PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สหรัฐระบตุรกีซื้อน้ำมันจากIS

สหรัฐฯ ยอมรับว่าน้ำมันจาก IS เข้ามาสู่ตุรกีจริงๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ปฏิเสธมาโดยตลอดว่าตุรกีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องนี้
หลังจากรัสเซียประโคมข่าวโจมตีตุรกีว่าเป็นท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ให้ IS โดยปล่อยให้มีการรับซื้อน้ำมันเถื่อนจาก IS มูลค่ามหาศาลในตลาดมืดของตุรกี และมีผู้ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับประธานาธิบดีตุรกี มาจนถึงเจ้าหน้าที่ระดับล่าง ในที่สุดสหรัฐฯก็ออกมายอมรับว่าน้ำมันจาก IS เข้ามาสู่ตุรกีจริงๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ปฏิเสธมาโดยตลอดว่าตุรกีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเรื่องนี้
นายอาโมส ฮอคช์สไตน์ ผู้แทนพิเศษและผู้ประสานงานของกระทรวงต่างประเทศด้านพลังงาน เปิดเผยกับสำนักข่าว AFP โดยพูดถึงการซื้อขายน้ำมันระหว่างตุรกีกับ IS เหมือนเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว โดยการบอกว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศที่สหรัฐฯดำเนินอยู่ในซีเรีย ส่งผลอย่างมากต่อการขนส่งน้ำมันของ IS ไปยังตุรกี และระดับการซื้อขายน้ำมันระหว่างสองฝ่ายก็ต่ำมากจนไม่ส่งผลอย่างมีนัยะสำคัญใดๆไม่ว่าจะต่อตลาดน้ำมันโลก หรือต่องบประมาณแผ่นดิน
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ประเมินว่าการซื้อขายน้ำมันระหว่าง IS กับตุรกี มีมูลค่าประมาณ 1.25-1.5 ล้านดอลลาร์ต่อวัน ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายอื่นๆ ในขณะที่สื่อนาชาติประเมินว่ามูลค่าการซื้อขายที่แท้จริงน่าจะอยู่ที่ 2 ล้านดอลลาร์ ส่วนรัสเซียอ้างว่า IS ทำเงินได้ถึงวันละ 8 ล้านดอลลาร์จากการขายน้ำมันให้ตุรกี
จำนวนดังกล่าวอาจจะไม่มากนัก หากคิดเป็นงบประมาณของประเทศหนึ่ง แต่สำหรับกลุ่มก่อการร้าย นี่เป็นจำนวนเงินมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกลุ่มก่อการร้ายใหญ่อีกกลุ่มอย่างอัลกออิดะห์ ซึ่งมีงบประมาณต่อปีสูงสุดเพียง 30 ล้านดอลลาร์เท่านั้น ในขณะที่ IS อาจจะมีรายได้จากน้ำมันมากถึงปีละกว่า 500 ล้านดอลลาร์ ถึง 18,000 ล้านบาท

ทหารกับราชภักดิ์

http://www.matichon.co.th/online/2015/12/14495345291449543981l.jpg

“การทหาร” ดับ “ราชภักดิ์”

เท่ากับสาด”น้ำมัน”เข้า”กองไฟ”

ทั้งๆที่โครงการ “อุทยานราชภักดิ์” เริ่มด้วยเป้าหมายทาง “การเมือง” แต่เมื่อเกิดปัญหาเกิด “ความเข้าใจ” ที่คลาดเคลื่อน
    
แทนที่จะใช้มาตรการทาง “การเมือง” มาแก้
    
กลับเลือกเอามาตรการทาง “การทหาร” มาเป็น “อาวุธ” มาเป็น “เครื่องมือ”จึงแทนที่จะเป็นการ “คลี่คลาย” เป็นการแก้ “ปัญหา”

    
กลับกลายเป็นการ “สร้าง” ปัญหา ทำให้เรื่องง่ายๆกลายสภาพเป็นเหมือนกับที่ชาวบ้านเรียกว่า“ลิงแก้แห”
    
เรื่องเล็กๆกลายเป็นเรื่องใหญ่ๆ เรื่องเงียบๆกลายเป็นเรื่องอึกทึกครึกโครม
    
เท่ากับเป็นการ”เชิญแขก”เข้ามารุมล้อม เข้ามาสนใจ

    
ใครที่ไม่เคยอยากรู้ ก็เริ่มอยากรู้ ใครที่ไม่เคยคิดไป ก็เริ่มอยากจะไปเยี่ยมเยือน
    
ทำไม




หากมอง
อย่าง “ชาวพุทธ” มองผ่านหลัก “อริยสัจ 4” ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ
   
เริ่มจาก ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
    
ก่อนอื่นต้องจับให้ได้ว่าอะไรคือตัวทุกข์ อะไรคือตัว”ปัญหา”อย่างแท้จริงของ “อุทยานราชภักดิ์”
    
คำตอบก็คือ ความเข้าใจผิดว่า “ทุจริต”

    
เพราะความอื้อฉาวของบางบุคคลจาก “ไบค์ ฟอร์ มัม” ทำให้เกิดความสงสัยต่อ “ไบค์ ฟอร์ ราชภักดิ์”
    
เพราะความอื้อฉาวของเสื้อ “ไบค์ ฟอร์ มัม” ทำให้เกิดความสงสัยต่อเสื้อ “ไบค์ ฟอร์ ราชภักดิ์” สาเหตุเพราะคนที่บริหารจัดการในเรื่องนี้เป็นบุคคลชุดเดียวกัน
    
ทำไมไม่เปิด “บัญชี” รับ จ่ายว่าเป็นอย่างไร
    
เปิดจำนวนเงินจากงบประมาณแผ่นดิน เปิดจำนวนเงินจากการบริจาค แล้วก็เปิดจะ-จะว่าใช้จ่ายไปอย่างไร
    
ให้ “ตัวเลข” เป็น “คำตอบ”

    
แต่จนบัดนี้จากเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนธันวาคม ไม่เคยมีใครได้เห็น ไม่เคยมีใครได้รู้
    
ใครสงสัยก็ส่ง “ทหาร” ไป “อารักขา”
    
ใครอยากเห็นก็ตาม “เฝ้าอารักขา” แม้กระทั่งพ่อ แม่ซึ่งไม่เกี่ยวด้วยเลยก็ถูกเรียกเข้า “ค่าย”

    
มาตรการทาง “ทหาร” แบบนี้ทำอย่างไรก็ “ไม่จบ”
    
ยิ่งทำเหมือนกับยิ่งสาด “น้ำมัน” เข้าใส่ แทนที่จะดับ “ไฟ” กลับกลายเป็น”ลุกลาม”ใหญ่โต

ประวัติกลุ่มไอซิส

Tuesday 8 December 2015 | 12:31 
Social media  
 
 
 

สำนักข่าว 4 ภาษา Thaitribune 

HOME / ต่างประเทศ / สงคราม ซีเรีย 
สงคราม ซีเรีย
ประวัติความเป็นมาของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสที่บารัค โอบามาสั่ง CIA ฝึกอาวุธให้
ประวัติความเป็นมาของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสที่บารัค โอบามาสั่ง CIA ฝึกอาวุธให้
อาบู บากร์ อัล-บักดาดี (Abu Bakr al-Baghdadi)ได้รับแต่งตั้งเป็นพระเจ้ากาหลิบของกลุ่มรัฐอิสลาม
Last updated: 7 December 2015 | 18:50
กลุ่มก่อการร้ายไอซิสที่ต้องทำความรู้จักก็เพื่อให้รู้ว่ากลุ่มนี้เป็นมาอย่างไร กลุ่มไอซิสมีหลายชื่อพัฒนากันขึ้นมาเรื่อยๆ ชื่อปัจจุบันประกอบด้วย The Islamic State of Iraq and the Levant (ISIL) หรือ the Islamic State of Iraq and Syria (ISIS) หรือ the Islamic State of Iraq and ash-Sham หรือเรียกย่อๆว่ากลุ่มรัฐอิสลาม( Islamic State)หรือไอเอส (IS) ก็เป็นคือกลุ่มเดียวกัน 

ในตะวันออกกลางและโลกอาหรับรู้จักกันในนามกลุ่มนักรบจิฮาดวาฮ์ฮาบิ/ซาลาฟี (Wahhabi/Salafi jihadist)หัวรุนแรงและโหดเหี้ยม โดยหลักแล้วกลุ่มนี้เป็นการรวมตัวกันของมุสลิมนิกายสุหนี่จากประเทศซาอุดิ อาระเบียและอิรัก ณ เดือนพฤศจิกายน 2015 กลุ่มไอซิสประกาศว่าได้ควบคุมประชากรทั้งในอิรักและซีเรียไว้ระหว่าง 2.8-5.3 ล้านคน โดยมีกลุ่มท้องที่ที่จงรักภักดีช่วยดูแล  

นอกจากนี้ยังกินแดนไปยังกลุ่มนักรบของประเทศลิเบีย,ไนจีเรียและอัฟกานิสถาน รวมทั้งขยายขอบเขตปฏิบัติการผ่านกลุ่มที่สัมพันธ์กันในอัฟริกาเหนือและเอเชียใต้   

