PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ทางตันของ”ประยุทธ์2″?





TOPSTORY 31/5/62

ทางตันของ”ประยุทธ์2″?

คิงเพาเวอร์ชนะประมูลดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิ



คิงเพาเวอร์ชนะประมูลดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิ

ปฎิวัติหลอน!ทบ.แจ้งเคลื่อนย้ายกำลังพลอาวุธยุทโธปกรณ์กลับที่ตั้งหลังฝึก

31พ.ค.62-ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาตลอดทั้งวันมีการเผยแพร่ภาพรถบรรทุกทางทหารเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ และกำลังทหาร บริเวณถนนพหลโยธิน ช่วงจังหวัดกำแพงเพชร มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานครจำนวนหลายคัน เผยแพร่ในโลกโซเชียลมีเดียจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์และเกรงว่าจะมีการรัฐประหารหลังจากที่จัดตั้งรัฐบาลยังไม่ลงตัวที่
กองทัพบกจึงได้แจ้งเคลื่อนย้ายกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์และยานพาหนะกลับที่ตั้งหน่วย หลังเสร็จจากทำการฝึกเป็นหน่วยรบเคลื่อนที่เร็วของ ทบ. ประจำปี 2562 ในวันที่ 30พ.ค. 62 ณ พื้นที่สนามฝึกทางยุทธวิธี กองทัพภาคที่ 3อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย  โดยใช้เส้นทาง ได้แก่
- จาก  กรมทหารราบที่ 14จ.ตาก  และสนามฝึกทางยุทธวิธี กองทัพภาคที่ 3  อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย  ปลายทาง กรมทหารราบที่ 31รักษาพระองค์ฯ  จ.ลพบุรี  
- จาก กรมทหารราบที่ 14 จ.ตาก  และสนามฝึกทางยุทธวิธี กองทัพภาคที่ 3อ.บ้านด่านลานหอย  จ.สุโขทัย   ปลายทาง กองพันทหารม้าที่ 27กองพลทหารม้าที่ 2รักษาพระองค์ จ.สระบุรี
- จาก กรมทหารราบที่ 14จ.ตาก    และสนามฝึกทางยุทธวิธี กองทัพภาคที่ 3อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย เข้าสู่ กทม. ผ่าน ถ.วิภาวดีรังสิต ถ.แจ้งวัฒนะ ปลายทาง กองพันทหารช่างที่ 1 กองพลที่ 1 รักษาพระองค์  กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 5และกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 7กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1ชุดควบคุมการส่งกำลังและซ่อมบำรุง กองพลาธิการ และ กองสรรพาวุธเบา กองพลที่ 1รักษาพระองค์
- จาก กรมทหารราบที่ 14จ.ตาก    และสนามฝึกทางยุทธวิธี กองทัพภาคที่ 3อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย   ปลายทาง กองพันข่าวกรองทางทหาร ค่ายกำแพงเพชรอัครโยธินจ.สมุทรสาคร   
- จาก กรมทหารราบที่ 14จ.ตาก และสนามฝึกทางยุทธวิธี กองทัพภาคที่ 3อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย  ปลายทาง กองบัญชาการช่วยรบที่ 1อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
จึงขอแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบและขออภัยในความไม่สะดวก

เขี้ยวชนเชี้ยว

น้ำมีจุดเดือดต่ำ ส่วนน้ำมันมีจุดเดือดสูง แต่ทั้งน้ำและน้ำมันเมื่อเจอความร้อนได้ที่ถึงจุดเดือดเมื่อไหร่ รับรองได้ร้อนฉ่าเดือดพล่านระเบิดเถิดเทิง

ฉันใดก็ฉันนั้น เปรียบได้กับอารมณ์มนุษย์ ถ้าโดนทุบโดนถอง โดนกดดันหนักๆจนถึงจุดเดือด ก็ต้องมีปฏิกิริยาตอบโต้กลับอย่างรุนแรงเช่นกัน

เหมือนอย่างล่าสุด ในห้วงการต่อรองโควตารัฐมนตรีของพรรคการ เมืองที่แตะมือหลวมๆอยู่กับขั้วพรรคพลังประชารัฐ ก่อนจะตกลงเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล

เริ่มมีอาการขมึงเกลียวอาละวาดฟาดงวงฟาดงาออกมาให้เห็นกันโต้งๆ

เมื่อพรรคตัวแปรสำคัญ อย่าง พรรคภูมิใจไทย เปิดดีลทางลับกับ “ผู้มีบารมี” นอกพรรคพลังประชารัฐ จองเก้าอี้ รมว.คมนาคม รมว.สาธารณสุข และ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา บวกรองนายกฯ และ 4 รัฐมนตรีช่วยว่าการ

ขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ ที่เจรจาลับกับ “ผู้มีบารมี” นอกพรรคพลังประชารัฐเหมือนกัน ทำให้มั่นใจว่าจะได้เก้าอี้ รมว.เกษตรและสหกรณ์ รมว.พาณิชย์ และ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

พร้อมเก้าอี้รองนายกฯ และ รมช.อีก 4 กระทรวง ไม่รวมตำแหน่งประธานสภาฯที่คว้าไปครองก่อนหน้านี้

นัยว่าเป็นสินสอดหมั้นหมาย แลกกับการยกพลเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ หนุน “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย

แต่แผนนี้มีอันต้องสะดุดกึก เพราะแกนนำ ส.ส.ก๊กใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ ไม่เออออห่อหมกด้วย

ที่แน่ๆคือ กลุ่มสามมิตร ภายใต้การนำของ 3 ส. สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน และ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ มองว่า พรรคตัวแปรเขี้ยวเกินเหตุ

หวังฮุบกระทรวงเกรดเอ และกระทรวงเศรษฐกิจ ผ่านผู้มีบารมีนอกพรรค

ข้ามหน้าข้ามตา ข้ามหัว ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ที่นั่งกันหัวโด่

แม้พยายามเจรจาต่อรองแลกเปลี่ยน ขอคืนกระทรวงคมนาคมจากพรรคภูมิใจไทย และกระทรวงเกษตรฯจากพรรคประชาธิปัตย์ เอามาจัดสรรกันใหม่

แต่ก็ไม่เป็นผล เหมือนอ้อยกำลังจะเข้าปากช้าง ย่อมง้างคืนลำบากเป็นธรรมดา

สุดท้าย เมื่อถึงจุดเดือด แกนนำ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เลยหันไปใช้แผนหักงวงไอยราประกาศเปรี้ยง

การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ต้องผ่านความเห็นชอบจากกรรมการบริหารพรรคซะก่อน และต้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม อีกกระทอก!!!

ขณะที่ “ลุงตู่” รับมุกทันควัน บอกคนที่จะเป็นนายกฯ ต้องพิจารณารายชื่อรัฐมนตรีที่แต่ละพรรคเสนอมา

“ไม่ใช่เสนอใคร ก็ให้เป็นรัฐมนตรีตะพึดตะพือ” ประโยคนี้ “ลุงตู่” ไม่ได้พูด แต่ “พ่อลูกอิน” พูดเองนะคุณโยม!!!

แต่ที่แสบสุด ก็คือ “เดอะตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ป่าวประกาศเป็นนัย ถ้าการจัดตั้งรัฐบาลไม่สามารถตกลงกันได้

ก็อาจนำไปสู่การเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย และหากจำเป็น นายกฯก็มีอำนาจยุบสภา

การเจรจาตั้งรัฐบาลจะวงแตกหรือไม่ ยังไม่รู้

แต่เมื่อเขี้ยวมาก็ต้องเจอเขี้ยวกลับ สมน้ำสมเนื้อกันจริงๆ แสบสันมั้ยล่ะทั่นมหา???

“พ่อลูกอิน”

แบบฝึกหัดมิติการเมือง

การเมืองหลังการเลือกตั้ง ด้วยกฎกติการัฐธรรมนูญกำหนด จะบอกว่า “ประชาธิปไตยครึ่งใบ-เผด็จการครึ่งซีก” อะไรก็ช่าง วันนี้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. น่าจะได้รู้แล้ว

สั่งซ้าย บางทีก็ไม่ไปซ้าย สั่งขวา–พลิกซ้ายสวนทางกันเลยก็มี

เป็นบทเรียนแรกในโหมดประชาธิปไตยของว่าที่ผู้นำ

ประเดิมตั้งแต่แมตช์ฟอร์มทีมตั้งรัฐบาลของขั้วพรรคพลังประชารัฐ วุ่นฝุ่นตลบในห้วงต้นวสันตฤดู คิวที่ไม่พ้น “บิ๊กตู่” ต้องเข้ามาเคลียร์มาเคาะ อย่างที่หลุดปาก “จะดูการจัดคนจัดโผเอง”

เรื่องของเรื่อง หลังเห็นแรงกระเพื่อมภายในพรรคพลังประชารัฐ นั่งร้านสั่นสะเทือน “บิ๊กตู่” ต้องเปิดฟลอร์เล็ก ให้คีย์แมนแกนนำค่ายพลังประชารัฐ หยิบยกปัญหามากางพูดคุยกัน

สรุปคือ ในมิติการเมืองจะเล่นบท “พี่มีแต่ให้” อย่างเดียวไม่ได้

โฟกัสที่เก้าอี้ที่ปักหมุดต้องยึดไว้ในค่ายหลัก พปชร. นอกจากกลาโหม มหาดไทยแล้ว กระทรวงพาณิชย์–เกษตรฯ–คมนาคม ที่มีกระแสข่าวว่าพี่ใหญ่ ระดับผู้มากบารมีไปยอมรับการเจรจาการเมือง

ยกให้ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย เลือกหยิบชิ้นปลามันกันสะดวก

ที่สำคัญเก้าอี้ที่ส่อหลุดไป ล้วนเป็นเกรดเอบวก สำหรับปั่นงานปั่นเรตติ้งให้คนค่าย พปชร. ในพื้นที่ฐานเสียงทั่วประเทศ ถ้าไม่ให้ค่าเป็นแค่พรรคเฉพาะกิจ

3 กระทรวงหลัก กระทรวงยุทธศาสตร์ “ปล่อยไม่ได้”

เวทีรับฟังเลกเชอร์การเมืองจบลง ขมวดปมตามพาดหัวข่าว “3ป.ถอย ยอม 3 ส. เกลี่ยโผ”

ทั้งนายกฯ “ป.ปลา ประยุทธ์” ต่อด้วย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม รวมทั้ง “พี่รอง” อย่าง “ป.ป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย คล้อยตามเหตุผลที่แว่วดังมาจากปีก 3 ส. สามมิตร “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์-สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน”

ได้เวลาล้างโผเดิม เริ่มต้นเจรจา เกลี่ยเก้าอี้กันใหม่

เข้าสูตรเสียงแข็งคน พปชร. ทุกเงื่อนไขต้องดึงกลับเข้าฟลอร์คณะกรรมการบริหารพรรคตามระบบและเป็นหน้าที่ของ “อุตตม สาวนายน” หัวหน้าพรรค–“สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เลขาธิการพรรค รวมไปถึงบิ๊กๆ 3 ส. แกนนำพรรค เป็นคณะตัวแทนอย่างเป็นทางการ

ทั้งในบทเถ้าแก่ ควบตัวแทนเจรจาเงื่อนไขเก้าอี้

เอาเป็นว่า เมื่อแรงกระเพื่อมใน พปชร.เคลียร์จบ แต่คิวการฟอร์มทีมจัดโผตั้งรัฐบาลก็ยังไม่สะเด็ดน้ำ โดยเฉพาะปมที่ว่า เก้าอี้เกรดเอบวกที่จ่อยึดคืน จะมีอะไรแลกเปลี่ยนการสู่ขอพรรคร่วมรัฐบาล

ทั้งกระทรวงพาณิชย์–เกษตรฯ เมื่อไม่ให้ แล้วจะเคลียร์กับประชาธิปัตย์อย่างไร หรือจะยืนกรานให้เท่าที่ให้ได้ เมื่อประชาธิปัตย์ได้เก้าอี้ใหญ่ นั่งประธานสภาฯไปแล้ว เช่นเดียวกัน เมื่อกระชากคมนาคมคืนจากภูมิใจไทย จะตอบแทนด้วยเก้าอี้ไหนถึงสมน้ำสมเนื้อ

โผ รมต.รอบใหม่ไม่ง่ายที่จะลงล็อก คิวโหวตนายกฯยังต้องลุ้นต้องเลื่อนไทม์ไลน์ไปจากวันที่ 4 มิ.ย.อีกหรือไม่

แต่ที่โยนปัญหากลับ แรงกระเพื่อมน่าจะพลิกถาโถมไปสู่พรรคประชาธิปัตย์ ที่เล่นเกมเขี้ยวไล่ขี่ พปชร. มาตลอด จนตอนนี้ต้องตั้งรับหมาก “เกมมา ก็เกมกลับ” ถูกลากจังหวะเล่นยาว

อีกทางฟาร์มงูเห่าก็เริ่มถูกแหย่ ขยายรอยร้าว ปชป.

โดยก่อนหน้านี้ ดุลอำนาจไหลไปสู่ขั้ว “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์–เฉลิมชัย ศรีอ่อน” หัวหน้า–เลขาธิการพรรค แท็กทีมภูมิใจไทยไปต่อสาย “ซุปเปอร์ดีลเมกเกอร์รัฐบาล” ในฐานบัญชาการบ้านสีขาวในรั้วทหาร

ขณะที่ก๊กผู้ปราชัย “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค–กรณ์ จาติกวณิช–ถาวร เสนเนียม” นิ่งดูเกมมาพักใหญ่ แถมมีกระแสข่าวยอมศิโรราบ ไปเลียบๆเคียงๆขอส่วนแบ่งแห่งความสามัคคี แพ็กค่าย 52 เสียงร่วมวงรัฐบาล

วันนี้ประชาธิปัตย์ส่วนแยก ฟื้นฤทธิ์อีกรอบ

เมื่อดีลเมกเกอร์ฝ่ายการเมือง พปชร. พลิกเกมสำเร็จ กลับมาให้ค่าให้ความสำคัญกรุ๊ปใหญ่พวงนี้

ปชป. ชุด “ของชัวร์” เทใจร่วมขั้ว พปชร. แต่ต้น ได้ลุ้นเก้าอี้งามๆ.

ทีมข่าวการเมือง