PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2560

‘ยูเอ็น’ ซักไทย 10 ข้อ เสรีภาพแสดงความเห็น-พ.ร.บ.คอมพ์-โทษประหาร ปลัดยธ.นำทีมแจงปม’รธน.’-ร่างกม.ต้านทรมาน

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามเวลา 15.00-18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยนำเสนอรายงานการปฏิบัติการพันธกรณีภายใต้กติการะหว่างประเทศ ว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมือง หรือ “ICCPR” ฉบับที่ 2 เป็นวันแรก ต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
นายชาญเชาวน์กล่าวว่า คณะผู้แทนได้ตอบคำถามคณะกรรมการสิทธิมุนษยชนในหลายเด็นประเด็น 1.ร่างรัฐธรรมนูญการปรับแก้ล่าสุด กำหนดมีผลบังคับใช้ 2.มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 3.ศาลทหาร (สิทธิต่างๆ และแนะนำให้โอนคดีที่เหลือไปศาลพลเรือน) 4.ปัญหาการลอยนวลของเจ้าหน้าที่รัฐ 5.การใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ 6.สถานะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 7.เสรีภาพในการรวมตัวโดยสันติ 8.พระราชบัญญัติความเท่าเทียมทางเพศและความรุนแรงต่อสตรี 9.การดูแลแรงงานต่างด้าว 10.กรณีการหายสาบสูญของทนายสมชาย นีละไพจิตร และกรณีกะเหรี่ยงในพื้นที่ป่าแก่งกระจาน (นายบิลลี่ พอละจี)
นายชาญเชาวน์กล่าวด้วยว่า ผู้แทนได้ตอบในข้อ 1 และ 6 และช่วยสนับสนุนหน่วยงานต่างๆ ในการทำและเลือกประเด็นใช้ตอบ ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้ฝากคำถามเพิ่มเติมสำหรับตอบในวันที่สอง เรื่องโทษประหารชีวิต ร่างพระราชบัญญัติต่อต้านการทรมานฯ สภาพของเรือนจำ ทัณฑสถาน ความเป็นอิสระของศาลยุติธรรม ทั้งนี้ คาดว่าคณะกรรมการจะสอบถามเพิ่มเติมในวันที่สองเรื่องเสรีภาพในการแสดงความเห็น มาตรา 112 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
นายชาญเชาวน์กล่าวด้วยว่า โดยรวมคณะกรรมการได้สอบถามคณะผู้แทนด้วยความสุภาพ แม้ประเด็นจะมีความซับซ้อนและละเอียดอ่อน แต่การแลกเปลี่ยนก็ดำเนินไปอย่างสร้างสรรค์เชิงวิชาการ และชี้ประเด็นที่ควรพิจารณาปรับให้ดียิ่งขึ้น มากกว่าเป็นไปในเชิงตำหนิติเตียน
นายชาญเชาวน์กล่าวว่า กระบวนการนำเสนอรายงานด้วยวาจา เป็นกระบวนการที่คณะผู้แทนรัฐมีโอกาสตอบคำถามและทำความเข้าใจกับคณะกรรมการทั้ง 18 คน ซึ่งมีเป้าหมายร่วมกันคือการพยายามนำหลักการของกติกา ICCPR ไปสู่การปฏิบัติให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จึงเรียกว่าเป็นกระบวนการสนทนาอย่างสร้างสรรค์ (Constructive Dialogue) และภายหลังจากนำเสนอรายงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (HRCtte) จะออกเอกสาร ข้อเสนอแนะ (Concluding Observations) ให้แก่รัฐภาคีเพื่อนำไปสู่ปฏิบัติต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้มีผู้แทนภาคประชาสังคมไทยและนางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย และในวันที่ 14 มีนาคม เวลา 16.00-19.00 น. (ตามเวลาในประเทศไทย) คณะผู้แทนไทยจะตอบข้อซักถามที่ยังค้างอยู่ และคณะกรรมการจะซักถามเพิ่มเติมเป็นวันที่สอง สามารถรับชมการถ่ายทอดสดผ่าน webcast ได้ที่ http://webtv.un.org

เสียราคาอำนาจพิเศษ

เดือดร้อนมวยรุ่นใหญ่ต้องวางท่า รักษาฟอร์มไว้ก่อน

ล่าสุด “เบอร์หนึ่ง” ฝ่ายความมั่นคงอย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ
รมว.กลาโหม ยืนยันเสียงเข้มเลยว่า รัฐบาลยังไม่ยกเลิกมาตรา 44 คุมวัดพระธรรมกาย

เนื่องจากการข่าวมีมือที่สามแทรกซึมอยู่ในพื้นที่

อยู่ระหว่างการตรวจสอบอดีตแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองที่เข้าไปแทรกแซงการเคลื่อนไหวของเครือข่ายธรรมกาย และจะดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด

นั่นหมายความว่า ยุทธการสยบธรรมกาย ยังไม่ม้วนเสื่อกลับบ้านซะทีเดียว

ตามท้องเรื่องที่พวกฮาร์ดคอร์ บรรดาคอหนังซาดิสต์ ยังได้ลุ้นฉากเสียวๆในการไล่ล่าเจ้าลัทธิ “ชิตังเม โป้ง” อยู่

“ผู้กำกับคิวบู๊” อย่าง “บิ๊กป้อม” บอกให้ดูตอนต่อไป

แต่นั่นก็สวนทางกับภาพข่าวที่กรมสอบสวนคดีพิเศษคว้าน้ำเหลวในการลุยค้นสถานที่ต้องสงสัยจะเป็นที่หลบซ่อนของอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย

เจอแค่เสื้อยืดสไตล์แบบที่เจ้าสำนักจานบินชอบใส่ ทิ้งไว้ให้ดมกลิ่น

ตามข้อมูลต่อเนื่องจากที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ แบไต๋ผู้ต้องหาหนีหมายจับคดีฟอกเงิน อาจทุบกำแพงหนีไปแล้วตั้งแต่ช่วงชุลมุนใหม่ๆ

ดีเอสไอยังออกแรงให้เห็นความพยายามอย่างเต็มที่

เรื่องของเรื่อง ณ นาทีนี้ แบบที่คนทางบ้านเห็นๆกัน ดาบอาญาสิทธิ์มาตรา 44 ไล่ตามได้แค่เงา “ธัมมชโย” ยุทธการลุยปราบอาณาจักรธรรมกายไปไม่ถึงสุดซอย

ตามฉากที่ทหาร ตำรวจ ดีเอสไอ ต้องถอยกลับกลางคัน

เสียทั้งงบประมาณ เสียทั้งแรง เสียทั้งฟอร์ม เสียทั้งหน้า

นั่นไม่เท่ากับ “เสียราคา” อำนาจพิเศษ

โดยภาวะทางกระแส ทำดาบอาญาสิทธิ์มาตรา 44 ลดความขลังลงไปหลายขีด

ตามรูปการณ์แบบที่นายวีระ สมความคิด ประกาศดังๆผ่านโซเชียล บอกตำรวจไม่ต้องเสียแรงมาตามจับ

เพราะจะเดินทางเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาเองที่โรงพัก ยักไหล่ไม่ยี่หระที่โดนคดีผิด

พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฐานทำโพลวัดคะแนนนิยมรัฐบาลทหาร คสช.ผ่านเฟซบุ๊ก

ปล่อยตัวเลขกระตุกต่อมฉุนคนโตในรัฐบาล

แถมซัดผู้มีอำนาจหวังใช้ พ.ร.บ.คอมพ์ปิดปากให้คนหวาดกลัวไม่กล้าวิจารณ์

ในสถานการณ์ที่ “เสี่ยไก่” นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีคนดังของพรรคเพื่อไทย ก็ได้ทีโพสต์เฟซบุ๊กจี้ให้ยกเลิกมาตรา 44 คุมวัดพระธรรมกาย แขวะหัวหน้า คสช.ใช้อำนาจสั่งปิดล้อมวัด ห้ามประชาชนและพระสงฆ์เข้าออก ยึดอาหารพระ ตัดสัญญาณการสื่อสาร สูญเสียงบประมาณ สังเวยชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ไป 2 ราย

เพียงเพื่อนำตัวผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาจึงเกินความจำเป็น และเป็นความจริงที่ถูกบิดเบือนใน

กรณีธรรมกายทำให้ไม่อาจคิดเป็นอย่างอื่นนอกจากรัฐบาลมีเจตนาแอบแฝง

“วีระ-วัฒนา” 2 “ตัวแสบ” ในโพยของรัฐบาลทหาร คสช.

กล้าแสดงตัวท้าทายแบบไม่กลัวของแข็ง

โดยปรากฏการณ์เร้าแรงเสียดทาน คสช.ถือเป็นปฏิบัติการ “นำร่อง” พวกที่จ้องจังหวะกลับมาเขย่าเกมอำนาจพิเศษที่ถูกกระบองยักษ์มาตรา 44 กดหัวไว้

ต่อไปนี้คงมีรายการแหย่ ยั่วท็อปบูตเป็นระลอก

ในเมื่อรัฐบาลทหารมีอาการสะดุด “อำนาจพิเศษ” ให้เห็น

ยิ่งเป็นอะไรที่มีช็อตให้ต้องวัดใจการใช้อำนาจพิเศษอีกครั้ง ตามคิวล่าสุดที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปของครอบครัวอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังจะหมดอายุความ มาหารือก่อนยกคณะเข้ารายงาน “นายกฯลุงตู่”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.

โดยมีข้อสรุปว่า ที่สุดก็ต้องให้รัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจ

ที่แน่ๆ นายวิษณุบอกปัดเลยว่า รัฐบาลจะไม่ใช้อำนาจมาตรา 44 ขยายอายุความออกไปตามที่มีข้อเสนอจากหลายฝ่าย ยืนยันรัฐบาลจะไม่ทำอะไรที่ฝ่าฝืนหลักนิติธรรม

ปมธรรมกายยังหาทางกลับไม่เจอ จะให้ย่ำซ้ำรอยก็บ้องตื้นแล้ว.
ทีมข่าวการเมือง

การประชุมคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ

จับตาคืนนี้รอดไหม ? ไทยถูกย่างสดเวทีสิทธิโลก

รายการ Wake Up News ประจำวันที่ 14 มีนาคม 2560
การประชุมคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 มีนาคม 2560 เวลา 21.00-24.00น. และ 14 มีนาคม 2560 เวลา 16.00 - 19.00น. (ตามเวลาประเทศไทย) คณะผู้แทนไทยเตรียมนำเสนอรายงานปฏิบัติการพันธกรณีภายใต้กติการะหว่างประเทศ ว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights : ICCPR) ภายใต้กรอบคำถาม 28 ข้อ โดยไทยเตรียมคำตอบไว้ทั้งหมด 151 ข้อ 
หลากหลายประเด็นที่คณะผู้แทนไทยต้องตอบ ทั้งเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยรัฐ โทษประหารชีวิตในคดียาเสพติด รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่ประกาศโดย คสช. การดำเนินคดีในศาลทหาร การคุ้มครองแรงงาน ฯลฯ ติดตามได้ 
ขณะเดียวกัน ธนาคารโลก (World Bank) ได้เปิดเผยรายงาน "กลับสู่เส้นทาง : ฟื้นฟูการเติบโตและประกันความมั่งคั่งสำหรับทุกคน"  เนื้อหารายงานดังกล่าวระบุชัดเจนว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง แต่การเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงหลังได้ชะลอตัวลง ประเทศไทยสูญเสียช่วงเวลาที่ยังมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
ตามด้วยช่วง On the Phone ทีม Wake Up News ต่อสายตรงถึงคุณวีระ สมความคิด หลังถูกศาลอาญา รัชดาภิเษก ที่ จ.642/2560 ออกหมายจับ ภายใต้ข้อหานำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ที่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
ปิดท้ายด้วยเรื่องของ สมาชิกขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ นายอนุสร จิรพงศ์ ใช้หลังมือตวัดไปที่หน้าของพนักงานร้านอาหารหลังจากถูกเรียกว่า ป๋า จนนำไปสู่การแจ้งความลงบันทึกประจำวัน 

ถก คสช. ครึ่งชม. จบ.... ถก4 เรื่อง เตรียมใช้ ม.44 ไม่มี คุยเริ่อง"ธรรมกาย-ภาษีหุ้น ชิน"

ถก คสช. ครึ่งชม. จบ.... ถก4 เรื่อง เตรียมใช้ ม.44 ไม่มี คุยเริ่อง"ธรรมกาย-ภาษีหุ้น ชิน"
พันเอกวินธัย สุวารี โฆษก คสช. เผย ถก คสช.4 เรื่อง ที่ พลเอกประยุทธ์ หัวหน้า คสช.เตรียมใช้ ม.44 คือ. เรื่อง บุคลากรทางการศึกษา 2 เรื่อง. การแก้ปัญหาจราจร และ มาตรการเพิ่มความปลอดภัย รถโดยสารสาธารณะ เพิ่อเตรียมรับช่วงสงกรานต์
ส่วนเรื่อง วัดพระธรรมกาย เป็นการคุย ในส่วนของ ทบ.เอง ในการปรับกำลัง และผ่อนปรน ไม่ได้คุยใน วงประชุม คสช.

"เซ็นทรัล" ยอมขายหุ้นบิ๊กซี "เจ้าสัวเจริญ” รับ 5 หมื่นล้าน

เซ็นทรัลยอมรับขายหุ้นบิ๊กซีในไทยแล้ว ประเมิน 25% ที่ถืออยู่ ได้เงินประมาณ 50,000 ล้านบาท เพื่อเอาไปซื้อบิ๊กซี เวียดนาม ซึ่งเพิ่งประกาศเข้าซื้อกิจการร่วมกับกลุ่มเหงียนคิม ขณะที่หุ้นบิ๊กซีในมือกลุ่ม “เจ้าสัวเจริญ” ล่าสุดพุ่งขึ้นไปที่ 85% แล้ว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 10 พ.ค. ระบุ ตระกูลจิราธิวัฒน์ กลุ่มเซ็นทรัล ได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ 25% ในบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) แล้ว เพื่อนำเงินไปซื้อหุ้นบิ๊กซี เวียดนาม โดยคาดว่ากลุ่มเซ็นทรัลจะได้เงินจากการขายหุ้นครั้งนี้ราว 51,600 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา กลุ่มทีทีซีของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ได้เอาชนะกลุ่มเซ็นทรัล ในการเข้าซื้อหุ้นบิ๊กซีจากกลุ่มคาสิโนแห่งประเทศฝรั่งเศสในวงเงิน 3,530 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเป็นการเข้าซื้อในนามบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือบีเจซี ซึ่งขณะนี้กำลังทำคำเสนอซื้อหุ้นบิ๊กซีจากรายย่อเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือบีเจซี ซึ่งขณะนี้กำลังทำคำเสนอซื้อหุ้นบิ๊กซีจากรายย่อย (เทนเดอร์ออฟเฟอร์) คาดว่าจะรู้ผลสรุปทั้งหมดในวันที่ 11 พ.ค.นี้ โดยขณะนี้บีเจซีมีหุ้นบิ๊กซีอยู่ในมือแล้วกว่า 85% ซึ่งจากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่าในสัดส่วนหุ้น 85% ดังกล่าว ได้รวมหุ้นในมือของกลุ่มเซ็นทรัลที่ 25% แล้วก่อนหน้านี้ บีเจซี เผยว่า บริษัทบีเจซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด และบริษัท สัมพันธ์เสมอ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบีเจซี ได้เข้าซื้อหุ้นบิ๊กซี จำนวน 483..08 ล้านหุ้น หรือ 58.55% จากกลุ่มคาสิโน และจะต้องทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หรือคำเสนอรับซื้อหุ้นอีกจำนวน 341.92 ล้านหุ้นหรือ 41.45%
ทั้งนี้ บิ๊กซีก่อตั้งโดยเครือเซ็นทรัลเมื่อปี 2536 ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็นบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เมื่อปี 2538 แต่ต่อมาเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในเอเชีย ปี 2540 กลุ่มคาสิโนแห่งประเทศฝรั่งเศสได้เข้ามาเพิ่มทุนและกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในปี 2542  และล่าสุดเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา กลุ่มคาสิโนได้ขายหุ้นที่ถือในบิ๊กซีทั้งหมดให้กับทีซีซีกรุ๊ป หลังเปิดประมูลขายกิจการทั้งในไทย ลาว และเวียดนาม เพื่อนำเงินทุนไปชำระหนี้สินของบริษัท ทำให้กลุ่มทีซีซีกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสอบถาม ผู้บริหารของกลุ่มเซ็นทรัล ได้รับคำตอบว่าเป็นความจริงตามข่าวที่ออกไป ส่วนรายละเอียดต่างๆ รวมถึงการขายหุ้นจำนวนเท่าไร มูลค่าเท่าไร จะเปิดเผยอีกครั้ง หลังจากนายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กลับจากต่างประเทศก่อน ซึ่งน่าจะเร็วๆนี้ โดยก่อนหน้านี้ นายทศเคยออกมาประกาศว่า จะยังไม่ขายหุ้นบิ๊กซีจำนวนที่ถืออยู่ 25% และไม่มีแผนที่จะขาย เพราะห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เป็นธุรกิจไฮเปอร์มมาร์เก็ตที่กลุ่มเซ็นทรัลสร้างมากับมือ อย่างไรก็ตาม หลังจากพลาดพ่ายแพ้แก่บีเจซีในการซื้อหุ้นบิ๊กซีประเทศไทยจากคาสิโน ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 เม.ย.
กลุ่มเซ็นทรัลได้ประกาศชัยชนะ ด้วยการร่วมกับกลุ่มเหงียน คิม เทรดดิ้ง จอยท์ สต็อค คอมพานี (Nguyen Kim Trading Joint Stock Company) ผู้นําตลาดค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ในประเทศเวียดนาม ทุ่มงบกว่า 920 ล้านยูโร หรือประมาณ 36,800 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการบิ๊กซีเวียดนามอย่างเป็นทางการแล้ว เพื่อเสริมทัพความยิ่งใหญ่ของกลุ่มเซ็นทรัลในการลงทุนในประเทศแถบเอเชีย โดยมีสัดส่วนถือหุ้นสามัญทั้งหมด 49%
ของเหงียน คิม และผู้ถือหุ้นเดิมของเหงียน คิม จะถือหุ้นสามัญทั้งหมด 51% ซึ่งการร่วมมือทางธุรกิจกันครั้งนี้ เป็นหนึ่งในแผนการขยายตลาดไปยังต่างประเทศของกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งในภูมิภาคนี้ประเทศ เวียดนามถือเป็นตลาดหลักที่สำคัญ. ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง สื่อนอกตีข่าว 'เสี่ยเจ