ในภาษาอาหรับเรียกกลุ่มนี้ว่า ดาอิชหรือดาเอช(Da'ish or Daesh)อันหมายถึง ISIL

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2014 กลุ่มไอซิสได้ประกาศจัดตั้งเป็นรัฐอิสลามโดยให้มีการครอบครองไปทั่วโลกในนามของรัฐพระเจ้า(caliphate) พร้อมกับประกาศจัดตั้ง อาบู บากร์ อัล-บักดาดี (Abu Bakr al-Baghdadi)เป็นพระเจ้ากาหลิบ   ในฐานะที่เป็นรัฐของพระเจ้าจึงทำให้ศาสนา,การเมืองและการทหารมีอำนาจหน้าที่ทั้งมวลในโลกมุสลิมพร้อมกับให้ขยายขอบเขตของ 3 หน่วยงานนี้ออกไปได้ทุกพื้นที่ 

องค์การสหประชาชาติระบุว่ากลุ่ม ISIL จะต้องรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนและเป็นอาชญากรสงคราม  ขณะที่องค์กรนิรโทษกรรมสากล(Amnesty International)ระบุว่าเป็นกลุ่มพยายามที่จะลบชาติพันธุ์ของมนุษย์  นอกจานี้องค์การสหประชาชาติ,สหภาพยุโรปและอีกหลายประเทศประกอบด้วยสหรัฐ,อินเดีย,อินโดนีเซีย,อิสราเอล,ตุรกี,ซาอุดิ อาระเบีย,ซีเรีย,อิหร่านถือเป็นองค์กรการก่อการร้าย  โดยมีประมาณ 60 ประเทศเข้าร่วมกันปราบปรามกลุ่มไอซิส 

กลุ่มไอซิสพร้อมด้วยธงของกลุ่มที่ถูกระบุว่าสหรัฐ,อังกฤษและอิสราเอลสร้างขึ้นมา

---------------------------------------------------------------------------------------------------------- 

ตามประวัติเมื่อปี 1999 กลุ่มนี้ก่อตั้งโดย จามาต อัล-ทาวีด วอล-จิฮาด (Jama'at al-Tawhid wal-Jihad) ซึ่งเป็นคนหัวรุนแรงสัญชาติจอร์แดน ครั้งแรกเรียกตัวเองว่า  The Organisation of Monotheism and Jihad (JTJ)

เมื่อเดือนมีนาคม 2003 ประเทศตะวันตกเข้าทำสงครามในอิรัก ทำให้กลุ่มต้องเข้าไปช่วย  

เมื่อเดือนตุลาคม 2004 อัล-ซาร์กาวี ผู้นำกลุ่มอีกคนนำองค์กรเข้าไปสวามิภักดิ์กับ โอสมา บิล ลาเดน จากนั้นได้เปลี่ยนชื่อเป็น The Organisation of Jihad's Base in Mesopotamia หรือรู้จักกันในนามกลุ่มอัลกออิดะห์ในอิรัก ( al-Qaeda in Iraq =AQI)

เดือนตุลาคม 2006 เข้าร่วมกับกลุ่มมุสลิมนิกายสุหนี่อื่นๆจัดตั้งเป็นสภามูจาฮีดีน ชูรา (Mujahideen Shura Council) อันเป็นรูปแบบของกลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรัก(the Islamic State of Iraq =ISI)

เมื่อเกิดสงครามกลางเมืองในซีเรียเดือนมีนาคม 2011  อัล-บักดาดีได้ส่งนักรบเข้าไปยังซีเรียในเดือนสิงหาคม กลุ่มนี้เรียกตัวเองว่าแนวร่วมอัล-นุสรา (al-Nusra Front) เข้าไปร่วมกับมุสลิมนิกายสุหนี่ในซีเรียที่ครอบครองเมืองใหญ่ๆของซีเรียประกอบด้วยเมือง Al-Raqqah, Idlib, Deir ez-Zor และAleppo

ต่อมาเดือนเมษายน 2013 อัล-บักดาดี ก็ประกาศรวมกลุ่ม ISI เข้ากับกลุ่ม al-Nusra Front จากนั้นตั้งชื่อใหม่ว่ากลุ่มไอซิล(the Islamic State of Iraq and the Levant =ISIL)

อย่างไรก็ตาม อาบู มูฮัมหมัด อัล-จูลานิ(Abu Mohammad al-Julani)ผู้นำกลุ่มแนวร่วมอัล-นุสราและไอมาน อัล-ซาวาฮิรี(Ayman al-Zawahiri) ผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์ ปฏิเสธที่จะรวมกันหลังจากเกิดการต่อสู้ทางด้านอำนาจในกลุ่มตลอดมาในระยะเวลา 8 เดือน กลุ่มอัลกออิดะห์ก็ประกาศไม่ยุ่งเกี่ยวกับกลุ่มไอซิลตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2014 เป็นต้นมา เหตุเพราะความล้มเหลวทางการปรึกษาและยังดื้อแพ่งต่อกันอีก  

ในสงครามกลางเมืองซีเรียกลุ่มไอซิสออกปฏิบัติการรบด้วยการโจมตีทหารของรัฐบาลและกลุ่มกบฎต่างๆที่ต่อต้านรัฐบาล  ที่โดดเด่นก็คือการรบในอิรัก กลุ่มไอซิสสามารถโจมตีกองกำลังของทหารรัฐบาลอิรักจนเข้ายึดเมืองสำคัญๆทางตะวันตกของอิรักไว้ในครอบครอบเมื่อต้นปี 2014 

การเสียดินแดนของอิรักให้กับกลุ่มไอซิสเกือบทำให้รัฐบาลอิรักที่สหรัฐหวังไว้ว่าจะเป็นตัวอย่างของประเทศประชาธิปไตยในโลกอาหรับเกือบพังครืนลง จนสหรัฐต้องกลับลำทำสงครามป้องกันรัฐบาลอิรักอีกครั้ง  

กลุ่มไอซิสแสดงออกถึงความโหดเหี้ยมป่าเถื่อนผ่านโซเชียล มีเดีย การโพสต์ภาพตัดคอทหาร,พลเรือน,นักข่าว,กลุ่มผู้ช่วยเหลือประชาชนจากองค์การสหประชาชาติ อีกทั้งยังทำลายสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ผู้นำมุสลิมทั่วโลกประณามการกระทำของกลุ่มที่ถือว่ากระทำขัดต่อหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม  

จำนวนนักรบของกลุ่มไอซิสในซีเรียและอิรัก ทางกลุ่มอ้างว่ามีนักรบประมาณ 200,000 คน,กลุ่มจิฮาดเองประเมินว่าตัวเองมีจำนวน 100,000 คน ขณะที่ CIA ประเมินว่าน่าจะมีระหว่าง 20,000-31,000 คน        

จำนวนนักรบของกลุ่มไอซิสนอกซีเรียและอิรัก ทางกลุ่มอ้างว่ามีประมาณ 32,600-57,900ราย

 

การประเมินทั่วไปน่าจะมีระหว่าง 52,600257,900 ราย

โอบามาสั่ง CIA ให้ฝึกกลุ่มนักรบ ISIS : เปิดเผยเอกสารที่ ไม่ลับอีกต่อไป

http://thaitribune.org/contents/detail/302?content_id=14662

NSA Doc Reveals ISIS Leader Al-Baghdadi is U.S., British and Israeli Intelligence Asset !

 

https://socioecohistory.wordpress.com/2014/07/21/nsa-doc-reveals-isis-leader-al-baghdadi-is-u-s-british-and-israeli-intelligence-asset/

First posted: 7 December 2015 | 18:50

ไม่พบทบ.ขออนุญาตเรี่ยไรเงินสร้างราชภักดิ์


หลังจากมีการเปิดเผยว่า การขอเรี่ยไร (หรือรับบริจาค) ของหน่วยงานของรัฐ ในวงเงินเกินกว่า 500,000 บาท จะต้องดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2544 คือหน่วยงานของรัฐนั้นๆ จะต้องยื่นคำขอเรี่ยไรให้ “คณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ (กคร.)” พิจารณาอนุมัติ ก่อนวันเริ่มต้นเรี่ยไร

นำมาสู่คำถามที่ว่า การขอเรี่ยไรของกองทัพบก (ทบ.) เพื่อนำเงินไปใช้จัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ในพื้นที่โรงเรียนนายสิบทหารบก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องระบุว่า น่าจะใช้เงินในการจัดสร้างราว 1,000 ล้านบาท ทบ. ได้ทำการขออนุมัติจาก กคร. อย่างถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกฯ นี้ หรือไม่

581207อุทยานราชภักดิ์

ที่มาภาพ : http://www.auttayanratchapak.com/#gallery

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่าน ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า พยายามสอบถามจากผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะจาก ม.ล. ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กคร. คนปัจจุบัน ว่า ทบ. ได้ยื่นขออนุมัติเรี่ยไรเงินเพื่อนำไปใช้จัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ตามระเบียบสำนักนายกฯ ต่อ กคร. หรือไม่ และเมื่อใด แต่ปรากฎว่าไม่มีใครที่สามารถให้คำตอบได้

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ขอใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 ตรวจดูเอกสารรายงานการประชุมของ กคร. ตลอดปีงบประมาณ 2558 (ระหว่างเดือนตุลาคม 2557 – เดือนกันยายน 2558) ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก และเริ่มต้นเรี่ยไรเงินเพื่อใช้ในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์

ผลการตรวจสอบปรากฎว่า ในปีงบประมาณ 2558 มีการประชุม กคร. รวม 4 ครั้ง ได้พิจารณาคำขออนุมัติเรี่ยไร ย้อนหลังไปจนถึงปี 2556 – 2558 โดยมีหน่วยงานของรัฐยื่นคำขอเรี่ยไรทั้งสิ้น 58 คำขอ อนุมัติ 55 คำขอ และไม่อนุมัติ 3 คำขอ

แต่กลับไม่มีกรณีที่ ทบ. ขออนุมัติเรี่ยไรหรือรับบริจาค เพื่อนำเงินไปใช้ในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ตามระเบียบสำนักนายกฯ แต่อย่างใด(ดูรายชื่อหน่วยงานของรัฐ ที่ได้รับอนุมัติให้เรี่ยไรตามระเบียบสำนักนายกฯ จาก กคร. ในปีงบประมาณ 2558)คลิกที่ภาพเพื่อขยาย

ขั้นตอนการขออนุมัติเรี่ยไรเงิน

แหล่งข่าวจาก สปน. เปิดเผยว่า ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2544 และที่เกี่ยวข้อง กำหนดว่าหน่วยงานของรัฐใดจะเรี่ยไร ในวงเงินเกินกว่า 500,000 บาท จะต้องยื่นคำขอต่อ กคร. ให้พิจารณาอนุมัติ ก่อนทำการเรี่ยไรไม่น้อยกว่า 60 วัน โดยในคำขอจะต้องระบุวัตถุประสงค์ รายละเอียด วิธีการ ระยะเวลา พื้นที่ และวงเงินที่จะทำการเรี่ยไร และหาก กคร. อนุมัติ หลังทำการเรี่ยไรเสร็จสิ้น ภายใน 90 วัน จะต้องจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายเพื่อเปิดเผยต่อสาธารณชนให้ตรวจดูได้ ณ ที่ทำการของหน่วยงานของรัฐนั้นๆ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน (แต่หากเป็นการเรี่ยไรระยะยาวให้เปิดเผยทุกๆ 3 เดือน) นอกจากนี้ ยังต้องส่งบัญชีรายรับรายจ่ายดังกล่าวให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้าตรวจสอบด้วย

“หากหน่วยงานของรัฐทำการเรี่ยไร หรือพูดง่ายๆ คือรับบริจาค โดยไม่ขออนุมัติจาก กคร. นอกจากผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกลงโทษทางวินัย และอาจแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทางอาญา ตามระเบียบสำนักนายกฯดังกล่าว ข้อ 7 เม็ดเงินหรือทรัพย์สินที่ได้จากการเรี่ยไรหรือรับบริจาคนั้นยังอาจจะถูก freeze (แช่แข็ง) ไว้ก่อน โดย กคร. จะพิจารณาว่าจะสั่งจ่ายเงินดังกล่าวไปประกอบการกุศลหรือสาธารณะประโยชน์อื่นใด ซึ่งอาจเป็นไปตามวัตถุประสงค์เดิมหรือไม่ก็ได้”

โทษเรี่ยไรไม่ขออนุมัติ กคร. 2544

ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2544 ข้อ 7 ได้กำหนดโทษทั้งทางวินัยและทางอาญา แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกฯ นี้ (ซึ่งรวมถึงการเรี่ยไรหรือรับบริจาคโดยไม่ขออนุมัติจาก กคร.)

แหล่งข่าวยังกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในระเบียบสำนักนายกฯ ดังกล่าว ข้อ 19 ได้กำหนดขอยกเว้นที่ให้หน่วยงานของรัฐ สามารถเรี่ยไรหรือรับบริจาคได้โดยไม่ต้องขออนุมัติจาก กคร. ไว้ 4 กรณี

  1. กรณีที่เรี่ยไรหรือรับบริจาคในวงเงินไม่เกิน 500,000 บาท
  2. กรณีที่เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแล้ว
  3. กรณีที่จำเป็นต้องเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยพิบัติ
  4. กรณีร่วมทำบุญเนื่องในโอกาสทอดผ้าพระกฐินพระราชทาน

“ซึ่งต้องดูว่าการขอรับบริจาคตามที่กำลังเป็นข่าวอยู่ เข้าข่ายได้รับการยกเว้นไม่ต้องขออนุมัติจาก กคร. ตามขอยกเว้นใดหรือไม่” แหล่งข่าวระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงเวลาที่ผ่านมา พบว่ามีการนำเสนอวาระที่เกี่ยวข้องกับอุทยานราชภักดิ์เข้าสู่ที่ประชุม ครม. รวม 3 ครั้ง ซึ่งทุกครั้งเป็นเพียงวาระเพื่อทราบ ที่มีมติเพียง “รับทราบ” ไม่ใช่วาระเพื่อพิจารณา ที่มีมติ “เห็นชอบ” นอกจากนี้ การจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ยังไม่ใช่นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล จึงไม่น่าจะเข้าข่ายได้รับการยกเว้นไม่ต้องยื่นขออนุมัติจาก กคร. ตามระเบียบสำนักนายกฯ ดังกล่าว ข้อ 19

