PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ตามรูปการณ์ยังยาก!

ตามรูปการณ์ยังยาก!

หยุดยาว พักชาร์จแบตเตอรี่กลับมาลุยต่อ

ตามสถานการณ์ที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นทันตา สำหรับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ที่วันเกิดครบรอบ 72 ปี เหมือนได้ “ยาดี” ฟื้นกำลังวังชา

ตามสัญญาณเชิงบวกที่ได้รับสิ่งพิเศษเป็นของขวัญ

โดยเฉพาะการที่ “น้องเล็ก” อย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ประกาศดังๆให้ได้ยินกันทั้งประเทศ “ท่านจะอยู่กับผมไปทั้งชาตินั่นแหละ”

บ่งบอกกันเป็นนัยว่า ขาด “พี่ใหญ่” ไม่ได้

ดับกระแส “สนิมเนื้อใน” จบข่าวลือขบวนการ “ตอกลิ่ม” ระหว่างพี่ๆน้องๆ

อีกคนก็คือนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจที่ยื่นใบลา “นายกฯลุงตู่” ไปเล่นบท “อากง” อุ้มหลานชายคนแรกที่สหรัฐอเมริกา

ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ตุนพลังกลับมาลุยโจทย์หินเศรษฐกิจ

“สมคิด” ก็คืออีกหนึ่งขาที่ต้องค้ำยัน “นายกฯลุงตู่” ตามสถานะของฟันเฟืองหลักตัวขับเคลื่อนงานที่รัฐบาล คสช.ขาดไม่ได้เหมือนกัน

เป็นอันว่า ตัวประคองเกมคนสำคัญของรัฐบาลกลับมาอยู่ในจุดที่พร้อมเดินเครื่องต่อ

ในเงื่อนสถานการณ์ที่ยังถือว่า “เข้าทาง” ล่าสุด “สวนดุสิตโพล” สะท้อนเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับรัฐบาลทหาร คสช.ที่ยังไม่ปลดล็อกให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรม ภายหลังกฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมืองและกฎหมายเลือกตั้งกำลังเข้าสู่กระบวนการประกาศบังคับใช้

นั่นหมายถึงพฤติกรรม “สะสม” ของนักการเมืองยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ

ประชาชนยังไม่หายผวากับภาพม็อบป่วนเมือง ปมเหตุจากนักการเมืองแก่งแย่งอำนาจ ชิงผลประโยชน์ จนประเทศไทยเกือบเข้าสู่ภาวะรัฐล่มสลาย

ประชาชนส่วนใหญ่ยังอยู่ในโหมดไว้วางใจรัฐบาลทหารมากกว่า

โดยเฉพาะกับฉากสถานการณ์เสี่ยงๆที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ตามปรากฏการณ์ที่ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำหนังสือแจ้งกระทรวงกลาโหมและกระทรวง มหาดไทยให้เข้มงวดกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ใช้งบประมาณในโครงการแฝงระดมมวลชนเข้ามาให้กำลังใจอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในวันพิพากษาคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าววันที่ 25 สิงหาคม

และนั่นก็สอดคล้องกับการที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง นปช.โวยออกอากาศ ขณะนี้แนวร่วมเสื้อแดงถูกสกัดอย่างหนัก รัฐบาล คสช.บล็อกทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรถตู้ รถบัส รถรับจ้าง รวมถึงแกนนำ นปช.ในพื้นที่ก็ถูกบล็อกเช่นกัน

พูดกันถึงขั้นหนักกว่ายุค “จอมพลสฤษดิ์”

ประเทศไทยจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ต้อง “Let It Be”

ดีกรีเกมมวลชนกลับมาตึงเครียด ล่อแหลมต่อเชื้อชนวนที่ตกค้างจากวิกฤติแตกแยก

แต่อีกจุดที่ประมาทไม่ได้ ปมหัวเชื้ออันตราย กับปรากฏการณ์การแตกแยกทางความคิดการเมืองระหว่างฝ่ายอนุรักษ์กับพวกหัวเสรีนิยมใหม่

ตัวอย่างชัดๆกรณีของ “เนติวิทย์” ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่ใช่แค่การปะทุในหมู่นักศึกษาปัญญาชนในรั้วมหาวิทยาลัย แต่ลามออกมาเป็นกระแสความขัดแย้งภายนอก

ทหารคนดัง ไฮโซเซเลบกระโดดร่วมวงโหมกระแสในโลกโซเชียลฯ

แสดงอารมณ์เคียดแค้น ชิงชัง อาฆาตกับคนที่เห็นต่างอย่างโจ๋งครึ่ม

และนั่นก็ไม่ใช่แค่เมืองไทย โดยปรากฏการณ์ยังลามทั่วโลก ไม่เว้นประเทศสหรัฐอเมริกา ดินแดนแห่งโลกเสรีประชาธิปไตย ที่ล่าสุดกลุ่มผู้สนับสนุนชาตินิยมผิวขาวสหรัฐฯ ปะทะกับกลุ่มผู้ประท้วงที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดชาตินิยมดังกล่าวในรัฐเวอร์จิเนีย

ถึงขั้นมีคนเสียชีวิต บาดเจ็บ ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน

ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ที่ทุกประเทศ ทุกทวีปต่างเผชิญภัยที่มากับโลกยุคใหม่ เทรนด์ที่มากับ “ไซเบอร์วอร์” หรือสงครามโซเชียลมีเดีย

ความขัดแย้งระหว่างพวกหัวใหม่สุดโต่งกับพวกอนุรักษ์สุดขอบ

พร้อมผสมโรงเพิ่มหัวเชื้อความขัดแย้งแตกแยกทางการเมืองในประเทศไทย

ก็ไม่ต้องคิดถึงการปล่อยผีนักการเมืองมาอาละวาดซ้ำ.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: