PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เหวง ติงคสช.ราดน้ำมันบนกองเพลิง

เหวงติง คสช.ราดน้ำมันเข้ากองเพลิง
ปัด นปช.ขนคนมาเชียร์ “ยิ่งลักษณ์”
................................................

หมอเหวง ปัดนปช.ขนคนเชียร์ “ยิ่งลักษณ์” โต้ คสช.กวนน้ำให้ขุ่นเท่ากับราดน้ำมันลงกองเพลิง ประโคมข่าวจนคนอยากมา เชื่อเป็นเพราะรักและศรัทธาจึงมาให้กำลังใจ ลั่นไม่ได้มาประท้วงหรือต่อต้านศาล
เมื่อ 25 ก.ค. 2560 นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. กล่าวถึงกรณีฝ่ายความมั่นคงมีความกังวลที่มวลชนจะมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการพิจารณาคดีจำนำข้าวของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ ว่า คิดว่า คสช. ไม่ควรทำอย่างนี้ เพราะที่ออกข่าวว่าจะมีการขนมวลชนมามากมายไม่ทราบว่าเอามาจากที่ไหนว่าจะมีการขนคนมาเชียร์น.ส.ยิ่งลักษณ์ เท่าที่ทราบ ไม่มีการขนคนหรือมีการติดต่อพูดจาอะไรกัน พรรคเพื่อไทยเองก็ไม่ได้มีการพูดคุยกันเรื่องนี้ จึงแปลกใจว่ามาอย่างไร
“ประชาชนเขาเคารพกฎหมาย ไม่มีใครตั้งใจทำลายขื่อแปของบ้านเมือง ถ้าจะมีคนมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์บ้าง ก็เป็นเพราะรักและศรัทธา เขาไม่ได้มาประท้วงหรือต่อต้านศาล ประเมินว่าตามปกติธรรมชาติก็น่าจะมีแค่หลักร้อย ผมไม่ต้องการอะไร อยากรอโรดแม็พให้มีการเลือกตั้ง ไม่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวาย การที่ คสช.ระบุว่าจะมีการขนคน เป็นไปไม่ได้ การที่ คสช.กวนน้ำให้ขุ่นจึงเท่ากับราดน้ำมันเข้ากองเพลิง” นพ.เหวงกล่าว
PEACE NEWS

สิงหา 'ใครมีลาย-ออกลายมาเลย'

เปลว สีเงิน 24/7/60
"ดาริน กานต์"...........
ทำปฏิทิน "คนเฉียดคุก" เดือนสิงหา ๖๐ โพสต์ fb ไว้กระชับดี
-๑ ส.ค. ยิ่งลักษณ์ แถลงปิดคดีปล่อยปละจำนำข้าวด้วยวาจา
-๒ ส.ค. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินคดี อดีตนายกฯ สมชายและพวก "สลายพันธมิตรฯ" หน้าสภา ๗ ต.ค.๕๑
-๑๕ ส.ค. โจทก์-จำเลย (คดียิ่งลักษณ์) ยื่นคำแถลงปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษรต่อศาลฎีกานักการเมือง
-๒๕ ส.ค. ตัดสินคดียิ่งลักษณ์และคดี "ขายข้าวจีทูจี" บุญทรงกับพวก
-๒๙ ส.ค. ตัดสินคดีสนามกอล์ฟอัลไพน์ "นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ"
"ยัง กัมมัง กะริสสามิ เราทำกรรมใดไว้
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา ดีหรือชั่วก็ตาม
ตัสสะ ทายาโท ภะวิสสามิ. เราจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น."
ครับ...เป็นเช่นนั้นจริงๆ ผลของกรรมแน่นอนที่สุด เพียงแต่จะมาเร็ว-มาช้า เท่านั้น
ฉะนั้น ใครที่ท้อแท้-หดหู่..........
ชอบประชดชีวิต "ทำดี ไม่เห็นได้ดี สู้พวกทำชั่วไม่ได้ ร่ำรวย สุขสบายกัน" นั้น
จงเห็นใหม่ โดยพิจารณาจาก "ปฏิทินกรรม" นี้ เป็นบทปลง!
ส่วนใหญ่ มองเผินๆ เพียงชื่อคนด้วยมุมมองแคบ-สั้นว่า "พวกเราหรือพวกเขา"?
ถ้าเป็นพวกเรา
ก็ลุ้น "เอาใจช่วย" ถ้าคำตัดสินออกมาเป็นคุณฝ่ายตน ก็ว่ายุติธรรม
แต่ถ้าเป็นพวกเขา ก็ลุ้นอีกเหมือนกัน.......
แต่เป็นลุ้นให้คำตัดสินออกมาเป็นโทษ ติดคุก-ติดตะรางไป ก็ว่าแบบนั้น คือยุติธรรม!
ตราบใด ถ้ามองคำตัดสินศาลด้วยทัศนคติแบบนี้ ขอบอกว่า ในความที่ "ยุติธรรมสถิต" มีอยู่แล้ว
แต่การที่คนในสังคมไม่ใช้สติใคร่ครวญด้วยยอมรับความจริงในแต่ละการกระทำ ด้วยใจสุจริตบนฐานเหตุและผล
ใช้แต่ความคิด-ความต้องการบนฐาน "พวกเรา-พวกเขา" เป็นเกณฑ์ชี้ขาด
แบบนี้ ทั้งชาติ ก็มองไม่เห็นความยุติธรรม!
ตามปฏิทินเดือนสิงหา จะเป็นสิ่งทดสอบมาตรฐาน "สังคมไทย" ได้ดีที่สุด
เพราะด้วยความจริงประจักษ์ จำเลยแต่ละคดี "ล้วนคนระบอบทักษิณ"
ชนทั่วไป ย่อมเข้าใจ ว่าด้วยพฤติกรรมใด คนระบอบทักษิณเหล่านั้น จึงต้องตกเป็นจำเลย
คำตัดสินที่จะออกมา ไม่ว่าเป็นอย่างใด ก็เข้าใจได้ ทั้งตามหลักกฎหมาย หลักสังคม หลักข้อเท็จจริง กระทั่งหลักกรรม
แต่ยังมีชนอีกส่วนหนึ่ง.........
ที่เป็นหน่อพันธุ์ "ผลไม้พิษ" เพ่นพ่านอยู่ ทั้งที่รู้ว่าตัวเอง พวกตัวเองทำอะไรไว้ และที่ทำนั้น สุจริตหรือทุจริต
ด้วยสันดานพันธุ์ผลไม้พิษ รู้ความจริง เพราะตัวทำ
แต่ยอมรับในด้านว่า ความจริงที่ตัวเองทำนั้น "ไม่ผิด-ไม่ชั่ว" หากแต่กฎหมายเขียนให้ผิดเอง
และคนอื่นที่ไม่ใช่พวกตัว มองว่า "ชั่ว" ไปเอง!?
ตอนนี้ จึงมีขบวนการปลุกระดม ชูประเด็น (หน้า) ด้านๆ ประมาณว่า
"ระบอบทักษิณถูกรัฐบาล คสช.ไล่ล่า"!
ความเป็นจริง ไม่มีใครไล่ล่าใคร ถ้าจะมี ก็ "กรรม" ที่แต่ละคนก่อไว้นั่นแหละไล่ล่า
กรรมเหมือนเงา........
ต่อให้แอบทำในที่มืด ไม่ว่าดีหรือชั่ว เงาเกิดทั้งนั้น ไม่ใช่ไม่เกิด เพียงแต่ไม่เห็นเอง เหมือนตอนหลับ เราก็หายใจ หากแต่ไม่รู้สึกเอง
ในกรณีนี้ ผมอยากให้เข้าใจกันให้ถูก
ไม่อยากให้เป็นเหยื่อ "ข้อมูลเท็จ" พวกขบวนการพืชพันธุ์ผลไม้พิษที่ดาหน้ากันออกมาพูดจาบิดเบือนหน้าด้านๆ
เป็นระดับอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยก็มี ระดับอดีตผู้พิพากษาก็มี พวกจานมหาลัยก็มี ดอกเตอร์เศษฝรั่งก็มี
เห็นแล้วสมเพช...........
เรียนกันมาขนาดนั้น แทนที่จะใช้กฎหมายเพื่อประโยชน์ชาติ-ประชาชน บนฐานสุจริต ยึดผิด-ถูกแห่งการกระทำเป็นธงวินิจฉัย
กลับใช้น้ำกระดูกที่ระบอบทักษิณโยนใส่กระถางน้ำข้าวให้ เป็นธงเห่า แล้วเผ่าพันธุ์หอนรับเป็นทอดๆ
หวังผลทางปลุกปั่นให้ออกมา "ทำลายเมือง-พิทักษ์โจร"!
ความเป็นจริงที่ต้องเข้าใจกัน...........
รัฐบาลไม่มีอำนาจไปก้าวล่วงการตัดสินคดีความของศาล
ทุกคดี ศาลตัดสินอย่างใด เป็นอิสระด้วยอำนาจของแต่ละศาลเอง
ดังนั้น ที่เป่าหูชาวบ้านกันตอนนี้ว่า รัฐบาล คสช.หรือทหารไล่ล่าระบอบทักษิณ
ไม่จริง.....รัฐบาลทำอย่างนั้นไม่ได้
และศาลก็ไม่มีวันยอมให้รัฐบาลเข้าไปทำอย่างนั้นด้วย!
ทุกคดี ไม่เกี่ยวกับระบอบไหน หรือใครพวกใคร มันขึ้นอยู่กับว่า ใครทำอะไร-แบบไหนไว้
ตอนนี้ ถึงเวลาสิ่งที่ทำ จะออกดอก-ออกผล เป็นสิ่งตอบแทน
ถ้าสิ่งที่ทำนั้นดี และถูกต้องจริง
ก็ไม่ต้องหวั่นไหว ร้องไห้-ร้องห่มเหมือนคนบ้า เพราะผลที่ออกมา คือคำตัดสิน ก็จะออกมาเป็นคุณ
แต่ถ้าที่ทำนั้นไม่ดี เจตนาไม่สุจริต คิดชั่วต่อชาติ-ประชาชน ผลที่ออกมา ก็จะเป็นโทษ
เหมือนเพาะกุหลาบไว้ ก็สบายใจได้ ต้นที่งอก-ดอกที่โผล่ ต้องเป็น "ดอกกุหลาบ" สวยงามแน่
แต่ถ้าไม่ใช่ ต้นที่งอก-ดอกที่โผล่ มันจะเป็นดอกกุหลาบไปได้อย่างไร?
มันก็จะออกเป็นดอกฟ้องเผ่าพันธุ์ที่เพาะ เป็นดอกทอง ดอกอุตพิดไปตามพันธุ์ ...พันธุกรรมนั่นแหละ
ผมก็แฉลบไปโน่น-นี่อยู่ ๒-๓ วัน อ่านๆ ข่าว เห็นสื่อเขาพูดกันว่า เดือนสิงหาดูน่ากลัวสถานการณ์!?
เพราะพวกพันธุ์พิษเตรียมระดมเผ่าพันธุ์แดงเดินทางเข้ามาแสดงพลังในกรุงเทพฯ ด้วยข้ออ้าง
มาให้กำลังใจอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์!
วันที่ ๒๕ สิงหาที่ศาลนัดฟังคำตัดสิน ทั้งคดียิ่งลักษณ์-คดีบุญทรงในวันเดียวกัน
ได้ยินฝ่ายรัฐบาล ทหารเขาก็พูดเรื่องนี้ในทำนองห่วงใย ไม่อยากให้มาเหมือนกัน
แต่ความเห็นผม....ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า!
รัฐบาลไม่ควรเอาเหตุการณ์ที่คาดเอาล่วงหน้า มาเป็นตัวกังวลถึงขั้นออกมาตรการ-ห้ามปรามในปัจจุบัน ดูไม่สง่างามนัก
มนุษย์ทุกคน มีทั้งคนรัก-คนเกลียด
เมื่อยิ่งลักษณ์จะติด-ไม่ติดคุกทั้งที คนที่รักเธอจะมาให้กำลังใจกัน ก็ปล่อยเขาเถอะ
-การตัดสิน เป็นอำนาจของศาล
-การมาของคน เป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชน
-การควบคุมคนที่มาให้อยู่ในกรอบกฎหมาย เป็นหน้าที่รัฐบาล
ยึดตามนี้ ทุกอย่างจะสวยงาม........
ส่วนรายละเอียดในขั้นตอนปฏิบัติ บนฐานประเมินผลในอนาคต รัฐบาลจะทำอย่างไร นั่นเป็นเรื่องภายใน ก็ว่ากันไปทางใน
ไม่ใช่เอาทางในมาพูดสร้างเป็นมุมขัดแย้งข้างนอก เหมือนผัวเมียทะเลาะจะให้ลูกเรียนอะไรดี
ทั้งที่เพิ่งจะปั่มปั๊มไปครั้งเดียว เมื่อคืนเอง!
ทุกอย่างจบที่เดือนสิงหาไม่ใช่ความบังเอิญ หากแต่เป็น "ความลงตัว" ที่เป็นอย่างที่มันต้องเป็น
เพราะพ้นจากสิงหา เข้าโซนกันยา-ตุลา
บ้านเมืองไม่ควรมีเรื่องใดๆ และใครๆ ก็ไม่บังควรนำมาซึ่งสิ่งรบกวนจิตใจประชาชนช่วงนั้น
ให้มันจบๆ ไป ด้วยความลงตัวตามเหตุ-ปัจจัยของมัน
"อะไรจะเกิด"...........
ก็ให้มันเกิดซะตอนนี้ จะได้รู้เรื่อง-รู้ราว และ "สิ้นเรื่อง-สิ้นราว" กันไปซะที
บ้านเมืองตกอยู่ในสภาพ "เด็กแย่งตุ๊กตา" จนแขนขาขาดมา ๑๐ ปีเต็มๆ แล้ว
เอากันให้จบ-ให้เบ็ดเสร็จกันไปซะที!
ใครมีลาย อยากจะออก ก็ออกมาให้เห็น "เต็มตัว-เต็มดอก" ซะภายในสิงหานี้เถอะ
สะสางซะให้มันจบแบบสะๆ ไปซะที!
ปีหน้า ...........
จะได้เป็นปีเริ่มศักราช ที่ไม่ใช่ "พวกเขา-พวกเรา" มีแต่เผ่าพันธุ์ไทยเดียวกันทั้งหมด
"สร้างบ้าน-แปงเมือง" กันให้เต็มสูบไทยเสียที!

บทเปรียบเทียบ 'วิญญูชน-ทุรชน'

นปช.-กปปส.".............
อ่านตัวอย่าง "ข้อสอบเฉลย" นี่หน่อย!
อ่านแล้วจะรู้ "ผลสอบ" ตัวเองเมื่อปี ๕๓ และปี ๕๖-๕๗ โดยเทียบเคียงชัดแจ๋ว!
".........จำเลยทั้งหกซึ่งมีการศึกษาต้องรู้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการผิดกฎหมาย ทำให้เสียทรัพย์ราชการ ส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน
ซึ่งกระทบต่อเนื่องถึงประโยชน์สาธารณะ เลยขอบข่ายการแสดงออกทางประชาธิปไตย
อย่างไรก็ดี การกระทำของจำเลยทั้งหกไม่ได้มุ่งเน้นประโยชน์ส่วนตน และไม่ได้ประทุษร้ายบุคคล
อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยคนละ ๒ ปี โดยไม่รอลงอาญานั้นหนักเกินไป
เห็นควรปรับบทลงโทษให้เหมาะสม พิพากษาแก้เป็นจำคุกจำเลยคนละ ๑ ปี ไม่รอลงอาญา
โดยคำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ ๑ ใน ๓
คงจำคุกจำเลยคนละ ๘ เดือน ไม่รอลงอาญา"
นี่คือส่วนหนึ่งของ "คำตัดสินศาลอุทธรณ์" เมื่อวาน (๒๔ ก.ค.๖๐) ในคดีแกนนำพันธมิตรฯ บุกทำเนียบรัฐบาล เมื่อปี ๕๑
จำเลยทั้ง ๖ ............
"พลตรีจำลอง ศรีเมือง, สนธิ ลิ้มทองกุล, พิภพ ธงไชย, สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, สมศักดิ์ โกศัยสุข และ สุริยะใส กตะศิลา"
รวมทั้งชนชาวพันธมิตรฯ ทั้งที่ไปและไม่ได้ไปร่วมฟังคำตัดสินเมื่อวาน
ต่างน้อมรับคำตัดสินนั้น "ด้วยเคารพต่อศาล" โดยไม่มีปฏิกิริยาต่อต้าน-โต้แย้งใดๆ
ศาลแจกแจง แยกแยะแจ้งชัด เป็นคำตัดสิน "สถิตยุติธรรม" ถึงพร้อมด้วยบรรทัดฐานกฎหมาย บรรทัดฐานคุณธรรม
และรับรู้ถึงมโนสำนึกแห่งชนผู้ "ยอมทำผิด"
เพื่อให้ผิดนั้น............
เป็นผิดเพื่อพิทักษ์ "ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์" จากทุรชนที่มุ่งโค่นชาติ ล้มสถาบัน ในเวลานั้น
ทั้งหลาย-ทั้งปวง ที่แกนนำพันธมิตรฯ ทำลงไป ตัวเองพร้อมตาย แต่ฝ่ายตน ไม่ยอมกระทำใดๆ ในทางทำลายและประทุษร้ายใครๆ
เห็นได้จริง ดังคำตัดสินที่ว่า.........
"การกระทำของจำเลยทั้งหกไม่ได้มุ่งเน้นประโยชน์ส่วนตน และไม่ได้ประทุษร้ายบุคคล"
ขณะนี้ ศาลอนุญาตให้จำเลยทั้ง ๖ ได้ประกันตัวไปสู้ชั้นฎีกาต่อไปแล้ว
ไม่มีใครออกมาฮึ่มแฮ่ ด้วยอ้างบุญคุณทำเพื่อชาติ
ไม่มีใครออกมาพูดว่า "ไม่ได้รับความเป็นธรรม"
ไม่มีใครนัดหมายแสดงพลัง-สร้างวลีเสียดสีศาล
ไม่มีใครบีบน้ำตา-บ้าน้ำลาย เป็นอีบ้า-ไอ้เบื๊อกเถลือกไถล
แกนนำ นปช.-แดงระบอบทักษิณทั้งหลาย โปรดดูเป็นตัวอย่าง
และใช้สำนึกแห่งมนุษย์ ลำดับพฤติกรรมแห่งตน ในการชุมนุม ก่อจลาจล วินาศกรรม-เผาบ้าน-เผาเมือง.......
บุกโรงพยาบาล-บุก กกต.-บุกโรงพัก-บุกค่ายทหาร-บุกรัฐสภา-ฆ่าตำรวจ-ทหาร-ชาวบ้าน ตั้งแต่ปี ๕๒-๕๓
ว่าการกระทำเหล่านั้น เข้าข่าย..........
"ผิดกฎหมาย ทำให้เสียทรัพย์ราชการ ส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน กระทบต่อเนื่องถึงประโยชน์สาธารณะ เลยขอบข่ายการแสดงออกทางประชาธิปไตย หรือไม่?"
"เป็นการกระทำมุ่งเน้นประโยชน์ตน เมื่อกูอยู่สุขไม่ได้ ใครก็อย่าหมายจะได้อยู่เป็นสุข
อีกทั้ง ที่เหี้ยมเกรียม-เกรี้ยวกราดกันช่วงนั้น มีการกระทำถึงขั้นประทุษร้ายถึงชีวิตทั้งต่อบุคคลและต่อประชาชนหรือไม่?"
เนี่ย....ลำดับเรื่องที่ทำไว้ .........
แล้วเทียบเคียงกับบรรทัดฐานยุติธรรมจากคำตัดสินนี้ดู ก็พอจะรู้ได้ ว่าที่ทำกันลงไปนั้น
ผิดหรือไม่ผิด เข้าข่ายคุก หรือไม่เข้าข่าย?
แม้กระทั่ง กปปส.ก็ประยุกต์คำตัดสินนี้เป็น "ข้อสอบเฉลย" ได้เช่นกัน
ว่าที่มวลมหาประชาชนนับสิบล้านตบเท้าออกมาชุมนุมชนิด "แก้วซักใบก็ไม่แตก" เมื่อปี ๕๖-๕๗ นั้น
ผิดหรือไม่ผิด มีตรงไหนเข้าข่ายคุกหรือไม่เข้าข่าย?
๒๔๙๙ เป็นยุค "อันธพาลครองเมือง"............
แต่พอ ๒๕๐๐ "จอมพลสฤษดิ์" ครองเมือง บรรดาอันธพาลแตกกระสานซ่านหนี
ยอม "กลายพันธุ์" ให้ตัวเอง ก่อนถูกจอมพลสฤษดิ์ "สลายพันธุ์" ให้!
๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๐ ที่จะถึงนี้..........
ใครยังคิดจะเป็น "อันธพาลครองเมือง" ก็ลองดู ว่าพลเอกประยุทธ์ ในฐานะผู้นำ "รัฐบาลทหาร"
จะสลายพันธุ์ได้เหมือนจอมพลสฤษดิ์หรือไม่?
ผมดูๆ นะ ..........
นักกฎหมายที่ระบอบทักษิณขุนไว้ มีทั้งอดีตอัยการ อดีตอธิการมหาลัย อดีตผู้พิพากษา และนักกฎหมายจากฝรั่งเศส-เยอรมัน
ในยามหน้าสิ่ว-หน้าขวาน แทนที่จะทำตัวเป็นที่พึ่งทางกฎหมาย พูดจาให้คนเครือข่ายได้เข้าใจ เป็นไปในทางเคารพ-เอื้อเฟื้อต่อสถาบันศาล
กลับออกมาร่วมตะแบงในทางว่า นายกระโปรงข้าถูกยุติธรรมรังแก บางถ่อยใช้ตรรกะระยำปลุกระดมถึงขั้นว่า .........
ความยุติธรรมจากคน ๙ คน ๑๐ คน หรือจะสู้ความยุติธรรมจากคน ๑๐ ล้าน!
คนไม่มีการศึกษา คนบ้านป่า-เมืองเถื่อน ก็ไปอย่าง แต่พวกนี้ มีการศึกษา ข้าวแดงแกงร้อนจากรัฐราดหัว เคยมีอำนาจทางราชการ
แต่จิตสำนึกแห่งคน แม้สักนิดก็ไม่มี
ที่ทักษิณเคยพูดกับผมถึงบางคนที่เคยใหญ่โตด้วยอำนาจกฎหมายว่า..........
"พี่...พวกนี้ 'คนของผม' ทั้งนั้น"!?
ผมนึกว่าทักษิณโม้ แต่พอเกษียณ จาก "สูงสุด" ที่แอบขึ้นลิฟต์ลับตึกชินเป็นอาจิณ
ก็เปิดตัว "ต่ำสุด" มาเป็นขี้ข้าจากตำแหน่งล่อ ทำหน้าที่ฟอกถ่าน-แก้ต่างให้ระบอบทักษิณ
ก็จริงของเขา.....
ทักษิณไม่ได้โม้ เงินซื้อ "คนรัฐ" ให้คอยทำคดเพื่อเขาได้ ก็ไม่เข้าใจ คนระดับนี้ ทำไมอัปรีย์บริสุทธิ์ได้ยืนยง?
คนทั่วไปยังเข้าใจว่า ........
ถ้า ๒๕ สิงหา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก
"ยิ่งลักษณ์" ต้องเข้าคุกทันที!
ไม่ใช่อย่างนั้น ตามรัฐธรรมนูญ ฉบับ ๒๕๖๐ ศาลฎีกาฯ นักการเมือง ให้อุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ ยังไม่เข้าคุกทันที
เหมือน ๖ แกนนำพันธมิตรฯ เมื่อวาน ถึงต่างศาล แต่กฎหมายให้โอกาสทัดเทียมกัน
คดีพันธมิตรฯ ถูกจำคุก ๘ เดือน ไม่รอลงอาญา หมายความว่า ต้องเข้าคุกสถานเดียว
แต่ยังไม่ต้องเข้า ยังมีศาลฎีกาให้สู้ต่อได้อีกศาล
ก็ประกันตัวไปสู้ต่อ!
เรื่องอย่างนี้ แทนที่นักกฎหมายระบอบทักษิณจะอธิบายให้นายหญิงทูนหัวและสมุนไพร่ได้เข้าใจ ก็เฉไฉซะ
เอะอะปลุกวิญญาณ "อันธพาลครองเมือง" ท่าเดียว หรือเป็นวิธีฉวยโอกาสเพื่อ "วางบิล" เรียกเก็บหลังจากนั้น?
ทั้งคดียิ่งลักษณ์-คดีบุญทรง "ถ้าติด" อุทธรณ์ได้
ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญานักการเมือง ที่ผ่าน สนช.ไป ๑๐ กว่าวันก่อน
"มาตรา ๖๐ ในกรณีที่จำเลยซึ่งไม่ได้ถูกคุมขังเป็นผู้อุทธรณ์ จำเลยจะยื่นอุทธรณ์ได้ต่อเมื่อแสดงตนต่อเจ้าพนักงานศาลในขณะยื่นอุทธรณ์ มิฉะนั้น ให้ศาลมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์"
นี่ไง คำตอบในประเด็นที่พูดกัน......
"ยิ่งลักษณ์จะหนี-ไม่หนี ยิ่งลักษณ์กล้าอยู่เสี่ยงคุกเลยหรือ"?
ก็จะรีบถลกตูดหนีทำไม ขืนหนีก่อน ๒๕ สิงหา แทนที่จะได้ตีบทแตกอีกรอบ กลับซวยหนักขึ้น
เพราะมาตรา ๖๐ ปิดประตูล่วงหน้าไว้แล้ว คือในการอุทธรณ์ จะมอบทนายทำแทนเหมือนก่อนไม่ได้แล้ว
จำเลยต้องไปปรากฏตัวต่อเจ้าพนักงานศาลด้วย ไม่งั้นศาลไม่รับอุทธรณ์!
เมื่อก่อน ต้องมี "ข้อมูลใหม่" จึงอุทธรณ์ได้ แต่ตอนนี้ อุทธรณ์ได้ทุกกรณี ทั้งด้านข้อกฎหมาย ด้านข้อเท็จจริง
มาตรา ๖๓ "กฎหมายลูก" บอกว่า ...........
"ในคดีเรื่องใด หากมีปัญหาข้อกฎหมาย ที่ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยไว้แตกต่างกัน ผู้พิพากษาคนหนึ่งคนใดในองค์คณะพิจารณาคดีนั้น หรือประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกาจะเสนอประธานศาลฎีกาเพื่อพิจารณาให้มีการวินิจฉัยปัญหานั้น โดยที่ประชุมใหญ่ก็ได้............ฯลฯ......."
ฉะนั้น แดง-ดำ ทั้งหลาย ถ้ามีพวกอดีต ส.ส. พวกแกนนำ พวกไพร่ไปปลุกระดม ชักชวนมาฟังคำตัดสินบังหน้า เจตนาระดมพลป่วนเมืองในวันที่ ๒๕ สิงหา
ก็อย่าไปเชื่อมัน นอนให้กำลังใจอยู่กับบ้านนั่นแหละ!
ยิ่งลักษณ์รู้อยู่แล้ว ว่าอุทธรณ์สู้ต่อ ยืดเวลาคุกได้ จะต้องรีบหนีทำไม
ขืนหนี ซวยตลอดชาติเหมือนพี่ชาย คดีไม่นับอายุความแล้ว กลับมาเข้ากระบวนการศาลวันไหน จึงจะนับอายุความวันนั้น
นอกจากหมดสิทธิ์อุทธรณ์แล้ว........
ตามกฎหมายใหม่ ถึงจำเลยหนี ศาลก็พิจารณาคดีลับหลังได้
พอเข้าใจกันแล้วกระมัง ที่อยู่ ไม่ใช่โฉมยงไม่กลัวคุก
หากแต่ติงต๊องขนาดไหน ก็ยังพอเข้าใจ อยู่-ยังอุทธรณ์ "ยืดเวลาคุก" ได้ ขืนหนี........
หน่อย "ยึดพรรค" ไปกินแน่!

รอวัดผล?

รอวัดผล?

ท่ามกลางสถานการณ์ที่คดีใหญ่ เกี่ยวข้องโยงใยกับนักการเมือง ทยอยเข้าสู่กระบวนการตัดสิน

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ฤกษ์งามยามดี นัดอ่านคำพิพากษา 3 คดีโด่งดังในเดือนหน้า

ไล่ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม ประเดิมด้วยการตัดสินคดีเจ้าหน้าที่สลายการชุมนุมม็อบพันธมิตรที่หน้ารัฐสภา
มีระดับบิ๊กเนม ทั้ง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. ร่วมเป็นจำเลย

และช่วงปลายเดือน วันที่ 25 สิงหาคม ศาลฎีกาฯนัดอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าว ที่มี อดีตนายกฯปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นจำเลย

ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท
และวันเดียวกัน ศาลฎีกาฯยังได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีระบายข้าวแบบจีทูจีปลอม ที่มี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ร่วมเป็นจำเลย

คำพิพากษาจะออกมาอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องรอลุ้นด้วยความระทึกขวัญเป็นอย่างยิ่ง!!!

ที่แน่ๆทั้ง 3 คดีใหญ่ที่กำลังจะมีการตัดสินชี้ชะตา จำเลยล้วนเป็นระดับบิ๊กในเครือข่าย นายใหญ่ ยุครัฐบาลพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น

ทำให้หวั่นกันว่า ผลแห่งคดีเหล่านี้จะทำให้สถานการณ์เกิดแรงกระเพื่อม ปั่นป่วนวุ่นวายอีกหรือไม่???

ถึงขนาดที่ฝ่ายความมั่นคง ต้องเตรียมวางแผนตั้งรับเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยกันเป็นพิเศษ ขณะที่ตำรวจก็เตรียมใช้แผน “กรกฎ” รักษาความสงบทั่วประเทศในห้วงที่ศาลฎีกาฯพิพากษาคดีสำคัญ

ป้องกันเข้มเต็มแผง สกัดความเคลื่อนไหวจากพวกจ้องป่วน!!!

และก็บังเอิญพอดิบพอดี วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมาหมาดๆ คณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้นำร่างสัญญาประชาคม เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองฉบับสมบูรณ์

เสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน ตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ที่มี “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. นั่งหัวโต๊ะสั่งอนุมัติ

เพื่อประกาศใช้เป็นสัญญาประชาคม สร้างความสามัคคีปรองดองของประเทศไทย!!!

“พ่อลูกอิน” คงไม่ต้องสาธยายรายละเอียดเนื้อหาสัญญาประชาคมให้เป็นแผ่นเสียงตกร่อง เพราะมีข่าวออกทางสื่อโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ และออนไลน์ เต็มพรืดกันไปแล้ว

ทั้งประเด็นหลัก และภาคผนวกจากแนวทางของ “นายกฯลุงตู่” สิริรวมเบ็ดเสร็จ 15 ข้อ ยาวเหยียด
แต่ที่แน่ๆทุกประเด็นในสัญญาประชาคม ที่ผ่านกระบวนการเสนอความเห็นจากนักการเมือง ภาคธุรกิจ และตัวแทนภาคประชาชน ผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการของกองทัพ ขยำสังเคราะห์กันออกมา
ถือเป็นหลักการที่จะทำให้สังคมไทยสามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยความสงบสุขแน่นอน

ภายใต้หมายเหตุ ถ้าประชาชนร่วมใจปฏิบัติตามแนวทางของสัญญาประชาคม

แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าคนไทยส่วนใหญ่พร้อมปฏิบัติตามสัญญาประชาคม เพื่อให้ประเทศสงบสุขหรือไม่???

หรือยังหลงใหลคำยั่วยุของนักการเมือง ที่พยายามสร้างความขัดแย้งเพื่อประโยชน์ตัวเอง!!!

“พ่อลูกอิน”

ต้องสลับกล้ารึเปล่า?

ต้องสลับกล้ารึเปล่า?

พลันที่วันพิพากษาคดีจำนำข้าวนัดชี้ชะตา 25 สิงหาคม อารมณ์ “ผวาม็อบ” ก็กำเริบทันควัน

ตามปรากฏการณ์ที่ “หน่วยข่าวไม่ได้กรอง” เจ้าเดิม ยี่ห้อ “สมชาย แสวงการ” สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แตะมือกับ “ไพศาล พืชมงคล” กรรมการผู้ช่วยรองนายกฯ

รีบ “ปล่อยของ” อ้างความเคลื่อนไหวของอดีต ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทย ปลุกระดมมวลชน เตรียมกดดันการตัดสินคดีจำนำข้าวของศาลฎีกาฯ

สะท้อนอาการ “ตื่นตูม” ของ “ต้นสังกัด” ในฝ่ายคุมเกมอำนาจ

รับกับจังหวะที่แหล่งข่าวไม่ประสงค์ออกนาม ปล่อยข้อมูลอ้าง “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. ได้สั่งให้กองกำลังรักษาความสงบตามประกบความเคลื่อนไหวของทุกกลุ่มทุกฝ่ายในห้วง 1 เดือนจนกว่าจะถึงวันตัดสินของศาล

ทหารขยับเกาะติดเกมมวลชน ล้อไปกับเสียงขู่ของขาเฮี้ยวอย่าง “เสี่ยไก่” นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีคนดังพรรคเพื่อไทย ประกาศจะไม่ปล่อยอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “ตายเดี่ยว”

เร้าฉากบู๊วัดดวง วัดใจ ตามฟอร์มของฝ่ายโดนต้อนจนมุม

อย่างไรก็ตาม ลำพังปมคดีจำนำข้าวก็คงกระตุกอารมณ์ได้แค่กองเชียร์ของ “น้องปู” เครือข่ายเสื้อแดง นปช.และพรรคเพื่อไทย

แค่เผยอ “ลิ้นไก่” ก็เห็นเข้าไปถึงไส้ติ่ง คนส่วนใหญ่ยังชั่งใจ

แต่จุดอันตราย “หัวเชื้อ” ไวไฟจุดม็อบของจริง มันอยู่ตรงสถานการณ์ที่นักการเมืองอาชีพทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยช่วยกันตีปี๊บ ประจานการแก้ปัญหาราคา

พืชผลเกษตรของรัฐบาล คสช. กระตุ้นจุดเดือดของเกษตรกรและชาวบ้านที่กำลังลำบากปากท้อง
นี่ต่างหากที่มันกำลังจะไหลเป็นขนมผสมน้ำยา

ยิ่งภาวะที่สอดคล้องกับกระแสชนชั้นกลาง ล่าสุด “นิด้าโพล” เชียร์ให้ปรับ ครม. ด้วยเหตุเพราะคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันยังทำงานและแก้ไขปัญหาได้ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ

โพลตอกย้ำสถานการณ์น่าห่วงในเชิงบริหารของรัฐบาล คสช.

ในมุมของคนนอกที่เสพข้อมูลจากข่าว ก็มุ่งไปที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง หงุดหงิดกระทรวงเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องตรงกับปัญหาปากท้อง

แต่ข้อมูลวงในที่รู้กันเต็มอกของคนที่รับผิดชอบสูงสุดในการบริหาร จุดที่ลงล็อก

ที่สุดในมุมของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. อยากให้เป็นดั่งใจนึก
แต่ก็ยังติดลูกเกรงใจ ไม่กล้าหักดิบในเชิงปฏิบัติจริง

กับการปรับเก้าอี้ สลับฉากกันระหว่าง “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กับ “พี่รอง” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย

แน่นอน พล.อ.ประวิตร อาจจะติดความเป็นทหารอาชีพ ทำให้อิดๆออดๆ แต่ด้วยเงื่อนไขความจำเป็นเร่งด่วนของมหาดไทยที่คุมผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการบริหารร่วมกับทุกกระทรวง

ตามรูปการณ์ต้องใช้มือประสานอย่าง “พี่ใหญ่” ที่มากบารมี กล้าตัดสินใจ ทำงานไว ไปแก้วัฒนธรรมองค์กรของ “เสือซุ่ม สิงห์เงียบ” ที่ขึ้นชื่อเรื่องกั๊กอำนาจ หวงงบประมาณ ห่วงเงินทอน

ถือเป็นจุดติดขัดหนักสุดในการขับเคลื่อนการบริหารของรัฐบาล

งานไม่เดิน มีแต่นักวิ่ง จมูกไว แบบที่ไม่ทันไร ผู้ว่าฯจังหวัดใหญ่ในแถบอีสานใต้ รีบประกาศจองเก้าอี้อธิบดีกรมที่ดิน ตั้งแต่มีข่าวเจ้านายสายตรงอย่าง “บิ๊กป้อม” จะสลับขั้วไปนั่ง มท.1

ถ้ายังไม่ปรับจูนมหาดไทย ส่งผลต่อสุขภาพรัฐบาลแน่

และกับปมอันตรายสดๆร้อนๆ โครงการ “9101 ตามรอยเท้าพ่อเพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน” ที่มีกลิ่นโชยมาแต่หัววัน ตามข้อมูลของจอมแฉอย่างนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ปูดรายการสวาปาม “เงินทอน” ผลิตดอกไม้จันทน์

อ้างเหตุเกิดที่อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ ที่ได้เงินหมู่บ้านละ 2.5 แสนบาท จากงบฯแจกจ่ายให้ตำบลละ 2.5 ล้าน มีการโอนเงินให้องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ละ 8 หมื่นบาท แต่ให้ส่งคืนจังหวัดด้วยเงินสด 5,000 บาท และคืนอำเภอ 3,000 บาท

ฝากให้รัฐบาลตรวจสอบด่วน เพราะหากทำจริงก็ถือว่าชั่วสิ้นดี

มันเป็นอะไรที่เข้าจุดโฟกัสพอดี โครงการและงบฯของกระทรวงเกษตรฯที่คาบโยงกับกระทรวง
มหาดไทยในฐานะฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่

เจอปม “เงินทอน” ร้อนๆแบบนี้ เสียววาบทั้งรัฐบาลก็แล้วกัน.

ทีมข่าวการเมือง

ใครจะคุมสมช.รอพุธนี้

ใครจะคุม "ตึกแดง"??

ประชุม "สภา มช." พุธนี้ คาดมีหารือ ตั้ง "เลขาฯสมช"คนใหม่  จะเป็น พลเรือน หรือทหาร..."สมเกียรติ"หรือ"พล.อ.วัลลภ" หรือ บิ๊กทหารอกหัก หรือ บิ๊กตำรวจ คนไหน แล้ว นายกฯ บิ๊กตู่ จะมาประชุมเองหรือไม่

จับตา พุธ 26 กค.นึ้ .....จะมีการหารือ เริ่องการแต่งตั้ง เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)..พลเอกประยุทธ์ นายกฯ  จะเป็นประธานการประชุม สภา สมช.  ร่วมด้วย บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง 

โดย จะมีการพิจารณา แต่งตั้ง เลขาฯสมช.คนใหม่ ระหว่าง นายสมเกียรติ ศรีประเสริฐ รองเลขาฯสมช. ที่ได้รับการเสนอชื่อ จาก พลเอกทวีป เนตรนิยม เลขาฯสมช.คนปัจจุบัน ให้เป็น เลขาฯ สมช.คนใหม่  ....กับ พลเอกวัลลภ รักเสนาะ ผอ.สำนักนโยบายและแผนกลาโหม ที่ คาดว่าจะได้รับการเสนอขื่อ โดย พลเอกประวิตร ให้เป็น เลขาฯสมช......

หรืออาจเป็น บิ๊กทหารคนอื่น ที่พลาดเก้าอี้ ในกองทัพ.....หรือ ตำรวจคนไหน หรือไม่

รอดูปฏิกิริยา คนสมช.
และตัองดูว่า นายกฯจะเข้าประชุม หรือไม่ หรือจะปล่อย พี่ใหญ่ ให้ บิ๊กป้อม ว่าไป เลือกเอง .....น้องตู่ ไม่ยุ่ง

คนรุ่นใหม่ต้องไม่ทะเลาะกัน

"คนรุ่นใหม่ต้องไม่ขัดแย้ง ปล่อยให้พวกคนรุ่นเก่า มันขัดแย้งกันไป"

นายกฯบิ๊กตู่ พูดหน้ามุ่ยๆ พร้อมเปรย เมื่อเห็นเด็กๆว่า.."อยากเอาคนบางพวก มาเรียนหนังสือใหม่ เพราะบางคนจบสูง แต่ไม่รู้จักคิด"

พลเอกประยุทธ์ กล่าวช่วงหนึ่งหลังชื่นชมเยาวชนที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ว่า บางคนเรียนจบสูง แต่คิดอะไรไม่เป็น มัวคิดแต่เรื่องทะเลาะกัน  อยากให้กลับไปเรัยนใหม่

พร้อมระบุว่าต้องสร้างการรับรู้ และช่วยกันสร้างสังคม คนรุ่นใหม่ต้องไม่ขัดแย้ง ให้คนรุ่นเก่ามันขัดแย้งกันไป วันนี้เราต้องสอนให้เยาวชนรู้จักคิดไม่รู้จักการใช้จ่ายหรือในแวดวงการเกษตรก็ต้องสอนให้เขารู้จักคิด และทำรู้จักการบริหารจัดการน้ำการปลูกพืชให้เหมาะสมโดยนำเทคโนโลยีสาระสนเทศมาใช้ และในการวิจัยจะต้องทำเพื่อให้ใช้จริง

เครียดเลยตีไม่ดี

"บิ๊กตู่" ยอมรับ "ลุง เครียด" เล่นกอล์ฟ ไม่ได้ดี เพราะเล่นไปก็คิดไป คิดจนเล่นได้ไม่ดี  คิดถึงทุกเรื่อง  ทั้งการบริหารประเทศ ไทยแลนด์ 4.0 และ จำนำข้าว 
               

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีหัวหน้าคสช. พบปะพูดคุยกับ เด็กหญิงอาฒยา ฐิติกุล หรือ น้องจีน ผู้ชนะการแข่งขันกอล์ฟอาชีพที่อายุน้อยที่สุดในโลก 

โดยได้กล่าวชื่นชมในการมีความขยัน อดทน เล่นกอล์ฟ และขอร้องว่าในการเล่นกีฬาต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการเรียน ต้องแบ่งเวลาให้ได้ ขออวยพรให้ "เทิร์นโปร"ให้ได้สมความตั้งใจ และเมื่อเป็นโปรแล้วห็อย่าลืมการเรียน เราต้องมีความรู้ต้องไม่ทิ้งการเรียน ต่อไปในอนาคตก็จะได้ไปเป็นโค้ชสอนคนอื่นได้ 
              
เท่าที่ติดตามเห็นว่าเล่นกอล์ฟได้เก่งมาก เล่นแล้วมีความสุข ไม่เหมือนลุง เครียด เพราะเล่นไปก็คิดไป คิดจนเล่นได้ไม่ดี  คิดถึงทุกเรื่อง 

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน การบริหารประเทศ ไทยแลนด์ 4.0 จำนำข้าว 

เวลาเล่นอย่ากดดันตัวเอง การได้เป็นที่ 1 แล้วสิ่งที่ยากกว่าตามมาคือการรักษาตำแหน่งเอาไว้ ขอให้ทำให้เต็มที่ อายุเพียง 14 ปีเท่านั้น ยังมีโอกาส และอนาคต 

นอกจากนี้เมื่อคนเรามีความพร้อมแล้วก็ต้องรู้จักเผื่อแพร่ ทำเพื่อประเทศ เพื่อส่วนรวม เรารวยแล้วก็ต้องนึกถึงคนที่ไม่มีโอกาส เพื่อให้โอกาสกับเขา ถ้าเรามีจิตใจเผื่อแพร่ให้คนอื่น เราก็จะเจริญขึ้น และไม่ว่าจะคิดอะไรก็คิดได้ แต่ขอให้คิดถึงคนอื่นด้วย จิตใจก็จะดีขึ้น สวยขึ้น ถ้ามัวแต่คิดทุกวันว่าจะทำอะไรให้ได้เงินมาก ๆ โดยไม่คิดเผื่อแพร่แบ่งปันมันก็จะเป็นทุกข์ มีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อยดีกว่าจะได้มีความสุข"นายกฯ กล่าว

เรียบร้อยโรงเรียนพี่ใหญ่

เรียบร้อยโรงเรียน"บิ๊กป้อม" 

คาด "นายก"ไม่ยุ่ง ตั้ง"เลขาฯสมช." บอก
ให้เป็นเรื่องฝ่ายความมั่นคง...,/บิ๊กป้อม  ชี้สถานการณ์ไม่ปกติ ทหารเหมาะเป็นเลขาฯสมช.เชื่อคนใน ไม่มีปัญหา ไม่น้อยใจ ยก"พลเอกทวีป" ผลงานดี เป็นทหาร

"บิ๊กป้อม"พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม ยัน สถานการณ์ไม่ปกติเช่นนี้ ทหาร มีความเหมาะสมที่จะมาเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
เชื่อ คนใน สมช ไม่มีปัญหา  ไม่เสียกำลังใจ เพราะ พลเอกทวีป เนตรนิยม เลขาฯ คนปัจจุบัน ก็มาจากทหาร ก็ทำหน้าทึ่ได้ดี 

โบ้ย ยังไม่รู้ จะมีชื่อ พลเอกวัลลภ รักเสนาะผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กลาโหม ได้รับการเสนอชื่อมาเป็นเลขาฯส มช. คนใหม่หรือไม่ ยังไม่ได้ดูเลย

ยันผมจะพิจารณาเอง ไม่บอกว่า มีตัวเลือก กี่คน  ปัดตอบว่า ประชุม สภา สมช.พุธนี้ มีหารือ ตั้ง เลขาฯสมช. หรือไม่ แต่ นายกฯ จะมาเป็นประธานการประชุม

ด้าน พลเอกประยุทธ์ นายกฯ ไม่ตอบ เรื่อง แต่งตั้งเลขา ฯสมช.คนใหม่ บอก แค่ว่า ให้เป็นเรื่องของฝ่ายมั่นคง

โดนก็โดน

โดนก็ โดน !!

"บิ๊กป้อม" บอก เลย ถ้า "พัชรวาท"น้องผม โดนก็โดน เพราะเป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม แล้วผมจะต้องออกมา ปลุกมวลชน 
ไม่จำเป็นต้องเรียกกองเชียร์  แบบ ที่จะมาให้กำลังใจ คุณยิ่งลักษณ์ มั้ย /ชี้ให้กำลังใจ “ยิ่งลักษณ์” ที่ไหนก็ได้ ระบุตัดสินถูกผิด ไม่ใช่เรื่องที่จะให้คนมารวมตัวกัน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พาณิชย์ โพสต์เฟซบุ๊ก จะส่งผลให้มวลชนมาให้กำลังใจ วันพิพากษาคดีจำนำข้าวจำนวนมาก จะมีปัญหาหริอไม่นั้น ว่า การจะให้กำลังใจ ไม่จำเป็นต้องออกมาที่ศาล สามารถให้กำลังใจที่ไหนก็ได้ 

แต่ก็เชื่อว่าจะไม่มีความวุ่นวาย เพราะเรามั่นใจ เพราะเรื่องที่จะตัดสิน เป็นเรื่องของอดีตที่ผ่านมา ที่ทำมาตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อน และกระบวนการพิจารณารัฐบาลไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง. เป็นเรื่องของศาลที่จะตัดสินตามหลักฐานพยาน 

ดังนั้นคนที่จะออกมาให้กำลังใจต้องดูว่าออกมาแล้วจะเกิดความสับสน และเกิดความขัดแย้ง ไม่น่าจะทำ

เมื่อถามว่าหากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกพิพากษาให้จำคุกจะเป็นการปลุกกระแสต่อต้านรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของคดีความ  ไม่ใช่เรื่องที่จะให้คนมารวมตัวกันว่า หากถูกตัดสินผิดแล้ว ต้องมาชุมนุมกัน มันไม่ใช่ 

เมื่อถามย้ำว่าจำเป็นต้องลดแรงต้านการปลุกระดมในโซเซียลมีเดียหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ข้อขัดแย้งต่างๆเป็นเรื่องที่เกิดจากอดีตที่ผ่านมา วันนี้เรามาร่วมมือกันสร้างความปรองดองที่รัฐบาลนี้ได้เริ่มทำ

เมื่อถามว่านอกจากจะมีการพิพากษาคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ในวันที่ 25 ส.ค.แล้ว วันที่ 2 ส.ค. ก็จะมีการพิพากษาคดีที่พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. น้องชาย กรณีสลายการชุมนุมวันที่ 7 ต.ค. 51 พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ผมก็ไม่เห็นจะไปเรียกใครมารวมตัว   ไม่เคยมีเรียกใครมา แล้ววันนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มการดูแลอะไร ทุกอย่างจะเป็นเหมือนกัน 

"สิ่งที่ทำเป็นความผิดหรือไม่ กระบวนการยุติธรรมเดินหน้า มาตลอด เช่นเดียวกับคดีของคุณยิ่งลักษณ์ สื่อจะถามอย่างนี้ได้อย่างไร ถ้าเช่นนั้น ผมก็จะถามว่าหากพล.ต.อ.พัชรวาทโดน ผมก็ต้องลุกฮือบ้างหรือ ถ้าโดนก็โดน ไม่ใช่ว่าผมจะต้องปลุกคนมา"