PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เมื่อ "ตำรวจเมากระทิงแดง"

ถ้าจะปฏิรูประบบตำรวจกันจริงๆ ต้องปฏิรูป "ระบบอัยการ" ด้วย
ไม่ใช่แค่ตัดผุ "เฉพาะตำรวจ" อย่างที่กำลังทำอยู่!
เพราะตำรวจ-อัยการ ทำงานกฎหมายภายใต้ปรัชญาเดียวกัน
"ผดุงความยุติธรรม รักษาผลประโยชน์รัฐ คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพประชาชน"
ในงานบังคับใช้กฎหมายนั้น ตำรวจเป็นต้นน้ำ อัยการเป็นกลางน้ำ ทุกคดีความ กว่าจะไปสู่ปลายน้ำคือ "ศาล" ได้
"ชี้เป็น-ชี้ตาย" อยู่ที่ตำรวจ อัยการนี่แหละ!
ในความที่ "ตำรวจ-อัยการ" ความสัมพันธ์งานระโยง-ระยางกันอยู่ ที่ว่า "ไก่เห็นตีนงู-งูเห็นนมไก่" เป็นอย่างไร สององค์กรนี้ ก็ประมาณนั้น
ดังนั้น..........
เพื่อไม่ให้รื้อตรงนี้ แล้วไปติดตรงนั้น ในการปฏิรูป ก็ควรเอาทั้ง ฝ่ายจับ-ฝ่ายสืบ-ฝ่ายสอบ มาแลร่วมกันไปทีเดียวเลย
ไม่อย่างนั้น ถึงปฏิรูปตำรวจแล้ว "ดรามาสำนวนคดี" อย่างวานนี้ ก็จะมีประจานความต่ำตมของกระบวนการกฎหมายไทยไปทุกภพ-ทุกชาติ!
คดี "บอสกระทิงแดง" นั่นไง
ชาวบ้าน-ชาวโลก ดื่ม "กระทิงแดง" แล้วคึก
มีตำรวจไทยเท่านั้น ดื่มแล้วเมา แค่คดีลูกมหาเศรษฐีกระทิงแดงขับรถชนตำรวจตาย
๕ ปีแล้ว ยังขี้คาตูด ปล่อยขาดอายุความ "ทีละคดี-สองคดี จาก ๓ ตอนนี้ เหลือแค่คดีเดียวมั้ง?
แถมตำรวจโยนอัยการ-อัยการโยนตำรวจ
ชาวบ้านพูดได้คำเดียว...........
"กูไม่งงหรอก"
แต่กู "อาย" การทำหน้าที่ "ผดุงความยุติธรรม รักษาผลประโยชน์รัฐ คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพประชาชน"
ของตำรวจและอัยการ!
เมื่อวาน (๑๐ ส.ค.๖๐) "อธิบดีอัยการ สำนักงานต่างประเทศ" ออกข่าว ใจความ ว่า
"สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ส่งเอกสารคำร้องขอตัวผู้ร้ายข้ามเเดนของ "นายวรยุทธ อยู่วิทยา" หรือบอส
ผู้ต้องหาขับรถชน "ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ" ตำรวจ สน.ทองหล่อตาย เมื่อ ๓ กันยา.๕๕ มาให้อัยการ สำนักงานต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว
แต่ในเอกสารไม่ได้ระบุแหล่งที่อยู่ ประเทศ ที่ผู้ต้องหาหลบหนี
อัยการสำนักงานต่างประเทศ ยังคงไม่สามารถดำเนินการอะไรได้
ต้องรอให้ "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ระบุที่อยู่เป็นหลักแหล่งของผู้ต้องหามาก่อน
อธิบดีอัยการ ยังบอกด้วยว่า........
ที่ผ่านมาได้พูดคุยหารือและประสานงานกับกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาตลอด
หากล่าช้า อาจไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหามาส่งฟ้องได้ เนื่องจากข้อหา "ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ"
จะหมดอายุความในวันที่ ๓ กันยา.๖๐ ที่จะถึงนี้!
ยังเหลือแต่ข้อหา "ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย" ที่มีอายุความ ๑๕ ปี ข้อหาเดียว
ครับ...ทำความเข้าใจกันก่อน.........
ในขั้นตอนนี้ "อธิบดีอัยการ สำนักงานต่างประเทศ" ท่านไม่เกี่ยวกับคดีในขั้นตอน "ต้นน้ำ-กลางน้ำ"
สำนักงานต่างประเทศ เพียงรับหน้าที่ "แก้มลิง" ที่ตำรวจ-อัยการเจ้าของสำนวนคดีแต่ต้น ผลักน้ำพ้นตัวลงมากองไว้เท่านั้น!
ก็แค่คดี "ขับรถชนคนตาย" ธรรมดา ไม่มีอะไรซับซ้อน
นอกจาก "จิตสุจริต" ของตำรวจเท่านั้นที่ "ซับซ้อน"?
ตำรวจทองหล่อ (ยุคนั้น) ทำคดีมา ๕ ปี ไม่เสร็จ ขาดอายุความไปแล้ว ๒ คือ
ข้อหา "ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด" กับข้อหา "ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย"
ส่วนข้อหา "ชนแล้วหนี" ก็อย่างที่ท่านอธิบดีอัยการฯ บอก จะขาดอายุความวันที่ ๓ กันยา.ที่จะถึง
ถ้าไม่ได้ตัวผู้ต้องหา "นายวรยุทธ" มาฟ้องก่อน ๓ กันยา. ก็จบไปอีกคดี!
สรุปแล้ว ที่แน่ๆ ยังเหลือคดีเดียว คือข้อหา "ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย"
อันนี้โทษหนักหน่อย สูงสุด ๑๐ ปี
ที่สำคัญ มีอายุความ ๑๕ ปี หมายความว่า นายบอส-กระทิงแดง ถึงไปลั้ลลาที่ไหน
ก็ยังจะมีชนักปักคาหลัง ชนิด "เงินง้างไม่ออก" ติดตัวไปอีกนานพอสมควร!
พฤติกรรมการทำคดี "บอสกระทิงแดง" ไม่ใช่คำตอบถึงความสุจริตโปร่งใสในการทำหน้าที่ของตำรวจไทย
หากแต่เป็น "ตราประทับ" รับรอง ตำรวจไทยคู่คอร์รัปชัน เอาอะไรมาล้างก็ไม่ออก สนั่นไปทั้งโลก!
คดีนี้ ตำรวจด้วยกันแท้ๆ ตาย แทนที่ตำรวจจะเจ็บร้อนแทนกัน ไม่ต้องอะไรมาก แค่ดำเนินคดีไปตรงๆ ก็ล้ำโลกตำรวจไทยแล้ว
ที่ไหนได้..........
ตำรวจกลับ "กินตำรวจ" กันเอง มันเจ็บปวดจริงๆ!
ก็รู้กันอยู่ ว่าผู้ต้องหาเฮฮาในร้านข้าวต้มจนสว่าง ขับรถกลับบ้าน ด้วยความเร็ว ๑๗๐ กม./ชม. ชนตำรวจลากศพยาวไปตามถนน แล้วขับหนีเข้าบ้าน
เมื่อได้ตัวผู้ต้องหา แทนที่จะส่งตรวจแอลกอฮอล์
กลับไม่ส่ง อ้างในการสั่งไม่ฟ้องในข้อหานี้ ว่า ผู้ต้องหา "เมาหลังขับ"
พ่อคุณเอ้ย....ไม่รู้จะพูดยังไง ให้ชำแรกหนังเข้าถึงเนื้อได้?
ยิ่งย้อนดูตอนตามไปจับที่บ้าน........
ข่าวตึงตังทั้งเมือง แต่นายตำรวจทองหล่อ ยังกล้านำคนในบ้านมาให้รับสมอ้าง "เป็นคนขับ"!
ดูแล้วกัน ไม่ต้องพูดด้านผู้ทำหน้าที่ "รักษากฎหมาย" ดูแค่จิตใจคนเป็น "นายกับลูกน้อง" ตัวเองก็พอ
ตำรวจลูกน้องตัวเองตาย กลับ "ขายศพลูกน้อง" ให้กับผู้ต้องหาซึ่งๆ หน้า
แบบนี้ ไม่ต้องถามหา "ความสุจริต" ต้องถามหา "ความเป็นคน" กันเลย!
มันมีความเป็น "ผู้รักษากฎหมาย" อยู่ตรงไหน ให้ประชาชนมุ่งหวังได้ กับตำรวจที่กินกระทั่งเนื้อตำรวจกันเองต่อหน้าประชาชน?
ครั้นสำนวนคดีจากตำรวจถึงอัยการ..........
บอส-กระทิงแดง อ้างติดธุรกิจต่างประเทศบ้าง ป่วยบ้าง เลื่อนเข้าพบอัยการครั้งแล้ว-ครั้งเล่า
และอัยการก็อนุญาต จากปี เป็นสองปี สามปี จนขณะนี้ เข้าปีที่ห้า บอสก็ยังติดธุรกิจต่างประเทศอยู่
อย่าว่าแต่คนไทย ที่ได้แต่ปลงกันไปวันๆ ว่า "คุกตะรางมีไว้ขังคนจนกับหมา" เท่านั้นเลย
สำนักข่าวต่างประเทศ "เอพี" ยังทนขยะแขยงไม่ไหว นำภาพนายบอสที่ว่า "ติดธุรกิจในต่างประเทศ"
ตีแผ่ประจาน (ตำรวจ-อัยการ) ไปทั้งโลก............
เป็นภาพนายบอส "ผู้ต้องหา" บินรอบโลกด้วยเครื่องบินเจ็ตเรดบูล ไปนั่งเก้าอี้ชั้น VIP ดูแข่งรถฟอร์มูลาวัน เชียร์ทีมของตัวเอง
พักผ่อนในรีสอร์ตหรูของตระกูลที่หลวงพระบาง ลอยเรือสำราญในอ่าวโมนาโก เล่นสโนว์บอร์ดบนหิมะพาวเดอร์ในญี่ปุ่น
ฉลองวันเกิดที่ภัตตาคารหรูของเชฟระดับมิชลินสตาร์ กลางกรุงลอนดอน
ดำผุดดำว่ายในสระน้ำหรูกลางกรุงอาบูดาบี ดินเนอร์ในเมืองนีซ ฝรั่งเศส และ ...ฯลฯ.......
จนไฟที่ลนก้นลามไปถึงขนนั่นแหละ.........
"สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" วันนี้ จึงทำหนังสือแบบ "โยนขี้ให้พ้นตัว" ไปถึงอธิบดีอัยการ สำนักงานต่างประเทศ
"ขอตัวผู้ร้ายข้ามเเดน"
เป็นการขออย่างที่อธิบดีบอกว่า "ในเอกสารไม่ได้ระบุแหล่งที่อยู่ ประเทศ ที่ผู้ต้องหา "นายบอส" หลบหนี"
ดังนั้น คำตอบจากอธิบดีอัยการฯ ถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีว่า........
"อัยการสำนักงานต่างประเทศ ยังคงไม่สามารถดำเนินการอะไรได้
ต้องรอให้ "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ระบุที่อยู่เป็นหลักแหล่งของผู้ต้องหามาก่อน
กูไม่ขรรม......
แต่กูอายยยยยแทนประเทศ!
ที่หยิบเรื่องเก่ามาคุยวันนี้ ต้องการบอกคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจว่า "คดีบอส-กระทิงแดง"
คือคำตอบ "ระบบตำรวจ-ระบบอัยการ" ปัจจุบัน
และระบบตำรวจ-ระบบอัยการปัจจุบัน กำลังเป็นคำถามถึง "ความโปร่งใส" ประเทศ
ว่าสององค์กรนี้ "ผดุงความยุติธรรม รักษาผลประโยชน์รัฐ คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพประชาชน" จริงหรือ?
ฝาก "พลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์" ที่ผมเชื่อถือ ในฐานะประธานคณะปฏิรูปตำรวจด้วย
คณะกรรมการโดยตำแหน่งมีทั้ง มหาดไทย, ยุติธรรม, ศาล, อัยการ และคณะกรรมการฝ่ายรัฐบาล มีตำรวจตั้ง ๑๕ นาย
ช่วยนำคดี "บอส-กระทิงแดง" มาเป็น "คดีศึกษา" ทีเถอะ!
ตั้งคณะ "ศึกษา-วิเคราะห์-วิจัย" แยกธาตุ-แยกส่วน ให้ประจักษ์ด้วยความจริง
ว่าที่ตำรวจมีภาพเป็น "สำนักโจรในเครื่องแบบแห่งชาติ" ทุกวันนี้ มันจากตรงไหน เพราะอะไร?
ผลวิจัย จะได้ช่วยการปฏิรูปตำรวจได้ตรงประเด็น
และที่สำคัญ อยากเรียน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อไม่ต้องเจอข้อหา "ละเลยการปฏิบัติหน้าที่" ทีหลัง
ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนการทำหน้าที่ของตำรวจผู้เกี่ยวข้องคดีทั้งหมดด้วย
เพราะไม่มีคดีไหน บัดสี-อัปยศ-คาตา-คาปาก-หนังหนา-หน้าด้าน-น่าขยะแขยง
ตอกย้ำ "คนจนเท่านั้นที่ต้องติดคุก" เท่าคดี "ตำรวจกินกระทิงแดง" แล้วเมาเสียผู้-เสียคนนี้อีกแล้ว!.

เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ

เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ

ในการสัมมนาทางวิชาการร่วมกัน ระหว่างองค์การความโปร่งใสระหว่างประเทศ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่ง ชาติ เมื่อเร็วๆนี้ นักวิชาการตั้งข้อสังเกตว่าขณะนี้มีการใช้กฎหมายหลายฉบับ ทั้งกฎหมายอาญา กฎหมายการชุมนุมสาธารณะ และกฎหมายคอมพิวเตอร์ เพื่อยับยั้งการเคลื่อนไหว และการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

มีการฟ้องร้องนักกิจกรรมการเมือง ในข้อหาหมิ่นประมาท กล่าวหาว่าก่อความปั่นป่วน ความไม่สงบเรียบร้อย และฝ่าฝืนการห้ามการชุมนุม เป็นต้น ตัวอย่างเช่นที่จังหวัดเลย มีการใช้กฎหมาย 7 ฉบับฟ้องร้องดำเนินคดีชาวบ้านที่คัดค้านการทำเหมือง ทองคำ 38 คน เป็นคดีความ 21 คดี เรียกค่าเสียหาย 380 ล้านบาท

ในระดับการเมืองระดับชาติ แม้จะประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 มาตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน บทบัญญัติต่างๆมีผลใช้บังคับแล้ว รวมทั้งเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และการชุมนุม แต่ผู้นำรัฐบาลก็ส่งเสียงเตือนหรือ “ฮึ่ม” บ่อยครั้ง ทั้งต่อนักการเมืองที่แสดงความคิดเห็น และกลุ่มที่มาให้กำลังใจอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร

มีเสียงฮึ่มเตือนแม้แต่กลุ่มพันธมิตรฯ ที่เรียกร้องให้ ป.ป.ช.อุทธรณ์คดีสลายการชุมนุม ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายกฟ้อง 4 จำเลย เตือนว่าให้เคารพคำพิพากษาศาล กลุ่มพันธมิตรฯแถลงว่า “เคารพคำพิพากษาศาล” แต่ไม่เห็นพ้องด้วยหลายประเด็น จึงต้องการให้อุทธรณ์

การอุทธรณ์เป็นสิทธิที่ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องได้ รัฐธรรมนูญใหม่ไม่ได้บอกว่าคำพิพากษา “เป็นที่สุด” เหมือนกับรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ แสดงว่าคดียังไม่ถึงที่สุด สามารถอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ แม้แต่ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ก็ยังแนะนำกลุ่มพันธมิตรฯว่า หาก ป.ป.ช.ไม่อุทธรณ์ ให้ร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน

หลังจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ ประเทศไทยไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของ คสช. แต่มีรัฐธรรมนูญคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ แม้หัวหน้า คสช.จะยังมีอำนาจตามมาตรา 44 ตามบทเฉพาะกาล แต่ควรจะใช้แต่เฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ เพื่อสร้างบรรยากาศประชาธิปไตย ก่อนนำไปสู่การเลือกตั้ง

มาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญระบุว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ หรือการกระทำใด ที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ เป็นอันใช้บังคับมิได้ มีกรณีตัวอย่างเลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เตรียมร้องศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่าการออกกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติที่ไม่เปิดรับฟังความเห็นประชาชน ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่?

ทำตามกติกา

ทำตามกติกา

กติกาการเลือก ตั้ง ส.ส.แบบใหม่ที่ อจ.มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. โฆษณาสรรพคุณว่าสามารถแก้ปัญหาซื้อเสียงได้ชะงัดนักแล

แยกได้ 3 ประการดังนี้คือ...

1,ยกเลิกบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ (เลือก ส.ส.เขต 1 ใบ และเลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 ใบ) เปลี่ยนใหม่ให้เหลือบัตรเลือกตั้งใบเดียว
บัตรเลือกตั้งใบเดียว ลดการซื้อเสียงได้ 50 เปอร์เซ็นต์
2,ยกเลิกสูตรคำนวณที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบเดิม เปลี่ยนไปใช้สูตรคำนวณใหม่ทำให้พรรคการเมืองใหญ่ได้โควตา ส.ส.บัญชีรายชื่อน้อยลง
ทำให้ไม่มีพรรคไหนได้ที่นั่ง ส.ส.เกินครึ่งสภาฯ
3,ยกเลิกระบบพรรคเดียว เบอร์เดียว แบบเดิม เปลี่ยนเป็นให้ผู้สมัคร ส.ส.ทุกเขตเลือกตั้งต้องจับเบอร์เลือกตั้งของตัวเอง

การทำให้ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเดียวกัน มีหมายเลขแตกต่างกัน ช่วยป้องกันการซื้อเสียงได้อีก 50 เปอร์เซ็นต์

“แม่ลูกจันทร์” ไม่เชื่อว่า “ระบบมีชัย” พรรคเดียวหลายเบอร์ จะแก้ปัญหาซื้อเสียงได้จริงอย่างที่ตีปี๊บโฆษณา

เพราะถ้าจะซื้อเสียงซะอย่าง จะพรรคเดียวเบอร์เดียวหรือพรรคเดียวหลายเบอร์ก็ซื้อได้อยู่ดี

ข้อเสียคือ ประชาชนเคยชินกับระบบเลือกตั้งพรรคเดียวเบอร์เดียวที่ใช้มา 20 ปี

เมื่อมีการแก้ไขกติกาเลือกตั้งใหม่ ประชาชนจะต้องจำเบอร์ผู้สมัคร ส.ส.ให้แม่นยำ

แต่ข้อดีก็มี เพราะการให้ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเดียวกัน มีหมายเลขต่างกัน จะบังคับให้ผู้สมัคร ส.ส.เขตต้องขยันเดินสายหาเสียงแนะนำตัวเองกับประชาชนในเขตเลือกตั้งอย่างถึงลูกถึงคน

ถ้าไม่ขยันลงพื้นที่หาเสียงแนะนำตัวเอง ประชาชนจำเบอร์เลือกตั้งไม่ได้ ก็สอบตกแบเบอร์

“แม่ลูกจันทร์” มองว่าการแก้ไขกติกาเลือกตั้งแบบใหม่ มีเป้าหมายให้พรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค คือพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ได้ ส.ส.น้อยลง

โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นขั้วตรงข้ามกับ คสช.

กติกาเลือกตั้งใหม่จะเอื้อให้พรรคขนาดกลางและพรรคขนาดเล็กได้ที่นั่ง ส.ส.ในสภาฯเพิ่มขึ้นทั่วหน้ากัน
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่ากติกาเลือกตั้งระบบมีชัยจะทำให้พรรคการเมืองใหญ่ไม่ได้จำนวน ส.ส.มากเพียงพอที่จะเป็นขั้วจัดตั้งรัฐบาล

ส่งผลให้การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่มาจากการเลือกตั้งติดซอยตัน

ประกอบกับรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ ส.ว.ลากตั้ง 250 คน มีอำนาจโหวตแต่งตั้งนายกฯโดยตรง

สุดท้าย...ต้องโหวตเลือก “คนนอก” เป็นนายกรัฐมนตรี

“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่ากติกาเลือกตั้งที่ออกแบบใหม่เพื่อเปิดประตูรับ “คน นอก” นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนกลาง

ส่วนข้ออ้างว่ากติกาเลือกตั้งที่แก้ไขใหม่ (บัตรเลือกตั้ง 2 ใบแก้เหลือใบเดียว หรือจากพรรคเดียวเบอร์เดียวแก้เป็นพรรคเดียวหลายเบอร์) เพื่อแก้ปัญหาซื้อเสียงเลือกตั้ง จึงไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง

สรุปว่า เมื่อกติกาใหม่เป็นอย่างนี้ ใครจะลงเลือกตั้งก็ต้องยอมรับกติกา

เพราะกติกาใหม่ใช้บังคับกับพรรคการเมืองทุกพรรค และผู้สมัครเลือกตั้งทุกคน

ใครรับกติกานี้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องลงเลือกตั้งให้เมื่อยไข่ดัน

เรื่องมันก็ง่ายๆแค่นี้เอง.
“แม่ลูกจันทร์”

ล็อกเข้มถึง 'สบายใจ'

ล็อกเข้มถึง 'สบายใจ'

เอาที่สบายใจ

ถึงที่สุด คนการเมืองก็คงยอมรับสภาพกับกฎเหล็กที่ “อำนาจพิเศษ” ยังติดล็อกไว้

และคงไม่ใช่แค่ที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ระบุถึง คิวปลดล็อกให้ค่ายการเมืองทำกิจกรรมหลังจากร่าง พ.ร.บ. พรรคการเมืองผ่าน สนช.รอการบังคับใช้

“ไว้ผมสบายใจแล้วผมจะปลดล็อกแล้วกัน”

ที่มากกว่านั้น นอกจากเรื่องของ “อำนาจพิเศษ” จะตัดสินใจ อยู่ที่ปัจจัยประกอบการพิจารณา

โดยเฉพาะสถานการณ์บ้านเมือง และคดีสำคัญ

ในช่วงที่ “คดีใหญ่” ยังไม่ถึงบทสรุป โดยเฉพาะคดีจำนำข้าวของ “อดีตนายกฯปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ในโฟกัส จับตา “คลื่นใต้น้ำ” โดยฝ่ายความมั่นคง

รวมทั้งที่มารองรับเหตุผลพอดี ล่าสุดมีการเผยแพร่หนังสือจาก สตง. 2 ฉบับ ที่แจ้งถึง รมว.มหาดไทย เพื่อสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ แจ้งให้องค์กรปกครองท้องถิ่น (อปท.) ทราบ และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบฯ อปท.ตามประกาศ คสช.อย่างเคร่งครัด

เนื่องจากได้รับทราบข้อมูล มี อปท.จำนวนหนึ่ง จัดโครงการศึกษาดูงาน สัมมนา หรือกิจกรรมอื่นๆ เป็นการนำประชาชนในพื้นที่เดินทางเข้ามาใน กทม.และปริมณฑล โดยมีเจตนาแอบแฝงเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง

ชี้เป้า บล็อกคิวระดม “ม็อบเชียร์ปู”

เท่านี้ก็เห็นสัญญาณคุมเข้ม ยังไงก็ “กฎเหล็ก” ยังไม่คลายแน่

แต่เอาเข้าจริงป้อมค่ายการเมืองก็ดูเหมือนไฟต์บังคับต้องดิ้นสู้ เพราะอ่านล่วงหน้าแล้ว โปรแกรมเลือกตั้งที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ประกาศไว้ คงยากจะพลิ้ว

ในห้วงที่คนการเมืองถูกล็อกแขนขา แต่เครือข่ายท็อปบูตอาศัยกติกาเอื้อ ได้ขยับ ฝ่ายเดียว

ไล่ตั้งแต่การจัดโควตา “ไปต่อ” สำหรับแม่น้ำ 5 สาย ทั้ง 250 ส.ว.ลากตั้งที่ถูกค่อนขอดเป็นค่ายลายพราง
กำลังหลักในเกม “ผู้นำคนนอก”

นอกจากโควตาในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ-ทีมปฏิรูปประเทศ ที่ สปท.กำลังวิ่งวุ่น จองเก้าอี้กันฝุ่นตลบ

ที่สำคัญมีสัญญาณก่อนเปิดสนามใหญ่ จะมีคิวนำร่อง “เลือกตั้งท้องถิ่น”

อ่านเกม ทั้งจากคิวพื้นๆในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในหัวเมืองสำคัญทั่วประเทศ หรือการล็อกเสียงจัดมอบรางวัล กำนัน–ผู้ใหญ่บ้าน ไปจนกระทั่งที่พ่วงไปกับคิวคุมเกมก่อนถึงวันตัดสินคดีใหญ่

ทั้งคำสั่งเกาะติดพื้นที่ ทำความเข้าใจแกนนำมวลชนของ กกล.รส. และ กอ.รมน.จังหวัด

ล่าสุดที่มาเข้าจังหวะเหมาะเหม็ง คำสั่งให้ อปท.ดูแลการใช้งบฯ

ยังไม่รวมกับคิวพิเศษก่อนหน้านี้ในการใช้คำสั่งมาตรา 44 ระงับการปฏิบัติหน้าที่และโยกย้าย 70
ข้าราชการในแต่ละพื้นที่ที่ทีมปราบโกง ศอ.ตช. ชงรายชื่อตรวจสอบ ไล่เช็กบิลลงลึกตั้งแต่ อบต.ไปยัน อบจ.

เสียงฮึ่มๆ ดังไปถึงท้องถิ่น

แล้วก็ไม่แปลกที่เริ่มมีเสียงโวยคนขั้วการเมืองในพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งพื้นที่ กทม. เรียกร้องให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลาง อ้างมีบางส่วนเปิดช่องเอื้อประโยชน์

ไฟเขียวกิจกรรมบางพรรคบางขั้วเข้ามาแฝง

ทั้งหมด ผูกโยงไปกับกฎกติกาใหม่ ร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมืองที่กำหนดให้มีการเลือกตั้งขั้นต้น หา
ตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.แต่ละพรรคในพื้นที่ หรือไพรมารีโหวต

เข้าทางสูตร “ล้างการเมืองพันธุ์เก่า” ปั้นการเมืองพันธุ์ใหม่ที่กดปุ่มได้

ประเมินแล้ว เลือกตั้งท้องถิ่นรวมทั้งไพรมารีโหวต น่าจะ เป็นคิวเซตกลไก เช็กระบบอำนาจพิเศษ

คนการเมืองถึงดิ้นแต่เนิ่นๆ สู้ทุกทางไม่ให้สูญพันธุ์.


ทีมข่าวการเมือง

ท่านอยู่กับผม ทั้งชาติแหล่ะ

"ท่านอยู่กับผม ทั้งชาติแหล่ะ"
แม้จะเป็นพี่ใหญ่ แต่ บิ๊กป้อม ก็เดินมาส่ง นายกฯบิ๊กตู่ ขึ้นรถ ทุกครั้ง ที่มาอวยพร วันเกิด......
บิ๊กตู่ บอก อยู่กับบิ๊กป้อม มาตั้งแต่ปี2519 แล้วก็อวยพร วันเกิดมาทุกปี. จนทุกวันนี้ พร้อม คำยืนยัน "ท่านอยู่กับผม ทั้งชาติแหล่ะ".....
ประหนึ่ง ยืนยันว่า พี่น้อง คู่นี้ ไม่มีวันพรากจากกัน

บูรพาพยัคฆ์ น้องเลิฟ "บิ๊กป้อม" ลุ้น "ผช.ผบ.ทบ."...จ่อชิง ผบทบ. บิ๊กแดง

บูรพาพยัคฆ์ น้องเลิฟ "บิ๊กป้อม" ลุ้น "ผช.ผบ.ทบ."...จ่อชิง ผบทบ. บิ๊กแดง
เสียงจาก บ้าน ร.1รอ. ต่าง เชื่อกันว่า บิ๊กอ้อม พลโท วีระชัย อินทุโศภน ผบ.นรด. เตรียมทหาร18 นายทหาร น้องรัก บิ๊กป้อม จะได้เป็น ผช.ผบ.ทบ. ตัดหน้า แซงโค้ง บิ๊กแช พลโท วิชัย แชจอหอ แม่ทัพภาค2 รุ่นพี่ ตท.17 ....ด้วยเหตุผลหลายประการ แถม มีอายุราชการถึงปี2562 และเป็นลูกน้อง สายบูรพาพยัคฆ์ เก่าแก่ ที่ บิ๊กป้อม ต้องการให้มาลง 5เสือทบ. ชิง ผบ.ทบ. กับ บิ๊กแดง พลโท อภิรัชต์ คงสมพงษ์. แม่ทัพภาค1 ตท.20 ที่ขึ้น ผช.ผบ.ทบ.ที่เกษียณ2563.....วันนี้ บิ๊กอ้อม ปรากฏตัวข้างกาย บิ๊กป้อม ในวันเกิดตลอด
ข่าวว่า หลัง ถกโผ ของ7เสือกห. วานนี้แล้ว บิ๊กเจี๊ยบ ผบทบ.นำโผกลับมาแก้ไข แล้ว ก็ส่งคืน พลเอกประวิตร แล้ว
โดยวันนี้ บิ๊กป้อม เผยว่า ส่งโผทหารให้นายกฯแล้ว

"ผบ.ตร."ชี้ มีตำรวจ -ทหาร เอี่ยว คดีเรียกค่าคุ้มครอง 20ล้าน

"ผบ.ตร."ชี้ มีตำรวจ -ทหาร เอี่ยว คดีเรียกค่าคุ้มครอง 20ล้าน ชี้ ยังไม่ตัด"พลตรี จรูญ" ออก ยันยึดตามกม. เชื่อ ผบ.สูงสุด ไม่มีปัญหา
พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงการดำเนินคดี แก็งค์ทหาร เรียกค่าคุ้มครอง นักธุรกิจการบ้นขาวสิงคโปร์ ว่า ถ้ามีพยานหลักฐาน ถ้ามีผู้เสียมาร้องทุกข์กล่าวโทษก็ต้องดำเนินการอยู่แล้ว
ซึ่งศาลมีการออกหมายจับแล้ว และจับผู้กระทำผิดได้เกือบทั้งหมดแล้ว
ซึ่งยอมรับว่ามีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เกี่ยวข้องเรื่องนี้บางส่วน แต่ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร ประชาชนต้องอยู่ภายใต้กฏหมาย ชี้คดีนี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน
จากการสอบสวนยังไม่มีการตัดชื่อพลตรีจรูญ อำภา นายทหาร บก.กองทัพไทย ทิ้ง ยังเป็นผู้ถูกพาดพิงว่าเกี่ยวข้อง
แต่ยังไม่ได้นำเรื่องนี้หารือกับ พลเอกสุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ท่านไม่ได้ว่าอะไร ขอให้ว่าไปตามพยานหลักฐาน

"ดอกไม้ พระราชทาน" Birthday บิ๊กป้อม



"ดอกไม้ พระราชทาน" Birthday บิ๊กป้อม
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์ เชิญแจกันดอกไม้พระราชทาน แก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯและ รมว.กลาโหม เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบ 72 ปี ที่ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดฯ ในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ


ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป และ สถานที่ในร่ม

บิ๊กป้อม เผย ส่งโผทหาร ให้ นายกฯ แล้ว ชี้ไม่มีปัญหา

บิ๊กป้อม เผย ส่งโผทหาร ให้ นายกฯ แล้ว ชี้ไม่มีปัญหา เผยถก โผทหาร กับ ผบ.เหล่าทัพ แล้ว
บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร เผย ประชุมคณะกรรมการโยกย้ายทหาร แล้ว เมื่อวันพฤหัสฯ ที่กลาโหม และได้ส่งให้ นายกฯแล้ว
"จบแล้ว เรียบร้อย ไม่มีปัญหา"
ส่วนข่าวที่ออกมา ถูกต้องหรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า ก็มีข่าวสลับไปมา 3-4คน นี่ล่ะ ตำแหน่งมีแค่นี้

จาก"ฝนแรก"....สู่...ยุคทอง"บูรพาพยัคฆ์"

จาก"ฝนแรก"....สู่...ยุคทอง"บูรพาพยัคฆ์"
72 ปี บิ๊กป้อม
พลเอกประวิตร. วงษ์สุวรรณเตรียมทหารรุ่น6 จปร.17 ที่ถูกเรียกว่ารุ่นฝนแรก เพราะฝนตกตั้งแต่วันแรกที่เข้าโรงเรียนเตรียมทหาร จนถึงวันที่จบการศึกษาเลยทีเดียว
เส้นทางทหารเสือราชินี ร.21รอ. จุดที่ทำให้ ชะตาชาติบ้านเมือง ก่อกำเนิด เมิ่อ ป้อม ป้อก ตู่ มาอยู่ด้วยกัน กิน นอน บ้านหลังเดัยวกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุข จนช่วยกันผลักดัน ให้เติบโตในกองทัพ จนขึ้นมาเป็น ผบทบ. และร่วมการรัฐประหาร จนมาเป็น คสช.ยุคเฟื่องฟูของทหารเสือ และบูรพาพยัคฆ์ ทุกวันนี้
จนเป็น พี่ชายที่แสนดี และพี่ใหญ่ ตลอดไป

ประคองกันไป..

"เราจะอยู่ด้วยกันไปทั้งชาติ"
นายกฯบิ๊กตู่ มาอวยพร วันเกิด 72ปี พี่ป้อม ที่บ้าน ร.1รอ... เผย ไม่ต้องอวยพรอะไรมาก เพราะผมอวยพรท่านมาตั้งแต่ปั2519 แล้ว ยันท่านแข็งแรง ยันเราจะอยู่ด้วยกันไป ทั้งชาติ

ภาพนี้ เหมือนกับนายกฯประคองพี่ใหญ่ บางคนบอกว่า ตอนต้นๆ คสช.เข้ามา พี่ใหญ่ ประคองน้องเล็กมาหนนี้ พี่ใหญ่สุขภาพไม่ค่อยดี แถมมีหลายเรื่องประเดประดังเข้ามาเป็นตำบลกระสุนตก น้องเล็กประคองพี่ใหญ่บ้าง


"เดินดีๆ" .

วันเกิด บิ๊กป้อม บอก ...อยาก "เดินดีๆ" ...อยากให้บ้านเมืองเจริญ อยากให้บ้านเมืองสงบ ลดขัดแย้ง
นายกฯเผย อวยพร พี่ป้อม มาตั้งแต่ปั2519 ยันเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ทั้งชาติ

ทหารเสือฯ-บูรพาพยัคฆ์-วงศ์เทวัญ พรึ่บ!! บ้าน "บิ๊กป้อม" HBD 72 ปี

ทหารเสือฯ-บูรพาพยัคฆ์-วงศ์เทวัญ พรึ่บ!! บ้าน "บิ๊กป้อม" HBD 72 ปี
"บิ๊กป้อม" ออกตัว วันเกิด วันนี้ ไม่ได้บอกใคร แต่น้องๆมากันเอง....เผย วันเกิด อยาก "เดินดีๆ"
หวังอยากให้บ้านเมืองเจริญ บ้านเมืองสงบ ลดความขัดแย้ง ชี้ คสช.อยู่มา3 ปี ความขัดแย้งน่าจะลดลง
บ้าน ร.1รอ. คลำคล่ำ ไปด้วย บิ๊กทหาร ตำรวจ พลเรือน ทั้ง นายกฯ บิ๊กตู่ บิ๊กโด่ง พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รมช.กห. บิ๊กเต่า พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพย์ฯ นายออมสิน ชีวพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักฯและนายทหาร ระดับ แม่ทัพ ผบ.พล.และผู้การกรม ในกองทัพภาค1
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมครอบครัวเดินทางไปทำบุญที่วัดพระศรีมหาธาตุฯ เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบ 72 ปี
ก่อนที่จะเดินทางกลับเข้ามายังบ้านพักมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) โดยมี คณะรัฐมนตรีเข้าร่วมอวยพร เช่น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม นายออมสิน ชีวพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ
รวมทั้ง พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ เพื่อนร่วมรุ่น ตท.6
พล.ร.อ.นริส ปทุมสุวรรณ ผช.ผบ.ทร. ที่คาดหมายว่า จะเป็น ผบทร.
และ นายทหาร สายบูรพาพยัคฆ์ ระดับผบ.พล.และผู้การกรม จาก กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และ ทหารเสือราชินีฯ กรมทหารราบที่21 รักษาพระองค์
จากนั่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาถึงในเวลา 07.45 น.และเข้าอวยพร พล.อ.ประวิตร ภายในห้องกระจก
"ผมอวยพร พล.อ.ประวิตร มาตั้งแต่ปี 2519 ซึ่งยืนยันว่า ท่านแข็งแรงดี แม้จะพึ่งเข้ารับการรักษาตัวมาไม่นาน
ส่วนได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร ในการทำงานเพื่อประเทศชาติในอนาคตหรือไม่นั้น พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ท่านอยู่กับผมทั้งชาติแหละ
แต่ทั้งนี้ไม่ได้มีการหารือกับ พล.อ.ประวิตร เรื่องโผทหาร
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี มาอวยพรให้กำลังใจ
ซึ่งวันนี้ ผมไม่ได้บอกใคร แต่มีน้องๆ เดินทางมา อวยพรกัน
"ผมก็อายุ 72 ปีแล้ว อยากให้ขาของตนเดินได้ดีๆ และอยากให้บ้านเมืองมีความเจริญก้าวหน้า มีความสงบ เลิกขัดแย้งกันซึ่ง รัฐบาล และ คสช.อยู่ทำงานมา 3 ปีแล้ว ความขัดแย้งน่าจะลดน้อยไป "
ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2560 ภายหลังจากที่ได้มีการประชุมคณะกรรมการปรับย้ายไปเมื่อวานนี้ (10 ส.ค.) ทุกอย่างจบไปแล้ว และไม่มีปัญหาอะไร เรียบร้อยดี

เมื่อถามว่า ตำแหน่งที่มีการนำเสนอข่าวไปถูกต้องหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า มีคนอยู่แค่ 3-4 คน สลับกันไปมา จะให้ไปอยู่ที่ไหน ตำแหน่งก็มีเพียง 2-3 ตำแหน่ง และนำโผทหารส่งให้นายรัฐมนตรี เรียบร้อยแล้ว
จากนั้น เวลาประมาณ 09.30 น. พล.อ.ประวิตร จะเดินทางไปทำบุญถวายสังฆทาน ที่วัดชนะสงคราม
ก่อนจะเดินกลับเข้ามาที่ บ้าน ร.1รอ.อีกครั้ง โดย ผบ.เหล่าทัพ เดินทางมาอวยพร วันเกิด