PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2560

‘มาร์ค’ เตือน เมื่อประเทศเข้าสู่เลือกตั้ง การฝืนคนส่วนใหญ่เป็นเรื่องอันตราย

‘มาร์ค’ เตือน เมื่อประเทศเข้าสู่เลือกตั้ง การฝืนคนส่วนใหญ่เป็นเรื่องอันตราย



-
“มาร์ค” ชี้ “บิ๊กตู่” ลงสมัคร ส.ส.ไม่ได้ เว้นแต่พรรคการเมืองจะเสนอชื่อเป็นนายกฯคนนอก ระบุ หลายฝ่ายกังวงปมยุทธศาสตร์ชาติ ย้ำ ประเทศต้องเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวว่า ยอมรับว่าหลายคนก็กังวลใจกรณีที่ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ (กปปส.) ออกมาเปิดเผยว่าไม่ได้ปิดทางที่จะจัดตั้งพรรคการเมือง ซึ่งที่ตนพูดไปก็ได้ฟังจากคำสัมภาษณ์ของนายสุเทพ ทั้งนี้ ก็เป็นสิทธิของแต่ละคนที่จะคิดแบบนั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดาของวิถีทางทางการเมือง ตอนนี้สมาชิก กปปส.ทุกคนที่กลับเข้ามาพรรคปชป. เขาก็แสดงความจำนงค์ว่าต้องการจะอยู่กับพรรค และยังทำงานได้อย่างเรียบร้อย ไม่ได้มีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตาม นายสุเทพและกลุ่ม กปปส.ได้แสดงจุดยืนให้หนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ หลังจากการเลือกตั้ง ตรงนี้ตนมองว่าแต่ละคนมีจุดยืนได้ สำหรับพรรค ปชป.ก็มีจุดยืนในเรื่องของทิศทางประเทศเป็นสำคัญ และก็จะทำชุดนโยบาย ตอบโจทย์ปัญหาของประชาชน ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งการจะทำก็ต้องมีการเลือกตั้งก่อน

เมื่อถามว่า ทิศทางการนำประเทศของพล.อ.ประยุทธ์ เป็นความต้องการของประชาชนจริงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์จะมีบทบาท มีส่วนร่วมในกระบวนการการเลือกตั้งอย่างไร เพราะว่าพล.อ.ประยุทธ์ สมัครลงเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ได้ ตนก็ไม่ทราบว่าท่านจะยินยอมให้พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ที่ผ่านมาตนเรียกร้องมาโดยตลอดว่าจะให้ ส.ส.รวบรวมเสียงข้างมาก เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีก่อน เพราะว่าเราต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชนที่เลือก ส.ส.เข้ามา

เมื่อถามถึงกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โพสต์บทความทางเฟซบุ๊ก แสดงความเห็นกรณียุทธศาสตร์ชาติ จากยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศถึง อาจจะทำให้เกิด “คณะโปลิตบูโร” ขึ้นได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ก็มีความกังวลในเรื่องยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปแต่ว่า เราก็ยังไม่เห็นเนื้อหาสาระการทำงานของคนกลุ่มนี้ ตนมองว่ารัฐบาลที่เข้ามาทำงานถ้ามีเหตุผลที่ชัดเจนว่า นำพาทิศทางประเทศไปทางไหน ก็จะต้องใช้เวลาและสามารถทำให้ผู้ที่ทำงานในด้านที่เกี่ยวข้องนั้นเห็นความจำเป็นและยอมรับในทิศทางที่วางไว้ได้ ซึ่งนี่เป็นขั้นตอนยุ่งยากขึ้นมาอีก แต่ตนเชื่อว่าคงไม่เกินกำลังของผู้ที่เข้ามาบริหารจัดการที่จะเข้ามาดูแลตรงนี้
“ผมขอย้ำว่าเมื่อประเทศเข้าสู่การเลือกตั้ง การไปฝืนความต้องการของคนส่วนใหญ่นั้นเป็นสิ่งที่อันตรายมาก เรามองเฉพาะในแง่ของตัวบทกฎหมายอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องมองเจตนารมณ์ของคนส่วนใหญ่ของประเทศด้วย ส่วนคนส่วนใหญ่มองอย่างไรนั้น เขาจะให้คำตอบตอนการเลือกตั้ง เราจะไปสันนิษฐานเอาเองนั้นไม่ได้ ผมถึงบอกว่า การออกมาพูดว่าจะจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเป็นแบบนั้น แบบนี้ ให้คนนั้นเป็นนั้น คนนี้เป็นนี้ มันเหมือนกับไม่ให้เกียรติประชาชน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าว่าเป็นการยากที่จะมาเจาะจงว่าจะไปเลือกตั้งเดือนไหน เพราะมีขั้นตอนที่มีความยืดหยุ่นอยู่ แต่ตนก็ต้องเรียกร้องไปยังผู้มีอำนาจว่า ขอให้เขาเดินตามโรดแมป ทำกฎหมายให้เรียบร้อย เพื่อเข้าสู่กระบวนการการเลือกตั้ง การที่เราไปคาดคั้นจะทำให้เกิดความขัดแย้งกัน ตนไม่อยากจะเห็นความหวาดระแวงว่ามีความจงใจที่จะไม่ผ่านกฎหมายเพื่อยืดเวลาออกไป ถ้าทำแบบนั้นถือว่าไม่เป็นผลดี ตนเห็นว่าทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้แสดงความชัดเจนออกมาแล้วว่าต้องการที่ให้ผ่านพ้นช่วงของงานพระราชพิธีไปก่อน ทั้งนี้ ยืนยันว่าการผ่อนคลายให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมที่ไม่ไปกระทบต่อความสงบเรียบร้อย ความมั่นคง ไม่มีการปลุกระดมมวลชน คสช.ก็น่าจะเปิดโอกาสให้ทำได้เพื่อให้พรรคการเมืองได้ปรับปรุงองค์กร เดินหน้าไปตามเจตนาของกฎหมาย

"บิ๊กตู่" ป้อง "บิ๊กป๊อก" ท่านก็ไม่รู้เรื่อง ยันไม่รู้ เครือกระทิงแดง ได้เช่าป่าห้วยเม็ก

"บิ๊กตู่" ป้อง "บิ๊กป๊อก" ท่านก็ไม่รู้เรื่อง ยันไม่รู้ เครือกระทิงแดง ได้เช่าป่าห้วยเม็ก จ.ขอนแก่น โยน ท้องถิ่น อำเภอ และผู้ว่าฯเสนอขึ้นมา มท. สั่งตรวจสอบ อยู่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงมหาดไทย อนุมัติให้บริษัทในเครือกระทิงแดง เช่าพื้นที่ป่าชุมชนห้วยเม็ก จ.ขอนแก่น ว่า ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าเป็นบริษัทเครือกระทิงแดง
"ผมถาม พล.อ.อนุพงษ์ รมว.มหาดไทย ก็ไม่รู้เรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องการทำงานปกติ เริ่มมาจากท้องถิ่น อำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัด เขาเสนอขึ้นมา เพื่อขอใช้พื้นที่
ขณะนี้กำลังสอบสวนข้อเท็จจริงว่าไม่มีข้อมูลแนบท้ายมาให้พิจารณาว่า กรณีดังกล่าวมีปัญหาหรือไม่ และไม่รู้ว่าเป็นลูกหลานใคร ฉะนั้นอย่าเอามาเป็นประเด็นเกี่ยวข้องกัน กระทรวงมหาดไทยกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีชาวบ้านแจ้งว่ามีการสวมชื่อในกระบวนการจัดทำประชาพิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีกี่คนที่ร้องเรียนมา และทำประชาพิจารณ์เท่าไร16ล้านกว่าเสียง จะร้องเรียนกี่คนเดี๋ยวกระทรวงมหาดไทยเขาตรวจสอบอยู่
"แต่ไม่ใช่ว่ามีข่าวอย่างนี้มา แล้วทั้งหมดจะล้มเหลว ประชาพิจารณ์ ไม่ถูกต้อง. ทำงานอย่างนี้ก็ตายเหมือนกัน ก็ต้องไปดูใครผิดใครถูก ถ้ามันผิดจริงก็ตัดคนเหล่านี้ออกไป ไม่ใช่ว่าถูกสวมสิทธิทั้งหมดเสียเมื่อไร คิดแบบนี้ ไม่เช่นนั้นทำงานไม่ได้"

"บิ๊กตู่" ยัน ไม่ได้เล่นเกม เลื่อนโรดแมพ ดึงกม.ลูก ลั่น ผมไม่ใช่จำเลย รู้แก่ใจดีว่าผมทำอะไร



"บิ๊กตู่" ยัน ไม่ได้เล่นเกม เลื่อนโรดแมพ ดึงกม.ลูก ลั่น ผมไม่ใช่จำเลย รู้แก่ใจดีว่าผมทำอะไร
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.กล่าวถึงความคืบหน้าการนำร่างพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองขึ้นทูลเกล้าฯว่า มี 2 ฉบับที่ทูลเกล้าฯเรียบร้อยแล้ว คือร่างพ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้งและร่างพรบ.พรรคการเมือง
ส่วน อีก 2 ฉบับที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และที่มาส.ว.-ส.ส.ยังร่างกันอยู่ไม่เสร็จ หลายคนไปพูดว่าผมจะดึง ดึงได้ยังไง ถ้าไม่เสร็จก็แสดงว่ามีปัญหาอยู่แล้ว ทำไมจะต้องเร่งเรื่องที่มีปัญหาให้เสร็จเร็ว ๆ จะไปทำในสิ่งที่มันจะต้องยั่งยืนสถาพร กรอบเวลาของมันยังมีชัดเจนซึ่งยังอยู่ในกรอบเวลาทั้งหมด
ดังนั้นผมดึงไม่ได้อยู่แล้ว ก็เห็นอยู่ว่ามีพิจารณาในคณะกรรมาธิการ 3 คณะ มีข้อโต้แย้ง ข้อสังเกตุมากมาย ต้องปรับแก้กันไปมาก็แล้วแต่ ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอยู่แล้ว
"อย่ามากังวลกับผมมาก หลายคนกังวล จบเรื่องโน้นไปเรื่องนี้ ท้ายสุดมีปัญหาเรื่องของใคร ก็กลับมาหาผม ก็เป็นอย่างนี้ เพราะมันต้องหาจำเลยสักคน ผมไม่ใช่จำเลยใครทั้งสิ้นเพราะยังไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ถูกต้องตามขั้นตอนโรดแม็พของผมเลย ใครจะมองยังไงก็แล้วแต่ เพราะผมรู้แก่ใจตัวของตนเอง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องที่ข้องใจเดือดร้อนใจคือการที่ประชาชนบอกหาเงินได้ยากขึ้น ผมก็ต้องมาดูก็ไม่ได้หมายความว่าที่ผ่านมันทุจริตทั้งหมด
แต่เงินส่วนหนึ่งมาจากตรงนี้พอเราเข้มงวดขึ้นก็หาเงินยากขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งเราต้องหาอะไรมาทดแทนให้เรื่องใครจะผิดจะถูกก็ไปว่ากันมารัฐบาลทำทุกอย่างมีทั้งโครงการด้านเกษตรและเศรษฐกิจออกมาเยอะแยะ พวกเราไม่ได้สนใจตรงนี้ สนใจแต่ว่าได้เงินไม่ได้เงินต้องมาแยกด้วยว่าใครไม่ได้เงินเพราะอะไร อยู่ในวงจรที่มีปรับปรุงหรือยัง ถ้าไม่อยู่หรืออยู่เฉย ๆ มันย่อมไม่ได้เงินแน่นอน และช่องทางที่มีหลายทางที่มีอยู่จะผิดหรือถูกหรือไม่มันหายไปเหลือแต่ช่องทางที่ถูกต้องมันก็ยาก แต่ต่อไปถ้าเราเพิ่มเรื่องการลงทุนทั้งในและต่างประเทศก็จะดีขึ้นเอง

"ผมอาจจะไม่ใช่ นายกรัฐมนตรีที่น่ารักที่สุด ...แต่..."

"ผมอาจจะไม่ใช่ นายกรัฐมนตรีที่น่ารักที่สุด ...แต่..."
"นายกฯบิ๊กตู่"มาแนวอ้อน ขอความเห็นใจ เอ่ยปากขอโทษ ที่หงุดหงิด ยอมรับไมใข่นายกฯที่น่ารักสุด แต่ทุกคนน่าจะพอใจผม เพราะผมตอบคำถามทุกเรื่อง ถามหรือจะเอาแบบไม่พูดอะไรเลย เดินไปยิ้มอย่างเดียว ติงสื่อ การเขียนให้มันส์ ทำให้บ้านเมืองมันปั่นป่วน
ระบุ "ผมฟังมากกว่ารัฐบาลอื่น ๆอย่ามาถามในเรื่องไม่เป็นเรื่อง บางทีผมก็หงุดหงิด ก็ขอโทษก็แล้วกัน"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "วันนี้ตั้งแต่เช้าพูดจนเหนื่อย เสาร์-อาทิตย์ก็คิดแต่เรื่องพวกนี้ เรื่องอะไรที่เป็นปัญหาต้องแก้ ใครว่าอย่างไร สื่อว่าอย่างไร ผมก็เก็บมาหมด
ผมว่าผมฟังมากกว่ารัฐบาลอื่น ๆ มันถึงมีเรื่องทำเยอะไม่จบสักที บางเรื่องควรจะจบก็ไม่จบอีก ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเขา
เอาล่ะผมไม่โทษใคร ท้ายสุดโทษตัวเองมากกว่าที่เข้ามาทำก็ต้องทำอย่างไรก็ต้องทำ อะไรที่จะทำให้เกิดผลกระทบการลงทุนการค้าอย่าเพิ่งเลย เฉพาะไอ้พวกที่พูดก็เยอะพออยู่แล้ว ฟังเขาทำไมแล้วก็มาตีผม มาถามผม ผมก็โมโหจนได้แหละ ก็ผมไม่ได้ทำอย่างที่เขาว่า อย่ามาถามในเรื่องไม่เป็นเรื่อง บางทีผมก็หงุดหงิด ก็ขอโทษก็แล้วกัน"
"ผมอาจจะไม่ใช่นายกรัฐมนตรีที่น่ารักที่สุด แต่ทุกคนน่าจะพอใจผม เพราะผมตอบคำถามทุกเรื่อง ตอบดีบ้างไม่ดีบ้างก็เห็นใจผมบ้างหรือจะเอาแบบไม่พูดอะไรเลย เดินไปยิ้มอย่างเดียว ไม่ว่าใครเขาเลยเอาอย่างนั้นก็ได้
วันหน้าผมก็เดินยิ้มเผล่ อารมณ์ดีตลอดเอาไหมล่ะ มันก็ไม่มันส์
แต่อย่าลืมว่าการเขียนให้มันส์ทำให้บ้านเมืองมันปั่นป่วน แล้วที่ผมพูดทั้งหมดจะเกิดไม่ได้เลยเพราะความวุ่นวายสับสนทางการเมือง ความไม่มีเสถียรภาพความมั่นคง มันคือผลกระทบของทั้งโลก วันนี้เราควรกำหนดบทบาทตัวเองว่าจะอยู่ตรงไหน บางอย่างตอบแรงพูดแรงไปก็ไม่ได้ แต่เราต้องทำโดยพูดน้อยลงเพราะมันเสียผลประโยชน์ของชาติ"

"แม่ทัพแดง" ขอเวลา หน่วยข่าวกรอง ตรวจสอบ เส้นทาง"ยิ่งลักษณ์"หนี

"แม่ทัพแดง" ขอเวลา หน่วยข่าวกรอง ตรวจสอบ เส้นทาง"ยิ่งลักษณ์"หนี ปัดตอบ ใครช่วยหนี ยัน ไม่อยากจับ "แพะ แกะ" เชื่ออีกไม่นาน รู้แน่
‪"บิ๊กแดง" แม่ทัพภาค1 เผย กกล.บูรพา รายงานข้อมูลที่มีหมดแล้ว ไม่พบ"ยิ่งลักษณ์"หนีออกด่านไหน ตอนนี้ ข้อมูลของหน่วยความมั่นคงต่างๆ ก็มีเท่าที่ออกข่าว มา แต่สื่ออย่าเพิ่งไปสรุป แต่ตัองขอเวลาให้หน่วยข่าวกรอง ต่างๆ ประมวล ขัอมูลให้ชัดเจนก่อน ปัดตอบ จนท.ช่วยหนี หรือไม่ ชี้จนท.ตำรวจ รอบคอบมากขึ้นในการสอบสวน ตรวจสอบ เพราะไม่อยากถูกวิจารณ์ว่าจับแพะ จับแกะ‬ อีก
พลโทอภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาค1 กล่าวว่า. ทั้ง รมว.กลาโหมและ ผบ.ทบ. และตำรวจ ได้ให้ข้อมูลไปแล้ว
ส่วนการที่ไม่พบภาพ รถ ที่เชื่อว่า นส.ยิ่งลักษณ์ นั่งมา ออกด่านไปสันนิษฐานได้ว่าอย่างไร เปลี่ยนรถหรือไม่ พลโทอภิรัชต์ กล่าวว่า เป็นไปตามที่ พลเอกประวิตร และตำรวจ ได้ชี้แจงไปก่อนหน้านี้
"ตอนนี้ ข้อมูลของตำรวจ หน่วยข่าวกรอง แหล่งข่าวก็มาจากหลายหน่วยงาน รายงาน ขัอมูลเข้ามา จากนั้นข่าวกรองมาประมวล ประเมิน ความเป็นไปได้
ไม่ใช่ตามที่สื่อมวลชน ได้แหล่งข่าวมา แล้ว วิเคราะห์ตีความกันเอง แต่ตัองมีการรวบรวมข่าวสาร มาปฏิบัติการด้านข่าวกรอง ของหน่วยข่าวกรองทางทหาร และหน่วยความมั่นคง ทุกฝ่าย เอาข่าวมาปีะมวลเพราะบางอย่สงยังไม่ชัดเจน
ขอเวลาให้ จนท ได้เก็บหลักฐาน เก็บขัอมูล เพื่มเติมให้ชัดเจนก่อน จะได้เข้าใจการทำงานของรัฐบาล มากขึ้น โดยเฉพาะตำรวจ มีความรอบคอบมากขึ้น
"ไม่ใช่ไปรีบจับใครมา แล้วถูกกล่าวหาว่า จับแพะ จับแกะ ซึ่งมันไม่ใช่. ขอให้ใจเย็นๆ เมื่อมีข้อมูลชัดเจน เขื่อว่าอีกไม่นาน คงจะสรุปได้ แล้วเราจะแจ้งให้ทราบ"

ฐานเสียง คะแนน เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ปัจจัย ‘เลือกตั้ง’

ฐานเสียง คะแนน เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ปัจจัย ‘เลือกตั้ง’



ความเชื่อที่ว่าหลังการหายตัวไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่ภายในพรรคเพื่อไทย

เป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ “ถดถอย”

ความเชื่อนี้ไม่เพียงแต่ในหมู่ปัญญาชน นักวิชาการส่วนหนึ่งที่เอนเอียงไปทางพรรคเพื่อไทย เอนเอียงไปทาง นปช.คนเสื้อแดงเท่านั้นที่เชื่อ

พรรคประชาธิปัตย์ก็เชื่อ

นั่นก็เห็นได้จากการเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การออกโรงของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

อาจเพราะได้ “อภินิหาร” ในทาง “กฎหมาย”

ถึงกับแสดงออกในเชิงผ่อนปรนทางการเมืองไม่เพียงแต่ต่อ คสช. หากพร้อมที่จะยอมรับท่าทีใหม่อันมาจากพรรคเพื่อไทยอีกด้วย

มีแต่คนที่เหนือกว่าเท่านั้นที่คิดแบบนี้

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่ารัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่ารัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์แตกต่างไปจากพรรคเพื่อไทย

พรรคเพื่อไทยนั้น คัดค้าน ต่อต้าน อย่างแข็งกร้าว

พรรคประชาธิปัตย์มีบทบาท พรรคร่วม” ด้วยในระดับที่แน่นอน อาจคลุมเครือเมื่อปี 2549 แต่แจ่มชัดอย่างเห็นเป็นรูปธรรมในปี 2557

นั่นเพราะถือว่าฝ่ายของตนได้ประโยชน์

อย่างน้อยก็ประเมินว่ากระบวนการรัฐประหารส่งผลให้พรรคเพื่อไทยอ่อนแอและยากลำบากในการจะขยับขับเคลื่อน

ถึงอย่างไรพรรคพลังประชาชนก็ไม่น่าแข็งเท่าพรรคไทยรักไทย

ถึงอย่างไรพรรคเพื่อไทยก็ไม่น่าแข็งเท่าพรรคพลังประชาชน อย่าว่าแต่จะนำไปเทียบกับพรรคไทยรักไทยเลย

จุดนี้คือความได้เปรียบของพรรคประชาธิปัตย์

กระนั้น พรรคประชาธิปัตย์อาจลืมคิดหรือมองข้ามสภาพความเป็นจริงในทางการเมืองอันเนื่องแต่รัฐประหารไป

นั่นก็คือ “ชาวบ้าน” คิดอย่างไรต่อ “รัฐประหาร”

เป็นไปได้ว่าน่าจะมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งเห็นด้วยกับ “รัฐประหาร” มิฉะนั้น เมื่อเกิดรัฐประหารในปี 2549 ก็ยังมีรัฐประหารอีกในปี 2557

เพียงแต่เปลี่ยนจาก “พันธมิตร” มาเป็น “กปปส.”

กระนั้นก็ยังมี “ชาวบ้าน” อีกจำนวนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยเลยกับกระบวนการ “รัฐประหาร” ไม่ว่าจะเป็นเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่าจะเป็นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ก็ตาม

ถามว่าชาวบ้านส่วนนี้ขยาย “ปริมาณ” หรือไม่

ถามว่าชาวบ้านส่วนนี้หากขยายปริมาณมากขึ้นมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมาจากส่วนที่เคยเห็นด้วยกับ “รัฐประหาร” 2 ครั้งที่ผ่านมา

ตรงนี้คือ ความละเอียดอ่อนของ “สภาพการณ์”

ตรงนี้คือ ปัจจัยอันจะทำให้ผลการเลือกตั้งเมื่อปรากฏจะเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ หรือว่าเป็นของพรรคเพื่อไทย

การที่ คสช.ยังไม่มีความแจ่มชัดในเรื่องกำหนดวาระแห่ง “การเลือกตั้ง” เท่ากับเป็นเงาสะท้อนว่า คสช.เองก็อยู่ระหว่างการประมวลและวิเคราะห์

โดยมีจุดเริ่มต้นจาก “ผลงาน” และความสำเร็จ

ขณะเดียวกัน ก็มีรากฐานมาจากความไม่แน่ใจว่า “ฐานเสียง” ของพรรคประชาธิปัตย์เชิงเปรียบเทียบกับพรรคเพื่อไทยดำเนินไปอย่างไร

“ฐานเสียง” และความนิยมนั่นแหละคือปัจจัยชี้ขาด

ประกาศแล้ว! กฎหมาย “กกต.” 78 มาตรา เพิ่มอำนาจคุมเลือกตั้ง

ประกาศแล้ว! กฎหมาย “กกต.” 78 มาตรา เพิ่มอำนาจคุมเลือกตั้ง




วันนี้ (13 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯให้เผยแพร่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 ผ่านทางเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 78 มาตรา

คลิกอ่านรายละเอียดที่นี่ พระราชบัญญติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ คือ โดยที่บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้มีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อให้มีคณะกรรมการการเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและตามกฎหมายที่กําหนดให้เป็นหน้าที่และอํานาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง จึงจําเป็นต้องตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้

โดยสาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าว อาทิ บทเฉพาะกาล ได้ข้อสรุปจากการพิจารณาของสนช.ในวาระ 3 ว่า กกต.ทั้ง 5 คนให้พ้นจากวาระไปนับแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับ แต่ให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่ากกต.ชุดใหม่จะเข้ารับหน้าที่ นอกจากนี้ กฎหมาย กกต.ฉบับใหม่ กำหนดไม่ให้มีกกต.จังหวัดแต่ให้มีผู้ตรวจการเลือกตั้งจำนวน5-8 คนขึ้นมาแทน โดยจัดทำเป็นบัญชีรายชื่อไว้ล่วงหน้า 5 ปีให้ผู้มีภูมิลำเนาในจังหวัด 2 คนที่เหลือให้มาจากจังหวัดอื่น ให้อยู่ในวาระชั่วคราว เริ่มแต่งตั้งให้แล้วเสร็จหลังมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งมีผลใช้บังคับในเวลาไม่ช้ากว่า 10 วัน และพ้นไปเมื่อประกาศผลการเลือกตั้งหรือภายหลังจากนั้นไม่เกิน 60 วันตามภารกิจ

โดยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนดให้ มีกกต. 7 คน โดยมีวาระ 7 ปี มีอำนาจหน้าที่เพิ่มขึ้นจากเดิม อาทิ กกต.มีอำนาจจัดการเลือกตั้งส.ส., ส.ว. มีอำนาจในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นและการออกเสียงประชามติ โดยกกต.แต่ละคนอาจได้รับมอบหมายจากกกต.ให้สืบสวนหรือไต่สวนเป็นตัวบุคคลหรือคณะบุคคลก็ได้ตลอดจนมีอำนาจสั่งให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ดำเนินการตามอำนาจและหน้าที่ หรือสั่งให้ระงับ หรือยับยั้งการดำเนินการเลือกตั้งในบางหน่วยหรือทุกหน่วยในเขตเลือกตั้งแต่ต้องรายงานกกต.ให้ทราบโดยเร็ว ซึ่ง คณะกรรมการสรรหากกต. มีประธานศาลฎีกา เป็นประธาน ในการสรรหาจะต้องมีการปรึกษาหารือกันในระหว่างกรรมการ ใช้วิธีลงคะแนนโดยเปิดเผย และต้องบันทึกเหตุผลของกรรมการสรรหาแต่ละคนเป็นหลักฐานไว้ด้วย โดยใช้เกณฑ์คะแนนเสียง 2 ใน 3 ถ้าไม่ได้กกต.ใน 3 รอบให้เปิดรับสมัครใหม่ได้

