PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ทหารกับราชภักดิ์

http://www.matichon.co.th/online/2015/12/14495345291449543981l.jpg

“การทหาร” ดับ “ราชภักดิ์”

เท่ากับสาด”น้ำมัน”เข้า”กองไฟ”

ทั้งๆที่โครงการ “อุทยานราชภักดิ์” เริ่มด้วยเป้าหมายทาง “การเมือง” แต่เมื่อเกิดปัญหาเกิด “ความเข้าใจ” ที่คลาดเคลื่อน
    
แทนที่จะใช้มาตรการทาง “การเมือง” มาแก้
    
กลับเลือกเอามาตรการทาง “การทหาร” มาเป็น “อาวุธ” มาเป็น “เครื่องมือ”จึงแทนที่จะเป็นการ “คลี่คลาย” เป็นการแก้ “ปัญหา”

    
กลับกลายเป็นการ “สร้าง” ปัญหา ทำให้เรื่องง่ายๆกลายสภาพเป็นเหมือนกับที่ชาวบ้านเรียกว่า“ลิงแก้แห”
    
เรื่องเล็กๆกลายเป็นเรื่องใหญ่ๆ เรื่องเงียบๆกลายเป็นเรื่องอึกทึกครึกโครม
    
เท่ากับเป็นการ”เชิญแขก”เข้ามารุมล้อม เข้ามาสนใจ

    
ใครที่ไม่เคยอยากรู้ ก็เริ่มอยากรู้ ใครที่ไม่เคยคิดไป ก็เริ่มอยากจะไปเยี่ยมเยือน
    
ทำไม




หากมอง
อย่าง “ชาวพุทธ” มองผ่านหลัก “อริยสัจ 4” ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ
   
เริ่มจาก ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
    
ก่อนอื่นต้องจับให้ได้ว่าอะไรคือตัวทุกข์ อะไรคือตัว”ปัญหา”อย่างแท้จริงของ “อุทยานราชภักดิ์”
    
คำตอบก็คือ ความเข้าใจผิดว่า “ทุจริต”

    
เพราะความอื้อฉาวของบางบุคคลจาก “ไบค์ ฟอร์ มัม” ทำให้เกิดความสงสัยต่อ “ไบค์ ฟอร์ ราชภักดิ์”
    
เพราะความอื้อฉาวของเสื้อ “ไบค์ ฟอร์ มัม” ทำให้เกิดความสงสัยต่อเสื้อ “ไบค์ ฟอร์ ราชภักดิ์” สาเหตุเพราะคนที่บริหารจัดการในเรื่องนี้เป็นบุคคลชุดเดียวกัน
    
ทำไมไม่เปิด “บัญชี” รับ จ่ายว่าเป็นอย่างไร
    
เปิดจำนวนเงินจากงบประมาณแผ่นดิน เปิดจำนวนเงินจากการบริจาค แล้วก็เปิดจะ-จะว่าใช้จ่ายไปอย่างไร
    
ให้ “ตัวเลข” เป็น “คำตอบ”

    
แต่จนบัดนี้จากเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนธันวาคม ไม่เคยมีใครได้เห็น ไม่เคยมีใครได้รู้
    
ใครสงสัยก็ส่ง “ทหาร” ไป “อารักขา”
    
ใครอยากเห็นก็ตาม “เฝ้าอารักขา” แม้กระทั่งพ่อ แม่ซึ่งไม่เกี่ยวด้วยเลยก็ถูกเรียกเข้า “ค่าย”

    
มาตรการทาง “ทหาร” แบบนี้ทำอย่างไรก็ “ไม่จบ”
    
ยิ่งทำเหมือนกับยิ่งสาด “น้ำมัน” เข้าใส่ แทนที่จะดับ “ไฟ” กลับกลายเป็น”ลุกลาม”ใหญ่โต

ไม่มีความคิดเห็น: