PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

"สังคมป่วย" หรือ "สื่อเพี้ยน" กรณี "ยามหล่อ เชียงใหม่" โดนแย่งตัวออกทีวี

แต่ด้วยความที่เป็นเรื่องไร้สาระ รวมทั้งไม่เกี่ยวข้องกับกิจการภายในมหาวิทยาลัยที่เป็นสถาบันให้การศึกษาจึงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดรวมทั้งเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเพราะเป็นเพียงกระแสที่คนบางกลุ่มนิยมชมชอบเท่านั้น

ล่าสุด เกิดความสับสนของบรรดาชาวโลกออนไลน์ที่มีกระแสข่าวว่า "ก็อต" พนักงานรักษาความปลอดภัยคนดังกล่าวได้ถูกให้พักงาน หรือ ลาออก โดยมีข้อความว่า "ความหล่อเป็นเหตุ จากกรณีที่มีคนสร้่างแฟนเพจ ในเฟสบุ๊ค ว่า "ยามหล่อ ในมหาลัยเชียงใหม่" จนขณะนี้มีคนไปกดไลค์ถึง 4 หมื่น ทั้งที่เพจพึ่งตั้งมากี่กี่ชั่วโมงข่าวล่าสุด 2-3 ทุ่มที่ผ่านมา นักข่าวได้ตามข่าว ได้รับแจ้งว่า น้องยามคนนี้ถูกให้พักงานเนื่องจากมีคนไปรุม ไปสัมภาษณ์จนไม่ได้ทำงาน หรือว่าลาออกไปทำงานที่เข้ากับหน้า"

จากการติดตามของนายคริษฐ์ ขันทอง ผู้สื่อข่าวบางกอกทูเดย์ระบุว่าผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ทราบเรื่องนี้ดีทุกคนแต่ไม่ได้ให้ความใส่ใจ และ ไม่ได้ให้ยามคนนี้ออกหรือพักงาน เนื่องจากไม่มีความผิดใดๆ รวมทั้งฝ่ายงานรักษาความปลอดภัย กองกลาง สำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็เข้าใจดีว่ายามรูปหล่อคนนี้ไม่ได้ทำความผิดอะไร เพราะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ดีตลอด รวมทั้งไม่ได้มีความขัดแย้งใดๆ ในกระแสข่าวครั้งนี้

แต่ที่ค่อนข้างกลายเป็นความขัดแย้งคือแวดวงสื่อสารมวลชนนั่นเองเพราะรายการต่างๆ แห่เข้าไปจองตัวมาอัดรายการกันเป็นจำนวนมาก รวมทั้งนักข่าวก็ตามไปเจาะขอสัมภาษณ์ ทั้งสื่อส่วนกลาง และสื่อท้องถิ่น ฯลฯ ซึ่งกลายมาเป็นศึกของสื่อสารมวลชนเอง

โดยเฉพาะรายการที่ทาง "มดดำ คชาภา ตันเจริญ" พิธีกรฝีปากกล้าเป็นผู้ดำเนินรายการที่ต้องการเอากระแสในครั้งนี้มาเล่นด้วย จึงทำการให้ทีมงานที่เชียงใหม่พาตัวยามรูปหล่อมาออกรายการให้ได้ แต่ขณะเดียวกันรายการคนดังนั่งเคลียร์ โดย อ. ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ ทางช่องสตาร์แม็กซ์ ก็รีบไปคว้าตัวยามคนนี้มาด้วยเช่นกัน ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมด เช่น ตั๋วเครื่องบิน อาหาร ที่พัก รายการทีวีจะออกให้ รวมทั้งเรื่องค่าตัวด้วย

แต่ทางสื่อมวลชนทั่วๆไป เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร เคเบิ้ลท้องถิ่นของเชียงใหม่ ฯลฯ จะเป็นการสัมภาษณ์เพื่อนำข้อเท็จจริงมานำเสนอเท่านั้น ไม่ได้จ่ายเงินเหมือนกับรายการที่ทีวีที่มีสปอนเซอร์ และแข่งขันเรื่องเรตติ้ง ซึ่งก็เหมือนกับบางกอกทูเดย์ โดยนายคริษฐ์ ขันทอง ผู้สื่อข่าวก็ใช้การติดต่อทางโทรศัพท์และไม่ได้มีเงินมาจูงใจแต่อย่างใดจึงทำให้การสัมภาษณ์ยามรูปหล่อคนนี้ยังไม่ครบถ้วนตามกระแสสังคมที่อยากรู้

ดังนั้นคนบริโภคสื่อก็ต้องติดตามว่ารายการทีวีรายการไหนที่ยอมทุ่มเงิน และ ใช้การล็อบบี้ได้เร็วที่สุด

สำหรับมุมมองของนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน อย่าง รศ.สดศรี เผ่าอินจันทร์ อดีตคณบดีคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปรมาจารย์ด้านการสื่อสารที่มีลูกศิษย์ลูกหาอยู่ในแวดวงสิ่งพิมพ์และวิทยุโทรทัศน์มากมาย ก็ได้ให้ความเห็นกับบางกอกทูเดย์ว่ารู้สึกว่าสื่อมวลชนกำลังป่วยหนัก สังคมก็เพี้ยน สื่อก็เพี้ยนต้องคอยสร้างกระแส

"เรามีผลงานมากมายที่มีคุณค่าและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม แต่สื่อกับไปสนใจคุณชายยามรูปหล่อคนนั้น เข้าใจว่าเป็นกระแส แต่กระแสการมีคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม มันไม่ค่อยฮิต เลยเน้นสร้างแต่กระแสคลั่งหน้าตา

อาจารย์มองว่า เราไม่เห็นต้องตามกระแสเหล่านี้เลย เพราะมียามในม.เชียงใหม่ ทำความดีน่าชื่นชมมากมาย ครั้งหนึ่งอาจารย์เคยรถยางแตกในมหาลัยตอนค่ำ หาช่างไม่ได้ ยามผ่านมาช่วยเปลี่ยนให้ อาจารย์ให้เงินเขาสองร้อยบาท แต่เขาปฏิเสธรับเงิน อาจารย์จึงทำบันทึกไปที่อธิการบดี และต่อมาเขาได้รับการเชิดชูให้เป็นตัวอย่างคนดีที่ควรยกย่อง" รศ.สดศรี เผ่าอินจันทร์ กล่าวให้แง่คิด

"วาสนา"แจงข่าวคลิปฉาว

ชี้แจง....

จากกรณีที่ วาส โพสต์ว่า. วาส ไม่ใช่นักข่าวเจ้าของคลิปเสียง นั้น ไม่ได้มีเจตนา อื่น แค่สยบข่าวลือที่แพร่ไวมาก ว่า วาส เป็นคนอัดเสียงสนทนา ทักษิณ -พล.อ.ยุทธศักดิ์ เป็นคนโทรไปหา พล.อ.ยุทธศักดิ์ เพราะมีทหารโทรมาสอบถามหลายคนมาก ส่วนใหญ่คิดว่า เป็น วาสนาทั้งนั้น ก็ต้องชี้แจงว่า ไม่ใช่วาส
แล้วไม่รู้ว่าใคร นักข่าวคนไหน แล้วเป็นนักข่าวหริอเปล่า หรือ หาแพะ ให้นักข่าวเป็นแพะเท่านั่น. วาส ยังชื่นชมว้า ถ้าเป็นนักข่าวจริง ก็กล้าและเป็นข่าวสำคัญมาก แบบต้องให้รางวัล ส่วนใครจะมอง เรื่องจรรยาบรรณ ก็อีกเรื่อง

แล้วเรื่องข้อสงสัยว่าเป็นนักข่าว ก็มีมาตั้งแต่วันอาทิตย์ ที่น้องนักข่าวของหนังสือพิมพ์ ฉบับหนึ่งเขียนว่า ที่มาคลิป เพราะมีนักข่าวโทรไปสัมภาษณ์ พล อ ยุทธศักดิ์ แต่คงโทรไปกลางครัน ที่ กำลังเจรจากันอยู่ บิ๊กอ๊อด เลย ตัดบท แต่อาจลืมกดวางสาย นักข่าว อาจฟังต่อ เห็นเป็นเรื่องสำคัญเลยอัดเทปไว้ ...แต่ก็เป็น ทฤษฎีหนึ่ง ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า เป็นไปได้หรือ ก็ยังคุยกันในหมู่นักข่าวสายทหาร มาหลายวัน. จนมีนักข่าวรุ่นเก่า โทรมาหาวาส แล้วบอกว่า เป็น สำนักไหน.แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่า จริงหรือเปล่า. พอดีเพื่อนที่สมาคม ที่ได้ข่าวเหมือนกันก็โทรมาถาม เป็นการส่วนตัว. ไม่ได้เกี่ยวกับสมาคมนักข่าวฯ แต่อย่างใด ขออภัย

วาส ก็มองว่า เรื่องนักข่าว ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะคุยกันมานานแล้ว มีลงข่าวแล้วด้วย. วาส จึงไม่ใช่คนเปิดประเด็นนี้เรืองนักข่าว เป็นแค่ทฤษฎีหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ไม่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้น ตอนเย็นๆ มีพี่ทหารหลายคน โทรมาถามเหมือนกันว่า นักข่าว เป็นใคร ส่วนใหญ่ บอกว่า นึกว่า เล็ก เพราะเป็น บิ๊กอ๊อด เป็นทหาร.
วาส ก็เลยต้องโพสต์ชี้แจง. เพราะหลายคน บอกว่า ระวังตัวนะ เพราะคนที่ไม่พอใจ คิดว่าเป็น วาสนา บางคนบอกว่า มีการปล่อยข่าวว่า เป็นวาสนา. ...

ดังนั้น. วาส ไม่ได้มีเจตนาจะไป ตำหนิ นักข่าว. หากว่าเป๋นนักข่าวจริง เรื่องอัดเทป เพราะเรื่องสำคัญ เรืองชาติบ้านเมืองทแบบนี้ เป็นนักข่าวคนไหนก็ต้องอัดเสียง. ไม่ว่าจะเอาไปใช้เสนอข่าวหรือไม่ ก็ต้องอัดไว้ก่อน เรื่องผิดจรรยาบรรณหรือไม่ ก็อีกเรื่อง. เพราะฉะนั้น. วาส ไม่ได้ตำหนิ นักข่าว. แต่เพราะ วาส ถูกเข้าใจผิด. เลยต้องชี้แจงแค่นั้น

นี่ขนาด ชี้แจง แล้ว. เช้ามา วันนี้มาทำข่าวที่ กองทัพอากาศ. ก็มีทหารเดินเข้ามาถามว่า วาสนา เหรอ อัดคลิป มา. วาส ก๋ตัองปฏิเสธ แบบเซ็งๆ เพราะแม่จะเป็นผลงานยอดเยี่ยม ในวงการ. แต่วาสนา ก็ไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ขอทำหน้าที่แบบนักข่าวธรรมดาทั่วไป เพราะ ดวงซวยตลอด และวาสก็ไม่มีความสามารถขนาดนั้น. แต่คงมีคนไม่ขอบวาส ปล่อยข่าวว่าเป็น วาสนา แล้วก็ด่าไปแล้วเรียบร้อย

นี่อาจกลายเป็นเกมการเมือง ที่บางฝ่าย อาจโยนให้นักข่าว ทั้งๆที่. สิ่งสำคัญ ไม่ได้อยู่ที่ จะได้คลิป มายังไง ใครอัด. แต่มันสำคัญ ที่เนื้อหา การพูดคุย มากกว่า.... จึงขอให้น้องๆนักข่าวที่ไม่เข้าใจ พี่เล็ก

ได้โปรดเข้าใจด้วย. พี่ไม่อยากตกเป็นเหยื่อ แล้วก็ไม่อยาก ให้นักข่าวคนไหน ตกเป็นแพะ ด้วย

อีกทั้ง นายทหารที่ใกล้ขิด ฝ่าย รมช กห.ก็ไม่รู้ว่า ฝีมือใคร. เช็คเบอร์ ที่โทรเข้าหา บิ๊กอ๊อด ตอนนั่น ก็ไม่มีเบอร์นักข่าว. ดังนั้น. มันมีหลายทฤษฎี มาก ไม่รู้ว่า ใครอัดเสียง แน่. ต้องสืบค้นกันต่อไป.

แต่อย่างที่บอกว่า. เรืองนี้ไม่สำคัญ เท่า เนื้อหาการคุยเลย ทุกอย่างจบและเฉลย เรื่องทั้งหมด ในคลิปเดียว

จากนี้ วาส. คงต้องระวังเรื่องการ โพส เฟสบุ๊ค และ ทวิตเตอร์ มากขึ้น. แม้แต่การถามคำถาม เพราะรู้ว่า กำลังตกเป็นเป้า เป็นเหยื่ออีกคน

ขนาด เมื่อวาน ถาม พล อ ยุทธศักดิ์ ว่า. "ทำไม ท่านยังปฎิเสธ อยู่อีกคะ". บิ๊กอ๊อด บอก ไม่พูด ขี้แจงไปแล้ว. แล้ว วาส ก็ถามอีกว่า " แล้วท่านรู้รึยังว่า คลิป ออกมาได้ไง ใครอัดเสียง" บิ๊กอ๊อด บอกไม่รู้.

วาส เลยบอกว่า. "มีใครอยู่กับท่าน ยืนใกล้ๆท่านตอนนั้นม้ยคะ" บิ๊กอํอด ไม่ตอบ. ประตูลิฟท์กลาโหม ปิดพอดี. แค่นี้ วาส ก็โดนด่า ทำไมถามแค่นี้ แบบนี้. ทำไมไม่ถาม อย่างอื่น...ก็อยากบอกว่า. แค่วิ่งไปก็จะไม่ทันแล้ว ยิงคำถามได้แค่นั้น..เห็นม๊ะ เป็นวาส. ยังไงก็โดน..

//////////

ชีวิตนักข่าว....ท่ามกลางการเมืองที่ร้อนแรง และแบ่งขั้วข้างชัดเจน นักข่าวเราเองก็ต้องได้รับผลกระทบไปด้วยกันถ้วนหน้า ยิ่งกรณีคลิปประวัติศาสตร์นี้ ส่งผลให้ ทั้ง วาสนา และน้องนักข่าวอีกคน ถูกเข้าใจผิด ว่าเกี่ยวข้อง.....สำหรับ วาส เอง ไม่เท่าไหร่ เพราะโดนพาดพิง ใส่ความ เป็นกระโถนมาเสียจนชิน... แต่สำหรับ น้องนักข่าวอีกคน ที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อและสำนัก ที่ถูกเข้าใจผิดว่า เป็นคนโทรคุยบิ๊กอ๊อด เป็นคนนำคลิปมาเผยแพร่ นั้น หนักหนากว่า วาส นัก เพราะตอนนี้ต้องถูกดูแลคุ้มครอง ทั้งๆที่ น้องนักข่าวคนนี้ ไม่ได้เป็นคนอัดเสียง แต่แค่เจอคลิปนี้ใน ยูทูบ แล้วก็เอามาโพสต์ มาเขียนข่าว แต่นักข่าวด้วยกันเห็นและรู้ เอาไปพูดต่อ เขียนต่อ เลยเกิดความเข้าใจผิด และขยายความกันต่อจนบานปลาย.....จนเวลานี้กระแสก็กลับมาที่เว็บไซต์ข่าว ที่นำเสนอเป็นเว็บแรก อีกครั้ง...

แต่ทว่า คลิปจะมายังไง ไม่สำคัญเท่า เนื้อหาในนั้น.....หรือว่า พระสยามเทวาธิราช มีจริง เช่นที่ ป๋าเปรม ท่านพูดไว้เสมอ กระมัง....แต่ได้โปรดเข้าใจชีวิตนักข่าว แล้วพวกเรานักข่าว ก็ต้องเข้าใจสภาพการเมืองและสังคมไทยในเวลานี้ด้วย แต่ก็จะทำหน้าที่กันต่อไป ขอแค่ว่า ฝ่ายใดอย่าโยนบาป หรือใส่ร้ายนักข่าว เพื่อหวังผลทางการเมือง แค่นั้นพอ

คลิปเสียง จริงหรือตัดต่อ? ข้อสังเกตที่น่าสนใจ เสียงเลียนแบบได้...แต่เนื้อหาเลียนแบบไม่ได้

Via ชูวิทย์ I'm No.5
คลิปเสียง จริงหรือตัดต่อ? ข้อสังเกตที่น่าสนใจ เสียงเลียนแบบได้...แต่เนื้อหาเลียนแบบไม่ได้

มีคนอยากจะให้ผมพูดเรื่อง "คลิปเสียง" ที่เป็นข่าวดังไม่กี่วันนี้ ผมขอบอกว่า ไม่ว่าคลิปเสียงหรือคลิปภาพ ผมมีฉายา "เจ้าพ่อคลิป" เพราะถ่ายคลิปมามาก เอามาแสดงถึงในสภาฯ เปิดให้ดู เห็นกันจะๆ ไม่ว่าคลิป "บ่อนการพนัน" หรือคลิปเรื่อง "เลวๆ" ทั้งหลาย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคน แทนที่เอาคลิปผมไปดำเนินการ กลับบอกว่าเป็น "คลิปเก่า คลิปตัดต่อ" ปัญหาไม่เคยได้รับการแก้ไข

วันนี้มีคลิปเสียงหลุดออกมา ขอบอกว่า ขณะนี้อุปกรณ์ "ล้ำหน้า" การอัดคลิปเสียงใช้อุปกรณ์ลักษณะคล้าย "จานดาวเทียม" ขนาดเล็ก ใกล้เคียงกับจานข้าว จับ "คลื่นเสียง" ของเป้าหมาย สามารถได้ยินเสียง บันทึกได้ชัดเจน โดยต้องไม่มีอะไรบดบัง เช่น กำแพง หรือ ผนัง ระยะประมาณ 10 เมตร เสียง "แจ๋ว" นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์รับส่งสัญญาณขนาดเล็ก ลักษณะแบน ขนาดเท่ากับเหรียญ 25 สตางค์ อุปกรณ์เหล่านี้ผมใช้จน "เบื่อ" เพราะถึงแม้อัดได้ และนำมาเผยแพร่ แทนที่จะ "แก้ไข" กลับ "แก้ตัว" ว่าเป็นคลิปเก่า หรือ ตัดต่อ พอถึง "ทางตัน" ไปไม่ถูก ก็เอาเรื่องนี้มาอ้าง

การ "ตัดต่อเสียง" สามารถทำได้จริง แต่ต้องคำนึงถึง สำเนียง เนื้อหา เพราะ "เลียนแบบเสียง" เหมือนกับเลียนแบบ "เสียงนักร้อง" มันเลียนกันได้ เช่น เสียง "แอ๊ด คาราบาว" มีคนเลียนแบบได้ใกล้เคียง แต่เป็นเพียง "บทเพลง" ส่วน "เนื้อหา" มันไม่สามารถเลียนแบบกันได้ เพราะเป็นเรื่องที่รู้กันอยู่ใน "วงจำกัด"

ประเทศไทยไม่ได้ยึดถือ "ความถูกต้อง" ไม่ได้ต้องการ "ความจริง" อยู่ที่ว่า "คุณเป็นพวกใคร?” เพราะถึงผิดจริง แต่ถ้าเป็นพวกเดียวกัน มันถูกทุกอย่าง

หลายคนอาจจะลืม "ปิยะณัฐ วัชราภรณ์" อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ ไปแล้ว แต่เขาเคยกล่าวประโยคทองไว้ว่า

“ผมหมดหวังทางการเมืองแล้ว ที่เล่นการเมืองต่อไปเพื่อประคับประคองไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลงกว่านี้ ตอนนี้ไม่มีอะไรมากกว่าการรักษาอำนาจเอาไว้ เรื่องของอุดมการณ์เก็บไว้ในลิ้นชักก่อน"