เมื่อเหรียญถูกทำให้มีด้านเดียว

หมอนี่สมกับเป็นแชมป์โต้วาทีมัธยมศึกษาจริงๆ
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ตั้งคำถาม
"อย่างน้อยคนไทยก็ยังสนใจข่าวนักศึกษาแพทย์กรอกยาฆ่าหมาตาย แล้วข่าวคนมือเปล่าที่ถูกฆ่าตายและกรอกความอยุติธรรมซ้ำไว้ ๗ ปี จะเลือนหายไปกับกาลเวลาได้อย่างไร"
ก็เท่ดี แต่กลวงใน...
เอามันส์ส์ส์ ไม่สนใจข้อเท็จจริง
เป็นความอัปยศอดสู ผู้นำมวลชนขึ้นเวทีคุมคนเป็นแสนๆ แต่วุฒิภาวะยังไม่พ้นมัธยมต้น
ปี ๒๕๕๓ เกิดอะไรขึ้น มันไม่ได้มีมุมเดียว
เปิดเวทีเจรจาจะยอมรับกันอยู่แล้ว จู่ๆ มีใครบางคนไม่ยอม บอกให้ลุยต่อ
ทำไมต้องเผาเมือง?
ทำไมต้องบุกโรงพยาบาล?
ทำไมต้องมีกองกำลังติดอาวุธ?
มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ จู่ๆ ทหารจะเอาปืนไปยิงหัวใครเล่น โดยไร้เหตุผล
สันดานโผล่ เคลื่อนไหวรับลูกกันเป็นระลอก
โอเค...จะอ้างเหตุผลว่าศาลฎีกาพิพากษายืน ยกคำร้องคดี สลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี ๒๕๕๓ "อภิสิทธิ์-สุเทพ" ร่วมกันก่อให้เกิดการฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่น
ก็ฟ้องมาผิดตั้งแต่ศาลชั้นต้น แล้วจะโทษใคร
คดียังไม่หมดอายุความ ก็มีหนทางที่จะฟ้องร้องมากมาย ทนายหัวเห็ดเยอะแยะไปหมด ทำไมไม่ไปจัดการ จะเอาแต่ตะโกนบอกไม่ได้รับความยุติธรรม
มันจะได้มั้ย?
แล้วจะมาแหกปากเพื่ออะไร?
๗ ปีมันไม่เลือนหายหรอกครับ อย่างน้อยก็กรณีเงินเยียวยาเสื้อแดง ที่ไม่มีกฎหมายรองรับ
คณะรัฐมนตรีรัฐบาลยิ่งลักษณ์สุมหัวกันคลอดมติวันที่ ๑๐ มกราคม และ ๖ มีนาคม ๒๕๕๕ ใช้งบประมาณจากเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒ พันล้านบาท จ่ายเงินเยียวยาศพเสื้อแดงรายละ ๗.๕ ล้าน
ใครอยู่ร่วม ครม.ก็เตรียมตัวไว้
เอาให้ชัดคือ ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีกฎหมายใดมารองรับการจ่ายเงินเยียวยาดังกล่าว
มันไม่ใช่การจ่ายเงินเกี่ยวกับปฏิบัติราชการตามอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือเป็นไปเพื่อบริการสาธารณะแห่งรัฐ หรือเป็นกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามพระราชบัญญัติวิธีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๐๒
แต่เป็นการจ่ายในลักษณะเงินสงเคราะห์
คือจ่ายให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง ที่ต้องมีกฎหมายมารองรับเพื่อใช้บังคับกับกรณีนี้โดยเฉพาะ
เอาไว้รอฟัง ป.ป.ช.! เพราะน่าจะชี้มูลความผิดกันภายในเดือนนี้
นัดกันไว้หรือเปล่าช่วยตอบที?
วานนี้ (๑๒ กันยายน) คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขาเชิญ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปปาฐกถาพิเศษเรื่อง "จากนักวิชาการสู่นายกรัฐมนตรี:ภาพการเมืองที่เปลี่ยนไป"
เด็กปี ๑ ธรรมศาสตร์ ๔ คน ชูป้ายข้อความ "...unfortunately, some people died..." เป็นคำพูดที่นายอภิสิทธิ์พูดไว้เมื่อปี ๒๕๕๕
ชูเพื่อตั้งคำถามว่า "ท่านคิดอย่างไรกับการที่เด็กอายุ ๑๗ ถูกยิงตายที่รางน้ำ"
คนถามชื่อ "เพนกวิน" เป็นเด็กปี ๑ คณะรัฐศาสตร์ ที่เพิ่งจะเปิดเทอมมาไม่กี่วัน
เด็กไม่ผิดหรอกครับ แต่คนอยู่เบื้องหลังเด็กปีหนึ่ง เคยรับผิดชอบบ้างหรือไม่ กับการยัดข้อมูลด้านเดียวให้เด็กแบบนี้
สงสัยมานานแล้ว นักศึกษามหาวิทยาลัย ที่บอกว่าเป็นหัวก้าวหน้า รักประชาธิปไตย เคยตั้งคำถามเรื่องยิ่งลักษณ์ ปล่อยโกง จนประเทศเสียหาย ๕ แสนล้านหรือเปล่า?
เท่าที่เห็นไม่มี
"บุญทรง เตริยาภิรมย์" คุก ๔๒ ปี
"ภูมิ สาระผล" คุก ๓๖ ปี
ก็ไม่เห็นว่านักศึกษาสายรักประชาธิปไตย จะตั้งคำถามถลกหนังคอร์รัปชันสักครั้ง
เท่าที่เห็นก็มุ่งไปเรื่องสลายการชุมนุมเสื้อแดงเท่านั้น ส่วนเสื้อเหลือง กปปส. ไม่เห็นว่าจะช่วยตั้งคำถามอะไร
หรือไม่มีอะไรสงสัย?
สนใจเฉพาะการตายของคนเสื้อแดง!
คดีสลายการชุมนุมปี ๒๕๕๓ ถ้าพูดให้เป็นธรรม หากไม่มีกองกำลังติดอาวุธชุดดำ จะตายกันเป็นร้อยหรือ?
ครับ...สาเหตุการร้องให้ฟื้นคดีมาจากอะไร
ยังจับตัวการไม่ได้อย่างนั้นหรือ
ตัวการที่ยุยงก่อให้เกิดความรุนแรง เผาไปเลยครับพี่น้องผมรับผิดชอบเอง กับคนพวกนี้นักศึกษาเคยตั้งคำถามกับตัวเองหรือไม่
หรือเพราะเป็นพวกเดียวกัน?
ไม่มีหรอกครับจู่ๆ รัฐยิงทิ้งประชาชน
แต่เพราะมันมีเหตุ!
การที่นักศึกษาถามว่า "ท่านคิดอย่างไรกับการที่เด็กอายุ ๑๗ ถูกยิงตายที่รางน้ำ" มันเป็นชุดข้อมูลที่ถูกยัดเยียด เป็นข้อมูลทางเดียว
ถ้าไม่เชื่อ งั้นขอตั้งคำถามกลับ
นักศึกษาเหล่านี้คิดอย่างไรกับ การใช้เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม ๗๙ ยิงใส่บิ๊กซีราชประสงค์ เมื่อปี ๒๕๕๗ ระหว่างการชุมนุมของ กปปส.
ที่ทำให้ เด็กชาย ๔ ขวบ
กับเด็กหญิงอายุ ๖ ขวบ เสียชีวิต!
แม้ศาลจะตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ๔ กองกำลังชุดดำที่ลงมือยิงไปแล้ว แต่ถามว่าคนพวกนี้ไม่มีนายหรือ?
รบเพื่อตัวเองอย่างนั้นหรือ
เบื้องหลังคนพวกนี้คือใคร?
ไม่มีหรอกครับ ตื่นเช้ามา ล้างหน้า แปรงฟันเสร็จ ควงปืนยิงลูกระเบิดเอ็ม ๗๙ มายิงใส่คน ให้ตายเล่นๆ
มันต้องมีคนสั่ง มีคนจัดหาปืน หาระเบิดมาให้
แล้วนักศึกษาสนใจจะหาความเป็นธรรมให้บ้างหรือเปล่า
หลังเกิดเหตุพ่อเขาถาม ฆ่าลูกผมทำไม?
หรือเด็ก ๔ ขวบ ๖ ขวบ ไม่คู่ควรแก่การเรียกร้องความเป็นธรรมให้!
หรือเพราะอยู่คนละขั้วการเมือง
ไม่แน่ใจว่านักศึกษาพวกนี้สนใจกรณีแปลงที่วัดเป็นสนามกอล์ฟบ้างหรือเปล่า
หรือเกิดไม่ทัน
สนามกอล์ฟเป็นของบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ มีชื่ออดีตภรรยา และลูกๆ ของนายทักษิณ ถือหุ้นพรึ่บไปหมด
นายพานทองแท้ นางพินทองทา และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถือหุ้นคนละ ๒๒,๔๑๐,๐๐๐ หุ้น
หรือคนละ ๓๐%
คุณหญิง พจมาน ดามาพงศ์ ถือ ๗,๔๗๐,๐๐๐หุ้น
หรือ ๑๐%
ที่จริงก็พูดกันมานาน นักศึกษาในธรรมศาสตร์มีหลายขั้วหลายกลุ่ม แต่กลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านขั้วการเมืองตรงข้ามพรรคเพื่อไทย รวมถึงรัฐบาล คสช.
คือกลุ่มไม่เอา ม.๑๑๒
จนหาการเคลื่อนไหวที่บริสุทธิ์ไม่มีการเมืองอยู่เบื้องหลังได้ยากเต็มที
ก็จะยังเป็นอย่างนี้ไปอีกนาน เพราะขนาดอาจารย์บางรายยังเชื่อว่า ยิ่งลักษณ์ ไม่เกี่ยวกับคอร์รัปชันจำนำข้าว
น้ำในหูไม่เท่ากัน ก็ไปตีความในเชิงสัญลักษณ์ว่า ระบบยุติธรรมมันไม่เสมอกัน
บุญทรงติดคุกก็บอกว่า เป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันความไม่เป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมที่ ยิ่งลักษณ์กำลังประสบ
อาจารย์เป็นซะอย่างนี้ ก็ไม่ต้องไปคิดว่าลูกศิษย์จะเป็นอย่างไร.
ผักกาดหอม

ดักยังไง 'ลุงกำนัน' ก็ชิ่ง

ดักยังไง 'ลุงกำนัน' ก็ชิ่ง

“ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดกันช่วงนี้”

จับทาง “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. บอกปัดคำถามกรณีนายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ

ไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธซะทีเดียว

ในเหลี่ยมเชิงที่อ่านกันได้ว่า “อุบไต๋” ไม่รีบหงายไพ่เล่น

และก็เป็นอะไรที่ยังเลือกเล่นแต้มได้ ในมุมของการตั้งรัฐบาลแห่งชาติอาจไม่ได้ไปว่ากันหลังเลือกตั้งอย่างที่นักการเมืองอาชีพทุกป้อมค่ายออกมาตีขลุม ชิงจังหวะตีกิน

บอกปัด “องุ่นเปรี้ยว” กันตามฟอร์ม

ทั้งๆที่โดยจังหวะใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ในมุมถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจปรับยุทธศาสตร์การบริหารในช่วงท้ายเทอมรัฐบาล ด้วยการปรับ ครม. ลดโควตาทหาร ดึงมือบริหารอาชีพเข้ามาช่วยงาน

ลดแรงเสียดทานรัฐบาลท็อปบูต

แบบที่สัมผัสได้ถึงแรงปะทะที่พุ่งเข้าใส่ ทั้ง “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม “พี่รอง” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ “เพื่อนรัก” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ล้วนแต่คนรอบตัว ตีวงแคบเข้าไปทุกขณะ

หนีไม่พ้นแรงกระแทกชิ่งถึง “นายกฯลุงตู่” เต็มๆ

ตามรูปการณ์ที่ชักจะแยกโจทก์ไม่ออก โดนทั้งฝั่งตรงข้ามลูกข่าย “ทักษิณ” และแนวร่วมฝั่งเดียวกันอย่างพรรคประชาธิปัตย์และเครือข่ายม็อบพันธมิตรฯ ที่หันมาล่อกันเอง

อย่างไรก็ตาม ในห้วงที่การเมืองยังไม่ชัวร์ ปฏิทินเลือกตั้งยังไม่ชัด

แต่ถ้าโฟกัสจากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ที่พูดโน้มน้าวให้คณะใหญ่ของรัฐมนตรีและนักลงทุนญี่ปุ่นเร่งตัดสินใจลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) พรุ่งนี้ มะรืนนี้

อยากให้เกิดขึ้นในปี 2560 หรือ 2561 เป็นอย่างช้า

โดยเฉพาะการเน้นย้ำเรื่องของความยั่งยืนของนโยบายรัฐบาล คสช. มีความต่อเนื่อง ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว เพราะประเทศไทยได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ไว้ 20 ปีข้างหน้าแล้ว

ไม่ว่ารัฐบาลไหนมาก็ต้องทำโครงการอีอีซี ตอนนี้ถือว่าเรามีเสถียรภาพมากที่สุด

นี่คือจุดที่สะท้อนให้เห็นยุทธศาสตร์ของทีม “นายกฯลุงตู่”

มั่นใจเกมยาว “เอาอยู่” ทุกช็อต ล็อกหมากได้ทุกสูตรการเมือง

และตามสถานการณ์ที่โยงเป็นคนละเรื่องเดียวกัน กับปรากฏการณ์ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาดักทางดักคอ เป็นนัยตีปี๊บให้จับตา “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิ กปปส. จะออกไปตั้งพรรคการเมืองใหม่

ฮั้ว คสช. รองรับ “นายกฯลุงตู่” เบิ้ลเก้าอี้นายกฯรอบสอง

เรื่องของเรื่อง มันมีที่มาที่ไปกับกระแสข่าววงในก่อนหน้านั้น “ลุงกำนัน” เป็นผู้รับอาสาในการ “ส่งสาร” หยั่งเชิง “อภิสิทธิ์” ให้นำพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลกับ “นายกฯลุงตู่” หลังการเลือกตั้ง

แต่ก็ต้องถอยกรูด กลับมาดีดลูกคิดกันใหม่

เพราะเจอ “อภิสิทธิ์” ยื่นเงื่อนไขยากๆเลยว่า ถ้าจะให้นำทีมประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องล้มเมกะโปรเจกต์ ที่วางไว้หลายโครงการ

สรุปคือไม่เอา “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ กัปตันเศรษฐกิจ ที่ถือเป็นตัวชูโรงของรัฐบาล คสช.
นั่นก็หมายถึงการปิดประตู “ลงกลอน” โอกาสที่จะร่วมงานกับทีม “ลุงตู่” เพราะอย่างที่รู้กันอยู่ว่าจุดขายสำคัญที่เป็นหน้าเป็นตาของรัฐบาลทหาร คสช.มาถึงจุดนี้ได้

มันอยู่ที่การวางยุทธศาสตร์เศรษฐกิจโดย “จอมยุทธ์กวง”

อย่างไรเสีย คสช.ก็ไม่เลือกเดินตามแนวทาง “กลวงๆ” ของ “อภิสิทธิ์”

นั่นก็เป็นเหตุที่มา ทำให้ “ลุงกำนัน” เลือกที่จะแหกค่ายออกไปตั้งพรรคใหม่ หวังเจาะฐานคนรุ่นใหม่ในปักษ์ใต้ แบ่งส่วนตลาดของยี่ห้อประชาธิปัตย์ที่ผูกปีตีกินเฉพาะคนรุ่นเก่า

บวก ลบ คูณ หาร กันแล้ว ก็คุ้มกับการเสี่ยงไปตายดาบหน้า

เพราะยังไงก็การันตีพรรคร่วมรัฐบาลแน่นอน.

ทีมข่าวการเมือง

เจ็บจริง!!...นายกฯชกหน้า นักมวย!!

เจ็บจริง!!...นายกฯชกหน้า นักมวย!!
"นายกฯบิ๊กตู่" ทำ"ศรีสะเกษ" กรามเกือบหัก ชกมา ไม่ทันตั้งตัว เจ้าตัว รับ"เจ็บ เหมือนกัน" เผย "นายกฯ"ชม แฟนสวย
"แหลม ศรีสะเกษ" นายวิศักดิ์ศิลป์ วังเอก แชมป์เปี้ยน สภามวยโลกรุ่น ซูเปอร์ฟลายเวท เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.
ศรีสะเกษ เผยว่า นายกฯได้ลอง ชกมวย โดยพุ่งหมัดขวามา จนกรามเกือบหัก เพราะชกมา โดยไม่ได้ตั้งตัว เจ็บเหมือนกัน
แต่ดีใจที่ได้พบนายกฯอีกครั้ง โดยนายกฯบอกให้ดูแลร่างกายดีๆ
ศรีสะเกษ เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ อยากให้ป้องกันแชมป์ไว้ให้นานที่สุด เพื่อเป็นขวัญใจของชาวไทยทุกคน
นายกฯถามว่า จะแต่งงานวันไหน เมื่อไหร่ พร้อมชม "น้องเก๋"เป็นคนน่ารัก สวย
ศรีสะเกษ เผยว่า เดิมจะชวน พล.อ.ประยุทธ์ ไปร่วมงานแต่ง แต่ไม่กล้า
โดยยืนยันว่า แม้จะแต่งงานแล้วก็จะยังชกมวยต่อไป
"ส่วนตัวตอนนี้ ไม่อยากได้อะไร แค่อยากทำเพื่อประเทศชาติเท่านั้นพอ"
ศรีสะเกษ เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ให้เรียนให้จบ เพราะถ้า เรียนจบแล้วก็อยากติดนายยศร้อย ตำรวจ
ทั้งนี้ ชีวิตตนเองนั้น กว่าที่จะมาถึงทุกวันนี้ เป็นเรื่องลำบากอย่างมาก เพราะเคยเป็นทั้ง รปภ. คนเก็บขยะ สู้ความลำบากกับแฟน มาตลอด
นายกฯ ยังได้มอบกระเป๋า ให้น้องเก๋ เพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงาน