PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556

สิ้นแล้ว!สายัณห์ สัญญาด้วยโรคมะเร็งตับตั้งศพวัดไร่ขิง

innบันเทิงลูกทุ่ง วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ.2556 13:09น.

นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง  "เป้า-สายัณห์ สัญญา" เสียชีวิตแล้ว หลังป่วยด้วยโรงมะเร็งตับ ในวัย 60 ปี ลูก-ภรรยาร่ำไห้ ตั้งสวดพระอภิธรรมที่วัดไร่ขิง 

ปิดตำนานขุนพลเพลงลูกทุ่งขวัญใจคนเดิม เป้า สายัณห์ สัญญา หลังพบ หลังป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้ายและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลพระราม 9 และย้ายเข้ารักษาที่ โรงพยาบาลธนบุรี แต่อาการไม่ดีขึ้น เนื่องจาก คนไข้ไม่ให้รักษาด้วยเคมีบำบัดและฉายแสง แพทย์จึงได้ทำการรักษาตามอาการเพื่อให้สุขภาพคนไข้แข็งแรงขึ้นเท่านั้น โดยมีครอบครัวและเพื่อนพ้องทั้งในและนอกวงการ ทยอยเดินทางมาให้กำลังใจตลอดระยะเวลาที่ สายัณห์ รักษาตัวอยู่ และยังจะมีการจัดคอนเสิร์ตวันอำลาขวัญใจคนเดิม สายัณห์ สัญญา ขึ้นในวันที่ 14 กันยายน  ที่ MCC HALL THE MALL BANGKAPI


นางวรรณพร สัมฤทธิ์ ภรรยาของ สายัณห์ สัญญา เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า นักร้องชื่อดังได้สิ้นใจจากไปอย่างสงบแล้ว เมื่อเวลา 12.30 น. ในวัย 60 ปี ซึ่งสร้างความเศร้าโศกให้กับตน
เองและลูกหลาน เพื่อนฝูงเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ครอบครัวจะจัดพิธีรดน้ำศพ ในเวลา 16.00 น. และจะเคลื่อนย้ายศพไปตั้งสวดพระอภิธรรมที่ วัดไร่ขิง ในวันพรุ่งนี้

สำหรับประวัติของพี่เป้านั้น มีชื่อจริงเดิมว่า "สายัณห์ ดีเสมอ" ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น "พรสายัณห์ มีโชคดีเสมอ" เกิดเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ.2496 ที่ ต.ป่าสะแก อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เป็นบุตร นายอ่อง และ นางบุญช่วย ดีเสมอ ซึ่งประกอบอาชีพเป็นชาวนา พ.ศ.2515 คุณพ่อเล็ก และคุณแม่น้อยศรี อิงคะนันท์ ออกทุนให้สายัณห์อัดแผ่นเสียง เริ่มต้นจาก เพลงรักเธอเท่าฟ้า

ตั้งแต่ปี พ.ศ.2516 มีการตั้งวงดนตรีสายัณห์ สัญญา และนับตั้งแต่นั้น สายัณห์ ก็ผลิตผลงานออกมาประดับวงการลูกทุ่งเมืองไทยมากมาย ในปี พ.ศ.2525 สายัณห์ ได้ผ่าตัดลำคอทำให้เสียงกลายเป็น

เสียงแหบ และได้ฉายาว่า "แหบมหาเสน่ห์" จากนั้นในปี พ.ศ.2527 สายัณห์ ก็ได้เข้าสู่วงการภาพยนตร์อย่างเต็มตัว ทำให้ผลงานเพลงเงียบหายไปพักหนึ่ง แม้จะไม่เคยได้รับรางวัลทางการร้องเพลง

ใดๆ เลยก็ตาม แต่สายัณห์ก็เป็นนักร้องที่มีเสน่ห์ มีคำออดอ้อนแม่ยก แฟนเพลง ผู้สนับสนุน ด้วยประโยคที่คุ้นเคยคือ "รักสายัณห์น้อยๆ แต่รักนานๆ" ซึ่งเป็นรูปแบบของพระเอกลิเก มีการไว้เคราแพะ

เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว

เปิดภาพถ่าย "สมีพลชัย-ยิ่งลักษณ์" - สุดชั่วปลอมหนังสือสุทธิ 2 เล่มตบตาชาวพุทธ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์11 กันยายน 2556 07:30 น.

พระมหา ดร.พลชัย ถาวโร ประธานสงฆ์วัดสันติวิเศษสุข ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี หลังจากที่ถูกจับสึกเมื่อปี 2543 ก็ได้กลับมาบวชเป็นพระใหม่อีกครั้ง และในภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขณะเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชแห่งประเทศศรีลังกา โดยมีพระมหา ดร.พลชัย นั่งอยู่ด้วย
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
พระมหา ดร.พลชัย ถาวโร ประธานสงฆ์วัดสันติวิเศษสุข (ซ้ายมือ) พระมหา ดร.วิชัย ปุญญกาโม ประธานสงฆ์วัดขุนจันทร์ (ขวามือ) เป็นตัวแทนคณะสงฆ์ประเทศไทย พร้อมผู้นำเครือข่ายองค์กรชาวนาและภาคประชาสังคม ร่วมแถลงข่าวที่ตึกนารีสโสมร ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.56 หลังจากที่ได้หารือกับนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐนตรี เพื่อดำเนินโครงการเจริญพระพุทธมนต์เพื่อสร้างความสมานฉันท์และเป็นสิริมงคลแก่ประเทศไทยในวันที่ 26 มิ.ย.ระหว่างเวลา 14.22-15.22 น. ณ สุทัศน์เทพวรารามราชวรมหาวิหาร

ภาพเหตุการณ์ตอนโดนกองปราบฯ บุกจับกุมและถูกจับสึกเพราะต้องอาบัติปาราชิกเมื่อปี 2543

หนังสือสุทธิ 2 เล่มที่พระวันชัย หรือพลชัย ถาวโร (อุ่นทรัพย์) ถืออยู่ คาดว่าเป็นของปลอม

หนังสือสุทธิเล่มแรกที่ระบุที่ 20/2520 จากการตรวจสอบทราบว่า เป็นหนังสือสุทธิแบบใหม่ที่เพิ่งจะมีการนำมาใช้ในช่วงหลังปี 2540 เป็นต้นมา โดยจะมี "เลขประจำตัวประชาชนของผู้ถือหนังสือสุทธิ" ทั้งหมด 13 หลักกำกับอยู่

แต่กลับพบมีการระบุ "การอุปสมบท" เป็นพระของ "พระพลชัย ถาวโร" ว่าอุปสมบทเมื่อวันที่ 20 เม.ย.2520 วัดท่าช้าง ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี

ขณะที่หนังสือสุทธิเล่มที่ 2 ซึ่งเป็นรูปแบบเก่าที่ระบุเลขที่ 1/2545 ซึ่งจะไม่มี "เลขประจำตัวประชาชนของผู้ถือหนังสือสุทธิ" 13 หลักกำกับ

แต่กลับมีการระบุในหนังสือสุทธิ "การอุปสมบท" เป็นพระของ พระพลชัย ถาวโร ว่า อุปสมบทเมื่อวันที่ 27 ก.พ.2545 วัดมหาชัย ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม

ชัดเจนหนังสือสุทธิทั้ง 2 เล่มอาจเป็นของปลอม หลังตรวจสอบพบในหนังสือสุทธิทั้ง 2 เล่มมีการระบุชื่อ "พลชัย อุ่นทรัพย์" มาก่อนปี 2548 ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนชื่อใหม่จาก "วันชัย" เป็น "พลชัย" ในวันที่ 11 มี.ค.2548 และทำบัตรประชาชนใหม่ในวันเดียวกันที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จากนั้นได้ไปเปลี่ยนชื่อจาก "นายพลชัย" เป็น "พระพลชัย อุ่นทรัพย์" วันที่ 14 ก.พ.2554 ที่ อ.สะเดา จ.สงขลา

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - แฉปมชั่ว "สมีโล้นพลชัย" พกหนังสือสุทธิ 2 เล่มอย่างมีเงื่อนงำ แถมกรอกประวัติการบวช 2 ครั้งสุดมั่ว เอาการบวชครั้งที่ 2 ปี 45 ไปเขียนไว้ในเล่มเก่าแล้วเอาการบวชครั้งแรกปี 20 มาเขียนไว้ในเล่มใหม่ อีกทั้งยังกรอกชื่อ "พลชัย" มาตั้งแต่บวชเณรปี 17 ความจริงปรากฎเมื่อตรวจสอบพบเพิ่งเปลี่ยนชื่อใหม่ "วันชัย" เป็น "พลชัย" เมื่อ 11 มี.ค.48 พบเคยหนีคดีไปกบดานอยู่ที่ภาคใต้ก่อนโผล่เป็นใหญ๋ที่ "วัดเจ้าเงาะ" พระผู้ใหญ่ปล่อยลอยนวลเดินเข้าทำเนียบฯ นั่งแถลงข่าว ถ่ายรูปร่วมกับ "ยิ่งลักษณ์" เข้ากราบนัมสการสมเด็จพระสังฆราชแห่งประเทศศรีลังกา นำไปตั้งโชว์ที่วัดเจ้าเงาะ อวดบารมี 
      
        หลังจาก " ASTVผู้จัดการ " ได้มีการเสนอข่าวพบพระมหาพลชัย ถาวโร (อุ่นทรัพย์) อดีตพระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร เจ้าอาวาสวัดท่าช้าง ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ที่เคยถูกเจ้าหน้าที่กองปราบปรามบุกจับกุมคาชุด "พันเอก" ขณะขับรถยนต์หรูพาสีกาสาวไปนอนภายในบ้านพักย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี และถูกจับสึกเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2543 เนื่องจากอาบัติปาราชิก หลังจากนั้นก็ได้กลับมาบวชเป็นพระใหม่อีกครั้ง โดยล่าสุดพบปรากฏตัววางตัวเป็นใหญ่อยู่ที่วัดสันติวิเศษสุข หรือวัดเจ้าเงาะ ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี โดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น พระมหา ดร.พลชัย ถาวโร และพยายามที่จะยึดทรัพย์สินรวมทั้งที่ดินของวัดเจ้าเงาะ หลังจากพระครูวิเศษพัฒนคุณ (เที่ยง โฉมเฉลา) ผู้ก่อตั้งวัดได้มรณภาพลงเมื่อปี 2554 โดยพระมหา ดร.พลชัย ผู้นี้ได้เข้ามาอยู่ที่วัดนี้เมื่อประมาณปี 2553 ก่อนที่หลวงปู่เที่ยง จะมรณภาพเพียงปีเดียว
      
       จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลของ "ทีมเฉพาะกิจASTVผู้จัดการ" พบว่าปัจจุบันพระมหา ดร.พลชัย ได้ถือหนังสือสุทธิด้วยกันทั้งหมด 2 เล่มอย่างที่ไม่เคยมีพระสงฆ์องค์ใดเคยถือมาก่อน และจากการตรวจสอบก็พบว่า หนังสือสุทธิทั้ง 2 เล่มน่าจะเป็นเอกสารปลอม
      
       **ถือหนังสุทธิ 2 เล่มกรอกประวัติ"ไม่ตรงกัน"
      
       เล่มแรก... จากการตรวจสอบพบว่าเป็นหนังสือสุทธิเล่มใหม่ที่เพิ่งจะมีการนำมาใช่ในราวๆ ปี 2540 เป็นต้นมา โดยหนังสือสุทธิเล่มใหม่นี้จะมี "เลขประจำตัวประชาชนของผู้ถือหนังสือสุทธิ จำนวน 13 หลักกำกับอยู่" ส่วนหนังสือสุทธิแบบเก่าจะไม่มี "เลขประจำตัวประชาชนของผู้ถือหนังสือสุทธิ" 
      
        โดยในหนังสือสุทธิแรกเล่มนี้มีการระบุเลขที่ไว้ว่า...ที่ 20/2520 
       เลขประจำตัวประชาชนของผู้ถือหนังสือสุทธิ 3-7202-00283-31-4 
       ด้านล่างเลขประจำตัวประชาชนของผู้ถือหนังสือสุทธิ จะมีรูป "พระพลชัย" ติดอยู่ ซึ่งเป็นรูปสมัยที่ยังเป็นหนุ่ม พร้อมกับมีลายมือชื่อกำกับด้านล่างรูประบุว่า "พระมหาพลชัย ถาวโร" สังกัดมหานิกาย
       ในหนังสือระบุ "สถานะเดิม" ว่า "นายพลชัย อุ่นทรัพย์"
       วิทยฐานะ ม.ศ.3 อาชีพ ทำนา 
       เชื้อชาติ ไทย สัญชาติ ไทย
       สันฐาน สันทัด สีเนื้อดำ-แดง
       ตำหนิ แผลเป็นที่นิ้วชี้ซ้าย
       บิดา นายยง มารดา นางเครือ
       เกิด ปีระกา วันที่ 26 มกราคม 2500 บ้านเลขที่ 26 หมู่ 6 ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี
      
       "บรรพชา"...เป็นสามเณร ชื่อ "ส.ณ.พลชัย อุ่นทรัพย์" เมื่ออายุ 17 ปี ณ วันที่ 5 เมษายน 2517 วัดท่าช้าง ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี โดยมีพระครูไพโรจน์ธรรมคุณ เป็นพระอุปชฌาย์ โดยหนังสิอสุทธิเล่มนี้ให้ไว้ ณ วันที่ 6 เมษายน 2517 ลงลายมือชื่อ พระครูไพโรจน์ธรรมคุณ พระอุปชฌาย์ วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี
      
       "อุปสมบท"...เป็นพระ ชื่อ "พระพลชัย" ได้รับฉายา "ถาวโร
       พระอุปัชฌาย์ - พระครูไพโรจน์ธรรมคุณ (อดีตเจ้าอาวาสวัดหัวเขา ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี มรณภาพแล้ว)
       พระกรรมวาจาจารย์ - พระสมุห์เชวง ญาณวีโร
       พระอนุสาวนาจารย์ - พระบัว เตชวโร
       อุปสมบทเมื่ออายุ 20 ปี ณ วันที่ 20 เมษายน 2520 เวลา 13.35 น.วัดท่าช้าง ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี พระอุปัชฌาย์ พระครูไฟโรจน์ธรรมคุณ
       โดยหนังสิอสุทธิเล่มนี้ให้ไว้ ณ วันที่ 6 เมษายน 2520 ลงลายมือชื่อ พระครูไพโรจน์ธรรมคุณ พระอุปัชฌาย์ เจ้าอาวาสวัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี
      
       "สังกัดวัด"...วัดหัวเขา ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ณ วันที่ 6 เมษายน 2520
       "ย้ายสังกัด" ไปอยู่วัด "ธุดงคสถานวิเศษสุข" (วัดเจ้าเงาะ) ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2553
       "เหตุที่ย้าย" ไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
       ลงลายมือชื่อ พระครูไพโรจน์ธรรมคุณ
        แต่ทางวัด "ธุดงคสถานวิเศษสุข" ยังไม่ได้รับเข้าสังกัด
      
       ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า พระครูไพโรจน์ธรรมคุณ ได้มรณะภาพแล้วก่อนปี 2553 ดังนั้น ลายเซ็นต์ พระครูไพโรจน์ธรรมคุณ ในหนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นลายเซ็นต์ปลอม
      
       **เล่มที่ 2 เป็นแบบเก่าแต่นำมาเขียนใหม่
      
       เล่มที่สอง...เป็นหนังสือสุทธิแบบเก่าไม่มี "เลขประจำตัวประชาชนของผู้ถือหนังสือสุทธิ" จำนวน 13 หลักกำกับ แต่กลับมีการนำมาใช้ในปี 2545 ซึ่งปัจจุบันจะไม่ค่อยมีการนำมาใช้กันแล้ว
       
       โดยในหนังสือสุทธิเล่มนี้มีการระบุเลขที่ไว้ว่า...ที่ 1/2545
       ด้านล่างจะมีรูปพระพลชัย ติดอยู่ พร้อมลายมือชื่อกำกับด้านล่างรูประบุ "พระพลชัย ถาวโร" สังกัดมหานิกาย
       ในหนังสือระบุ "สถานะเดิม" ว่า นายพลชัย อุ่นทรัพย์
       วิทยฐานะ ม.ศ.3 อาชีพ นักธุรกิจ
       เชื้อชาติ ไทย สัญชาติ ไทย
       สันฐาน สันทัด สีเนื้อ ดำแดง
       ตำหนิ แผลเป็นข้อแขนซ้าย
       เกิด ปีระกา วันที่ 26 มกราคม 2500 ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี
      
       "อุปสมบท"...เป็นพระ ชื่อ "พระพลชัย" ได้รับฉายา "ถาวโร" 
       พระอุปัชฌาย์ - พระเทพวุฒาจารย์ (อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาชัย และอดีตเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม มรณภาพด้วยโรคชราปี 48)
       พระกรรมวาจาจารย์ - พระครูวิชัยสารกิจ (อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านนาควิชัย ต.ตลาด อ.เมืองมหาสารคาม มรณภาพเมื่อวันที่ 13 มี.ค.52)
       พระอนุสาวนาจารย์ - พระครูสุวิธานวิหารกิจ (เจ้าอาวาสวัดหลักสาม หรือวัดอาทิตย์จันทราราม ซอยเพชรเกษม 81 เขตหนองแขม กรุงเทพฯ วัดนี้พระพลชัย เคยมาอาศัยอยู่หลังจากถูกจับสึกเมื่อปี 2543 ก่อนที่จะไปอยู่ที่วัดเจ้าเงาะ)
      
       "อุปสมบท"...เมื่ออายุ 46 ปี ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2545 เวลา 17.39 น.วัดมหาชัย ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม
       ให้ไว้ ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2545 ลงลายมือชื่อ พระเทพวุฒาจารย์ พระอุปัชฌาย์
       "สังกัดวัด"...วัดนาควิชัย ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2545
       "ย้ายสังกัด" ไปอยู่ "วัดธรรมปัญญา" ต.พรหมณี อ.เมือง จ.นครนายก เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2552
       "เหตุที่ย้าย" เพื่อศึกษาและปฏิบัติธรรม
       ทางวัดธรรมปัญญา ได้รับเข้าสังกัดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2553 โดยมีลายเซ้นต์ "พระปลัดสายัณห์ สุวัณโณ เจ้าอาวาสวัดธรรมปัญญา" เซ็นต์กำกับรับเข้า
      
       **พบพิรุธหนังสุทธิ 2 เล่ม"เป็นของปลอม"
      
        ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังกัดว่า หนังสือสุทธิทั้ง 2 เล่มมีการทำสลับกัน ข้อสังเกตุ คือ ในหนังสือสุทธิเล่มแรกที่ระบุที่ 20/2520 จากการตรวจสอบทราบว่า เป็นหนังสือสุทธิแบบใหม่ที่เพิ่งจะมีการนำมาใช้ในช่วงหลังปี 2540 เป็นต้นมาโดยจะมี "เลขประจำตัวประชาชนของผู้ถือหนังสือสุทธิ" ทั้งหมด 13 หลักกำกับ แต่กลับพบมีการระบุ "การอุปสมบท" เป็นพระของ "พระพลชัย ถาวโร" ว่า อุปสมบทเมื่อวันที่ 20 เม.ย.2520 วัดท่าช้าง ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี 
      
       ขณะที่หนังสือสุทธิเล่มที่ 2 ซึ่งเป็นรูปแบบเก่าที่ระบุเลขที่ 1/2545 ซึ่งจะไม่มี "เลขประจำตัวประชาชนของผู้ถือหนังสือสุทธิ" 13 หลักกำกับ แต่กลับมีการระบุในหนังสือสุทธิ "การอุปสมบท" เป็นพระของ พระพลชัย ถาวโร ว่า อุปสมบทเมื่อวันที่ 27 ก.พ.2545 วัดมหาชัย ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม
      
       นอกจากนี้ ยังพบความผิดปกติในหนังสือสุทธิทั้ง 2 เล่ม ซึ่งระบุไม่ตรงกันในการย้ายสังกัดวัดด้วย โดยเล่มแรกที่ 20/2520 ระบุว่า ได้ย้ายสังกัดจากวัดหัวเขา ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ไปสังกัดวัด "ธุดงคสถานวิเศษสุข (วัดเจ้าเงาะ)" ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี "วันที่ 1 มกราคม 2553"
      
       ขณะที่เล่มที่ 2 ที่ 1/2545 ระบุว่าได้ย้ายสังกัดจากวัดนาควิชัย ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม ไปสังกัด "วัดธรรมปัญญา" ต.พรหมณี อ.เมือง จ.นครนายก "วันที่ 1 กรกฎาคม 2552" และทางวัดธรรมปัญญา รับเข้าสังกัด "วันที่ 26 มีนาคม 2553"
      
        จึงทำให้เกิดการสับสนว่า พระพลชัย ได้ย้ายไปอยู่ที่วัดไหนกันแน่ และหนังสือสุทธิทั้ง 2 เล่มดังกล่าวเล่มไหนเป็นเล่มจริง เล่มไหนเป็นที่ถูกปลอมแปลงขึ้นมา
      
       แต่จากการตรวจสอบลายเซ็นต์ของพระผู้ใหญ่ และตรวจสอบข้อมูลในหนังสือสุทธิทั้ง 2 เล่มคาดว่า น่าจะเป็นลายเซ็นต์ปลอม เช่นเดียวกับข้อมูลในหนังสือสุทธิทั้ง 2 เล่มที่มีการกรอกข้อมูลค่อนข้างจะสับสน ทั้งสถานที่ วันที่ และรายชื่อพระผู้ใหญ่ รวมทั้งตราประทับ ตลอดจนชื่อของพระพลชัย เอง ซึ่งบางเล่มระบุชื่อ "พระพลชัย" ขณะที่อีกเล่มระบุชื่อ "พระมหาพลชัย" จนหาความแน่นอนไม่ได้
      
       ประเด็นนี้เจ้าคณะตำบลบ้านพระ ต.บ้านพระ อ.เมืองปราจีนบุรี รวมทั้งพระผู้ใหญ่ใน จ.ปราจีนบุรี เคยถามพระพลชัย ว่า ทำไมถึงถือหนังสือสุทธิ 2 เล่มแล้วจะใช้เล่มไหนเป็นกันแน่ พระพลชัย กลับตอบกลับว่า "ผมใช้ได้ทั้ง 2 เล่ม"
      
       **พบเปลี่ยนชื่อเป็น "พลชัย" เมื่อปี 48
      
       อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พบว่า "นายพลชัย อุ่นทรัพย์" เดิมชื่อ "ด.ช.วันชัย อุ่นทรัพย์" เกิดเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2500 ปีระกา ที่บ้านเลขที่ 26 หมู่ 6 ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี
      
       หลังจากอุปสมบทเป็นพระเมื่อปี 2520 จนถูกเจ้าหน้าที่กองปราบปรามบุกเข้าจับกุมและจับสึกเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2543 หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีพฤติกรรมละเมิดผิดวินัยสงฆ์ เสพเมถุน ต้องอาบัติปาราชิก และสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (พระมหานิยม ฐานิสฺสโร) กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหารในขณะนั้น (ขณะนี้มรณะภาพแล้ว) ตามจับตัว จนต้องหนีคดีไปกบดานอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศแล้ว ต่อมาจึงได้ได้มีการเปลี่ยนชื่อใหม่จาก "นายวันชัย อุ่นทรัพย์" เป็น "นายพลชัย อุ่นทรัพย์" โดยเปลี่ยนชื่อครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 11 มี.ค.2548 และทำบัตรประชาชนใหม่ในวันเดียวกันที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
      
        หลังจากนั้นพบข้อมูลย้ายไปอยู่ที่บ้านเลขที่ 10/1 ถนนวิถีธรรม ต.สะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา และได้มีการทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่อีก โดยเปลี่ยนชื่อตัวและชื่อสกุลจาก "นายพลชัย อุ่นทรัพย์" เป็น "พระพลชัย อุ่นทรัพย์" วันที่ 14 ก.พ.2554 
      
        จากนั้นได้ย้ายไปอยู่ที่ "วัดสันติวิเศษสุข" (วัดเจ้าเงาะ) หรือ "ธุดงคสถานวิเศษสุข" เลขที่ 26/52 หมู่ 15 ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี และทำบัตรประชาชนครั้งสุดท้ายที่ "อำเภอเมืองปราจีนบุรี" วันที่ 2 ก.ค.56 
      
       ดังนั้น จึงชัดเจนแน่นอนว่าหนังสือสุทธิทั้ง 2 เล่มที่ พระพลชัย ถาวโร (อุ่นทรัพย์) ถืออยู่เป็นของปลอมแน่นอน และลายเซ็นต์ของพระผู้ใหญ๋ในหนังสือสุทธิทั้ง 2 เล่มดังกล่าวก็น่าจะเป็นลายเซ็นต์ปลอมด้วยเช่นกัน เพราะในหนังสือสุทธิทั้ง 2 เล่มมีการระบุชื่อ "พลชัย อุ่นทรัพย์" มาก่อนปี 2548 ก่อนที่จะมีการมาเปลี่ยนชื่อใหม่จาก "วันชัย" เป็น "พลชัย" ในวันที่ 11 มี.ค.2548 ก่อนที่จะมาตั้งตนเป็นใหญ่อยู่ที่ "วัดเจ้าเงาะ"
      
       **พบแหล่งกบดานที่ "สะเดา" เป็นที่มั่วสุม
      
       ทั้งนี้ จากการตรวจสอบบ้านเลขที่ 10/1 ถนนวิถีธรรม ต.สะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา พบว่าเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมวิเวกวนศรมรังสี ตั้งอยู่ในชุมชนหมู่บ้านตัวอย่าง ต.สะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา โดยปัจจุบันมีพระครูสมุห์ ทวีปปัญญาธโช ประจำอยู่ที่ศูนย์ฯนี้เพียงรูปเดียว
      
        พระครูสมุห์ ทวีปปัญญาธโช กล่าวว่า พระพลชัย อุ่นทรัพย์ เคยมาอยู่ที่นี่จริงโดยการลี้ภัย หนีพระผู้ใหญ่ที่ตามจับสึก เมื่อครั้งมีคดีเมื่อปี 2543 แต่เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องจริง เพราะพระพลชัย ถูกฝ่ายตรงข้ามกลั่นแกล้ง เมื่อสมัยตอนอยู่กับวัดธรรมกาย จึงบอกให้พระพลชัย สู้คดีจนชนะ และยังไม่ได้สึก ไม่ได้ปาราชิก ยังคงเป็นพระอยู่ และเมื่อสู้ชนะคดีก็ได้กลับไปอยู่ที่ จ.ปราจีนบุรี เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันพระพลชัย เป็นใหญ่เป็นโตอยู่อย่างสุขสบายแล้ว โดยตั้งสำนักขึ้นที่วัดเจ้าเงาะ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
      
       เมื่อถามว่าทำไม พระพลชัย ถึงได้หลบหนีมาอยู่ที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา พระครูสมุห์ บอกว่า เพราะพระพลชัย เคยเป็นลูกศิษย์ บ้านเดิมอยู่ท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรี บ้านห่างกันเพียงคนละฝั่งคลองเท่านั้น
      
       ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลศูนย์ปฏิบัติธรรมวิเวกวนศรมรังสี ทราบว่า ศูนย์ปฏิบัติธรรมดังกล่าวเป็นสถานที่พระจากวัดต่างๆ ทั่วทุกภาคชอบมาพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นพระที่หนีคดีความผิดจากทางโลก เมื่อมาอยู่แล้วจะมีการมั่วสุมกันและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเคยมีการกวาดล้างเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดมาแล้ว
      
       **ยันสังกัดวัดนาควิชัยจริง แต่ไม่อยู่ที่วัด
      
        ทางด้านพระครูสมุห์อำนวย ฐิตปุญฺโญ เจ้าอาวาสวัดนาควิชัย อ.เมือง จ.มหาสารคาม กล่าวว่า พระวันชัย หรือพระพลชัย ถาวโร สังกัดวัดนาควิชัย จริง สาเหตุที่ย้ายวัด เพราะจะไปเป็นเจ้าอาวาสที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.บ้านนา จ.นครนายก โดยได้นำใบสุทธิมาให้ตนเซ็นต์เพื่อที่จะขอย้ายวัด เพราะตามปกติพระจะไปจำพรรษาที่ไหนต้องมีสังกัด แต่พระพลชัย ไม่เคยมาจำพรรษาที่วัดนาควิชัยถึงเดือนเลย ส่วนใหญ่จะไปจำพรรษาที่อื่นที่ จ.สุพรรณบุรี
      
       ส่วนที่มีการอ้างว่าพระอุปัชฌาย์ คือพระเทพวุฒาจารย์ อดีตเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม ที่บวชให้แก่พระพลชัย เมื่อปี 2545 อีกครั้งหนึ่งนั้น ยืนยันว่า เป็นเรื่องจริง เนื่องจากมีความคุ้นเคยกันมาก่อนตั้งแต่ตอนบวชอยู่ที่วัดมหาธาตุฯ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ แต่ไม่ได้คลุกคลี แต่ต่อมาพระพลชัย มีปัญหาเรื่องคดีถูกจับสึกและเมื่อเคลียร์คดีเสร็จก็กลับมาบวชใหม่
      
       ด้านพระครูปลัดทวีศักดิ์ ฐิตธมฺโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดนาควิชัย กล่าวว่า เรื่องราวของพระวันชัย หรือพระพลชัย ผ่านมากว่า 10 ปีแล้ว หลังจากพระเทพวุฒาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้แล้วก็ไปสังกัดวัดนาควิชัย หลังจากนั้นก็ไปเรื่อยๆ และทราบว่าไปอยู่ที่วัดทางนครนายก
      
       "ตอนเป็นข่าวหนังสือพิมพ์แต่งตัวเป็นทหาร ทราบว่าได้ถูกจับสึกแล้ว และตอนมาที่นี้ก็แต่งตัวเป็นโยมมา หลังจากมาหาพระเทพวุฒาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดสมัยนั้น ตกลงจะบวชให้ เพราะเข้าบอกว่าเรื่องคดีเสร็จสิ้นไปแล้ว แต่หลังจากบวชแล้วก็ไปเรื่อยๆ ไปค่อยอยู่วัด ทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย จนกระทั่งถูกทางสำนักพุทธมาทักท้วงมาอยู่บ่อยครั้งเรื่องสังกัด พระพลชัยก็เลยมาขอย้ายวัด แต่ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกันอีก"
      
       **เปิดภาพถ่ายรูปกับ "ปู-ยิ่งลักษณ์"
      
       แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีใครที่จะเข้าไปดำเนินการกับพระมหา ดร.พลชัย และยังคงปล่อยให้ลอยนวลอยู่ในวงการสงฆ์ได้อย่างสง่าผ่าเผย โดยที่ทางพระเถระผู้ใหญ่ และสำนักพระพุทธศาสนา ไม่ได้ใส่ใจที่จะดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.56 ที่ผ่านมาพระมหา ดร.พลชัย และพระมหา ดร.วิชัย ปุญญกาโม ประธานสงฆ์วัดขุนจันทร์ พร้อมผู้นำเครือข่ายองค์กรชาวนาและภาคประชาสังคมได้ไปนั่งร่วมกันแถลงข่าวที่ตึกนารีสโสมร ทำเนียบรัฐบาล เพื่อดำเนินโครงการเจริญพระพุทธมนต์เพื่อสร้างความสมานฉันท์และเป็นสิริมงคลแก่ประเทศไทย ในวันที่ 26 มิ.ย.56 ระหว่างเวลา 14.22-15.22 น.ที่วัดสุทัศน์เทพวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร
      
        อีกทั้งยังพบว่าช่วงที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เข้ากราบนัมสการสมเด็จพระสังฆราชแห่งประเทศศรีลังกา พระมหา ดร.พลชัย ผู้นี้ก็ได้ปรากฎตัวไปนั่งอยู่ในสถานที่นั้นด้วย ซึ่งไม่ทราบว่าทางคณะสงฆ์ พระเถระผู้ใหญ่ ซึ่งต่างก็รู้ถึงพฤติกรรมของพระมหา ดร.พลชัย ในอดีตดีว่าได้สร้างความหม่นหมองให้กับวงการสงฆ์มามากน้อยขนาดไหนทั้งในอดีตและปัจจุบัน แต่ก็ยังปล่อยให้ลอยนวลเข้าไปในสถานที่สำคัญเช่นนั้นได้
      
        โดยภาพดังกล่าวที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำลังสนธนากับสมเด็จพระสังฆราชแห่งประเทศศรีลังกา โดยมี พระมหา ดร.พลชัย ผู้อื่อฉาวผู้นี้นั่งอยู่ใกล้ๆ ด้วย ได้ถูกพระมหา ดร.พลชัย นำไปใส่กรอบตั้งโชว์ไว้ภายในวัดเจ้าเงาะ เพื่อโชว์ให้ผู้ที่มาทำบุญได้เห็นถึงบารมีของตนเอง โดยจะมีพระลูกวัดค่อยแนะนำและประชาสัมพันธ์ชวนเชื้อเพื่อให้เกิดความศรัทธาจากนั้นก็จะได้สละทรัพย์สมบัติของตนเองให้