PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2560

คุก 5 ปี'ไผ่ ดาวดิน' ผิดคดี ม.112 สารภาพลดเหลือ 2 ปี 6 เดือน

คุก 5 ปี'ไผ่ ดาวดิน' ผิดคดี ม.112 สารภาพลดเหลือ 2 ปี 6 เดือน
15 ส.ค. 60 ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาสั่งจำคุก 2 ปี 6 เดือน ลดโทษจาก 5 ปี นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน นักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ภาคอีสาน ผู้ต้องหาตามความผิดประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112 และพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ จากกรณีแชร์บทความของสำนักข่าวบีบีซีไทย
โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมานายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน ในฐานะทนายความของ ไผ่ ดาวดิน เปิดเผยกับ บีบีซีไทย ว่า ไผ่ จะตัดสินใจรับสารภาพในคดีดังกล่าว ในการสอบพยานฝ่ายโจทก์เป็นนัดที่ 2 ซึ่งที่ผ่านมาศาลจังหวัดขอนแก่น ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและสื่อมวลชนเข้าไปภายในห้องพิจารณาคดี
ทั้งนี้ไผ่ ดาวดิน ถูกควบคุมตัวที่ทัณฑสถานบำบัด จังหวัดขอนแก่น ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2559 และทนายความได้ยื่นขอประกันตัวรวม 10 ครั้ง โดยศาลจังหวัดขอนแก่นมีคำสั่งไม่อนุญาตคำขอดังกล่าว

ไม่ใช่เวลานักการเมือง

ไม่ใช่เวลานักการเมือง
"นายกฯ" ยัน ลงพื้นที่ ครม.สัญจร ไม่ได้จ้องจับตานักการเมือง เคลื่อนไหว ลั่นไม่ให้เครดิต ชี้ยังไม่ใช่เวลานักการเมือง ยันไม่ได้ทำร้ายคนจน ยัน ผมไม่รู้จักใครสักคน ใครผิดก็คือผิด ขึ้นบัญชีก็ต้องขึ้นบัญชี ผมไม่ช่วยใครทั้งสิ้น เพราะผมช่วยใครไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.กล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร 21-22 สิงหาคมนี้ว่า ไม่ได้จัดประชุม เพื่อค้นหาความเคลื่อนไหวนักการเมือง หรือจะไปจับตานักการเมือง เพราะผมไม่สนใจ และไม่ให้เครดิตอยู่แล้ว เพราะไม่ใช่เวลาของเขา
แต่วันนี้ผมต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งที่ผ่านมา 3 ปี ผมได้พยายามทำอย่างเต็มที่ และจะใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ไปฟังจากปากของประชาชนว่า สิ่งที่รัฐบาลทำมาเป็นอย่างไร มีปัญหาตรงไหน ถึงประชาชนหรือไม่ หรือว่าไม่ถึง และถ้าไม่ถึงจะต้องทำอย่างไร ขณะเดียวกันจะอธิบายขั้นตอนการใช้งบประมาณที่จัดสรรลงมา

"แต่ถ้าทุกคนพยายามบอกว่าประชาชนข้างล่างยังไม่ได้เงิน ขอถามว่าจะให้ได้อย่างไรด้วยการเอาเงินโอนให้ไปหรือ แล้วมันโอนได้หรือไม่ ซึ่งต้องดูว่าจะเข้ากรอบการช่วยเหลือในเรื่องการขึ้นทะเบียนไว้ได้หรือไม่
แต่ก็ต้องถามว่าจะเอาเงินที่ไหนให้ บางอย่าง อยากจะให้ แต่ไม่มีเงิน ถึงมีเงินให้มันก็ผิดกฎหมาย จะต้องหาวิธีการที่เหมาะสม ค่าน้ำ ค่าไฟ จะทำให้เขาได้อย่างไร
และตอนนี้ก็จะมาขอให้ลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งผมไม่ได้เป็นผู้ผลิต รัฐบาลสั่งเขาได้หรือไม่ ซึ่งต้องขอความร่วมมือ ขณะที่รัฐบาลจะดูในเรื่องมาตรการทางภาษี จะสามารถชดเชยได้หรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า รายได้ของรัฐบาลมาจากการจัดเก็บภาษีจากประชาชนและภาคธุรกิจ ซึ่งรัฐบาลเองพยายามทำหลายอย่างให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และมีแนวคิดปรับรูปแบบตั้งบริษัท แต่ก็ยังมีการคัดค้านกัน เพราะทุกคนกลัวว่าจะไม่ได้สิทธิประโยชน์เท่าเดิม ความยากง่ายมันอยู่ตรงนี้ รัฐบาลพร้อมให้ทุกอย่างที่ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดกติกาการค้าโลก รัฐบาลคิดทุกเม็ด
และขอให้เข้าใจว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มุ่งหวังจะทำร้ายคนจน วันนี้รัฐบาลรู้ดีว่างบประมาณที่ลงไปเป็นโครงการขนาดใหญ่เยอะพอสมควร บริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ก็ได้ไป บริษัทขนาดเล็กยังไม่ได้ ผมกำลังให้พิจารณาให้บริษัทเล็กได้โครงการของรัฐบ้าง โดยตั้งงบประมาณให้ต่ำลง แต่ไม่ใช่บริษัทใหญ่มาล้วงลูกประมูล ซึ่งก็ต้องดูขีดความสามารถของบริษัทเล็กด้วย
"ไม่ใช่ประมูลแล้วทิ้งงาน พวกนี้ขึ้นบัญชีไว้แล้ว วันหน้าไม่ต้องมาทำอะไรกับรัฐอีก
ผมไม่รู้จักใครสักคน ใครผิดก็คือผิด ขึ้นบัญชีก็ต้องขึ้นบัญชี ผมไม่ช่วยใครทั้งสิ้น เพราะผมช่วยใครไม่ได้ ประเทศกำลังรอรับการช่วยเหลือจากพวกเราทุกคนอยู่ ให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน จึงพยายามออกกฎหมายมาหลายฉบับ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนภาคแรงงานตอนนี้ผมให้พิจารณาให้เสียค่าปรับ โดยแยกประเภท แต่บางคนยังไม่ยอมไปทำ ซึ่งเขาเปิดให้ทำถึงเดือนธันวาคมก็ยังไม่ไปทำ อ้างว่าจะต้องทำงานครบทุกคน ทุกวัน แล้วทำไมไม่จัดเวรกันไป พอหมดเวลาก็มาร้องขอต่ออายุ ผมให้ไม่ได้ เพราะต่อให้มาเยอะแล้ว ไปขึ้นทะเบียนตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้

เลือกตั้ง 'ควรโหมโรงตอนไหน'?

เร็วเนอะ.........!
แป๊บเดียวก็ ๑๕ สิงหา ดูเหมือนเป็นวันที่ "ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง"
ให้คู่ความในคดีปล่อยปละให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว คือ "ยิ่งลักษณ์-อัยการ"
ส่งคำแถลงปิดคดี "เป็นลายลักษณ์อักษร" ต่อศาลในวันนี้
และสัปดาห์ถัดไป .........
ศุกร์ที่ ๒๕ สิงหา ศาลนัดให้มาฟังคำตัดสิน ตอน ๙ โมงเช้า!
ก็อย่างที่เคยคุยกันไปแล้ว ตามรัฐธรรมนูญใหม่ สมมุติศาลตัดสินว่า "ยิ่งลักษณ์ผิด"
ก็ยังไม่ต้องเข้าคุกทันทีเหมือนก่อน!
เพราะ มาตรา ๑๙๕ วรรค ๔ บอกว่า.............
"คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้อุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา"
คือยังมีก๊อก ๒
รอฟังคำตัดสินวันที่ ๒๕ สิงหาก่อน ผลเป็นอย่างไร ประเมินความหนัก-เบาตอนนั้นแล้ว ค่อยตัดสินใจ ก็ยังมีเวลา
สรุปว่า ยังสามารถอยู่โชว์สวยได้ต่อไป ให้สมกับคำที่แถลงต่อศาลไปเมื่อ ๑ สิงหาที่ว่า
"ดิฉันเป็นเหยื่อของเกมการเมืองที่ลึกซึ้ง".......
"ดิฉันไม่ได้ทำอะไรผิด แต่สิ่งที่ดิฉันทำ คือการใช้ประสบการณ์ของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง........"
ครับ...ทั้งหมด ควรรอคำ "ชี้ขาด" ของศาล
ช่วงนี้ ใครก็ไม่ควรแสดงความคิดเห็นไปในทางชี้นำคดีให้คนคล้อยตามว่าผิด-ว่าถูก และว่าคำตัดสินจะออกมาแบบไหน?
เพราะตอนนี้ บ้านเมืองก็ไม่ค่อยมีใคร-ฟังใคร เหมือนไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวให้เป็นหนึ่งอยู่แล้ว
ขืนยึดพวก-ยึดหมู่ เป็นเกณฑ์ชี้ขาดขึ้นมาอีก อะไรที่ผิดจากใจ-จากประโยชน์ตัวเอง เป็นต้องราวี-ตีต่อ
แบบนั้น สังคมบ้านเมืองเรา จะไม่ยิ่งต่ำตมไปกว่าสังคมอเมริกันที่เมืองชาร์ลอตส์วิล รัฐเวอร์จิเนีย ตอนนี้ดอกหรือ?
ก็รู้อยู่หรอก ว่าสังคมโลกยุคโลกาภิวัตน์ เครื่องมือไอทีมันกินเบรก คือสติความนึกคิดของมนุษย์ไปเกือบหมด
สติ-สัมปชัญญะมนุษย์ทุกวันนี้ ตกเป็นทาส "ความเร็ว" อย่างเดียว อะไรๆ ก็ต้องเร็ว...เร็ว...เร็ว
เร็วขนาดไหน ก็ยังไม่ทันใจมนุษย์ยุคไอทีอยู่ดี!
ฉะนั้น เราทุกคน ควรหาเวลาวันละซัก ๕ นาที ๑๐ นาที ตอนเข้าห้องน้ำก็ได้
พยายามดึงสติกลับมาอยู่กับการพูด-คิด-ทำของเราให้มาก ให้บ่อย เป็นการทบทวนชีวิตด้วยสัมมาสติ
อย่าปล่อยให้เจ้าความเร็วจากเครื่องมือไอที มันลากให้เราต้องใช้สัญชาตญาณดิบตอบสนองเรื่องราว มากกว่าใช้สติทบทวน-ไตร่ตรอง
คือให้ชีวิต "ติดเบรก" ไว้บ้าง
ใช้เหตุและผลให้มากกว่าใช้สัญชาตญาณดิบ ซึ่งไม่มีสติกำกับ!
ไหนๆ ก็พูดเรื่องนี้แล้ว ...........
ขอไปเรื่องบุญ-เรื่องกุศล เป็นสารส้มแกว่ง "แก้ใจขุ่น" สักนิด
"พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก" วัดป่านาคำน้อย อุดรธานี ผู้ศิษย์ "หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน" บอกมาว่า
วันที่ ๗ ตุลา ๖๐ เวลา ๐๙.๐๐ น. คณะญาติโยมจะทอดกฐินสามัคคี ๘๔,๐๐๐ กอง (กองละ ๓,๐๐๐ บาท)
ณ วัดเกษรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) อุดรธานี
ก็แจ้งให้ญาติโยมได้ทราบ ท่านใดประสงค์เป็นเจ้าภาพ จะคนละกี่กองตามแต่กุศลเจตนา
ทางคณะผู้ทอดกฐินสามัคคี แจ้งว่า สามารถโอนเงินเข้าบัญชีได้
ชื่อบัญชี "กฐินสามัคคี ๘๔,๐๐๐ กอง"
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาถนนทหาร อุดรธานี บัญชีออมทรัพย์เลขที่ ๗๒๑-๒๓๘๑๘๘-๘
ทั้งนี้ เพื่อสมทบสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน)
ครับ...พระอาจารย์แจ้งมา ผมก็ป่าวประกาศต่อ ปีนี้ ออกพรรษาวันที่ ๕ ตุลา
ห่างไปอีก ๒ วัน คือวันเสาร์ที่ ๗ ตุลา ก็จะทอดกฐินกันที่วัดหลวงตาพระมหาบัว ก็บอกให้ทราบแต่เนิ่นๆ
เพื่อท่านจะได้วางตารางเวลาถูก จะไปด้วยตัวเอง หรือไปไม่ได้ แต่ประสงค์จะรับเป็นเจ้าภาพกองกฐิน จะได้จัดสรรถูกตามกาลอันควร
พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์หลวงตา ที่วัดป่าบ้านตาดนั้น ลงมือตอกเสาเข็มไปแล้วตั้งแต่ตอนต้นปี
ได้ไปกราบนมัสการพระอาจารย์อินทร์ถวาย ที่วัดป่านาคำน้อยเมื่อ ๒-๓ เดือนก่อน ท่านได้เมตตาเล่ารายละเอียดในการก่อสร้างให้ฟัง
ขากลับจากวัดป่านาคำน้อย ที่อำเภอนายูง ผ่านไปทางวัดป่าบ้านตาด ที่อำเภอเมือง
ตั้งใจจะแวะเข้าไปดูการตอกเสาเข็ม แต่ดูเวลาแล้ว ไม่ทันเรือบินที่จะกลับแน่ เลยไม่ได้เข้าไป
นี่ก็ผ่านมาค่อนปี เข้าใจว่างานก่อสร้างคงคืบหน้าไปตามลำดับ แต่ถึงขั้นไหนผมไม่ทราบ
ทราบแต่ว่า ต้องใช้เงินทองในการก่อสร้างมากทีเดียว เป็นเงินทองจากคณะศิษย์และผู้เคารพ-ศรัทธาในหลวงตา ซึ่งมีเป็นทุนอยู่บ้างแล้วหลายร้อยล้าน
แต่ไม่พอหรอก ...........
คณะศิษย์สงฆ์-ศิษย์ฆราวาส ต่างช่วยกันตามกาลตามเวลา และตามโอกาสอันควร
เพื่อยังประโยชน์ต่อชาติ ต่อแผ่นดิน ต่อพระพุทธศาสนา ผ่านแกนศรัทธาในองค์หลวงตาพระมหาบัว
ดังจะรวบรวมทั้งคำสอนและประวัติหลวงตาทั้งหมดไว้ในพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ที่กำลังสร้างขณะนี้
เพื่อให้เป็นศูนย์กลางศึกษาพระพุทธศาสนาและคำสอน สัมพันธ์สถาบันหลักของชาติในอีสาน สืบไว้เป็นมรดกแผ่นดินพุทธศาสน์
อย่างเมื่อเมษา ๖๐ ทางจังหวัดอุดรฯ ก็จัดงานทอดผ้าป่าสามัคคีไปครั้งหนึ่ง
และในโอกาสกฐินกาลนี้ ทางคณะศิษย์ ก็จัดทอดกฐินสามัคคี ๘๔,๐๐๐ กอง กองละ ๓,๐๐๐ บาท ด้วยเป้าประสงค์เดียวกัน
ก็ช่วยกันรับเป็นเจ้าภาพคนละกอง-สองกอง ให้ครบ ๘๔,๐๐๐ กอง งานก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์จะได้เดินหน้าแบบไม่สะดุดหยุดยั้ง
ตอนหลวงตาดำรงธาตุขันธ์อยู่ บ้านเมืองมีวิกฤติทางการเงิน-การคลัง หลวงตายังช่วยค้ำพยุง ทอดผ้าป่าทองคำช่วยชาติ
รวบรวม "ทองคำแท่ง-ดอลลาร์" ส่งเข้าคลังหลวง พยุงฐานะประเทศ ไม่ให้ต่างชาติมันย่ำยีบีฑาได้
ถึงตอนนี้ ซึ่งศิษย์คณะต่างๆ ยังคงสานเจตนารมณ์หลวงตา รวบรวมทองคำส่งเข้าท้องพระคลังทุกปี
รวมทั้งหมดตอนนี้ ไม่กว่า ๒๐ กิโลกรัมไปแล้วรึ?
ทั้งดอลลาร์ เงินบาท และทองคำ คิดเป็นเงิน คร่าวๆ ต้องกว่า ๒ หมื่นล้านบาทขึ้นไปแล้ว จะกว่าเท่าไหร่ ผมไม่ทราบ
ท่านใดทราบ ตัวเลขและจำนวนทองคำที่ถูกต้อง ช่วยบอกเป็นวิทยาทานผมด้วย
นั่นคือ "เมตตา-บารมี" ค้ำจุนชาติ-ประชาชน จากหลวงตา
และตอนนี้ ถึงวาระที่เราจะแสดงออกซึ่งกตเวทิตาคุณ คือการตอบแทนคุณต่อผู้มีพระคุณบ้างแล้ว
เราทั้งหลาย ก็ควรต้องช่วยกัน สร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์หลวงตาให้ลุล่วงให้จงได้!
ยังไงก็ ผมจองไว้ในใจก่อน ๑ กองละ เผื่อท่านใดจะร่วมจองด้วยคนละกอง-สองกอง หรือครึ่งกองก็แล้วแต่
ถึงเวลาอันควร จะได้โอนเข้าบัญชีกฐินสามัคคี ๘๔,๐๐๐ กอง ไปทีเดียวกันเลย หรือท่านจะจองแล้วโอนเข้าบัญชีตามที่บอกไว้โดยตรงก็ได้
พูดกันตามเหตุผลที่ควรเป็น ผมว่า ยิ่งใกล้วัน "ออกพระเมรุ" เดือนตุลามากเท่าไหร่
พวกเรา ทุกคน-ทุกฝ่าย ควรช่วยกันสร้างบรรยากาศสังคมบ้านเมืองให้ "สะอาด-สว่าง-สงบ"
และร่มเย็น ด้วยรักสามัคคีต่อกัน ให้เป็นที่ปรากฏให้มากที่สุด
เรื่องขัดแย้งทางการเมือง เรื่องได้ประโยชน์-เสียประโยชน์ เรื่องเลือกตั้ง เรื่องจ้องป่วน-กวนกระแส ทั้งหลาย
ไม่เลิก-ไม่ละ ก็ตามใจ
แต่ "อดกลั้น" เอาไว้ชั่วคราวก่อนได้ไหม?
งาน "ออกพระเมรุ" เราคนไทยทุกคน ต้องระลึกว่า "เป็นเจ้าภาพร่วม" ในฐานะพสกนิกร
เจ้าภาพงาน ควรปฏิบัติอย่างไร ควรตระเตรียมทั้งบ้านเมืองและตัวเองต่อแขกเหรื่อที่จะหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศอย่างไร?
ทราบด้วยสำนึกประเสริฐกันแล้วมิใช่หรือ?
๑ มกราคม ๒๕๖๑ เมื่อไหร่.........
ใครจะเปลี่ยนบรรยากาศบ้านเมือง ด้วยเรียกร้องเลือกตั้งจากรัฐบาลแบบไหน-อย่างไร?
ผมจะได้ "เอาด้วย-ช่วยกัน"!

ตามรูปการณ์ยังยาก!

ตามรูปการณ์ยังยาก!

หยุดยาว พักชาร์จแบตเตอรี่กลับมาลุยต่อ

ตามสถานการณ์ที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นทันตา สำหรับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ที่วันเกิดครบรอบ 72 ปี เหมือนได้ “ยาดี” ฟื้นกำลังวังชา

ตามสัญญาณเชิงบวกที่ได้รับสิ่งพิเศษเป็นของขวัญ

โดยเฉพาะการที่ “น้องเล็ก” อย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ประกาศดังๆให้ได้ยินกันทั้งประเทศ “ท่านจะอยู่กับผมไปทั้งชาตินั่นแหละ”

บ่งบอกกันเป็นนัยว่า ขาด “พี่ใหญ่” ไม่ได้

ดับกระแส “สนิมเนื้อใน” จบข่าวลือขบวนการ “ตอกลิ่ม” ระหว่างพี่ๆน้องๆ

อีกคนก็คือนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจที่ยื่นใบลา “นายกฯลุงตู่” ไปเล่นบท “อากง” อุ้มหลานชายคนแรกที่สหรัฐอเมริกา

ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ตุนพลังกลับมาลุยโจทย์หินเศรษฐกิจ

“สมคิด” ก็คืออีกหนึ่งขาที่ต้องค้ำยัน “นายกฯลุงตู่” ตามสถานะของฟันเฟืองหลักตัวขับเคลื่อนงานที่รัฐบาล คสช.ขาดไม่ได้เหมือนกัน

เป็นอันว่า ตัวประคองเกมคนสำคัญของรัฐบาลกลับมาอยู่ในจุดที่พร้อมเดินเครื่องต่อ

ในเงื่อนสถานการณ์ที่ยังถือว่า “เข้าทาง” ล่าสุด “สวนดุสิตโพล” สะท้อนเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับรัฐบาลทหาร คสช.ที่ยังไม่ปลดล็อกให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรม ภายหลังกฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมืองและกฎหมายเลือกตั้งกำลังเข้าสู่กระบวนการประกาศบังคับใช้

นั่นหมายถึงพฤติกรรม “สะสม” ของนักการเมืองยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ

ประชาชนยังไม่หายผวากับภาพม็อบป่วนเมือง ปมเหตุจากนักการเมืองแก่งแย่งอำนาจ ชิงผลประโยชน์ จนประเทศไทยเกือบเข้าสู่ภาวะรัฐล่มสลาย

ประชาชนส่วนใหญ่ยังอยู่ในโหมดไว้วางใจรัฐบาลทหารมากกว่า

โดยเฉพาะกับฉากสถานการณ์เสี่ยงๆที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ตามปรากฏการณ์ที่ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำหนังสือแจ้งกระทรวงกลาโหมและกระทรวง มหาดไทยให้เข้มงวดกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ใช้งบประมาณในโครงการแฝงระดมมวลชนเข้ามาให้กำลังใจอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในวันพิพากษาคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าววันที่ 25 สิงหาคม

และนั่นก็สอดคล้องกับการที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง นปช.โวยออกอากาศ ขณะนี้แนวร่วมเสื้อแดงถูกสกัดอย่างหนัก รัฐบาล คสช.บล็อกทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรถตู้ รถบัส รถรับจ้าง รวมถึงแกนนำ นปช.ในพื้นที่ก็ถูกบล็อกเช่นกัน

พูดกันถึงขั้นหนักกว่ายุค “จอมพลสฤษดิ์”

ประเทศไทยจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ต้อง “Let It Be”

ดีกรีเกมมวลชนกลับมาตึงเครียด ล่อแหลมต่อเชื้อชนวนที่ตกค้างจากวิกฤติแตกแยก

แต่อีกจุดที่ประมาทไม่ได้ ปมหัวเชื้ออันตราย กับปรากฏการณ์การแตกแยกทางความคิดการเมืองระหว่างฝ่ายอนุรักษ์กับพวกหัวเสรีนิยมใหม่

ตัวอย่างชัดๆกรณีของ “เนติวิทย์” ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่ใช่แค่การปะทุในหมู่นักศึกษาปัญญาชนในรั้วมหาวิทยาลัย แต่ลามออกมาเป็นกระแสความขัดแย้งภายนอก

ทหารคนดัง ไฮโซเซเลบกระโดดร่วมวงโหมกระแสในโลกโซเชียลฯ

แสดงอารมณ์เคียดแค้น ชิงชัง อาฆาตกับคนที่เห็นต่างอย่างโจ๋งครึ่ม

และนั่นก็ไม่ใช่แค่เมืองไทย โดยปรากฏการณ์ยังลามทั่วโลก ไม่เว้นประเทศสหรัฐอเมริกา ดินแดนแห่งโลกเสรีประชาธิปไตย ที่ล่าสุดกลุ่มผู้สนับสนุนชาตินิยมผิวขาวสหรัฐฯ ปะทะกับกลุ่มผู้ประท้วงที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดชาตินิยมดังกล่าวในรัฐเวอร์จิเนีย

ถึงขั้นมีคนเสียชีวิต บาดเจ็บ ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน

ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ที่ทุกประเทศ ทุกทวีปต่างเผชิญภัยที่มากับโลกยุคใหม่ เทรนด์ที่มากับ “ไซเบอร์วอร์” หรือสงครามโซเชียลมีเดีย

ความขัดแย้งระหว่างพวกหัวใหม่สุดโต่งกับพวกอนุรักษ์สุดขอบ

พร้อมผสมโรงเพิ่มหัวเชื้อความขัดแย้งแตกแยกทางการเมืองในประเทศไทย

ก็ไม่ต้องคิดถึงการปล่อยผีนักการเมืองมาอาละวาดซ้ำ.

ทีมข่าวการเมือง

บิ๊กตู่ แจงโยกย้ายทหาร

"อย่าไปเชียร์ ไม่ใช่เชียร์ม้า เชียร์มวย เชียร์ไม่ได้" บิ๊กตู่ แจงโยกย้ายทหาร
ฟัง...นายกฯตู่ แจงการจัดทำโผโยกย้ายทหาร (แบบไม่อารมณ์เสีย ครั้งแรก)
บิ๊กตู่ ยันผมไม่เกี่ยวโผทหาร รับจากกห. ก็เตรียมทูลเกล้าฯ ชี้ยึดตามพรบ.กห. ผบ.เหล่าทัพ ลงนามทุกหน้า ไม่มีเปลี่ยนแปลง ยันยึดอาวุโส-ความเหมาะสม
"นายกฯบิ๊กตู่"ยัน ไม่ยุ่งเกี่ยวโผย้ายทหาร เพราะไม่ได้เป็น 7กรรมการกลาโหม ยันการโยกย้าย เป็นไปตามพรบ.กลาโหม มีการประชุมของคณะกรรมการฯที่มี รมว.กลาโหม เป็นประธาน แล้วกรรมการฯที่เป็น ผบ.เหล่าทัพ ประชุมแล้ว ก็จะลงนามในเอกสารกำกับทุกหน้า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีก ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบ ในการจัดทำ ยันกองทัพมีหลักเกณฑ์ในการโยกย้าย ยึดอาวุโส และความเหมาะสม ยกตัวอย่าง คนจะเป็น ผบทบ. ตัองพิจารณาจาก รอง ผบ.ทบ. อัตราจอมพล ก่อน จากนั้น ก็พิจารณาประธานที่ปรึกษา ทบ. ที่ก็อัตราจอมพล. จากนั้น ก็ค่อยพิจารณา ผช.ผบ.ทบ.(1) และ(2) แล้ว จึงพืจารณา เสธ.ทบ. แต่หากใครอาวุโส แต่ไม่เหมาะสม ก็จะย้ายไปในทางข้าง ก็ได้ ศักดิ์ศรีเท่ากัน เผย เมื่อได้รับ โผทหาร มาแล้ว ก็จะเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ ยันมีเวบาทัน เพราะภายในกย.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการจัดทำโผโยกย้ายแต่งตั้งนายทหารปลายปี ว่า ขอให้ทุกคนรู้ว่าเป็นเรื่องของพ.ร.บ.กระทรวงกลาโหม ในการแต่งตั้งมีคณะกรรมการ 7 คน ประกอบด้วย ผบ.เหล่าทัพ โดยมีรมว.กลาโหมเป็นประธาน ถือเป็นคณะกรรมการรับผิดชอบแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล
เมื่อมีการแต่งตั้งพิจารณากันเรียบร้อยแล้วในชั้นคณะกรรมการก็จะส่งมีการตรวจสอบเอกสารให้เรียบร้อย ซึ่งผมไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการเลย ผมมีหน้าที่ในการนำเสนอขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งในการประชุมของคณะกรรมการแต่ละเหล่าทัพจะมีบัญชีเสนอขึ้นมา
ฉะนั้นเขามีสิทธิที่จะถกแถลงกันในที่ประชุมคณะกรรมการ และแต่ละหน่วยงานเขาก็มีคนที่เตรียมการไว้อยู่แล้ว จึงต้องมีการหารือร่วมกันถึงความเหมาะสม
แต่ทั้งหมดทุกใบ ทุกหน้า ผบ.เหล่าทัพจะต้องเป็นผู้ลงนามทั้งสิ้น ก่อนที่จะส่งมาถึงผม เพื่อจะติ๊กตรงท้ายจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ฉะนั้นคนเหล่านั้นรับผิดชอบอยู่แล้ว
ดังนั้นการแต่งตั้งคนไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด จะเอาคนนั้นคนนี้ก็ได้ กองทัพไม่ใช่แบบนั้น มันก็มีคนกลุ่มหนึ่ง ระดับหนึ่ง ที่พร้อมจะแต่งตั้งได้ ซึ่งก็เป็นกลุ่มที่โตมาจากกองทัพ มากองรวมกันอยู่ข้างบน กว่าจะมาถึงยศพลเอก หรือยศพันเอกพิเศษ ก็ต้องมากองอยู่ที่กองทัพ เพราะตำแหน่งนายพลต้องแต่งตั้งโดยคณะกรรมการ ถ้าต่ำกว่านั้นไปเป็นเรื่องของแม่ทัพ ผู้การ
กองทัพบกก็แต่งตั้งรองนายพล โดยจะมีคณะกรรมการของกองทัพบกแต่งตั้งกันเอง รายชื่อที่เสนอมาในการแต่งตั้งหน่วยงานต้นสังกัดก็จะเป็นผู้เสนอ แม่ทัพรับมาจากผบ.พล ซึ่งมีคณะกรรมการระดับกองพลตั้งขึ้นมาอีก มันมีกรรมการทุกอัน
คนที่จะหลุดขึ้นมาข้างบน ก็ต้องมาดูอีกว่าจะเป็นผบ.ได้หรือไม่ ก็ต้องไปไล่ความอาวุโส 5 เสือกันอีก
คนที่จะเป็นผบ.คนแรกคือรองผบ.ทบ. เพราะตำแหน่งอัตราจอมพล กับประธานที่ปรึกษา อันนี้เป็นผบ.ได้ เมื่อพิจารณาจากตำแหน่งรองผบ.แล้ว ก็ต้องไปพิจารณาผู้ช่วยผบ.คนที่ 1 ผู้ช่วยผบ.คนที่ 2 และเสนาธิการ ตามลำดับอาวุโส ซึ่งเป็นเรื่องของคณะกรรมการที่จะพิจาณา

"ที่ผมพูดไม่ใช่ ผมไปยุ่งเกี่ยว แต่พูดเพราะเคยเป็นผบ.ทบ.มาก่อน ผมเคยเป็นคณะกรรมการ และเคยแต่งตั้งมา 4 ปีเต็มของผมที่เป็นผบ.ทบ. มีการประชุมร่วมกับรมว.กลาโหม ซึ่งที่ผ่านมาก็มีอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นรมว.กลาโหมอยู่ 1 ปี ผมก็ชี้แจงในที่ประชุมก็ฟังกันทั้งหมด
ฉะนั้นตำแหน่งหลักแบบนี้มันชี้กันไม่ได้นัก เพราะเป็นหัวใจของกองทัพ อย่าไปประเมินเอง บางทีท่านอาจจะรู้บ้างหรือไม่รู้บ้างว่าใครเป็นอย่างไร อย่าไปเชียร์ ไม่ใช่เชียร์ม้าหรือเชียร์มวย เชียร์ไม่ได้
แต่เห็นว่าใกล้จะเสร็จแล้ว เดี๋ยวทุกเหล่าทัพก็จะเซ็นลงนามลงมา แล้วปลัดกระทรวงกลาโหมจะเซ็นลงมา และรมว.กลาโหมจะเสนอมาที่ผม ซึ่งผมจะทำหน้าที่ในการนำขึ้นทูลเกล้าฯให้ทันเดือนกันยายน คนใหม่จะได้เริ่มทำงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เหมือนกันแต่งตั้งข้าราชการ เพียงแต่คนละแบบกัน
อันนี้มีคณะกรรมการผบ.เหล่าทัพทั้งหมด เพราะบางทีอาจมีการสลับย้ายที่ได้ เพราะศักดิ์ศรีเท่ากัน แต่ไม่ใช่ว่าจะเอาคนนี้ไป แล้วเอาคนนั้นขึ้น แต่เป็นการดูความเหมาะสม"

"นายกฯ"เผย "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ" พระราชทาน วีดิทัศน์ "สืบสาน รักษา ต่อยอด สร้างสุขปวงประชา"



"นายกฯ"เผย "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ" พระราชทาน วีดิทัศน์ "สืบสาน รักษา ต่อยอด สร้างสุขปวงประชา" สืบสานพระราชปณิธาน "ร.9-พระราชินีฯ" ขอสื่อช่วยเผยแพร่ ต่อยอด
พันเอกหญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกรัฐบาล เผยว่า ในที่ประชุม ครม.วันนี้ นายกฯได้นำวีดิทัศน์ ที่ได้รับพระราชทาน มาฉายให้ครม.ชม
ทั้งนี้ หลังการประชุม นายกฯได้นำมาแสดงแก่สื่อมวลชน โดยนายกฯ เผยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่ฯ พระราชทานให้มา
โดยทรงมีพระราชปรารภ ให้ศึกษาและน้อมนำพระราชดำริต่าง ๆ นี้ มาปฏิบัติให้ถูกต้องเหมาะสม และพอเพียงต่อ สถานการณ์ และก็เชื่อแน่ว่าจะแก้ปัญหา และทำให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ประเทศชาติและตนเอง
"พระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของเรามีมากหลาย ด้วยพระบารมีและพระเมตตา ได้ทรงพระราชทานแนวความคิด พระราชดำริและข้อปฏิบัติในการพัฒนาความเจริญ และความสุขให้แก่ประเทศชาติ และประชาชนมาหลายด้านหลายสิ่ง
หากจะได้ศึกษาและน้อมนำพระราชดำริต่าง ๆ นี้ มาปฏิบัติให้ถูกต้องเหมาะสม และพอเพียงต่อ สถานการณ์ และก็เชื่อแน่ว่าจะแก้ปัญหา และทำให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ประเทศชาติและตนเอง ซึ่งจะนำพามาสู่ความสุขและความเจริญกับทุก ๆ คน ตามพระราชปณิธานของล้นเกล้าล้นกระหม่อมตลอดไป หวังว่าวิดีทัศน์ชุดนี้จะเป็นประโยชน์ และนำความสุขความเจริญ มาสู่ผู้ชมในทุกประการ" พระราชปรารภ
โดยวิดีทัศน์ชุดนี้ มี 4 เรื่อง ได้แก่ น้ำ คือ ชีวิตแผ่นดิน, พิทักษ์ป่า พัฒนาสินสายน้ำ, พืชพรรณ ปลูกชีวิตมั่นคง และเศรษฐกิจพอเพียงนำทางชีวิต ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่าง ๆ เพื่อสืบสาน รักษา ต่อยอด พระราชปณิธาน และแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จประปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 มาสานต่อ เพื่อสร้างสุขแก่ปวงประชา
วิดีทัศน์ชุดนี้ รัฐบาลจะนำไปเผยแพร่แก่หน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างความเข้าใจในแนวพระราชดำริ และน้อมนำสู่การปฏิบัติต่อไป

ซึ่งเป็นวีดิทัศน์ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ จัดทำวิดีทัศน์ ชุดนี้ขึ้น เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9

บิ๊กตู่ ยันไม่ล้วง โผทหาร รับจากกห. ก็เตรียมทูลเกล้าฯ

บิ๊กตู่ ยันไม่ล้วง โผทหาร รับจากกห. ก็เตรียมทูลเกล้าฯ ชี้ยึดตามพรบ.กห. ผบ.เหล่าทัพ ลงนามทุกหน้า ไม่มีเปลี่ยนแปลงและแสดงความรับผิดชอบ ยันยึดอาวุโส-ความเหมาะสม
"นายกฯบิ๊กตู่"ยัน ไม่ยุ่งเกี่ยวโผย้ายทหาร เพราะไม่ได้เป็น 7กรรมการกลาโหม ยันการโยกย้าย เป็นไปตามพรบ.กลาโหม มีการประชุมของคณะกรรมการฯที่มี รมว.กลาโหม เป็นประธาน แล้วกรรมการฯที่เป็น ผบ.เหล่าทัพ ประชุมแล้ว ก็จะลงนามในเอกสารกำกับทุกหน้า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีก ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบ ในการจัดทำ ยันกองทัพมีหลักเกณฑ์ในการโยกย้าย ยึดอาวุโส และความเหมาะสม ยกตัวอย่าง คนจะเป็น ผบทบ. ตัองพิจารณาจาก รอง ผบ.ทบ. อัตราจอมพล ก่อน จากนั้น ก็พิจารณาประธานที่ปรึกษา ทบ. ที่ก็อัตราจอมพล. จากนั้น ก็ค่อยพิจารณา ผช.ผบ.ทบ.(1) และ(2) แล้ว จึงพืจารณา เสธ.ทบ. แต่หากใครอาวุโส แต่ไม่เหมาะสม ก็จะย้ายไปในทางข้าง ก็ได้ ศักดิ์ศรีเท่ากัน เผย เมื่อได้รับ โผทหาร มาแล้ว ก็จะเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ ยันมีเวบาทัน เพราะภายในกย.

ส่งจนท.ดูแล ตุลาการ-ผู้พิพากษาศาล คดีจำนำข้าว

ส่งจนท.ดูแล ตุลาการ-ผู้พิพากษาศาล คดีจำนำข้าว
"บิ๊กป้อม" เผย เตรียมส่งจนท.ไปดูแลความปลอดภัย ตุลาการศาล ผู้พิพากษาศาล ในคดี"ยิ่งลักษณ์" ก่อนการตัดสินคดี 25 สค. เพื่อความปลอดภัย โดยการดูแลความปลอดภัยของทั้งบุคคล และสถานที่ ให้ตำรวจ เป็นกำลังหลัก ในการดูแลตามกม.ปกติ.... วอนมวลชน อย่ามากันเลย เราไม่มีห้าม ไม่มีสกัดกั้น แต่มาก็ไม่มีที่จะยิน ขอให้กำลังใจ อยู่ที่บ้าน ....ยัน ไม่ห่วง มือที่สาม ฉวยโอกาส ใช้เหตุการณ์นี้ สร้างสถานการณ์ เพราะ จนท.เราดูแลอยู่
ไม่เชื่อ อปท. กล้าจัดตั้งรถ และเอางบฯ มาขน มวลชนมา วันติดสินคดี มีแต่พูดกัน ไม่มีใครทำหรอก เพราะทางมหาดไทย ดูแลอยู่

รบพิเศษ แถวทำเนียบฯ

รบพิเศษ
ภารกิจพิเศษ
ลาดตระเวณ
ซุ่มโป่ง แถว
ทำเนียบรัฐบาล

เปิดชื่อคนดังร่วมกก.ปฎิรูป11คณะ ขรก.-สปท.พรึบ เอนกคุมการเมือง บวรศักดิ์ดูกฎหมาย



กรณีการแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูป 11คณะ หลังประกาศใช้ พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ ซึ่งจะต้องแต่งตั้งภายใน 15 วัน โดยมีการเสนอชื่อต่อที่ประชุม ครม.วันนี้ ซึ่งรายชื่อส่วนใหญ่มาจาก สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และข้าราชการจากกระทรวงต่างๆ รวมถึงข้าราชการที่เกษียณอายุไปแล้ว โดยมีรายชื่อคนดัง อาทิ

ด้านการเมือง มี ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ อธิการวิทยาลัยบริหารรัฐกิจ ม.รังสิต เป็นประธานกรรมการ มีกรรมการ อาทิ ศ.ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ อาจารย์รัฐศาสตร์ มสธ. นายวันชัย สอนศิริ ทนายความ ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน มีนายกฤษฎา บุญราช ปลัดมท.เป็นประธาน กรรมการอาทิ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อดีต ปลัดมท. นายถวิล เปลียนศรี อดีตเลขา สมช. ด้านกฎหมาย มี ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2558 เป็นประธาน มี กรรมการอาทิ นายคำนูณ สิทธิสมาณ อดีต ส.ว. ศ.ดร.นันทวัฒน์ บรมานันท์ คณบดีนิติศาสตร์ จุฬาฯ พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์ อดีตเจ้ากรมพระธรรมนูญ ด้านกระบวนการยุติธรรม มีนายอัชพร จารุจินดา อดีตเลขาฯกฤษฎีกา เป็นประธาน กรรมการ อาทิ คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีตผ.อ.สำนักนิติวิทยาศาสตร์ นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ด้านเศรษฐกิจ มีนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีต ผู้ว่า ธปท.เป็นประธาน มีกรรมการอาทิ ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล นายอิศระ ว่องกุศลกิจ นายชาติศิริ โสภณพนิช

ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มี ดร.รอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) เป็นประธาน มีกรรมการอาทิ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อดีต สปท.
ด้านสาธารณสุข มี นายแพทย์ เสรี ตู้จินดา ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน มีกรรมการอาทิ นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ อดีตปลัดสธ. ดร.สมชัย จิตสุชน นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อดีตอธิการจุฬาฯ ด้านสื่อสารมวลชนและโทคโนโลยีสารสนเทศ มี นายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกฯเป็นประธาน มีกรรมการอาทิ พล.อ.คณิต สุวรรณเนตร นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ ดร.ประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด ดร.เสรี วงษ์มณฑา นายสุทธิชัย หยุ่น นายสมหมาย ปาริจฉัตต์ ด้านสังคม มีนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา เป็นประธาน มีกรรมการอาทิ นายวิเชียร ชวลิต นายไมตรี อินทุสุต ด้านพลังงาน มีนายพรชัย รุจิประภา เป็นประธาน มีกรรมการอาทิ นายมนูญ ศิริวรรณ ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการจุฬาฯ ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทร์ ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ มีนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ เป็นประธาน มีกรรมการอาทิ นายกล้ารณงค์ จันทิก ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก ดร.มานะ นิมิตรมงคล นายวิชา มหาคุณ