตผู้แทนแบบเงียบๆ แต่แรงเกินพิกัด
ล่าสุดทำบิ๊กเซอร์ไพรส์เป็น “ตาอยู่” ฉกตระกูลดังแห่งนครปฐม “สะสมทรัพย์” จากมือของพลังประชารัฐ อัดเสบียงเต็มที่ตุนอดีต ส.ส.อยู่ในหน้าตักไม่น้อย
เช่นเดียวกับพรรคชาติพัฒนาก็เตรียมเปิดเกมสู้ เพื่อรักษาฐานที่มั่นเมืองโคราชเต็มที่
ประชาธิปัตย์–ภูมิใจไทย และพรรคขนาดกลางต่างๆจึงเป็นตัวแปรสำคัญชี้ขาด “ลุงตู่” หรือตัวแทนนายใหญ่ ฝ่ายใดจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
เลยออกอาการเล่นตัว ยังไม่เลือกข้างเป็นกองหนุนฝ่ายใด แม้ “บิ๊กตู่” จะป่าวประกาศมีความสนใจสนามการเมือง แต่ก็ยังไม่มีใครแสดงตัวพร้อมร่วมหอลงโรงให้ “ลุงตู่” อุ่นใจ
เหลี่ยมเขี้ยวๆของพวกตัวแปร สงวนท่าทีไว้รอต่อรอง.
ทีมข่าวการเมือง