PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คสช. จะใช้ ม.44 ต่อายุ ศ. วิชา มหาคุณ กรรมการปปช. จะครบวาระ ใน กย.นี้

ดีใจกันยกใหญ่ ต่ออายุ มือโค่นตระกูลชิน ..... ข่าว คสช. จะใช้ ม.44 ต่อายุ ศ. วิชา มหาคุณ กรรมการปปช. จะครบวาระ ใน กย.นี้ เนื่องจากมีงานที่จะต้องสะสางอีกเพียบ จึงจำเป็นจะต้องให้ อยู่ในตำแหน่งต่อไป งานนี้ บรรดานักกินเมือง พรรคเพื่อควาย พล่านหนัก ถือเป็นคู่แค้น อยู่ในบัญชีดำ บัญชีแค้น ของ "คนตระกูลคู” ลิ่วล้อ และคนเสื้อแดง

ในปี 58 กรรมการ ปปช.จะต้องพ้นวาระถึง 5 คน ได้แก่ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ปปช. ที่ต้องพ้นวาระ เนื่องจากมีอายุครบ 70 ปี ใน พ.ค.นี้ แต่ได้รับการต่อไปจนถึง 21 ก.ย 58 ศ.วิชา มหาคุณ นายวิชัย วิวิตเสวี นายประสาท พงษ์ศิวาภัย และนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ปปช. จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 9 ปี ใน 21. ก.ย นี้ เหลือยู่แค่ 4 คน จะทำงานไม่ได้ ปัญหาจะเกิดขึ้น มีความจำเป็นให้นำงานมาทำต่อ

ศ .วิชา มหาคุณ อดีตประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ในศาลฎีกา เป็นอีกหนึ่งกูรูด้านกฎหมาย ของประเทศ ถือเป็นแมวเก้าชีวิต ในวงการตุลาการ เคยทั้งรุ่งเรือง และต้องเผชิญวิกฤต ล้มลุกคลุกคลานในช่วงรับราชการ ก่อนจะมานั่งเป็นกรรมการปปช.

ช่วงนั่งเก้าอี้เลขานุการศาลฎีกา ในสมัยรัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน เป็นหนึ่งในหัวหอกสำคัญร่วมกับอุดม เฟื่องฟุ้ง ในการเคลื่อนไหว เหตุการณ์วิกฤตตุลาการ จนถูกไล่ออกจากราชการปี 2535 ข้อหาขัดคำสั่งรัฐมนตรี แต่ในที่สุดได้รับ พระราชทานอภัยโทษให้กลับเข้ารับราชการใหม่

ช่วงรัฐประหารปี 2549 ถูกเสนอชื่อผ่านเข้ารอบ 10 คนสุดท้ายเป็นกกต. โดยมีคะแนนนำ มาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ผลสุดท้ายวืด ไม่ได้รับการคัดเลือกจากวุฒิสภา โผพลิกให้มานั่งเก้าอี้กก.ปปช. แทน

สไตล์การทำงาน ถึงลูกถึงคน ตรงไปตรงมา ในการทำงาน มักมีการประลองฝีปาก กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย บ่อยครั้ง ถือเป็นหนึ่งในเก้าอรหันต์ปปช.ที่มีบทบาทสำคัญในการทำงานมาก ได้รับมอบหมายให้คุมคดีสำคัญ ที่เกี่ยวกับนักการเมืองเสมอ เช่น คดีการทุจริตซื้อ รถดับเพลิงของกทม. คดีสลายการชุมนุม กลุ่มพธม.ปี 51 สมัยรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์

คดีสำคัญล่าสุด โครงการรับจำนำข้าว ที่รับบทเป็นหัวหอกทำคดี ถูกต่อต้านอย่างหนักจากกลุ่มกวป. ยกมวลชนมาปิดล้อม หน้าสำนักงาน คล้องโซ่ปิดประตูทางเข้าออก ถูกข่มขู่ต่างๆนานา ถึงขั้นยิงระเบิดM 79 ใส่สำนักงานปปช. เป็นที่หมายหัวถูกตามล่า จากกลุ่มกวป. จน “ปู่วิชา ” ต้องหอบสำนวนคดีดัง หนีการถูกไล่ล่าไปกบดานอยู่ที่เซฟเฮาส์ จนกระทั่ง เหตุการณ์คลี่คลาย


เข็น "ส่งออก" ไม่ขึ้น ส่อติดลบหนัก ลาม "จีดีพี" ถอยรูดต่ำ 3% ฤๅวิกฤตต้มยำกุ้งวนมาอีกรอบ

มติชนสุดสัปดาห์ 10-16 กรกฎาคม 2558



จากตัวเลขส่งออกเดือนพฤษภาคม 2558 ที่ติดลบหนักถึง 5.01% ซึ่งเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ทำให้ 5 เดือนแรกปีนี้ ส่งออกไทยติดลบ 4.2% หรือมีมูลค่า 88,694 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดยติดลบจากสินค้าส่วนใหญ่ในภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรและเกษตรแปรรูป ติดลบเฉลี่ย 10% ด้านตลาดส่งออกส่วนใหญ่ก็ติดลบแม้ตลาดความหวัง อย่างอาเซียน ก็ติดลบ 7.2% ญี่ปุ่นติดลบ 4.1% เกาหลีใต้ติดลบ 15.9% สหภาพยุโรป (อียู) ติดลบ 13.7% ที่ยังดีอยู่แต่ขยายตัวก็ไม่สูง ทั้งสหรัฐ โต 0.4% จีน โต 3.3% ออสเตรเลียโต 18.2% และกลุ่มซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา-ลาว-เมียนมาร์-เวียดนาม) โต 3.5%

ผนวกกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยังติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อ) ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 เช่นกัน

ซึ่งทางวิชาการระบุแล้วว่าเป็นภาวะเงินฝืดทางเทคนิค นั่นสะท้อนถึงประชาชนทั่วไปยังไม่มั่นใจต่อสถานการณ์เศรษฐกิจ และชะลอการใช้จ่ายหรือทำกิจกรรมที่ต้องเพิ่มรายได้

เมื่อดูองค์ประกอบด้านอื่นๆ ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย ทั้งการลงทุนภาครัฐ ยังถูกมองว่าล่าช้ากว่าแผนงานที่ได้ระบุไว้ ไม่ว่าจะการก่อสร้างโครงการด้านขนส่ง โครงการปรับปรุงสนามบิน หรือ การประมูล 4 จี และยังไม่มั่นใจต่อแผนการดึงตัวเลขส่งออกในอนาคต ทำให้ภาคลงทุนของเอกชนชะงักลง ดูได้จากตัวเลขการนำเข้าในกลุ่มทุนและกลุ่มวัตถุดิบเพื่อการผลิต ลดลงอย่างมาก จนทำสถิติใหม่ต่ำสุดอีกครั้งรอบ 10 ปี ล้วนเป็นแรงกดดันต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งสิ้น

จะพูดว่าเกิดความรู้สึกระส่ำ ก็ได้ ...เพราะหลังจากตัวเลขต่างๆ ออกเผยแพร่สู่สาธารณะ ผลที่ตามมา คือ ทุกหน่วยงานรัฐ เอกชน และนักวิชาการ ต่างออกมาส่งสัญญาณถึงการปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ทั้งสิ้น

และทั้งหมดเห็นพ้องว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ ขยายตัวไม่เกิน 3% แน่นอน



เริ่มจากสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สภาผู้ส่งออก) ออกแถลงปรับลดคาดการณ์ตัวเลขส่งออก จากเดิมมองโอกาสเป็น 0% เป็นติดลบ 2% เพราะเชื่อว่าครึ่งปีมูลค่าการส่งออกก็จะไม่เพิ่มจากครึ่งปีแรกมากนัก ซึ่งหากจะให้ส่งออกปีนี้เป็น 0% เฉลี่ยต่อเดือนของครึ่งปีหลังจะผลักดันมูลค่าให้เกิน 19,200 ล้านเหรียญสหรัฐ

ตรงกันข้าม ดูความเป็นไปได้ หากมูลค่าการส่งออกต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตอนนี้คือ 18,700 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่อเดือน การส่งออกจะติดลบทันที 3.5%

ตามด้วยผลวิเคราะห์จากสถาบันการเงินและนักวิชาการ ปรับลดมุมมองการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ดีสุดไม่เกิน 3% แล้วทั้งสิ้น ยกเว้น ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และหอการค้าไทย ยังมองในภาพบวกโต 3.2% แม้ส่งออกไทยอาจติดลบ 1-2% เช่นเดียวกับกระทรวงพาณิชย์ ยังคงเป้าหมายจะผลักดันส่งออกโต 1.2% บนพื้นฐานเศรษฐกิจโต 3% แม้กระทั่งทีม ครม.เศรษฐกิจ ก็เริ่มหวั่นไหว ออกมาเปรยๆ ถึงว่าหากการส่งออกติดลบหนัก ห่วงกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่หวังไว้ 3-4% คงไม่ได้เห็น!

ดังนั้น ปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ก็จะเห็นการปรับตัวเลขเศรษฐกิจใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่เดิมคาดการณ์โตเกิน 3% สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ที่เดิมคาดไว้ 3.7%

โดยทุกภาคส่วนมองบนปัจจัยลบที่ยังมีอยู่ ทำให้เศรษฐกิจไทยหดตัว ตั้งแต่ความผันผวนของเศรษฐกิจและการเมืองโลกยังสูง เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ายังฟื้นตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ ศักยภาพและขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศไม่ดีขึ้น ปัญหาด้านโลจิสติกส์ต้นทุนสูงและไม่เพียงพอ ปัจจัยที่ดูจะเข้มข้นขึ้นในช่วงนี้ คือวิกฤตหนี้ของกรีซอาจลุกลามไปทั่วยุโรป



สถานการณ์ภัยแล้งสลับการเกิดพายุยังไม่อาจประเมินได้ว่าจะก่อความเสียหายต่อผลผลิตและรายได้รากหญ้าแค่ไหน หรือค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง และดอกเบี้ยนโยบายปรับลดถึง 2 รอบ ก็ยังส่งผลโดยตรงต่อการส่งออก ซึ่งทางวิชาการระบุว่าต้องใช้เวลาหลังจากปรับลด 3-4 เดือนอย่างช้า หรือจนกว่าสัญญาที่ทำไว้เดิมจะหมดลง

รวมถึงต้องต่อสู้กับการเพิ่มกฎระเบียบทางการค้าของนานาชาติ ไม่แค่ปัญหาองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) ปักธงแดงไทย ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายขาดการรายงานและไร้การควบคุม (ไอยูยู) ซึ่งจะชี้ชะตาในปลายไตรมาส 3

เฉพาะไอยูยูหากถูกขึ้นบัญชีดำไทยจะกระทบต่อการส่งออกสินค้าทะเลไปอียูหายไปทันทีกว่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ยังจะมีเรื่องสิทธิประโยชน์และกฎระเบียบจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่จะเริ่มใช้สมบูรณ์ตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 แต่รัฐบาลไทยยังไม่ขยับอะไร

เหล่านี้ล้วนเป็นประเด็นร้อนต่อเศรษฐกิจไทย ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้เป็นต้นไป....และดับฝันเศรษฐกิจไทยโต 3% เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทำให้ภาคเอกชนออกมาเตือนให้รัฐบาลรับมือแล้วว่ามีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะเติบโตในระดับต่ำ แค่ปีละ 2-3% ต่อเนื่องอีก 2-3 ปี จากปัจจัยที่เกิดขึ้นกับไทยในช่วงนี้

หากปรับตัวทัน คือพยายามพึ่งพารายได้จากการส่งออกน้อยลง จากปัจจุบันมีสัดส่วนถึง 60% เพิ่มการพึ่งพาภาคท่องเที่ยว การบริโภคและลงทุนในประเทศ ก็น่าจะพอทดแทนได้ แต่ในความจริงคงต้องใช้เวลาอีกนานหลายปี



หลายฝ่ายจึงมองว่าทางออกที่ดีที่สุดตอนนี้ คือจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีอารมณ์ในการบริโภค และกระตุ้นให้ประชาชนใช้เงินตามปกติ ถือว่าเป็นเรื่องท้าทายของรัฐบาล และเป็นการบ้านหนักของทีมเศรษฐกิจ เพราะตามหลักวิชาการหรือในภาวะปกติเมื่อผู้มีรายได้น้อยมีรายได้ มีเงินในกระเป๋าเพิ่มก็จะใช้จ่ายทันที หากรัฐสามารถลงเงินเข้าระบบเศรษฐกิจไม่ว่าทางใด คิดคร่าวๆ ในภาวะปกติ หากลงเงิน 1 แสนล้านบาท ไม่เกิน 1-2 เดือน จะเพิ่มเงินในระบบเศรษฐกิจอีก 4-5 เท่า หรือ 4-5 แสนล้านบาท

อีกทางออกที่ต้องเร่งทำ คือ ผลักดันการท่องเที่ยว ที่ดีอยู่ให้ดีขึ้นๆ อีกเป็นเท่าตัว รัฐต้องเร่งลงทุนให้ได้ตามแผนที่กำหนดไว้ ควบคู่กับการเร่งการใช้จ่ายภาคเอกชน ผ่านความช่วยเหลือด้านการเงินการคลัง แต่ก็ไม่อยากให้ทำแบบใช้เงินงบประมาณแบบสุรุ่ยสุร่ายเหมือนที่ผ่านมา โดยรัฐบาลต้องปรับวิธีการกระตุ้นที่เจาะลงไปกลุ่มมีปัญหาและรากหญ้าให้มากขึ้น แต่ไม่ใช่การใช้เงิน แต่มองเรื่องศักยภาพงานที่จะเกิดขึ้น

ช่วงครึ่งปีหลังที่เหลือคงต้องลุ้นต่อ เศรษฐกิจไทยกำลังเข้าวิกฤตหรือยัง หากย้อนหลังเมื่อครั้งวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 เศรษฐกิจไทยติดลบ 1.37% แต่ส่งออกปีนั้นโต 28.04% ถัดมาเศรษฐกิจติดลบ 10.51% ส่งออกโต 24.43% หรือครั้งวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เศรษฐกิจไทยติดลบ 2.33% ขณะที่ส่งออกติดลบ 11.22%

ล่าสุด เหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองไทยก่อนมีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าบริหารประเทศ เศรษฐกิจไทยโต 2.87% แต่ส่งออกติดลบ 2.43% และในปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยโต 0.7% แต่ส่งออกติดลบ 0.3%

เมื่อปีนี้ทุกฝ่ายประเมินว่าส่งออกไทยอาจติดลบ 2% และถึงติดลบ 3.5% จากปัญหาเศรษฐกิจโลก จึงห่วงว่าเศรษฐกิจไทยอาจใกล้วิกฤตต้มยำกุ้งหรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์หรือไม่

เสธ.ทบ.เชิญอภิสิทธิ์ ออกรายการ

เสธ.ทบ.เผย ศปป.เชิญ"อภิสิทธิ์"ออกรายการคสช.คืนนี้ หัวข้อ การปฏิรูปบริหารราชการแผ่นดิน แต่ยังไม่ได้ทำหนังสือเชิญ"ยิ่งลักษณ์" เห็นยังไม่สะดวก แต่พร้อมให้มาออก เลือกหัวข้อได้
พลเอกฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก และ รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เผยว่า ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฎิรูป (ศปป.) ได้เชิญ นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมรายการ “เดินหน้าปฎิรูป” เพื่อแสดงความเห็น ในหัวข้อ "การปฏิรูประบบบริหาราชการแผ่นดิน"
ส่วนประเด็นเรื่องปรองดอง หรือ เรื่องอื่นๆขึ้นอยู่กับพิธีกรว่าจะมีข้อซักถามเรื่องนี้หรือไม่
รายการจะออกอากาศ คืนวันที่14กค.เวลา 21.00 น.ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 และ ช่อง 11
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น พลเอกฉัตรเฉลิม กล่าวว่า ยังไม่ได้ทำหนังสือเชิญให้มาร่วมรายการ เพราะดูเหมือนว่าช่วงนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ อาจจะไม่ค่อยสะดวก
แต่หาก จะมาร่วมรายการก็ขึ้นอยู่กับนางสาวยิ่งลักษณ์ว่า จะเสนอหัวข้ออะไรมาพูดคุยในรายการ


ทหาร เอาน้ำมาให้ คับ....ทหารพล.ร.2 ระดมช่วยชาวปทุมฯขาดน้ำ

กองทัพบก มอบหมาย พล.ร.2 รอ.เร่งช่วยเหลือ ประชาชนที่เดือดร้อนจากการขาดเเคลนนำ้ อุปโภคบริโภค ในเขตอ. ลำลูกกา เเละ อ. ธัญบุรี จ. ปทุมธานี พลตรีศรีศักดิ์ พูนประสิทธิ์ ผบ.พล. ร. 2 รอ. สั่งการให้ ม.พัน.30 รอ.และ ร.21 พัน2 รอ. เเละ ร.21 พัน3 รอ. เข้าช่วยที่ อ. ลำลูกกา เพราะเป็นพื้นที่รับผิดชอบในการ รส. ม. พัน. 2 ช่วย อ. ธัญบุรี เเละ ยังให้ ช. พัน. 2 รอ. จัดชุดประปาสนามในการผลิตนำ้ดื่ม เเละ นำ้ใช้ เเจกจ่ายใน พื้นที่ทั้ง ลำลูกกา เเละ ธัญบุรี 
โดยมี ผู้พันหมี พันโท มหิธร บุญครอง ผบ.ม.พัน.30 ผู้พันอ้วน พันโท เอกดนัย จุลโลบล ผบ.ร.21 พัน 2 รอ. ผู้พัน เอ พ.ท. ไชยปราการ พิมพ์จินดา ผบ. ร.21 พัน 3 รอ. ผู้พันโอ พันโท เสกสรรค์ สังสรรพพันธ์ ผบ. ม. พัน . 2 ผู้พันเปิ้ล พันโท เกียรติพนธ์ ประทุมรัตน์ ผบ ช พัน 2 รอ.นำกำลังพลเข้าช่วยเหลือ
โดยมีแเนวทางในการช่วยเหลือ คือ
1 จัดการผลิตนำ้ประปา เเละ นำ้ดื่ม
2 สนับสนุนรถบรรทุกนำ้โดยระดมจากทุกหน่วยใน พล.ร.2 รอ. ในการขนนำ้ไปเเจกจ่ายประชาชน ที่เดือดร้อนใน พื้นที่


กองทัพอากาศ ส่งกำลังพล และน้ำ ที่ปทุมธานี หลังเกิดปัญหาประปา ทันที

พลอากาศเอก มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ เผยว่า กองทัพอากาศจัดรถบรรทุกน้ำช่วยแก้วิกฤตให้ชาวปทุมธานี และทำฝนหลวงในพื้นที่ต่าง ๆ ตามที่ได้เกิดปัญหาน้ำประปาขาดแคลนในพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดปทุมธานี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมหารือกับองค์การบริหารส่วนตำบลลำลูกกา เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่กำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในขณะนี้ เนื่องจากการประปาส่วนภูมิภาค ณ จุดที่ตั้งคลอง 13 อำเภอลำลูกกาไม่สามารถผลิตน้ำประปาให้กับประชาชนได้ เนื่องจากการขาดแคลนน้ำดิบสำหรับการผลิตน้ำประปา 
ทั้งนี้เนื่องจากอำเภอลำลูกกาเป็นเขตพื้นที่รับผิดชอบด้านบรรเทาสาธารณภัยของกองทัพอากาศ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ จึงได้จัดรถยนต์บรรทุกน้ำขนาด6,000 ลิตร จำนวน 3 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ ออกไปดำเนินการแจกจ่ายน้ำให้กับประชาชน โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 13 กรกฎาคม และจะทำการแจกจ่ายทุกวันไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย พร้อมทั้งได้จัดตั้งชุดประสานงานส่วนหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลลำลูกกาไว้เพื่อประสานงานช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป
สำหรับในส่วนของการจัดเครื่องบินสนับสนุนการปฏิบัติการทำฝนหลวงในพื้นที่ประสบภัยแล้งในจังหวัดต่าง ๆ นั้น ขณะนี้กองทัพอากาศได้จัดเครื่องบินโจมตีและธุรการแบบที่ 3 (AU-23A) จำนวน 4 เครื่องและเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 2 ก (BT-67) จำนวน 2 เครื่อง ออกปฏิบัติภารกิจการทำฝนหลวงในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ศรีสะเกษ อุบลราชธานีและเชียงใหม่ โดยได้เริ่มปฏิบัติมาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558จนกระทั่งถึงปัจจุบัน


บิ๊หทหารแซวกันเรื่อง"นายกฯคนกลาง"

ขำๆคับ...พี่คับผมป่าวอยากเป็นนายกฯคนกลาง นะคับ ไม่รู้ใครปล่อยข่าว พี่เหมาะสมสุดแล้วคับ55
เช้านี้ บิ๊กโด่ง ปะหน้าบิ๊กตู่ ในการประชุมกก.ปราบทุจริตฯ ที่ ทำเนียบฯ ..เลยขอแซวขำๆ กลางกระแส หนุน บิ๊กโด่ง บิ๊กตู่เป็นนายกฯคนกลาง รัฐบาล แห่งชาติ จน บิ๊กโด่ง พลเอก อุดมเดช รมช.กห./ผบ.ทบ. ต้องออกมาแก้ข่าว
บิ๊กโด่ง เอะใจ ว่า "แปลก"ถูกดันเป็น"เป้า"นั่งนายกฯคนกลาง รัฐบาลแห่งชาติ รีบชง"บิ๊กตู่"บารมีเพียบ เหมาะสมแล้ว หวั่นสร้างความหวาดระแวง ยันไม่เคยคืดอยากเป็นนายกฯ งงข่าวออกมายังไง ไม่เคยไปรู้เรื่องอะไรด้วยเลย ชมรัฐบาลคสช.ทำงานได้ดีและเต็มที่
บิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและ ผบ.ทบ.กล่าวถึงกระแสข่าวที่ถูกเสนอชื่อให้เป็น นายกรัฐมนตรีคนกลาง ของรัฐบาลแห่งชาติ ในช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนผ่านจากรัฐบาล คสช.ไปสู่รัฐบาลจากการเลือกตั้ง ว่า
มันเป็นเรื่องแปลก ทำไมต้องมาเกี่ยวพันกับผมด้วยก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าข่าวนี้ออกมาได้ยังไง ใครก็ไม่รู้ เพราะผมไม่ได้เข้าไปสัมผัสกับ สปช. เขาจะคิดเห็นกันยังไงก็ว่ากันไป แต่เราไม่ได้ลงไปคลุกคลีตรงนั้นมากนัก ผมก็ไม่รู้อะไรด้วย
แต่ความรู้สึกส่วนตัว รัฐบาลปัจจุบันได้ดำเนินงานมาบนความตั้งใจแน่วแน่ที่จะแก้ปัญหาของชาติอย่างที่เห็นกันอยู่ ถ้าใครมีความยุติธรรมในใจจะรู้ว่ารัฐบาลตั้งใจเต็มที่ ผมก็อยู่ใน ครม.ด้วยก็จะต้องร่วมกันแก้ปัญหากับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.
“ผมไม่คิดที่จะไปเป็นอะไร หรือเห็นไปตามรัฐบาลแห่งชาติอะไรนั่น และไม่เคยคิดเห็นอะไรกับเขาด้วย แต่ทำไมออกมาอย่างนี้ ก็ไม่เข้าใจ
"ขอยืนยันว่า ผมจะต้องร่วมแก้ปัญหากับนายกฯให้เต็มที่ เมื่อนายกฯใช้อะไร สั่งการอะไรมาก็พร้อมปฏิบัติอยู่แล้ว ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และ พล.อ.ประยุทธ์ ผมพร้อมสนองตอบการสั่งการอย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหาทุกเรื่อง ไม่รู้ว่าเขาเห็นเราเป็นเป้าหมายอะไรไม่ทราบ สงสัยว่าทำไมถึงต้องเป็นผม ผมก็ทำงานตามหน้าที่เต็มที่ เรื่องนี้เกิดขึ้นยังไงก็ยังไม่รู้
ส่วนตัวไม่เคยคิดที่จะเป็นนายกฯคนกลางอะไรอย่างที่เป็นข่าว ทุกวันนี้ตั้งใจทำงานเต็มที่ ไม่เคยคิดจะไปเป็นอะไรตามที่เขาว่ากัน เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องมีความเหมาะสมจริงๆ
ท่านนายกฯมีความเหมาะสม มีความรู้ความสามารถจริงๆเป็นคนที่มีบารมีเพียบพร้อม ดูแลสถานการณ์อยู่ได้ ผมเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ช่วยท่านเท่านั้นเอง” พล.อ.อุดมเดช กล่าว


ผลจากการโหวตโนของกรีซ ยูโรโซนบี้กรีซติดดิน

ผลจากการโหวตโนของกรีซ ยูโรโซนบี้กรีซติดดิน บังคับให้รัฐบาลกรีซต้องผ่านกฏหมายว่าด้วยการปฏิรูประบบบำนาญ ตลาดแรงงาน และปฏิรูปรัฐวิสาหกิจของรัฐเพื่อเพิ่มรายได้ ภายในวันพุธ15กรกฏาคม เพื่อแลกกับการอนุมัติแผนกู้เงินรอบใหม่ของอียู เหตุผลที่บังคับให้ต้องออกฏหมายเพราะอียูไม่มั่นใจกรีซจะปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ เลยบังคับให้ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาเพื่อสร้างความมั่นใจ..ผู้นำอียูคนหนึ่งยอมรับมาตราการที่กำหนดมามีสาเหตุส่วนหนึ่งจากการที่กรีซโหวตโน หากโหวต YES เห็นด้วย เงื่อนไขจะมีลักษณะผ่อนปรนมากกว่านี้ เจ้าหน้าที่กรีซคนหนึ่งยอมรับว่าเป็นข้อเสนอที่เลวร้ายมาก...
หากกรีซไม่รับแผนนี้ก็ต้องอกจากยูโรโซนสถานเดียว งานนี้ซีป๊าด จะเอาข้อเสนอกลับไปทำประชามติอีกไหม แน่จริงก็ลุยต่อเลย...


โซเชียลชื่นชมนายกบิ๊กตู่ ตอกหน้าอเมริกา UNHCR หงายเงิบ

โซเชียลชื่นชมนายกบิ๊กตู่ ตอกหน้าอเมริกา UNHCR หงายเงิบ

สุดยอดเลยลุงตู่ พลิกสถานการณ์ร้อน ที่อันธพาลโลก ทั้งไอ้กัน และติ่ง UNHCR ฮั้วกัน กะเหยียบรัฐบาลให้จมดิน เล่นงานไทยหนัก เรื่องค้ามนุษย์ และละเมิดมนุษยธรรม บีบให้ไทยเปิดค่ายผู้อพยพ และเปิดสนามบินให้แยงกี้เข้ามาใช้ ทั้งๆที่ไทย ไม่ใช่ต้นเหตุ และปลายเหตุ แผนการรับมือ ไม่ได้ยอมอ่อนข้อ กำหนดท่าทีชัดเจน รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม “การช่วยเหลือการโยกย้ายถิ่นฐาน แบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย“ แต่ไม่ยอมตั้งค่ายพักผู้อพยพทุกชนิด และไม่รับขึ้นฝั่ง ทั้งไม่ยอมให้ไอ้กัน ใช้สนามบินที่ภูเก็ต และอู่ตะเภา อย่างเป็นอิสระ หากสหรัฐฯ จะใช้ ช่วยชาวโรฮีนจา ต้องผ่านศูนย์ ศอ.ยฐ. ที่กองทัพไทยดูแลอยู่ ทั้งทางอากาศและทางทะเล ไม่ใช่จะเข้ามาใช้อะไร ก็ได้ในพื้นที่ประเทศไทย แลัิยู่ได้แต่วันที่ 11 มิ.ย.58 เท่านั้น … . คงรู้ฤทธิ์แล้วว่า ไทยไม่ใช่หมู ที่จะมาชี้นิ้วสั่ง หรือใช้แผนบีบไทยได้ง่าย
ทำเอาไอ้กัน ต้องยอมเปลี่ยนแผน จากไม้แข็ง เป็นไม้นวม หันมาอวยรัฐบาลไทย ไม่ใช่เวทีธรรมดา ในเวทีที่ รมว.กลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด และ ผบ.เหล่าทัพ ประเทศต่าง ๆ กว่า 30 ประเทศ เข้าร่วม นายแอสตัน คาร์เตอร์ รมว.กลาโหมสหรัฐฯ ชมไทย ในที่ประชุมด้านความมั่นคงทางทหารในภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิก ชื่นชมบทบาทประเทศไทย ถึงความร่วมมือช่วยเหลือ ด้านมนุษยธรรม และการบรรเทาภัยภิบัติ ในประเทศเนปาล เรื่องความร่วมมือ สนับสนุนการฝึกคอบร้าโกลด์ อีกทั้งเรื่องความตั้งใจในการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย และความริเริ่มมีบทบาทนำ ในการจัดประชุมการช่วยเหลือการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งการประชุมในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ร่วมกันที่ทุกประเทศสร้างความเข้าใจและขยายความร่วมมือแก้ปัญหาของภูมิภาคและร่วมสร้างสันติสุขที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก ขณะที่นาย เดวิด เชียร์ ผู้ช่วยรมว.กห.สหรัฐฯได้ขอบคุณประเทศไทย ที่จัดตั้ง ศอ.ยฐ. แสดงถึงมิตรภาพความสัมพันธ์และความร่วมมือไทย-สหรัฐฯ เพื่อความสงบสุขของภูมิภาค“

เตรียมเคาะ ผบ.ทบ.คนใหม่! เชื่อ "พล.อ.ปรีชา" ความรู้ดี มีโอกาสพลิกชนะ "พล.อ.ธีรชัย"




ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงกลาโหมถึงความคืบหน้าการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี2558แทนนายทหารที่เกษียณอายุราชการในเดือนก.ย. ซึ่งตำแหน่งที่ถูกจับตามองคือ เก้าอี้ผบ.ทบ.ที่จะมาแทน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร โดยมีแคนดิเดตที่สำคัญคือ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วยผบ.ทบ. รุ่นน้องของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม และ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วยผบ.ทบ. น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.

รายงานข่าวระบุ จากนี้คณะกรรมการพิจารณานายทหารชั้นนายพลจะมีการหารือกันนอกรอบ หลังหยิบยกรายชื่อของพล.อ. ธีรชัย และ พล.อ.ปรีชา มาพิจารณากันถึงความเหมาะสมได้ระยะหนึ่งแล้ว และจะมีการพูดคุยของคณะกรรมการพิจารณานายทหารชั้นนายพล ระดับกระทรวงกลาโหมโดยมี พล.อ.ประวิตร เป็นประธาน ช่วงปลายเดือนก.ค. และช่วงปลาย ส.ค. ก่อนจะได้ข้อสรุปเป็นเอกฉันท์และเสนอต่อนายกฯ เพื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ

รายงานข่าวเผยว่า ส่วนช่วงนี้อยู่ระหว่างพูดคุย เจรจาต่อรองของผู้สนับสนุนทั้ง 2 คน ซึ่งล่าสุดการพูดคุยเจรจากันระหว่างผู้สนับสนุนทั้ง 2 คน ยังไม่สามารถตกลงกันได้ว่าจะเลือกใครให้ดำรงแหน่งผบ.ทบ.คนที่ 39 แต่แรงผลักดันทางด้านพล.อ.ธีรชัย จะเหนือกว่าเล็กน้อยที่สัดส่วน 60-40 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม การพูดคุยยังไม่จบยังมีเวลาอีก 1 เดือนกว่า พล.อ.ปรีชา จึงยังมีโอกาสพลิกกลับมาได้เช่นกัน เพราะมีความรู้ความสามารถ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 1 ส.ค. ทางคณะกรรมการพิจารณาฯ ให้เหล่าทัพส่งรายชื่อผู้ที่จะมีการปรับย้ายให้กับกระทรวงกลาโหม เพื่อจะได้มีเวลาพูดคุยและแก้ไขในตำแหน่งต่างๆ ได้ทันเวลา