สำหรับมติ ครม. ที่เกี่ยวข้องกับอุทยานราชภักดิ์ ทั้ง 3 ครั้ง ประกอบด้วย

ครั้งที่ 1 – เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2558 ที่ประชุม ครม. รับทราบ ตามที่กระทรวงกลาโหม (กห.) รายงานว่าจะมีการจัดสร้างอุทยานประวัติศาสตร์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม (ชื่อเดิม ก่อนได้รับพระราชทานชื่ออุทยานราชภักดิ์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ) ในพื้นที่ของ ทบ. บริเวณฝั่งตรงข้ามสวนสนประดิพัทธ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2559 โดยแหล่งเงินจะมาจากการบริจาคทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งหากมีความจำเป็นอาจขอรับการสนับสนุนด้านงบประมาณต่อไป

ครั้งที่ 2 – เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2558 ที่ประชุม ครม. รับทราบ ตามที่ กห. รายงานความคืบหน้าการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ในพื้นที่ของ ทบ. ใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

ครั้งที่ 3 – เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2558 ที่ประชุม ครม. รับทราบ ตามที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการเพิ่มเติมให้ ทบ. เป็นหน่วยงานหลักในการจัดให้มีคณะทำงานดูแลการบริหารจัดการอุทยานราชภักดิ์ โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นมูลนิธิหรือกลไกในรูปแบบใด เพราะมีเงินที่มาจากการรับบริจาคจากภาคเอกชนและประชาชนผู้มีจิตศรัทธาเป็นจำนวนมาก

เหตุแห่งความบานปมราชภักดิ์

เรื่องหาประโยชน์ในราชภักดิ์ บานตะเกียงอย่างที่หลายฝายคาด มีพวกมั่วนิ่มผสมโรงจะเอาเป็นเรื่องล้มรัฐบาล..
มาท้าวความที่มาที่ไป เรื่อวหาประโยชน์ในราชภักดิ์ ไม่ได้เป็นข่าวพาดหัวไม้ในสื่อกระแสหลักมาก่อน แต่เป็นข่าวที่เขียนกันในหน้าเฟส หลังจากมีการตรวจสอบข่าวพูดคุยกับเจ้าของโรงหล่อ สื่อกระแสหลักที่เล่นมีฉบับเดียวเป็นข่าวอินไซด์มาจากบางกอกโพสต์  ทำให้กองทัพเร่ิมสนใจ จากนั้นในหน้าเฟสก็มีข้อมูลมาขยายเพิ่ม ..เป็นข่าวก่อนหน้าเหตุการณ์ที่หมอหยองจะถูกจับเมื่อคืนวันที่16 ตุลาคม ตามมาด้วยการเสียชีวิตของพล.ต.พิสิฐศักดิ์  และสารวัตรเอี๊ยด แล้วก็หมอหยอง และการเดินทางออกนอกประเทศของเสธโจ้ พ.อ.คชาชาติ ตามมาด้วยการหายตัวไป ที่หลายคนสงสัยว่าอาจไปไหนๆแล้ว  ทั้งหมดโดนข้อหา112  
หลังถูกจับเจ้าของโรงหล่อออกมาให้ข่าวเรื่องการหล่อพระบรมรูปนุสาวรีย์ บอกมีการมาเชื่อมต่อของเซียนพระคนดัง ที่ใก้ลชิดกับทหารใหญ่ทำงานในมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ผ่านนายทหารฝ่ายประสานงานหลายคน รวมถึงเสธโจ้ และ ผู้การโต ที่เป็นเลขานุการมุลนิธิ เลยมีการเอามาโยงปะติดปะต่อกัน  
ทั้งหมดถูกมองว่าเป็นเรื่องของการประโยชน์จากการหล่อพระบรมรูป ซึ่ง รมช.กลาโหม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ประธานมูลนิธิ  ก็ออกมายอมรับว่ามีการหาประโยชน์จริง แต่ได้เคลียร์กันไปหมดแล้ว เอาเงินที่หาประโยชน์มาใส่ในกองทุน..  
ต้นเรื่องก็มีอย่างที่ลำดับมา ไม่เคยพูดในส่วนของกองทัพบก เพราะเงินคนละส่วนกัน มูลนิธิรับผิดชอบในการหล่อยพระบรมรูป อาจมีค่าคอมมิชชั่นอย่างที่รับรู้กัน ร้อยละสิบ ของยอดหล่อพระบรมรูปทั้งหมด 350 ล้านบาทประมาณ ร้อยละสิบก็ตกสามสิบกว่าล้าน กระจายกันไปหลายทาง คนที่น่าจะรู่เรื่องนี้ดีที่สุดคือเซียนพระคนดังที่หายไปแล้ว... เรื่องก็มีเท่านี้แต่ฝ่ายการเมืองจากเพื่อไทยกระโจนใส่ หวังใช้เป็นเงื่อนไขล้มรัฐบาล บอกร้ายแรงพอๆกับโครงการรับจำนำข้าว  โอแม่เจ้าว้อย นายกต้องรับผิดชอบ ขยายความจนกลายเป็นเรื่องทุจริตในส่วนของกองทัพ   
ข่าวที่เขียนกันช่วงแรกในหน้าออนไลน์เป็นเรื่องของมูลนิธิที่ พล.ท.อุดมเดช รับผิดชอบ  ไม่ได้เกีียวกับกองทัพ.. มีเท่านี้จริงๆแม่ทูนหัว 
ตอนนี้บานตะเกียงกลายเป็นประเด็นการเมืองมาล้มรัฐบาล...
จาล้มได้หรา..ต่อห้าลูกควบ ใครลองมาหลังไมค์

ที่มา:Fb พี่เป๊บซี่

เหตุแห่งความบานปมราชภักดิ์

เรื่องหาประโยชน์ในราชภักดิ์ บานตะเกียงอย่างที่หลายฝายคาด มีพวกมั่วนิ่มผสมโรงจะเอาเป็นเรื่องล้มรัฐบาล..
มาท้าวความที่มาที่ไป เรื่อวหาประโยชน์ในราชภักดิ์ ไม่ได้เป็นข่าวพาดหัวไม้ในสื่อกระแสหลักมาก่อน แต่เป็นข่าวที่เขียนกันในหน้าเฟส หลังจากมีการตรวจสอบข่าวพูดคุยกับเจ้าของโรงหล่อ สื่อกระแสหลักที่เล่นมีฉบับเดียวเป็นข่าวอินไซด์มาจากบางกอกโพสต์  ทำให้กองทัพเร่ิมสนใจ จากนั้นในหน้าเฟสก็มีข้อมูลมาขยายเพิ่ม ..เป็นข่าวก่อนหน้าเหตุการณ์ที่หมอหยองจะถูกจับเมื่อคืนวันที่16 ตุลาคม ตามมาด้วยการเสียชีวิตของพล.ต.พิสิฐศักดิ์  และสารวัตรเอี๊ยด แล้วก็หมอหยอง และการเดินทางออกนอกประเทศของเสธโจ้ พ.อ.คชาชาติ ตามมาด้วยการหายตัวไป ที่หลายคนสงสัยว่าอาจไปไหนๆแล้ว  ทั้งหมดโดนข้อหา112  
หลังถูกจับเจ้าของโรงหล่อออกมาให้ข่าวเรื่องการหล่อพระบรมรูปนุสาวรีย์ บอกมีการมาเชื่อมต่อของเซียนพระคนดัง ที่ใก้ลชิดกับทหารใหญ่ทำงานในมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ผ่านนายทหารฝ่ายประสานงานหลายคน รวมถึงเสธโจ้ และ ผู้การโต ที่เป็นเลขานุการมุลนิธิ เลยมีการเอามาโยงปะติดปะต่อกัน  
ทั้งหมดถูกมองว่าเป็นเรื่องของการประโยชน์จากการหล่อพระบรมรูป ซึ่ง รมช.กลาโหม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ประธานมูลนิธิ  ก็ออกมายอมรับว่ามีการหาประโยชน์จริง แต่ได้เคลียร์กันไปหมดแล้ว เอาเงินที่หาประโยชน์มาใส่ในกองทุน..  
ต้นเรื่องก็มีอย่างที่ลำดับมา ไม่เคยพูดในส่วนของกองทัพบก เพราะเงินคนละส่วนกัน มูลนิธิรับผิดชอบในการหล่อยพระบรมรูป อาจมีค่าคอมมิชชั่นอย่างที่รับรู้กัน ร้อยละสิบ ของยอดหล่อพระบรมรูปทั้งหมด 350 ล้านบาทประมาณ ร้อยละสิบก็ตกสามสิบกว่าล้าน กระจายกันไปหลายทาง คนที่น่าจะรู่เรื่องนี้ดีที่สุดคือเซียนพระคนดังที่หายไปแล้ว... เรื่องก็มีเท่านี้แต่ฝ่ายการเมืองจากเพื่อไทยกระโจนใส่ หวังใช้เป็นเงื่อนไขล้มรัฐบาล บอกร้ายแรงพอๆกับโครงการรับจำนำข้าว  โอแม่เจ้าว้อย นายกต้องรับผิดชอบ ขยายความจนกลายเป็นเรื่องทุจริตในส่วนของกองทัพ   
ข่าวที่เขียนกันช่วงแรกในหน้าออนไลน์เป็นเรื่องของมูลนิธิที่ พล.ท.อุดมเดช รับผิดชอบ  ไม่ได้เกีียวกับกองทัพ.. มีเท่านี้จริงๆแม่ทูนหัว 
ตอนนี้บานตะเกียงกลายเป็นประเด็นการเมืองมาล้มรัฐบาล...
จาล้มได้หรา..ต่อห้าลูกควบ ใครลองมาหลังไมค์

ที่มา:Fb พี่เป๊บซี่

รัสเซียประณามกำลังทางอากาศสหรัฐยิงถล่มกำลังซีเรีย

กองกำลังร่วมที่นำโดยอเมริกาได้ทิ้งระเบิดลงฐานของทหารซีเรีย ที่จังหวัด  Deir ez Zor  มีทหารซีเรียตายไป 4 นาย รถถังพัง 2 คัน บาดเจ็บ 13 นาย  หลังจากที่อเมริกาถล่มเสร็จแล้วนั้นมีการยืนยันว่ากองกำลังไอซิสก็เข้าตีตลบหลังยึดพื้นที่ฐานกองกำลังทหารอิรักไปแบบสบายๆในข่าวตบท้ายดังนี้ครับ
It has been confirmed that ISIS immediately attacked Ayash military base immediately following the airstrikes.
 
  
ข่าวนี้ยืนยันตรงกันจากสองแหล่งคือสำนักข่าวอัลมาสดาร์ และสำนักข่าวรัสเซียไทม์ ลงสกู๊ปข่าวเมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว  และต่อมารัฐบาลซีเรียออกมายืนยันตัวเลขความเสียหาย โดยให้ข้อมูลว่ามีการยิงจรวดมิซายจากเครื่องบินรบของกองกำลังร่วมสหรัฐฯ เข้าทำลายถึง 9 ลูก ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการโจมตีทหารของซีเรียโดยกองกำลังอเมริกา รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของซีเรียมีการทำหนังสือประท้วงไปยังเลขาธิการกองกำลังร่วมสหรัฐฯ ในทันที เรื่องนี้สำนักข่าวรัสเซียไทม์ ได้ลงข้อความในแถลงการณ์ว่า 
ซีเรียขอประนามอย่างรุนแรงในการกระทำที่โหดร้ายโดยกองกำลังร่วมที่นำโดยสหรัฐฯ ที่ระเมิดกฎบัติสหประชาชาติ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศจะส่งจดหมายไปยังเลขาธิการกองกำลังร่วมสหรัฐฯ และสำนักงานเลขาธิการสหประชาชาติ 
“Syria strongly condemns the act of aggression by the US-led coalition that contradicts the UN Charter on goals and principles. The Ministry of Foreign Affairs has sent letters to the UN Secretary General and the UN Security Council,” 
  
  
แต่ทันทีที่รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศซีเรียออกแถลงการณ์  กองกำลังร่วมอเมริกาก็ออกมาปฎิเสธทันทีว่า ไม่ได้ทำ ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น แต่ยอมรับว่ามีการทิ้งระเบิดจริงแต่อยู่ห่างออกไป 55 กิโลเมตร โดยโฆษกกองกำลังร่วม ร้อยเอกสตีฟ วอร์เรน ได้พูดว่า เราเห็นรายงานของทางซีเรียแล้ว  เราไม่ได้ทำการโจมตีดังกล่าว ซึ่งเราไม่เห็นหลักฐานอะไรทั้งสิ้น
 “We’ve seen those Syrian reports but we did not conduct any strikes in that part of Deir Ezzor yesterday. So we see no evidence,” coalition spokesman Colonel Steve Warren said.
  
  
การที่กองกำลังร่วมสหรัฐฯเข้ามาโจมตีในซีเรียนั้นเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และไม่เคยได้รับอนุญาตจาก ปธน.อัสซาด ให้เข้ามาในน่านฟ้าของซีเรียแต่อย่างไร ซึ่งต่อมาอังกฤษก็เข้ามาร่วมการโจมตีทางอากาศด้วยซึ่ง ปธน.ของซีเรียเองก็ออกมาคัดค้านว่าผิดกฎหมายของทั้งรัฐบาลซีเรียและสหประชาชาติก็ไม่เคยอนุญาตให้อังกฤษมาทิ้งระเบิดในดินแดนของซีเรียได้  ปธน.อัสซาดได้กล่าว่า มันทั้งอันตราย(ต่อประชาชน)และผิดกฎหมาย ทั้งยังไปสนับสนุนให้พวกผู้ก่อการร้ายเหมือนกับมะเร็งร้ายดังเช่นที่เกิดขึ้นหลังจากที่มีการร่วมปฎิบัติการมาแล้วหนึ่งปี 
“It will be harmful and illegal and it will support terrorism, as happened after the coalition started its operation a year or so [ago], because this is like a cancer,” Assad said.
 
 ***********************************************************************

หน้าด้านอิ๊บอ๋าย ทั้งอเมริกาและอังกฤษ เขาไม่ได้เชิญแต่เสือกมาทิ้งระเบิด ผมสรุปสั้นๆ จากที่ ปทธ.อัสซาดพูด 
หน้าด้านอิ๊บอ๋าย อเมริกาทิ้งระเบิดเขาจนวอดไปทั้งฐานทัพ แล้วบอกว่าเปล่าทำ ผมสรุปที่ รมต.ต่างประเทศพูด
 
เครดิตภาพ รัสเซียทูเดย์